พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

หนูอายุ 19 แต่น้องชายหนูที่บ้านตามใจทุกเรื่อง แฟนก็มีได้ แต่หนูที่บ้านห้ามไม่ให้มี รู้สึกว่าไม่มีความเท่าเทียมเลย ความเท่าเทียมควรเริ่มต้นจากที่บ้านรึเปล่า? พอหนูถามไปผู้ใหญ่ที่บ้านก็ว่า Toxic ที่หนูคิดมันผิดมากเลยหรอคะ

11 เม.ย. 2025

หนูอายุ 19 แต่น้องชายหนูที่บ้านตามใจทุกเรื่อง แฟนก็มีได้ แต่หนูที่บ้านห้ามไม่ให้มี รู้สึกว่าไม่มีความเท่าเทียมเลย ความเท่าเทียมควรเริ่มต้นจากที่บ้านรึเปล่า? พอหนูถามไปผู้ใหญ่ที่บ้านก็ว่า Toxic ที่หนูคิดมันผิดมากเลยหรอคะ

“คุณเอ (นามสมมติ)” อายุ 18 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [9 เม.ย. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาความไม่เท่าเทียมกันในครอบครัว โดย “คุณเอ (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูไม่รู้ว่านิสัยเด็ก Gen Z เเบบหนูเรียกว่า Toxic รึป่าว หนูมีน้องชายเเท้ๆ อายุ 17 ปี อยู่ด้วยกัน แต่หนูก็มีความรู้สึกว่าคนทั้งบ้าน รัก เเละเอ็นดูน้องชายมากกว่าตัวหนู ตอนเเรกหนูไม่ได้สังเกต จนตอนที่เพื่อนหนูมาที่บ้านและถามว่า ทำไมรู้สึกว่าน้ามึงพูดกับน้องอย่างนึง พูดกับมึงอีกอย่าง ทั้งน้ำเสียงเเละคำพูด ท่าทาง ตอนเเรกหนูก็ไม่ได้คิดว่าจริงรึป่าว เเต่พอมานึกดูดีๆ บางอย่างก็จริงอย่างที่เพื่อนบอก จนหนูก็ลองสังเกตดู เเละเห็นว่าสิ่งที่น้องได้รับเเละหนูได้รับมันก็ต่างกัน เลยมีความรู้สึกน้อยใจ ไม่เท่าเทียมว่าทำไมน้องของหนูถึงมีสิทธิ์ทำอะไรได้มากกว่าหนู เช่น อิสระเรื่องความรัก เเละอีกหลายอย่าง ด้วยความที่บ้านของหนูเป็นเชื้อสายจีนเลยอาจจะเอ็นดูเด็กผู้ชายมากกว่า เวลาน้องหนูจะไปไหน ไปกับสาว ไปกับเเฟนเขาก็จะบอกที่บ้านตรงๆ เเต่พอเป็นหนู หนูไม่สามารถที่จะบอกเเบบนั้นได้เหมือนน้อง เพราะเวลาบอกไป เขาจะทำท่าทางไม่พอใจ และด้วยความที่น้องหนูเรียนโรงเรียนประจำห่างจากบ้าน ทำให้เวลาเสาร์ - อาทิตย์ น้องของหนูจะไปกรุงเทพ ไปเที่ยว เขาก็ไปได้ เเต่พอเป็นหนูที่ขอเขาไปอำเภอใกล้เคียง เขาก็จะถามมาเลยว่า กลับกี่โมง ไปกับใคร สมมติหนูบอกว่าจะกลับบ้านตอนเที่ยง สิบเอ็ดโมงครึ่ง เขาก็จะโทรมาตามหนูเเล้วว่า อยู่ไหนเเล้ว มันเลยทำให้หนูเกิดความอึดอัด เเล้วค้างคาใจ พอมีวันหนึ่งที่หนูมาหาเเม่ที่บ้าน เเล้วนั่งกินข้าวกัน 3 คน มีเเม่ น้องชาย แล้วก็หนู เเม่ก็เปิดประเด็นว่า ถ้าคราวหน้าน้องชายหนูจะพาเเฟนมานอนที่บ้านด้วยก็ได้ หนูเลยเเกล้งๆพูดไปว่า หนูทำบ้าง เเม่ของหนูก็พูดขึ้นมาเลยว่า ถ้าเป็นหนูต้องรอจนกว่าจะขึ้นมหาลัยก่อน หนูเลยไม่พอใจ เเล้วถามว่า เเล้วน้องหนูมีสิทธ์อะไรมากกว่าหนูถึงทำได้ อายุก็ไล่เลี่ยกัน เเม่ก็เลยบอกว่า ผู้ชาย กับ ผู้หญิง มันไม่เท่าเทียมกัน เกิดว่าหนูไปนอนบ้านเเฟนเเล้วพลาดท้อง ผู้หญิงอนาคตก็คือจบไปเลย เเต่ผู้ชายก็ยังไปเรียนต่อได้หรือว่าทำอะไรได้มากกว่าหนู อาจจะเพราะเเม่มีลูกตั้งเเต่ยังเด็กเลยทำให้เป็นห่วงหนู และสังคมรอบตัวหนู เพื่อนๆของหนูก็ท้อง มีลูกกันหมดแล้วด้วย หลังจากที่ทะเลาะกับเเม่เสร็จ น้องชายหนูก็เอาเรื่องนี้ไปฟ้องน้า เขาเลยอธิบายว่าทำไมเเม่ถึงพูดว่าไม่เท่าเทียม พยายามที่จะทำให้หนูเข้าใจ เเต่หนูก็คิดว่า ถึงหนูจะเป็นผู้หญิงเเต่หนูก็รับผิดชอบตัวเองได้ ไม่ต้องทำให้ใครเป็นห่วงเหมือนกับน้องชาย เเต่หนูยิ่งพูดก็เหมือนน้าจะยิ่งไม่เข้าใจ เขาบอกว่ายังไม่ถึงเวลา หนูก็เลยยิ่งสงสัยว่าทำไมน้องหนูเขาถึงทำได้ สุดท้ายหนูก็ได้ไปพูดกับเเม่ว่า ถ้าเเม่รู้สึกผู้หญิงกับผู้ชายไม่เท่าเทียมกัน เเม่ก็อย่าเเสดงออกเเบบนี้ได้ไหม ถ้าเเม่ไม่ให้หนูทำ ก็ต้องห้ามน้องทำเหมือนกัน พอหนูพูดไปเเบบนี้ เเม่เขาก็พูดสวนกลับมาว่า หนูเป็นลูก หนูมีสิทธิ์อะไรที่จะไปสั่งเขาเเบบนั้น ก็เลยทะเลาะกันใหญ่โต น้าเลยต้องเข้ามาคุยด้วย เเต่หนูก็ยังมีคำถามในหัวว่า ทำไม! ทำไม! หนูเลยไม่ได้คุยกับเเม่ ส่วนน้องชายก็มาเยาะเย้ย ซ้ำเติม ทำให้หนูรู้สึกว่าตอนนั้นไม่เหลือใครเลย เพราะน้าหนูก็เหมือนจะไม่เข้าใจตัวหนูเลย เเล้วบอกว่าหนู Toxic บอกให้หนูลองย้อนมามองตัวเองบ้าง เเละใน 2 เดือนที่หนูทะเลาะกับที่บ้าน ที่มี ลุง ป้า น้า น้องชาย ในบ้านไม่มีใครคุยกับหนูเลย พอหนูกลับไปเล่าเรื่องนี้ให้เเม่ฟัง เเม่ก็ถามว่า ให้หนูมาอยู่กับเเม่ไหม เเต่ป้าก็เหมือนจะไม่อยากให้ไป เพราะเเม่หนูไม่สามารถซัพพอร์ตเรื่องค่าใช้จ่ายให้หนูได้ จนตอนนี้พอน้าได้มาคุยกับหนู เขาบอกว่า เขาไม่สามารถเอ็นดูหนูได้เหมือนเมื่อก่อน เพราะทิฐิที่หนูมีกับคนในบ้านมันมากเกินไป หนูเลยอยากปรึกษาพี่ๆ ดีเจว่า หนูผิดไหมที่หนูทิฐิกับคนในบ้านมากเกินไป เเละ ความเท่าเทียมมันควรเริ่มจากคนในบ้านรึป่าว?’ เริ่มที่ “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘มันยากมากที่จะทำให้คนที่มีอายุต่างกัน มองในมุมกันเเละกัน พวกพี่ที่นั่งกันตรงนี้ก็มีลูก เเละหลาน การพยายามปรับตัวเรื่องการสื่อสาร หรือมุมมอง คำเดียวที่พี่จะบอกเอได้ คือในวันที่เอมีลูก เอจะเข้าใจเพราะฉะนั้น ณ วันนี้เอรู้สึกไม่เเฟร์ เออาจจะต้องอดทนเพราะอีกนิดเดียวเอก็จะเข้ามหาลัย มีชีวิตเป็นของตัวเองเเล้ว เพราะเราไม่สามารถที่จะเปลี่ยนความคิดของคนที่มีอายุห่างกันเยอะๆได้อยู่เเล้ว เพราะงั้นอีกนิดเดียว เอก็จะได้กำหนดชีวิตตัวเองเเล้ว ใช้ชีวิตให้มันดี’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่าน้องเอเป็นตัวเเทนของเด็กหลายๆบ้านที่มีความคิดเเบบเดียวกัน เเละที่น้องเอถามว่า เพศสภาพ ควรเริ่มที่จะเท่าเทียมกันตั้งเเต่ในครอบครัวรึเปล่า อันนี้พี่เห็นด้วย เเต่ความเท่าเทียมในสังคมเป็นเรื่องที่ยากมากในบางประเทศ ผู้หญิงยังไม่มีสิทธิ์ได้รับการศึกษาเลย เพราะฉะนั้นพี่รู้สึกดีที่น้องเอ เข้าใจถึงข้อนี้ เเต่สำหรับเรื่องที่บ้านของน้องเอ พี่ว่าเขารักน้องเอเเหละ เเต่อาจจะสื่อสารไม่ดี เเละที่เขาเข้มงวดกับเอ เพราะเขามองเห็นว่าเอเป็นผู้หญิงเลยอาจจะดูเเลตัวเองได้ไม่ดีเท่ากับน้องชายตัวเอง เพราะผู้หญิงมีความเสี่ยงกว่า มีพันธะมากกว่า เพราะงั้นเออาจจะลองมองในมุมว่าเขาเข้มงวด เพราะเขาเป็นห่วงเรา ลองหาความสุขในบ้านหลังนี้จนกว่าเอจะย้ายออกจากบ้านไปใช้ชีวิตของตัวเอง น้อยใจเรื่องเพศสภาพได้ เเต่อย่าน้อยใจว่าเขาไม่รักเรา พิสูจน์ให้เขาเห็นว่าเราดูเเลตัวเองได้’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เอมีทางเลือกอยู่อย่างเดียวคือ พิสูจน์ตัวเอง ทำในสิ่งที่ที่บ้านทำไม่ได้ เอาชนะในเรื่องความสำเร็จ ไม่ใช่เอาชนะในเรื่องคำพูด เมื่อเราทำงานได้ หาเงินได้ นั่นเเหละคือตอนที่เราจะมีอิสระจากครอบครัว อย่าเกลียดคนในบ้านเช่น ป้า น้า น้องชาย เพราะสุดท้ายทุกคนก็คือครอบครัวของเอ อาจจะไม่ต้องใช้เหตุผลคุยกัน เพราะทั้งเหตุผลของเอ เเละเหตุผลของครอบครัว ทั้งคู่เป็นเหตุผลที่ถูก ไม่ได้ผิด เเต่เเค่ต่างมุมมองกัน’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

หลังจากแม่เสีย หนูกลับบ้านไป อยู่กับ 4 สมาชิกในบ้าน เจอปัญหาทุกคน พ่อมีปัญหาเพื่อนบ้าน ลูกสาวเข้าสู่วัยรุ่นคุยยาก แม่สามีป่วยอัลไซเมอร์ สามีขอเงินใช้อย่างเดียว เจอแบบนี้เหนื่อยมากจะทำยังไงดี?

11 เม.ย. 2025

หลังจากแม่เสีย หนูกลับบ้านไป อยู่กับ 4 สมาชิกในบ้าน เจอปัญหาทุกคน พ่อมีปัญหาเพื่อนบ้าน ลูกสาวเข้าสู่วัยรุ่นคุยยาก แม่สามีป่วยอัลไซเมอร์ สามีขอเงินใช้อย่างเดียว เจอแบบนี้เหนื่อยมากจะทำยังไงดี?

“คุณกวาง (นามสมมติ)” อายุ 40 ปี สายที่หนึ่งในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [9 เม.ย 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาเป็นเดอะแบกของบ้าน ปัญหาครอบครัวรุมเร้า โดย “คุณกวาง (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ตอนนี้รู้สึกว่าบ้านที่เราอยู่มาตลอดมันไม่มีความสุข ไม่อยากอยู่บ้าน อยากออกมา ในบ้านเราอยู่กันหลายคนเป็นครอบครัว เมื่อก่อนเราดูแลคุณแม่ที่ป่วยหนักอยู่หลายปี ไปกลับที่ทำงานร้อยกว่าโลจนท่านเสีย หลังจากที่คุณแม่เสีย ที่บ้านก็จะเหลือ คุณพ่อ สามี ตัวหนู และลูก เราก็เลยรับคุณแม่สามีมาอยู่ด้วย ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นของแต่ละคนมันเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่มันค่อย ๆ ใหญ่ขึ้น ปัญหาที่เล็กที่สุดของเราในบ้านคือ คุณพ่อ หลังจากที่คุณแม่เสีย ท่านก็ไม่ทานข้าวร่วมโต๊ะกับเราอีกเลย ท่านก็จะปลีกตัวออกไปนั่งทานคนเดียวที่ห้องส่วนตัว และท่านจะบังคับให้เรามีทัศนคติเหมือนกับท่านตรงที่ว่า ตอนนี้ท่านอยากมีเรื่องกับเพื่อนบ้านมาก จะร้องเรียนเพื่อนบ้านที่ทำตรงนี้ตรงนั้นไม่ถูก แต่ความคิดเราคือเราไม่ได้อยากมีปัญหากับเพื่อนบ้าน เพราะเขาก็ไม่ได้ทำอะไรแย่มากขนาดนั้น แต่เราก็พูดตามตรงว่า หนูทัศนคติไม่ตรงกับพ่อนะ แต่เขาก็จะตอบว่า ทำไมล่ะ ต้องไปร้องเรียนสิ ต่อมาคือ ลูก ก่อนหน้านี้ลูกของเราเขาก็น่ารักในแบบของเขา แต่พอเขาเข้าสู่วัยรุ่นก็เปลี่ยนแปลงไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือ ตอนนี้เขาอายุ 12 ปี เขาเริ่มเปลี่ยนตอนอายุ 11 ปี เมื่อก่อนต้องนอนกอดเขาทุกคืน ไม่กอดไม่ได้ ก่อนนอนพ่อแม่ลูกต้องกอดกัน 3 คน ต้องหอมแก้มซ้ายขวา หน้าผาก ทุกคืน พอตอนนี้เขาเข้าช่วงวัยรุ่น เขาก็มีห้องเป็นของตัวเอง ไม่ให้แม่นอนด้วยแล้ว พูดกับเราก็ห้วนไป มันก็มีน้อยใจ ถึงแม้เราเป็นแม่ เราต้องดูแลเขาอยู่แล้ว แต่ลูกอาจจะไม่ใช่กำลังใจสูงสุดของเราในตอนนี้ ต่อมาก็คือ แม่ย่า หรือแม่สามี เขาเป็นอัลไซเมอร์ เขาสร้างปัญหาทุกวัน เขาจะเอาของของเราไปซ่อนบ้าง เขาจะเดินออกจากบ้านจนหายไป แล้วก็ต้องไปตามหา เราเป็นคนดูแลเขาเป็นหลัก สามีก็ช่วยดูแลด้วย แต่เราดูแลทั้งอาหารการกิน เสื้อผ้า เพราะเขาไม่อาบน้ำ ไม่ยอมอาบ เราไม่มีงบประมาณในการจ้างพยาบาล ก็ต้องดูแลกันเอง ล่าสุดเขาจะชอบเอามีด กรรไกร ของมีคมมาห่อด้วยกระดาษทิชชู่ มัดหนังยางแล้วเอาไปซ่อน ซ่อนในห้องนอนของเขาเพราะเราจะมีห้องนอนให้เขาแยก เรื่องที่สุด ๆ ก็คือ ตกใจตอนที่กลับมาจากที่ทำงาน หุงข้าวเสียบหม้อไว้ เปิดฝาหม้อออกมาเจอฟันปลอมอยู่ในหม้อข้าว คือช็อค เพราะเราทำอะไรเขาไม่ได้ ต้องอดทนอย่างเดียว ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้านเป็นกวางรับผิดชอบมาหลายปีแล้ว เพราะปัญหาหลักก็คือ สามี เขาเป็นวิศวกร เคยทำงานประจำ เราเคยมีเงินเก็บ ต่อมาพอลูกอายุได้ 5 ขวบ เราก็ส่งลูกไม่ไหวแล้ว ต้องการคนช่วย เพราะเราเลี้ยงลูกเองมา 5 ปี พอเขากลับมาช่วย เขาก็ตั้งบริษัทของเขาเอง สามีทำงานเปิดบริษัทวิศวะ แต่ที่ผ่านมามันก็ล้มลุกคลุกคลาน เงินเก็บที่เอามาลงทุน เขาก็บอกว่าเขาโดนโกง โดนผู้รับเหมาด้วยกันโกง โดนสถาปนิกโกง มันก็ขาดทุนมาเรื่อย ๆ จนตอนนี้เขามาขอร้องเราเพราะไม่มีใครช่วยเหลือเขาแล้ว เขาขอให้เรายืมเงินคนอื่นให้เขา จนตอนนี้ครบ 1 ปีพอดี เป็นจำนวนเงินเกือบ 4 แสนบาท เขาไม่เคยช่วยจ่ายต้นจ่ายดอกเลย มันท้อมากตรงที่เราแบกรับภาระในครอบครัวแล้ว เราต้องมาแบกรับหนี้ตรงนี้ด้วย ยอมรับว่าตอนที่สามีเขามีเงิน เขาอยากได้อะไรเขาก็ซื้อเอง เขาดูแลแม่เขาก็ไม่ได้ขอเงินเรา แต่เงินของเขาไม่เคยถึงเราเลย เขาทำงานอดิเรกของเขาได้หมดเลย คือเลี้ยงปลา นก ไก่ สวยงาม กรงแพงมาก เราบอกเขาว่าถ้าบริษัทมันไปไม่ได้ เธอเปลี่ยนอาชีพไหม ไปเป็นลูกน้องคนอื่นดีไหม ทำอาชีพอื่นที่พอไปได้ไหม แต่เขาขอเวลาไปเรื่อยๆ รู้แต่ว่าลูกน้องเขาได้เงิน ร้านค้าได้เงิน ลูกค้าได้บ้าน ได้ถนน ได้อาคารไป แต่เขาเงินไม่เหลือ เขาไม่ได้มาจุนเจืออะไรมากมาย เขาจ่ายแค่ค่าน้ำดื่ม ค่าแก๊ส จนฟางเส้นสุดท้ายมันเกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เราถามเขาว่า มันครบปีแล้วนะเธอจะคืนเราไหม มันไม่มีทั้งต้นทั้งดอก ไม่มีช่วยเราเลย แล้วเขาก็ตะคอกใส่หน้าเราว่า ก็มันไม่มีจะให้ทำยังไง และเขาก็ไปนอนเลย เราก็ไม่ไหวแล้ว เลยเดินไปบอกลูกว่า แม่ไม่ไหว หนูเข้าใจแม่นะว่าแม่อยู่ในจุดที่ไม่มีความสุขเลย แม่อยู่ที่นี่ไม่ได้ เลยขอเฟดตัวออกมา ไปอยู่คนเดียวที่บ้านพักของที่ทำงาน ลูกก็ร้องไห้และเข้ามากอดบอกว่า เขาเข้าใจ และเขาก็ดีขึ้นเลย พูดกับเราดีขึ้น กอดเราในวันที่เราไม่ไหว วันนี้ก็คือคืนที่ 2 ที่ออกมาอยู่คนเดียว และตอนนี้ก็จะเป็นสามีที่คอยหาอาหารให้ลูก กวางจะให้เงินลูกไว้และให้เขาให้พ่อเขาอีกทีนึง เพราะพ่อเขาก็ไม่มีซัพพอร์ท ตอนนี้มีรายได้พอในการดูแลคนในบ้านได้ มีงานประจำค่อนข้างมั่นคง แต่เราอาจจะไม่มีเงินเก็บเพราะว่าเรามีหนี้ก้อนนี้อยู่ พ่อเราดูแลตัวเองได้ พ่อเป็นข้าราชการ ได้รับบำนาญ จะมีแต่ฝั่งสามีและแม่สามีที่ไม่มีอะไรเลย หลังจากที่เราออกมาจากบ้าน สามีไม่โทรมาเลย มีแต่ส่งไลน์มาขอโทษ และนี่คือครั้งแรกที่เราเฟดตัวออกมาจากครอบครัว และเราบอกคุณพ่อแล้วว่าเราจะย้ายมาอยู่ที่บ้านพัก พ่อก็โอเค บอกว่าไม่เป็นไร ก็จะเป็นสามีที่ดูแลที่บ้าน เพราะว่าเราเทียวไปกลับ วันพฤหัสบดี-วันเสาร์ เราจะไปอยู่ที่บ้าน แต่วันจันทร์-พุธ เราจะกลับมาที่พักของเราตอนนี้ เพื่อที่จะประหยัดน้ำมัน เพราะบ้านเรากับที่ทำงานห่างกัน 50 กว่ากิโล ถ้าถามว่าสบายใจไหม ก็สบายใจ แต่ห่วงพ่อ และก็ห่วงลูก แต่ว่าเรารู้สึกอยู่ตรงนั้นไม่ไหว เลยขอเฟดตัวออกมา เพราะเราไม่อยากเห็นหน้าเขา เขาเหมือนไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย มันเหมือนเราจะไม่ได้เงินคืนแล้วใช่ไหม เคยคิดถึงการหย่า มันเหมือนหมดรักกัน เพราะมันไม่ได้ใส่ใจกัน และปัญหาเรื่องเงิน ถ้าหย่า สามีก็คงไม่น่าจะหย่า เพราะว่าเขาก็ไม่มีที่ไป เขายังเปิดกระเป๋าขอเงินเราอยู่เลย อยากจะปรึกษาพี่ ๆ ดีเจว่า เราจะได้เงินคืนไหม และในสถานการณ์นี้เราควรจะทำยังไง?’ เริ่มที่ “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ในเรื่องของลูก หอมแนะนำได้ เพราะที่บ้านก็มีเด็กวัยรุ่นเหมือนกัน ซึ่งวัยนี้จะค่อนข้างมีโลกส่วนตัวสูง พูดคุยกับแม่ไม่ค่อยดี ที่บ้านหอมเลยใช้วิธีให้เขารู้สึกสงสารแม่ เช่นในกรณีของคุณกวาง ถ้าบอกลูกว่าแม่กำลังเผชิญเรื่องหนัก ๆ ลูกอายุ 12 ปี ก็น่าจะเข้าใจและให้กำลังใจได้ หอมมองว่าเขาเริ่มมีจุดเปลี่ยนที่ดี และยังรักคุณกวางอยู่ ลูกอาจกลายเป็นเซฟโซนที่ดีและเป็นกำลังใจให้คุณกวางได้ ส่วนเรื่องที่คุณกวางตัดสินใจออกมาจากบ้าน หอมว่าโอเคนะ มันเหมือนการบีบบังคับให้สามีลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับปัญหา เพราะการดูแลแม่ที่ป่วยอัลไซเมอร์มันไม่ใช่เรื่องง่าย และเขาจะปล่อยปละละเลยไม่ได้ สำหรับเรื่องเงิน 4 แสน ตอนนี้ถือว่าหายากมาก ควรให้เขาออกไปหาเงินมาช่วยจุนเจือบ้าน อย่างน้อยก็ช่วยครึ่งหนึ่ง เพื่อให้คุณกวางมีกำลังใจในการเดินหน้าต่อ’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่เห็นด้วยที่คุณกวางเลือกออกมา เพราะรู้สึกว่าคุณกวางควรมีพื้นที่สงบให้ตัวเองบ้าง ดูแล้วคุณกวางคือคนที่แบกรับทุกอย่างในบ้าน จนจะไม่ไหวอยู่แล้ว พี่อยากให้มองในภาพรวมว่า ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบทุกชีวิต ถ้าบางเรื่องมันเกินกำลัง ก็ปล่อยได้ แล้วหันไปโฟกัสกับสิ่งที่สำคัญก่อน ซึ่งตอนนี้คือเรื่องของสามี ถ้าเขาไม่สามารถหาเงินมาดูแลครอบครัวได้ ต้องคุยกันจริงจังว่าเพราะอะไร และถ้าวันนี้คุณกวางไม่สามารถให้เงินเขาได้อีก ก็ควรบอกเขาว่า นี่คือสิ่งที่เขาต้องแก้ไขเอง เช่น ถ้ายังยืมเงินจากคุณกวาง แต่ยังเลี้ยงนก เลี้ยงปลาอยู่ โดยไม่คิดจะขายเพื่อนำเงินมาใช้ แบบนี้ก็ผิด เพราะเขาต้องเผชิญหน้ากับหนี้ 4 แสน และยอมรับว่าใช้ชีวิตแบบเดิมไม่ได้แล้ว ถ้าเขายอมเปลี่ยนแปลง และจริงใจที่จะแก้ปัญหา ก็อาจไปกันต่อได้ แต่คุณกวางต้องชัดเจนว่า จะไม่ยืมเงินให้เขาอีก อย่าคิดว่าเราคือซูเปอร์ฮีโร่ที่จะแบกทุกอย่างได้ โดยที่ตัวเองไม่มีความสุข ทำเท่าที่ไหว ปัญหาไหนที่ไม่ใช่ของเรา ก็ปล่อยให้เจ้าของปัญหาเขาแก้เอง ไม่อย่างนั้น คนที่ไม่มีความสุขในบ้านหลังนี้จะเป็นคุณกวางเอง’ สุดท้าย “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘ก่อนอื่นต้องให้กำลังใจครับ ถ้าเป็นผมเจอสถานการณ์แบบนี้ ก็ไม่รู้จะรับไหวไหม การที่คุณกวางตัดสินใจออกมา ผมเข้าใจและสนับสนุน เพราะมันน่าจะถึงจุดที่ทนไม่ไหวแล้ว การออกมาครั้งนี้ ควรใช้โอกาสนี้เพื่อทบทวนหัวใจตัวเอง ว่ายังอยากมีสามีคนนี้อยู่ในชีวิตหรือเปล่า ถ้าแยกกันอยู่แล้ว ชีวิตดีขึ้นไหม หรือแย่ลง ขณะเดียวกัน อยากให้มองเห็นข้อดีที่ยังเหลืออยู่ เช่น ลูกของคุณกวาง ที่เข้าใจและรักแม่มาก แม้จะอยู่ในวัยที่เริ่มมีโลกส่วนตัว ผมเคยได้ยินมาว่าเด็กช่วง 10-12 ปี จะเป็นวัยที่ห่างจากพ่อแม่ชั่วขณะ แต่ถ้าก่อนหน้านั้นคุณกวางสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกไว้ เขาจะกลับมาเอง และจากสิ่งที่ลูกพูด ผมเชื่อว่าคุณกวางวางรากฐานความรักไว้ดีแล้ว อย่างน้อยก็ยังมีลูกเป็นที่พึ่ง หากไม่มีใครปรึกษา ก็อาจลองคุยกับลูกได้ สุดท้าย ปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือสามี ถึงเวลาต้องคุยกันแบบตรงไปตรงมาแล้วว่า ถ้าเขาไม่เปลี่ยน คุณกวางต้องเลือกว่า ชีวิตแบบไหนที่ดีกว่าสำหรับตัวเอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ผมกับแฟนผู้ชายที่คบกัน เป็นรักทางไกล นานทีจะได้เจอกัน วันนั้นผมอาบน้ำ แฟนเตรียมเสื้อผ้ากางเกงใน ให้ตามปกติ พออาบเสร็จ ผมบอกนี่ไม่ใช่กางเกงในผม แฟนก็ยิ่งโกรธเลยว่าเอาใครมานอนที่ห้อง? หลังเกิดเรื่องโทรไปหาร้านซักรีด ร้านบอกน่าจะส่งผิดไป

04 เม.ย. 2025

ผมกับแฟนผู้ชายที่คบกัน เป็นรักทางไกล นานทีจะได้เจอกัน วันนั้นผมอาบน้ำ แฟนเตรียมเสื้อผ้ากางเกงใน ให้ตามปกติ พออาบเสร็จ ผมบอกนี่ไม่ใช่กางเกงในผม แฟนก็ยิ่งโกรธเลยว่าเอาใครมานอนที่ห้อง? หลังเกิดเรื่องโทรไปหาร้านซักรีด ร้านบอกน่าจะส่งผิดไป

ผมกับแฟนผู้ชายที่คบกัน เป็นรักทางไกล นานทีจะได้เจอกัน วันนั้นผมอาบน้ำ แฟนเตรียมเสื้อผ้ากางเกงในให้ตามปกติ พออาบเสร็จ ผมบอกนี่ไม่ใช่กางเกงในผม แฟนก็ยิ่งโกรธเลยว่าเอาใครมานอนที่ห้อง?หลังเกิดเรื่องโทรไปหาร้านซักรีด ร้านบอกน่าจะส่งผิดไป ตอนนี้แฟนไม่ไว้ใจผมไปแล้ว จะทำยังไงดี “คุณที (นามสมมติ)”อายุ 29 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา[26 มีนาคม 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจอ้อย’ เกี่ยวกับปัญหาร้านซักผ้าส่งกกน.มาผิด ทำให้ทะเลาะกับแฟนจนแฟนไม่ไว้ใจ โดย “คุณที (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ผมมีปัญหากับแฟน แต่มันเป็นปัญหาที่ไม่ได้เกิดจากผม เรื่องที่เกิดขึ้นคือ ร้านที่ผมส่งผ้าไปซัก ส่งผ้ากลับมาให้ผมผิดแล้วมีกางเกงในของใครก็ไม่รู้ติดมาด้วย แฟนกับผมอยู่ห่างกัน มีแค่ 1 สัปดาห์ที่เราจะมาอยู่ด้วยกัน ปกติแล้วหลังจากอาบน้ำ แฟนก็จะเตรียมชุดไว้ให้ ทั้งเสื้อผ้า และกางเกงในด้วย พอผมอาบน้ำเสร็จก็ออกมาหยิบเสร็จผ้า แล้วพูดไปว่า กางเกงในไม่ใช่ของผม ผมพูดไปโดยไม่ได้คิดอะไร เพราะคิดว่าแฟนไม่ได้ติดใจอะไร แต่แฟนก็เงียบไปเหมือนกำลังคิดอยู่ สักพักแฟนก็บอกว่า เอ๊ะ ไม่ใช่แหละ กางเกงในใคร ทำไมมาอยู่ในตู้เสื้อผ้า แฟนก็เริ่มโวยวาย แต่กางเกงในนั้นไม่ใช่ของผม ทีนี้เลยเกิดเรื่องใหญ่โต เหมือนในพล็อตหนังที่ผมนอกใจแล้วมีคนทิ้งกางเกงในไว้ ซึ่งผมก็ปฏิเสธแฟนไป แต่ก็ทะเลาะกันใหญ่โต จนสถานการณ์มันตึงมากๆ ช่วงที่ทะเลาะกันผมก็โทรไปหาป้าที่ร้านซักผ้าไม่ได้ เพราะป้าเขามีปัญหาสุขภาพอยู่โรงพยาบาล เลยไม่มีอะไรยืนยันว่าผมไม่ได้ส่งกางเกงในไปซัก ในใจผมตอนนั้นผมโมโหป้าสุดๆ เพราะผมไม่ได้ทำอะไรเลย ผมแค่ส่งผ้าให้ป้า แต่ป้าดันเอาเรื่องมาให้ผมทั้งที่ผมจ่ายเงินให้ป้า และเย็นวันนั้นแฟนผมก็กลับไปก่อนที่จะได้เคลียร์กัน ผมเลยต้องแคปแชทใน Line ที่คุยกับร้านซักผ้าส่งให้แฟนดู สถานการณ์ตอนนี้กลายเป็นความสัมพันธ์แบบ trust issue แฟนจะเช็คทุกอย่าง เวลาไปไหนก็กลัวว่าผมจะไปมีกิ๊ก แล้วเราก็ยังอยู่ห่างกันด้วย ส่วนเพื่อนแฟนเขาก็ชอบมีเรื่องนอกใจกัน เขาก็เลยมาสงสัยผมว่า เป็นเหมือนเพื่อนแน่เลย เป็นเหมือนในหนังแน่เลย ผมก็ตอบไปแค่ว่า ไม่ใช่ และเรื่องกางเกงใน แฟนก็อยากให้ไปตามว่าใครเป็นเจ้าของ ผมเลยอยากปรึกษาพี่ๆ ดีเจว่า ผมจะทำยังไงให้แฟนกลับมาไว้ใจผมเหมือนเดิมครับ?’ เริ่มที่ “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าเป็นผมก็จะโทรหาร้านตั้งแต่แรก และเปิดลำโพงให้เขาฟังเลยว่ามันมีกางเกงในหลงมา ยิ่งสิ่งที่เราไม่ได้ทำ มันเริ่มสร้างปัญหา ผมยิ่งจะทำทุกอย่างเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ จะไปที่ร้าน หรือไปสืบกับคนที่มาหา แต่ทั้งหลายทั้งมวลคนอื่นอาจจะคิดว่า ทำไมแฟนคุณทีทำไมถึงงี่เง่าขนาดนี้ แต่เราไม่รู้สถานการณ์ ว่าอะไรที่ทำให้เขาปักใจเชื่อ จังหวะต่างๆ มันอาจจะทำให้เขาคิดไปได้ หรือตอนนั้นคุณทีอาจจะไม่ได้ปฏิเสธจริงจัง อาจมีรีแอคบางอย่างที่เขารู้สึกว่าปฏิเสธไม่เต็มปาก การชี้แจ้งจากป้าอาจจะไม่พอกับเขาหรืออะไร ซึ่งเราก็ไม่รู้ เลยไม่อยากจะไปตัดสินว่าแฟนคุณทีงี่เง่าเกินเบอร์ ผมว่าคนนอกที่ฟังเรื่องนี้ก็อาจจะมองว่าแฟนคุณทีงี่เง่า ทีนี้ถ้าถามว่าจะสร้างความไว้ใจยังไง ถ้าป้าช่วยไม่ได้ก็เหลือแต่คุณทีแล้ว ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้เขารู้ว่าเขาคิดผิด เป็นผม ผมจะไปถึงร้านเลย เอาไปให้ป้าเขาดูว่าของใคร ถ้าเราเคลียร์เองไม่ได้ก็ต้องให้ป้าช่วยเคลียร์ แต่ความไว้ใจมันก็ต้องใช้เวลาในการสร้าง แต่ผมว่ามันคงไม่ถึงขั้นที่ความไว้ใจจะพังลง เพราะมันเป็นเรื่องที่เคลียร์กันได้’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่จะพยายามคิดในมุมของคุณทีนะ ว่าถ้าเจอเรื่องแบบนี้จะทำยังไง กับเรื่องแค่ร้านส่งผ้ามาผิด แต่มองในมุมแฟนมันก็แปลก เพราะคุณทีไม่เคยส่งกางเกงในซัก แต่อยู่ดีๆ มีกางเกงในประหลาดตัวหนึ่งโผล่มาในกองกางเกงในคุณที มันก็คิดได้จริงๆ ว่า ‘มันจริงหรอวะ แล้วทำไมเขาถึงส่งมา แล้วแค่กางเกงในตัวเดียวด้วย’ แล้วพอคุณทีไม่พยายามที่จะทำให้มันชัดเจนอีก อยู่กันคนละทีอีก แฟนคุณทีก็อาจจะคิดว่ามันอาจจะเป็นแบบนั้นได้ แต่พอมันเกิดขึ้นแล้ว คุณทีแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ได้แต่บอกว่า ป้าเขาส่งมาผิด ถ้าถามว่าจะทำยังไงกับความไว้ใจ พี่ว่าก็เป็นคนที่ซื่อสัตย์แบบที่คุณทีเป็นนั้นแหละ พอเวลาผ่านไปเป็นปี 2 ปี 3 ปี เขารู้ว่าคุณทีไม่มีใคร ถึงวันนั้นเขาก็จะรู้เองว่าเรื่องที่เราบอกเขาคือเรื่องจริงที่มันเกิดขึ้น ก็ต้องยอม ต้องอดทน เพราะครั้งนี้มันก็ซวยจริงๆ ก็ต้องเป็นคนซื้อสัตย์แบบนี้ต่อไปพี่ว่าแฟนคุณทีก็จะรู้เอง’ สุดท้าย “ดีเจอ้อย” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่อ้อยว่าบางทีเราอาจจะต้องเป็นคนชั่งสังเกตกว่านี้อีกสักนิด เราน่าจะเป็นคนตรวจสอบความผิดปกตินี้ได้ก่อนเขา ถ้าเราเป็นคนที่ไม่เคยส่งกางเกงในให้ร้านซัก ซึ่งกางเกงในมันน่าจะโดดเด่นกว่าสิ่งอื่นๆ ที่เราส่งซัก เพราะฉะนั้นถ้าเราปล่อยให้มันกองอยู่รวมกับของเรา มันก็ยากที่จะไม่คิด เราก็ต้องเข้าใจเขาก่อน และทุกเรื่องของความเชื่อใจใช้เวลาหมด ต่อให้เราพยายามสร้างความเชื่อใจมาแล้ว 6-7ปี มันก็ยังมีเหตุผมอีกเยอะแยะมากมาย เพราะความเปลี่ยนไปมันสามารถเกิดขึ้นได้หมด พี่แค่ไม่อยากให้ทีเข้าใจแค่มุมของตัวเอง อยากให้เข้าใจมุมของแฟนด้วย อย่าเพิ่งรู้สึกว่าการที่เขาตั้งขอสังเกตทั้งหมดเป็นเพียงเพราะความงี่เง่าของเขา เมื่อเรื่องมันไม่ใช่แบบนั้นจริงๆ เราก็แค่ปฏิเสธแล้วก็ทำให้เขาเชื่อใจให้ได้มากที่สุด เราทำได้แค่นี้ ไม่จำเป็นต้องคิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ แล้วก็คอยเช็คว่าหลังจากนี้ร้านจะส่งอะไรผิดมาอีกหรือเปล่า’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ลูกก็ลูกผม แต่ผมกับภรรยา แทบไม่ได้เลี้ยงลูกตัวเองเลย แม่ภรรยา และ พี่สาวภรรยา แย่งกันเลี้ยงทั้งวัน ขนาดจะส่งลูกเข้านอนยังไม่ได้ทำ บางวันลูกร้องไห้ ตีสอง ตีสาม พี่สาวภรรยาพุ่งตัวเข้ามาดูแลแทน จนตอนนี้เริ่มสงสัยแล้วว่าลูกใครกันแน่ ?

04 เม.ย. 2025

ลูกก็ลูกผม แต่ผมกับภรรยา แทบไม่ได้เลี้ยงลูกตัวเองเลย แม่ภรรยา และ พี่สาวภรรยา แย่งกันเลี้ยงทั้งวัน ขนาดจะส่งลูกเข้านอนยังไม่ได้ทำ บางวันลูกร้องไห้ ตีสอง ตีสาม พี่สาวภรรยาพุ่งตัวเข้ามาดูแลแทน จนตอนนี้เริ่มสงสัยแล้วว่าลูกใครกันแน่ ?

ลูกก็ลูกผม แต่ผมกับภรรยา แทบไม่ได้เลี้ยงลูกตัวเองเลย แม่ภรรยา และ พี่สาวภรรยา แย่งกันเลี้ยงทั้งวันขนาดจะส่งลูกเข้านอนยังไม่ได้ทำ บางวันลูกร้องไห้ ตีสอง ตีสาม พี่สาวภรรยาพุ่งตัวเข้ามาดูแลแทนจนตอนนี้เริ่มสงสัยแล้วว่าลูกใครกันแน่ ? ถ้าปล่อยไว้ในอนาคต จะมีปัญหาระยะยาวไหม “คุณหอย (นามสมมติ)” อายุ 34 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [26 มี.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจพี่อ้อย” เกี่ยวกับปัญหาญาติๆพากันเเย่งเลี้ยงลูกของตัวเอง โดย “คุณหอย (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ผมกับเเฟนเรามีอายุเท่าๆกัน ประมาณ 30 ปี ผมกับเเฟนเราทั้งคู่ก็ได้มีลูกกัน ตอนนี้ลูกอายุ 5 เดือน ปัญหานี้ไม่ได้มาจากผมหรือเเฟน เเต่มาจาก เเม่ยาย เเละพี่สาวของเเฟนผม ทั้งคู่พากันเเย่งลูกของผมไปเลี้ยง แต่จะสลับกันเลี้ยง เเม่ยายจะเลี้ยงลูกผมตอนเช้า เเล้วพี่สาวเเฟนผมเขาทำธุรกิจก็จะปิดร้านประมาณ 2 - 3 ทุ่ม พอทำทุกอย่างเสร็จ เขาก็จะมารับลูกผมไปเลี้ยง สรุปก็คือทั้งวัน ผมก็ไม่ได้อยู่กับลูกเลย กลายเป็นเกิดปัญหาทะเลาะกันเกี่ยวกับการเเย่งกันเลี้ยงของเเม่ยาย เเละพี่สาวของเเฟน บางครั้งเเฟนผมก็ต้องพูดเพื่อขอให้เขาเอาลูกของผมเอง กลับมาหาเลี้ยงเองบ้าง มีวันหนึ่งที่ลูกผมร้องตอนประมาณตี 1 เพราะถึงเวลาที่ต้องให้นม พี่สาวเเฟนเขาได้ยิน เขาก็รีบวิ่งมาเเล้วเอาตัวลูกผมไป หรือบางวันลูกผมร้องหนักๆ เเม่ยายที่อยู่ชั้น 2 ก็เดินลงมาเเล้วเอาตัวลูกผมไปเเทน จนตอนนี้เเฟนผมเหมือนมีหน้าที่เเค่ปั้มนม เพื่อให้ลูกกิน ส่วนผมก็ไม่ได้ทำอะไรเลย เเล้วก็มีเรื่องของการที่พี่สาวเเฟน เเละเเม่ยายตามใจหลานมากๆด้วย เพราะก่อนที่ลูกผมจะคลอด พี่สาวเเฟนก็ซื้อของเตรียมกันไว้เหยียบเเสนอยู่ เเล้วเขาก็ไม่ไว้ใจใครเลี้ยง เลี้ยงเหมือนไข่ในหิน จนตอนนี้ผมรู้สึกว่าเริ่มอึดอัด เพราะลูกผมเขาก็เอาไปเลี้ยง เเล้วผมก็เป็นคนนอกที่เข้าไปอยู่ในบ้านของเเฟน จะให้ผมมานอนดูทีวีเฉยๆมันก็อาจจะดูเเปลกๆ ตอนนี้ผมก็มีหน้าที่เเค่ชงนม ส่วนภรรยาผม เขาก็มีการบ่นๆกับผมเรื่องนี้ เเล้วเขาก็เป็นลูกคนเล็กเลยอาจจะโดนพี่สาวเเละเเม่กดๆอยู่ ในตอนเเรกเเฟนผมก็ได้เลี้ยงลูกบ้างเพราะยังไม่ได้ทำงานประจำ เเต่พอเขามีงานเวลาที่ได้เจอกับลูกก็น้อยลง เพราะตอนเช้าเเม่ก็เอาไปเลี้ยงตอนมืดพี่สาวเขาก็เอาไป หรือบางครั้งที่เเฟนผมไปขอลูกมาเลี้ยงเองบ้าง เขาก็เหมือนไม่อยากให้ เพราะเขาก็รักของเขา ผมก็พูดอะไรไม่ได้หรือบางครั้งเราก็ไม่เเย่งคืนมาเลยได้ไหม ผมเลยอยากปรึกษาพี่ๆดีเจว่า ผมควรที่จะปล่อยให้เขาเลี้ยงลูกเลยดีไหม ให้เขาเป็นตัวหลักเเล้วเราเป็นตัวรอง หรือ เราควรที่จะไปคุยกับเขาเลยดีไหม กลัวว่าอนาคตเราปล่อยลูกให้คนอื่นเลี้ยงจะมีปัญหาในอนาคตรึป่าว’ เริ่มที่ “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ลูกคุณหอยเป็นเด็กที่น่าอิจฉานะ เพราะตอนนี้ลูกคุณหอยได้รับความรักจากคนทั้งบ้านเเบบสุดๆไปเลย เเละตอนนี้พี่ว่ายังไม่มีปัญหาเพราะเขายังเด็กอยู่ เเต่ในอนาคตตอนที่เขาโตขึ้นเเล้วเขาไม่ได้ถูกเลี้ยงจากพ่อเเละเเม่พี่ว่ามันก็ไม่ถูก ซึ่งถ้าถึงเวลานั้นตัวคุณหอยกับเเฟนก็อาจจะต้องมีการพูดคุยกับพวกเขาบ้าง อย่างเช่นตอนส่งเขาเข้านอน ควรจะเป็นพ่อกับเเม่ดีกว่า เพราะงั้นตอนนี้ก็อาจจะเอนจอยไปก่อนก็ได้ในตอนที่เขายังเด็กอยู่ สุดท้ายพี่ก็มั่นใจว่าถ้าคุณหอยเเฟน มอบความรักให้เขาอย่างเต็มที่ พี่ว่าเขาก็น่าจะรู้เเหละว่าใครคือพ่อเเละเเม่ของเขา’ ต่อมา “ดีเจพี่อ้อย” ได้ให้คำปรึกษาว่า ตอนนี้คุณหอยกำลังห่วงอนาคตจนหมดความสุขในปัจจุบัน เเละพี่มองว่า เด็กที่อายุ 0 - 3 ขวบ คือในช่วงที่เด็กกำลังเรียนรู้เรื่องความผูกพันธ์อยู่ เเม้ว่าพ่อเเม่ไม่ได้เลี้ยงแต่สายใยความผูกพันพ์ของคนเป็นเเม่ที่อุ้มท้องมา 9 เดือนมันก็ต้องมีอยู่เเล้ว เเต่ก็อย่าพึ่งถึงขั้น อคติว่า ฉันไม่ได้เลี้ยงลูกต้องไม่รักฉันเเน่เลย เพราะตัวคุณหอยที่เป็นพ่อ ก็ยังอยู่ที่บ้านกับลูกเสมอเลย เพราะงั้นวิธีการในการสื่อสารว่าเราก็อยากที่จะเลี้ยงลูกเหมือนกันนะ ก็เป็นสิ่งสำคัญ ไม่งั้นอาจจะเกิดความขัดแย้งขึ้นมาได้ เช่นบอกคุณเเม่เเฟนว่า คุณเเม่ก็ต้องดูแลสุขภาพเหมือนกันนะ ให้เราช่วยเลี้ยงดีกว่า จะได้เเข็งเเรงเเละเห็นหลานเติบโตไปพร้อมๆกันทุกคน’ เเละสุดท้าย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เห็นด้วยกับพี่อ้อยนะครับ ว่าช่วง 0 - 3 ขวบเป็นช่วงที่สำคัญในเรื่องการเรียนรู้ความผูกพันธ์ เเละที่สำคัญการที่คุณหอย อยากที่จะให้ลูกตัวเองเติบโตมาเป็นเเบบไหน คนที่ใกล้ชิดก็สำคัญ เพราะเด็กจะมีการเรียนรู้ หรือการเรียนแบบบุคลิกของคนที่ใกล้ชิดกับเขา เช่นลูกของผม บางครั้งก็เคยพูดคำที่ผมสอนเขา กลับมาใส่ผมเหมือนกัน ผมยังอึ้งว่า นี่คือการ Copy ชัดๆ เเละผมก็ไม่เคยให้มีใครมาก้าวก่าย การเลี้ยงลูกของผมเลย เพราะงั้นการที่ คุณเเม่ของเเฟน กับ พี่สาวเเฟน เขาได้เลี้ยงลูกคุณหอย ในเเบบที่คุณหอยต้องการไหม เเละก็ไม่ได้มีใครคาดเดาได้ว่าลูกคุณหอย จะเติบโตมาในเเบบที่คุณหอยต้องการไหม ที่สำคัญอย่าคิดว่าโตเเล้วค่อยเลี้ยง ผมเชื่อว่าในเวลานั้นมันจะทันเเล้ว’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

คบกับแฟนได้ 5 เดือน คบออนไลน์กันมาตลอด ตอนนี้ หนูวางแผนบินไปหาเขาที่ต่างประเทศ ลางาน เตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว แต่ฝ่ายชายเพิ่งมาบอกว่า คุณแม่ดู IG แล้วไม่ปลื้ม เห็นหนูถ่ายแบบเซ็กซี่ เขาไม่ยอมให้มาเป็นสะใภ้บ้านนี้ หนูควรบินไปสู้เพื่อรักครั้งนี้หรือไม่?

04 เม.ย. 2025

คบกับแฟนได้ 5 เดือน คบออนไลน์กันมาตลอด ตอนนี้ หนูวางแผนบินไปหาเขาที่ต่างประเทศ ลางาน เตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว แต่ฝ่ายชายเพิ่งมาบอกว่า คุณแม่ดู IG แล้วไม่ปลื้ม เห็นหนูถ่ายแบบเซ็กซี่ เขาไม่ยอมให้มาเป็นสะใภ้บ้านนี้ หนูควรบินไปสู้เพื่อรักครั้งนี้หรือไม่?

“คุณส้ม (นามสมมติ)” อายุ 25 ปี สายที่หนึ่งในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [26 มี.ค 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจอ้อย เกี่ยวกับปัญหาเลิกกับแฟนเพราะพ่อแม่เขารับไม่ได้กับการถ่ายแบบเซ็กซี่ โดย “คุณส้ม (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เพิ่งจบความสัมพันธ์กับคนหนึ่งไป ด้วยเหตุผลที่ว่าพ่อแม่ของเขาอาจจะไม่โอเคกับงานเสริมของเรา คือการถ่ายแบบเซ็กซี่ ซึ่งครอบครัวของเขาเพิ่งมาทราบเรื่องนี้ทีหลังและอยากให้เรายุติความสัมพันธ์ ในตอนแรกพ่อแม่เขารู้ว่าเขาคุยกับเรา แต่ไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับตัวเรามากนัก จนกระทั่งมาสืบทีหลัง ส่วนแฟนรู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรกแล้ว งานหลักของหนูเป็นพนักงานออฟฟิศ ส่วนงานเสริมก็ทำมานานแล้ว โดยเน้นที่ตัวเองเป็นหลัก รับงานถ่ายแบบเดือนละครั้ง หรือบางทีก็สองเดือนต่อครั้ง จะมีทั้งเสื้อผ้าจากร้านค้า และเป็นการถ่ายให้แฟนคลับที่ติดตามเรามาขอลายเซ็นบ้าง คนในครอบครัวของหนูก็ไม่ทราบว่าหนูทำงานเสริมนี้ ความจริงหนูไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงิน แต่หนูรู้สึกว่าภาพที่ถ่ายออกมามันดูสวย และมันก็สร้างรายได้ด้วย ซึ่งคุ้มกว่างานพาร์ทไทม์หลาย ๆ อย่างที่หนูเคยลองทำมา เพราะใช้เวลาไม่นานและได้เงินเลย พอพ่อแม่ของเขาบอกให้เลิกกัน แฟนก็พยายามจะไฟท์เพื่อความสัมพันธ์นี้อยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ ไม่ว่ายังไงพ่อแม่ของเขาก็ไม่โอเคกับหนู และหนูเองก็ไม่เคยเจอพ่อแม่เขาตัวจริงเลย เพราะความสัมพันธ์นี้เป็นแบบออนไลน์ เขาเป็นชาวต่างชาติ อยู่ที่จีน เราคุยกันผ่านออนไลน์และวิดีโอคอลมาตลอด คบกันประมาณ 5 เดือน เรื่องราวที่ต้องเลิกกันเกิดขึ้นมาประมาณเดือนกว่า ๆ แล้ว แต่เรารู้สึกผิดปกติมาก ตรงที่หนูเคยคบแฟนคนอื่นมาหลายปี ตอนเลิกกับใครหนูก็เสียใจ แต่ไม่เคยหนักเท่านี้ ครั้งนี้เราจมอยู่กับความรู้สึกแบบเอาตัวเองไม่ขึ้นเลย เพราะเขาเป็นความหวังของเราหลายๆ อย่าง หนูเคยกลัวเรื่องการไปเรียนต่างประเทศ เคยมีความฝันแต่ไม่กล้าทำ แต่พอคุยกับเขา มันทำให้หนูกล้าคิดเรื่องนั้นจริงๆ ถ้าไม่ติดเรื่องสาเหตุที่ต้องเลิกกัน เขาเป็นคนที่ดีมาก และเทคแคร์ความรู้สึกเราตลอด ถึงแม้จะอยู่ไกลกัน แต่หนูไม่เคยรู้สึกว่าระยะทางเป็นปัญหา เลยอยากจะปรึกษาพี่ๆ ข้อแรกคือ หนูเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้วที่จะไปเจอกัน แต่หลังจากเลิกกันก็ไม่ได้คุยกันเลยเป็นเดือน ตอนนี้เลยลังเลว่าควรทักไปหาเขาดีไหม หรือไม่ควรไปแล้ว และควรสู้เพื่อความสัมพันธ์นี้ต่อไปหรือเปล่า? ข้อที่สอง ตอนนี้หนูนอยตัวเองเรื่องถ่ายรูป แค่มองรูปที่เคยถ่ายแบบก็รู้สึกไม่ดี เหมือนจะร้องไห้ ทำไมเราถึงแย่แบบนี้ ทำไมเราถึงถ่ายอะไรน่าเกลียดแบบนี้ ถ้าอนาคตเราจะเจอเหตุการณ์แบบนี้อีกไหม? ตอนนี้เลยตัดสินใจหยุดรับงานไปเลย เริ่มที่ “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘ประเด็นที่น่าห่วงกว่าการที่ครอบครัวเขาไม่ยอมรับ คือการที่ความสัมพันธ์นี้เกิดขึ้นจากการคุยออนไลน์โดยไม่เคยเจอกันเลย ส้มมั่นใจได้ยังไงว่าถ้าได้เจอกันตัวจริง เขาจะเป็นแบบที่คิด? ทุกอย่างที่ผ่านมาคือการสื่อสารผ่านหน้าจอ ซึ่งมันอาจแตกต่างจากโลกความจริงอย่างสิ้นเชิง การเลิกกันอาจเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำ เพราะถ้าจะคบกันจริง ๆ แล้วต้องเจออุปสรรคจากครอบครัวฝ่ายชายที่เป็นคนจีนและค่อนข้างอนุรักษ์นิยม การเอาชนะใจพวกเขาเป็นเรื่องยากมาก ส่วนเรื่องที่จะไปจีน พี่คิดว่าในสถานการณ์นี้ไม่ควรไป การที่รู้จักกันเพียง 5 เดือน คุยกันแค่ในออนไลน์ แล้วต้องบินไปหาเขา โดยที่เขาเองก็ไม่ได้พยายามจะมาหาเราเลย พี่ว่าไม่คุ้ม เรื่องงานถ่ายรูปเซ็กซี่ พี่มองว่าแต่ละคนมีมุมมองที่แตกต่างกัน บางคนเข้าใจ บางคนไม่เข้าใจ สิ่งสำคัญคือส้มต้องหาคนที่เข้าใจและยอมรับได้ ส่วนคนที่ไม่โอเค เขาก็มีสิทธิ์คิดแบบนั้นเหมือนกัน อย่าตั้งคำถามกับตัวเองเพียงเพราะคำพูดของใคร ถ้านี่คืองานที่ส้มเลือกและมีความสุข ก็ไม่ต้องกังวล’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘ความรักครั้งนี้จบลงก่อนที่จะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ มันเลยทำให้ส้มรู้สึกค้างคาและมูฟออนไม่ได้ เพราะยังมีความหวังว่าวันหนึ่งมันอาจไปได้ไกลกว่านี้ ต่างจากความรักที่เคยคบกันจริง เจอปัญหา แล้วจบไป เพราะอันนั้นเรารู้ตอนจบแล้ว แต่ความสัมพันธ์นี้มันเหมือนหนังสือที่ยังอ่านไม่จบ มันเลยติดอยู่ในใจ แต่เมื่อมองความเป็นจริง ต่อให้ได้คบกันก็ไม่ได้การันตีว่าความรักจะเป็นเหมือนช่วงแรก ๆ ที่คุยกัน ยิ่งเป็นเรื่องครอบครัวชาวจีนที่มีส่วนสำคัญมากในการเลือกคู่ครอง ยิ่งทำให้โอกาสไปต่อยากขึ้น ส่วนเรื่องที่จะไปจีน ถ้าเป็นเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับผมสมัยวัยรุ่น ผมก็คงไม่สน ก็คงบินไปเหมือนกันแหละ แต่ว่าพอมาอายุเท่านี้แล้ว พี่มองว่าความสัมพันธ์ที่ต้องใช้ความพยายามมากเกินไป อาจไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ควรไปต่อ เมื่ออะไรที่มันใช่ มันจะไม่ยากขนาดนี้ เรื่องงานที่ส้มทำ บางทีสิ่งที่เราคิดว่าโอเคในวันนี้ อาจจะไม่ใช่สิ่งที่เราภูมิใจในวันข้างหน้า ส้มต้องถามตัวเองให้ชัด ว่าที่รู้สึกไม่อยากทำงานนี้แล้วเป็นเพราะผิดหวังจากความรัก หรือเป็นเพราะส้มโตขึ้นและมองมุมมองของตัวเองเปลี่ยนไป’ สุดท้าย “ดีเจอ้อย” ให้คำปรึกษาว่า ‘ความสัมพันธ์นี้ยังใช้คำว่า “รัก” ไม่ได้เต็มปาก และที่พี่เป็นห่วงคือ ความพยายามของส้มดูจะมากกว่าอีกฝ่าย ถ้าส้มถึงขั้นลงทุนบินไปหาเขาที่จีน ทำไมเขาไม่พยายามมาหาส้มบ้าง? ความสัมพันธ์ที่ดีต้องมีความพยายามจากทั้งสองฝ่าย ถ้าอีกฝ่ายไม่ได้ทุ่มเทเท่ากัน มันอาจไม่ใช่รักที่ควรต่อสู้เพื่อมัน พี่มักจะบอกเสมอว่า เวลาที่ใครสักคนบอกเลิกเราด้วยเหตุผลว่า “ที่บ้านไม่ยอมรับ” พี่จะยังไม่โทษที่บ้านเขา 100% แต่พี่จะตั้งคำถามว่า เขาพยายามมากพอรึยัง? เพราะถ้าเขาอยากมีเราจริง ๆ เขาจะพยายามทำให้ครอบครัวเข้าใจ แต่ในกรณีนี้ พี่ยังไม่เห็นความพยายามนั้นจากเขาเลย ส้มไม่จำเป็นต้องข้ามประเทศไปหาเขาให้เหนื่อย ถ้าเขาอยากมีส้มจริง ๆ เขาจะหาทางมาหาเอง ถ้าเขาไม่พยายามขนาดนั้น แปลว่ามันไม่ได้สำคัญกับเขาขนาดนั้นเช่นกัน เรื่องงาน เวลาจะเลือกทำงาน พอถึงวัยนึง เราก็อยากทำอะไรที่หันกลับไปมองแล้วรู้สึกภูมิใจ แต่กับการถ่ายรูปเซ็กซี่ แม้มันจะเป็นภาพที่สวยนะ แต่วันข้างหน้าเราจะยังรู้สึกดีกับมันอยู่ไหม? อย่าลืมว่าโลกยุคนี้มี Digital footprint สมมุติว่าวันนึงเราแต่งงานแล้ว มีภาพพวกนี้หลุดไปที่ไหนสักที่ มีคนเอามาแชร์ เราจะรู้สึกยังไง? เพราะขนาดพ่อแม่ของน้องเอง น้องยังไม่กล้าบอกเลยว่าน้องทำงานอะไร เพราะฉะนั้น เอาทุกอย่างมาคิดรวมกันดีๆ เพราะคำตอบที่ชัดเจนที่สุด ก็คือคำตอบที่ได้จากวิธีคิดของน้องเอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูกับแม่ทะเลาะกัน แม่โกรธที่หนูไม่พาไปห้าง บ่นน้อยใจสารพัด จนหนูไม่คุยกับแม่เลย แอบดูอยู่ห่างๆ จากต่างจังหวัด มีน้องสาวเป็นคนกลาง ตอนนี้รู้ว่าแม่ป่วยมีภาวะซึมเศร้า เราอยากได้คำขอโทษจากแม่ รู้ตัวว่าตัวเองมีทิฐิสูง แต่อีกใจก็อยากกลับไปคุยด้วยเหมือนเดิม

24 มี.ค. 2025

หนูกับแม่ทะเลาะกัน แม่โกรธที่หนูไม่พาไปห้าง บ่นน้อยใจสารพัด จนหนูไม่คุยกับแม่เลย แอบดูอยู่ห่างๆ จากต่างจังหวัด มีน้องสาวเป็นคนกลาง ตอนนี้รู้ว่าแม่ป่วยมีภาวะซึมเศร้า เราอยากได้คำขอโทษจากแม่ รู้ตัวว่าตัวเองมีทิฐิสูง แต่อีกใจก็อยากกลับไปคุยด้วยเหมือนเดิม

หนูกับแม่ทะเลาะกัน แม่โกรธที่หนูไม่พาไปห้าง บ่นน้อยใจสารพัด จนหนูไม่คุยกับแม่เลย แอบดูอยู่ห่างๆจากต่างจังหวัด มีน้องสาวเป็นคนกลาง ตอนนี้รู้ว่าแม่ป่วยมีภาวะซึมเศร้า เราอยากได้คำขอโทษจากแม่รู้ตัวว่าตัวเองมีทิฐิสูง แต่อีกใจก็อยากกลับไปคุยด้วยเหมือนเดิม จะเริ่มยังไงดี?“คุณเมย์ (นามสมมติ)” อายุ 32 ปี สายที่หนึ่งในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [19 มี.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาทะเลาะกับแม่จนไม่ได้คุยกันมานาน โดย “คุณเมย์ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ทะเลาะกับแม่เมื่อ 3 เดือนที่แล้ว แม่อายุ 60 ปีแล้ว แม่อยู่ที่ต่างจังหวัด เป็นคนละจังหวัดกับเรา บางครั้งแม่ก็จะมาเยี่ยมที่บ้าน ซึ่งเราก็ใช้ชีวิตปกติ ดูแลแม่ปกติ เช่นถามว่า แม่จะไปเที่ยวไหนมั้ย จะทำอะไรมั้ย เราเองก็กลัวแม่จะเหงา เลยหากิจกรรมให้เขาทำ มีอยู่วันหนึ่ง เราก็ใช้ชีวิตปกติ คุณแม่ก็นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ และประมาณ 4 โมงเย็น เป็นช่วงที่เด็กๆ เลิกเรียน เราก็เตรียมตัวไปรับลูกชายที่โรงเรียน แต่อยู่ๆ แม่ก็โพ่งขึ้นมาเลยว่า วันนี้เราไปห้างกันเถอะ อยากไปช้อปปิ้งจัง จะไปดูเสื้อผ้า เราก็เลยบอกแม่ไปว่า แม่ เราไปวันหลังได้ไหม เพราะว่าวันนี้หนูจะต้องไปรับหลาน แล้วเราก็ไม่ได้อธิบายอะไรต่อ คิดว่าแม่จะเข้าใจและเห็นด้วยกับเรา หลังจากนั้นเราก็ไปรับลูกชาย พอกลับมาเราก็เห็นแม่นั่งอยู่และสังเกตได้ว่า แม่ดูอารมณ์ไม่ดี เราเลยไปถามแม่ว่า แม่เป็นอะไร แม่น้อยใจหรือเปล่า ที่ไม่ได้พาไปห้าง แล้วแม่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ และก็บอกว่า ใช่! ฉันน้อยใจ!แล้วก็เดินหนีเข้าห้องตัวเองไป เราก็คิดว่าแม่น่าจะยังงอนอยู่ เลยปล่อยให้แม่อยู่กลับตัวเองไปก่อน ระหว่างนั้นเราส่งข้อความไปหาน้องสาว ว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เลิกงานมาแล้วช่วยไปคุยกับแม่ให้หน่อย เผื่อแม่จะอารมณ์ดีขึ้น พอน้องสาวกลับมาจากที่ทำงานก็เข้าไปอธิบายให้แม่ฟังว่า เวลานั้นถ้าไปห้างจะลำบากรถติด ถ้าจะไป ไปวันหลังดีไหม ซึ่งเราก็คิดว่าพอน้องไปอธิบายแม่จะเข้าใจ แต่กลายเป็นว่า แม่ร้องไห้แล้วตะโกนเหมือนเด็ก ขว้างปาข้าวของ และใช้คำที่ทำให้ลูกๆ เสียใจ ประมาณว่า ฉันดูพวกเธอมานานละ พวกเธอก็เป็นแบบนี้กัน และพูดว่าเราเป็นลูกที่ไม่ดี ดูแลเขาไม่ดี แม่ก็บอกว่า ฉันจะกลับบ้านแล้ว จะกลับตอนนี้เลย ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ถ้าพวกเธอไปหาฉัน ก็จะไม่เจอฉันอีก แต่เราก็ให้แม่พักคืนนี้ก่อน เผื่อจะใจเย็นขึ้นแล้วค่อยมาคุยกัน วันรุ่งขึ้นแม่ก็ยังเป็นเหมือนเดิม ยังอารมณ์เสียเหมือนเดิม แล้วก็ไม่พร้อมที่จะรับฟังเหตุผลอะไรทั้งนั้นเลย เราเลยจองตั๋วให้แม่เพื่อที่จะกลับบ้าน เพราะที่บ้านก็จะมีคนที่อายุใกล้ๆ กัน จะได้คุยกับแม่เผื่ออารมณ์ดีขึ้น และหลังจากทะเลาะกันได้ 2 อาทิตย์ เราก็ให้น้องสาวโทรไปคุยว่าเป็นยังไงบ้าง และเหมือนแม่ก็รู้ว่าสิ่งที่ทำมันไม่ถูกต้อง แม่เลยไปปรึกษาหมอ แล้วหมอก็บอกว่า เป็นเพราะฮอร์โมน และอาจจะเป็นอาการเริ่มต้นของคนที่จะเป็นซึมเศร้า ตอนที่แม่กลับไปอยู่บ้าน แม่จะอยู่กับน้าสาว แล้วหลายๆ คนในบ้านพยายามบอกให้เรากับแม่ลองคุยกันดู แต่จริงๆ แล้ว เราแค่ต้องการคำขอโทษจากแม่ ให้แม่ยอมรับว่า สิ่งที่แม่พูด แม่ไม่ได้ตั้งใจที่จะพูด เพราะเราก็เป็นลูกคนโต เรารับผิดชอบครอบครัวมาเยอะมากจริงๆ และคิดว่าตัวเองก็ทำได้ดีมากๆ เท่าที่ลูกคนหนึ่งจะทำได้ ซึ่งก่อนหน้าที่จะทะเลาะกัน เราได้พาแม่ไปห้าง 2 แห่ง ตอนเช้าไปด้วยกันห้างแรก ตอนเย็นก็ไปอีกห้างหนึ่ง และเราก็ค่อยถามแม่ตลอดว่าจะเอาอะไร คือตามใจแม่ทุกอย่าง ปัจจุบันนี้เราก็ยังทะเลาะกับแม่ และยังไม่ได้คุยกัน เราก็พยายามที่จะบอกตัวเองว่า ให้อภัยแม่ได้ไหม เพราะเราก็เหลือแม่แค่คนเดียว ซึ่งเราก็ให้อภัยแม่ได้ แต่พอนึกถึงคำพูดที่แม่เคยพูด เป็นคำพูดที่มันทำร้ายเรา แล้วในช่วงนั้นก็เป็นช่วงที่เราอ่อนไหวและต้องผ่านเรื่องอะไรมาหลายๆ อย่าง แม่ก็ไม่ได้รู้ว่าลูกต่อสู้กับอะไรบ้าง เราก็ยังรู้สึกแย่อยู่ พอคิดจะกลับไปคุยกับแม่เราก็ทำไม่ได้ เพราะทิฐิที่เรามี ซึ่งเราเองก็ไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้ เกลียดทิฐิตัวเองมากๆ และเอาชนะมันได้ยากมากจริงๆ แต่ตอนนี้เราก็ยังซัพพอร์ตแม่อยู่ไกลๆ ยังติดตามอยู่ว่าแม่ทำอะไร แต่ก็ยังไม่ได้คุยกัน เลยอยากจะปรึกษาพี่ๆ ดีเจว่า เราจะตั้ง mindset ยังไง ให้เราก้าวผ่านความรู้สึกที่เสียไป และกลับไปคุยกับแม่ได้เหมือนเดิมคะ?’ เริ่มที่ “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่าเมย์ก็ต้องคิดว่า ถ้าพรุ่งนี้แม่ไม่อยู่ให้เมย์โทรไปหาแล้วจะเป็นยังไง อะไรก็ตามทั้งหมด เราคือครอบครัว และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราก็ต้องไปกันต่อ พี่ว่าหลายบ้านคุณแม่คุณลูกก็อาจจะมีเรื่องที่ไม่ดีต่อกันมากกว่านี้ เขาก็ต้องตัดสินใจที่จะไปต่อ ถ้าเขายังอยากเป็นครอบครัวกันอยู่ แล้วเมย์ก็รักคุณแม่ และอีกอย่างคือ จนตอนนี้เมย์อายุ 32 แล้ว พี่ว่าเมย์ก็น่าจะทำอะไรบางอย่างที่ทำให้แม่ไม่พอใจ หรือโกรธมาบ้าง แต่แม่ก็ยังอยู่กับเราจนถึงทุกวันนี้ได้ ซึ่งพี่ว่ามันคือครอบครัว เรามีความรักให้กัน แม้ว่าอีกฝั่งจะผิด แต่เราก็ต้องให้อภัยกัน เพราะเรารักกัน’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ในบางสถานการณ์ บางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครอบครัว มันอาจจะไม่มีประโยชน์ในการหาคนผิดคนถูก ในความสัมพันธ์ ในความเป็นครอบครัวกันในทุกรูปแบบ บางครั้งการที่เราพยายามจะบอกให้คนหนึ่งยอมรับว่าผิด มันอาจจะไม่ใช่ทางออกของปัญหาเสมอไป ต้องลองคิดดูดีๆ ว่าถ้าเราได้ยินคำนั้น มันจะทำให้เราปลดล็อกทุกอย่างในคำๆ เดียวหรอ? เวลาของคนเรามันจะน้อยลงเรื่อยๆ ซึ่งเราจะไม่มีวันเข้าใจคุณพ่อคุณแม่ที่สูงอายุมากๆ ที่เขาจะต้องอยู่คนเดียวจริงๆ ลูกก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน มันคงทรมานมาก กับการที่เขาเคยมีใครมาทั้งชีวิต แล้วอยู่ดีๆ วันหนึ่งมันก็โหวง เวลาในชีวิตเขามันก็น้อยลงไปเรื่อยๆ ทีละวันๆ ที่คุณหมอบอกว่ามันอาจจะเป็นภาวะซึมเศร้า มีความเป็นไปได้สูงมาก เพราะจากที่คุณเมย์เล่ามา แม่เขาอยู่คนเดียว เราอย่าหาผิดหาถูกกับคนที่ป่วยเลย เขายิ่งน่าสงสารขึ้นไปใหญ่ ลองคิดสิว่าเขาเป็นผู้ใหญ่ GEN เก่า แล้วยอมรับว่าตัวเองผิดถึงขนาดไปหาหมอ ซึ่งมันไม่ง่าย และมันก็แค่ 1 ประโยคที่เราตามหากัน ผมมองว่ามันยังมีเรื่องอีกมากมายที่น่าห่วงกว่านั้น เช่น คุณแม่จะอยู่ยังไงคนเดียวกับภาวะแบบนี้ ถ้าเกิดอะไรขึ้น ณ เวลานั้นใครจะเป็นคนใกล้ตัวที่ดูแลแม่ มันเลยมีเรื่องอื่นที่น่าห่วงกว่าคำขอโทษ สำหรับในมุมมองของคนนอกที่ได้ฟัง ส่วนเรื่องที่คุณเมย์เจอมา ผมเข้าใจมากๆ แล้วมันก็เป็นสาเหตุที่ทำให้คุณเมย์น้อยใจอยู่แบบนี้ แต่บางทีเราน้อยใจไปแล้ว แล้วยังไงต่อ และผมว่าเราทุกคนให้วันนี้ไม่มีวันเข้าใจ จนกว่าจะอายุเท่าคุณแม่แล้วอยู่คนเดียว ไม่มีใคร ผมก็ไม่อยากให้วันนั้นคุณเมย์มานึกย้อนว่า ‘อ๋อ ฉันเพิ่มเข้าใจในวันที่มันไม่มีโอกาสที่จะได้สื่อสารอะไรกันแล้ว’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘สิ่งที่เมย์เป็นอยู่ หนักอกหนักใจอยู่ คือการที่เมย์ถือทิฐิเอาไว้ ฉะนั้นอยากเบา อยากปล่อยวาง ก็คือ วางมันลงซะ คำขอโทษทั้งหมดมันไม่ได้มีค่าขนาดนั้น ‘ขอโทษมาสิ แม่แพ้มาสิ’ ต่อให้เมย์ได้คำขอโทษ และความพ่ายแพ้ของแม่ เมย์ก็ไม่ได้รู้สึกดีใจขนาดนั้น ชัยชนะมันไม่ใช่ชัยชนะจริงๆ การรักษาความรักที่เรามีให้ซึ่งกันและกัน มันคือชัยชนะของครอบครัวนี้แล้ว เมย์ลองนึกถึงวันที่เมย์เป็นแม่ขึ้นมาแล้วลูกไม่คุยกับเมย์ มันจะเจ็บปวดขนาดไหน นั้นก็คือคำตอบ วันนี้เมย์เป็นทั้งแม่และลูก ฉะนั้นจะเข้าใจความรู้สึกของทั้งสองบทบาทเลย ลองเข้าหาคุณแม่เถอะ เราไม่รู้ว่าแม่ปวดเป็นอะไรด้วยซ้ำ และสิ่งที่แม่ทำและแสดงออกมาที่มันไม่ปกติแบบนี้ นั้นแปลว่าแม่กำลังป่วย แล้วแม่กำลังเผชิญกับความยากลำบาก มันอาจจะมากกว่าเราด้วยซ้ำ ฉะนั้นคำขอโทษไม่มีความหมายเลย ถ้าเทียบกับชีวิตแม่เรา’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ผมอายุ 37 คบแฟน 24 น้องเขาขี้หึงมาก ผมทำงานเป็นตากล้อง เจอนางแบบสวยๆ แต่แฟนไม่โอเค สั่งให้ลบรูปในโซเชียลทั้งหมด ผมลงเพราะเก็บพอร์ตก็ต้องลบ หลังๆมา แฟนบอกว่าให้เลิกทำอาชีพตากล้อง ผมเลิกไม่ได้เพราะคือรายได้หลัก ตอนนี้ผมห่างกับเขาแล้ว

21 มี.ค. 2025

ผมอายุ 37 คบแฟน 24 น้องเขาขี้หึงมาก ผมทำงานเป็นตากล้อง เจอนางแบบสวยๆ แต่แฟนไม่โอเค สั่งให้ลบรูปในโซเชียลทั้งหมด ผมลงเพราะเก็บพอร์ตก็ต้องลบ หลังๆมา แฟนบอกว่าให้เลิกทำอาชีพตากล้อง ผมเลิกไม่ได้เพราะคือรายได้หลัก ตอนนี้ผมห่างกับเขาแล้ว

ผมอายุ 37 คบแฟน 24 น้องเขาขี้หึงมาก ผมทำงานเป็นตากล้อง เจอนางแบบสวยๆ แต่แฟนไม่โอเคสั่งให้ลบรูปในโซเชียลทั้งหมด ผมลงเพราะเก็บพอร์ตก็ต้องลบ หลังๆมา แฟนบอกว่าให้เลิกทำอาชีพตากล้องผมเลิกไม่ได้เพราะคือรายได้หลัก ตอนนี้ผมห่างกับเขาแล้ว แต่ยังไม่ได้ถอนหมั้นกัน จะทำยังไงดี? “คุณกอล์ฟ (นามสมมติ)” อายุ 37 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [19 มี.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาแฟนขี้หึงมากจนกระทบกับงาน โดย “คุณกอล์ฟ (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘ผมหมั้นกับน้องคนนึง เขาอายุ 24 ปี เราคบกันและหมั้นมารวมทั้งหมด 2 ปี ผมทำอาชีพเป็นช่างภาพ ส่วนน้องเขาทำงานที่ร้านของบ้านผม น้องเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยมีสังคม เอาแต่ใจ และเริ่มลามไปถึงเรื่องงานของผม ช่วงแรกๆที่คบกันน้องมีนิสัยงี่เง่านิดหน่อย แต่ยังไม่ได้ฉายแสงอะไร แต่ก็หึงหวงแรงมาก เช่น ตัดเพื่อนในโซเชียลมีเดียของผมเองเลย ช่วงที่ผมหมั้นกับเขาและทำงานไปด้วย ผมตัดเรื่องการถ่ายรูปเล่น เก็บพอร์ต ผมตัดทุกอย่างเพื่อเขา และรับแต่งานถ่ายภาพที่เป็นงานจริง ๆ เท่านั้น สาเหตุที่ผมตัดสินใจหมั้นกัน เพราะน้องเขาเป็นคนหน้าตาดี ผมก็อายุ 37 ปีแล้ว รู้สึกว่าถึงเวลาที่ควรจะมีครอบครัวได้แล้ว ถ้าช้ากว่านี้ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นชีวิตครอบครัวตอนไหน ก่อนคบกับเขา ผมค่อนข้างเจ้าชู้ เป็นคนเฟรนลี่ เล่นกับทุกคนไปหมด แต่พอคบกับเขา น้องก็มองว่าช่างภาพเจ้าชู้ทุกคน ผมเลยให้ความเชื่อใจโดยให้เขาดูทุกอย่าง รับงาน คุยกับใคร เช็คโทรศัพท์ได้ตลอด ซึ่งไม่เคยมีปัญหาเรื่องมือที่สามเลย จนกระทั่ง เวลาที่ผมจะต้องออกไปทำงาน ผมต้องคอยรายงานเขาตลอด แต่เวลาที่ผมเริ่มถ่ายงานเสร็จ ผมไม่ได้ทักบอกเขา เขาก็บอกว่า ทำไมถ่ายงานเสร็จแล้วไม่ทักบอกเลย ผมก็บอกว่า ขอนั่งพักซักแปปนึงได้ไหม เป็นแบบนี้ทุกครั้งมาตลอด เขาจะกลัวว่าผมจะไปจีบลูกค้า ไปคุยกับลูกค้าเกินกว่าที่เป็นช่างภาพกับลูกค้าคุยกัน ผมก็คอยแต่บอกเขาว่า มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ก็ให้เช็คได้ตลอดทุกครั้ง เราทะเลาะกันเรื่องนี้มาตลอด พอทะเลาะกันก็จะมีคำพูดนึงขึ้นมาว่า ไม่เคยชอบหรอกนะที่เธอถ่ายรูป และสุดท้ายเรื่องนี้ก็ลามไปถึงที่บ้านผม เพราะน้องอยากไปทำงานต่างจังหวัด ผมให้เขาไปคุยกับพ่อแม่ก่อน แต่พอคุยเสร็จก็ทะเลาะกับพ่อแม่ผม น้องยื่นคำขาดว่า ถ้าอยากให้เขาทำงานที่บ้าน ต้องให้ผมเลิกถ่ายรูป ผมถามเขาว่า แล้วจะทำอะไรกิน? เพราะแม้ว่าผมจะช่วยที่บ้านทำงาน แต่รายได้จากการถ่ายรูปก็ไม่ใช่น้อย ๆ ต่อเดือน กลายเป็นว่าเขาก็เลือกที่จะไปทำงานต่างจังหวัด ช่วงแรกเขาทดลองงาน 3 เดือน ผมซัพพอร์ตทุกอย่าง ค่าหอพัก ค่ากิน ค่าจิปาถะ ผมเคยแนะนำให้เขาทำงานที่บ้าน ถ้าไม่อยากทำงานที่บ้านก็ทำข้างนอก แต่ให้อยู่จังหวัดเดียวกัน จะได้กลับบ้านมาเจอกัน เป็นครอบครัว แต่น้องบอกว่า ไม่ ถ้าอยากให้เขาอยู่ ต้องเลิกถ่ายรูป หลังจากทดลองงานเสร็จ ผมบอกให้กลับมาขายของหน้าบ้านก็ได้ เพราะเขามีประสบการณ์ด้านร้านคาเฟ่ แต่น้องบอกหมดแพชชั่น ไม่อยากทำ ซึ่งผมคิดว่าไม่ใช่ คงเป็นเพราะไม่อยากมาเจอหน้าพ่อแม่ผม ที่เขาทะเลาะกับพ่อแม่ผมด้วยเรื่องที่เขาจะขอไปทำงานต่างจังหวัด เพราะพ่อแม่ไม่อยากให้ไป อยากให้ทำงานใกล้ ๆ ต่อให้ไม่ทำงานที่บ้านก็ไปทำงานในระแวกนั้นก็ได้ แล้วก็กลับบ้านมาเป็นครอบครัว แต่กลายเป็นว่า เขาเป็นคนดื้อ เขาเป็นคนเอาแต่ใจ ว่าฉันต้องทำแบบนี้ มีเส้นชัยไว้แบบนี้ ฉันต้องไปให้ได้ ซึ่งตอนนี้เขาไปทำงานไกลกว่าเดิมอีก ตอนแรกเขาฝึกงานกับอินฟลูเอนเซอร์คนนึงอยู่ในจังหวัดขอนแก่น แล้วก็ไปสมัครกับอินฟลูเอนเซอร์อีกคนที่โคราช ณ ตอนนี้ก็ทำงานอยู่ที่โคราช ยิ่งอยู่ห่างกัน น้องยิ่งหวงมากขึ้น พ่อแม่ผมถามว่า เธอไม่ไว้ใจลูกฉัน แล้วฉันไว้ใจเธอได้ไหม? น้องตอบว่า เชื่อใจได้สิ แต่ผมไม่เคยเช็คมือถือเขาเลย เพราะผมมองว่าชีวิตคู่ไม่ควรตึงหรือหย่อนเกินไป ต้องพอดี ๆ และเชื่อใจกัน ตอนแรกเราหมั้นกัน แล้วกะว่าครบปีจะจดทะเบียนสมรส แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าวันสุดท้ายที่ขาดสัมพันธ์กันเพราะความงี่เง่าของเขา วันนั้นผมออกไปถ่ายรูปรับปริญญาแต่เช้า บอกเขาแล้วว่าออกจากบ้านแล้วนะ แต่พอไปถึงที่งาน ผมไม่ได้ทักบอก น้องก็โกรธ พอตอนเย็นผมมีประชุมต่อ ก็ถ่ายรูปให้ดูว่าสถานที่ประชุมอยู่ตรงไหน แต่น้องก็งอนว่า ทำไมไม่บอกก่อนออกจากบ้าน ทุกครั้งที่ทะเลาะกัน ผมเป็นคนง้อ ขอโทษทุกอย่าง แต่ครั้งนี้ผมสุดจริง ๆ ผมบอกว่า ถ้าผมไม่ดี เปลี่ยนใหม่ไหม หรือห่างกันสักพัก น้องเขาก็ไม่ง้อผม เปลี่ยนสีแชท ลบทุกอย่าง หายไปหมด ผมเลยอยากถามพี่ๆดีเจว่า ผมทำถูกไหม ควรรอให้เขาคิดได้มากกว่านี้ หรือควรไปง้อเขา แล้วถ้าเขากลับมาง้อผม ผมควรพูดยังไง?’ เริ่มที่ “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คิดว่าเขายังคิดไม่ได้ แล้วก็ถ้าคุณกอล์ฟจะรอก็สุ่มเสี่ยงไป อายุ 37 แล้ว ถ้าคิดจะวางแผนอนาคต ลองมองหาคนที่เป็นผู้ใหญ่และเข้าใจเรามากกว่านี้ คือการมีแฟนต้องไม่แตะเรื่องการทำงานของเราเลย งั้นก็เลือกตัดแฟน ถูกต้องแล้ว คนนี้ไม่ได้เข้ามาอยู่ในวงจรของเรา เขาไม่สามารถเข้ามาโลกของเราได้ เขาไม่ได้เหมาะ เปลี่ยนคน เอาผู้ใหญ่ที่โตกว่านี้ เข้าใจการทำงานของเรา ไม่ได้ผิดที่เราผิดที่เขา’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘รู้สึกว่าคุณกอล์ฟดูถูกตัวเองไปหน่อย ว่าอายุ 37 แล้วยังไม่แต่งงานมันจะช้า เพราะรู้สึกว่า 37 มันควรได้อยู่ที่ส่งเสริมกันและกัน ซึ่งน้องเขาอาจจะไม่เหมาะกับแบบนี้ คุณกอล์ฟต้องถามตัวเองว่าถ้าแต่งงานแล้ว เราจะอยู่กับเขาได้จริง ๆ ใช่ไหม ถ้าเขากลับมา แล้วคุณกอล์ฟใจอ่อน ก็ต้องคุยกับเขาว่า เป็นแบบนี้ไม่ได้ เพราะอันไหนที่มันเกินไป ก็ต้องบอกว่าคุณกอล์ฟไม่โอเคกับเรื่องนี้ ก็ต้องปรับตัว ถ้าไม่ได้ก็เลิก’ สุดท้าย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ด้วยความห่างของอายุ 37 กับ 24 มันห่างกันมาก และคนละ Generation วิธีคิด การแสดงออก คนละแบบ ความตกตระกอนในชีวิตคนละเรื่อง ถ้าเราจะรอให้ผู้หญิงคนนี้ให้โต มันไม่ได้การันตีว่า อายุเยอะขึ้นแล้วจะหาย บางคนก็งี่เง่าแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ถ้างี่เง่าเรื่องอื่นโอเค แต่ถ้ามาตัดรายได้มันอยู่ด้วยกันไม่รอดแล้ว นั่นแปลว่าทัศนคติในการสร้างครอบครัวมันไม่เหมือนกันแล้ว การสร้างครอบครัวมันไม่ใช่แค่การคบแค่เป็นแฟน มันคือการหาเงิน การช่วยกันบริหารรายจ่าย รายรับ แต่เราดันไปเจอคนที่ไม่พร้อมมาก ๆ ถ้ามีแล้วปวดหัว มีแล้วการงานเสีย มีแล้วรายได้หด ก็อย่าเพิ่งมีดีกว่า’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album
เรื่องแค่นี้

Artist: URBOYTJ

0
0.8
1
Contact usGreenwave02-665-8377EFM02-665-8373
Advertise with usมัลลิกา ปราบอริพ่าย (กบ)(Atime Showbiz, Online Content)063-282-6915จุฑา วนศานติ (บี) (EFM)02-669-9512, 081-923-9823
อังคณา พองาม (นุก) (Greenwave)02-669-9444-7
ดาวน์โหลด Application ได้แล้ววันนี้ที่atime online application download from app storeatime online application download from play storeติดต่อสอบถาม / แจ้งปัญหาการใช้งานatimeplatform@atimemedia.com
บริษัท จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด (มหาชน)เลขที่ 50 อาคาร จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เพลส ถนนสุขุมวิท21 (อโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขต วัฒนา กรุงเทพ 10110