พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

หนูกับแม่ทะเลาะกัน แม่โกรธที่หนูไม่พาไปห้าง บ่นน้อยใจสารพัด จนหนูไม่คุยกับแม่เลย แอบดูอยู่ห่างๆ จากต่างจังหวัด มีน้องสาวเป็นคนกลาง ตอนนี้รู้ว่าแม่ป่วยมีภาวะซึมเศร้า เราอยากได้คำขอโทษจากแม่ รู้ตัวว่าตัวเองมีทิฐิสูง แต่อีกใจก็อยากกลับไปคุยด้วยเหมือนเดิม

24 มี.ค. 2025

หนูกับแม่ทะเลาะกัน แม่โกรธที่หนูไม่พาไปห้าง บ่นน้อยใจสารพัด จนหนูไม่คุยกับแม่เลย แอบดูอยู่ห่างๆ จากต่างจังหวัด มีน้องสาวเป็นคนกลาง ตอนนี้รู้ว่าแม่ป่วยมีภาวะซึมเศร้า เราอยากได้คำขอโทษจากแม่ รู้ตัวว่าตัวเองมีทิฐิสูง แต่อีกใจก็อยากกลับไปคุยด้วยเหมือนเดิม

หนูกับแม่ทะเลาะกัน แม่โกรธที่หนูไม่พาไปห้าง บ่นน้อยใจสารพัด จนหนูไม่คุยกับแม่เลย แอบดูอยู่ห่างๆจากต่างจังหวัด มีน้องสาวเป็นคนกลาง ตอนนี้รู้ว่าแม่ป่วยมีภาวะซึมเศร้า เราอยากได้คำขอโทษจากแม่รู้ตัวว่าตัวเองมีทิฐิสูง แต่อีกใจก็อยากกลับไปคุยด้วยเหมือนเดิม จะเริ่มยังไงดี?“คุณเมย์ (นามสมมติ)” อายุ 32 ปี สายที่หนึ่งในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [19 มี.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาทะเลาะกับแม่จนไม่ได้คุยกันมานาน โดย “คุณเมย์ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ทะเลาะกับแม่เมื่อ 3 เดือนที่แล้ว แม่อายุ 60 ปีแล้ว แม่อยู่ที่ต่างจังหวัด เป็นคนละจังหวัดกับเรา บางครั้งแม่ก็จะมาเยี่ยมที่บ้าน ซึ่งเราก็ใช้ชีวิตปกติ ดูแลแม่ปกติ เช่นถามว่า แม่จะไปเที่ยวไหนมั้ย จะทำอะไรมั้ย เราเองก็กลัวแม่จะเหงา เลยหากิจกรรมให้เขาทำ มีอยู่วันหนึ่ง เราก็ใช้ชีวิตปกติ คุณแม่ก็นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ และประมาณ 4 โมงเย็น เป็นช่วงที่เด็กๆ เลิกเรียน เราก็เตรียมตัวไปรับลูกชายที่โรงเรียน แต่อยู่ๆ แม่ก็โพ่งขึ้นมาเลยว่า วันนี้เราไปห้างกันเถอะ อยากไปช้อปปิ้งจัง จะไปดูเสื้อผ้า เราก็เลยบอกแม่ไปว่า แม่ เราไปวันหลังได้ไหม เพราะว่าวันนี้หนูจะต้องไปรับหลาน แล้วเราก็ไม่ได้อธิบายอะไรต่อ คิดว่าแม่จะเข้าใจและเห็นด้วยกับเรา หลังจากนั้นเราก็ไปรับลูกชาย พอกลับมาเราก็เห็นแม่นั่งอยู่และสังเกตได้ว่า แม่ดูอารมณ์ไม่ดี เราเลยไปถามแม่ว่า แม่เป็นอะไร แม่น้อยใจหรือเปล่า ที่ไม่ได้พาไปห้าง แล้วแม่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ และก็บอกว่า ใช่! ฉันน้อยใจ!แล้วก็เดินหนีเข้าห้องตัวเองไป เราก็คิดว่าแม่น่าจะยังงอนอยู่ เลยปล่อยให้แม่อยู่กลับตัวเองไปก่อน ระหว่างนั้นเราส่งข้อความไปหาน้องสาว ว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เลิกงานมาแล้วช่วยไปคุยกับแม่ให้หน่อย เผื่อแม่จะอารมณ์ดีขึ้น พอน้องสาวกลับมาจากที่ทำงานก็เข้าไปอธิบายให้แม่ฟังว่า เวลานั้นถ้าไปห้างจะลำบากรถติด ถ้าจะไป ไปวันหลังดีไหม ซึ่งเราก็คิดว่าพอน้องไปอธิบายแม่จะเข้าใจ แต่กลายเป็นว่า แม่ร้องไห้แล้วตะโกนเหมือนเด็ก ขว้างปาข้าวของ และใช้คำที่ทำให้ลูกๆ เสียใจ ประมาณว่า ฉันดูพวกเธอมานานละ พวกเธอก็เป็นแบบนี้กัน และพูดว่าเราเป็นลูกที่ไม่ดี ดูแลเขาไม่ดี แม่ก็บอกว่า ฉันจะกลับบ้านแล้ว จะกลับตอนนี้เลย ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ถ้าพวกเธอไปหาฉัน ก็จะไม่เจอฉันอีก แต่เราก็ให้แม่พักคืนนี้ก่อน เผื่อจะใจเย็นขึ้นแล้วค่อยมาคุยกัน วันรุ่งขึ้นแม่ก็ยังเป็นเหมือนเดิม ยังอารมณ์เสียเหมือนเดิม แล้วก็ไม่พร้อมที่จะรับฟังเหตุผลอะไรทั้งนั้นเลย เราเลยจองตั๋วให้แม่เพื่อที่จะกลับบ้าน เพราะที่บ้านก็จะมีคนที่อายุใกล้ๆ กัน จะได้คุยกับแม่เผื่ออารมณ์ดีขึ้น และหลังจากทะเลาะกันได้ 2 อาทิตย์ เราก็ให้น้องสาวโทรไปคุยว่าเป็นยังไงบ้าง และเหมือนแม่ก็รู้ว่าสิ่งที่ทำมันไม่ถูกต้อง แม่เลยไปปรึกษาหมอ แล้วหมอก็บอกว่า เป็นเพราะฮอร์โมน และอาจจะเป็นอาการเริ่มต้นของคนที่จะเป็นซึมเศร้า ตอนที่แม่กลับไปอยู่บ้าน แม่จะอยู่กับน้าสาว แล้วหลายๆ คนในบ้านพยายามบอกให้เรากับแม่ลองคุยกันดู แต่จริงๆ แล้ว เราแค่ต้องการคำขอโทษจากแม่ ให้แม่ยอมรับว่า สิ่งที่แม่พูด แม่ไม่ได้ตั้งใจที่จะพูด เพราะเราก็เป็นลูกคนโต เรารับผิดชอบครอบครัวมาเยอะมากจริงๆ และคิดว่าตัวเองก็ทำได้ดีมากๆ เท่าที่ลูกคนหนึ่งจะทำได้ ซึ่งก่อนหน้าที่จะทะเลาะกัน เราได้พาแม่ไปห้าง 2 แห่ง ตอนเช้าไปด้วยกันห้างแรก ตอนเย็นก็ไปอีกห้างหนึ่ง และเราก็ค่อยถามแม่ตลอดว่าจะเอาอะไร คือตามใจแม่ทุกอย่าง ปัจจุบันนี้เราก็ยังทะเลาะกับแม่ และยังไม่ได้คุยกัน เราก็พยายามที่จะบอกตัวเองว่า ให้อภัยแม่ได้ไหม เพราะเราก็เหลือแม่แค่คนเดียว ซึ่งเราก็ให้อภัยแม่ได้ แต่พอนึกถึงคำพูดที่แม่เคยพูด เป็นคำพูดที่มันทำร้ายเรา แล้วในช่วงนั้นก็เป็นช่วงที่เราอ่อนไหวและต้องผ่านเรื่องอะไรมาหลายๆ อย่าง แม่ก็ไม่ได้รู้ว่าลูกต่อสู้กับอะไรบ้าง เราก็ยังรู้สึกแย่อยู่ พอคิดจะกลับไปคุยกับแม่เราก็ทำไม่ได้ เพราะทิฐิที่เรามี ซึ่งเราเองก็ไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้ เกลียดทิฐิตัวเองมากๆ และเอาชนะมันได้ยากมากจริงๆ แต่ตอนนี้เราก็ยังซัพพอร์ตแม่อยู่ไกลๆ ยังติดตามอยู่ว่าแม่ทำอะไร แต่ก็ยังไม่ได้คุยกัน เลยอยากจะปรึกษาพี่ๆ ดีเจว่า เราจะตั้ง mindset ยังไง ให้เราก้าวผ่านความรู้สึกที่เสียไป และกลับไปคุยกับแม่ได้เหมือนเดิมคะ?’ เริ่มที่ “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่าเมย์ก็ต้องคิดว่า ถ้าพรุ่งนี้แม่ไม่อยู่ให้เมย์โทรไปหาแล้วจะเป็นยังไง อะไรก็ตามทั้งหมด เราคือครอบครัว และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราก็ต้องไปกันต่อ พี่ว่าหลายบ้านคุณแม่คุณลูกก็อาจจะมีเรื่องที่ไม่ดีต่อกันมากกว่านี้ เขาก็ต้องตัดสินใจที่จะไปต่อ ถ้าเขายังอยากเป็นครอบครัวกันอยู่ แล้วเมย์ก็รักคุณแม่ และอีกอย่างคือ จนตอนนี้เมย์อายุ 32 แล้ว พี่ว่าเมย์ก็น่าจะทำอะไรบางอย่างที่ทำให้แม่ไม่พอใจ หรือโกรธมาบ้าง แต่แม่ก็ยังอยู่กับเราจนถึงทุกวันนี้ได้ ซึ่งพี่ว่ามันคือครอบครัว เรามีความรักให้กัน แม้ว่าอีกฝั่งจะผิด แต่เราก็ต้องให้อภัยกัน เพราะเรารักกัน’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ในบางสถานการณ์ บางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครอบครัว มันอาจจะไม่มีประโยชน์ในการหาคนผิดคนถูก ในความสัมพันธ์ ในความเป็นครอบครัวกันในทุกรูปแบบ บางครั้งการที่เราพยายามจะบอกให้คนหนึ่งยอมรับว่าผิด มันอาจจะไม่ใช่ทางออกของปัญหาเสมอไป ต้องลองคิดดูดีๆ ว่าถ้าเราได้ยินคำนั้น มันจะทำให้เราปลดล็อกทุกอย่างในคำๆ เดียวหรอ? เวลาของคนเรามันจะน้อยลงเรื่อยๆ ซึ่งเราจะไม่มีวันเข้าใจคุณพ่อคุณแม่ที่สูงอายุมากๆ ที่เขาจะต้องอยู่คนเดียวจริงๆ ลูกก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน มันคงทรมานมาก กับการที่เขาเคยมีใครมาทั้งชีวิต แล้วอยู่ดีๆ วันหนึ่งมันก็โหวง เวลาในชีวิตเขามันก็น้อยลงไปเรื่อยๆ ทีละวันๆ ที่คุณหมอบอกว่ามันอาจจะเป็นภาวะซึมเศร้า มีความเป็นไปได้สูงมาก เพราะจากที่คุณเมย์เล่ามา แม่เขาอยู่คนเดียว เราอย่าหาผิดหาถูกกับคนที่ป่วยเลย เขายิ่งน่าสงสารขึ้นไปใหญ่ ลองคิดสิว่าเขาเป็นผู้ใหญ่ GEN เก่า แล้วยอมรับว่าตัวเองผิดถึงขนาดไปหาหมอ ซึ่งมันไม่ง่าย และมันก็แค่ 1 ประโยคที่เราตามหากัน ผมมองว่ามันยังมีเรื่องอีกมากมายที่น่าห่วงกว่านั้น เช่น คุณแม่จะอยู่ยังไงคนเดียวกับภาวะแบบนี้ ถ้าเกิดอะไรขึ้น ณ เวลานั้นใครจะเป็นคนใกล้ตัวที่ดูแลแม่ มันเลยมีเรื่องอื่นที่น่าห่วงกว่าคำขอโทษ สำหรับในมุมมองของคนนอกที่ได้ฟัง ส่วนเรื่องที่คุณเมย์เจอมา ผมเข้าใจมากๆ แล้วมันก็เป็นสาเหตุที่ทำให้คุณเมย์น้อยใจอยู่แบบนี้ แต่บางทีเราน้อยใจไปแล้ว แล้วยังไงต่อ และผมว่าเราทุกคนให้วันนี้ไม่มีวันเข้าใจ จนกว่าจะอายุเท่าคุณแม่แล้วอยู่คนเดียว ไม่มีใคร ผมก็ไม่อยากให้วันนั้นคุณเมย์มานึกย้อนว่า ‘อ๋อ ฉันเพิ่มเข้าใจในวันที่มันไม่มีโอกาสที่จะได้สื่อสารอะไรกันแล้ว’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘สิ่งที่เมย์เป็นอยู่ หนักอกหนักใจอยู่ คือการที่เมย์ถือทิฐิเอาไว้ ฉะนั้นอยากเบา อยากปล่อยวาง ก็คือ วางมันลงซะ คำขอโทษทั้งหมดมันไม่ได้มีค่าขนาดนั้น ‘ขอโทษมาสิ แม่แพ้มาสิ’ ต่อให้เมย์ได้คำขอโทษ และความพ่ายแพ้ของแม่ เมย์ก็ไม่ได้รู้สึกดีใจขนาดนั้น ชัยชนะมันไม่ใช่ชัยชนะจริงๆ การรักษาความรักที่เรามีให้ซึ่งกันและกัน มันคือชัยชนะของครอบครัวนี้แล้ว เมย์ลองนึกถึงวันที่เมย์เป็นแม่ขึ้นมาแล้วลูกไม่คุยกับเมย์ มันจะเจ็บปวดขนาดไหน นั้นก็คือคำตอบ วันนี้เมย์เป็นทั้งแม่และลูก ฉะนั้นจะเข้าใจความรู้สึกของทั้งสองบทบาทเลย ลองเข้าหาคุณแม่เถอะ เราไม่รู้ว่าแม่ปวดเป็นอะไรด้วยซ้ำ และสิ่งที่แม่ทำและแสดงออกมาที่มันไม่ปกติแบบนี้ นั้นแปลว่าแม่กำลังป่วย แล้วแม่กำลังเผชิญกับความยากลำบาก มันอาจจะมากกว่าเราด้วยซ้ำ ฉะนั้นคำขอโทษไม่มีความหมายเลย ถ้าเทียบกับชีวิตแม่เรา’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ผมอายุ 37 คบแฟน 24 น้องเขาขี้หึงมาก ผมทำงานเป็นตากล้อง เจอนางแบบสวยๆ แต่แฟนไม่โอเค สั่งให้ลบรูปในโซเชียลทั้งหมด ผมลงเพราะเก็บพอร์ตก็ต้องลบ หลังๆมา แฟนบอกว่าให้เลิกทำอาชีพตากล้อง ผมเลิกไม่ได้เพราะคือรายได้หลัก ตอนนี้ผมห่างกับเขาแล้ว

21 มี.ค. 2025

ผมอายุ 37 คบแฟน 24 น้องเขาขี้หึงมาก ผมทำงานเป็นตากล้อง เจอนางแบบสวยๆ แต่แฟนไม่โอเค สั่งให้ลบรูปในโซเชียลทั้งหมด ผมลงเพราะเก็บพอร์ตก็ต้องลบ หลังๆมา แฟนบอกว่าให้เลิกทำอาชีพตากล้อง ผมเลิกไม่ได้เพราะคือรายได้หลัก ตอนนี้ผมห่างกับเขาแล้ว

ผมอายุ 37 คบแฟน 24 น้องเขาขี้หึงมาก ผมทำงานเป็นตากล้อง เจอนางแบบสวยๆ แต่แฟนไม่โอเคสั่งให้ลบรูปในโซเชียลทั้งหมด ผมลงเพราะเก็บพอร์ตก็ต้องลบ หลังๆมา แฟนบอกว่าให้เลิกทำอาชีพตากล้องผมเลิกไม่ได้เพราะคือรายได้หลัก ตอนนี้ผมห่างกับเขาแล้ว แต่ยังไม่ได้ถอนหมั้นกัน จะทำยังไงดี? “คุณกอล์ฟ (นามสมมติ)” อายุ 37 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [19 มี.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาแฟนขี้หึงมากจนกระทบกับงาน โดย “คุณกอล์ฟ (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘ผมหมั้นกับน้องคนนึง เขาอายุ 24 ปี เราคบกันและหมั้นมารวมทั้งหมด 2 ปี ผมทำอาชีพเป็นช่างภาพ ส่วนน้องเขาทำงานที่ร้านของบ้านผม น้องเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยมีสังคม เอาแต่ใจ และเริ่มลามไปถึงเรื่องงานของผม ช่วงแรกๆที่คบกันน้องมีนิสัยงี่เง่านิดหน่อย แต่ยังไม่ได้ฉายแสงอะไร แต่ก็หึงหวงแรงมาก เช่น ตัดเพื่อนในโซเชียลมีเดียของผมเองเลย ช่วงที่ผมหมั้นกับเขาและทำงานไปด้วย ผมตัดเรื่องการถ่ายรูปเล่น เก็บพอร์ต ผมตัดทุกอย่างเพื่อเขา และรับแต่งานถ่ายภาพที่เป็นงานจริง ๆ เท่านั้น สาเหตุที่ผมตัดสินใจหมั้นกัน เพราะน้องเขาเป็นคนหน้าตาดี ผมก็อายุ 37 ปีแล้ว รู้สึกว่าถึงเวลาที่ควรจะมีครอบครัวได้แล้ว ถ้าช้ากว่านี้ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นชีวิตครอบครัวตอนไหน ก่อนคบกับเขา ผมค่อนข้างเจ้าชู้ เป็นคนเฟรนลี่ เล่นกับทุกคนไปหมด แต่พอคบกับเขา น้องก็มองว่าช่างภาพเจ้าชู้ทุกคน ผมเลยให้ความเชื่อใจโดยให้เขาดูทุกอย่าง รับงาน คุยกับใคร เช็คโทรศัพท์ได้ตลอด ซึ่งไม่เคยมีปัญหาเรื่องมือที่สามเลย จนกระทั่ง เวลาที่ผมจะต้องออกไปทำงาน ผมต้องคอยรายงานเขาตลอด แต่เวลาที่ผมเริ่มถ่ายงานเสร็จ ผมไม่ได้ทักบอกเขา เขาก็บอกว่า ทำไมถ่ายงานเสร็จแล้วไม่ทักบอกเลย ผมก็บอกว่า ขอนั่งพักซักแปปนึงได้ไหม เป็นแบบนี้ทุกครั้งมาตลอด เขาจะกลัวว่าผมจะไปจีบลูกค้า ไปคุยกับลูกค้าเกินกว่าที่เป็นช่างภาพกับลูกค้าคุยกัน ผมก็คอยแต่บอกเขาว่า มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ก็ให้เช็คได้ตลอดทุกครั้ง เราทะเลาะกันเรื่องนี้มาตลอด พอทะเลาะกันก็จะมีคำพูดนึงขึ้นมาว่า ไม่เคยชอบหรอกนะที่เธอถ่ายรูป และสุดท้ายเรื่องนี้ก็ลามไปถึงที่บ้านผม เพราะน้องอยากไปทำงานต่างจังหวัด ผมให้เขาไปคุยกับพ่อแม่ก่อน แต่พอคุยเสร็จก็ทะเลาะกับพ่อแม่ผม น้องยื่นคำขาดว่า ถ้าอยากให้เขาทำงานที่บ้าน ต้องให้ผมเลิกถ่ายรูป ผมถามเขาว่า แล้วจะทำอะไรกิน? เพราะแม้ว่าผมจะช่วยที่บ้านทำงาน แต่รายได้จากการถ่ายรูปก็ไม่ใช่น้อย ๆ ต่อเดือน กลายเป็นว่าเขาก็เลือกที่จะไปทำงานต่างจังหวัด ช่วงแรกเขาทดลองงาน 3 เดือน ผมซัพพอร์ตทุกอย่าง ค่าหอพัก ค่ากิน ค่าจิปาถะ ผมเคยแนะนำให้เขาทำงานที่บ้าน ถ้าไม่อยากทำงานที่บ้านก็ทำข้างนอก แต่ให้อยู่จังหวัดเดียวกัน จะได้กลับบ้านมาเจอกัน เป็นครอบครัว แต่น้องบอกว่า ไม่ ถ้าอยากให้เขาอยู่ ต้องเลิกถ่ายรูป หลังจากทดลองงานเสร็จ ผมบอกให้กลับมาขายของหน้าบ้านก็ได้ เพราะเขามีประสบการณ์ด้านร้านคาเฟ่ แต่น้องบอกหมดแพชชั่น ไม่อยากทำ ซึ่งผมคิดว่าไม่ใช่ คงเป็นเพราะไม่อยากมาเจอหน้าพ่อแม่ผม ที่เขาทะเลาะกับพ่อแม่ผมด้วยเรื่องที่เขาจะขอไปทำงานต่างจังหวัด เพราะพ่อแม่ไม่อยากให้ไป อยากให้ทำงานใกล้ ๆ ต่อให้ไม่ทำงานที่บ้านก็ไปทำงานในระแวกนั้นก็ได้ แล้วก็กลับบ้านมาเป็นครอบครัว แต่กลายเป็นว่า เขาเป็นคนดื้อ เขาเป็นคนเอาแต่ใจ ว่าฉันต้องทำแบบนี้ มีเส้นชัยไว้แบบนี้ ฉันต้องไปให้ได้ ซึ่งตอนนี้เขาไปทำงานไกลกว่าเดิมอีก ตอนแรกเขาฝึกงานกับอินฟลูเอนเซอร์คนนึงอยู่ในจังหวัดขอนแก่น แล้วก็ไปสมัครกับอินฟลูเอนเซอร์อีกคนที่โคราช ณ ตอนนี้ก็ทำงานอยู่ที่โคราช ยิ่งอยู่ห่างกัน น้องยิ่งหวงมากขึ้น พ่อแม่ผมถามว่า เธอไม่ไว้ใจลูกฉัน แล้วฉันไว้ใจเธอได้ไหม? น้องตอบว่า เชื่อใจได้สิ แต่ผมไม่เคยเช็คมือถือเขาเลย เพราะผมมองว่าชีวิตคู่ไม่ควรตึงหรือหย่อนเกินไป ต้องพอดี ๆ และเชื่อใจกัน ตอนแรกเราหมั้นกัน แล้วกะว่าครบปีจะจดทะเบียนสมรส แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าวันสุดท้ายที่ขาดสัมพันธ์กันเพราะความงี่เง่าของเขา วันนั้นผมออกไปถ่ายรูปรับปริญญาแต่เช้า บอกเขาแล้วว่าออกจากบ้านแล้วนะ แต่พอไปถึงที่งาน ผมไม่ได้ทักบอก น้องก็โกรธ พอตอนเย็นผมมีประชุมต่อ ก็ถ่ายรูปให้ดูว่าสถานที่ประชุมอยู่ตรงไหน แต่น้องก็งอนว่า ทำไมไม่บอกก่อนออกจากบ้าน ทุกครั้งที่ทะเลาะกัน ผมเป็นคนง้อ ขอโทษทุกอย่าง แต่ครั้งนี้ผมสุดจริง ๆ ผมบอกว่า ถ้าผมไม่ดี เปลี่ยนใหม่ไหม หรือห่างกันสักพัก น้องเขาก็ไม่ง้อผม เปลี่ยนสีแชท ลบทุกอย่าง หายไปหมด ผมเลยอยากถามพี่ๆดีเจว่า ผมทำถูกไหม ควรรอให้เขาคิดได้มากกว่านี้ หรือควรไปง้อเขา แล้วถ้าเขากลับมาง้อผม ผมควรพูดยังไง?’ เริ่มที่ “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คิดว่าเขายังคิดไม่ได้ แล้วก็ถ้าคุณกอล์ฟจะรอก็สุ่มเสี่ยงไป อายุ 37 แล้ว ถ้าคิดจะวางแผนอนาคต ลองมองหาคนที่เป็นผู้ใหญ่และเข้าใจเรามากกว่านี้ คือการมีแฟนต้องไม่แตะเรื่องการทำงานของเราเลย งั้นก็เลือกตัดแฟน ถูกต้องแล้ว คนนี้ไม่ได้เข้ามาอยู่ในวงจรของเรา เขาไม่สามารถเข้ามาโลกของเราได้ เขาไม่ได้เหมาะ เปลี่ยนคน เอาผู้ใหญ่ที่โตกว่านี้ เข้าใจการทำงานของเรา ไม่ได้ผิดที่เราผิดที่เขา’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘รู้สึกว่าคุณกอล์ฟดูถูกตัวเองไปหน่อย ว่าอายุ 37 แล้วยังไม่แต่งงานมันจะช้า เพราะรู้สึกว่า 37 มันควรได้อยู่ที่ส่งเสริมกันและกัน ซึ่งน้องเขาอาจจะไม่เหมาะกับแบบนี้ คุณกอล์ฟต้องถามตัวเองว่าถ้าแต่งงานแล้ว เราจะอยู่กับเขาได้จริง ๆ ใช่ไหม ถ้าเขากลับมา แล้วคุณกอล์ฟใจอ่อน ก็ต้องคุยกับเขาว่า เป็นแบบนี้ไม่ได้ เพราะอันไหนที่มันเกินไป ก็ต้องบอกว่าคุณกอล์ฟไม่โอเคกับเรื่องนี้ ก็ต้องปรับตัว ถ้าไม่ได้ก็เลิก’ สุดท้าย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ด้วยความห่างของอายุ 37 กับ 24 มันห่างกันมาก และคนละ Generation วิธีคิด การแสดงออก คนละแบบ ความตกตระกอนในชีวิตคนละเรื่อง ถ้าเราจะรอให้ผู้หญิงคนนี้ให้โต มันไม่ได้การันตีว่า อายุเยอะขึ้นแล้วจะหาย บางคนก็งี่เง่าแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ถ้างี่เง่าเรื่องอื่นโอเค แต่ถ้ามาตัดรายได้มันอยู่ด้วยกันไม่รอดแล้ว นั่นแปลว่าทัศนคติในการสร้างครอบครัวมันไม่เหมือนกันแล้ว การสร้างครอบครัวมันไม่ใช่แค่การคบแค่เป็นแฟน มันคือการหาเงิน การช่วยกันบริหารรายจ่าย รายรับ แต่เราดันไปเจอคนที่ไม่พร้อมมาก ๆ ถ้ามีแล้วปวดหัว มีแล้วการงานเสีย มีแล้วรายได้หด ก็อย่าเพิ่งมีดีกว่า’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ถ้าเราตัดขาดเพื่อนสนิทของแฟน เจอเพื่อนคนนี้มาหลายครั้งรู้สึกว่า TOXIC กับชีวิตสุดๆ ขี้น้อยใจ ปากไม่ดี พูดแซะเราบ่อยๆ แฟนบอกแล้วแต่เราเลย แต่เค้าก็จะยังเป็นเพื่อนกันต่อไป ถ้าเราออกตัวว่าไม่ชอบ กดออกจากแชทกลุ่มในไลน์แบบนี้ จะมีผลกระทบอะไรในอนาคตไหมคะ

21 มี.ค. 2025

ถ้าเราตัดขาดเพื่อนสนิทของแฟน เจอเพื่อนคนนี้มาหลายครั้งรู้สึกว่า TOXIC กับชีวิตสุดๆ ขี้น้อยใจ ปากไม่ดี พูดแซะเราบ่อยๆ แฟนบอกแล้วแต่เราเลย แต่เค้าก็จะยังเป็นเพื่อนกันต่อไป ถ้าเราออกตัวว่าไม่ชอบ กดออกจากแชทกลุ่มในไลน์แบบนี้ จะมีผลกระทบอะไรในอนาคตไหมคะ

“คุณฟ้า (นามสมมุติ)” อายุ 25 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [19 มี.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาเรื่องความสัมพันธ์กับเพื่อนในกลุ่ม โดย “คุณฟ้า (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูรู้จักเพื่อนคนหนึ่งตั้งเเต่ ม.ปลาย เขาเป็นเพื่อนสนิทของแฟนหนู ก็รู้จักกันพร้อมๆกับตอนที่หนูคบกับเเฟนตอน ม. 4 นิสัยของเขามีความเหมือนผู้หญิงมากจนเกินไป ตอนนี้หนูก็มีงานทำเเล้ว เลยทำให้หนูไม่มีเวลา เขาก็จะมาน้อยใจบอกว่าหนูเปลี่ยนไป หนูไม่เหมือนเดิม มันเลยทำให้เพื่อนๆต้องคอยตามง้อ คอยตามเอาอกเอาใจตลอด หนูก็เลยไม่ค่อยชอบนิสัยเเบบนี้เท่าไหร่ พอเขาน้อยใจเมื่อไหร่ ก็จะโพสต์ลงโซเชียลตลอด เเต่ตอนนี้ดีขึ้นมากเเล้วเพราะเขาเพิ่งคบกับเเฟน ก็เลยไม่ค่อยได้อยู่กับเพื่อนกับเเฟนหนูเท่าไหร่ เมื่อก่อนในฐานะเพื่อนเขาถือว่าเป็นเพื่อนที่ดีมาก เช่น ตอนที่เรียนจบใหม่ๆ เเฟนหนูเขาเป็นนักบอล เขาก็ตามไปดูเเฟนหนูเเข่งบอลทุกจังหวัดเลย เเต่จุดเปลี่ยนที่ทำให้หนูรู้สึกไม่ชอบเพื่อนคนนี้ ก็คือในตอนที่เเฟนหนูเลิกเป็นนักบอล เเล้วมาทำงานประจำเเทน มันทำให้เพื่อนคนนี้กับเเฟนหนูไม่ค่อยได้เจอ ไม่ค่อยได้ไปเตะบอลด้วยกันเพราะไม่มีเวลา พอเเฟนหนูปฎิเสธที่จะไปเตะบอลด้วย เขาก็หายไปเลย เเล้วไปโพสต์ตัดพ้อ ติดต่อไม่ได้ โทรไปก็ไม่รับ ไลน์ไม่ตอบ เเล้วเขาก็หายไปเเบบนี้เกือบเดือนเลย เราทักชวนเขาไปข้างนอก เขาก็ไม่ไป ทั้งๆที่ปกติเราจะไปเที่ยวข้างนอกด้วยกันทุกอาทิตย์ พวกเราก็เลยตามง้อกัน เเต่สุดท้ายเขาก็กลับมาเองเเล้วก็บอกว่า ไม่ได้โกรธนะ เเกล้งเล่นเฉยๆ เเละด้วยความที่หนูเป็นเพื่อนกับเขามานาน หนูก็รู้ว่าเขาน้อยใจเเหละ เเต่ปากเเข็ง มันก็เลยทำให้หนูไม่ชอบเขา หนูเลยปิดกั้นไอจีเพราะจะได้ไม่ต้องมาหงุดหงิดกับสตอรี่ของเขา จริงๆหนูก็อยากกดออกจากกลุ่มไลน์ด้วย เเต่ยังเกรงใจเเฟนอยู่ เลยยังไม่ได้ออก พอมารอบที่ 2 เรื่องที่หนูไม่โอเค คือ ตอนนั้นหนูไปเที่ยวทะเลกับกลุ่มเพื่อนๆของหนู ด้วยความที่หนูไม่โอเคกับคนนั้นตั้งเเต่เรื่องเเรก หนูเลยไม่ชวนเขาไปด้วย เเต่ชวนเพื่อนในกลุ่มของเขาไปอีก 2 คน แล้วเขาก็เลยโทรมาเช็คกับหนูว่ามีใครบ้าง เเต่ก็ไม่ได้พูดถามออกมาตรงๆว่าทำไมถึงไม่ชวนเขาไปด้วย หนูเลยคิดในใจว่าเป็นเเบบนี้เเสดงว่าน้อยใจเเน่นอน กลับจากทะเลก็คงโดนงอนอีกแน่เลย เเละมันก็จริงแบบที่หนูคิด เพราะตอนที่หนูกลับถึงกรุงเทพ เราก็ไปร้านเหล้ากันต่อ โดยมีเพื่อนคนนี้ไปด้วย แล้วเขาก็มาพูดน้อยใจกับเเฟนหนูว่า เดี๋ยวนี้มันไม่เหมือนเดิมเเล้วเนอะ เมื่อก่อนก็ชวนไปไหนด้วยกัน เดี๋ยวนี้ก็ไม่ชวนเเล้ว เขาตัดพ้อออกมาเยอะมากๆ เเฟนหนูก็ยิ้มๆขำๆออกไป พอกลับจากร้านเหล้า เขาก็พิมพ์เข้ามาในกลุ่มว่า เนี้ย เพื่อนไปทะเลเเล้วไม่ชวนผม ผมก็ไม่ซีนะ ผมไม่ได้น้อยใจอะไร นี่เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้หนูโกรธมากๆที่มาเเซะกันเเบบนี้ หนูเลยทนไม่ไหวเเล้วไปโพสต์สตอรี่ในไอจีว่า อ่อ ขอบคุณที่เเจ้งให้ทราบค่ะ เขาก็ตอบกลับสตอรี่มาว่า นี้มึงหมายถึงกูรึป่าว หนูเลยถามเขาตรงๆว่า ถ้ามึงน้อยใจอะไร บอกกูตรงๆได้นะกูมีเหตุผล เเล้วเขาก็บอกว่า เเค่เเซวเล่น ฝากบอกเเฟนด้วยว่าเเกล้งๆ หนูเลยตอบตัดบทไปว่า ตามนั้นเเหละ ความสัมพันธ์ของหนูกับเพื่อนเเฟนเลยชะงักกันอยู่ตอนนี้ เเล้วเเฟนของหนูก็บอกว่า เขาจะไม่ยุ่ง ให้เราเคลียกันเอาเอง ต้องบอกก่อนว่าปกติกลุ่มของหนูทุกๆปีจะมีการจัดทริปไปเที่ยวด้วยกัน เเต่ปีนี้ทุกคนในกลุ่มคิดเหมือนกันว่าเพื่อนคนนี้ จะเอาเเต่ใจขึ้้นเรื่อยๆ ปีนี้ทริปก็เลยล่มไป เเละวันนี้ก็เป็นวันเกิดของเพื่อนคนนี้ เเฟนหนูก็ไป เเต่หนูไม่ได้ไปด้วย ซึ่งตอนนี้มันก็เหลือเเค่ช่องทางเดียวที่หนูจะออกมา ก็คือกลุ่มไลน์ หนูเลยอยากปรึกษากับพี่ๆดีเจว่า หนูไม่ได้อยากจะสนิทกับเพื่อนคนนี้เเล้ว อยากถอยความสัมพันธ์กลับไปเป็นเเค่คนรู้จัก เเละอยากออกจากกลุ่มไลน์ มันจะมีผลอะไรที่ตามมามั้ย?’ เริ่มที่ “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้ามันเป็นกลุ่มไลน์ใหญ่เเบบคนเยอะๆ พี่อาจจะเเนะนำว่าเปลี่ยนชื่อเเล้วออกเลย ฟ้าอาจจะต้องลองคำนวณดูว่า ในระยะเวลา วัน เดือน ปี เราต้องเจอคนๆนี้กี่ครั้ง เพราะการมองหน้ากันไม่ติดมันจะเกิดขึ้นเเค่ตอนที่ฟ้าเจอคนๆนั้นเเหละ เเละถ้าฟ้าคิดว่าการที่เจออะไรเเบบนี้เเล้วมัน Toxic มาเกินไปเราก็ต้องเลือกตัวเองไว้ก่อน เเล้วก็คุยกับเเฟนให้ดีๆเพราะคนกลางก็คงมีความหนักใจ หรือไม่ก็ฟ้าอาจจะหลับหูหลับตาไปเพื่อประคองความสัมพันธ์ของเพื่อนเเละเเฟนไปต่อก็ได้’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ตอนเเรกพี่อาจจะเเนะนำว่าให้ฟ้าฝืนอยู่ต่อไป เเต่พี่ก็คิดว่าสักวันอาจจะมีวันที่ฟ้าทนไม่ไหวเเล้วมันจะเเย่ไปกว่านี้ เพราะงั้นก็ออกจากกลุ่มได้เลยพี่มองว่าเเฟนฟ้า ก็อาจจะไม่ได้อะไร เเต่ฟ้าก็อาจจะต้องรับมือกับเหตุการณ์ตอนที่เราต้องเจอหน้าเขาให้ได้’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘วันนี้อย่าพึ่งออกจากกลุ่ม เพราะเป็นวันเกิดเขา เดียวถ้าเขาเห็นเเล้วเขาเมาอยู่เขาอาจจะโทรมาเคลียเดียวมันจะเป็นเรื่องใหญ่ รอให้ผ่านมาสักพักนึงเเล้วเตี๊ยมกับเเฟน พอฟ้ากดออกกลุ่มปุ๊ป ให้เเฟนส่งรูปภาพเข้าไปในกลุ่มเยอะๆเขาจะได้ไม่เห็นว่าฟ้าออกไป เเล้วถ้าเขาถามก็อาจจะให้เเฟนตอบไปเลยว่า อ่อโทรศัพท์ฟ้าเสีย อะไรเเบบนั้น’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

แฟนหนูเขาชอบแสดงความรักโดยการ เอาเอวมาถูที่ตัวหนู แล้วกะยึกๆน้องชายเขาให้มันขยับกะยึกๆ ความรู้สึกหนูเหมือนมีหนอนมาดุ๊กดิ๊กๆใส่เรา บอกไปแล้วว่าไม่ชอบ แต่แฟนก็ยังแกล้งทำอยู่ จะทำยังไงให้แฟนไม่กะยึกๆน้องชายใส่เราดีคะ

17 มี.ค. 2025

แฟนหนูเขาชอบแสดงความรักโดยการ เอาเอวมาถูที่ตัวหนู แล้วกะยึกๆน้องชายเขาให้มันขยับกะยึกๆ ความรู้สึกหนูเหมือนมีหนอนมาดุ๊กดิ๊กๆใส่เรา บอกไปแล้วว่าไม่ชอบ แต่แฟนก็ยังแกล้งทำอยู่ จะทำยังไงให้แฟนไม่กะยึกๆน้องชายใส่เราดีคะ

“คุณเเตง (นามสมมุติ)” อายุ 36 ปี สายสุดท้ายในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [12 มี.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจอ๋อง - ดีเจพี่อ้อย” เกี่ยวกับปัญหาพฤติกรรมการเเสดงความรักของเเฟนเเบบเเปลกๆ โดย “คุณเเตง (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูคบเเฟนคนนี้มา 4 ปี จะ 5 ปีแล้ว อยู่ด้วยกันก็อบอุ่น ละมุนละไม บอกรัก น่ารักกันมากๆ แต่พอเราอยู่ด้วยกัน เผยตัวตนของกันและกัน หนูเริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับการเเสดงความรักของเขา ซึ่งวิธีการเเสดงความรักของคนปกติก็อาจจะกอดกัน หอมกัน หวานๆ เเต่ของเเฟนหนูมันค่อนข้างจะทุเรศ คือเขาจะวิ่งมากอดเเล้วเอาขามาก่ายตัวหนู ประเด็นคือเวลาเขาทำเเบบนั้น น้องเจลลี่เเบร์เขา(อวัยวะเพศ) จะมาโดนที่ขาเรา ถ้าเเค่โดนเฉยๆแล้วมันนิ่งหนูก็จะโอเคกับมัน เเต่มันไม่นิ่ง เพราะเเฟนหนูเขาจะทำให้มันกะยึกๆมาชนสะโพก ชนขาเรา หนูรู้สึกได้ว่าเขากำลังขมิบ หนูก็รู้สึกรำคาญเหมือนโดนหนอนนุ่มๆมาอยู่ตรงขาเรา บางทีหนูก็คิดว่าเเค่กอดกันเเบบปกติไม่ได้หรอ เเล้วเขาก็ไม่เคยที่จะหยุดทำเลย ไม่ว่าจะนอนกอดท่าไหน หรือหนูนั่งตัก ถึงเขาจะไม่ได้ทำเเบบนี้ทุกที่ เเต่ทุกครั้งที่มีเหตุการณ์เเบบ Feel good ต่อกันเขาก็จะทำเเบบนี้ และจะจบด้วยการที่หนูด่าเขา หรือบางทีเคยจับมือกันแล้วบอกให้หยุด พอแล้ว พอนะ! แต่เขาจะรีแอคแบบยิ้มๆ แล้วพูดว่า นั่นไม่ใช่เรา อยู่ตลอดเลย เคยมีครั้งหนึ่งโมโหมากๆ หนูก็ฟาดไปที่เป้าเขาเลย แล้วเขาก็จบ หนูสงสารเขา แต่หนูก็ว่าเขาสมควรแล้ว เหมือนเขาดูภูมิใจทุกครั้งที่ทำให้หนูโมโหได้ด้วยสิ่งนี้ หนูเลยคิดว่านี่มันเป็นนิสัยปกติของเธอแล้วใช่มั้ย มันหนักถึงขั้นทำให้หนูรู้สึกอยากเลิกกับเขาเลย เพราะบางครั้งที่หนูทำงานมาเหนื่อยๆก็เเค่อยากได้กอดธรรมดาๆ ไม่อยากให้เขามาทำแบบนี้ เเต่เขาก็ยังทำ แล้วเขาเหมือนทำว่ามันเป็นเรื่องตลก เรื่องขำๆอยู่ตลอด พอหนูบอกเขา ด่าเขา เขาก็จะสลด แล้วหยุดไปแปปนึง เเล้วสักพักก็กลับมาทำอีก เพราะเขารู้สึกว่าเรื่องแค่นี้มันอาจจะไม่ได้ทำให้เราเลิกกัน ส่วนตัวก็แอบคิดในใจว่าเรื่องติ๊งต๊องแบบนี้จะทำให้เราเลิกกันจริงๆหรอ แต่มันก็ทำให้รู้สึกรำคาญได้จริงๆ หนูเลยอยากปรึกษาพี่ๆดีเจว่า เเฟนหนูเขาเป็นโรคจิตรึป่าวคะ? ผู้ชายรู้สึกดีที่ได้ทำเเบบนี้หรอคะ แล้วทำยังไงเขาถึงจะหยุด?’ เริ่มที่ “ดีเจพี่อ้อย” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่รู้สึกว่าการที่หนูไปตีเขา มันทำให้รู้สึกว่า ยิ่งเธอไม่ชอบ ฉันยิ่งอยากที่จะเเกล้ง พี่เลยคิดว่าภาษารักคนเราอาจจะต่างกัน เเต่ถ้าสมมุติในวันหนึ่งเขาไม่ได้ทำเเบบนี้กับเราเเล้ว เขาไปมีความสุขกับสิ่งอื่น เเตงก็อาจจะคิดว่าทำไมเขาถึงไม่ได้คลั่งไคล้เราเท่าเมื่อก่อนเเล้ว ซึ่งถ้าเขาทำเเบบนี้ในพื้นที่ส่วนตัว ไม่ได้ทำต่อหน้าคนอื่นเเบบนี้ก็ยังโอเคเเต่ถ้าเขาทำต่อหน้าเพื่อนเรา อันนี้ก็จะเหมือนเขาไม่ให้เกียรติเราเลย เพราะงั้นคบกันมา 4 ปี เเล้วก็ควรที่จะพูดคุยกันให้เยอะมากขึ้นว่าต้องการเเบบไหน’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่าปัญหาของเเตง ถ้านำไปเล่าให้คนอื่นฟัง ก็อาจจะมีคนที่อิจฉา เพราะเขาอาจจะอยากได้เเฟนที่ขี้ๆเล่นเเบบนี้ เเละการที่มีคู่ไหนที่จะเลิกกันด้วยเหตุผลเล็กๆ ผมเชื่อว่าคู่นั้นอาจจะสื่อสารกันไม่มากพอ เพราะงั้นพี่เลยคิดว่าอาจจะให้เเตงบอกเขาให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นว่าเเตงต้องการอะไรหรือไม่ชอบอะไร’ เเละสุดท้าย “ดีเจอ๋อง” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ฉันว่าเธอโทรมาไม่ได้เหมือนมาปรึกษาเเต่เหมือนมาอวด เพราะฉันอิจฉาเธอมาก เเต่อ๋องจะบอกคุณเเตงว่าที่คุณเเตงบอกอยากเลิกเพราะเรื่องนี้ ถึงมันจะเป็นเหตุผลที่เล็กน้อยเเค่ไหนเเต่มันทำให้เรารู้สึกไม่ได้ คุณเเตงก็อาจจะต้องพูดออกไปตรงๆกับเเฟนเลย ลองเปิดใจคุยกันเเบบอาจจะไม่ต้องถึงขั้นซีเรียส เเต่เป็นการเเชร์มุมมองกัน เเต่สุดท้ายอ๋องก็คิดว่าถ้าเขาเเสดงออกเเบบนี้อาจจะเเปลว่าเขารักเราจริงๆ สุดท้ายก็อยู่ที่การพูดคุยกัน’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูเพิ่งโดนแฟนบอกเลิก รู้เหตุผลมาจากเพื่อนของเขาอีกที เขาบอกว่าเราเป็นแฟนที่ไม่ค่อยเอาใจใส่ ไม่ค่อยถามเขาว่าเหนื่อยไหม? ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน หนูก็ให้ความรักเขาเต็มที่แล้ว ปกติดีทุกอย่าง ตอนนี้อยากเดินหน้าง้อเขากลับมาในความสัมพันธ์เดิม

17 มี.ค. 2025

หนูเพิ่งโดนแฟนบอกเลิก รู้เหตุผลมาจากเพื่อนของเขาอีกที เขาบอกว่าเราเป็นแฟนที่ไม่ค่อยเอาใจใส่ ไม่ค่อยถามเขาว่าเหนื่อยไหม? ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน หนูก็ให้ความรักเขาเต็มที่แล้ว ปกติดีทุกอย่าง ตอนนี้อยากเดินหน้าง้อเขากลับมาในความสัมพันธ์เดิม

หนูเพิ่งโดนแฟนบอกเลิก รู้เหตุผลมาจากเพื่อนของเขาอีกที เขาบอกว่าเราเป็นแฟนที่ไม่ค่อยเอาใจใส่ไม่ค่อยถามเขาว่าเหนื่อยไหม? ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน หนูก็ให้ความรักเขาเต็มที่แล้ว ปกติดีทุกอย่างตอนนี้อยากเดินหน้าง้อเขากลับมาในความสัมพันธ์เดิม แต่เขาไม่เปิดใจให้เราเข้าไปเลย “คุณเอ (นามสมมติ)” อายุ 29 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [12 มี.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก – ดีเจอ๋อง – ดีเจอ้อย” เกี่ยวกับปัญหาโดนแฟนบอกเลิก เพราะเรื่องไม่ค่อยใส่ใจเขาพูดกับเพื่อนว่า เราไม่ดูแล ไม่ถามเขาว่าเหนื่อยมั้ย? โดย “คุณเอ (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘หนูเพิ่งรู้สาเหตุที่เลิกกับแฟน คือแฟนเพิ่งบอกเลิกเมื่อเดือนที่แล้ว ทั้ง ๆ ที่ตลอดเวลาที่คบกัน เขาเป็นคนที่สม่ำเสมอมาก ช่วงก่อนเลิกกัน แฟนขายของออนไลน์กับหนู ทำให้ได้ใช้เวลาร่วมกันตลอด ไม่ว่าจะไปไหนมาไหน แต่วันหนึ่งเราคุยกันว่า รายได้ที่มีอยู่ตอนนี้พอหารสองแล้วไม่พอใช้ แฟนก็เลยกลับไปทำงานกับที่บ้าน แล้วทางบ้านแฟนก็ไปเคลียร์ที่เพื่อทำสวน ทำธุรกิจที่ต่างจังหวัดเพิ่มเติม เลยทำให้แฟนต้องเดินทางไป - กลับ 2 – 3 วันกลับมาที่ หรือมาหาดึก แต่ตอนเช้าต้องเดินทางต่อ ระหว่างนั้นทุกครั้งที่เขากลับมา เขาก็ยังมารับและไปส่งเราตอนเช้าเหมือนเดิม มันก็เป็นแบบนี้มาตลอดตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม จนวันหนึ่ง เขาก็มาบอกว่าขอไม่ไปรับเพราะรู้สึกเหนื่อย ถึงแม้เราจะน้อยใจ แต่ก็เข้าใจ และบอกเขาว่าไม่โกรธ ทำให้ 1-2 สัปดาห์ก่อนเลิกกัน เราไม่ได้เจอกันเลย แต่ยังคุยกันผ่านแชทและโทรหากันตลอด จนวันที่เราเลิกกัน วันนั้นหนูไปมูกับเพื่อน แล้วแฟนกลับมาพอดี เราก็เลยคุยกันว่า เดี๋ยววันนี้เค้าไปหานะ จะไปนอนที่บ้านเธอ หนูมาถึงบ้านเขาก่อน ซึ่งระหว่างทางก็คุยกันปกติ ไม่มีปัญหาอะไร เขายังถ่ายรูป ส่งรายงานหนูตลอด พอเขามาถึง เขากลับบ่นว่าโทรหาแล้วหนูไม่รับ ทำให้เขาเข้าบ้านไม่ได้ ต้องบอกก่อนว่า ก่อนหน้านั้นโทรศัพท์หนูตกจนหน้าจอแตก ทำให้บางครั้งสายที่โทรเข้ามา มันก็ไม่แจ้งเตือน แล้วพอเขาเข้าไปในบ้าน เขาก็มานอนนิ่ง ๆ บนพื้น ดูเหนื่อยมาก หนูเลยปล่อยให้เขานอนไปก่อน แต่หนูก็สังเกตเห็นว่าเขาทำหน้าแปลก ๆ เลยถามว่าเธอเป็นอะไร? ตอนแรกเขาบอกว่าไม่มีอะไร ช่างมันเถอะ แต่หนูดูออกว่าต้องมีอะไรแน่ๆ เลยถามเขาไปอีกว่าเป็นอะไร? แต่สุดท้ายเขาก็ยอมพูดว่า เขานอนมานานแล้ว ทำไมหนูไม่ถามเขาเลยว่าเหนื่อยไหม เป็นยังไงบ้าง? หนูก็พยายามง้อ แต่เขาเงียบ ไม่พูดอะไร และสีหน้าดูแปลกไป ตลอด 4 ปีที่คบกัน เขาไม่เคยเป็นแบบนี้เลย แล้วอยู่ ๆ เขาก็ร้องไห้ และบอกว่า เขารู้สึกว่าตัวเองทำตามแผนที่เราคุยกันไว้ไม่ได้ เขาไม่พร้อม ไม่รู้เลยว่าถ้าย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดแล้วชีวิตจะเป็นยังไงต่อ ซึ่งช่วงต้นปีใหม่ เขาอยากให้หนูไปต่างจังหวัดด้วย แต่ความคิด ณ ตอนนั้น คือด้วยความที่หนูขายของอยู่ที่นี่ ฐานลูกค้าหนูอยู่ที่นี่ หนูก็เลยกลัวว่ามันจะเกิดปัญหาตามมา ถ้าจะไปอยู่ที่นู้น แล้วต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่ พ่อแม่หนูเขาก็เป็นห่วง แต่เขาก็ไม่ได้ห้าม เขาบอกว่า ถ้าสุดท้ายเราจะอยู่กับเขา เขาเชื่อว่าเราโตแล้ว เราตัดสินใจได้ แก้ปัญหาได้อยู่แล้ว ถ้าอยากจะไปก็ไป หนูก็บอกเขาว่า ถ้าหนูไป เป็นไปได้ก็อยากทำอะไรให้มันถูกต้องก่อน เหมือนเขาเก็บเรื่องนี้เอาไปคิด แล้วเขาก็มาพูดกับเราแบบนั้น หนูก็บอกเขาว่า แผนมันเปลี่ยนได้นะ คือหนูคิดไว้อยู่แล้วว่าในอนาคตหนูก็คงไป แต่หนูก็ไม่เคยบอกเขาว่าหนูคิดจะไป หลังจากเลิกกัน 2-3 วัน หนูก็ไปถามเพื่อนเขาว่าเขาเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น เพราะเหตุผลที่เขาบอกหนูมันดูไม่ค่อยเมคเซ้นต์ แต่หนูก็ไม่ได้นึกถึงเรื่องที่เขามีคนอื่น เพราะที่ผ่านมาเขาเป็นแฟนที่ดีมาก ไม่เคยมีเรื่องปิดบังเลย อยู่กับหนูตลอดเวลา ใส่ใจตลอดเวลา ไม่มีเรื่องผู้หญิงเลย หนูก็สงสัยว่ามันคงมีเหตุผลอื่นแหละ แล้วเพื่อนเขาก็เลยบอกว่า แฟนหนูก็ไปพูดว่ามันมีเรื่องนิสัยของหนูที่เขาไม่โอเค บางเรื่องเขาก็พูดนะ แต่บางเรื่องส่วนใหญ่เขาผิดเองที่ไม่ได้พูด หลักๆคือเขาบอกว่าหนูไม่ค่อยใส่ใจ ไม่ค่อยเทคแคร์เขา ซึ่งจริง ๆ ที่ผ่านมาหนูมองว่าหนูเทคแคร์แล้ว แต่หนูก็เข้าใจว่าภาษารักของแต่ละคนไม่เหมือนกัน การแสดงออกของหนู คือหนูให้เวลาเขา เวลามีอะไรเขาเป็นที่หนึ่งตลอด หนูทำอะไรคล้ายๆเขา ก็เลยคิดว่าที่ผ่านมามันดีมากตลอด ส่วนเรื่องนิสัยหนูเป็นคนพูดห้วน ๆ ไม่ค่อยอ้อน ในขณะที่แฟนเด็กกว่า จะมีความอ้อน บางครั้งเขาทำอะไรที่ทำตามอารมณ์มากกว่า และต้องการการดูแลมากกว่านี้ ผิดกับหนูที่หนูเป็นคนชอบวางแผน ชอบเตือนแฟนว่า ถ้าเธอทำแบบนี้ เกิดเหตุการณ์แบบนี้เธอจะทำยังไง? เหมือนเรายกตัวอย่างให้เขาฟัง แล้วเขาจะคิดว่าเราชอบคิดในแง่ร้ายไปก่อน ตอนที่หนูไปง้อ เขาบอกว่าเขาพอแล้ว และเขาไม่ได้รู้สึกรักหนูเหมือนเมื่อก่อน แต่ค่าใช้จ่ายที่เราหารกันปัจจุบัน รายรับ - รายจ่าย - รายได้ เรายังหารกันเหมือนเดิม แต่เขาบอกว่าเขาจะแบ่งให้แค่ช่วงแรกเท่านั้น ซึ่งหนูคิดว่าถ้าเรากลับมาคบกัน ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้อยู่แล้ว หนูรู้แล้วว่าเขาต้องการอะไร แล้วข้อเสียของหนูที่เขาไม่ชอบมันคืออะไร ที่ผ่านมาหนูก็เชื่อว่าหนูสามารถทำได้ เพราะหนูก็เคยเป็นคนแบบนั้นมาก่อน ทั้งขี้อ้อน พูดจาดี แต่พอเราโตขึ้น อะไรหลายๆอย่างมันทำให้หนูแข็งขึ้น แต่หนูอาจจะแข็งมากเกินไป หนูก็พร้อมจะเปลี่ยนแปลงและแคร์เขามากขึ้น แต่ตอนนี้เขาใจแข็งมาก เขามองว่าเราเปลี่ยนนิสัยตรงนี้ไม่ได้หรอก หนูเลยอยากจะถามพี่ ๆ ดีเจว่า หนูควรวางตัวยังไงคะ? หนูพร้อมที่จะเป็นคนที่แคร์เขามากขึ้น อยากให้เขาเชื่อว่าหนูทำได้ เปลี่ยนเพื่อเขาได้’ เริ่มที่ “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เวลาโดนบอกเลิก ก็คงอยากทำทุกอย่างเพื่อง้อ เพื่อคืนดี ซึ่งเอมีสิทธิ์ง้อได้ แต่เขาจะคืนดีหรือเปล่าก็เป็นสิทธิ์ของเขานะ ซึ่งตอนนี้เราพยายามหาเหตุผลทุกอย่างมาอธิบายการเลิกกัน ซึ่งพี่บอกเลยว่าเราไม่มีทางรู้หรอกว่าเหตุผลที่แท้จริงคืออะไร แต่เอาเป็นว่า เขาไม่ได้อยากคบหาเราแล้วตอนนี้ อันนี้คือความจริงที่เกิดขึ้น คนเราเวลาทะเลาะกัน ถ้าอยากที่จะคบหากันอยู่ มันจะหาวิธีแก้ ไม่ได้หาวิธีเลิก แต่สิ่งที่คนทุ่มเทในการง้อใครสักคนต้องเจอ คือเจอรีแอคที่ทำร้ายจิตใจกันแบบสุด ๆ คนนึงหวังที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่อีกคนไม่เอาแล้ว การแสดงออกมันจะตรงกันข้ามกันเลย มันจะยิ่งทำให้เราเจ็บนะ ต้องยอมรับความจริง และรอด้วยความเจ็บพอสมควร’ ต่อมา “ดีเจอ๋อง” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เอต้องมีสติก่อน เพราะเขาพูดเองแล้วว่า เขาไม่รักเหมือนเดิม และกลับมาไม่ได้แล้ว นี่คือเคลียร์สุด ๆ เขาไม่ได้ต้องการเราในชีวิตอีกแล้ว พี่ว่าการปรับปรุงตัวเพื่อเขาอาจไม่เวิร์ค เพราะต่อให้เอเปลี่ยนยังไง เขาก็หมดรักไปแล้ว และคนหมดรักจะโทษเราแค่ไหนก็ได้ ถ้าถามพี่ เอควรมูฟออน หรือถ้ายังรักแล้วอยากง้อ ต้องตั้งลิมิตให้ตัวเอง แต่ตอนนี้สิ่งเดียวที่ควรทำคือ รักตัวเอง ให้เวลาตัวเอง ตั้งสติ และก้าวออกมา’ สุดท้าย “ดีเจอ้อย” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ความเบื่อมันทำหน้าที่ทุกวัน เราต้องยอมรับ แต่ทำไมบางคนถึงรักกันได้นานเป็น 10 ปี? เพราะเขาคุยกัน มีอะไรบอกกัน แต่แฟนเอเลือกที่จะเงียบ แล้วไปพูดกับเพื่อนแทน มันแฟร์กับอีกคนไหม? แต่สิ่งที่พี่ห่วงตอนนี้คือ เอกำลังโทษตัวเองหมดทุกอย่าง ซึ่งมันไม่ใช่ คนเลิกกันไม่มีใครต้องรับผิดชอบความผิดแต่เพียงผู้เดียว สิทธิ์ในการขอโทษเป็นของเอ สิทธิ์ในการให้อภัยเป็นของเขา แต่เออย่าด้อยค่าตัวเอง คุณค่าของเราอยู่ที่ตัวเราเอง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเขาเลือกหรือไม่เลือก’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ทำไมยังเป็นผมคนเดียวที่ Move on จากความรู้สึกแย่ๆนี้ไม่ได้สักที สงกรานต์ปีที่แล้ว แฟนเราไปนัวกับเพื่อนเรา 3 คนพร้อมกันในห้องน้ำ เหตุการณ์วันนั้นรู้เห็นกันเป็น 10 คน แต่ปิดปากเงียบไม่พูดกันเลยสักคน จนเราต้องไล่ถามทีละคนถึงรู้ความจริง

14 มี.ค. 2025

ทำไมยังเป็นผมคนเดียวที่ Move on จากความรู้สึกแย่ๆนี้ไม่ได้สักที สงกรานต์ปีที่แล้ว แฟนเราไปนัวกับเพื่อนเรา 3 คนพร้อมกันในห้องน้ำ เหตุการณ์วันนั้นรู้เห็นกันเป็น 10 คน แต่ปิดปากเงียบไม่พูดกันเลยสักคน จนเราต้องไล่ถามทีละคนถึงรู้ความจริง

ทำไมยังเป็นผมคนเดียวที่ Move on จากความรู้สึกแย่ๆนี้ไม่ได้สักทีสงกรานต์ปีที่แล้ว จับได้ว่าแฟนเรา ไปนัวกับเพื่อนเรา 3 คนพร้อมกันในห้องน้ำแล้วมีเพื่อนอีกคนช่วยดูต้นทาง เหตุการณ์วันนั้นรู้เห็นกันเป็น 10 คนแต่ปิดปากเงียบไม่พูดกันเลยสักคน จนเราต้องไล่ถามทีละคนถึงรู้ความจริง“คุณไอ (นามสมมติ)” อายุ 27 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [5 มี.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาแฟนแอบไปมีอะไรกับเพื่อนของเราโดย “คุณไอ (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘ผมคบกับแฟนผู้ชายมา 4 ปีแล้วครับ พวกเราเป็นคนต่างจังหวัดที่ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ ช่วงสองปีแรกทุกอย่างเป็นปกติดี แต่หลังจากนั้น แฟนเริ่มอยากให้มี “คนที่สาม” เข้ามามีอะไรกัน ซึ่งผมไม่โอเคเลย ทำให้เราทะเลาะกันหนัก จนถึงขั้นที่เขาบอกเลิกผม ผมพยายามเจรจาแล้ว แต่ก็ไม่เป็นผลก็เลยยอมตอบตกลง เพราะอยากให้เขามีความสุข จากนั้นมาเราคบกันต่อ และเป็นแบบนั้นอยู่ประมาณ 3 - 4 ครั้ง นอกเหนือจากนี้เขาก็มีเปลี่ยนมู้ดบ้าง ไปเล่นเว็บแคมผู้ใหญ่จนถึงช่วงสงกรานต์ปีที่แล้ว ผมพาแฟนกลับบ้านเกิดเป็นครั้งแรก และแนะนำให้เขารู้จักกับเพื่อน ๆ สมัยมัธยมที่รวมตัวกัน พวกเราฉลองสงกรานต์กันที่บ้าน ฟีลเหมือนถนนข้าวสาร มีซุ้ม แล้วก็มีการกินเหล้าจนเมา ไม่ได้สติกันทั้งคู่ แล้วก็ภาพตัดไปตื่นเช้าวันที่ 2 ผมพบว่าตัวเองอยู่ที่โรงแรมกับแฟน จำอะไรไม่ได้เลย เสื้อผ้าขาดหมด ในขณะที่เรากำลังพักฟื้นอยู่ที่โรงแรม แฟนพูดขึ้นมาว่า “อยากพาเพื่อนของผมมาทำอะไรด้วยกัน” ซึ่งทำให้ผมแปลกใจมาก เพราะแฟนไม่เคยพูดถึงเพื่อนคนนี้มาก่อน ผมเลยถามว่าทำไมถึงอยากชวนเพื่อนคนนี้ เขาบอกว่าเพื่อนคนนั้น (นามสมมุติ “A”) ทักมาหาเขาผ่านแอปพลิเคชันซึ่งในวันที่ 2 ก็ใช้ชีวิตกันตามปกติ กับบ้านแฟน เล่นน้ำกับแฟน และในช่วงเย็นของวันนั้น ผมได้รับข้อความจากเพื่อนอีกคน (นามสมมุติ “C”) ส่งมาบอกว่า “ดูแลแฟนตัวเองดีๆ นะ” ผมไม่ได้ตอบอะไร เพราะงง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นจนวันสงกรานต์วันสุดท้าย ผมแยกกับแฟนและกลับมาที่บ้านเกิดคนเดียว ได้กลับมาเจอเพื่อนกลุ่มเดิมที่เล่นน้ำด้วยกันวันแรก และมีโอกาสเจอ A ผมเลยถามว่า “วันนั้นทักไปหาแฟนเราทำไมหรอ?” A กลับตอบว่า “เราไม่ได้เป็นคนทัก แฟนเธอเป็นคนขอคอนแทคเราเอง แล้วก็ชวนเรากลับห้อง”A ยังบอกอีกว่า จริงๆ แล้วเขาไม่ได้ทำอะไร แต่เพื่อนอีกคน (นามสมมุติ “B”) เป็นคนลากแฟนผมเข้าไปในห้องน้ำ และ A เป็นคนยืนดูต้นทาง ซึ่งทำให้ผมช็อกหนักมากผมพยายามหาตัว B แล้วเดินไปถามตรงๆ ว่า “วันนั้นเธอทำอะไรกับแฟนเรา?” B ตอบว่า “อุ้ย เราเมามาก จำอะไรไม่ได้ แต่เธออย่าโกรธเรานะ ” ซึ่งทำให้ผมยิ่งงงว่า ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ก็พยายามทำตัวปกติเพื่อที่ให้ทุกคนไม่ช็อตฟีล และเล่นน้ำด้วยกันจนจบเทศกาลเพื่อที่จะเก็บของกลับสู่สภาวะปกติ และไม่ได้เลือกที่จะโทรไปเคลียกับแฟนในวันนั้นเพราะมันดึกแล้วหลังจากสงกรานต์จบ ผมยังคงรู้สึกติดใจ จึงติดต่อหา C ที่เคยเตือนผมวันนั้น ผมถามว่า “มันเกิดอะไรขึ้น?” C เล่าให้ฟังว่า คืนที่ผมเมาหลับอยู่ มีเหตุการณ์เกิดขึ้นตรงซุ้มที่เราเล่นน้ำกัน A เดินเข้ามาดึงแฟนผมไปจูบกัน ซึ่ง C แอบถ่ายคลิปไว้ซึ่งในคลิป B เขาได้เดินเข้ามาเห็น A ทำอะไรกับแฟนเราอยู่ A ก็เลยผลัก B เข้าไปในห้องน้ำ แล้วก็คอยยืนดูต้นทางให้ นอกเหนือจากนั้นมีเพื่อนอีกคน (นามสมมุติ “D”) ตามเข้าไปในห้องน้ำด้วย ซึ่งทั้ง 3 คนหายเข้าไปในห้องน้ำนานมากพอทุกคนออกจากห้องน้ำกันหมด C จึงเดินมาปลุกผม พอผมเริ่มรู้สึกตัว แต่แฟนผมหายตัวไป ทุกคนเลยช่วยกันหา จนเจอว่าเขากำลังจะขึ้นรถไปกับ A เพื่อนๆ ต้องรีบดึงตัวเขากลับมา แล้วพาผมกลับโรงแรมซึ่งพอได้ฟังถึงตรงนี้ ผมรู้สึกสับสนมาก เลยตัดสินใจโทรหาเพื่อนทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ประมาณ 10 กว่าคนได้ ซึ่งหลาย ๆ คนเขารู้เรื่องนี้กันแต่ไม่มีใครบอกผมเลย แล้วทุกคนเล่าเรื่องนี้ในทิศทางเดียวกันหมดเลยว่าใครทำอะไร ที่ไหน อย่างไรบ้างผมเลยตัดสินใจคุยกับแฟนตามตรงว่า เธอเล่าในมุมเธอบ้างให้ฟังได้ไหม ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขายอมรับว่า “มีสติ 50-50” แต่ไม่กล้าเล่าทั้งหมด เพราะกลัวผมโกรธ หลังจากนั้น ผมรู้สึกเหมือนมองหน้าเขาไม่ติดไปเป็นสัปดาห์ จนแฟนเริ่มอึดอัด และพูดว่า “ถ้าเกิดว่าเราใช้เวลาทำใจนานเกินไป เขาจะรู้สึกรักเราน้อยลงและอยากเลิกกับเรานะ”และคืนนั้นเขาออกไปเที่ยวกับเพื่อน ปล่อยให้ผมอยู่ห้องคนเดียว ผมเลยนั่งเล่นโซเชียลและเปิดเว็บแคมตามปกติ อยู่ ๆ เขาก็เข้ามาเช็กผ่านเว็บแคม และทักทำนองว่า “หึงหวง”เราอยู่ ถามเราว่า ทำไมยังไปเล่นอะไรแบบนั้นอยู่ ตอนนั้นผมฟิวขาด เลยตอบกลับไปว่า “เธอจะมาหวงอะไร ทั้งๆ ที่ตัวเองทำเรื่องแย่กว่านั้นไปแล้ว”สุดท้ายเราตัดสินใจเลิกกัน เขากลับมาเก็บของและแยกทางกัน โดยปัจจุบันผมโสด และไม่ได้เจอเขามาเกือบปีแล้ว แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่า เหมือนทุกคนดูเหมือนจะมูฟออนกันหมด ยกเว้นผมที่ยังเดินหน้าถอยหลังอยู่ตรงนี้ มันรู้สึกแย่ที่เรารู้เรื่องนี้เป็นคนสุดท้าย และรู้สึกดาวน์มาก เลยอยากจะปรึกษาพี่ ๆ ว่า จากเรื่องทั้งหมดผมต้องปรับปรุงตัวอะไรบ้างไหมครับ ผมอยากได้วิธีการแก้ไขปัญหา หรือมุมมอง แง่คิด จากพี่ ๆ เพื่อเอามาปรับใช้กับสถานการณ์ที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้’เริ่มที่ “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ออกไปมีสังคมที่ดีกว่านี้ คบหาคนที่ดีกว่านี้ ทั้งแฟนทั้งเพื่อน แล้วการที่ไอยังอยู่ท่ามกลางคนเหล่านี้ ใครฟังก็ต้องรู้สึกกลัวในสิ่งที่คนกลุ่มนี้ทำ มันรุนแรงถึงขั้นแจ้งความได้เลยนะ แต่ทุกคนดูไม่ได้เดือดร้อนอะไร แม้แต่แฟนของไอเอง แต่กลับเป็นไอที่มานั่งตั้งคำถามว่าเราต้องปรับนิสัยอะไรไหมนะ พี่ว่าเราอยู่สังคมแบบไหนเราคบเพื่อนแบบไหน มันก็จะพาเราไปสู่ชีวิตแบบนั้น เลือกเพื่อนให้ดีครับ’ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่าสิ่งที่ไอตัดสินใจก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ในการที่จะแยกออกมา พี่ว่าไม่ต้องตั้งคำถามตั้งแต่เขามาละเมิดกฏแล้วหล่ะ การที่เราไม่ได้แฮปปี้ที่จะมีอะไรกัน 3 คน แต่เรารักเขาจนเรายอมปรับในสิ่งที่เราไม่ได้ชอบ นั่นก็คือเราทำเพื่อชีวิตคู่มากแล้ว เพราะฉนั้น พี่ว่านี่มันคือสิ่งที่ถูกต้องแล้วที่เราเลือกสิ่งที่ดีให้กับชีวิต แล้วไอก็แค่มีความสุขกับตัวเอง เพื่อวันนึงได้ไปเจอคนใหม่ที่เขามีคอนต์เซปในการใช้ชีวิตอยู่เหมือนกัน’สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ไอโชคดีแล้ว เพราะแฟนเราและเพื่อนคนนี้ศีลเสมอกัน คือ เลวได้ทั้งกลุ่ม ไม่ได้เหมาะกับเราเลย แล้ววิธีแก้ปัญหาคือ ไปหาสังคมที่ใช่สำหรับเรา พี่เชื่อว่าสังคมดี ๆ มันมีเยอะมาก ไอสามารถมูฟออนได้เลยเพราะเราอยู่ในจุดที่พ้นน้ำแล้ว เราต่ำตมไม่พอที่จะให้เขาได้รับความเป็นเพื่อนหรือเป็นแฟนกันด้วยซ้ำ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ทุกครั้งที่ผมมีแฟน ผมรักแฟนของผมมาก แต่ทุกครั้งที่มีโอกาสผมก็จะนัดไปมีอะไรกับคนอื่น โดยที่แฟนไม่รู้เลย เพราะผมคิดว่าถ้าแฟนไม่รู้ก็ไม่ผิดรึเปล่า แต่ทุกคนที่ผมนอนกับเขาผมไม่ได้รู้สึกอะไรเลย เพราะผมรักแฟนของผมคนเดียว

13 มี.ค. 2025

ทุกครั้งที่ผมมีแฟน ผมรักแฟนของผมมาก แต่ทุกครั้งที่มีโอกาสผมก็จะนัดไปมีอะไรกับคนอื่น โดยที่แฟนไม่รู้เลย เพราะผมคิดว่าถ้าแฟนไม่รู้ก็ไม่ผิดรึเปล่า แต่ทุกคนที่ผมนอนกับเขาผมไม่ได้รู้สึกอะไรเลย เพราะผมรักแฟนของผมคนเดียว

ทุกครั้งที่ผมมีแฟน ผมรักแฟนของผมมาก แต่ทุกครั้งที่มีโอกาสผมก็จะนัดไปมีอะไรกับคนอื่นโดยที่แฟนไม่รู้เลย เพราะผมคิดว่าถ้าแฟนไม่รู้ก็ไม่ผิดรึเปล่าแต่ทุกคนที่ผมนอนกับเขาผมไม่ได้รู้สึกอะไรเลยเพราะผมรักแฟนของผมคนเดียว อยากหยุดพฤติกรรมนี้ ควรจะเริ่มจากอะไรดีครับ? “คุณนัท (นามสมมติ)” อายุ 28 ปี สายที่หนึ่งในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [12 มีนาคม 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจอ๋อง – ดีเจอ้อย’ เกี่ยวกับปัญหามีแฟนอยู่แล้ว แต่ยังไปมีอะไรกับคนอื่นทุกครั้งที่มีโอกาส โดย “คุณนัท (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ผมมีแฟนเป็นผู้ชาย ตั้งแต่แฟนคนแรก ก็เป็นแฟนที่ผมรักมาก เพราะมันเป็นรักแรก ทุกอย่างก็อาจจะจับผิด จับถูก แต่ทุกครั้งเลยที่ผมมีแฟน ถ้ามีโอกาสผมก็จะนัดเจอกับคนอื่นหรือว่ามีเซ็กส์กับคนอื่นทุกครั้ง ถ้าโดนจับได้ แล้วแฟนให้อภัย ผมก็ยังเลือกที่จะรักแฟนต่อ แต่แฟนคนแรกไม่ได้โชคดี เพราะเขารับไม่ได้เลยเลิกกันไป พอมาแฟนคนที่สอง ผมก็รักมาก ยังรู้สึก appreciate กับแฟนเสมอ แต่ทุกครั้งที่มีโอกาส ผมก็จะนัดกับคนอื่น ไม่ใช่แค่นัดมีเซ็กซ์อย่างเดียว แต่จะนัดเจอหาเพื่อนทานข้าว นัดแฮงค์เอ้าท์กัน แต่ว่าที่นัดกันไม่ใช่เพื่อนของผม ผมจะหาคนแปลกหน้าคนอื่น และเป็นแบบนี้อยู่เรื่อยๆ จนกระทั้งถึงแฟนคนปัจจุบัน ที่คบกันได้จะ 3 ปีแล้ว ช่วงแรกๆ ที่คุยกันเหมือนความสัมพันธ์มันยังไม่ชัดเจน เราก็รู้สึกฟรีสไตล์อยู่แล้ว จะเจอใครก็ได้ และตั้งแต่แฟนคนแรกจนถึงคนนี้ มันไม่เกี่ยวกับช่วงเวลา ถึงจะเป็นการจีบกันตั้งแต่เดือนแรกๆ ผมก็จะสามารถไปมีอะไรกับคนอื่นได้ ผมไม่มีช่วงโปรโมชั่นเลย ผมจะคุยกับเขาบอกฝันดี อะไรเสร็จ พอมีเวลา ผมก็จะไปดื่ม ไปกับคนอื่น ยกเว้นตอนคบกับแฟนคนแรก ผมยังรู้สึกแบบไม่กล้าทำ และจะมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมลองทำ มันรู้สึกตื่นเต้น ตั้งแต่นั้นมามันก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่ผมทำแบบนั้น ทุกวันนี้ผมก็ยังอยู่กับแฟน เขาจะไปๆ มาๆ ระหว่างบ้านเขากับคอนโดผม แฟนไม่รู้เลยว่าผมไปมีอะไรกับคนอื่น เขาก็เคยจับได้ 1 ครั้ง แล้วเขาก็ให้อภัย และอีก 1 ครั้ง คือเกือบจะจับได้ แต่ผมก็บอกไปว่านั้นเป็นเพื่อนผมจริงๆ เพราะตอนที่จับได้ตอนนั้นคือการไป แฮงค์เอ้าท์ แต่ตัวผมเวลาที่มีโอกาส ไม่ว่าแฟนจะกลับบ้านหรืออยู่ห่างกัน ผมก็จะมีเพื่อนที่แฮงค์เอ้าท์หรือว่ามีเซ็กส์กันได้ และก็ไม่ใช่คนเดิม เวลาที่ผมจะปรึกษาเพื่อน หรือคนรอบตัว เพื่อนก็จะเป็นสไตล์ประมาณว่า ไม่ได้เบลม ไม่ได้ห้ามอะไร ก็จะกลางๆ ผมเลยไม่ได้มองมุมอื่นว่าจะมีคนที่รู้สึกแบบนี้ไหม แล้วผมอยากรู้ว่า จะเริ่มจากอะไร ถ้าเราไม่อยากทำแบบนี้แล้ว แล้วเหตุผลอะไรที่เราต้องไม่ทำแล้ว การที่ผมเหงาแล้วนัดกับคนอื่นตลอด อยากเจอคนอื่น หรือว่ามีเซ็กส์ ผมรู้สึกว่าถ้าแฟนจับไม่ได้มันก็ดูไม่ได้มีอะไร ด้วยความที่ผมรู้ว่าเขาจะจับผมได้ด้วยอะไร และก็คำพูดอะไรที่เขาจะยอมใจอ่อน แต่ผมก็ยังไม่ได้นึกภาพวันนั้นว่าเขาจะจับได้ แล้วเลิกกับผมเลยหรือเปล่า แล้วเรื่องเซ็กส์กับแฟน แรกๆ มันก็บ่อย แต่พอมาหลังๆ ก็ยังมีอยู่ มันก็ไม่แย่ แฟนก็ไม่ได้รู้สึกว่าผมทำแย่ และผมก็ยังแฮปปี้ทุกครั้งที่มีอะไรกับเขาอยู่ แต่ก็ไม่ได้บ่อยครั้งเหมือนเมื่อก่อน ด้วยความที่แฟนผมก็งานยุ่ง ยิ่งตอนทำงานต่างคนก็ต่างยุ่ง คือ เลิกงานมามันก็เหนื่อย แต่ว่าบางครั้ง สมมติว่าผมไปเจอคนอื่นมาแล้ว หรือว่าไปทำกับคนอื่นมาแล้ว พอกลับมามันก็ไม่ได้อยากจะมีอะไรกับเขา เพราะว่าเราก็เหนื่อยแล้ว ซึ่งผมก็เปิดเผยตัวแฟนกับที่บ้านอยู่แล้ว คือผมก็อยากมีแฟน อยากไปไหนมาไหน แล้วมีแบบว่าคนนี้นะ คือแฟนเรา อะไรแบบนี้ และผมก็รักแฟนมาก เพราะทุกครั้งผมไม่เคยคิดที่จะหนีคนนี้ไปคบกับใคร ที่เคยไปเจอกันเลย ต้องบอกว่าจริงๆ ผมรู้สึกเหงาทุกครั้งที่อยู่คนเดียว เพราะมันก็จะมีบางอย่างที่ผมขาดไปในตอนเด็ก เรื่องปมในตอนเด็ก คือ ผมรู้สึกว่าผมเป็นคนขี้น้อยใจ ตั้งแต่ตอนเด็กๆ ผมเป็นลูกคนสุดท้อง ซึ่งผมเป็นลูกคนเดียวที่พ่อแม่ไม่ได้เลี้ยง เนื่องจากช่วงที่ผมเกินเป็นช่วงที่เศรษฐกิจไม่ค่อยดี พ่อกับแม่ต้องทำงานหนักมาก ผมเป็นคนเดียวที่ถูกจ้างเลี้ยงและอยู่ห่างไกลจากคุณพ่อคุณแม่ แบบกินนอนอยู่กับคนที่เลี้ยง ทุกคนนี้ก็ยังติดต่อกับคนที่เลี้ยงผมอยู่และสนิทกับเขามาก แต่บางทีผมก็รู้สึกว่า ผมน้อยใจที่พอไปเปิดรูปตอนเด็กๆ จะมีรูปที่พ่อแม่อยู่กับพี่สาวพี่ชายทุกรูปเลย และตอนที่ผมเป็นเด็ก ก็ไม่มีรูปผมเลย ซึ่งน้อยมากๆ พอเทียบกับพี่สาวพี่ชาย เช่น ตอนที่พี่ๆ รับบัณฑิตจะมีรูปคู่ตลอด และคือ พี่สาวคนกลางเขาจะได้รับความเป็นห่วงจากครอบครัวมาก หรือว่าผมคิดไปเอง ผมก็ไม่แน่ใจ ซึ่งต่างจากผมเลย มันเป็นคนรู้สึกด้วยที่ตอนเด็กๆ ผมรู้ว่านี่คือ พ่อกับแม่นะ แต่ผมไม่ได้นอนกับพวกเขาเลย รู้แค่ว่าตอนเย็นเขาก็จะมารับผมกลับบ้าน มันเลยยังรู้สึกน้อยใจจนถึงทุกวันนี้ ผมก็พยายามคิดว่ามันเกี่ยวกันหรือเปล่า แต่พอมาจนถึงตอนนี้ ผมก็ยังแอบรู้สึกว่า ถ้าสมมติว่าเขาจับได้ อาจจะไปกันไม่รอดแล้ว และตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ไม่ว่าจะเทศกาลไหนก็แล้วแต่ ผมจะโรแมนติกมาก ทำทุกอย่างให้เขา จากใจจริงๆ ไม่ใช่ทำเพื่อกลบความผิด แต่เวลาที่เขาไม่อยู่ เขากลับบ้านหลายวันอะไรแบบนี้ ผมก็ไม่อยากอยู่คนเดียว แต่ถ้าเกิดแฟนผมไปมีอะไรกับคนอื่น ผมว่าผมก็คงไม่โอเค แล้วคิดว่าเขาก็คงจะไม่ทำ ผมอยากจะปรึกษาพี่ๆ ดีเจว่า ถ้าผมจะหยุด ผมควรจะเริ่มจากอะไรดี และการหยุดของผมเป็นสิ่งที่ดีมากๆ ใช่ไหมครับ?’ เริ่มที่ “ดีเจอ๋อง” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘หลังจากนี้ ถ้าเราเหงาและอยากไปมีอะไรกับคนอื่น ลองเปลี่ยนไปทำในสิ่งที่เราชอบและมีคุณค่าในชีวิตแทนดีไหม?’เพราะบางครั้ง ความเหงาอาจมาจากความไม่มั่นใจในตัวเอง รู้สึกดีไม่พอ หรือไม่สามารถอยู่กับตัวเองได้อย่างสบายใจ จึงพยายามหาคนอื่นมาช่วยเติมเต็มให้รู้สึกว่ามีค่าและได้รับความสนใจ แต่จริง ๆ แล้วคุณค่าในตัวเองไม่ได้ขึ้นอยู่กับการได้รับความสนใจจากคนอื่น เราสามารถเติมเต็มตัวเองได้ด้วยสิ่งที่มีความหมายในชีวิต และที่สำคัญ อย่าลืมนึกถึงแฟนของเราด้วย อย่ามัวแต่พยายามทำให้คนอื่นมีความสุขจนลืมใส่ใจคนที่อยู่ข้าง ๆ’ ต่อมา “ดีเจอ้อย” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คำว่าแฟนต้องแฟร์ มันมีคู่หลาย ๆ คู่นะที่รักกันแล้วก็ไปมีอะไรกับคนอื่นได้ แต่อันนั้นต้องเกิดภายใต้เงื่อนไขว่า ทุกฝ่ายต้องรู้ แต่อันนี้น้องปิดบังแฟน พี่กลับรู้สึกว่าถ้ามีแฟนแล้วเอาไว้หลอก อย่างงั้นก่อนจะเลิกมีเซ็กพล้ำเพื่อ พี่ว่าน้องเลิกกับแฟนก่อนดีกว่า คำว่าแฟนไม่ได้เป็นเครื่องประดับ ว่ามีคนนี้เป็นแฟนแล้วจบ แต่การเป็นแฟนคือการที่เรารับผิดชอบความรู้สึกซึ่งกันและกัน ทั้งต่อหน้าและรับหลัง คนทุกคนอยากได้ความจริงใจ อย่าเอาความหลายใจไปแลกกับความรัก เพราะมันแลกกันไม่ได้’ สุดท้าย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คำถามที่นัทโทรมาถามว่า “การหยุดเรื่องราวเหล่านี้เป็นเรื่องดีใช่ไหม?” ถ้าจุดเริ่มต้นคือคำถามนี้ ว่าอะไรดีหรือไม่ดี นั่นถือว่าหนักเลยนะ… เพราะคนเราจะหยุดบางอย่างได้เพราะสองเหตุผลหลัก ๆ คือ เราคิดได้ และ หยุดเพื่อใครสักคน แต่ถ้านัททำไม่ได้สักอย่าง การหยุดอาจไม่ใช่คำตอบของนัทก็ได้ ลองตกลงกับตัวเองให้ดีว่าต้องการอะไรจริง ๆ”เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

รู้สึกผิดที่ด่าแม่แฟนไป แต่เค้าก็สมควรโดนด่า! คบกับแฟนมา เราโพสน้อยใจแฟนลงเฟซ แม่แคปไปด่ากับลูกเค้า แม่เคยด่าเราว่า "มึงมันเป็นกระเทยสูบเลือด สูบเนื้อ อยู่กับลูกเขาไม่มีอะไรดีขึ้น" จากนั้นหนูขุดสรรพสัตว์ทุกตัวบนโลกมาด่าแม่เขา พอใจเย็นลงตอนนี้หนูรู้สึกผิด

10 มี.ค. 2025

รู้สึกผิดที่ด่าแม่แฟนไป แต่เค้าก็สมควรโดนด่า! คบกับแฟนมา เราโพสน้อยใจแฟนลงเฟซ แม่แคปไปด่ากับลูกเค้า แม่เคยด่าเราว่า "มึงมันเป็นกระเทยสูบเลือด สูบเนื้อ อยู่กับลูกเขาไม่มีอะไรดีขึ้น" จากนั้นหนูขุดสรรพสัตว์ทุกตัวบนโลกมาด่าแม่เขา พอใจเย็นลงตอนนี้หนูรู้สึกผิด

รู้สึกผิดที่ด่าแม่แฟนไป แต่เค้าก็สมควรโดนด่า! คบกับแฟนมา เราโพสน้อยใจแฟนลงเฟซแม่แคปไปด่ากับลูกเค้า แม่เคยด่าเราว่า "มึงมันเป็นกระเทยสูบเลือด สูบเนื้อ อยู่กับลูกเขาไม่มีอะไรดีขึ้น"จากนั้นหนูขุดสรรพสัตว์ทุกตัวบนโลกมาด่าแม่เขา พอใจเย็นลงตอนนี้หนูรู้สึกผิด ควรขอโทษดีไหมคะ? “คุณพี (นามสมมุติ)” อายุ 22 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [5 มีนาคม 2568] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาความสัมพันธ์ของหนูกับเเม่เเฟน โดย “คุณพี (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูรู้สึกผิดที่ด่ากับแม่ของเเฟน เเต่เขาก็สมควรโดนด่าเเล้ว ต้องเล่าก่อนว่าหนูคบกับเเฟนมาประมาณ 8 ปี ทางบ้านก็รับรู้ทุกอย่างเเม่ของเเฟนก็ดูแลหนูดีมาก หนูไม่ต้องทำงานบ้านหรือต้องทำอะไรเลยตอนอยู่บ้านเขา เเต่สิ่งที่ทำให้หนูมีปัญหากับเเม่ของเเฟนคือ เเม่เขาเริ่มขอเงินเเฟนบ่อยขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเงินที่เเม่เขาขอไปก็เป็นเงินที่หนูกับเเฟนหามาด้วยกันทั้งคู่ ตอนเเรกหนูกับเเฟนก็ตกลงกันเเล้วว่าจะให้เงินกับเเม่เป็นรายเดือน จะไม่มีการให้เงินเเบบยิบย่อย ทั้งเเม่ของเขาเเละเเม่ของหนูเอง เรื่องที่ทำให้หนูกับเเม่ของเเฟนมีปัญหากัน เกิดขึ้นเมื่อตอนเดือนตุลาคมปีที่เเล้ว คือหนูน้อยใจเเฟน หนูเลยโพสต์ประมาณตัดพ้อในเฟซบุ๊ก แล้วเเม่ของเเฟนก็มาเห็นเลยเเคปภาพ เเล้วส่งไปให้เเฟนหนูดู เขาก็พูดว่า เเฟนมึงจะโพสต์อะไรหนักหนา หนูเลยทักไปหาเเม่ของเเฟนเลยว่า เเม่หนูน้อยใจเเฟน หนูก็โพสต์ในหน้าเฟสหนู ทีลูกสะใภ้คนโตโพสต์ด่าเเม่ เเม่ก็ลองไปว่าเขาบ้างนะ พอหนูพูดไปเเบบนั้น เเม่เขาก็เริ่มหงุดหงิดมากขึ้น หลังจากที่หนูพิมพ์ไปเสร็จเเม่เเฟนก็ไปคุยกับเเฟนว่า หนูมันเป็นกะเทยสูบเลือด สูบเนื้อ อยู่กับลูกเขาไม่มีอะไรดีขึ้น ไปหาคนใหม่ดีกว่า พอหนูรู้ว่าเเม่เเฟนพูดเเบบนั้น หนูก็เลยด่ากลับไปบ้างเลย พอเเฟนรู้ เเฟนก็โกรธเเล้วเราก็ทะเลาะกัน เขาก็กลับบ้านไปหาเเม่เขาก่อน หนูก็เลยลองโทรไปหาเขาว่าจะเอายังไงจะเลิกใช่ไหม? เขาก็ไม่เลิกเเล้วก็หนีจากบ้านกลับมาหาเรา พอเเม่เขาจับได้ว่าลูกเขาหนีมาหาเรา เเม่เขาก็ด่าหนูอีกเเละก็โพสต์เเซะอยู่เรื่อยๆ ตอนนี้หนูรู้สึกผิดที่ทำให้เเม่ลูกเขาทะเลาะกัน หนูเลยอยากปรึกษาพี่ๆดีเจว่า หนูควรจะทำยังไงดีกับเเม่เเฟน หนูควรจะขอโทษเลยดีไหม?’ โดย “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าแม่ลูกคู่นั้นเขายังคิดถึงกันอยู่ ส่องเฟซกันไปมา พี่ก็คงบอกให้เขากลับไปคุยกับเเม่เถอะ เเต่ก็ต้องบอกเขาว่าถ้าเขากลับไปปัญหาเรื่องเงินมันก็จะกลับมาเหมือนเดิม สุดท้ายถ้าจะจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ก็ต้องถามตัวพีว่า พีจะเเยกกระเป๋าไหม สุดท้ายก็ให้เขาไปคุยกันเพราะพี่ก็ไม่อยากให้เขาตัดแม่ ตัดลูกเพราะเรื่องของเรา เเละเรื่องขอโทษถ้าพีรู้สึกไม่สบายใจ พี่ว่าพีก็ไปขอโทษเขาได้’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่าให้อยู่ในจุดที่ต่างคนต่างอยู่ เเล้วเเยกกระเป๋ากันดีกว่า ถามเเฟนว่าอยากกลับไปหาเเม่ไหม ถ้าอยากก็ต้องคุยเรื่องเงินกันให้เคลียร์ไปเลย เเละก็พยายามไม่ใช้คำที่เเรงมากเกินไป เพราะคนที่เจ็บไม่ใช่เเม่เเฟน เเต่เป็นตัวของเเฟนพีเองมากกว่า’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถามว่าจะทำยังไงเพราถึงจะมีเรื่องมีราวมากเเค่ไหน เเต่ต้องทำให้เเม่ลูกเขาไม่คุยกันเลยเนี้ย มันก็ต้องรู้สึกผิดอยู่เเล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องจะขอโทษดีไหม พี่ว่าถ้าทำไปก็ไม่ได้เสียหายอะไรนะ เเต่สถานการณ์มันจะดีขึ้นไหม ไม่รู้เเต่พี่เชื่อว่าพีจะรู้สึกสบายใจไปเรื่องนึง เหมือนยกภูเขาออกจากอกเลย’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

น้องชายหนูกำลังจะบวช พ่อบอกให้ใส่ชื่อแฟนใหม่พ่อเป็น "แม่" หน้าการ์ดเชิญ แต่หนูอยากใส่ว่าเป็น "น้า" พ่อก็ไม่ยอม ตอนนี้ก็เลยยังไม่ได้ทำการ์ดออกมา เพราะตกลงกันไม่ได้ จะทำยังไงดีคะ?

07 มี.ค. 2025

น้องชายหนูกำลังจะบวช พ่อบอกให้ใส่ชื่อแฟนใหม่พ่อเป็น "แม่" หน้าการ์ดเชิญ แต่หนูอยากใส่ว่าเป็น "น้า" พ่อก็ไม่ยอม ตอนนี้ก็เลยยังไม่ได้ทำการ์ดออกมา เพราะตกลงกันไม่ได้ จะทำยังไงดีคะ?

“คุณฟ้า (นามสมมติ)” อายุ 28 ปี สายที่สี่ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคือวันพุธที่ผ่านมา [5 มี.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาน้องชายจะบวช พ่ออยากใส่ชื่อภรรยาใหม่เป็นแม่บนการ์ดเชิญ แต่เราอยากใส่ว่าเป็นแค่น้า โดย “คุณฟ้า (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘น้องชายของหนูกำลังจะบวช แล้วตอนนี้กำลังมีปัญหากับพ่ออยู่ คือพ่อจะให้หนูใส่ชื่อภรรยาใหม่ของเขาเป็นมารดาในการ์ดเชิญงานบวช เวลาจะบวชในต่างจังหวัด การ์ดเชิญหน้าซองมักจะมีวงเล็บว่าเป็น บิดา/มารดา ตามหลังชื่อเจ้าภาพในการ์ดเชิญ เหมือนเป็นแพทเทิร์นที่ทำต่อ ๆ กันมา หนูถามน้องชายที่กำลังจะบวช เขาก็บอกว่ายังไงก็ได้ แต่หนูรู้สึกว่าพ่อกับภรรยาใหม่ เขาเพิ่งแต่งงานกันมา 5 - 6 ปี หนูก็เลยไม่อยากใส่ อยากใส่เป็นวงเล็บแค่น้าแทนในการ์ดเชิญ จนตอนนี้ทำให้มีปัญหากันเพราะความคิดเห็นต่างกัน หนูเลยอยากปรึกษาพี่ ๆ ดีเจว่า หนูควรทำยังไงดีคะ?’ ทางด้านดีเจทั้ง 3 ท่าน “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” ให้ความคิดเห็นไปในทางเดียวกันว่า ‘เราลองไม่ต้องวงเล็บ ใส่เพียงแค่ชื่อและนามสกุล ไม่ต้องระบุศักดินา ในเมื่อมีวงเล็บแล้วมันมีปัญหา หรือถ้าจำเป็นต้องเขียน ก็เขียนเป็นว่าภรรยาแทน แต่ถ้านาคไม่มีปัญหาอะไร ก็ใส่มารดาไปเลย จะได้ไม่ต้องมีปัญหา เพราะว่าเขาต้องบวช เขาก็ควรจะเตรียมตัวอยู่ในร่มกาสาวพัสตร์แล้ว ทำให้ปัญหามันน้อยที่สุด ไม่ให้ปัญหาไปรบกวนจิตใจของเขา เขาจะได้บวชอยากมีความสุข และความสงบ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1
Contact usGreenwave02-665-8377EFM02-665-8373
Advertise with usมัลลิกา ปราบอริพ่าย (กบ)(Atime Showbiz, Online Content)063-282-6915จุฑา วนศานติ (บี) (EFM)02-669-9512, 081-923-9823
อังคณา พองาม (นุก) (Greenwave)02-669-9444-7
ดาวน์โหลด Application ได้แล้ววันนี้ที่atime online application download from app storeatime online application download from play storeติดต่อสอบถาม / แจ้งปัญหาการใช้งานatimeplatform@atimemedia.com
บริษัท จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด (มหาชน)เลขที่ 50 อาคาร จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เพลส ถนนสุขุมวิท21 (อโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขต วัฒนา กรุงเทพ 10110