
24 มี.ค. 2025
หนูกับแม่ทะเลาะกัน แม่โกรธที่หนูไม่พาไปห้าง บ่นน้อยใจสารพัด จนหนูไม่คุยกับแม่เลย แอบดูอยู่ห่างๆ จากต่างจังหวัด มีน้องสาวเป็นคนกลาง ตอนนี้รู้ว่าแม่ป่วยมีภาวะซึมเศร้า เราอยากได้คำขอโทษจากแม่ รู้ตัวว่าตัวเองมีทิฐิสูง แต่อีกใจก็อยากกลับไปคุยด้วยเหมือนเดิม
หนูกับแม่ทะเลาะกัน แม่โกรธที่หนูไม่พาไปห้าง บ่นน้อยใจสารพัด จนหนูไม่คุยกับแม่เลย แอบดูอยู่ห่างๆจากต่างจังหวัด มีน้องสาวเป็นคนกลาง ตอนนี้รู้ว่าแม่ป่วยมีภาวะซึมเศร้า เราอยากได้คำขอโทษจากแม่รู้ตัวว่าตัวเองมีทิฐิสูง แต่อีกใจก็อยากกลับไปคุยด้วยเหมือนเดิม จะเริ่มยังไงดี?“คุณเมย์ (นามสมมติ)” อายุ 32 ปี สายที่หนึ่งในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [19 มี.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาทะเลาะกับแม่จนไม่ได้คุยกันมานาน โดย “คุณเมย์ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ทะเลาะกับแม่เมื่อ 3 เดือนที่แล้ว แม่อายุ 60 ปีแล้ว แม่อยู่ที่ต่างจังหวัด เป็นคนละจังหวัดกับเรา บางครั้งแม่ก็จะมาเยี่ยมที่บ้าน ซึ่งเราก็ใช้ชีวิตปกติ ดูแลแม่ปกติ เช่นถามว่า แม่จะไปเที่ยวไหนมั้ย จะทำอะไรมั้ย เราเองก็กลัวแม่จะเหงา เลยหากิจกรรมให้เขาทำ มีอยู่วันหนึ่ง เราก็ใช้ชีวิตปกติ คุณแม่ก็นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ และประมาณ 4 โมงเย็น เป็นช่วงที่เด็กๆ เลิกเรียน เราก็เตรียมตัวไปรับลูกชายที่โรงเรียน แต่อยู่ๆ แม่ก็โพ่งขึ้นมาเลยว่า วันนี้เราไปห้างกันเถอะ อยากไปช้อปปิ้งจัง จะไปดูเสื้อผ้า เราก็เลยบอกแม่ไปว่า แม่ เราไปวันหลังได้ไหม เพราะว่าวันนี้หนูจะต้องไปรับหลาน แล้วเราก็ไม่ได้อธิบายอะไรต่อ คิดว่าแม่จะเข้าใจและเห็นด้วยกับเรา หลังจากนั้นเราก็ไปรับลูกชาย พอกลับมาเราก็เห็นแม่นั่งอยู่และสังเกตได้ว่า แม่ดูอารมณ์ไม่ดี เราเลยไปถามแม่ว่า แม่เป็นอะไร แม่น้อยใจหรือเปล่า ที่ไม่ได้พาไปห้าง แล้วแม่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ และก็บอกว่า ใช่! ฉันน้อยใจ!แล้วก็เดินหนีเข้าห้องตัวเองไป เราก็คิดว่าแม่น่าจะยังงอนอยู่ เลยปล่อยให้แม่อยู่กลับตัวเองไปก่อน ระหว่างนั้นเราส่งข้อความไปหาน้องสาว ว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เลิกงานมาแล้วช่วยไปคุยกับแม่ให้หน่อย เผื่อแม่จะอารมณ์ดีขึ้น พอน้องสาวกลับมาจากที่ทำงานก็เข้าไปอธิบายให้แม่ฟังว่า เวลานั้นถ้าไปห้างจะลำบากรถติด ถ้าจะไป ไปวันหลังดีไหม ซึ่งเราก็คิดว่าพอน้องไปอธิบายแม่จะเข้าใจ แต่กลายเป็นว่า แม่ร้องไห้แล้วตะโกนเหมือนเด็ก ขว้างปาข้าวของ และใช้คำที่ทำให้ลูกๆ เสียใจ ประมาณว่า ฉันดูพวกเธอมานานละ พวกเธอก็เป็นแบบนี้กัน และพูดว่าเราเป็นลูกที่ไม่ดี ดูแลเขาไม่ดี แม่ก็บอกว่า ฉันจะกลับบ้านแล้ว จะกลับตอนนี้เลย ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ถ้าพวกเธอไปหาฉัน ก็จะไม่เจอฉันอีก แต่เราก็ให้แม่พักคืนนี้ก่อน เผื่อจะใจเย็นขึ้นแล้วค่อยมาคุยกัน วันรุ่งขึ้นแม่ก็ยังเป็นเหมือนเดิม ยังอารมณ์เสียเหมือนเดิม แล้วก็ไม่พร้อมที่จะรับฟังเหตุผลอะไรทั้งนั้นเลย เราเลยจองตั๋วให้แม่เพื่อที่จะกลับบ้าน เพราะที่บ้านก็จะมีคนที่อายุใกล้ๆ กัน จะได้คุยกับแม่เผื่ออารมณ์ดีขึ้น และหลังจากทะเลาะกันได้ 2 อาทิตย์ เราก็ให้น้องสาวโทรไปคุยว่าเป็นยังไงบ้าง และเหมือนแม่ก็รู้ว่าสิ่งที่ทำมันไม่ถูกต้อง แม่เลยไปปรึกษาหมอ แล้วหมอก็บอกว่า เป็นเพราะฮอร์โมน และอาจจะเป็นอาการเริ่มต้นของคนที่จะเป็นซึมเศร้า ตอนที่แม่กลับไปอยู่บ้าน แม่จะอยู่กับน้าสาว แล้วหลายๆ คนในบ้านพยายามบอกให้เรากับแม่ลองคุยกันดู แต่จริงๆ แล้ว เราแค่ต้องการคำขอโทษจากแม่ ให้แม่ยอมรับว่า สิ่งที่แม่พูด แม่ไม่ได้ตั้งใจที่จะพูด เพราะเราก็เป็นลูกคนโต เรารับผิดชอบครอบครัวมาเยอะมากจริงๆ และคิดว่าตัวเองก็ทำได้ดีมากๆ เท่าที่ลูกคนหนึ่งจะทำได้ ซึ่งก่อนหน้าที่จะทะเลาะกัน เราได้พาแม่ไปห้าง 2 แห่ง ตอนเช้าไปด้วยกันห้างแรก ตอนเย็นก็ไปอีกห้างหนึ่ง และเราก็ค่อยถามแม่ตลอดว่าจะเอาอะไร คือตามใจแม่ทุกอย่าง ปัจจุบันนี้เราก็ยังทะเลาะกับแม่ และยังไม่ได้คุยกัน เราก็พยายามที่จะบอกตัวเองว่า ให้อภัยแม่ได้ไหม เพราะเราก็เหลือแม่แค่คนเดียว ซึ่งเราก็ให้อภัยแม่ได้ แต่พอนึกถึงคำพูดที่แม่เคยพูด เป็นคำพูดที่มันทำร้ายเรา แล้วในช่วงนั้นก็เป็นช่วงที่เราอ่อนไหวและต้องผ่านเรื่องอะไรมาหลายๆ อย่าง แม่ก็ไม่ได้รู้ว่าลูกต่อสู้กับอะไรบ้าง เราก็ยังรู้สึกแย่อยู่ พอคิดจะกลับไปคุยกับแม่เราก็ทำไม่ได้ เพราะทิฐิที่เรามี ซึ่งเราเองก็ไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้ เกลียดทิฐิตัวเองมากๆ และเอาชนะมันได้ยากมากจริงๆ แต่ตอนนี้เราก็ยังซัพพอร์ตแม่อยู่ไกลๆ ยังติดตามอยู่ว่าแม่ทำอะไร แต่ก็ยังไม่ได้คุยกัน เลยอยากจะปรึกษาพี่ๆ ดีเจว่า เราจะตั้ง mindset ยังไง ให้เราก้าวผ่านความรู้สึกที่เสียไป และกลับไปคุยกับแม่ได้เหมือนเดิมคะ?’ เริ่มที่ “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่าเมย์ก็ต้องคิดว่า ถ้าพรุ่งนี้แม่ไม่อยู่ให้เมย์โทรไปหาแล้วจะเป็นยังไง อะไรก็ตามทั้งหมด เราคือครอบครัว และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราก็ต้องไปกันต่อ พี่ว่าหลายบ้านคุณแม่คุณลูกก็อาจจะมีเรื่องที่ไม่ดีต่อกันมากกว่านี้ เขาก็ต้องตัดสินใจที่จะไปต่อ ถ้าเขายังอยากเป็นครอบครัวกันอยู่ แล้วเมย์ก็รักคุณแม่ และอีกอย่างคือ จนตอนนี้เมย์อายุ 32 แล้ว พี่ว่าเมย์ก็น่าจะทำอะไรบางอย่างที่ทำให้แม่ไม่พอใจ หรือโกรธมาบ้าง แต่แม่ก็ยังอยู่กับเราจนถึงทุกวันนี้ได้ ซึ่งพี่ว่ามันคือครอบครัว เรามีความรักให้กัน แม้ว่าอีกฝั่งจะผิด แต่เราก็ต้องให้อภัยกัน เพราะเรารักกัน’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ในบางสถานการณ์ บางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครอบครัว มันอาจจะไม่มีประโยชน์ในการหาคนผิดคนถูก ในความสัมพันธ์ ในความเป็นครอบครัวกันในทุกรูปแบบ บางครั้งการที่เราพยายามจะบอกให้คนหนึ่งยอมรับว่าผิด มันอาจจะไม่ใช่ทางออกของปัญหาเสมอไป ต้องลองคิดดูดีๆ ว่าถ้าเราได้ยินคำนั้น มันจะทำให้เราปลดล็อกทุกอย่างในคำๆ เดียวหรอ? เวลาของคนเรามันจะน้อยลงเรื่อยๆ ซึ่งเราจะไม่มีวันเข้าใจคุณพ่อคุณแม่ที่สูงอายุมากๆ ที่เขาจะต้องอยู่คนเดียวจริงๆ ลูกก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน มันคงทรมานมาก กับการที่เขาเคยมีใครมาทั้งชีวิต แล้วอยู่ดีๆ วันหนึ่งมันก็โหวง เวลาในชีวิตเขามันก็น้อยลงไปเรื่อยๆ ทีละวันๆ ที่คุณหมอบอกว่ามันอาจจะเป็นภาวะซึมเศร้า มีความเป็นไปได้สูงมาก เพราะจากที่คุณเมย์เล่ามา แม่เขาอยู่คนเดียว เราอย่าหาผิดหาถูกกับคนที่ป่วยเลย เขายิ่งน่าสงสารขึ้นไปใหญ่ ลองคิดสิว่าเขาเป็นผู้ใหญ่ GEN เก่า แล้วยอมรับว่าตัวเองผิดถึงขนาดไปหาหมอ ซึ่งมันไม่ง่าย และมันก็แค่ 1 ประโยคที่เราตามหากัน ผมมองว่ามันยังมีเรื่องอีกมากมายที่น่าห่วงกว่านั้น เช่น คุณแม่จะอยู่ยังไงคนเดียวกับภาวะแบบนี้ ถ้าเกิดอะไรขึ้น ณ เวลานั้นใครจะเป็นคนใกล้ตัวที่ดูแลแม่ มันเลยมีเรื่องอื่นที่น่าห่วงกว่าคำขอโทษ สำหรับในมุมมองของคนนอกที่ได้ฟัง ส่วนเรื่องที่คุณเมย์เจอมา ผมเข้าใจมากๆ แล้วมันก็เป็นสาเหตุที่ทำให้คุณเมย์น้อยใจอยู่แบบนี้ แต่บางทีเราน้อยใจไปแล้ว แล้วยังไงต่อ และผมว่าเราทุกคนให้วันนี้ไม่มีวันเข้าใจ จนกว่าจะอายุเท่าคุณแม่แล้วอยู่คนเดียว ไม่มีใคร ผมก็ไม่อยากให้วันนั้นคุณเมย์มานึกย้อนว่า ‘อ๋อ ฉันเพิ่มเข้าใจในวันที่มันไม่มีโอกาสที่จะได้สื่อสารอะไรกันแล้ว’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘สิ่งที่เมย์เป็นอยู่ หนักอกหนักใจอยู่ คือการที่เมย์ถือทิฐิเอาไว้ ฉะนั้นอยากเบา อยากปล่อยวาง ก็คือ วางมันลงซะ คำขอโทษทั้งหมดมันไม่ได้มีค่าขนาดนั้น ‘ขอโทษมาสิ แม่แพ้มาสิ’ ต่อให้เมย์ได้คำขอโทษ และความพ่ายแพ้ของแม่ เมย์ก็ไม่ได้รู้สึกดีใจขนาดนั้น ชัยชนะมันไม่ใช่ชัยชนะจริงๆ การรักษาความรักที่เรามีให้ซึ่งกันและกัน มันคือชัยชนะของครอบครัวนี้แล้ว เมย์ลองนึกถึงวันที่เมย์เป็นแม่ขึ้นมาแล้วลูกไม่คุยกับเมย์ มันจะเจ็บปวดขนาดไหน นั้นก็คือคำตอบ วันนี้เมย์เป็นทั้งแม่และลูก ฉะนั้นจะเข้าใจความรู้สึกของทั้งสองบทบาทเลย ลองเข้าหาคุณแม่เถอะ เราไม่รู้ว่าแม่ปวดเป็นอะไรด้วยซ้ำ และสิ่งที่แม่ทำและแสดงออกมาที่มันไม่ปกติแบบนี้ นั้นแปลว่าแม่กำลังป่วย แล้วแม่กำลังเผชิญกับความยากลำบาก มันอาจจะมากกว่าเราด้วยซ้ำ ฉะนั้นคำขอโทษไม่มีความหมายเลย ถ้าเทียบกับชีวิตแม่เรา’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin