พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก ... สาวออฟฟิศหนักใจ ไปทำงาน แต่โดนจับผิดจาก ‘ภรรยาหัวหน้า’ เพราะภรรยาไปเห็นแชท ของหัวหน้าอีกคน ถ่ายรูปเราส่งไปแซวกับสามีตัวเอง หลังจากนั้นก็หึง หวง ไม่ให้คุยไลน์ส่วนตัว จับผิดผ่านกล้องวงจรปิด

19 ก.ย. 2023

คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก ... สาวออฟฟิศหนักใจ ไปทำงาน แต่โดนจับผิดจาก ‘ภรรยาหัวหน้า’ เพราะภรรยาไปเห็นแชท ของหัวหน้าอีกคน ถ่ายรูปเราส่งไปแซวกับสามีตัวเอง หลังจากนั้นก็หึง หวง ไม่ให้คุยไลน์ส่วนตัว จับผิดผ่านกล้องวงจรปิด

คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก ... สาวออฟฟิศหนักใจ ไปทำงานแต่โดนจับผิดจาก ‘ภรรยาหัวหน้า’ เพราะภรรยาไปเห็นแชทของหัวหน้าอีกคน ถ่ายรูปเราส่งไปแซวกับสามีตัวเองหลังจากนั้นก็หึง หวง ไม่ให้คุยไลน์ส่วนตัว จับผิดผ่านกล้องวงจรปิดทำงานด้วยลำบากมากตอนนี้ แต่ไม่อยากลาออก เพราะเงินเดือนดี “คุณเอ็ม (นามสมมติ)” อายุ 25 ปี สายสุดท้ายในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [13 ก.ย. 66] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจอ้อย เกี่ยวกับปัญหาโดนแฟนเจ้านายหึง โดย “คุณเอ็ม (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ต้องเกริ่นก่อนว่า หนูมาทำงานที่นี่ เพราะรู้จักกับเจ้านาย แต่หนูมีเจ้านาย 2 คน เป็นผู้ชายทั้งคู่ หนูขอแทนเจ้านายทั้ง 2 คนว่า คุณ A และคุณ B ส่วนตัวหนูรู้จักกับคุณ A มาก่อนเพราะเราเคยติดต่อเรื่องงานกัน บังเอิญช่วงก่อนหน้านี้ประมาณ 1 ปีหนูลาออกจากที่ทำงานเก่า แล้วคุณ A ก็ติดต่อมาพอดี และรู้ว่าหนูว่างงาน แกก็เลยชวนมาทำงานด้วย เพราะแกเปิดบริษัทใหม่ ทีนี้หนูก็ได้มารู้จักกับคุณ B ซึ่งเป็นหุ้นส่วนบริษัทอีกคนนึง ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้น หนูเพิ่งมาทราบก่อนที่จะขยายออฟฟิศใหม่ประมาณ 1 อาทิตย์ คุณ B เรียกหนูไปคุย เพราะภรรยาของเขาไม่โอเคกับหนู เหมือนเขาคิดว่าหนูกับคุณ B เป็นกิ๊กกัน เรื่องมันเริ่มต้นจากรูปถ่าย 1 รูปที่คุณ B แอบถ่ายหนู เหมือนเขาส่งไปให้เพื่อนดู ส่งไปแซวกันเล่นๆ ประมาณว่า วันนี้น้องแต่งตัวน่ารักนะ แล้วเพื่อนเขาก็ตอบกลับมาว่า น่ารักก็จีบสิ... ด้วยความที่เพื่อนตอบกลับมาแบบนั้น คุณ B ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไป เหมือนภรรยาเขามาเห็นแชทนั้นที่เขาคุยกับเพื่อน แล้วจุดเริ่มต้นที่เขาไม่โอเค คือที่คุณ B มาถ่ายรูปหนู ภรรยาเขาก็ถามว่าถ่ายรูปน้องเขาทำไม? แล้วกลายเป็นพาลว่าหนูกับคุณ B เป็นกิ๊กกัน ภรรยาเขาเฝ้าดูการกระทำของหนูตลอดเลยว่า หนูคุยกับสามีเขามั้ย? ซึ่งภรรยาเขาไม่ได้เข้ามาทำงานที่ออฟฟิศนี้ด้วย แต่เขาจะดูโทรศัพท์สามี และดูผ่านกล้องวงจรปิดผ่านโทรศัพท์คุณ B ตลอด บางทีหนูต้องออกไปทำงานข้างนอก โดยที่เขาก็ไม่รู้ว่าหนูออกไปไหน เจ้านายเขารู้อยู่แล้วว่าหนูไปทำอะไร แต่เขาก็มองว่าทำไมเราต้องออกไปก่อนเวลา ทำไมเราต้องอย่างงั้นอย่างงี้ ก็จะมีฟีดแบคกับการกระทำของหนูตลอด ซึ่งส่วนตัวหนูมีแต่เรื่องงาน ไม่ได้คิดอะไรกับเจ้านาย 100% เลย และหนูก็มีแฟนอยู่แล้วด้วย หลังจากที่ย้ายเข้าออฟฟิศใหม่ หนูเจอภรรยาคุณ B ครั้งแรก หนูก็ยกมือไหว้ปกติ แต่เขาไม่รับไหว้หนูแล้วมองด้วยหางตาแบบมองจิกเลย หนูก็ไม่ได้อะไร ทำงานของตัวเองปกติ แต่คุณ B ก็พยายามกันภรรยาเขาไม่ให้เข้ามายุ่งในออฟฟิศอยู่แล้ว และบ้านของคุณ B กับออฟฟิศอยู่ในระแวกเดียวกัน เรื่องที่หนูรับรู้มา หนูรู้มาจากคุณ A เพราะคุณ B เขาไปปรึกษาคุณ A แล้วคุณ A ก็มาเล่าให้หนูฟังว่าเรื่องมันเป็นแบบนี้ หนูต้องทำตัวยังไงบ้าง หนูไม่รู้สิ่งที่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่มันส่งผลกระทบ คือ มากระทบที่หนู ตัวหนูกลายเป็น แพะที่มารับเรื่องนี้ หนูทำงานเป็น Backoffice ซัพพอร์ตหลังบ้านทุกอย่าง ต้องติดต่องานโดยตรงกับเจ้านายทุกคนอยู่แล้ว ซึ่งในบริษัทก็มีแค่หนูคนเดียวที่ต้องทำงานตรงนั้น บางทีหนูก็ต้องติดต่องานกับคุณ B ซึ่งมันเป็นปัญหามาก หนูไม่สามารถโทรหาเขาได้ ไลน์ส่วนตัวก็ไม่ได้ บางทีเราโทรไป แกก็ไม่สามารถรับสายเราได้ มีเรื่องงาน เรื่องด่วน บางทีหนูก็คุยกับคุณ A ไม่ได้ ต้องคุยตรงกับคุณ B อย่างเดียว ซึ่งมันเป็นเรื่องของเขาโดยตรง มันทำให้ช่วงนั้นมันโหลด แบบโหลดมาก บางทีหนูเหนื่อยกับการทำงานอยู่แล้ว ยังต้องมาเจอเรื่องพวกนี้อีก หนูไม่ได้เป็นแบบที่เขาคิดเลย แต่ทำไมมาทำให้หนูรู้สึกแบบนั้นด้วย แต่หนูชอบทำงานที่นี่ รู้สึกเจ้านายเขาแฟร์ดี และเหมือนเขาทำงานกันจริงๆ ตอนนี้เหมือนคุณ B เขาจัดการแบบเด็ดขาดไม่ได้ เหมือนเขาก็มีปัญหาหลังบ้านอยู่ หนูอยากรู้ว่าถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับพวกพี่ จะมีวิธีจัดการกันยังไงเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ทำไมอาจารย์ชอบปล่อยเลทคะ? นักศึกษาโทรถามในรายการ เวลาไปเรียน... หมดเวลาแล้ว แต่อาจารย์ไม่ปล่อยสักที กินเวลาวิชาอื่นไป 10 – 15 นาที ไปเรียนอีกตึกแทบไม่ทัน ที่เพื่อนๆไม่กล้าบอกก็เพราะ อาจารย์คนนี้ ‘ดุ’ มากซะด้วย

12 ก.ย. 2023

ทำไมอาจารย์ชอบปล่อยเลทคะ? นักศึกษาโทรถามในรายการ เวลาไปเรียน... หมดเวลาแล้ว แต่อาจารย์ไม่ปล่อยสักที กินเวลาวิชาอื่นไป 10 – 15 นาที ไปเรียนอีกตึกแทบไม่ทัน ที่เพื่อนๆไม่กล้าบอกก็เพราะ อาจารย์คนนี้ ‘ดุ’ มากซะด้วย

ทำไมอาจารย์ชอบปล่อยเลทคะ? นักศึกษาโทรถามในรายการเวลาไปเรียน... หมดเวลาแล้ว แต่อาจารย์ไม่ปล่อยสักทีกินเวลาวิชาอื่นไป 10 – 15 นาที ไปเรียนอีกตึกแทบไม่ทันที่เพื่อนๆไม่กล้าบอกก็เพราะ อาจารย์คนนี้ ‘ดุ’ มากซะด้วยอยากได้วิธีการจากทุกคนว่าควรทำยังไงดี ถ้าเจอแบบนี้?? “คุณนิ (นามสมมุติ)” สายสุดท้ายของรายการ “พุธทอล์ค พุธโทร” เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [6 ก.ย.66] ได้โทรเข้ามาปรึกษาพี่ๆดีเจ ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล - ดีเจเผือก เกี่ยวกับปัญหาอยากรู้ว่าทำไมอาจารย์ชอบปล่อยเลท โดย “คุณนิ (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘ที่มหาวิทยาลัยจะให้เรียนคาบละ 50 นาที แล้วก็จะมีให้เดินทาง 10 นาที เพื่อที่จะไปเรียนวิชาใหม่ แต่จะมีอาจารย์คนหนึ่งก็คือสอนครบ 60 นาทีเลย แล้วตัวอาจารย์เขาก็เป็นคนที่ค่อนข้างที่จะดุมาก อาจารย์เขาก็จะเข้าสอนก่อนเวลา ที่เขาปล่อยช้าบางทีก็ชอบเม้าท์ บางทีก็สอนบ้าง มันก็จะมีบางทีที่เขาสอนไม่ทันค่ะ หรือบางทีเขาก็สอนเสร็จเเล้วแต่ก็พูดเรื่องอื่นต่อ วิชานี้เป็นวิชาที่สาขาวิชาที่จะต้องเจอตลอด ๆ เลยเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย... สาวออฟฟิศอึดอัดใจ เพื่อนร่วมงานนับสิบ ทำตัวแปลกๆ ชอบ ‘จับจิ้น’ ให้คนนี้คู่กับคนนู้น คนนู้นคู่กับคนนี้ โดยไม่สนเลยว่า ‘ทั้งคู่ก็ต่างคนต่างมีครอบครัวแล้ว’ ชงไปมา สุดท้ายลงเอยด้วยการนอกใจ แอบคบกัน

11 ก.ย. 2023

ไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย... สาวออฟฟิศอึดอัดใจ เพื่อนร่วมงานนับสิบ ทำตัวแปลกๆ ชอบ ‘จับจิ้น’ ให้คนนี้คู่กับคนนู้น คนนู้นคู่กับคนนี้ โดยไม่สนเลยว่า ‘ทั้งคู่ก็ต่างคนต่างมีครอบครัวแล้ว’ ชงไปมา สุดท้ายลงเอยด้วยการนอกใจ แอบคบกัน

ไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย... สาวออฟฟิศอึดอัดใจ เพื่อนร่วมงานนับสิบทำตัวแปลกๆ ชอบ ‘จับจิ้น’ ให้คนนี้คู่กับคนนู้น คนนู้นคู่กับคนนี้โดยไม่สนเลยว่า ‘ทั้งคู่ก็ต่างคนต่างมีครอบครัวแล้ว’ ชงไปมาสุดท้ายลงเอยด้วยการนอกใจ แอบคบกัน พอเราเห็นแบบนี้แล้วอึดอัดรู้ว่าเป็นคนนอก แต่จะมองข้ามเรื่องนี้ยังไงดี? เพราะต้องทำงานร่วมกัน “คุณเตย (นามสมมุติ)” อายุ 30 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (6 ก.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก -ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอมกับปัญหาที่ทำงานชอบจับคู่จิ้นให้คนอื่น โดย “คุณเตย (นามสมมุติ)” เริ่มเล่าว่า ‘ตอนนี้เป็นพนักงานบริษัท แล้วต้องย้ายสาขาไปอยู่อีกที่สาขานึง พอเราย้ายเข้าไปก็เจอวัฒนธรรมการจับคู่จิ้น แซว ชง โดยที่คนแซวก็ไม่ได้สนว่าคนที่จับคู่ เค้าจะแต่งงานแล้ว มีครอบครัว หรือแบบว่ามีแฟนอยู่แล้ว อย่างล่าสุด มีน้องผู้ชายคนนึงเพิ่งเข้ามาใหม่ คนในบริษัทก็ถามน้องผู้ชายว่า ‘น้องผู้หญิงคนนี้น่ารักไหม? ถ้าน่ารักก็จีบสิ’ แต่คนในบริษัทก็รู้ว่าน้องทั้ง 2 คนต่างก็มีแฟนกันอยู่แล้ว และไม่ได้เป็นคนเดียวที่ชอบชง ชอบแซว แต่เป็นกันทั้งแผนก ส่วนน้องที่ถูกชงตอนแรก ๆ ก็ปฏิเสธ ‘พี่ก็อย่าแซวสิ’ สุดท้ายไม่รู้ว่าไปชงกันถูกมุมหรืออะไรยังไง จนน้องทั้งคู่ลงเอยด้วยการนอกใจแฟนของตัวเอง มามีความสัมพันธ์กันจริง แต่เราเองก็ไม่รู้ว่าคนที่ชงรู้สึกยังไงกัน รู้แต่ว่าตอนนี้สถานการณ์พวกเค้าก็เฮฮา ยังชง ยังแซวกันอยู่เรื่อย ๆ เราก็ไม่ได้ไปสุงสิงอะไรกับพวกเค้า แต่เวลาทำงานมันต้องอยู่ในห้องเดียวกัน ก็จะมีพวกคำทะลึ่ง คำส่อเสียดที่แบบว่า พูดกันไปไม่คิดถึงจิตใจแฟนของคนที่โดนแซว โดนจิ้นบ้างเลย คือในสถานการณ์นี้เรารู้ว่าเราเป็นคนนอก แต่เราก็มีความรู้สึกที่ควรจะให้เกียรติถึงแม้จะเป็นคนไม่รู้จักกันก็ตาม อยากจะได้คำแนะนำว่าเราจะมองข้ามเรื่องนี้ยังไง คือเราต้องทำงานในห้องเดียวกับพวกเค้า ทุกวันนี้พยายามแล้วที่จะช่างมัน คิดว่าเรามาทำงานหาเงิน แต่มันก็อึดอัดที่ต้องอยู่ท่ามกลางคนพวกนี้…. งานนี้ “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘มันอยู่ที่ความอึดอัดนั้นมันทำให้เรายังมีแรงลุกไปทำงานหรือเปล่า? คือเรื่องพวกนี้มันส่งผลกระทบต่อจิตใจแต่ละคนไม่เท่ากันนะ บางทีคนนึงฟังอาจจะรู้สึกก็ช่างมันดิ ใครมันจะบิ้ว จะปีนต้นงิ้วก็ไปเถอะ เราก็ก้มหน้าก้มตาทำงาน หาหูฟังสักอัน ฟังเพลงไป บางคนอาจจะรู้สึกแค่นั้นก็พอแล้ว แต่กับเตยอาจจะรู้สึกว่า คำพูดคำจาที่บิ้วกันมา ไม่ได้แคร์ศีลธรรมเลย มันทำให้เตยอึดอัดถึงขนาดที่ว่าไม่มีสมาธิทำงานเลยหรือเปล่า หรือกระทบอะไรขนาดไหน อันนี้เตยก็ต้องตอบตัวเองก่อน ถ้าถึงขั้นทำให้อึดอัดแล้วก็ไม่มีความสุขเลย กับการที่ต้องไปนั่งในแผนกนั้นก็หางานใหม่ สุดท้ายแล้วเราไม่ได้ศีลเสมอหรือมีภูมิต้านทานเรื่องตรงนี้ไม่พอ หรือถ้าเรื่องเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับชีวิตเรา ก็รู้สึกว่าช่างเค้า ใครจะดีจะชั่วก็ดูไว้ แล้วเราก็อย่าไปเป็นแบบคนพวกนั้น หน้าที่ของการไปทำงาน พื้นฐานก็คือ การไปทำงาน หารายได้เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง อันดับที่สองก็คือการเข้าสังคม ซึ่งถ้าสังคมนั้นมันไม่ใช่สังคมที่เราอยากจะไปเข้า เราก็จงหาแต่เงินแล้วก็กลับบ้าน’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘สำหรับพี่ หนึ่งอดทน สองหางานใหม่ อะไรง่ายกว่ากันก็เลือกอันนั้นเลย ถ้ารู้สึกหางานใหม่ยาก แล้วหางานใหม่มีโอกาสที่จะเจอคนไม่ชอบด้วยนะ พี่ยังรู้สึกว่าเคสนี้ยังเบานะ เคสอื่นๆ คือกระทบเข้ามาสู่ตัวเองเลย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ได้กระทบเตย เค้าแค่เป็นคนอีกประเภทที่เตยไม่ชอบ วิธีการยังพอใส่หูฟังได้ แล้วก็คนเราเจอคนร้อยพ่อพันแม่ตลอด ที่เข้ามาแล้วทำอะไรไม่ถูกใจเรา มันคือความแตกต่าง ซึ่งการที่เราไม่ชอบ เราสามารถละได้โดยการช่างมัน สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ชีวิตใครชีวิตมัน ส่วนคู่นั้นที่นอกใจแฟน เดี๋ยวชีวิตมันพังเอง ชีวิตรักที่มันไม่ซื่อสัตย์โอกาสที่จะได้รักที่ดีมันยากอยู่แล้ว มันคือชีวิตเขา แค่เขาไม่มายุ่งกับเราคือพอแล้ว ต่อให้ลาออกไป ก็ตอบไม่ได้ว่าเราจะเจอใครที่ไม่ชอบอีก ฉะนั้นสิ่งที่ฝึกเราได้ก็คือ พวกนี้ยังเบา ช่างมัน ปล่อยวาง อยู่ห่างๆ ไม่ชอบก็คือไม่คบ คุยได้แต่ไม่คบ ไม่ต้องถึงขั้นไม่คุย โกรธเขา เพราะจะทำให้เราเครียดแทน’ ปิดจบกันที่ “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่เพิ่งไปอ่านหลักที่จะทำให้ชีวิตมีความสุขแบบง่าย ๆ เค้าบอกถ้าเจอเหตุการณ์ที่ไม่ถูกใจ หนึ่งเปลี่ยนเค้า เปลี่ยนสิ่งที่เราไม่ถูกใจ ซึ่งในกรณีนี้เตยเปลี่ยนเค้าได้ไหม? ก็ไม่ได้เพราะเราไม่สามารถไปบอกเค้าได้ว่า “พี่คะรณรงค์อย่าพูดเรื่องที่ทำให้ทุกคนผิดศีลธรรม น้องเค้ามีแฟนอยู่แล้วทำแบบนี้ไม่ดี” เราพูดไม่ได้ แต่กรณีนี้เราทำได้คือ ปรับตัวเอง เตยต้องช่างมัน แต่พี่เข้าใจนะแง่ศีลธรรม แต่ถ้ามันยังไม่ได้มาลุกลามพื้นที่สิทธิของเรา ลองพิจารณาพวกเค้าเป็นบัว 4 เหล่าไปเลย มันต้องมีคนที่ไม่รู้อยู่แล้ว ลองพิจารณาว่าคนเรามันก็แค่นี้ เราก็อย่าไปทำเหมือนเค้า เราดูเป็นเยี่ยงอย่าง ถ้าเป็นเราจะไม่ทำแบบนี้ แต่ถ้าสุดท้ายยังทนไม่ไหว มันก็ยังมีข้อสุดท้ายคือ เดินออกมา แค่นี้ชีวิตจะมีความสุขได้ง่ายขึ้นเมื่อเจอปัญหา….’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

คนกลางลำบากใจที่สุด... ลูกสาวโทรปรึกษา 3 ดีเจในรายการ คุณพ่อจับได้ว่า คุณแม่คุยกับเพื่อนสนิทผู้หญิงคนหนึ่งในเชิงชู้สาว สุดท้ายแม่ยอมรับว่าทั้งคู่ “ต่างคนต่างรู้สึก” เหมือนกัน และต่างคนก็ต่างมีสามีกันอยู่แล้ว พีคสุด! สามีฝั่งนู้นก็รับรู้และรับได้

08 ก.ย. 2023

คนกลางลำบากใจที่สุด... ลูกสาวโทรปรึกษา 3 ดีเจในรายการ คุณพ่อจับได้ว่า คุณแม่คุยกับเพื่อนสนิทผู้หญิงคนหนึ่งในเชิงชู้สาว สุดท้ายแม่ยอมรับว่าทั้งคู่ “ต่างคนต่างรู้สึก” เหมือนกัน และต่างคนก็ต่างมีสามีกันอยู่แล้ว พีคสุด! สามีฝั่งนู้นก็รับรู้และรับได้

คนกลางลำบากใจที่สุด... ลูกสาวโทรปรึกษา 3 ดีเจในรายการคุณพ่อจับได้ว่า คุณแม่คุยกับเพื่อนสนิทผู้หญิงคนหนึ่งในเชิงชู้สาวสุดท้ายแม่ยอมรับว่าทั้งคู่ “ต่างคนต่างรู้สึก” เหมือนกันและต่างคนก็ต่างมีสามีกันอยู่แล้ว พีคสุด! สามีฝั่งนู้นก็รับรู้และรับได้ตอนนี้พ่อเสียใจมาก อยากจะออกจากบ้าน แต่ไม่รู้จะไปนอนที่ไหน... “คุณกิ๊ฟ (นามสมมุติ)” อายุ 27 ปี สายแรกในรายการ “พุธทอล์ค พุธโทร” เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [6 ก.ย. 66] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาเรื่องแม่ไปมีความสัมพันธ์กับเพื่อนที่เป็นผู้หญิง โดย “คุณกิ๊ฟ (นามสมมุติ)” เล่าว่า ‘เมื่อก่อนพ่อกับแม่เคยอยู่ที่กรุงเทพฯ แล้วก็ 3 ปีที่ผ่านมา กลับไปอยู่ที่ต่างจังหวัด ไปปลูกบ้านใกล้ๆกับบ้านของตา จะได้ดูเเลตากับยาย ในช่วงแรกแม่เขาก็รู้สึกนอยด์ๆ เพราะตอนที่เขาอยู่กรุงเทพฯ เขาเคยมีรายได้ รู้สึกมีประโยชน์ แต่พอมาอยู่ที่นี่เขาไม่มีรายได้ แล้วเขาก็เหงา ซึ่งพ่อของหนูก็หางานที่ใกล้ๆบ้านเเล้วก็ได้งาน โดยเงินที่ใช้ในแต่ละเดือนก็จะมาจากเงินเดือนของพ่อ เมื่อช่วงประมาณต้นปีที่ผ่านมา ก็มีเพื่อนของเเม่ที่เป็นผู้หญิง ไม่ได้คุยกันมาประมาณ 10 ปีเเล้ว เขาเหมือนตั้งใจจะมาที่บ้านตา เพื่อจะมาขอที่อยู่ของเเม่ที่กรุงเทพฯ เพราะคิดว่าเเม่ยังอยู่ที่กรุงเทพฯ หลังจากนั้นแม่กับเพื่อนของแม่ก็ได้เจอกันพอดี เหมือนเขาก็ปรับความเข้าใจ กลับมาคุยกันเป็นเพื่อนกัน สำหรับครอบครัวฝั่งเพื่อนของแม่ เหมือนครอบครัวเขาจะมีปัญหาหลายเรื่อง เขาก็เลยจะมาหาเเม่อาทิตย์ละครั้ง มานั่งคุย ปรึกษา ทำอะไรกินด้วยกัน เเล้วเวลาเขามา เขาก็จะคอยใส่ใจ ซื้อของกินมาให้ตลอด จนเมื่อช่วงประมาณต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แม่ก็ไปสารภาพกับเพื่อนว่าแม่รู้สึกกับเพื่อนคนนี้เกินเพื่อนไปแล้ว แล้วเพื่อนเเม่ก็ตอบกลับมาว่าก็รู้สึกเหมือนกัน เเต่ทางนั้นเขาก็มีสามี มีลูก ลูกอายุเท่าๆกับหนูเลย หลังจากนั้นเหมือนพ่อเริ่มสังเกตอาการได้ พ่อก็เลยแอบไปดูในไลน์ เขาก็เห็นว่าคุยกัน ใช้คำหวานๆ คลั่งรัก จากที่พ่อแคปแชทมาให้ดู เขาคุยเหมือนเป็นแฟนกัน พ่อรับไม่ได้ พ่อกับแม่ก็เลยทะเลาะกัน ทำให้พ่อต้องออกจากบ้านไป เเล้วเขาก็กลับมาคุยกัน พ่อก็ขอให้แม่หยุดได้ไหม? แล้วก็ให้กลับมาเป็นครอบครัวกันเหมือนเดิม แต่แม่บอกว่า เขาไม่ได้รู้สึกกับพ่อแบบนั้นแล้ว เขารู้สึกว่าที่ผ่านมาเหมือนพ่อละเลยเขา ไม่ค่อยสนใจเขา เวลาอยากจะไปไหนก็ไม่ไป จนมาวันนี้เขาก็ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเเล้ว แต่เขาก็ไม่ได้อยากจะไล่พ่อออกไปนะ แต่ถ้าจะอยู่ก็อยู่เป็นเพื่อนกัน แต่พ่อก็รับไม่ได้ พ่อรู้สึกว่าอยากให้แม่รักพ่อเหมือนเดิม เหมือนเมื่อก่อน ไม่ใช่ไปรักคนอื่น พอเป็นคนกลางก็คือฟังจากทางเเม่ด้วย บางทีในมุมเเม่เขาก็จะรู้สึกว่า ฉันก็ถูกละเลยมาหลายปีเเล้ว ในมุมพ่อ แม่ไม่เคยพูดเขาก็ไม่รู้ เขารู้สึกว่าอันนี้ก็คือปกติที่เคยทำ แต่ก่อนก็ไม่เคยเห็นเป็นอะไร ก็เลยไม่รู้ว่าจะต้องรักษาความรู้สึกทั้งพ่อกับแม่เราควรจะทำยังไงดี? เพราะเเม่ก็ไม่ได้อยากจะเลิกกับพ่อ เพื่อที่จะไปอยู่กับเพื่อนสองคน จริงๆพ่อก็อยากออกไป แต่ก็ไม่รู้จะไปไหน ก็เลยเป็นห่วงพ่อว่าจะไปอยู่ที่ไหน หนูเคยคุยกับเเม่ว่าไม่เอาได้ไหม? แม่ก็พูดมาคำหนึ่งว่า มันคือความสุขของเขา เเค่เหมือนได้คุยก็มีความสุขเเล้ว จากที่ถามเเม่มา ครอบครัวทางฝั่งนู้น เขารู้เเล้วเขาก็รับได้ มีเเต่พ่อที่รับไม่ได้ แม่เขาก็บอกว่าเหมือนเป็นเพื่อนคนนึงที่สบายใจของเขา เข้าใจเขา... หนูก็เลยอยากปรึกษาพี่ๆดีเจว่า ทำยังไง จะไม่ให้พ่อกับเเม่เสียใจดี? งานนี้ “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คนที่ดูน่าสงสารที่สุดคือ คุณพ่อ คนที่จะได้รับการเยียวยาคนแรกจากกิ๊ฟก็คือคุณพ่อ คนอยู่ด้วยกันเป็น 20 - 30 ปี คำว่าละเลยกับการทำทุกอย่างเป็นปกติ มันมีเส้นบางๆ ถ้ายังรักกันอยู่ ก็มองว่ามันเป็นปกติ มันไม่เคยเป็นเรื่อง เเต่พอวันหนึ่งไม่ได้รักกันเเล้ว มันก็กลายเป็นเรื่องละเลย มันก็แอบไม่เเฟร์กับคุณพ่อเหมือนกัน ส่วนวิธีเยียวยาคุณพ่อ กิ๊ฟก็ชวนพ่อคุยทำนู้นนี่ แล้วค่อยๆแอบถามพ่อมีอะไรจะคุยหรือเปล่า? หลังจากนั้นก็ค่อยว่ากัน คือดูแลให้เขามีเพื่อน และฝั่งคุณเเม่ก็ทำไรมากไม่ได้ ทำได้เเค่เตือนว่าสิ่งที่เเม่มองว่าเป็นเรื่องเล็ก เป็นเพื่อนกัน เป็นความสุข กิ๊ฟอยากให้เเม่ระวังว่า ผลกระทบของความสุขของเเม่เนี่ยมันทำให้คนรอบข้างเป็นทุกข์หรือเปล่า มันก็ทำได้เเค่เตือน ทางด้าน “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘คนที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็น่าจะเป็นคุณพ่อ เป็นการนอกใจที่ชอบผู้หญิงเหมือนกันอีก ซึ่งก่อนหน้าก็ไม่น่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น เพราะว่าเขาเป็นภรรยาของคุณพ่อมานานมากแล้ว พี่จะไม่บีบบังคับให้พ่อยอมรับ เพราะตอนนี้เเม่คุณกิ๊ฟต้องการแบบนั้น ซึ่งพี่รู้สึกว่ามันไม่แฟร์ ถ้าสถานการณ์กลับกันไม่ว่าจะฝั่งไหน มันก็ยอมรับไม่ได้เลย มันเห็นแก่ตัวไปนิดนึง พี่ก็คงบอกว่าถ้าพ่อไม่ไหว พ่อมีสิทธิ์ที่จะไปนะ มันเศร้าตรงที่พอรู้ว่า ภรรยาตัวเองมีคนอื่นเเล้ว เเต่ตัวเองยังอยู่ในพื้นที่บ้านตาบ้านยาย ณ ตอนนี้พี่คิดว่าเเม่จะอยู่บ้านคนเดียวได้อย่างมีความสุข ส่วนฝั่งคุณเเม่ ถ้าตอนนี้คุณแม่ค้นพบว่าฉันชอบเพศเดียวกัน พี่ก็จะตามใจเขา แต่ที่เเม่บอกพ่อละเลย ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง อาจจะเป็นคำอ้างก็ได้ แต่ถ้าเป็นจริงพี่ก็คงพูดกับเเม่ว่า ลองให้โอกาสพ่อไหม เพราะเขาไม่เคยพูดกับพ่อเลย ตอนนี้มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เราเป็นลูก เราก็ทำได้เเค่ใครที่เสียใจเราก็ให้กำลังใจ เป็นเรื่องที่เขามีสิทธิ์ที่เขาจะทำได้ เลือกทางเดินชีวิตตัวเองเเล้ว สุดท้าย...เขาเลือกเเล้ว ถ้าเขามีความสุขกับทางที่เขาเลือกจริงๆ พี่ก็โอเคกับทั้งสองฝ่าย สำหรับพี่เขาก็คือพ่อเเละเเม่ที่พี่ก็ยังรักอยู่ดี และ “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘สิ่งที่ทำ มันก็คือการนอกใจ ส่วนบ้านนู้นก็ถามเลยว่า เขารับได้จริงๆใช่ไหมที่เขาคบกัน ถ้ารับได้จริงๆ ทางนี้ก็จะได้เปิดทางให้ที่รับได้นี่ทางนู้นอาจจะรู้เเค่ว่าเป็นเเค่เพื่อนหรือเปล่า ไม่ได้คลั่งรักขนาดนี้ ถ้าบ้านเขารับได้จริงๆเราทำได้เเค่ปล่อยอย่างเดียวเลย เราต้องมาฮีลใจคุณพ่อ แล้วก็คุยกับเเม่ ถ้าเเม่พูดว่านี่ คือความสุขของเเม่ เราก็บอกแม่ไปเลยว่า มันเป็นความสุขที่ได้มาโดยไม่ถูกต้อง ความสุขเเบบนี้มันเรียกเห็นแก่ตัว แล้วเราก็หันมาทางพ่อ การที่อยู่กับคนที่ไม่ได้รักเรามันเจ็บกว่าการที่จบเเล้วเดินออกไปมากกว่า สิ่งที่เยียวยาพ่อได้ดีที่สุดก็คือลูก เพราะตอนนี้ดูแล้วแม่กู้ไม่กลับเเล้ว เพราะฉะนั้นต้องดูเเลพ่อให้รู้สึกว่าอย่างน้อยลูกคือความหวังของพ่อ ให้กำลังใจพ่อ ถ้าพ่อคิดว่าตอนนี้พ่อทนได้ พ่ออยู่ไปก่อน แต่บอกล่วงหน้าเลย สิ่งที่พ่อทำอยู่มันเสียเวลา เเต่ถ้าพ่อรู้สึกว่าพอแล้ว พ่อปิดประตูบานนี้เเล้วเดินออกมา ให้ทางเลือกกับเขา บอกเขาว่าเราเข้าใจเขา... สุดท้ายนี้...พี่ๆดีเจก็เข้าใจคุณกิ๊ฟ ขอเป็นกำลังใจให้กับคุณกิ๊ฟ ขอให้เรื่องราวผ่านไปได้ด้วยดีเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หรือเราต้องเป็นฝ่ายยอม? สาวโทรปรึกษา 3 ดีเจในรายการ คบกับแฟนชาวอินเดียได้ 6 เดือน แฟนมาบอกว่า “ต้องกลับบ้านไปแต่งงาน” เป็นวัฒนธรรม ประเพณีที่บ้านเขาทำมานานแล้ว ขอกลับไปอยู่ 3 เดือน จะต่อวีซ่าแล้วกลับมาอยู่ด้วยกันอีก 4 ปี ตอนนี้สับสนไปหมด ควรรอไหม?

01 ก.ย. 2023

หรือเราต้องเป็นฝ่ายยอม? สาวโทรปรึกษา 3 ดีเจในรายการ คบกับแฟนชาวอินเดียได้ 6 เดือน แฟนมาบอกว่า “ต้องกลับบ้านไปแต่งงาน” เป็นวัฒนธรรม ประเพณีที่บ้านเขาทำมานานแล้ว ขอกลับไปอยู่ 3 เดือน จะต่อวีซ่าแล้วกลับมาอยู่ด้วยกันอีก 4 ปี ตอนนี้สับสนไปหมด ควรรอไหม?

หรือเราต้องเป็นฝ่ายยอม? สาวโทรปรึกษา 3 ดีเจในรายการคบกับแฟนชาวอินเดียได้ 6 เดือน แฟนมาบอกว่า “ต้องกลับบ้านไปแต่งงาน”เป็นวัฒนธรรม ประเพณีที่บ้านเขาทำมานานแล้ว ขอกลับไปอยู่ 3 เดือนจะต่อวีซ่าแล้วกลับมาอยู่ด้วยกันอีก 4 ปี ตอนนี้สับสนไปหมด ควรรอไหม?ใจจริงไม่อยากเลิก แต่ก็ทนเห็นเขาอยู่กินกับผู้หญิงอีกคนไม่ไหว... “คุณบี (นามสมมติ)” อายุ 24 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [30 ส.ค. 66] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจไตเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาคบกับแฟนต่างชาติแต่แฟนต้องกลับไปแต่งงานกับคนที่พ่อแม่เลือกให้ โดย “คุณบี (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูคบกับผู้ชายอินเดียมาได้ 6 เดือน ตั้งแต่คบกันมาราบรื่นดี ไม่เคยมีเรื่องอะไรกันเลย จนล่าสุดเมื่อ 3 วันที่แล้วเขามาบอกกับหนูว่า เขามีความจำเป็น ต้องกลับบ้านที่ประเทศอินเดีย เพื่อไปแต่งงานกับคนที่พ่อ-แม่เขาหาไว้ให้ หนูก็ช็อกและถามเขาว่า ทำไมต้องกลับไปแต่ง หรือ คุณมีภรรยาอยู่ที่นู้นใช่มั้ย? ทำไมคุณไม่บอกฉัน เขาบอกว่า เขามาไทย เขาไม่มีใครเลย เขาโสด 100% แต่ที่เขาต้องกลับไป มันเป็นเพราะประเพณีทางบ้านเขา มันยังมีการคุมถุงชนอยู่ เขาบอกว่าเขามีความจำเป็นต้องกลับไปแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ เขาบอกว่า เขาไม่ทำไม่ได้ เพราะมันเป็นหน้าที่ที่ลูกต้องตอบแทนพระคุณพ่อแม่ ตอนนี้เขาทำงานอยู่ที่ประเทศไทย เขาบอกว่าเขาจะต้องกลับไปแต่งงานอีก 3 เดือนข้างหน้า และก็อยู่ที่นั่นอีก 3 เดือน แล้วเขาก็จะต่อวีซ่ากลับมาอยู่ที่ประเทศไทยอีก 4 ปี หนูก็ถามเขาว่า แล้วฉันล่ะ? เขาบอกว่าคนที่พ่อกับแม่เลือกให้ เขาไม่ได้รักเลย คนที่เขาเลือกก็คือหนู แต่เขาต้องทำเพราะมันเป็นหน้าที่ หนูไม่โอเคเลย การที่เห็นแฟนไปแต่งงานกับคนอื่นมันไม่โอเคอยู่แล้ว หนูไม่ยอมหรือเรียกร้อง ทำอะไรไม่ได้เลย แล้วหนูก็ไปเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมบ้านเขาไม่ได้เลย ก่อนที่หนูจะตกลงคบ หนูก็ไม่ได้เช็คหรือถามอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่บ้านเขาเลย และเขาก็ไม่เคยเล่าให้ฟังเลยว่าบ้านเขามีวัฒนธรรมแบบนี้ เขาบอกว่าถ้าเกิดเขามาเล่าให้หนูฟัง เขาก็กลัวหนูรับไม่ได้และกลัวเสียหนูไป หนูก็มีคิดอยากแต่งงานกับเขาแล้ว แต่เขาเคยบอกว่า วัฒนธรรมทางบ้านเขา ผู้ชายอินเดียถ้าเกิดจะมีภรรยาแรกที่แต่งงานกันต้องมีเชื้อสายอินเดียเท่านั้น! ตอนแรกหนูก็ไม่ยอมและตัดบทเขาไปว่า ฉันจะเลิกกับคุณ ทีนี้เขาก็ไม่ยอมเลิกกับหนู หนูดูออกเลยว่าเขารักหนูมากๆจริงๆ เขาไม่ได้รักผู้หญิงคนนั้นเลย เขาไม่ได้เลือกคนนั้น เขาไม่ได้ไปเจอ ไปคุย เขามาเจอหนูก่อน เขารักหนูก่อน แต่เขาต้องทำเพราะมันเป็นหน้าที่ หนูรู้สึกเสียใจมากที่อีก 3 เดือนข้างหน้าต้องเห็นเขาแต่งงานกัน หนูอยากถามพี่ๆดีเจว่า หนูต้องทำยังไงดี? ต้องอยู่แบบนี้ไป ต้องยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น ยอมรับทางบ้านเขา เอาจริงๆ หนูไม่ได้อยากเลิกเลย... งานนี้ทั้ง 3 ดีเจให้คำปรึกษา “คุณบี (นามสมมติ)” ว่า ‘เขามีหน้าที่ต้องไปแต่งงาน แต่หน้าที่ของเขามันดันกระทบเรา ให้เรากลายเป็นเมียน้อยไปปริยาย ต้องถามบีว่าสมัครใจอยู่ในตำแหน่งนี้หรือเปล่า... ความรักมันเป็นเรื่องของคนสองคน พวกพี่คงไปตัดสินใจอะไรแทนไม่ได้ ถ้าบีแฮปปี้กับตำแหน่งนี้ก็สามารถอยู่ได้ แต่ถ้ารับสถานการณ์แบบนี้ไม่ได้ พี่มองว่าบีกับแฟนอยู่กันแค่ 6 เดือนเอง ช่วง 6 เดือนมันยังเป็นความหวือหวา เป็นช่วงที่อินเลิฟกันอยู่ เราอาจจะยังไม่เห็นข้อเสียของกันและกันเลย มันเป็นช่วงที่เราต่างเอาใจกัน ความเป็นตัวเองยังไม่ออกมาหมดเลย ถ้ารับประเพณีบ้านเขาไม่ได้ แนะนำให้บีเปลี่ยนบ้าน เปลี่ยนไปประเทศอื่นเลย แต่ถ้าจะรักคนนี้จริงๆ ก็ต้องเข้าใจเขาว่าประเพณีมันเป็นแบบนั้น ถ้าบ้านเขาต้องการให้เขาแต่งงาน บีก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว มันไม่มีทางที่เขาจะมาอยู่กับเราได้ตลอดไป บีต้องยอมรับความจริงให้ได้ และถึงตอนนั้นบีจะเห็นว่ามันไปรอดกันยาก ไม่มีใครอยากไปเป็นเมียน้อยใคร เมื่อเราเห็นอยู่แล้วว่าเรื่องนี้ไม่จบแน่ แต่มันต้องใช้เวลา ยิ่งเราตัดใจได้เร็ว มูฟออนได้เร็ว ปัญหานี้ก็จะจบเร็ว พี่ไม่อยากให้เคสของบีมันเรื้อรัง ต่อให้เคลียร์กันได้ในรูปแบบการใช้ชีวิต มันก็ยังไม่ใช่ชีวิตที่บีต้องการหรอก บางทีเราเจอคนที่ถูกใจ แต่มันผิดเวลา จังหวะการเจอกันมันเป็นสิ่งสำคัญ เพราะฉะนั้นถ้ามูฟออนได้ก็จะดีมาก...เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ถ้าเป็นทุกคน จะทำยังไงต่อ? คบกับแฟนมา 10 ปี แต่ตอนนี้ เพิ่งรู้ว่า “พ่อของเรา ไปมีอะไรกับแม่ของแฟน” ทั้งๆที่พ่อก็ยังคบกับแม่อยู่ เคยคุยกับพ่อแล้ว พ่อตอบมาว่า “มึงไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้ผัวหรอก” ได้ยินแล้วเสียใจมาก

28 ส.ค. 2023

ถ้าเป็นทุกคน จะทำยังไงต่อ? คบกับแฟนมา 10 ปี แต่ตอนนี้ เพิ่งรู้ว่า “พ่อของเรา ไปมีอะไรกับแม่ของแฟน” ทั้งๆที่พ่อก็ยังคบกับแม่อยู่ เคยคุยกับพ่อแล้ว พ่อตอบมาว่า “มึงไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้ผัวหรอก” ได้ยินแล้วเสียใจมาก

ถ้าเป็นทุกคน จะทำยังไงต่อ? คบกับแฟนมา 10 ปีแต่ตอนนี้ เพิ่งรู้ว่า “พ่อของเรา ไปมีอะไรกับแม่ของแฟน”ทั้งๆที่พ่อก็ยังคบกับแม่อยู่ เคยคุยกับพ่อแล้ว พ่อตอบมาว่า“มึงไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้ผัวหรอก” ได้ยินแล้วเสียใจมากตอนนี้พ่อเลิกยุ่งกับแม่แฟนแล้ว แต่อนาคตจะจัดงานแต่งกันได้ไหม... “คุณหนู (นามสมมติ)” อายุ 28 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [23 ส.ค. 66] โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาพ่อแอบมีความสัมพันธ์กับแม่ของแฟน โดย “คุณหนู (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างหนูกับแฟนจะไปต่อยังไง... เพราะพ่อของหนูแอบไปมีความสัมพันธ์กับแม่ของแฟนหนู ในขณะที่พ่อหนูยังอยู่กับแม่หนูปกติ แต่แม่แฟนเขาเลิกกับพ่อแฟนแล้ว ก่อนหน้านี้ประมาณ 4-5 ปีที่แล้ว พ่อแม่แฟนเขาเลิกกันด้วยเหตุผลส่วนตัวทางบ้านเขา ตัวของแฟน พี่สาว และพ่อ เขาก็ออกมาซื้อบ้านอยู่กันข้างนอก แต่ให้แม่อยู่ในบ้านเดิมไป ซึ่งบ้านหลังนั้นอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันกับบ้านหนู หนูคบกับแฟนมา 10 ปีแล้ว ปกติพ่อหนูจะเป็นคนเจ้าชู้ และหวงลูกสาวมาก เพราะหนูเป็นลูกคนเดียว แต่เรื่องที่หนูมีแฟน ทุกคนรู้หมด แต่ทำยังไงก็ได้ห้ามให้พ่อรู้ว่าหนูมีแฟน เพราะเดี๋ยวพ่อจะจำกัดอิสระของหนู เวลาไปไหนก็ไปไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้พ่อไม่รู้ แต่แม่รับรู้ว่าคบกับแฟนคนนี้ ซึ่งแม่แฟนรู้ว่าคนนี้เป็นพ่อของหนู ก่อนหน้านี้พ่อเคยทำงานบริษัทเดียวกับแม่ของแฟนและแฟน เขาก็คุยกันตลอด แต่คุยกันแบบปกติ มีการขับรถไปรับไปส่งกันด้วย แต่พ่อไม่รู้ว่าคนนี้คือแม่ของแฟนหนู จนมีช่วงนึง พ่อกับแม่หนูทะเลาะกัน หนูเลยพาแม่ออกมาอยู่ข้างนอก ให้เขาแยกกันสักพัก คลี่คลายแล้วจะพาแม่กลับไป ซึ่งเรื่องทะเลาะก็เป็นการทะเลาะกันปกติของสามี-ภรรยา ช่วงหลังๆพ่อเริ่มเปลี่ยนไป จากปกติเคยมาง้อให้พวกเรากลับบ้าน แต่ครั้งนี้เขาไม่มา แล้วก็มีคนรอบข้างที่อยู่แถวบ้าน เริ่มมาพูดกับแม่แปลกๆ เขาพูดประมาณว่า พี่ไม่กลับมาดูบ้านเลยหรอ หนูคิดถึงพี่จังเลย มีเรื่องอยากคุยกับพี่จัง แม่ก็เลยแปลกใจ เพราะพ่อเป็นคนเจ้าชู้อยู่แล้ว ตัวหนูเองก็เลยเปิดกล้องวงจรปิดดูว่าพ่อทำอะไรอยู่ เขาอยู่บ้านใช้ชีวิตยังไง ปกติดีมั้ย? หนูก็บังเอิญไปได้ยินว่าพ่อกำลังจะไปรับแม่ของแฟน จะออกไปข้างนอกกัน หนูเลยตัดสินใจว่ายังไงวันนี้ก็จะบอกพ่อว่าคบกับคนนี้ จะบอกว่าคนนี้คือแม่แฟน จะได้ไม่เกิดอะไรขึ้น เขาจะได้วางตัวกันถูก หนูก็เลยโทรไปบอกพ่อ แต่พ่อบอกว่าไม่มีอะไร ตอนแรกเขายังไม่ยอมรับ หนูก็เลยชวนแม่กลับไปอยู่บ้าน เพราะเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตอนนั้นหนูก็ยังคิดว่าคงไม่มีอะไรหรอก เขาคงเป็นเพื่อนกัน พอกลับมาถึงบ้านหนูก็เลยไปคุยส่วนตัวกับพ่อ หนูบอกพ่อว่า หนูขอร้องได้มั้ย กับคนนี้อย่าไปยุ่งได้มั้ย เขาเป็นแม่แฟนหนู ให้หนูได้ใช้ชีวิตต่อไป หนูคบกันมา 10 ปีแล้ว ถ้าเกิดพ่อไปยุ่งกับเขา ชีวิตหนูจะพังเลยนะ หนูไม่รู้จะก้าวต่อไปยังไง หนูก็ขอร้องเขา เขาก็พูดกลับมาว่า แกไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีสามีหรอกนะ แล้วแกอย่าไปบูลลี่เขา อย่าไปใส่ร้ายเขา เขาบอกว่าแม่แฟนบอกว่าเขาไม่รู้เลยว่าลูกคบกันอยู่ หนูก็เสียใจว่าทำไมพ่อถึงพูดกับเราแบบนั้น ที่ผ่านมาหนูมองว่า การที่หนูไม่ได้บอกพ่อ คือ เหมือนเราอยากจะไปบอกเขาตอนที่เราตกลงปลงใจว่าจะแต่งงานกับคนนี้ พ่อจะได้ไม่ต้องรู้สึกแย่ เพราะพ่อหวงหนูมาก อยากให้เขารับรู้ว่าลูกฉันมีแฟน แต่งงานไปเลยทีเดียว จบ! หลังจากนั้นก็เริ่มมีคนมาพูดว่า เขาทั้งสองคนไปอย่างนั้นอย่างนี้กันนะ หนูก็เริ่มมีเซ้นส์แล้วด้วย ก็เลยแอบติด GPS ที่รถของพ่อ และหนูกับแม่ก็ไปจับได้ที่โรงแรมว่าเขาอยู่ด้วยกัน หนูเจอเขาอยู่ในห้อง พอเราเคาะประตูเหมือนเขารีบแต่งตัวมาเปิดประตู เขาอ้างว่ามาคุยกันเฉยๆ คุยกันเรื่องเงิน เพราะเขามีการยืมเงินกัน แม่ก็เสียใจ และไม่ได้รู้สึกเซอร์ไพร์สเลย เพราะแม่เจอเรื่องแบบนี้มาตลอด ตอนแรกที่เจอ แม่ก็โมโห จะเลิกเลย พ่อก็หลบไปอยู่บ้านเพื่อน คือพ่อกับแม่เป็นเพื่อนกันมาก่อน พ่อก็คุยกับเพื่อนแล้วให้เพื่อนช่วยเป็นคนกลางมาไกล่เกลี่ยให้กลับมาดีกัน ตอนนี้พ่อกับแม่กลับมาดีกันได้แค่ 1 อาทิตย์ ความรู้สึกของหนูยังรู้สึกตกใจ เสียใจ ยังทำตัวไม่ถูกกับเหตุการณ์นี้ แต่พ่อก็กลับมาอยู่ในบ้านแล้วเรียบร้อย ปฎิกิริยาของแม่แฟน เขาก็ด่าหนู เอาบ้านหนูไปนินทาให้คนอื่นในหมู่บ้านฟัง เหมือนมีคนมาเล่าให้ฟังว่า อีกคนพูดว่า ลูกชายเธออ่ะ ชะตาอวัยวะเพศขาดมากเลยนะที่ได้ E คนนี้เป็นแฟน พูดเหมือนหนูเป็นคนไม่ดี เป็นผู้หญิงไม่ดี หนูไม่รู้เลยว่าหนูไปทำอะไรให้เขา แล้วเขาก็พูดว่า ยังไงพ่อ E นี้ก็เลิกกับฉันไม่ได้หรอก จะต้องเลี้ยงฉันไปจนตาย ฉันจะเอาให้หมดตัวเลย ตอนนี้หนูกับแฟนไม่รู้จะทำยังไงกัน ความสัมพันธ์ก็ยังปกติมาก ยังรักกันปกติ แฟนรู้ แต่เขาไม่รู้จะทำยังไงกับแม่เขาแล้ว แม่หนูไม่ได้บังคับให้ต้องเลิกกัน แม่หนูก็บอกว่า แม่เข้าใจ แม่รู้ว่ามันคนละคนกัน ความผิดนี้มันไม่ใช่ความผิดของเด็ก ผู้ใหญ่เป็นคนทำเรื่องนี้เอง ฝากบอกแฟนด้วยว่า แม่เหมือนเดิมกับเขาทุกอย่าง ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องเกร็งแม่เลย หนูดีใจมากที่แม่เข้าใจ แต่แม่ก็ยังไม่ได้เลิกกับพ่อ หนูก็เลยไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี หนูเคยคิดกันว่าเก็บเงินทำงานกัน จนอายุ 30 ค่อยลงหลักปักฐานกัน เราคงได้มีครอบครัวแล้ว แต่ตอนนี้ที่เราฝันไว้ ตั้งใจไว้ มันไม่สามารถเป็นจริงได้แล้ว เพราะทุกคนเข้าหน้ากันไม่ติด ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับพี่ๆ พี่ๆจะทำยังไงต่อไป..? งานนี้ 3 ดีเจก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เข้าใจความรู้สึกคุณหนูนะ แต่ถ้าฟังจากบุคคลภายนอก มันดูไม่เป็นอุปสรรคในความรักของคุณหนูกับแฟนเลย เรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเราสองคนเลย มันเป็นสิ่งที่พ่อกับแม่เราทำ เขาโตขนาดนั้นแล้ว ซึ่งเราก็ได้บอกเขาไปแล้วด้วย แต่เขาไม่ฟัง เราก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว หลังจากนี้โฟกัสกับแม่ให้มากกว่า จับแม่มานั่งคุยเลยว่า ถ้าแม่ทนไหวแม่ก็ทนไป แต่ถ้าทนไม่ไหว ก็แนะนำให้แม่เลิกกับพ่อเลย แต่ถ้าแม่ไม่ยอมเลิก ก็บอกเขาว่าแม่ต้องยอมรับว่าพ่อจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ แม่ก็จะมีชีวิตแบบนี้ไปเรื่อยๆนะ จนกว่าพ่อจะตายหรือแม่จะเลิกกับเขาอ่ะ ส่วนพ่อกับแม่ของแฟน จะไม่ยุ่งกับเขาเลย เราได้บอกเขาไปแล้ว จากนี้ไปเขาจะทำดีทำชั่วก็เรื่องของเขาแล้ว ตราบใดที่เขาไม่มายุ่งกับเรา เขาจะทำไรทำ จะลงนรก ขึ้นสวรรค์ก็ตามใจเลย’ และถ้าพวกพี่เป็นหนู พี่คงจะไม่สูญเสียความมั่นใจ ไม่นึกถึงขั้นที่ว่าชีวิตจะไปต่อไม่ได้ แต่มานั่งคุยกับแฟนว่างานแต่งงานของเราจะเอายังไง จะเชิญใคร จะจัดรูปแบบไหน ให้ปัญหาน้อยที่สุด 2 คนนี้ที่เขาไปได้กัน มันคือศีลเสมอกัน ถ้าเราศีลไม่เสมอกับเขา เราก็อย่าไปสนใจอะไรมาก ถึงแม้เขาจะเป็นพ่อบังเกิดเกล้าก็ตาม’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

คุณพ่อ ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย แต่สุดท้ายปฏิเสธการรักษาเพราะ … ไปใช้สิทธิประกันสังคม ครั้งแรกได้ยินพยาบาลบ่นใส่ “เบื่อตาแก่คนนี้จัง” ครั้งที่สอง ขอให้พาไปห้องน้ำหน่อยได้ไหม? พยาบาลบอก “ตายในห้องน้ำมาหลายคนแล้ว” จนครั้งนี้ เศร้าที่สุดคือ พ่อบอก...

21 ส.ค. 2023

คุณพ่อ ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย แต่สุดท้ายปฏิเสธการรักษาเพราะ … ไปใช้สิทธิประกันสังคม ครั้งแรกได้ยินพยาบาลบ่นใส่ “เบื่อตาแก่คนนี้จัง” ครั้งที่สอง ขอให้พาไปห้องน้ำหน่อยได้ไหม? พยาบาลบอก “ตายในห้องน้ำมาหลายคนแล้ว” จนครั้งนี้ เศร้าที่สุดคือ พ่อบอก...

คุณพ่อ ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย แต่สุดท้ายปฏิเสธการรักษาเพราะ…ไปใช้สิทธิประกันสังคม ครั้งแรกได้ยินพยาบาลบ่นใส่ “เบื่อตาแก่คนนี้จัง”ครั้งที่สอง ขอให้พาไปห้องน้ำหน่อยได้ไหม? พยาบาลบอก “ตายในห้องน้ำมาหลายคนแล้ว”จนครั้งนี้ เศร้าที่สุดคือ พ่อบอก เปลี่ยนผ้าอ้อมให้หน่อยนะครับ เจ้าหน้าที่บอก...“คนนี้ก็จะตาย คนนั้นก็จะเปลี่ยนผ้าอ้อม มาดูกันว่าใครจะตายก่อนกัน” “คุณปีใหม่ (นามสมมติ)” อายุ 25 ปี สายแรกในรายการพุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา(16ส.ค. 66)ได้โทรเข้ามาปรึกษาดีเจเผือก -ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอมเกี่ยวกับปัญหาคุณพ่อเจอคำพูดที่ทำร้ายจิตใจจากบุคลากรทางการแพทย์จนไม่มีใจอยากรักษา โดย “คุณปีใหม่ (นามสมมติ)” เล่าว่า `พ่อป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย รักษาอยู่ที่โรงพยาบาลรัฐในตัวจังหวัดแห่งหนึ่ง หลังจากที่เข้าคีโมครบหกครั้งแล้ว พ่อมีสภาวะแทรกซ้อน ก็คือเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พ่อมีอาการปวดขาข้างขวาขึ้นมา แล้วทีนี้คุณหมอจะนัดพบทุกๆ 3 เดือน เพื่อตรวจเลือด แต่แกมีอาการปวดขาแล้วไม่ยอมไปหาหมอเลย ด้วยทางบ้านหนูก็ไม่ได้มีรถยนต์ ไม่ได้มีรถส่วนตัว เวลาที่จะไปหาหมอแต่ละทีจะลำบาก ก็ต้องไปรถโดยสารแทน แกเลยรอให้ถึงกำหนดนัดก่อน ถึงจะไปโรงพยาบาล แล้วกำหนดนัดอีกครั้งก็คือ กันยายนเลย แต่ด้วยอาการของแก มันปวดมาก จนนอนไม่ได้ ทานข้าวไม่ได้เป็นระยะเกือบเดือนเลย จนถึงสัปดาห์ที่แล้ว ก็เลยตัดสินใจจะเรียกรถฉุกเฉิน คือจะต้องไปหาหมอแล้วแกรอไม่ไหวแล้ว พอไปถึงโรงพยาบาล คุณหมอตรวจอาการเบื้องต้นและด้วยพ่อมีโรคประจำตัว คุณหมอบอกว่า “จะต้องให้คุณหมอที่เป็นเจ้าของไข้มาดูอาการ และค่อยทำเรื่องส่งไปรักษากระดูก” คือต้องรอก่อน พอคุณหมอเจ้าของไข้มาถึงก็ให้พ่อนอนรอดูอาการที่ห้องรวมคนไข้ เบื้องต้นหนูได้แจ้งหมอไว้แล้วว่า พ่อไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้นะ เพราะคุณพ่อเดินไม่ได้จากอาการปวดขา เวลาที่แกปวดขาก็จะปวดตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมาจนถึงเอว รวมไปถึงอวัยวะเพศและมีอาการร้อนมาจากข้างใน และด้วยตำแหน่งเตียงของพ่อจะอยู่ห่างจากห้องน้ำประมาณ 10 เมตร คืออยู่อีกฝั่งหนึ่งของห้อง หนูก็เลยขอคุณหมออยู่เฝ้าพ่อได้ไหม คุณหมอแจ้งกลับมาว่า ตามปกติแล้วจะไม่ให้ญาติอยู่เฝ้า หนูกับแม่คุยกันว่าไม่เป็นไรถ้าหมอไม่ให้เฝ้า จะให้พ่อใส่แพมเพิสแทน ซึ่งแกไม่เคยใส่แพมเพิสมาก่อน คืนแรกที่ใส่แพมเพิสแกหนูคิดว่าไม่มีปัญหาอะไร จนวันต่อมาหนูเลิกงานรีบไปหาพ่อเลย สิ่งที่หนูเจอคือ คุณพ่อมีอาการหน้าซีด ตัวสั่นเหมือนตกใจอยู่ตลอดเวลา หนูคิดว่าเป็นอาการจากที่แกไม่ได้กินข้าว หรือปวดขามากจนไม่ได้นอนหรือเปล่า ก็เลยถาม “พ่อวันนี้ปวดขาไหม” แกตอบไม่ค่อยปวดเท่าไหร่ แล้วก็เงียบไป ซึ่งปกติพ่อจะเป็นคนชอบชวนคุย เวลาถามกลายเป็นคนถามคำตอบคำ ซึ่งตามปกติเวลาเยี่ยมของโรงพยาบาลรัฐ เขาจะแบ่งเป็น 3 ช่วง เริ่มจาก 6 โมงเช้า - 8 โมง และช่วงเที่ยง – บ่ายโมง ช่วงสุดท้าย 5 โมง – 1 ทุ่ม พอใกล้หมดเวลาเยี่ยม พ่อก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเข้าแชทไลน์กลุ่ม แล้วพิมพ์เล่าถึงเหตุการณ์แรกที่แกเจอว่า เมื่อคืนพ่อโดนพยาบาลดุ เพราะแกจะให้พยาบาลช่วยเปลี่ยนแพมเพิสให้ ด้วยความที่แกไม่เคยใส่แพมเพิสมาก่อน อาจจะมีอาการร้อนหรือปัสสาวะเต็มแล้ว แกเรียกพยาบาล 2-3 ครั้ง โดยแต่ละครั้งก็เว้นระยะประมาณ 30 นาที พยาบาลก็รับรู้ ฟังที่พ่อพูดแล้วก็เดินหนีไป จนประมาณตี 3 - 4 คุณพ่อก็ถามอีกครั้งว่า “เปลี่ยนแพมเพิสให้หน่อยได้ไหมครับ มันเต็ม” พยาบาลก็ตอบกลับด้วยภาษาอีสาน แปลออกมาก็ความหมายประมาณ ฉันเบื่อตาแก่คนนี้จัง... เหตุการณ์ที่สอง ต่อเนื่องจากที่พยาบาลไม่ยอมเปลี่ยนแพมเพิสให้ แกก็พยายามที่จะลุกไปเข้าห้องน้ำเอง แต่ด้วยความที่แกไม่มีไม้เท้า ทำให้ขณะที่พยายามลุกก็เกิดเสียงดังที่เตียงขึ้น ทำให้พยาบาลหันมาเห็น แล้วถามว่า “ทำอะไร” พ่อก็บอกว่า“จะไปเข้าห้องน้ำครับ พาไปเข้าห้องน้ำได้ไหม” พยาบาลพูดประมาณว่า “ตายมาหลายคนแล้วนะอยู่ในห้องน้ำ” หนูคิดว่าเหมือนพยาบาลจะสื่อว่าเดี๋ยวลื่นอะไรประมาณนี้ จนเหตุการณ์ที่สามที่พ่อเจอคือ เตียงข้างๆเป็นผู้สูงอายุใกล้จะเสียชีวิตแล้ว พยาบาลก็มารุมดูกันที่เตียงแล้วมีคนยืนข้าง ๆเตียงของพ่อ พ่อก็เลยกระซิบบอก “คุณหมอครับ ผมรบกวนเปลี่ยนแพมเพิสให้หน่อยได้ไหม” ซึ่งคนที่ยืนอยู่เป็นบุรุษพยาบาล ตอบกลับพ่อว่า “เอ้า! คนนึงก็จะตาย อีกคนก็จะเปลี่ยนแพมเพิส มาดูกันว่าใครจะตายก่อนกัน” หลังจากนั้นพ่อโทรหาหนู แกขอกลับบ้าน หนูก็ถามแกเป็นอะไรหรือเปล่า เป็นเพราะเหตุการณ์ที่พิมพ์มาใช่ไหม หนูก็บอกแกไม่เป็นไรนะหนูจะคุยกับคุณหมอให้ว่าขอย้ายได้ไหม แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เจอคุณหมอ พ่อเซ็นปฏิเสธ การรักษาเองทั้งหมด พอกลับบ้านมา พ่อเปลี่ยนไปเหมือนเป็นคนละคน แกจะพูดเรื่องที่แกเจอย้ำๆ ซ้ำๆ ประมาณว่า พ่อจู้จี้เกินไปหรอ พ่อไปเป็นภาระให้เขาหรือเปล่า หรือเขาคิดว่าพ่อเป็นโรคจิตหรือเปล่า? หลังจากนั้นหนูก็โทรไปร้องเรียนกับทางโรงพยาบาล เขาก็แจ้งมาว่าตอนนี้พ่อมีอาการน่าเป็นห่วงนะ ยังไม่ได้ทำการรักษาอะไรเลย พ่อเซ็นยกเลิกทั้งหมดก่อน หนูบอกเหตุผลที่พ่อยกเลิกการรักษาว่าพ่อเจออะไรบ้าง ทางโรงพยาบาลก็บอก ถ้างั้นจะย้ายตึกให้ ญาติต้องดูแลคนไข้เอง แต่ตอนนี้พ่อไม่อยากรักษาแล้ว แกบอกว่า “ถ้าเกิดพ่อจะตาย ก็อย่าเอาพ่อไปที่นี่อีก” หนูอยากขอคำแนะนำวิธีหรือคำพูดยังไงดี ไม่ให้พ่อโทษแต่ตัวเอง... ซึ่ง “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘พูดไปเลยว่าพยาบาลคนนั้นคงเครียด อาจจะมีเรื่องเยอะแยะมากมาย คนอื่นๆก็โดนแบบนี้เหมือนกัน พ่อไม่ต้องไปสนใจ พูดให้พ่อรับรู้ว่าสิ่งนี้มันไม่ได้เกิดจากพ่อ แต่มันเป็นเพราะตัวของพยาบาลคนนั้น เป็นเรื่องที่เราบังเอิญไปเจอคนแบบนี้ ทางด้าน “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘เอาชื่อไป complain กับทางโรงพยาบาล ให้เขาได้รับรู้ว่าบุคคลนี้เป็นปัญหาของแผนกนั้นอยู่ แล้วพยายามบอกคุณพ่อว่า มันไม่ได้เป็นปัญหาที่พ่อ แต่มันเป็นปัญหาที่คน ลองยกตัวอย่างคนที่เขาดีๆ สุดท้ายไม่ใช่ความผิดของพ่อเลย อาการ ร่างกายที่จะดีขึ้นก็คือ จิตใจต้องดีขึ้นก่อน ถ้าจิตใจเราแข็งแรงเดี๋ยวอย่างอื่นก็จะตามมาครับ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘หนูอยากให้คุณพ่อรักษาตัวเอง ไม่ใช่เพื่อใครเลย แต่เพื่อครอบครัวของเรา เพื่อคนที่เรารัก กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าเกิดพ่อห่อเหี่ยว คนในบ้านก็จะห่อเหี่ยวตามนะ ขอให้พ่อกลับไปรักษาเราจะได้อยู่กับลูกหลานไปนาน ๆ ส่วนเรื่องพยาบาล พ่อไม่ผิดเลย ยายนั่นมันร้ายเอง คนอย่างยายนั่นต้องเจอคนแบบหนู...’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

เสียความมั่นใจไปเลย... สาวโทรแชร์ประสบการณ์กับ 3 ดีเจ เพิ่งไปนัด One Night Stand ครั้งแรกกับหนุ่มในแอปหาคู่ ตอนเจอกัน เขินมาก ทำตัวไม่ถูกเลยชวนเขาคุย ถามไปเรื่อยๆ จนเขาพูดว่า "เธออย่าล่กดิ" โยนเสื้อใส่อกเรา แล้วออกจากห้องไปเลย

16 ส.ค. 2023

เสียความมั่นใจไปเลย... สาวโทรแชร์ประสบการณ์กับ 3 ดีเจ เพิ่งไปนัด One Night Stand ครั้งแรกกับหนุ่มในแอปหาคู่ ตอนเจอกัน เขินมาก ทำตัวไม่ถูกเลยชวนเขาคุย ถามไปเรื่อยๆ จนเขาพูดว่า "เธออย่าล่กดิ" โยนเสื้อใส่อกเรา แล้วออกจากห้องไปเลย

เสียความมั่นใจไปเลย... สาวโทรแชร์ประสบการณ์กับ 3 ดีเจเพิ่งไปนัด One Night Stand ครั้งแรกกับหนุ่มในแอปหาคู่ตอนเจอกัน เขินมาก ทำตัวไม่ถูกเลยชวนเขาคุย ถามไปเรื่อยๆจนเขาพูดว่า "เธออย่าล่กดิ" โยนเสื้อใส่อกเรา แล้วออกจากห้องไปเลยตอนนี้ไม่มั่นใจในตัวเองเลย ทำยังไงให้เอาความรู้สึกพวกนี้หมดไปสักที “คุณอิง (นามสมมุติ)” อายุ 21 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (9 ส.ค. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก -ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอมเกี่ยวกับปัญหานัด One Night Stand ครั้งแรก ยังไม่ทันเริ่ม ก็โดนเขาบอกว่าอย่าล่ก แล้วก็ออกจากห้องไปเลย โดย “คุณอิง (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘เหตุการณ์ที่หนูเจอ ทำให้หนูเสียความมั่นใจจากการนัด ONS (One Night Stand) หนูขอเกริ่นก่อนว่า... ครั้งนี้คือการนัด ONS ครั้งแรกของหนู คิดว่าเรียนมหาลัยมา 4ปีแล้ว หนูก็อยากลองสักครั้งนึง เราเจอกันทางแอปหาคู่ ส่วนรูปที่ใช้ในโปรไฟล์กับตัวจริงก็ใกล้เคียงกัน ใส่ฟิลเตอร์นิดหน่อย ซึ่งเขาอายุพอๆกับหนู เราคุยกันและตกลงนัดกันคืนนั้นเลย เพราะอยู่ใกล้กันมาก หลังจากนั้นเขาก็มาที่ห้องหนู คือตอนนั้น ยอมรับเลยว่าเขินมากไม่รู้จะเริ่มยังไง หนูก็เลยชวนเขาคุย ถามไปเรื่อยนู่น นั่น นี่ ช่วงแรกๆเขาก็ตอบหนูปกติ ดูจอยกับเรามาก สักพักนึงเขาก็เริ่มตอบบ้าง ไม่ตอบบ้าง นั่งเล่นโทรศัพท์บ้าง เริ่มไม่จอยแล้ว ซึ่งในระหว่างที่หนูชวนเขาคุย เขาจะพูดขึ้นมาตลอดเลยว่า เธออย่าล่กดิว่ะ อย่าล่กได้ปะ พอเห็นเขาพูดบ่อย ๆ หนูก็เลยเลิกถามเขา มันก็เลยกลายเป็นการเงียบใส่กัน แต่หนูว่า หนูก็ไม่ได้มีแสดงอาการตัวสั่น ตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น หนูคิดว่าอาจจะชวนเขาคุยเยอะเกินไปกว่าที่หนูคิด ตอนคุยกันก็ถามประมาณ เธอเคยนัดหรือป่าว นัดมากี่คนแล้ว เรียนที่ไหน คณะอะไร คำถามประมาณนี้... หลังจากนั้นเขาก็พูดย้ำอีกรอบ เธอดูล่กจัง ถ้าไม่อยากทำ เดี๋ยวกลับก็ได้นะ หนูก็เลยถามเขาไปตรงๆว่า จะเริ่มเลยไหมหละ? เขาก็พยักหน้า แล้วเหมือนแบบสถานการณ์ตอนนั้นเขาดูแฮปปี้ขึ้นมาเลย ต่างจากก่อนหน้านี้ที่เขาตึงใส่หนู แล้วทีนี้ก็ตามสเต็ปเลย เล้าโลมกันปกติ แล้วหนูก็เหมือนอยากจูบเขา ก็เลยถามเขาว่า ไม่ Kiss กันหน่อยหรอ เขาก็นิ่งใส่หนูไปแป๊ปนึง แล้วก็ตอบกลับมาว่า เราไม่ค่อยชอบจูบอะ หลังจากนั้นเขาก็หยุดทำทุกอย่าง แล้วก็พูดต่ออีกว่า เธอดูล่กว่ะ ไม่ธรรมชาติเลย แล้วเขาก็โยนเสื้อมาปิดหน้าอกหนูไว้ แล้วก็ลุกขึ้น บอกกับหนูอีกรอบว่า เธอดูล่กอะ ไม่ธรรมชาติ แล้วก็ออกจากห้องหนูไปเลย ตอนนั้นคือหนูนั่งเอ๋อเลย หนูตั้งตัวไม่ทันว่าหนูผิดอะไร ที่หนูโทรเข้ามาวันนี้ก็เพราะ มันเสียความมั่นใจไปแล้ว คืนนั้นหนูนอนไม่หลับ รู้สึกดาวน์มาก ไม่มั่นใจในตัวเอง หนูอยากรู้วิธีเอาความรู้สึกนี้ออกไป แล้วก็อยากรู้ว่าที่หนูทำออกไปคืนนั้นมันดูล่กจริงๆหรอ? หนูค้างคาใจมากที่อยู่ดีๆเขาก็ไปเลย ซึ่ง “ดีเจเติ้ล” เริ่มให้คำปรึกษาว่า ‘สำหรับคนบางคนที่เขาจะนัดมาเพื่อมีเพศสัมพันธ์ เขาไม่ต้องการการพูดคุยนะ เขามาเพื่อต้องการทำสิ่งนั้นแล้วจบ แล้วก็กลับ มันไม่ใช่การมาเดท เขาไม่ได้ต้องการมาอารัมภบท ไม่ต้องการจะรู้จัก บางคนไม่สนใจชื่อด้วยซ้ำว่าชื่ออะไร มันคือการนัดมาเพื่อทำกิจกรรมนั้นอย่างเดียว เรารู้สึกการที่น้องพยายามพูดคุย พยายามไปถามอย่าง “อยากจูบ” คือถ้าธรรมชาติคนที่เขาทำอะไรแบบนี้ เขาจะไม่ถาม ถ้าอยากทำเขาทำเลย พี่เลยรู้สึกว่าเนี่ยคือสาเหตุที่เขาทำแบบนั้นกับอิง แต่เอาจริง ๆ มันมีสาเหตุอีกมากมาย ที่พี่พูดคือพี่เดาจากสถานการณ์ที่อิงเล่ามานะ ต่อมาที่ “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ไม่รู้ธรรมชาติของการนัดมีอะไรกันผ่านแอป เพราะเท่าที่พี่ฟัง พี่ไม่ได้รู้สึกมันล่ก หรืออะไรนะ พี่ก็รู้สึกมันคือการทำความรู้จักกันก่อน แบบเปิดประตูมาจะให้จุดระเบิด ปั้ง โป้ง เป้ง แล้วแยกย้าย มันก็ตลกนะ หรือเอาแบบนี้ คิดในมุมพี่ อิงดันไปเจอคนที่เขาโผงผาง คนละสไตล์กับเรา ทั้งสองคนอาจต้องการเซ็กส์เหมือนกัน แต่คนนึงไม่อยากคุย อีกคนอาจจะเออเราคุยกันก่อนสิ แล้วดันไปเจอคนที่ไม่รักษาน้ำใจ ขี้รำคาญ มันก็หงุดหงิดอะไรมาด้วยหรือเปล่า แต่พอพี่ฟังจบ พี่กลับรู้สึกโชคดีจังเลย เหมือนเป็นโชคดีของอิงที่ไม่ได้อะไรมากกว่านี้กับคนนี้ เพราะไม่รู้ว่าถ้ามีอะไรกันจริงๆ แล้วพอแยกย้าย บรรยากาศตอนนั้นอาจจะทำให้อิงรู้สึกยิ่งด้อยค่าตัวเองลงไปอีกหรือเปล่า เราอาจจะมาลงในสนามที่เราไม่เคย แล้วเราก็ไม่รู้ธรรมชาติของคนในแอปนี้ ว่าเขาต้องแนะนำตัวไหม คุยกันแค่ไหน หลายครั้งที่คนโทรเข้าพุธทอล์ค พุธโทร แล้วเล่าว่าไปเล่นผิดสนาม มือใหม่ เข้าไปเขาอาจจะมีทำเนียมของเขาที่เราอาจไม่รู้ เพราะฉะนั้นพี่ว่าเรื่องนี้ไม่อยากให้เอาไปผูกกับความมั่นใจ หรือคุณค่าในตัวเอง พยายามคิดไว้ว่าในโลกที่เขานัดเจอกันผ่านแอป มันก็ไม่ต้องมานั่งประดิดประดอยกันมาก ถ้าเราอยากประดิดประดอย อยากคุยก็ต้องลองช่องทางอื่น เอาเป็นว่า รสนิยม สไตล์มันดันไม่ตรงกัน แล้วดันไปเจอคนไม่แคร์อะไรด้วย จะไปก็ไปเลย มันเลยทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าเราอยู่ถูกที่ ถูกเวลา แล้วก็ถูกคน มันก็คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ทั้งหลายทั้งมวลถ้าต้องการอะไรที่สวยงามก็หาช่องทางที่เหมาะสมกับเรา และกลับไปถามกับตัวเองว่า “ฉันเหมาะกับ One Night Stand หรือเปล่า” ปิดจบกันที่ “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า “ไม่ต้องไปเสียความมั่นใจ คนนั้นก็อ่อนด้อยเหมือนกันแหละ ทำไมไม่เริ่มก่อนหละ มาว่าอิงล่ก ก็เปิดมาก่อนสิ ถ้าเปิดเราก็พร้อมตามอยู่แล้ว เป็นผู้ชายก็ลุกมากก่อนสิ งี้ก็มือใหม่เหมือนกันนั้นแหละ เข้าไม่ถูกไง” ‘เอาแบบนี้ถ้าอยากได้คนที่มีชั้นเชิง เป็นงานก็อาจจะต้องหาคนที่อายุมากกว่านี้ แล้วอิงเป็นคนชอบแบบมีเรื่องราวก่อนจะมีเพศสัมพันธ์ ถ้าแบบนี้เวลาหนูเข้าในแอป มันจะมีให้เลือกหลายประเภท มันมีโอกาสที่หนูจะเจอคนแบบจู่โจม หนูลองเปลี่ยนสนามไปร้านเหล้า มีคนแนะนำ เราดีลกันหน้างาน หนูยังเลือกคนได้ ยังสนทนากันได้นิดนึง ยังพอได้จีบกันหน่อย…..’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ไม่ถามเรื่องสุขภาพสักคำ? สาวสุดงง... ทะเลาะกับแฟน หลังจากไปดื่มหนักด้วยกันมา กลับมาถึงห้อง นอนหลับกันปกติ ตื่นเช้ามารองเท้าแฟนหาย ไปเจออยู่หน้าห้องผู้ชายอีกคนใกล้ๆกัน สุดท้ายเปิดดูกล้องวงจรปิด เห็นตัวเองนอนละเมอเดินเข้าห้องผู้ชายคนนั้นไม่ถึงนาที

15 ส.ค. 2023

ไม่ถามเรื่องสุขภาพสักคำ? สาวสุดงง... ทะเลาะกับแฟน หลังจากไปดื่มหนักด้วยกันมา กลับมาถึงห้อง นอนหลับกันปกติ ตื่นเช้ามารองเท้าแฟนหาย ไปเจออยู่หน้าห้องผู้ชายอีกคนใกล้ๆกัน สุดท้ายเปิดดูกล้องวงจรปิด เห็นตัวเองนอนละเมอเดินเข้าห้องผู้ชายคนนั้นไม่ถึงนาที

ไม่ถามเรื่องสุขภาพสักคำ? สาวสุดงง... ทะเลาะกับแฟนหลังจากไปดื่มหนักด้วยกันมา กลับมาถึงห้อง นอนหลับกันปกติตื่นเช้ามารองเท้าแฟนหาย ไปเจออยู่หน้าห้องผู้ชายอีกคนใกล้ๆกันสุดท้ายเปิดดูกล้องวงจรปิด เห็นตัวเองนอนละเมอเดินเข้าห้องผู้ชายคนนั้นไม่ถึงนาทีแฟนไม่เชื่อ คิดว่าเราคบชู้อย่างเดียวเลย ทำไมไม่เป็นห่วงกันบ้างเลย... “คุณสุ (นามสมมุติ)” อายุ 29 ปี สายที่สามของรายการ “พุธทอล์ค พุธโทร” เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [9 ส.ค.66] ได้โทรเข้ามาปรึกษาปัญหา ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล - ดีเจเผือก กับปัญหาที่เมาแล้วละเมอเข้าห้องผู้ชาย จนแฟนเข้าใจผิด คิดว่าเราไปมีอะไรกับคนนั้นหรือเปล่า? โดย “คุณสุ (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘ทะเลาะกับแฟนได้ 1 อาทิตย์แล้ว วันที่เกิดเหตุ หนูไปสังสรรค์กับเเฟน พอเสร็จก็กลับมาห้อง เกือบตี 2 กลับมาถึงก็ใช้ชีวิตกันแบบปกติ หนูไม่ได้เมาจนฟิวส์ขาด แต่พอเช้ามา แฟนหนูก็หารองเท้าของเขาไม่เจอปกติจะต้องวางไว้หน้าห้อง ซึ่งเราก็ยังคุยเล่นกันปกติ ยังแซวเขาว่าลืมไว้ที่ร้านหรือเปล่า? จนสักพักแฟนหนูเขาก็บอกว่าจะออกไปหารองเท้า ให้หนูอาบน้ำเเต่งตัว ถ้าเสร็จเเล้วไปเจอกันที่ร้านข้าว เดี๋ยวไปกินข้าวกัน แล้วก่อนที่หนูจะออกไป เป็นปกติที่หนูจะมองหาแมวเพื่อให้แมวมากินข้าว แต่สายตาดันบังเอิญไปเห็นรองเท้าแฟนวางอยู่ที่ห้องผู้ชายคนอื่น ก็เลยคิดทบทวนว่าเมื่อคืนเราก็ไม่ได้ทำอะไรนะ แล้วก็ไม่ได้เมาขนาดที่ว่าจำอะไรไม่ได้เลย เราก็ไม่ได้เป็นคนที่มีเรื่องชู้สาวอะไรเลยเหมือนกัน แต่หนูเพิ่งมาจำได้ว่าเมื่อคืนหนูฝัน โดยในฝัน หนูเดินออกไปบ้านใครก็ไม่รู้ มีเสียงผู้ชายมาเรียก แล้วในฝันเสียงผู้ชายที่เรียกคุ้นหูมาก หนูก็เดินออกไปแต่หนูไม่รู้ว่าเดินไปบ้านใคร ในฝันหนูเปิดประตูบ้านเขาเข้าไป แล้วเจอผู้ชายคนหนึ่งเเต่หนูไม่เห็นหน้า เห็นแต่รูปร่างเขาเป็นคนตัวเล็ก ดำ แล้วเขาก็ตะโกนใส่หูเหมือนประมาณตกใจว่าหนูไปบ้านเขาทำไม ซึ่งในฝันหนูตกใจมากแล้วหนูก็ออกจากบ้านเขามา หลังจากนั้นหนูก็จำอะไรไม่ได้เลยในฝัน แบบจำไม่ได้ว่าฝันว่าอะไรต่อ พอเช้าวันนั้นหนูเห็นแล้วว่ารองเท้าอยู่หน้าห้องผู้ชายคนนี้ หนูก็ยังไม่ปักใจเชื่อเพราะหนูไม่กล้าไปยืนดูรองเท้าว่ามันใช่ของเเฟนหนูจริงๆไหม หนูเลยทำได้เเค่เดินผ่านไป ซึ่งปกติเวลาอยู่ห้องหรือไปไหนใกล้ๆ หนูก็จะชอบใส่รองเท้าแฟนอยู่แล้ว ระหว่างที่ขับรถไปร้านข้าว หนูก็ทบทวนความฝันของตัวเองว่า เมื่อคืนฝันแบบนี้เเล้วมันจะเป็นจริงๆหรอ แล้วถ้าเกิดเดินไปจริงๆในฝันเจอผู้ชายคนหนึ่งตะโกนใส่ ถ้าหนูเดินเข้าห้องเขาจริงๆ ทำไมเช้ามาเขาถึงไม่มาถามว่าเดินเข้าห้องเขาทำไม เพราะเช้ามาก็ตื่นมาที่ห้องตัวเองเหมือนเดิม พอถึงร้านข้าวก็ถามแฟนว่าเมื่อคืนหนูได้เดินออกจากห้องไหม? แฟนก็บอกไม่รู้ เดินออกไปหรอ เพราะกลับมาถึงอาบน้ำเสร็จก็นอนหลับไปเลย แล้วหนูก็บอกแฟนว่า ตอนจะออกมาหนูเห็นเหมือนรองเท้าแฟนอยู่ห้องผู้ชายคนนี้ หนูก็เล่าความฝันของหนูให้เขาฟัง แล้วแฟนหนูก็บอกว่าเมื่อคืนห้องนี้เขาเปิดไฟอยู่นะ สักพักแฟนหนูสีหน้าเปลี่ยนทันทีเพราะความคิดเขาคือคิดว่าหนูไปมีชู้กับห้องข้างๆ หนูก็พยายามอธิบาย เเฟนหนูเขาเริ่มอารมณ์ร้อน แล้วข้อเสียเขาเป็นคนที่งี่เง่าเป็นคนเจ้าอารมณ์ หนูก็บอกว่ามันไม่ใช่แบบนั้นนะ หนูไม่ได้ตั้งใจหนูไม่รู้จริงๆ เพราะเราก็ไม่เคยนอนละเมอเเล้วออกไปไหนมีแค่ละเมอเเล้วพูด ซึ่งหนูก็ได้ไปขอดูกล้องวงจรปิดที่หน้าห้อง ภาพที่เห็นจากกล้องคือหนูเดินไปจริงๆค่ะ ตอนตี 3:24 แล้วหนูก็เดินกลับมาตอน ตี 3:24 เหมือนกัน หนูเปิดเข้าไปแล้วหนูก็เปิดออกมา แต่แฟนหนูเขาปักใจคิดว่าหนูไปมีอะไรจริงๆ เพราะเขาไม่ฟังอะไรเลย ทีนี้ผู้ชายคนนั้นเขาเป็นหลานชายของพี่ที่ทำงานกับหนู สนิทกัน พอทะเลาะกับแฟน หนูก็เลยเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง เขาก็ตกใจ พี่เขาก็เลยโทรไปถามหลานเขาว่าเมื่อคืนนี้เห็นหนูเดินเข้าห้องไหม เขาก็บอกว่า ไม่รู้เลยครับ ผมไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ไม่ได้ยินเลย ภาพจากกล้องวงจรปิดคือหนูกับมาจากร้านที่ไปสังสรรค์แต่ผู้ชายคนนี้เขาไม่ได้อยู่ในห้อง เขานั่งเล่นอยู่โต๊ะม้าหินหน้าห้อง ณ ตอนนี้หนูกับแฟนทะเลาะกันแรงมาก หนูไปปรึกษาพี่ๆเพื่อนๆที่หนูสามารถคุยกับเขาได้เขาก็บอกว่าหนูไม่ปกติที่ละเมอแล้วเดิน จนหนูปรึกษาหมอ หมอบอกว่าจริงๆเคสแบบนี้จะไม่ค่อยเกิดกับคนอายุแบบเรานะ จะเกิดแต่กับเด็ก ส่วนน้อยมากที่จะเกิดกับคนรุ่นนี้ สิ่งที่หนูอยากจะปรึกษาพี่ๆดีเจ คือ ‘เขาก็ยื่นข้อเสนอมาว่ามีสองทางให้เลือก คือ หนูเก็บของออกไปกับจะให้เขาออกไป’ เรื่องนี้ 3 ดีเจ ก็ได้ให้คำปรึกษาตรงกันว่า “อย่างแรกเลยต้องเป็นห่วงในเรื่องสุขภาพ เพราะในกล้องก็ชัดเจนแล้วว่าเราเข้าไปแล้วออกมาเลย แล้วแฟนก็ควรที่จะพาคุณสุไปปรึกษาหมอดีกว่าทำไมถึงละเมอขนาดนี้ ไม่เห็นมุมที่จะต้องมาทะเลาะกันเรื่องหึงหวง ส่วนเรื่องที่ต้องย้ายออก คุณสุก็ให้เขาออกไปเอง เพราะมันดูงี่เง่ามากที่คุณสุแค่ละเมอเเล้วเดินไปห้องคนอื่น ทั้งๆที่กล้องวงจรปิดก็เห็นชัดเจน คุณสุทำได้เเค่รอเวลาได้อย่างเดียวให้เขาอภัย เพราะเขาไม่ได้มีการรับฟัง แต่ถ้าเราออกไปก็รอดูว่าเขาจะตามไหม ถ้าเกิดเขาตามก็ยื่นข้อเสนอเลยว่าต่อไปนี้ต้องฟังเหตุผล แต่ถ้าเขาไม่ตามก็คือเขาไม่ได้รัก เขาอาจจะอยากเลิก เพราะมันงี่เง่าเกินไปกับเรื่องนี้ แล้วเกิดการละเมอแบบนี้ มันจะต้องถามว่าเธอเป็นอะไรหรือเปล่า เพราะมันคือมาจากความรัก เขาจะต้องกลัวว่าคนในห้องนั้นก็ทำไรคุณสุหรือเปล่า หรือถ้าคุณสุเดินไปตกบรรไดล่ะ ส่วนเรื่องผู้ชาย ถ้าอยากให้มีความหวัง คุณสุต้องออกไป อย่างน้อยถ้าเขารักเรา เขาจะรู้สึกว่าคุณสุออกไปเพราะเขานะเพราะเขางี่เง่า ใดๆก็ตาม ตอนนี้คุณสุควรที่จะไปรักษาเรื่องละเมอก่อนดีกว่า มันอันตรายกับชีวิตคุณสุมากกว่านะ เพราะถ้าเกิดยังเดินละเมอแบบนี้อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้นะ…’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1