
04 เม.ย. 2025
คบกับแฟนได้ 5 เดือน คบออนไลน์กันมาตลอด ตอนนี้ หนูวางแผนบินไปหาเขาที่ต่างประเทศ ลางาน เตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว แต่ฝ่ายชายเพิ่งมาบอกว่า คุณแม่ดู IG แล้วไม่ปลื้ม เห็นหนูถ่ายแบบเซ็กซี่ เขาไม่ยอมให้มาเป็นสะใภ้บ้านนี้ หนูควรบินไปสู้เพื่อรักครั้งนี้หรือไม่?
“คุณส้ม (นามสมมติ)” อายุ 25 ปี สายที่หนึ่งในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [26 มี.ค 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจอ้อย เกี่ยวกับปัญหาเลิกกับแฟนเพราะพ่อแม่เขารับไม่ได้กับการถ่ายแบบเซ็กซี่ โดย “คุณส้ม (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เพิ่งจบความสัมพันธ์กับคนหนึ่งไป ด้วยเหตุผลที่ว่าพ่อแม่ของเขาอาจจะไม่โอเคกับงานเสริมของเรา คือการถ่ายแบบเซ็กซี่ ซึ่งครอบครัวของเขาเพิ่งมาทราบเรื่องนี้ทีหลังและอยากให้เรายุติความสัมพันธ์ ในตอนแรกพ่อแม่เขารู้ว่าเขาคุยกับเรา แต่ไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับตัวเรามากนัก จนกระทั่งมาสืบทีหลัง ส่วนแฟนรู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรกแล้ว งานหลักของหนูเป็นพนักงานออฟฟิศ ส่วนงานเสริมก็ทำมานานแล้ว โดยเน้นที่ตัวเองเป็นหลัก รับงานถ่ายแบบเดือนละครั้ง หรือบางทีก็สองเดือนต่อครั้ง จะมีทั้งเสื้อผ้าจากร้านค้า และเป็นการถ่ายให้แฟนคลับที่ติดตามเรามาขอลายเซ็นบ้าง คนในครอบครัวของหนูก็ไม่ทราบว่าหนูทำงานเสริมนี้ ความจริงหนูไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงิน แต่หนูรู้สึกว่าภาพที่ถ่ายออกมามันดูสวย และมันก็สร้างรายได้ด้วย ซึ่งคุ้มกว่างานพาร์ทไทม์หลาย ๆ อย่างที่หนูเคยลองทำมา เพราะใช้เวลาไม่นานและได้เงินเลย พอพ่อแม่ของเขาบอกให้เลิกกัน แฟนก็พยายามจะไฟท์เพื่อความสัมพันธ์นี้อยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ ไม่ว่ายังไงพ่อแม่ของเขาก็ไม่โอเคกับหนู และหนูเองก็ไม่เคยเจอพ่อแม่เขาตัวจริงเลย เพราะความสัมพันธ์นี้เป็นแบบออนไลน์ เขาเป็นชาวต่างชาติ อยู่ที่จีน เราคุยกันผ่านออนไลน์และวิดีโอคอลมาตลอด คบกันประมาณ 5 เดือน เรื่องราวที่ต้องเลิกกันเกิดขึ้นมาประมาณเดือนกว่า ๆ แล้ว แต่เรารู้สึกผิดปกติมาก ตรงที่หนูเคยคบแฟนคนอื่นมาหลายปี ตอนเลิกกับใครหนูก็เสียใจ แต่ไม่เคยหนักเท่านี้ ครั้งนี้เราจมอยู่กับความรู้สึกแบบเอาตัวเองไม่ขึ้นเลย เพราะเขาเป็นความหวังของเราหลายๆ อย่าง หนูเคยกลัวเรื่องการไปเรียนต่างประเทศ เคยมีความฝันแต่ไม่กล้าทำ แต่พอคุยกับเขา มันทำให้หนูกล้าคิดเรื่องนั้นจริงๆ ถ้าไม่ติดเรื่องสาเหตุที่ต้องเลิกกัน เขาเป็นคนที่ดีมาก และเทคแคร์ความรู้สึกเราตลอด ถึงแม้จะอยู่ไกลกัน แต่หนูไม่เคยรู้สึกว่าระยะทางเป็นปัญหา เลยอยากจะปรึกษาพี่ๆ ข้อแรกคือ หนูเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้วที่จะไปเจอกัน แต่หลังจากเลิกกันก็ไม่ได้คุยกันเลยเป็นเดือน ตอนนี้เลยลังเลว่าควรทักไปหาเขาดีไหม หรือไม่ควรไปแล้ว และควรสู้เพื่อความสัมพันธ์นี้ต่อไปหรือเปล่า? ข้อที่สอง ตอนนี้หนูนอยตัวเองเรื่องถ่ายรูป แค่มองรูปที่เคยถ่ายแบบก็รู้สึกไม่ดี เหมือนจะร้องไห้ ทำไมเราถึงแย่แบบนี้ ทำไมเราถึงถ่ายอะไรน่าเกลียดแบบนี้ ถ้าอนาคตเราจะเจอเหตุการณ์แบบนี้อีกไหม? ตอนนี้เลยตัดสินใจหยุดรับงานไปเลย เริ่มที่ “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘ประเด็นที่น่าห่วงกว่าการที่ครอบครัวเขาไม่ยอมรับ คือการที่ความสัมพันธ์นี้เกิดขึ้นจากการคุยออนไลน์โดยไม่เคยเจอกันเลย ส้มมั่นใจได้ยังไงว่าถ้าได้เจอกันตัวจริง เขาจะเป็นแบบที่คิด? ทุกอย่างที่ผ่านมาคือการสื่อสารผ่านหน้าจอ ซึ่งมันอาจแตกต่างจากโลกความจริงอย่างสิ้นเชิง การเลิกกันอาจเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำ เพราะถ้าจะคบกันจริง ๆ แล้วต้องเจออุปสรรคจากครอบครัวฝ่ายชายที่เป็นคนจีนและค่อนข้างอนุรักษ์นิยม การเอาชนะใจพวกเขาเป็นเรื่องยากมาก ส่วนเรื่องที่จะไปจีน พี่คิดว่าในสถานการณ์นี้ไม่ควรไป การที่รู้จักกันเพียง 5 เดือน คุยกันแค่ในออนไลน์ แล้วต้องบินไปหาเขา โดยที่เขาเองก็ไม่ได้พยายามจะมาหาเราเลย พี่ว่าไม่คุ้ม เรื่องงานถ่ายรูปเซ็กซี่ พี่มองว่าแต่ละคนมีมุมมองที่แตกต่างกัน บางคนเข้าใจ บางคนไม่เข้าใจ สิ่งสำคัญคือส้มต้องหาคนที่เข้าใจและยอมรับได้ ส่วนคนที่ไม่โอเค เขาก็มีสิทธิ์คิดแบบนั้นเหมือนกัน อย่าตั้งคำถามกับตัวเองเพียงเพราะคำพูดของใคร ถ้านี่คืองานที่ส้มเลือกและมีความสุข ก็ไม่ต้องกังวล’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘ความรักครั้งนี้จบลงก่อนที่จะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ มันเลยทำให้ส้มรู้สึกค้างคาและมูฟออนไม่ได้ เพราะยังมีความหวังว่าวันหนึ่งมันอาจไปได้ไกลกว่านี้ ต่างจากความรักที่เคยคบกันจริง เจอปัญหา แล้วจบไป เพราะอันนั้นเรารู้ตอนจบแล้ว แต่ความสัมพันธ์นี้มันเหมือนหนังสือที่ยังอ่านไม่จบ มันเลยติดอยู่ในใจ แต่เมื่อมองความเป็นจริง ต่อให้ได้คบกันก็ไม่ได้การันตีว่าความรักจะเป็นเหมือนช่วงแรก ๆ ที่คุยกัน ยิ่งเป็นเรื่องครอบครัวชาวจีนที่มีส่วนสำคัญมากในการเลือกคู่ครอง ยิ่งทำให้โอกาสไปต่อยากขึ้น ส่วนเรื่องที่จะไปจีน ถ้าเป็นเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับผมสมัยวัยรุ่น ผมก็คงไม่สน ก็คงบินไปเหมือนกันแหละ แต่ว่าพอมาอายุเท่านี้แล้ว พี่มองว่าความสัมพันธ์ที่ต้องใช้ความพยายามมากเกินไป อาจไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ควรไปต่อ เมื่ออะไรที่มันใช่ มันจะไม่ยากขนาดนี้ เรื่องงานที่ส้มทำ บางทีสิ่งที่เราคิดว่าโอเคในวันนี้ อาจจะไม่ใช่สิ่งที่เราภูมิใจในวันข้างหน้า ส้มต้องถามตัวเองให้ชัด ว่าที่รู้สึกไม่อยากทำงานนี้แล้วเป็นเพราะผิดหวังจากความรัก หรือเป็นเพราะส้มโตขึ้นและมองมุมมองของตัวเองเปลี่ยนไป’ สุดท้าย “ดีเจอ้อย” ให้คำปรึกษาว่า ‘ความสัมพันธ์นี้ยังใช้คำว่า “รัก” ไม่ได้เต็มปาก และที่พี่เป็นห่วงคือ ความพยายามของส้มดูจะมากกว่าอีกฝ่าย ถ้าส้มถึงขั้นลงทุนบินไปหาเขาที่จีน ทำไมเขาไม่พยายามมาหาส้มบ้าง? ความสัมพันธ์ที่ดีต้องมีความพยายามจากทั้งสองฝ่าย ถ้าอีกฝ่ายไม่ได้ทุ่มเทเท่ากัน มันอาจไม่ใช่รักที่ควรต่อสู้เพื่อมัน พี่มักจะบอกเสมอว่า เวลาที่ใครสักคนบอกเลิกเราด้วยเหตุผลว่า “ที่บ้านไม่ยอมรับ” พี่จะยังไม่โทษที่บ้านเขา 100% แต่พี่จะตั้งคำถามว่า เขาพยายามมากพอรึยัง? เพราะถ้าเขาอยากมีเราจริง ๆ เขาจะพยายามทำให้ครอบครัวเข้าใจ แต่ในกรณีนี้ พี่ยังไม่เห็นความพยายามนั้นจากเขาเลย ส้มไม่จำเป็นต้องข้ามประเทศไปหาเขาให้เหนื่อย ถ้าเขาอยากมีส้มจริง ๆ เขาจะหาทางมาหาเอง ถ้าเขาไม่พยายามขนาดนั้น แปลว่ามันไม่ได้สำคัญกับเขาขนาดนั้นเช่นกัน เรื่องงาน เวลาจะเลือกทำงาน พอถึงวัยนึง เราก็อยากทำอะไรที่หันกลับไปมองแล้วรู้สึกภูมิใจ แต่กับการถ่ายรูปเซ็กซี่ แม้มันจะเป็นภาพที่สวยนะ แต่วันข้างหน้าเราจะยังรู้สึกดีกับมันอยู่ไหม? อย่าลืมว่าโลกยุคนี้มี Digital footprint สมมุติว่าวันนึงเราแต่งงานแล้ว มีภาพพวกนี้หลุดไปที่ไหนสักที่ มีคนเอามาแชร์ เราจะรู้สึกยังไง? เพราะขนาดพ่อแม่ของน้องเอง น้องยังไม่กล้าบอกเลยว่าน้องทำงานอะไร เพราะฉะนั้น เอาทุกอย่างมาคิดรวมกันดีๆ เพราะคำตอบที่ชัดเจนที่สุด ก็คือคำตอบที่ได้จากวิธีคิดของน้องเอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin


