ฟังเพลงออนไลน์ EFM 94 ONLINE - ทอล์คอารมณ์ดี เพลงดีทุกแนว

News Updates

ENTERTAINMENT NEWS

สัมผัสความทรงจำระหว่างการเดินทาง เป๊ก ผลิตโชค ผ่าน ‘THE MEMORY OF COLOUR SOUL EXHIBITION BY PALITCHOKE’ ที่สยามเซ็นเตอร์

29 ก.ย. 2023

สัมผัสความทรงจำระหว่างการเดินทาง เป๊ก ผลิตโชค ผ่าน ‘THE MEMORY OF COLOUR SOUL EXHIBITION BY PALITCHOKE’ ที่สยามเซ็นเตอร์

นอกจากความสำเร็จในฐานะศิลปินแล้ว เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร ที่ควบตำแหน่ง CEO ยังประสบความสำเร็จในพาร์ทธุรกิจด้วย หลังจากเปิดตัวแบรนด์น้ำหอม COLOUR SOUL ให้เราได้รู้จักตั้งแต่ปี 2019 พร้อมกับเปิดตัวน้ำหอม 3 รุ่นทั้ง SECRET, BREATH และ MIDNIGHT KISS ที่มีกลิ่นหอมโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งถูกจำหน่ายหมดทุกรอบที่เปิดตัวและเพื่อแทนความคิดถึงและขอบคุณ เป๊ก จึงได้รวบรวมทุกความทรงจำจากเรื่องราวต่าง ๆ ที่ได้เก็บเกี่ยวมาถ่ายทอดให้แฟน ๆ ได้สัมผัสกันผ่านรูปแบบนิทรรศการในงาน ‘THE MEMORY OF COLOUR SOUL EXHIBITION BY PALITCHOKE’ ให้ได้ชม ได้ถ่ายรูปกันแบบฟรี ๆ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป ณ ลาน Atrium 2 ชั้น G ศูนย์การค้า Siam Centerในงานเปิดตัว เป๊ก ได้เดินทางไปเพื่อคุยถึงที่มาที่ไปแล้วความพิเศษของการจัดแสดงภาพถ่ายในครั้งนี้ พร้อมกับเปิดตัวแขกพิเศษคนสำคัญ แฝด-ประสิทธิ์ ลิมปสถิรกิจ หรือที่รู้จักกันในชื่อ 21DAY ช่างภาพผู้บันทึกเรื่องราวการเดินทางของ เป๊ก ผลิตโชค ผ่านเลนส์ จนกลายเป็นโมเมนต์สุดประทับใจที่อยากให้แฟน ๆ ทุกคนได้มาสัมผัสไปด้วยกัน อีกทั้งในงานยังมีจำหน่าย COLOUR SOUL MIDNIGHT KISS รุ่น TRAVEL SET พร้อมโปรโมชั่นพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะในงานนี้เท่านั้นนะภาพ : GMM SHOW

Jungkook ส่งโซโล่ที่ 2 ‘3D’ อาการความคลั่งรักคลั่งคิดถึง แรงติดชาร์ตอันดับ 1 บน iTunes ไปแล้วกว่า 30 ประเทศ

29 ก.ย. 2023

Jungkook ส่งโซโล่ที่ 2 ‘3D’ อาการความคลั่งรักคลั่งคิดถึง แรงติดชาร์ตอันดับ 1 บน iTunes ไปแล้วกว่า 30 ประเทศ

เมื่อเวลา 11 โมงเช้าที่ผ่านมา จองกุก (Jungkook) น้องเล็กของวง BTS ส่งผลงานโซโล่ที่ 2 ของตัวเองอย่าง ‘3D’ ออกมาให้บรรดาอาร์มี่ทั่วโลกได้ฟังและชมมิวสิกวิดีโอพร้อม ๆ กัน ซึ่งถือเป็นการปล่อยผลงานใหม่ในรอบ 2 เดือนของเขา หลังจากเมื่อช่วงกรกฎาคมที่ผ่านมา แฟน ๆ ได้เห็นตัวตนทางดนตรีที่เด่นชัดผ่านโซโล่แรกอย่าง ‘Seven’ กันไปแล้วโดยเพลงนี้ จองกุก ยังเฉิดฉายด้วยสไตล์ดนตรีที่ผสมผสานความ POP กับ RB ได้อย่างลงตัว และไม่เพียงเท่านั้นยังชวนแรปเปอร์สุดฮอตเจ้าของรางวัล Billboard Music Award อย่าง แจ็ค ฮาโรว์ (Jack Harlow) มาร่วมฟีเจอริงในเพลงนี้ด้วยหากใครที่เคยฮือฮากับเนื้อเพลง ‘Seven’ บอกเลยว่าครั้งนี้จะต้องรู้สึกได้ถึงความยิ่งกว่า เพราะ จองกุก ยังคงเก่งกับการถ่ายทอดคาแร็กเตอร์ความน่ารัก ความกวนผ่านเนื้อเพลง ที่บอกเล่าความรู้สึกคลั่งรัก คลั่งคิดถึงแบบขั้นกว่า ชวนให้นึกถึงช่วงเวลาที่เราได้อยู่ใกล้ชิดกับคนรัก แถมในมิวสิกวิดีโอยังคงทำได้ยอดเยี่ยสำหรับเพอร์ฟอร์แมนซ์ที่ร้องและเต้นแบบจัดเต็มล่าสุดหลังจากปล่อยเพลงไปได้เพียง 2 ชั่วโมง ก็สามารถทุบสถิติเป็นศิลปินเกาหลีที่ติดชาร์ตอันดับ 1 บน iTunes ประเทศอังกฤษเร็วที่สุด และยังขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ต iTunes ไปแล้วมากกว่า 30 ประเทศทั่วโลกภาพ : BTS_twt

ก็โสดโสดอยู่ทางนี้! เบลล่า ราณี ยันข่าวลือเป็นนางเอกตัวท็อปซุ่มคบเจ้าของโรงแรม ไม่จริงค่ะ

29 ก.ย. 2023

ก็โสดโสดอยู่ทางนี้! เบลล่า ราณี ยันข่าวลือเป็นนางเอกตัวท็อปซุ่มคบเจ้าของโรงแรม ไม่จริงค่ะ

นางเอกร้อยล้านอย่าง เบลล่า ราณี หลังกลับมาอยู่ในโหมดสาวโสด ก็ถูกจับตามองจากแฟน ๆ ตลอดว่า จะเปิดใจคบหนุ่มคนใหม่หรือยังนะ เพราะล่าสุดมีคนโยงชื่อของเธอ อาจเป็นหนึ่งในลิสของนางเอกตัวท็อปของวงการบันเทิงไทย ที่ถูกเจ้าของโรงแรมหรูตามจีบจนใจอ่อน และกำลังขยับสถานะหัวใจโดยเมื่อวานนี้ (28 กันยายน 2566) เบลล่า ได้เจอกับกองทัพนักข่าว ก็เลยขอตอบถึงข่าวลือนี้สักหน่อยว่าจริงไหมจ๊ะ ที่ตอนนี้หัวใจกลับมาอินเลิฟ เพราะซุ่มคบเจ้าของโรงแรมหล่อโปรไฟล์ดี ซึ่งเธอบอกว่า เธอเพิ่งได้รับรู้ถึงข่าวนี้ แต่ตอนนี้เรื่องความรักสำหรับเธอยังเฉย ๆ เพราะกำลังเป็นช่วงที่สนุกกับการทำงาน และการทำร้านกาแฟ (JO'S BANOFFEE ติดกับ BTS วงเวียนใหญ่) ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ก็ทำให้เธอวุ่น ๆ จนไม่มีเวลาให้เหงาเลยนอกจากนี้ เบลล่า ยังพูดถึงสเปกของหนุ่ม ๆ ในวัย 33 ปีว่า ตอนนี้เธอไม่มีสเปกว่าต้องเป็นคนแบบไหน แต่จะเน้นไปที่มุมมอง ความคิด การวางแผนชีวิตที่จะช่วยทำให้เธอได้เติบโตขึ้นไปอีก และอยู่ด้วยกันในฐานะเพื่อนคู่คิดคอยซัพพอร์ตกันเท่านั้นก็พอ แต่ตอนนี้ยังโสดนะคะภาพ : bellacampen

Sir Michael Gambon นักแสดงที่เราคุ้นตาจากบท Dumbledore เสียชีวิตด้วยโรคปอดอักเสบในวัย 82 ปี

28 ก.ย. 2023

Sir Michael Gambon นักแสดงที่เราคุ้นตาจากบท Dumbledore เสียชีวิตด้วยโรคปอดอักเสบในวัย 82 ปี

สื่อต่างประเทศมีการรายงานข่าวเศร้าของวงการภาพยนตร์ โดยระบุว่า เซอร์ ไมเคิล แกมบอน (Sir Michael Gambon) นักแสดงรุ่นใหญ่ที่หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดีจากการรับบท ศาสตราจารย์ อัลบัส ดัมเบิลดอร์ (Dumbledore) ในภาพยนตร์ Harry Potter เสียชีวิตลงแล้วด้วยโรคปอดอักเสบ ในวัย 82 ปีภรรยาและลูกชายเป็นผู้ออกมาเปิดเผยข่าวเศร้านี้ พร้อมกับระบุว่า เขาล้มป่วยด้วยภาวะปอดบวม และเข้ารับการรักษาตัวก่อนจะเสียชีวิตอย่าสงบในโรงพยาบาล ขณะที่ภรรยาและลูกเฝ้าติดตามอาการและเคียงข้างจนนาทีสุดท้ายของชีวิต“เราขอให้คุณเคารพความเป็นส่วนตัวของเราในช่วงเวลาอันเจ็บปวดนี้ และขอขอบคุณสำหรับข้อความให้กำลังใจและความรักจากทุกคน” ข้อความส่วนหนึ่งจากถ้อยแถลงของครอบครัว ไมเคิล แกมบอนภาพ : Warner Bros

แบรี่ ณเดชน์ ทุ่มไม่อั้น! วางแพลนจัดงานวิวาห์ 3 แบบในปี 2568 ตามความตั้งใจของ ญาญ่า

28 ก.ย. 2023

แบรี่ ณเดชน์ ทุ่มไม่อั้น! วางแพลนจัดงานวิวาห์ 3 แบบในปี 2568 ตามความตั้งใจของ ญาญ่า

หลังจากเพื่อนซี้อย่าง หมาก-คิม ควงแขนเข้าพิธีวิวาห์ไปแล้วในบรรยากาศสุดโรแมนติกของวิวทะเลสาบโคโม่ ประเทศอิตาลี คิวต่อไปก็คงต้องเป็นว่าที่เจ้าบ่าวว่าที่เจ้าสาวอย่าง แบรี่ ณเดชน์ และ ญาญ่า อุรัสยา ที่ครั้งนี้นอกจากจะเดินทางไปเพื่อร่วมยินดีกับเพื่อนแล้ว ยังถือโอกาสดูงานและเตรียมความพร้อมสำหรับงานวิวาห์ของตัวเองที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตด้วยแบรี่ เล่าให้เราฟังว่า สำหรับแพลงานวิวาห์ของคู่ตัวเอง ก็ตั้งใจจะจัดขึ้นด้วยกัน 3 แบบ 3 อีเวนต์ ตามความตั้งใจของว่าที่เจ้าสาวอย่าง ญาญ่า นั่นคืองานเรียบง่ายตามประเพณีพื้นถิ่นของไทย, งานวิวาห์ที่ต่างประเทศ (ซึ่งญาญ่าเคยบอกแล้วว่า เป็นโลเคชั่นที่ใฝ่ฝันไว้มาตลอด) และงานเลี้ยงเพื่อชวนเพื่อนพี่น้องทั้งในและนอกวงการไปร่วมสนุกและเฉลิมฉลองกับสเตปแรกของชีวิตคู่สำหรับวันและเวลาที่เหมาะสมสำหรับการจัดงาน แบรี่ คาดว่าจะเป็นปี 2568 ตามที่ ญาญ่า ให้สัมภาษณ์เอาไว้ เนื่องด้วยปีนี้และปีหน้า ญาญ่า มีทั้งงานภาพยนตร์และงานละคร ซึ่งคิวจะยาวไปจนถึงกลางปี 2567 แปลว่าพวกเขาจะมีเวลาเพียงน้อยนิดในการเตรียมงานแต่งงาน แต่ก็อยากให้ทุกอย่างออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด ทุ่มไม่อั้นเพื่อสานความฝันของ ญาญ่า ให้เป็นจริงนอกจากนี้ แบรี่ ยังบอกอีกด้วยว่า หลังจากที่เขาและ ญาญ่า ได้ทำหน้าที่ออแกไนซ์เซอร์ดูและและจัดการรายละเอียดต่าง ๆ ในงานแต่งงานของ หมาก-คิม ครั้งนี้ทั้ง หมาก และ คิม ก็อาสามาทำหน้าที่นั่นในงานของตนเองด้วยภาพ : urassayas

LISA BLACKPINK เดินทางถึงปารีส และกำลังเตรียมพร้อมสำหรับ โชว์ที่ Crazy Horse Paris 28-30 ก.ย. นี้

28 ก.ย. 2023

LISA BLACKPINK เดินทางถึงปารีส และกำลังเตรียมพร้อมสำหรับ โชว์ที่ Crazy Horse Paris 28-30 ก.ย. นี้

เป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวของ LISA หรือ ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล สมาชิกวง BLACKPINK ที่เหล่า Blink ทั่วโลกต่างก็จับตา หลังจากที่เธอออกมาคอนเฟิร์มเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า กำลังได้ร่วมสร้างสรรค์โชว์ชุดพิเศษ ร่วมกับนักเต้นมากความสามารถของ Crazy Horse Paris ประเทศฝรั่งเศส โดยเธอจะเป็นศิลปิน K-POP คนแรกที่ได้แสดงบนสเตจสุดร้อนแรงนี้แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์บ้างว่า จะขัดกับภาพลักษณ์การเป็นไอดอลของเธอหรือเปล่า? แต่แฟนเพลงเองก็เฝ้ารอชมการแสดงของ ลิซ่า ในลุค Crazy Girl และเชื่อมั่นว่าเธอจะได้โชว์ศักยภาพของศิลปิน โดยเฉพาะด้านการเต้นที่ผสมผสานกับศิลปะให้ออกมาเป็นการแสดงอีกชุมตื่นตาและประทับใจล่าสุด ลิซ่า ออกมาโพสต์ภาพของตัวเองใน Crazy Horse Paris พร้อมกับข้อความที่สื่อว่าตัวเธอเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน แทบจะรอให้โชว์นี้เกิดขึ้นไม่ไหวแล้ว ‘Can’t wait for this to finally happen! D-1 See you soon’ ซึ่งการแสดงรอบแรก จะมีขึ้นในช่วงค่ำของวันที่ 28 กันยายน 2566(ตามวันและเวลาที่ปารีส ฝรั่งเศส ซึ่งช้ากว่าไทย 5 ชั่วโมง)ส่วนกระแสตอบรับก็ถล่มทลาย เพราะทันทีที่มีการเปิดให้จองบัตรผ่านเว็บไซต์ Crazy Horse ตั๋วชมการแสดงทุกใบก็ถูกจองจนเต็มในเวลารวดเร็ว โดยการแสดงของ ลิซ่า ทั้ง 5 โชว์จะมีขึ้นในวันที่ 28-30 กันยายนนี้ภาพ : lalalalisa_m

NEW RELEASE

‘Romantic Syndrome’ ซิงเกิลในรอบ 15 ปีของ มอส ปฏิภาณ คัมแบ็คในฐานะศิลปินเบอร์แรกและ CEO ค่ายเพลงน้องใหม่ Hello Entertainment

29 ก.ย. 2023

‘Romantic Syndrome’ ซิงเกิลในรอบ 15 ปีของ มอส ปฏิภาณ คัมแบ็คในฐานะศิลปินเบอร์แรกและ CEO ค่ายเพลงน้องใหม่ Hello Entertainment

ทำเอาแฟน ๆ ฮือฮากันไปแล้วก่อนหน้านี้ เมื่อศิลปินขวัญใจจากยุค 90 อย่าง พี่มอส-ปฎิภาณ ปฐวีกานต์ ออกมาประกาศเปิดตัวค่ายเพลงของตัวเองอย่าง Helle Entertainment ที่นอกจาก พี่มอส จะเป็นศิลปินเบอร์แรกของค่ายแล้ว ยังควบตำแหน่งประธานบริษัทตัวจริงอีกด้วยล่าสุดเพื่อไม่ให้แฟน ๆ ต้องรอนาน ส่งซิงเกิลแรกในรอบ 15 ปีของตัวเองกับเพลง ‘Romantic Syndrome’ ที่เล่าถึงอาการคลั่งรักในแบบฉบับของ พี่มอส เพลง City Pop หรือ Retropop ที่มีกลิ่นอายของซินธิไซเซอร์ จากยุค 80’s -90’s และจากดนตรีที่ถูกหยิบมาใช้ ทำให้แฟน ๆ ได้รู้สึกถึงความสดใสและอ่อนหวานในส่วนของเทคนิคการร้อง พี่มอส บอกกับเราว่าได้ดีไซน์การร้องให้เรียบง่ายแต่อ่อนหวาน ฟังดูโรแมนติก ไม่เด็กไป ไม่ผู้ใหญ่ไป มีการร้องโดยใช้ลมกับหางเสียง ผสมกับเสียงเต็ม ไม่เน้นร้องกระแทก เป็นการเก็บสัดส่วนให้กระชับ ซึ่งอาจทำให้คนฟังรู้สึกต่างไปจากเพลงที่ผ่าน ๆ มาของ พี่มอส นั่นเองและแม้จะเป็นเพลงแรกในรอบ 15 ปี แต่ช่วงที่เว้นว่างไปก็ไม่ได้ทิ้งการทำงานเพลงไปไหน ซุ่มเขียนเพลงและทำงานเพลงอยู่เรื่อย ๆ นั่นจึงทำให้เพลงนี้เป็นเพลงที่ พี่มอส ได้ลงมือทำเองในทุก ๆ ขั้นตอน เป็นอีกหนึ่งมุมที่ทำให้แฟน ๆ ได้หายคิดถึงและสัมผัสกับตนตัวทางดนตรีของ พี่มอส ได้ชัดเจนมากทีเดียว สามารถเข้าไปฟังและชม Music Video เพลง ‘Romantic Syndrome’ ได้แล้วทาง YouTube : Hello Entertainmentภาพ : Hello Entertainment

ค่ายเพลง What The Duck ฉลองครบรอบ 9 ปีด้วยซิงเกิลพิเศษ ‘บ้านหลังนี้ (HOME)’

29 ก.ย. 2023

ค่ายเพลง What The Duck ฉลองครบรอบ 9 ปีด้วยซิงเกิลพิเศษ ‘บ้านหลังนี้ (HOME)’

EFM ขอร่วมแสดงความยินดีกับค่าย What The Duck สำหรับการเดินทางมอบความสุขผ่านเสียงเพลงให้แฟน ๆ มาครบ 9 ปี และในโอกาสนี้ ค่ายเพลง What The Duck จึงมีซิงเกิลพิเศษออกมาให้เราได้ติดตามฟังและชมกัน สำหรับ ‘บ้านหลังนี้ (HOME)’ ผลงานจากศิลปินและโปรดิวเซอร์มือทองแห่งปีอย่าง THE TOYS นั่นเอง“ของขวัญที่ดีที่สุด เธอเป็นให้ฉันเสมอดอกไม้ที่สวยที่สุด เติบโตขึ้นได้เพราะเธอ”ไม่เพียงแต่จะลงมือเขียนเนื้อร้องและทำนองด้วยตัวเองแล้ว THE TOYS ยังนำทีมเพื่อนพี่น้องศิลปินในค่าย What The Duck มาถ่ายทอดความอบอุ่นผ่านเพลงและมิวสิกวิดีโอ อาทิ HENS, BOWKYLION, Musketeers, Mirrr, Whal Dolph, Landokmai, YourMOOD และอีกมากมาย เพื่อร่วมเฉลิมฉลองการเติบโตของค่าย จนกลายเป็น HOME ที่ดูอบอุ่นหัวใจที่สุดเท่าที่เคยมีมาแฟน ๆ สามารถเข้าไปติดตามฟังและชม Music Video เพลง ‘บ้านหลังนี้ (HOME)’ จากศิลปิน What The Duck เพลงพิเศษฉลองครบรอบ 9 ปีได้แล้ววันนี้บน YouTube : Whattheduck และทุกบริการ Music Streamingภาพ : What The Duck

‘ง่าย ๆ (COMPLETE)’ ซิงเกิลเดี่ยวแรกจาก ออฟโรด กันตภณ เมื่อเราเจอคนที่ใช่..เรื่องรักที่เคยยากก็ง่ายนิดเดียว

29 ก.ย. 2023

‘ง่าย ๆ (COMPLETE)’ ซิงเกิลเดี่ยวแรกจาก ออฟโรด กันตภณ เมื่อเราเจอคนที่ใช่..เรื่องรักที่เคยยากก็ง่ายนิดเดียว

ถึงเวลาแล้วที่ ออฟโรด-กันตภณ จินดาทวีผล ศิลปินและนักแสดงชื่อดัง จะได้ฤกษ์ปล่อยผลงานเพลงเดี่ยวครั้งแรกของตัวเองกับ ‘ง่าย ๆ (COMPLETE)’ เพลงที่เด่นด้วยสไตล์ POP ผสม Acoustic สื่อถึงความน่ารักสดใสสะท้อนตัวตนทางดนตรีของ ออฟโรด กับเนื้อหาเล่าถึงคนที่ไม่เข้าใจในความรัก จนวันหนึ่งได้เจอกันคนที่ใช่ก็เข้าใจว่าแท้ที่จริงแล้ว ความรักก็เป็นเรื่องง่าย ๆสำหรับเพลงเดี่ยวแรกนี้ได้ศิลปินรุ่นพี่อย่าง โดม-จารุวัฒน์ เชี่ยวอร่าม มานั่งแท่นโปรดิวเซอร์ให้ พร้อมดึงความเป็นตัวตนของ ออฟโรด กับบุคลิกยิ้มง่าย สดใส มาเป็นไอเดียในการทำดนตรีแนว Easy Listening ฟังสบาย แถมเจ้าตัวยังได้มีส่วนร่วมในการแต่งท่อนแร็ปเพิ่มให้เพลงมีมิติน่าสนใจยิ่งขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น ในมิวสิกวิดีโอยังได้พี่ชายคนสนิทอย่าง ต้าห์อู๋ มาร่วมแสดงด้วยออฟโรด เล่าถึงการทำงานของเพลงนี้ให้เราได้ฟังว่า “เพลงนี้บ่งบอกความเป็นตัวออฟโรดได้ดีทีเดียว ตอนฟังครั้งแรกรู้สึกดีใจและภูมิใจมาก ๆ ครับ ขอขอบคุณพี่โดมครับ ที่ช่วยเขียนเนื้อเพลงนี้และช่วยไกด์วิธีการร้องให้ครับ ผมเลยขอเสนอให้เพิ่มท่อนแร็ปลงไปในเพลง พี่โดมก็โอเคให้เสนอไอเดียได้เต็มที่ และเข้าใจความเป็นออฟโรด เลยเป็นการทำงานที่แฮปปี้มากครับ หวังว่าทุกคนจะชอบนะครับ”สามารถเข้าไปติดตามฟังและชม Music Video เพลง ‘ง่าย ๆ (COMPLETE)’ จาก ออฟโรด กันตภณ ได้ทาง YouTube : ONE31 และทุกบริการ Music Streamingภาพ : One Music

‘April’ เพลงช้าเนื้อหาเศร้าเคล้าความฟุ้งของดนตรีจาก Only Monday ใช้เทคนิค Layback เพิ่มอารมณ์หน่วง

27 ก.ย. 2023

‘April’ เพลงช้าเนื้อหาเศร้าเคล้าความฟุ้งของดนตรีจาก Only Monday ใช้เทคนิค Layback เพิ่มอารมณ์หน่วง

สมกับเป็นวงดนตรีหน้าใหม่ที่น่าจับตามองจริง ๆ สำหรับ ธีร์, เฟรม และ โปรด วง Only Monday แห่งค่าย GeneLab เพราะ ‘April’ ผลงานเพลงใหม่เพลงนี้ กลายเป็นไวรัลไปทั่วโลกโซเชียล ทั้งยอดวิวคลิปการแสดงสด และยอดคลิปคัฟเวอร์ที่ถล่มทลาย ตั้งแต่วันที่พวกเขายังไม่ได้ปล่อยเพลงออกมาแบบออฟฟิเชียลด้วยซ้ำและเพื่อตอบแทนกระแสตอบรับที่ดีของแฟน ๆ วันนี้พวกเขาเลยไม่รอช้า ปล่อยผลงานเพลง ‘April’ ออกมาให้แฟนเพลงได้ชมทั้ง Music Video และได้ฟังเพลงแบบเต็ม ๆ พร้อมกับทุกแพลตฟอร์มสตรีมมิงพวกเขาเล่าให้เราฟังว่า ‘April’ เป็นเพลงช้าเนื้อหาเศร้าเคล้าความฟุ้งของดนตรี ที่ให้อารมณ์เหมือนกำลังอยู่ในห้องโถงกว้างใหญ่เพียงลำพังคนเดียว ความพิเศษของเพลงคือ เป็นเพลงแรกของ Only Monday ที่มีการใช้ซาวด์ Synthesizer มาอยู่ในเพลง อีกทั้งพวกเขายังใช้เทคนิคการบันเสียงแบบ Layback ที่ทำให้เพลงมีความหน่วง ๆ แทรกอยู่ในทุก ๆ ไลน์ของดนตรี ส่วนนี้เองที่ทำให้เมื่อเราได้ฟังแล้ว จะเกิดความรู้สึกอึดอัด เพื่อให้เข้ากับความรู้สึกผิดที่อยากจะขอโทษใครสักคนถึงแม้รู้ดีว่ามันจะสายไปเพลงนี้พร้อมมิวสิกวิดีโอที่ได้ เติร์ด Tilly Birds ลูกพี่ร่วมค่ายมากำกับให้ ดึงอารมณ์ความเศร้าจุกอก กับภารกิจของสายลับและความลับที่ต้องปิดบังพร้อมความเจ็บปวด สามารถเข้าไปรับชมและรับฟังได้แล้ววันนี้บน YouTube : GeneLab และทุกบริการ Music Streamingภาพ : GeneLab

ชวนฟัง TikTok Girl ซิงเกิลเดี่ยวแรกจาก TONHON ที่น่ารักและสดใสเหมือนกับป๊อบปี้เลิฟ

26 ก.ย. 2023

ชวนฟัง TikTok Girl ซิงเกิลเดี่ยวแรกจาก TONHON ที่น่ารักและสดใสเหมือนกับป๊อบปี้เลิฟ

ตน-ต้นหน ตันติเวชกุล นักแสดงชื่อดังและศิลปินรุ่นใหม่ที่แฟนเพลงรู้จักกันดีในฐานะสมาชิกวง mints ร่วมกับ อัด-อวัช รัตนปิณฑะ สังกัดค่าย What The Duck เขาได้มอบเซอร์ไพรส์ให้กับแฟนเพลงด้วยการปล่อยผลงาน Solo แรกของตัวเองในนาม TONHON ให้ทุกคนได้ฟังกันแล้วแบบสด ๆ ร้อน ๆ กับเพลง TikTok Girlเพลงนี้โปรเจกต์เดี่ยวสุดพิเศษที่ ตน ลงมือทำเองทุกขั้นตอน จนกลายเป็นซิงเกิลสุดพิเศษโชว์พลังวัยรุ่นผ่านเสียงดนตรีสุดน่ารัก ชวนทุกคนละลายไปกับความสดใสของเรื่องราวความรักป๊อบปี้เลิฟแบบวัยรุ่นโดยเพลง TikTok Girl จะบอกเล่าเรื่องราวของคนที่ได้ลองตกหลุมรักเป็นครั้งแรก กับโมเมนต์ใจเต้นทุกครั้งที่ได้นึกถึงคนที่ชอบ แต่สุดท้ายก็ห้ามใจไม่ให้คิดถึงไม่ได้อยู่ดี เหมือนเวลานั่งเลื่อนดูคอนเทนต์ใน TikTok ที่ชวนให้เลื่อนหน้าจอดูต่อไปเรื่อย ๆ แบบไม่มีเบื่อ จึงเป็นที่มาของคอนเซปต์ TikTok Girl ที่ต้องได้เห็นได้เจอในทุก ๆ วัน ไว้เติมเต็มความสดใสในใจนั่นเองสามารถเข้าไปติดตามฟังและชมอีกหนึ่งสีสันใหม่ทางดนตรี และตัวตนอีกด้านของ TONHON ได้ใน Music Video แนวตั้งของเพลง TikTok Girl ได้แล้วบน YouTube : Whattheduck และทุกบริการ Music Streamingภาพ : Whattheduck

‘ไม่เสี่ยงไม่รวย’ ซิงเกิลใหม่จาก The Mousses สนุกทั้งเนื้อหาที่เล่าและซาวด์ดนตรีที่ใช้

25 ก.ย. 2023

‘ไม่เสี่ยงไม่รวย’ ซิงเกิลใหม่จาก The Mousses สนุกทั้งเนื้อหาที่เล่าและซาวด์ดนตรีที่ใช้

“อยากเป็นเศรษฐีสักครั้งให้เธอภูมิใจในรักครั้งนี้ให้เงินเดือนเธอสักล้านกว่าบาทก็หวังว่าคงต้องมีสักวัน”เห็นแค่เนื้อเพลงก็จัดจ้านตรงใจชาวสายเปย์แบบสุด ๆ เพราะนี่คือซิงเกิลเพลงเร็วเพลงใหม่แกะกล่องจาก The Mousses ‘ไม่เสี่ยงไม่รวย’ ที่ 4 หนุ่ม แอร์-พงศกร ลิ่มสกุล, จ๊ะ-อธิศ อมรเวช, ต๋า-ศุภโชค เตือนจิตต์ และ กั๊ป-ปัจจาพงศ์ ศุภชัยเจริญ ตั้งใจอยากนำเสนอสีสันใหม่ให้กับแฟน ๆ สนุกไปด้วยกัน‘ไม่เสี่ยงไม่รวย’ เพลงแทนใจคนมีหวังอยากสานฝันคนรักให้สุขสบาย มาพร้อมกับดนตรีสไตล์การาจร็อกบริตร็อกที่ฟังก็รู้เลยว่าเป็นเพลง The Mousses ผลงานการเขียนเนื้อร้องของ แอร์ พงศกร และมี แม็ก-อาสนัย อาตม์สกุล ที่ทำงานร่วมกันมาตั้งแต่แรกเริ่มนั่งเก้าอี้เป็นโปรดิวเซอร์เช่นเคยอีกความพิเศษและความสนุกของเพลงนี้ เมื่อ 4 สมาชิกในวงได้กระโดดลงไปร่วมแสดงในมิวสิกวิดีโอแบบมือโปรสุด ๆ โดยได้ คิวเท โอปป้า (Kyutae Oppa) ยูทูปเบอร์ชื่อดังมาร่วมถ่ายทอดเรื่องราวของคนมุ่งมั่นอยากรวยผ่านมิวสิกวิดีโอได้สนุกสนานสมบูรณ์แบบ“ทุก ๆ การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง เป็นประโยคที่เรามักได้ยินอยู่เสมอ แล้วผมชอบศึกษานักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ สิ่งนึงที่เห็นว่าทุกคนมีเหมือนกันคือ ความกล้าที่จะเสี่ยง! กล้าที่จะลงทุน! พอได้จังหวะมีโอกาสทำเพลงเร็วเลยอยากนำมาแต่งเป็นเพลง ไม่เสี่ยงไม่รวย“อยากให้เพลงนี้เป็นตัวแทนของคนที่มีความหวัง ความฝัน อยากสู้เพื่อชีวิตของตัวเองและครอบครัวมีการเป็นอยู่ที่ดี ทำมาในแนวเพลงสนุก ๆ กวน ๆ แต่แฝงความมุ่งมั่นอยากให้คนที่เรารักภูมิใจ และเราได้พระเอกเอ็มวีเป็น คิวเท โอปป้า มารับบทเป็นหนึ่งในแก๊งเพื่อนของ The Mousses ที่ได้ภารกิจจากคนรักมา เขาเล่นออกมากได้จริงใจและสนุกมาก ๆ ปกติแนวเพลงวงจะมาสไตล์เศร้า ๆ สายอกหัก เพลงนี้ถือเป็นเพลงเร็วที่สุดที่วงเคยทำมาอยากจะฝากให้ทุกคนติดตามด้วยครับ”สามารถเข้าไปติดตามชม Music Video เพลง ‘ไม่เสี่ยงไม่รวย’ จาก The Mousses ได้แล้วทาง Youtube : Genierock และฟังได้ทุก Music Streaming หรือขอเพลงนี้เข้ามาได้ที่ EFM94 ทุกวันและทุกช่วง DJภาพ : genie records

HOLLYWOOD GOSSIP

[Review] The Creator : หนังไซไฟสุดยูนีก มาพร้อมกับวิชวลโลกอนาคตแบบไทย ๆ สุดตื่นตา

27 ก.ย. 2023

[Review] The Creator : หนังไซไฟสุดยูนีก มาพร้อมกับวิชวลโลกอนาคตแบบไทย ๆ สุดตื่นตา

สร้างความฮือฮาในกลุ่มแฟนหนังชาวไทยตั้งแต่ปล่อยตัวอย่างแรกออกมาแล้ว สำหรับ The Creator หนังไซไฟแอ็กชันผลงานล่าสุดของ กาเร็ธ เอ็ดเวิร์ธ ผู้กำกับจาก Godzilla และ Rogue One หนังภาคแยกของ Star Wars ที่ไม่ว่าจะทำหนังเรื่องไหน ก็กวาดคำชมมาโดยตลอด นับตั้งแต่หนังแจ้งเกิดอย่าง Monsters หนังไซไฟทุนต่ำที่ทำออกมาเหนือกว่าหนังฟอร์มใหญ่หลายต่อหลายเรื่อง การกลับมาครั้งนี้ ดึงความสนใจของแฟนหนังวิทยาศาสตร์ได้ตั้งแต่แรก ด้วยงานภาพที่แปลกตา เพราะ 80% ของหนังถ่ายทำในประเทศไทย ทั้งกรุงเทพและต่างจังหวัด และเมื่อถูกนำไปดีไซน์ใส่ไว้ในหนังโลกอนาคตยิ่งดูมีความสดใหม่มากขึ้นไปอีก นอกจากนี้ตัวหนังเองยังมีทีมงานและนักแสดงชาวไทย รวมแสดงฝีมือทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังเพียบ จนกลายเป็นอีกหนึ่งหนัง “ควรดู” สำหรับคนไทยอยู่ไม่น้อยThe Creator เล่าถึงโลกอนาคตอันใกล้ ที่หุ่นยนต์เอไอถูกประดิษฐ์ขึ้นมา เพื่อทำงานให้กับมนุษย์ แต่ฝันร้ายครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้น เมื่อเอไอได้จุดระเบิดนิวเคลียร์ ทำลายแอลเอ ทำให้โลกตะวันตกประกาศกวาดล้างหุ่นยนต์อย่างสิ้นซาก มีเพียงโลกฝั่งตะวันออกในดินแดนที่เรียกว่านิวเอเชีย ยังคงพัฒนาหุ่นยนต์อย่างต่อเนื่อง ฝั่งตะวันตกจึงส่ง โจชัว (รับบทโดย จอห์น เดวิด วอชิงตัน จาก Tenet) ทหารหนุ่มร่วมทีมภารกิจเพื่อตามล่าหาอาวุธร้ายแรงที่ซุกซ่อนอยู่ในนิวเอเชีย ที่อาจทำให้พวกเขาชนะสงครามระหว่าง มนุษย์กับเอไอได้ แต่โจชัว กลับช็อกเพื่อพบว่าปลายทางนั้น กลายเป็นหุ่นในร่างเด็กน้อยคนหนึ่ง หรืออนาคตของโลกทั้งใบ จะขึ้นอยู่กับความเป็นอยู่ของเด็กคนนี้ ?เชื่อว่า พล็อตที่เกี่ยวกับมนุษย์และเอไออาจไม่ใช่เรื่องใหม่ ฮอลลีวูดมีการสร้างหนังที่มีธีมคล้ายกันนี้มามากมาย นับตั้งแต่หนังอย่าง The Terminator แต่สำหรับ The Creator ก็ยังมีเอกลักษณ์มากพอ ทั้งในแง่ของวิชวลและพล็อต จนทำให้หนังมีความ Unique และเป็นที่จดจำได้ โดยเฉพาะการผสมผสานสิ่งที่เป็นขั้วตรงข้ามในหลาย ๆ อย่าง เริ่มตั้งแต่งาน Production Design หนังมีความเป็นไซไฟโลกอนาคต แต่ก็มีกลิ่นอายแบบ Dystopia หรือโลกที่ล่มสลายอยู่ในนั้น หลังหลายเมืองผ่านการโดนทำลายล้างของนิวเคลียร์ ทำให้เกือบทุกซีน ผู้ชมจะเห็นภาพความล้ำสมัยของอุปกรณ์ต่าง ๆ อยู่ในเฟรมเดียวกับภาพความเสื่อมโทรม ความล้าสมัย ภาพของหุ่นยนต์ที่อยู่ท่ามกลางทุ่งนา ดูจะเป็นภาพที่ไม่ค่อยเห็นนักในหนังเรื่องไหน แต่เห็นในหนังเรื่องนี้ ทำให้ฉากส่วนใหญ่ของ The Creator ค่อนข้างโดดเด่น และเป็นที่จดจำ หากตัดภาพนิ่งซีนนั้น ๆ มา เชื่อว่าจะบอกได้ทันทีว่าคือ The Creatorส่วนอื่นที่มีการผสมผสานขั้วตรงข้ามที่ชัดเจน คือ คาแรกเตอร์ตัวละคร ที่มีภาพคนและวัฒนธรรมแบบตะวันตกและตะวันออก ผสานเข้าด้วยกัน สิ่งเชื่อมโยงกับธีมของหนัง ที่แม้จะเป็นวิทยาศาสตร์ แต่แก่นหนังจริง ๆ กลับเป็นเรื่องของความเชื่อ ศาสนา และความเป็นความตาย ตัวหนังเองมีการตั้งคำถามถึงการเกิดขึ้นของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ และการดับสูญ ซึ่งหนังถ่ายทอดจุดนี้ได้อย่างลึกซึ้งกว่าที่คาด ทำให้นอกจากผูชมจะสนุกไปพล็อตหนัง ติดตามการเดินเรื่องแล้ว ยังมีอีกหลายปมที่หนังตั้งคำถาม และปล่อยให้คนดูได้คิดตาม ทำให้ The Creator ไม่ใช่หนังไซไฟที่ดูเอาเพื่อความบันเทิงอย่างเดียว แต่ยังทิ้งอะไรไว้ให้กับผู้ชมอีกพอสมควร หลังจากเดินออกมาจากโรงแล้วสำหรับแฟนหนังชาวไทย การดู The Creator อาจเพิ่มเลเวลความสนุกขึ้นกว่าประเทศอื่น ด้วยการดู Easter Egg ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโลเคชั่น ที่ชวนนึกตามว่า สถานที่ดังกล่าวคือที่ไหน ฉากไหนคือประเทศไทยบ้าง รวมถึงเหล่าตัวละครแวดล้อม ก็ล้วนพูดภาษาไทยเกือบทั้งหมด ทำให้คนไทยอาจจะเข้าใจหลาย ๆ บทสนทนามากกว่าคนดูประเทศอื่นในโลก (บางซีนก็ไม่แปลด้วยซ้ำ มีแต่คนไทยที่เก็ตว่าชาวบ้านคุยอะไรกัน) ตรงนี้ก็เป็นส่วนเพิ่มอรรถรสเข้ามา โดยรวม The Creator ถือเป็นหนังไซไฟแอ็กชัน ที่มีความออริจินัลและเอกลักษณ์สูงมาก ทั้งดูสนุก น่าจดจำ และมีอะไรให้คิดเพียบ แฟนหนังไม่ควรมองข้ามโดยเด็ดขาดชมตัวอย่าง The Creator ก่อนจะเข้าฉาย 28 กันยายนในโรงภาพยนตร์

Concrete Utopia ยิ่งกว่าหนังภัยพิบัติ จำลองประเทศเกิดใหม่ในอะพาร์ตเมนต์ตึกเดียว

29 ส.ค. 2023

Concrete Utopia ยิ่งกว่าหนังภัยพิบัติ จำลองประเทศเกิดใหม่ในอะพาร์ตเมนต์ตึกเดียว

จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทำให้ทั้งเมืองเหลือเพียงซากปรักหักพัง แต่มีอะพาร์ตเมนต์หลังหนึ่งที่สามารถตั้งตระหง่านอยู่ได้ นี่คือพล็อตหลักของ Concrete Utopia หนังเกาหลีฟอร์มยักษ์ที่ต้นฉบับคือเว็บตูน สู่หนังใหญ่ที่ขนดารามาไว้แบบแน่นจอทั้ง อีบยองฮอน, พัคซอจุน และพัคโบยอง ซึ่งตัวหนังเองก็ทำรายได้อย่างสวยงามในเกาหลี หลังจากเข้าฉายใน 7 วันแรกก็มียอดผู้ชมมากถึง 2 ล้านคน จนกลายเป็นหนังเกาหลีที่มีผู้ชมซื้อตั๋วเข้าไปดูในโรงเป็นอันดับ 3 ของปีนี้ เป็นรองเพียง The Roundup : No Way Out และ Smugglers เท่านั้น รวมไปถึงได้รับเลือกให้เข้าฉายในคืน Gala Night ของเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตรอนโต และมีการขายสิทธิ์ในการฉายไปแล้วมากถึง 152 ประเทศทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทยที่ สหมงคลฟิล์ม คว้าสิทธิ์ในการจัดจำหน่ายมาได้Concrete Utopia เล่าถึงวินาทีแรกหลังเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่กลางกรุงโซล ทำให้เมืองหลวงของประเทศเกาหลีใต้ เหลือเพียงซากปรักหักพัง ยกเว้นอะพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งที่อยู่รอดได้ ทำให้สถานที่แห่งนี้ กลายเป็นที่พำนักของทั้งผู้อยู่อาศัยเดิม และผู้รอดตายในบริเวณนั้น แต่เมื่อสิ่งประทังชีวิตเริ่มลดลง อาหารใกล้จะหมด พลังงานต่างๆไม่เหลือใช้ กลุ่มเจ้าบ้านจึงเริ่มรวมตัวกันเพื่อเลือกผู้นำ โดยมี ยองทัก (รับบทโดย อีบยองฮอน) ชายหนุ่มที่เสียสละเพื่อส่วนรวมได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้า มีมินซอง (รับบทโดย พักซอจุน) ข้าราชการหนุ่มเป็นหัวหน้าทีมรักษาความสงบ โดยมี มยองฮวา (รับบทโดย พักโบยอง)ภรรยาของเขาที่เป็นนางพยาบาลคอยดูแลอยู่ห่างๆ โดยเริ่มมีการตั้งกฏใหม่ขึ้นมา เมื่อเหล่าผู้อยู่อาศัยโหวตให้คนนอกตึกต้องออกไป ทำให้เกิดการปะทะครั้งแรก และกลุ่มคนนอกต้องไปเผชิญความหนาวเหน็บท่ามกลางซากเมือง การอยู่รอดคนผู้อยู่อาศัยเริ่มค่อยๆยากลำบากมากขึ้น เมื่อชาวตึกต้องทั้งรักษาฐานที่มั่นนี้ไว้ให้ได้ ในขณะเดียวกันก็ต้องออกไปสำรวจโลกภายนอก เพื่อหาอาหารมาประทังชีวิตแม้จะเริ่มต้นด้วยการเป็นหนังภัยพิบัติ จากฉากแผ่นดินไหวขนาดยักษ์ที่ไม่มีใครหนีพ้น นำไปสู่หนังเอาตัวรอด เรื่องราวของมนุษย์ที่ต้องอาศัยอยู่ให้ได้ท่ามกลางซากปรักหักพัง แต่แก่นแท้ของ Concrete Utopia คือหนังการเมืองแบบเต็มสูบ ทุกอณูของหนังเรื่องนี้ล้วนเล่าถึงการเมืองการปกครองและการแสวงหาอำนาจ อีกทั้งยังเล่าถึงสันดานดิบของมนุษย์เมืื่อถึงจุดที่ต้องเอาชีวิตรอด หลายคนก็ได้เผยด้านที่ทั้งน่ากลัวและอันตรายของตนออกมา หนังเรื่องนี้เหมืิอนเล่าถึงประเทศที่เพิ่งเกิดใหม่ โดยจำลองอะพาร์ตเมนต์หลังนี้เป็นอาณาเขตและผู้อยู่อาศัยคือประชาชน หนังค่อยๆฉายถึงภาพการก่อตั้งประเทศ การวางระบบการปกครอง การขึ้นสู่อำนาจของผู้นำ โดยแต่ละตัวละครก็เป็นตัวแทนของประชาชนที่มีมุมที่แตกต่างกัน บ้างก็เป็นประชาชนที่ยึดความเชื่อแบบเดิม บ้างก็ถูกปั่นหัวจนเชื่อตามผู้นำ บ้างก็เป็นคนชนชั้นสูงที่ตีสนิทกับผู้มีอำนาจทางการเมืองเพื่อผลประโยชน์ บ้างก็เป็นคนชายขอบที่ถูกมองข้าม มีกระทั่งคนต่างสัญชาติที่ถูกขับไล่ออกจากประเทศแห่งนี้ หนังทั้งเรื่องแทบจะจำลองภาพเหล่านี้อย่างชัดเจน ตั้งแต่จุดเริ่มต้น ไปยังจุดสูงสุดความน่าสนใจคือ เชื่อว่าผู้ชมจะได้เคยดูหนังแนวดิสโทเปียมามากมาย โดยเฉพาะฮอลลีวูด แต่ส่วนใหญ่เลือกจะเล่าถึงจุดล่มสลายของผู้ครองอำนาจ อย่างใน The Hunger Games หรือ Divergent เราจะเห็นภาพของสังคมที่มีระบบระเบียบในแบบของมันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่สำหรับ Concrete Utopia เลือกที่จะเล่าเรื่องราวตั้งแต่ DAY 1 ในวันแรกของการล่มสลายของสังคมแบบเดิม มันกลายมาเป็นสังคมแบบใหม่ได้อย่างไร ผู้นำขึ้นมาเป็นผู้ที่มีอำนาจได้อย่างไร ทำไมประชาชนจำนวนไม่น้อยถึงยอมให้คนๆนี้ ขึ้นมามีอำนาจจนเกิดระบบการปกครองแบบใหม่ขึ้นมาได้ หนังทั่วไปไม่ค่อยเล่าสเต็ปนี้เท่าไหร่นัก ทำให้หนังค่อนข้างมีความแตกต่างจากหนังดิสโทเปีย แม้ว่าพอดำเนินเรื่องไปซักพัก ผู้ชมอาจเดาเรื่องได้ไม่ยาก แต่นี่คือหนังที่เล่าโลกการปกครองของดิสโทเปีย ได้ในทุกสเต็ปทุกขั้นตอนแบบค่อนข้างครบถ้วน ทำให้เห็นภาพรวมได้ดีตั้งแต่ต้นจนจบโดยรวมแม้ว่า Concrete Utopia จะมีความเป็นหนังภัยพิบัติหรือหนังเอาตัวรอดอยู่พอสมควร แต่ถ้าดูผ่านมุมมองแบบการเมือง ก็น่าจะยิ่งได้อรรถรสมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะสองตัวละครของ อีบยองฮอน และพักซอจุน ที่จะได้เห็นถึงพัฒนาการของสองตัวละครนี้แบบชัดเจนมากที่สุด ฉายภาพคนบางกลุ่มในสังคมได้อย่างชัดเจน หลายฉากจะเห็นถึงสันดานดิบของมนุษย์แบบไม่ประนีประนอม นี่น่าจะเป็นหนังอีกเรื่องที่หลังจากดูเสร็จแล้ว สามารถตั้งคำถามกับการกระทำของตัวละครได้ในหลายสถานการณ์ ถ้าหยิบนำมาถกเถียงต่อ น่าจะได้มุมมองที่หลากหลาย กับเหตุการณ์เดียวกัน เชื่อว่าผู้ชมแต่ละคน น่าจะคิดไม่เหมือนกันอย่างแน่นอน ทำให้นี่คือหนังที่สะท้อนสังคมได้อย่างสนใจชมตัวอย่าง Concrete Utopia เข้าฉาย 31 สิงหาคมในโรงภาพยนตร์

[REVIEW] ‘Meg 2 : The Trench’ ภาคต่อที่บันเทิงแบบปล่อยจอย อัดแน่นด้วยฉลามยักษ์ | GOSSIP GUN

03 ส.ค. 2023

[REVIEW] ‘Meg 2 : The Trench’ ภาคต่อที่บันเทิงแบบปล่อยจอย อัดแน่นด้วยฉลามยักษ์ | GOSSIP GUN

ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน The Meg กลายเป็นหนังฉลามที่กวาดรายได้ไปแบบเหนือความคาดหมาย ด้วยรายได้ระดับ 500 ล้านเหรียญฯจากทั่วโลก อยู่ๆก็กลายเป็นหนังฉลามที่ทำเงินทั่วโลกสูงสุดตลอดกาลแซง Jaws ไปเป็นที่เรียบร้อย แม้ว่าถ้าจะเทียบกันจริงๆ โดยเอาค่าตั๋วมาดู ก็ยังคงแพ้ Jaws แต่ถ้านับแค่รายได้ ก็เลยชนะไปซะงั้น ทำให้โปรเจกต์ภาคต่อถูกอนุมัติในเวลาไม่นาน และที่น่าสนใจคือ กลายเป็นประเทศจีนที่เป็นประเทศที่ The Meg ภาคแรกทำเงินมากที่สุด ราวๆ 150 ล้านเหรียญฯ แซงอเมริกาที่ทำเงินไปแถวๆ 143 ล้าน จึงไม่แปลกใจเลยที่ภาคต่อนี้ ทางวอร์เนอร์เลยได้ไประดมทุน จับมือกับสตูดิโอในเมืองจีน แถมดึงพระเอกระดับบล็อกบัสเตอร์อย่าง อู๋จิง ที่ปรากฏตัวในหนังทำเงินถล่มทลายอย่าง Wolf Warrior 2, The Wandering Earth และ The Battle of Lake Changjin (ซึ่งล้วนอยู่ใน Top 10 หนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลของจีน) มาร่วมแสดงประกบ เจสัน สเตแธม พระเอกจากภาคแรกที่กลับมารับบทนำในภาคต่ออีกครั้งMeg 2 : The Trench เล่าเรื่องราวหลายปีจากภาคแรก กับการผจญภัยครั้งใหม่ของ โจนัส (รับบทโดย เจสัน สเตแธม) ที่นำทีมนักวิจัยลงไปสำรวจร่องสมุทรที่ลึกลงไปในมหาสมุทร สถานที่ซึ่งพวกเขาเจอกับเมกาโลดอน หรือฉลามยักษ์ดึกดำบรรพ์ในภาคแรก ไม่นานอันตรายก็เริ่มเข้าใกล้ เมื่อเมกาโลดอนที่พวกเขาขังเอาไว้เพื่อวิจัยกลับหลุดออกมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ แถมยังมีเมกาโลดอนตัวอื่นโผล่ออกมา รวมถึงพวกเขากำลังจะได้พบกับ โครโนซอรัส สัตว์ลึกลับดึกดำบรรพ์ชนิดใหม่ที่ปรากฏอยู่ใต้ทะเล กลายเป็นจากภารกิจสำรวจใต้ทะเลลึก พวกเขาต้องเอาตัวรอดจากสิ่งมีชีวิตสุดอันตราย ที่ไม่ใช่แค่ทวีจำนวนมากขึ้น แต่เพิ่มความหลากหลายและอันตรายมากขึ้นด้วย หนังภาคนี้ได้ อู๋จิง มารับบทนำประกบกับ เจสัน ในบทจิวหมิง น้องชายของนางเอกจากภาคแรกโดยรวมภาคนี้ มันไปไกลกว่าแค่หนังฉลามแล้ว ดูจะเป็นหนังมอนสเตอร์ที่เน้นสัตว์ประหลาดจากใต้ทะเลลึกเสียมากกว่า จากภาคแรกที่เป็นหนังฉลามแบบติดเว่อร์นิดๆ เพราะเน้นไซส์ที่มโหฬารและที่มาจากดึกดำบรรพ์ แต่ภาคนี้เหมือนกำลังจะตั้งท่าขยายจักรวาลให้ใหญ่โตขึ้น นอกจากเมกาโลดอน ผู้ชมเลยจะได้เจอกับสัตว์ประหลาดจากใต้ทะเลอีกหลายตัว เหมือนกับผู้สร้างเตรียมจะขยายจักรวาลเป็น Sea-Monsterverse อะไรทำนองนั้น ซึ่งมันก็ช่วยทวีความน่าสนใจให้กับหนังมากขึ้นในอีก ในฐานะภาคต่อที่ทั้งขยายเส้นเรื่องและเพิ่มปริมาณเหล่ามอนสเตอร์ให้มากยิ่งขึ้น ใครที่ชอบหนังสัตว์ประหลาดน่าจะสนุกและคุ้มค่ากับการมาดูอยู่ไม่น้อยในขณะเดียวกันสิ่งที่แอบเปลี่ยนไปเล็กน้อยคือ Mood Tone ของหนัง ซึ่งแน่นอนว่ามันยังเป็นหนังแอ็กชันตื่นเต้น แต่ภาคนี้แอบปรับอารมณ์ให้ไม่โหดหรือซีเรียสเท่าเดิม เน้นให้หนังดูเป็นมิตรกับผู้ชมกลุ่มครอบครัวมากขึ้น ยกระดับความแฟนตาซีเพิ่มเข้าไปอีก แทนที่หนังจะขยับเข้าหาหนังสไตล์ Jaws แต่กลับขยับมาใกล้หนังแบบ Jurassic World เสียมากกว่า ซึ่งตรงนี้เองน่าจะเปิดโอกาสให้หนังทำเงินได้มากขึ้น รวมไปถึงเหมาะกับการเจาะตลาดจีนที่ภาคแรกกวาดเงินถล่มทลายไปแล้ว แต่แม้จะไม่ได้โหดเลือดสาดเท่าไหร่นัก แต่ฉากแอ็กชันต่างๆก็ยังทำออกมาได้ตื่นเต้น เร้าใจ และเว่อร์ขึ้นไปอีกสเต็ป เหมือนผู้สร้างจับทางได้แล้วว่าผู้ชมชอบสไตล์ไหน ก็จัดให้แบบนั้นอย่างไม่ยั้งสรุป Meg 2 : The Trench ถือเป็นหนังภาคต่อที่เข้าที่เข้าทางกว่าภาคแรก ยังคงความสนุกแบบดูเพลินได้ตลอดทั้งเรื่อง และทวีคูณหลายๆอย่างเข้าไป ทั้งในแง่ของสัตว์ประหลาด รวมถึงตัวละครฮีโร่ จากเดิมที่ภาคแรกเน้นความเท่ของ เจสัน สเตแธม ภาคนี้พอใส่ อู๋จิง เข้ามา เหมือนเจสันได้คู่หูมาร่วมแท็กทีม ยิ่งทำให้ฝั่งมนุษย์ดูน่าสนใจมากขึ้นไปอีก และไม่แน่อีกหน่อย อาจจะมีการต่อยอดสร้างเป็นภาคแยกฉบับจีนเลยก็เป็นอันได้ เพราะปกติหนังของ อู๋จิง ก็ทำเงินแบบถล่มทลายที่นั่นอยู่แล้ว อีกหน่อยเราคงได้เห็นหนังตระกูล Meg ที่มากขึี้นและหลากหลายขึ้นเป็นแน่แท้ชมตัวอย่าง Meg 2 : The Trench วันนี้ในโรงภาพยนตร์ภาพ : Warner Bros. Thailand

[REVIEW] ‘Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One’ รักษามาตรฐานหนังแอ็กชันชั้นเยี่ยม ลุ้นจนหายใจไม่ทั่วท้อง | GOSSIP GUN

12 ก.ค. 2023

[REVIEW] ‘Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One’ รักษามาตรฐานหนังแอ็กชันชั้นเยี่ยม ลุ้นจนหายใจไม่ทั่วท้อง | GOSSIP GUN

คงจะไม่เกินจริงนักที่จะกล่าวว่า Mission: Impossible คือหนึ่งในแฟรนไชส์หนังแอ็กชันบล็อกบัสเตอร์ที่ยอดเยี่ยมสุดในระยะหลัง หลังจากที่ภาค 4-6 ล้วนกวาดคะแนนบวกระดับ 90% อัปจากเว็บไซด์ Rotten Tomatoes ล่าสุดหนังภาคที่ 7 อย่าง 'Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One' สามารถกวาดคำชมไปอย่างล้นหลาม คว้าคะแนนบวกได้ถึง 99% นอกจากจะสูงสุดในบรรดาทุกภาคของหนังชุด ผ่าปฏิบัติการสะท้านโลกแล้ว ยังถือว่าสูงสุดตลอดชีวิตการแสดงของ ทอม ครูซ อีกด้วย (สูงยิ่งกว่า Top Gun : Maverick ในปีก่อนที่ได้ 96%) ทำให้ทุกสายตาล้วนจับจ้องผลตอบรับของหนังภาคนี้ ซึ่งหลังจากดูจบแล้ว ก็สามารถการันตีได้ว่า ทุกกระแสบวกนั้นไม่เกินจริง หนังภาคใหม่นี้ยังคงจัดอยู่ในกลุ่มหนังบล็อกบัสเตอร์มาตรฐานสูง ในระดับที่ภาคก่อนๆได้เซ็ตเอาไว้ด้วยความซับซ้อนของพล็อตทำให้หนัง Mission: Impossible ภาคใหม่ถูกวางโครงสร้างให้้เล่าต่อเนื่องกันสองภาค ประกอบไปด้วย Dead Reckoning Part One ที่เข้าฉายแล้ววันนี้ และ Part Two ที่จะตามออกมาในเดือนมิถุนายนปีหน้า ภารกิจใหม่ครั้งนี้ คือการที่ อีธาน ฮันต์ (รับบทโดย ทอม ครูซ) ต้องออกตามล่าหา กุญแจปริศนาสองดอก ที่เมื่อนำมาประกอบกันแล้ว มันจะสามารถไขสู่อาวุธลับปริศนา ที่เป็นอันตรายแก่โลกระดับสูงสุดได้ แต่ภารกิจนี้ไม่ง่าย อิลซ่า (รับบทโดย รีเบคก้า เฟอร์กูสัน) อดีต MI6 ที่เป็นมิตรสหายกับเขา และเธอกำลังถูกตามล่าโดยคนจากหลากหลายองค์กรทั่วโลกที่ต้องการกุญแจนี้เช่นกัน และเขาได้เข้าไปเกี่ยวพันกับ เกรซ (รับบทโดย ฮาร์ลีย์ แอตเวลล์ จาก Captain America) จอมโจรสาวที่ต้องการกุญแจสองดอกนี้ และอันตรายครั้งนี้เริ่มทวีมากขึ้น เมื่อ IMF ค้นพบว่า สิ่งที่เขากำลังจะต้องเผชิญ ไม่ใช่อาวุธธรรมดา แต่เป็นจักรกลอัจฉริยะที่ยากจะต่อกรด้วยณ จุดนี้ ถือว่าเป็นเรื่องยากมากๆที่ ทอม ครูซ จะสร้างหนังแล้วเอาชนะผลงานชิ้นก่อนๆของเขาได้ อย่าง Top Gun : Maverick ที่สนุกกลมกล่อม และกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของหนังแอ็กชันบล็อกบัสเตอร์ หรืออย่าง Mission: Impossible ภาค 4-6 ที่สร้างฉากแอ็กชันได้ระทึกขั้นสุด จนกลายเป็นงานหินที่จะหาอะไรมาเหนือกว่าได้ สำหรับ 'Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One' อาจจะไม่ใช่หนังภาคที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่า แต่ก็ยังคงรักษามาตรฐานที่สูงมากของแฟรนไชส์นี้ไว้ได้ ไฮไลต์หลักคงหนีไม่พ้นฉากแอ็กชัน ที่ยังคงระทึกในระดับที่ลุ้นจนแทบลืมหายใจ โดยเฉพาะฉากขับรถไล่ล่าตอนกลางเรื่อง และฉากบนรถไฟช่วงท้าย ซึ่งด้วยความบังเอิญ ดันไปคล้ายกับหนังแอ็กชันซัมเมอร์นี้ อย่าง Fast X ที่มีฉากขับรถไล่ล่าในกรุงโรมเหมือนกัน และ Indiana Jones ภาคล่าสุดที่ก็มีฉากไล่ล่ากันบนรถไฟในยุโรป แม้จะมีภาพรวมที่คล้ายกันบ้าง แต่ M:I-7 ก็สามารถพิสูจน์ตัวเองได้ว่า สามารถทำได้เหนือกว่าทั้งในแง่ความมันส์และความระทึกสำหรับฉากแอ็กชัน ในภาคนี้ถือว่ายังคงทำได้อย่างดีเยี่ยม แต่ที่เหนือกว่าภาคก่อนๆ คือการสร้างบรรยากาศสุดกดดันและไม่น่าไว้วางใจในหนัง ด้วยการเลือกให้ภัยที่คุกคามโลกภาคนี้คือ "จักรกลอัจฉริยะ" เพราะมันเป็นสิ่งที่อันตรายยิ่งกว่ามนุษย์เสียอีก ยิ่งหนังมาฉายในช่วงเวลานี้ ยิ่งเพิ่มบรรยากาศความคุกรุ่นได้ดีมาก ในช่วงเวลาที่โลกพึ่งพาความเป็นดิจิตอลและเทคโนโลยีใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา แต่มันกลับเป็นภัยที่พุ่งกลับมาที่มนุษย์ โดยเฉพาะทีมของ อีธานที่ใช้อุปกรณ์สุดไฮเทคหลายอย่างในการเอาชนะตัวร้าย แต่ในภาคนี้ตัวร้ายที่แท้จริงกลับเป็นจักรกลอัจฉริยะ แล้วเขาจะเอาชนะได้อย่างไร ความกดดันที่หนังสร้างไว้ด้วยข้อแม้นี้ เลยยิ่งทำให้หนังตื่นเต้นและบีบคั้นอารมณ์มากยิ่งขึ้นแน่นอนว่า ทอม ครูซ ในบทอีธาน ฮันต์ ยังคงเป็นแกนหลักที่แข็งแรงมากๆสำหรับหนังแฟรนไชส์นี้ แต่สำหรับภาค Dead Reckoning Part One ที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้ กลับเป็นทีมนักแสดงหญิง ที่กินกันไม่ลง แต่ละคนล้วนมีซีนเด่น และมีเสน่ห์แบบไม่แพ้กัน เริ่มจาก รีเบคก้า เฟอร์กูสัน ที่อยู่กับ Mission: Impossible มาหลายภาค ภาคนี้ยังคงโชว์ให้เห็นถึงทั้งมุมเท่ห์ๆของเธอ และมุมที่เป็นมนุษย์สุดๆ ในขณะที่ วาเนสซ่า เคอร์บี้ (จากซีรีส์ The Crown) ในบทของนักธุรกิจในตลาดมืด ทุกครั้งที่เธอปรากฏตัวบนจอสามารถสะกดสายตาจากคนดูได้ตลอด มีความเป็นนางพญาแผ่กระจายเสมอ ส่วนสมาชิกใหม่ของภาคนี้ ไม่มีใครถูกกลบได้เลย เริ่มจาก ฮาร์ลี่ย์ แอตเวลล์ ที่มีเสน่ห์มากๆ และชวนให้เอาใจช่วยแบบสุดๆ รวมถึงเคมีของเธอกับครูซ เข้ากันได้อย่างดี แต่ที่เซอร์ไพรสสุดต้องยกให้ ปอม เคลเมนเทียฟ จาก Guardians of the Galaxy ที่พลิกมารับบทร้ายมาดดุ ทุกครั้งที่เธอปรากฏตัวนั้น เต็มไปด้วยความเท่ และชวนจ้องมอง ทำให้ Mission: Impossible ภาคนี้มีทีมนักแสดงหญิงที่แข็งแรงมากที่สุดภาคนึงเลยโดยรวม 'Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One' ถือเป็นอีกหนึ่งหนังแอ็กชันบล็อกบัสเตอร์ที่คุณภาพมาตรฐานสูงมาก ทั้งฉากแอ็กชันที่ถูกออกแบบมาอย่างดี ตรึงอารมณ์ ทั้งลุ้นทั้งหวาดเสียวทุกฉาก ในขณะที่แง่ของการเล่าเรื่องก็ยกระดับพล็อตให้เข้มข้นมากขึ้น เต็มไปด้วยความหวาดผวาตลอดทั้งเรื่อง โดยเฉพาะในช่วงแรก แม้อาจจะเล่าช้ากว่าภาคก่อนๆ แต่มันก็ถือเป็นการปูเรื่องที่ทำให้คนดูอินได้มากขึ้น ใครที่มีโอกาสดูในระบบ IMAX ไม่ควรพลาด เพราะสามารถเพิ่มศักยภาพความมันส์ให้กับหนังได้สุดๆ โดยเฉพาะฉากเสี่ยงตายซิ่งมอเตอร์ไซด์ลงผา พอดูบนจอยักษ์ ทำให้ลุ้นจนแทบลืมหายใจได้จริงๆชมตัวอย่าง Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One วันนี้ในโรงภาพยนตร์ภาพ : UIP Thailand

[REVIEW] ‘Past Lives (ครั้งหนึ่ง.. ซึ่งคิดถึงตลอดไป)’ หนังงดงามแต่บาดเล็กของความผูกพันในวัยเด็กที่ย้อนกลับมา | GOSSIP GUN

05 ก.ค. 2023

[REVIEW] ‘Past Lives (ครั้งหนึ่ง.. ซึ่งคิดถึงตลอดไป)’ หนังงดงามแต่บาดเล็กของความผูกพันในวัยเด็กที่ย้อนกลับมา | GOSSIP GUN

"หนึ่งในหนังยอดเยี่ยมแห่งปีที่คุณไม่ควรพลาด" – นี่คือคำกล่าวของนักวิจารณ์เมืองนอกหลายสำนักที่ต่างยกให้ 'Past Lives' เป็นหนึ่งในหนังที่ดีที่สุดของปี 2023 สร้างกระแสความอยากดูให้กับคอหนังกันมาตั้งแต่ต้นปี หลังจากฉายรอบปฐมทัศน์ไปในเทศกาลหนังซันแดนซ์ รวมถึงคว้าคะแนนนักวิจารณ์จากเว็บไซด์ Rotten Tomatoes ได้คะแนนบวกไปสูงถึง97% รวมถึงเมื่อแปะยี่ห้อของสตูดิโอ A24 เข้าไปอีก ยิ่งทำให้ความสนใจของสายหนังพุ่งสูงสุด เพราะค่ายหนังเจ้านี้มักโปรดิวซ์หนังทางเลือกที่ไม่ซ้ำซากอยู่เสมอ และข่าวดีนี้ก็มาถึงเมืองไทย เมื่อมีการเผยออกมาว่า ค่ายหนังอารมณ์ดีอย่าง GDH ที่สร้างหนังไทยมามากมาย ขอต่อยอดธุรกิจใหม่ด้วยการนำหนังต่างประเทศที่น่าสนใจ เข้ามาฉายในโรงบ้านเรา โดย 'Past Lives' ถือเป็นหนังเรื่องแรกสำหรับโปรเจกต์นี้Past Lives คือโปรเจกต์ของ ซีลีน ซอง ผู้กำกับหญิงเชื้อสายเกาหลี-แคนาดา ที่หยิบเอาเรื่องราวที่ได้แรงบันดาลใจจากบางส่วนของชีวิตของเธอเองมาเป็นหนัง เช่นเดียวกับเธอ ตัวละครนางเอกของเรื่อง ก็เกิดที่กรุงโซล เกาหลีใต้ แต่เมื่อครอบครัวของเธอย้ายถิ่นฐานมายังแคนาดา ตอนเธออายุ 12 ปี ทำให้ชีวิตของเธอพลิกผัน โดยหนังเล่าถึง นอร่า (รับบทโดย เกรต้า ลี)สาวเกาหลีวัย 36 ที่ใช้ชีวิตกับสามี ในมหานครนิวยอร์ก หลังย้ายข้ามซีกโลกมาอยู่ที่อเมริกานานกว่า 20 ปี ไม่นานเธอได้รับการติดต่อจาก แฮซอง (รับบทโดย ยูแทโอ จากซีรีส์ Love To Hate You) เพื่อนสนิทในวัยเด็ก ที่ต้องห่างหายกันไป ว่าจะมาเยี่ยมเธอที่นิวยอร์ก และเมื่อทั้งสองได้เจอกัน ความรู้สึกผูกพันในวัยเด็กก็ได้ย้อนกลับมาอีกครั้ง แต่ทุกอย่างที่รู้สึกก็ไม่อาจแสดงออกมาได้ เพราะนอร่าไม่ใช่สาวโสดอีกต่อไป ความรู้สึกดีๆที่เคยมีให้กัน อาจจะเป็นไปไม่ได้ในชีวิตนี้โดยรวม Past Lives คือหนังที่เล่าเรื่องราวอย่างเรียบง่ายแต่กลับทำให้ผู้ชมรู้สึกซึมลึก หนังใช้เวลาในช่วงแรกในการปูรายละเอียดตัวละคร ก่อนที่ทั้งนอร่าและแฮซองจะแยกย้ายกันไป และเมื่อเวลาผ่านพ้นไป ชีวิตที่คาดหวังไว้กลับค่อยๆเปลี่ยนแปลง จนกระทั่งทั้งสองกลับมาเจอกันอีก ฉากต่างๆในหนัง ล้วนแต่เป็นฉากชีวิตธรรมดาๆที่เหมือนจะไม่มีอะไร ยิ่งฉากที่ทั้งสองกลับมาเจอกัน ยิ่งดูเหมือนชีวิตประจำวันทั่วไปมากๆ ไม่ว่าจะเป็นฉากกินข้าว ฉากจิบเครื่องดื่ม หรือการพาแฮซอง ไปทัวร์ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในนิวยอร์ก เหมือนนักท่องเที่ยว แต่ฉากเหล่านี้ลึกๆแล้ว กลับแอบซ่อนไปด้วยอารมณ์และความรู้สึกโหยหาที่ถูกกดทับเอาไว้ ความรู้สึกที่ตัวละครแสดงออกออกมาไม่ได้ด้วยข้อจำกัดต่างๆ ยิ่งทำให้ผู้ชมรู้สึกอึดอัด และเข้าใจความรู้สึกของตัวละครได้ดี หนังเก่งกาจมากๆ ที่ถ่ายทอดอารมณ์สุดซับซ้อนเหล่านี้ ออกมาให้รู้สึกได้มากๆถึงขนาดนี้นอกจากปมของตัวละครที่หนังค่อยๆพาผู้ชมไปสำรวจความรู้สึกของพวกเขาแล้ว อีกหนึ่งจุดเด่นสำคัญ คือการตัดสินใจต่างๆของคาแร็คเตอร์เหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นนอร่า แฮซอง หรือแม้แต่สามีของนอร่า ที่ทุกตัวละคร ดูเรียล ดูเป็นคนจริงๆมาก แต่ที่สำคัญหนังสามารถทำให้ผู้ชมเชื่อและเอาใจช่วยตัวละครเหล่านี้อย่างอดไม่ได้ นอกจากนี้ ตัวหนังเองยังเต็มไปด้วยองค์ประกอบที่ยอดเยี่ยมอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นจังหวะการเล่าที่ค่อนข้างพอเหมาะ ทำให้ผู้ชมค่อยๆซึมไปกับตัวละคร การถ่ายทอดบรรยากาศของนิวยอร์กที่แม้ว่าจะเป็นเมืองที่พลุกพล่าน แต่เมื่อถึงฉากของนอร่าและแฮซองแล้ว กลับว้าเหว่อย่างเหลือเชื่อ เหมือนคนรอบข้างถูกตัดออกไปหมด และการแสดงของทั้ง เกรต้า ลี และยูแทโอ ที่ถ่ายทอดความรู้สึกชวนอึดอันสุดซับซ้อนออกมา ยิ่งช่วงท้ายๆแสดงออกของทั้งคู่ ยิ่งทำให้ผู้ชมอินกับหนังเข้าไปใหญ่เชื่อว่าคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ได้ดู Past Lives น่าจะอินได้ไม่ยาก รวมถึงสามารถเชื่อมโยงกับตัวละครได้ในหลายแง่มุม เพราะนอกจากเรื่องราวของความรู้สึกที่เป็นไปไม่ได้แล้ว ยังมีแง่ของตัวละครที่ทั้งสองตัวละครนำเป็นคนเกาหลีใต้ ด้วยความเป็นเอเชียเหมือนกัน ก็จะมีหลากหลายมุมที่คล้ายกับพวกเรา รวมถึงประเด็นในแง่ของการย้ายถิ่นฐาน ซึ่งหลายคนแม้ว่าจะไม่ได้ถึงขั้นย้ายทวีปแบบตัวละครในหนัง แต่ก็มีการย้ายจากต่างจังหวัดเข้ามายังกรุงเทพฯ จากเมืองเล็กมาสู่เมืองใหญ่ และทำให้หลายมุมของชีวิตต้องเปลี่ยนไป Past Lives ก็มีแง่มุมเหล่านั้นที่เชื่อมโยงกับผู้ชมอยู่พอสมควร ลองชมกัน นี่คือหนังที่กวาดคำชมมากมายจากต่างประเทศ และเป็นโอกาสดีที่หนังเรื่องนี้จะเข้าฉายในบ้านเราชมตัวอย่าง Past Lives เข้าฉาย 6 กรกฎาคมนี้ในโรงภาพยนตร์ภาพ : GDH

[REVIEW] ‘Indiana Jones and the Dial of Destiny’ การผจญภัยครั้งสุดท้าย ได้ฟีลหนังสไตล์ยุค 80s | GOSSIP GUN

03 ก.ค. 2023

[REVIEW] ‘Indiana Jones and the Dial of Destiny’ การผจญภัยครั้งสุดท้าย ได้ฟีลหนังสไตล์ยุค 80s | GOSSIP GUN

ย้อนกลับไป Indiana Jones เคยได้รับการขนานนามว่า เป็นหนึ่งในหนังผจญภัยที่ยิ่งใหญ่สุดในฮอลลีวูด จากความสำเร็จของไตรภาคหลักในยุค 80s ที่เป็นการผนึกกำลังกันของสามยักษ์ใหญ่ในฮอลลีวูดอย่าง จอร์จ ลูคัส ผู้ให้กำเนิด Star Warsที่เป็นทั้งผู้สร้างและเจ้าของไอเดียหนังชุด Indiana Jones ซึ่งได้ดึงเอาเพื่อนสนิทอย่าง สตีเว่น สปีลเบิร์ก พ่อมดฮอลลีวูดมากำกับหนัง และมอบบทอินเดียน่า โจนส์ ให้กับ แฮร์ริสัน ฟอร์ด ที่กำลังมาแรงสุดๆในขณะนั้น จากบทฮาน โซโลในหนังระดับบล็อคบัสเตอร์อย่าง Star Wars ก่อนที่จะมีการกลับไปสร้างภาคต่ออีกครั้งในปี 2008 แต่กลับไม่ได้รับคำชมมากเท่า 3 ภาคแรก จนกระทั่งล่าสุด ดิสนีย์ ที่เพิ่งซื้อกิจการลูคัสฟิล์มมาไม่นาน ขอส่งท้ายตำนานอีกครั้งด้วยหนังภาคที่ 5 อย่าง 'Indiana Jones and the Dial of Destiny' โดย แฮร์ริสัน ฟอร์ด กลับมารับบทเป็นการส่งท้าย ด้าน สปีลเบิร์กและลูคัส กลับมานั่งตำแหน่งอำนวยการสร้าง และส่งต่อหน้าที่ผู้กำกับให้ เจมส์ แมนโกลด์ จาก The Wolverine และ Ford V Ferrariสำหรับ The Dial of Destiny พาผู้ชมย้อนกลับไปในปี 1969 ช่วงเวลา 12 ปีหลังจากภาคก่อน เมื่ออินเดียน่า โจนส์ เดินทางมาสู่วัยเกษียณ ชีวิตของเขาหมดความหมายอีกต่อไป เมื่อเขากำลังจะหย่าร้างกับภรรยาหลังสูญเสียลูกชายไปในสงคราม จนกระทั่งได้พบกับ เฮเลน่า (รับบทโดย ฟีบี้ วอลเลอร์ บริดจ์) ลูกสาวบุญธรรม ทายาทของเพื่อนสนิท ที่โผล่มาหาเขาเพราะต้องการรู้เรื่องราวของ สิ่งของโบราณอย่างหนึ่ง ซึ่งเชื่อกันว่าสามารถพาให้ผู้ครอบครองเดินทางย้อนเวลาได้ ซึ่งสมบัติชิ้นนี้ ก็เป็นที่หมายปองของ วอลเลอร์ (รับบทโดย แมดส์ มิคเคลเซ่น) อดีตนาซีศัตรูเก่าของอินเดียน่า ที่ปัจจุบันกลายเป็นหนึ่งในที่ปรึกษาของโครงการ NASA นำไปสู่การผจญภัยครั้งใหม่เพื่อตามหาสิ่งวิเศษชิ้นนี้ ก่อนที่มันจะตกอยู่ในมือผู้ประสงค์ร้ายIndiana Jones and the Dial of Destiny ถือเป็นหนังภาคส่งท้ายที่ค่อนข้างน่าพอใจ และได้บรรยากาศแบบเก่าๆกลับมาครบ เหมือนหนังพาผู้ชมย้อนเวลากลับไปสมัยปลายยุค 80s ถึงต้นยุค 90s อีกครั้ง เพราะถ้าไม่นับเรื่องของ CGI ที่มีพัฒนาการไปตามยุคสมัย Mood Tone ของหนังมีความคล้ายคลึงกับหนังยุคนั้น เหมือนหนังถูกสร้างและแช่แข็งเอาไว้ ก่อนที่จะนำออกมาฉายตอนนี้ ทำให้บรรยากาศแบบเดิมๆจากหนังไตรภาค กลับมาพอสมควร ใครที่คิดถึงหนังสไตล์นี้น่าจะพึงพอใจ เพราะแทบจะหาไม่ได้แล้วในยุคสมัยนี้ ในมุมหนึ่งมันก็ดูค่อนข้างจะโบราณไปบ้าง แต่ในมุมหนึ่งมันก็มีความ Old School เป็นความคลาสสิคที่นานๆกลับมาดู ก็เป็นรสชาติที่หลายคนคิดถึงองค์ประกอบต่างๆของหนังภาคนี้ ดูจะคล้ายคลึงกับภาคก่อนๆที่ผ่านมา ในด้านของเส้นเรื่องก็ไม่มีอะไรแปลกใหม่มากนัก เน้นเล่าการผจญภัยของอินเดียน่า โจนส์ ที่ต้องเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆตามลายแทงและหลักฐาน เพื่อตามหาสมบัติก่อนที่ตัวร้ายจะคว้าไป และระหว่างทางก็จะมีฉากแอ็กชันไล่ล่า ที่ก็จะเป็นไปตามเอกลักษณ์ของหนังสไตล์นี้ เนื่องด้วยพล็อตเรื่องจะเกิดขึ้นระหว่างช่วงปี 30s-60s ทำให้ฉากแอ็กชันส่วนใหญ่ก็จะเกิดขึ้นในป่า หรือตัวเมืองที่ค่อนข้างมีความโบราณ แต่การตัดต่อก็ทำออกมาได้ค่อนข้างเร้าอารมณ์ มีผสมกับอารมณ์ขันที่หนังมีอยู่เสมอ บวกกับเพลงธีมของ Indiana Jones ที่ทุกครั้งที่ใส่มา ยิ่งเพิ่มเอกลักษณ์ของหนังมาแบบเต็มๆสำหรับ แฮร์ริสัน ฟอร์ด ในวัย 80 ปี อาจจะไม่ได้กระฉับกระเฉงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่หนังก็ไม่ได้พยายามจะให้ตัวละครอินเดียน่า โจนส์ในภาคนี้ หนุ่มกว่าวัยแต่อย่างใด หนังได้ใส่คาแรคเตอร์ในแบบวัยเกษียณเข้าไปด้วย มีกลิ่นความเป็นมนุษย์ลุงเบาๆ และช่วงองก์ที่ 3 ของหนังสำหรับภาคนี้ ถือมีบทส่งท้ายสำหรับอินเดียน่า โจนส์ ได้อย่างน่าพอใจ หนังพาผู้ชมไปไกลกว่าที่คาดคิดพอสมควร ยิ่งสำหรับตัวละครที่เป็นนักโบราณคดี การที่หนังพาไปไกลขนาดนั้น ถือว่าไม่ธรรมดา (แต่ขออนุญาตไม่สปอยล์ตรงนี้ เพื่ออรรถรสของผู้ชม) เป็นการปิดฉากสำหรับแฟรนไชส์หนังผจญภัยสุดยิ่งใหญ่ได้อย่างน่าพึงพอใจ ใครที่เป็นแฟนหนังแนวล่าขุมทรัพย์ ตามหาสมบัติก็ไม่ควรพลาดกันชมตัวอย่าง Indiana Jones and the Dial of Destiny วันนี้ในโรงภาพยนตร์ภาพ : Walt Disney Studios Thailand

อังคาร คลุมโปง

อังคารคลุมโปง X แจ็ค The Ghost Radio [19 ก.ย. 2566]

19 ก.ย. 2023

อังคารคลุมโปง X แจ็ค The Ghost Radio [19 ก.ย. 2566]

พบกับ #อังคารคลุมโปงx ได้ทุกคืนวันอังคาร เวลา 20.00 - 22.00 น. Talk เรื่องลี้ลับ หลอน จนกรามค้าง! พร้อมชวนเซเลบคนดัง คลุมโปงด้วยกันที่ #EFM94 กับ #ดีเจมดดำ #ดีเจแนน #ดีเจเจ็ม #อังคารคลุมโปงXTheGhostRadio

อังคารคลุมโปง X Retrospect [12 ก.ย. 2566]

12 ก.ย. 2023

อังคารคลุมโปง X Retrospect [12 ก.ย. 2566]

พบกับ #อังคารคลุมโปงx ได้ทุกคืนวันอังคาร เวลา 20.00 - 22.00 น. Talk เรื่องลี้ลับ หลอน จนกรามค้าง! พร้อมชวนเซเลบคนดัง คลุมโปงด้วยกันที่ #EFM94 กับ #ดีเจมดดำ #ดีเจแนน #ดีเจเจ็ม #อังคารคลุมโปงXRetrospect

อังคารคลุมโปง X ขวัญ น้ำมันพราย [5 ก.ย. 2566]

05 ก.ย. 2023

อังคารคลุมโปง X ขวัญ น้ำมันพราย [5 ก.ย. 2566]

พบกับ #อังคารคลุมโปงx ได้ทุกคืนวันอังคาร เวลา 20.00 - 22.00 น. Talk เรื่องลี้ลับ หลอน จนกรามค้าง! พร้อมชวนเซเลบคนดัง คลุมโปงด้วยกันที่ #EFM94 กับ #ดีเจมดดำ #ดีเจแนน #ดีเจเจ็ม #อังคารคลุมโปงxBigShock

อังคารคลุมโปง X แจ็ค The Ghost Radio [29 ส.ค. 2566]

29 ส.ค. 2023

อังคารคลุมโปง X แจ็ค The Ghost Radio [29 ส.ค. 2566]

พบกับ #อังคารคลุมโปงx ได้ทุกคืนวันอังคาร เวลา 20.00 - 22.00 น. Talk เรื่องลี้ลับ หลอน จนกรามค้าง! พร้อมชวนเซเลบคนดัง คลุมโปงด้วยกันที่ #EFM94 กับ #ดีเจมดดำ #ดีเจแนน #ดีเจเจ็ม #อังคารคลุมโปงXTheGhostRadio

อังคารคลุมโปง X ต้า-สอง Paradox [22 ส.ค. 2566]

22 ส.ค. 2023

อังคารคลุมโปง X ต้า-สอง Paradox [22 ส.ค. 2566]

พบกับ #อังคารคลุมโปงx ได้ทุกคืนวันอังคาร เวลา 20.00 - 22.00 น. Talk เรื่องลี้ลับ หลอน จนกรามค้าง! พร้อมชวนเซเลบคนดัง คลุมโปงด้วยกันที่ #EFM94 กับ #ดีเจมดดำ #ดีเจแนน #ดีเจเจ็ม #อังคารคลุมโปงXParadox

พุธทอล์ค พุธโทร

พุธทอล์คพุธโทร [5 ก.ค. 66] "ดูคลิปกลิ้งขวดลงบันไดจนจบ อยากถามตัวเองจังเลยว่า..."

05 ก.ค. 2023

พุธทอล์คพุธโทร [5 ก.ค. 66] "ดูคลิปกลิ้งขวดลงบันไดจนจบ อยากถามตัวเองจังเลยว่า..."

พบกับ #พุธทอล์คพุธโทร ได้ทุกคืนวันพุธ เวลา 21.00 - 23.00 น. "ดูคลิปกลิ้งขวดลงบันไดจนจบ อยากถามตัวเองจังเลยว่า..."

พุธทอล์คพุธโทร [28 มิ.ย. 66] "มาอวดชื่อ กรุ๊ปไลน์ของตัวเองให้โลกสะดุ้งกันเลย"

28 มิ.ย. 2023

พุธทอล์คพุธโทร [28 มิ.ย. 66] "มาอวดชื่อ กรุ๊ปไลน์ของตัวเองให้โลกสะดุ้งกันเลย"

พบกับ #พุธทอล์คพุธโทร ได้ทุกคืนวันพุธ เวลา 21.00 - 23.00 น. "ดูคลิปกลิ้งขวดลงบันไดจนจบ อยากถามตัวเองจังเลยว่า..."

พุธทอล์คพุธโทร [21 มิ.ย. 66] "มาตั้งชื่อ-สกุลเตรียมทำบัตรประชาชนให้น้องหมา น้องแมว ของคุณกันดีกว่า"

21 มิ.ย. 2023

พุธทอล์คพุธโทร [21 มิ.ย. 66] "มาตั้งชื่อ-สกุลเตรียมทำบัตรประชาชนให้น้องหมา น้องแมว ของคุณกันดีกว่า"

พบกับ #พุธทอล์คพุธโทร ได้ทุกคืนวันพุธ เวลา 21.00 - 23.00 น. "ดูคลิปกลิ้งขวดลงบันไดจนจบ อยากถามตัวเองจังเลยว่า..."

พุธทอล์คพุธโทร [31 พ.ค. 66] "ถ้าคุณได้เป็นนางเงือก 1 วัน สิ่งแรกที่คุณอยากทำคือ..."

31 พ.ค. 2023

พุธทอล์คพุธโทร [31 พ.ค. 66] "ถ้าคุณได้เป็นนางเงือก 1 วัน สิ่งแรกที่คุณอยากทำคือ..."

พบกับ #พุธทอล์คพุธโทร ได้ทุกคืนวันพุธ เวลา 21.00 - 23.00 น. "ถ้าคุณได้เป็นนางเงือก 1 วัน สิ่งแรกที่คุณอยากทำคือ..."

ใต้โต๊ะทำงาน

ใต้โต๊ะทำงาน 2023 [23 ม.ค. 66] : อยากเลิกทำงานตอนอายุเท่าไหร่? | เผือก-โบ-อาร์ต

23 ม.ค. 2023

ใต้โต๊ะทำงาน 2023 [23 ม.ค. 66] : อยากเลิกทำงานตอนอายุเท่าไหร่? | เผือก-โบ-อาร์ต

ใต้โต๊ะทำงาน 2023 สัปดาห์นี้ จากผลสำรวจของ คุณแชมป์ ธีปกรณ์ นักเขียนชื่อดัง ถึงความคิดเห็นของคนทำงานว่า 'ถ้าไม่มีงานทำ คุณมีเงินเก็บที่จะอยู่ได้นานเท่าไหร่โดยไม่ทำงาน' จนกลายเป็นวาระการประชุมในสัปดาห์นี้ที่ว่าด้วยเรื่องของการวางแผน 'อยากเลิกทำงานตอนอายุเท่าไหร่?'

ใต้โต๊ะทำงาน 2023 [16 ม.ค. 66] : อาชีพครู 2023 | เผือก-โบ-อาร์ต

16 ม.ค. 2023

ใต้โต๊ะทำงาน 2023 [16 ม.ค. 66] : อาชีพครู 2023 | เผือก-โบ-อาร์ต

ใต้โต๊ะทำงาน 2023 [16 ม.ค. 66] เปิดวาระการประชุมว่าด้วย 'อาชีพครู 2023' ชวนคนทำงานมาแบ่งปันเรื่องราวและความทรงจำที่มีต่อคุณครู พร้อมรับสายพูดคุยกันสด

แฉข่าวเช้า

แฉข่าวเช้า 29 กันยายน 2566

29 ก.ย. 2023

แฉข่าวเช้า 29 กันยายน 2566

พบกับ #แฉข่าวเช้า ได้ทุกเช้าวันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 8.00 - 10.00 น. ทันทุกกระแส แฉทุกข่าว กับ 'แฉข่าวเช้า’ ที่นี่ #EFM94 ทอล์คอารมณ์ดี เพลงดีทุกแนว

แฉข่าวเช้า 28 กันยายน 2566

28 ก.ย. 2023

แฉข่าวเช้า 28 กันยายน 2566

พบกับ #แฉข่าวเช้า ได้ทุกเช้าวันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 8.00 - 10.00 น. ทันทุกกระแส แฉทุกข่าว กับ 'แฉข่าวเช้า’ ที่นี่ #EFM94 ทอล์คอารมณ์ดี เพลงดีทุกแนว

แฉข่าวเช้า 27 กันยายน 2566

27 ก.ย. 2023

แฉข่าวเช้า 27 กันยายน 2566

พบกับ #แฉข่าวเช้า ได้ทุกเช้าวันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 8.00 - 10.00 น. ทันทุกกระแส แฉทุกข่าว กับ 'แฉข่าวเช้า’ ที่นี่ #EFM94 ทอล์คอารมณ์ดี เพลงดีทุกแนว

แฉข่าวเช้า 26 กันยายน 2566

26 ก.ย. 2023

แฉข่าวเช้า 26 กันยายน 2566

พบกับ #แฉข่าวเช้า ได้ทุกเช้าวันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 8.00 - 10.00 น. ทันทุกกระแส แฉทุกข่าว กับ 'แฉข่าวเช้า’ ที่นี่ #EFM94 ทอล์คอารมณ์ดี เพลงดีทุกแนว ไม่อยากพลาดความสนุกแบบนี้ กด Subscribe รอกันเลยที่ Youtube AtimeOnline คลิก! / atimeonline แล้วคุณจะไม่พลาดกับทุกความสนุกของที่นี่

แฉข่าวเช้า 25 กันยายน 2566

25 ก.ย. 2023

แฉข่าวเช้า 25 กันยายน 2566

พบกับ #แฉข่าวเช้า ได้ทุกเช้าวันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 8.00 - 10.00 น. ทันทุกกระแส แฉทุกข่าว กับ 'แฉข่าวเช้า’ ที่นี่ #EFM94 ทอล์คอารมณ์ดี เพลงดีทุกแนว

แฉข่าวเช้า 22 กันยายน 2566

22 ก.ย. 2023

แฉข่าวเช้า 22 กันยายน 2566

พบกับ #แฉข่าวเช้า ได้ทุกเช้าวันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 8.00 - 10.00 น. ทันทุกกระแส แฉทุกข่าว กับ 'แฉข่าวเช้า’ ที่นี่ #EFM94 ทอล์คอารมณ์ดี เพลงดีทุกแนว

EFM Fandom Live

#EFMFandomlive คืนนี้พบกับ เฟริสท์ ฉลองรัฐ – [21 กันยายน 66]

21 ก.ย. 2023

#EFMFandomlive คืนนี้พบกับ เฟริสท์ ฉลองรัฐ – [21 กันยายน 66]

พบกับ #EFMFandomlive ได้ทุกคืนวันพฤหัสบดี เวลา 20.30 - 22.00 น. #EFMFandomlive รวม Game ฟินๆ ในรายการ EFM Fandom Live EFM FANDOM LIVE ด้อมไหนก็ฟินได้!! ช่วงเวลาที่จะพาคุณมาฟิน มาส่งต่อความรู้สึกดี ๆ ถึงศิลปิน เปิดอาณาจักรต้อนรับทุกด้อมที่ #EFM94 ฟินไปพร้อม กับสองดีเจสาวสวย #ดีเจดาว และ #ดีเจแนน

#EFMFandomlive คืนนี้พบกับ DAOU OFFROAD – [14 กันยายน 66]

14 ก.ย. 2023

#EFMFandomlive คืนนี้พบกับ DAOU OFFROAD – [14 กันยายน 66]

#EFMFandomlive คืนนี้พบกับ DAOU OFFROAD – [14 กันยายน 66] พบกับ #EFMFandomlive ได้ทุกคืนวันพฤหัสบดี เวลา 20.30 - 22.00 น. EFM FANDOM LIVE ด้อมไหนก็ฟินได้!! ช่วงเวลาที่จะพาคุณมาฟิน มาส่งต่อความรู้สึกดี ๆ ถึงศิลปิน เปิดอาณาจักรต้อนรับทุกด้อมที่ #EFM94 ฟินไปพร้อม กับสองดีเจสาวสวย #ดีเจดาว และ #ดีเจแนน

#EFMFandomlive คืนนี้พบกับ แจม-ฟิล์ม – [31 สิงหาคม 66]

31 ส.ค. 2023

#EFMFandomlive คืนนี้พบกับ แจม-ฟิล์ม – [31 สิงหาคม 66]

#EFMFandomlive คืนนี้พบกับ แจม-ฟิล์ม – [31 สิงหาคม 66] พบกับ #EFMFandomlive ได้ทุกคืนวันพฤหัสบดี เวลา 20.30 - 22.00 น. #EFMFandomlive รวม Game ฟินๆ ในรายการ EFM Fandom Live EFM FANDOM LIVE ด้อมไหนก็ฟินได้!! ช่วงเวลาที่จะพาคุณมาฟิน มาส่งต่อความรู้สึกดี ๆ ถึงศิลปิน เปิดอาณาจักรต้อนรับทุกด้อมที่ #EFM94 ฟินไปพร้อม กับสองดีเจสาวสวย #ดีเจดาว และ #ดีเจแนน

#EFMFandomlive คืนนี้พบกับ มาย-อาโป-บาส-ต๋อง – [24 สิงหาคม 66]

24 ส.ค. 2023

#EFMFandomlive คืนนี้พบกับ มาย-อาโป-บาส-ต๋อง – [24 สิงหาคม 66]

#EFMFandomlive คืนนี้พบกับ มาย-อาโป-บาส-ต๋อง – [24 สิงหาคม 66] พบกับ #EFMFandomlive ได้ทุกคืนวันพฤหัสบดี เวลา 20.30 - 22.00 น. #EFMFandomlive รวม Game ฟินๆ ในรายการ EFM Fandom Live EFM FANDOM LIVE ด้อมไหนก็ฟินได้!! ช่วงเวลาที่จะพาคุณมาฟิน มาส่งต่อความรู้สึกดี ๆ ถึงศิลปิน เปิดอาณาจักรต้อนรับทุกด้อมที่ #EFM94 ฟินไปพร้อม กับสองดีเจสาวสวย #ดีเจดาว และ #ดีเจแนน

#EFMFandomlive คืนนี้พบกับ บุ๋น-เปรม – [17 สิงหาคม 66]

17 ส.ค. 2023

#EFMFandomlive คืนนี้พบกับ บุ๋น-เปรม – [17 สิงหาคม 66]

#EFMFandomlive คืนนี้พบกับ บุ๋น-เปรม – [17 สิงหาคม 66] พบกับ #EFMFandomlive ได้ทุกคืนวันพฤหัสบดี เวลา 20.30 - 22.00 น. #EFMFandomlive รวม Game ฟินๆ ในรายการ EFM Fandom Live EFM FANDOM LIVE ด้อมไหนก็ฟินได้!! ช่วงเวลาที่จะพาคุณมาฟิน มาส่งต่อความรู้สึกดี ๆ ถึงศิลปิน เปิดอาณาจักรต้อนรับทุกด้อมที่ #EFM94 ฟินไปพร้อม กับสองดีเจสาวสวย #ดีเจดาว และ #ดีเจแนน

#EFMFandomlive คืนนี้พบกับ นุนิว – [10 สิงหาคม 66]

10 ส.ค. 2023

#EFMFandomlive คืนนี้พบกับ นุนิว – [10 สิงหาคม 66]

#EFMFandomlive คืนนี้พบกับ นุนิว – [10 สิงหาคม 66] พบกับ #EFMFandomlive ได้ทุกคืนวันพฤหัสบดี เวลา 20.30 - 22.00 น. #EFMFandomlive รวม Game ฟินๆ ในรายการ EFM Fandom Live EFM FANDOM LIVE ด้อมไหนก็ฟินได้!! ช่วงเวลาที่จะพาคุณมาฟิน มาส่งต่อความรู้สึกดี ๆ ถึงศิลปิน เปิดอาณาจักรต้อนรับทุกด้อมที่ #EFM94 ฟินไปพร้อม กับสองดีเจสาวสวย #ดีเจดาว และ #ดีเจแนน

EVENTS

EFM ON TOUR ยกความสนุก บุกมหาวิทยาลัย 2023!!

15 ส.ค. 2023

EFM ON TOUR ยกความสนุก บุกมหาวิทยาลัย 2023!!

เตรียมยกความสนุก บุกมหาวิทยาลัยกันอีกครั้งกับ EFM ON TOUR รุ่นพี่เตรียมร้อง รุ่นน้องเตรียมโยกเสาร์ที่ 29 กรกฎาคมนี้ มหาวิทยาลัย เกษตรศาตร์วง Mean และ วง WHAL DOLPHศุกร์ที่ 25 สิงหาคม มหาวิทยาลัย กรุงเทพ วิทยาเขต รังสิตThe Parkinson , Rooftop และ Slapkissศุกร์ที่ 22 กันยายน มหาวิทยาลัย รังสิตส้มมารี , Slot Machine และ FrenchWพร้อมกับดีเจ EFM ที่จะขนของรางวัลจากผู้สนับสนุนมาแจกกันเพียบตลอดทั้งงาน เตรียมตัวให้พร้อม นะน้องๆ

มหกรรมฟรีคอนเสิร์ต ปาร์ตี้ริมทะเล กับ EFM x CHILL ON THE BEACH ครั้งที่ 18

29 ก.ย. 2023

มหกรรมฟรีคอนเสิร์ต ปาร์ตี้ริมทะเล กับ EFM x CHILL ON THE BEACH ครั้งที่ 18

ว้าวุ่นมาทั้งปี มารับวิตามิน SEA กันป่ะล่ะ !!ปลายปีนี้... EFM94 และ Chill Online จะพาคุณไปมันส์อีกครั้งกับมหกรรมฟรีคอนเสิร์ต ปาร์ตี้ริมทะเลกับ EFM x CHILL ON THE BEACH ครั้งที่ 18 BY โซดา LEOมันส์ไปกับ 6 ศิลปิน ...NONT TANONT / PARADOX / MEAN / ROOFTOP / SLAPKISS / THE MOUSSESเตรียมแดนซ์ให้ยับกับ DJ PU บนเวที EDM สไตล์ EFM และ เหล่าดีเจจาก EFM94 และ CHILL ONLINEเสาร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2566 นี้ที่ หาดแหลมเจริญ จังหวัด ระยองห้ามนำเครื่องดื่มทุกชนิดเข้าภายในงาน ภายในงานมีเครื่องดื่มจำหน่ายเริ่มสะสมพ้อยได้แล้ววันนี้ ผ่านการฟัง Application ATIMEFUNGFIN !!1 นาที = 1 Point สะสมครบ 2,000 Point แลก Wristband ได้ 2 ใบ สามารถเข้างานได้ 2 คน(1 Account/1 สิทธิ์)ดาวน์โหลด Application : ATIME FUNGFIN รอไว้ได้เลย ทั้งระบบ IOS และ Androidกดรับบัตรพร้อมกัน 16 ตุลาคมนี้ !!ติดตามรายละเอียดเพิ่มได้ที่ EFM94 และ CHILL ONLINE

แผนผังงาน EFMxChillOnTheBeach17 สิบเจ็ดว่าดัด สุดจัดว่าเด็ด!!

16 พ.ย. 2022

แผนผังงาน EFMxChillOnTheBeach17 สิบเจ็ดว่าดัด สุดจัดว่าเด็ด!!

ปักหมุดเปิด Map ที่ "Ambassador City Jomtien Pattaya" หรือ Link :https://goo.gl/maps/4v5hirKdJxFSoQHZ71. จุดคัดกรอง (อยู่ระหว่าง ZONE B และ ZONE C)เริ่มตรวจตั้งแต่ 10:00 น.เป็นต้นไป โดยสิ่งที่จะต้องเตรียมมีดังนี้-บัตรประชาชนตัวจริง-ผลตรวจ atk (ไม่เกิน 48 ชม.) และผลวัคซีนจากแอปหมอพร้อม (ถ่ายรูปชุดตรวจที่ระบุวันที่ และเวลาตรวจที่เห็นชัดเจน พร้อมแนบบัตรประชาชน)-บัตรเข้างาน เพียงโชว์สิทธิ์จากหน้า Application Atime FungFin หรือหน้าคิวอาร์โค้ดเพื่อรับ Wristband เข้างาน (หมายเหตุ หากได้คิวอาร์โค้ดจากการ REDEEM 1 สิทธิ์เข้าได้ 2 คน แต่ถ้าหากได้บัตรจากการเล่นเกม 1 บัตรเข้าได้ 1 คน)เพื่อลดความหนาแน่นบริเวณหน้างาน ผู้ชมสามารถเข้ามาตรวจเพื่อรับ wristband ได้ตั้งแต่ 10:00 น.เป็นต้นไปปิดรับการลงทะเบียนหน้างานเวลา 19:00 น.หากผู้ร่วมงานไม่มีผลตรวจ ผู้จัดมีเตรียมจุดตรวจ ATK ไว้ให้ที่หน้างาน โดยมีค่าใช้จ่ายและบริการ คนละ 100 บาท เมื่อผลเป็นลบ จึงจะสามารถเข้าร่วมงานได้2. ZONE A คอนเสิร์ต ประตูเปิดตั้งแต่ 15:00 น.โชว์แรกเริ่มแสดง 17:00 น.3. ZONE B อาหารและเครื่องดื่มในงานมีอาหารของทางโรงแรม และ เครื่องดื่มจำหน่าย***ห้ามนำเครื่องดื่มเข้ามาในงาน แต่อาหารสามารถนำเข้ามาได้***4. ZONE C กิจกรรมเป็นโซนที่ทุกท่านสามารถมาร่วมสนุกกับบูทต่างๆ ของงาน EFMxChillOnTheBeach17รายละเอียดเพิ่มเติมที่ facebook.com/efmstationหรือ Link : atime.live/efm/events

PLEASE DO & DON’T ในงาน EFM x Chill On The Beach 17

16 พ.ย. 2022

PLEASE DO & DON’T ในงาน EFM x Chill On The Beach 17

สิ่งที่ไม่อนุญาตให้นำเข้างาน (ห้ามนำเข้ามาในงาน)1. ห้ามนำบุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่ทุกชนิดเข้าภายในงาน2. ห้ามนำอาวุธ ของมีคม วัตถุอันตราย และสารเสพติดทุกชนิดเข้าภายในงาน3. ห้ามนำเครื่องดื่มจากภายนอกเข้ามาภายในงาน4. ห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาภายในงาน5. ห้ามนำป้ายไฟขนาดใหญ่กว่า A4 เข้าภายในงาน6. ห้ามนำโดรนเข้ามาบินภายในบริเวณงาน7. ห้ามนำเก้าอี้สนาม และ ถังน้ำแข็งเข้าภายในงานสิ่งที่อนุญาตให้นำเข้างาน1. เสื่อ ขนาดไม่เกิน 1x1 เมตร2. กล้องถ่ายรูป

รายละเอียด สิ่งที่ต้องเตรียม ก่อนเข้างาน EFMxChillOnTheBeach17 สิบเจ็ดว่าดัด สุดจัดว่าเด็ด!!

16 พ.ย. 2022

รายละเอียด สิ่งที่ต้องเตรียม ก่อนเข้างาน EFMxChillOnTheBeach17 สิบเจ็ดว่าดัด สุดจัดว่าเด็ด!!

แคปชั่นนี้ ต้องอ่านนน!!มหกรรมฟรีคอนเสิร์ต ปาร์ตี้ริมทะเล ที่ใหญ่ที่สุดสนุกที่สุด มันส์ที่สุด ! EFMxChillOnTheBeach17 สิบเจ็ดว่าดัด สุดจัดว่าเด็ด!!เสาร์ที่ 19 พ.ย.นี้ เจอกันที่ Ambassador City Jomtien Pattayaปุกาศๆเปิดจุดตรวจบัตรประชาชนและเอกสารต่างๆ เพื่อรับ Wristband ตั้งแต่เวลา 10:00 น. เป็นต้นไปประตูงานจะเปิดให้เข้า ตั้งแต่เวลา 15:00 น. เป็นต้นไป*** เริ่มโชว์ 17:00 น.***ส่วนเวลา 1 ทุ่มตรง จะปิดรับการแลก Wristband สำหรับเข้างาน!

ประกาศรายชื่อผู้โชคดีจากกิจรรมตอบแบบสอบถาม Cassettte Festival 2

05 ต.ค. 2022

ประกาศรายชื่อผู้โชคดีจากกิจรรมตอบแบบสอบถาม Cassettte Festival 2

มาแล้ว!! รายชื่อผู้โชคดีที่เข้าร่วมกิจกรรมตอบแบบสอบถาม "Cassette Festival 2" รับบัตรคอนเสิร์ต "EFMxChill on the beach ครั้งที่ 17" รางวัลละ 2 ใบ เตรียมตัวไปฟิน ริมชายหาดกันได้เลย!ตรวจสอบรายชื่อผู้โชคดีได้ที่นี่ https://campaign.atime.live/onthebeach/notice*หมายเหตุ สำหรับผู้โชคดีให้นำบัตรประชาชน เพื่อยืนยันรับบัตรที่บูธหน้างานติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.atime.live/efm/events/2646 และช่องทาง Facebook EFM Staion และ Facebook AtimeOnlineแล้วมาพบกันที่งาน EFMxChill on the beach ครั้งที่ 17 ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2565 ที่ Ambassador City Jomtien Pattaya เตรียมตัวกรี๊ดแบบฟิน ๆ ริมชายหาด กันได้เลย!!

แฉโต๊ะหก

แฉโต๊ะหก : ทำไม ‘ผัดกระเพรา’ ถึงถูกใจนักชิมจนเป็นแชมป์เมนูผัด | 18 กันยายน 2566

18 ก.ย. 2023

แฉโต๊ะหก : ทำไม ‘ผัดกระเพรา’ ถึงถูกใจนักชิมจนเป็นแชมป์เมนูผัด | 18 กันยายน 2566

แฉโต๊ะหก เก็บมาเล่า เอามาแชร์ อัปเดตกระแส เทรนด์ฮิตโซเชียล เก็บมาเล่าเอามาแชร์ให้ฟังพร้อมกัน ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18.00 - 19.00 น.

แฉโต๊ะหก : เดินขึ้นบันไดวันละ 3 นาที มีประโยชน์กว่าที่คิด | 15 กันยายน 2566

15 ก.ย. 2023

แฉโต๊ะหก : เดินขึ้นบันไดวันละ 3 นาที มีประโยชน์กว่าที่คิด | 15 กันยายน 2566

แฉโต๊ะหก เก็บมาเล่า เอามาแชร์ อัปเดตกระแส เทรนด์ฮิตโซเชียล เก็บมาเล่าเอามาแชร์ให้ฟังพร้อมกัน ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18.00 - 19.00 น.

แฉโต๊ะหก : คุณทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปบ่อยแค่ไหน | 14 กันยายน 2566

14 ก.ย. 2023

แฉโต๊ะหก : คุณทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปบ่อยแค่ไหน | 14 กันยายน 2566

แฉโต๊ะหก เก็บมาเล่า เอามาแชร์ . อัปเดตกระแส เทรนด์ฮิตโซเชียล เก็บมาเล่าเอามาแชร์ให้ฟังพร้อมกัน ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18.00 - 19.00 น.

แฉโต๊ะหก : ชวนไขข้อสงสัย ทิชชู่รหัส 810 ไม่ปลอดภัยจริงเหรอ? | 13 กันยายน 2566

13 ก.ย. 2023

แฉโต๊ะหก : ชวนไขข้อสงสัย ทิชชู่รหัส 810 ไม่ปลอดภัยจริงเหรอ? | 13 กันยายน 2566

แฉโต๊ะหก เก็บมาเล่า เอามาแชร์ อัปเดตกระแส เทรนด์ฮิตโซเชียล เก็บมาเล่าเอามาแชร์ให้ฟังพร้อมกัน ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18.00 - 19.00 น.

แฉโต๊ะหก : มนุษย์นักปาด ทำรถติดหนัก ต้องโดนอะไรดีนะ | 12 กันยายน 2566

12 ก.ย. 2023

แฉโต๊ะหก : มนุษย์นักปาด ทำรถติดหนัก ต้องโดนอะไรดีนะ | 12 กันยายน 2566

แฉโต๊ะหก เก็บมาเล่า เอามาแชร์ อัปเดตกระแส เทรนด์ฮิตโซเชียล เก็บมาเล่าเอามาแชร์ให้ฟังพร้อมกัน ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18.00 - 19.00 น.

แฉโต๊ะหก : คิดว่าเพราะอะไร คนไทยชอบเสพข่าวบน TikTok | 11 กันยายน 2566

11 ก.ย. 2023

แฉโต๊ะหก : คิดว่าเพราะอะไร คนไทยชอบเสพข่าวบน TikTok | 11 กันยายน 2566

แฉโต๊ะหก เก็บมาเล่า เอามาแชร์ อัปเดตกระแส เทรนด์ฮิตโซเชียล เก็บมาเล่าเอามาแชร์ให้ฟังพร้อมกัน ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18.00 - 19.00 น.

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก ... สาวออฟฟิศหนักใจ ไปทำงาน แต่โดนจับผิดจาก ‘ภรรยาหัวหน้า’ เพราะภรรยาไปเห็นแชท ของหัวหน้าอีกคน ถ่ายรูปเราส่งไปแซวกับสามีตัวเอง หลังจากนั้นก็หึง หวง ไม่ให้คุยไลน์ส่วนตัว จับผิดผ่านกล้องวงจรปิด

19 ก.ย. 2023

คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก ... สาวออฟฟิศหนักใจ ไปทำงาน แต่โดนจับผิดจาก ‘ภรรยาหัวหน้า’ เพราะภรรยาไปเห็นแชท ของหัวหน้าอีกคน ถ่ายรูปเราส่งไปแซวกับสามีตัวเอง หลังจากนั้นก็หึง หวง ไม่ให้คุยไลน์ส่วนตัว จับผิดผ่านกล้องวงจรปิด

คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก ... สาวออฟฟิศหนักใจ ไปทำงานแต่โดนจับผิดจาก ‘ภรรยาหัวหน้า’ เพราะภรรยาไปเห็นแชทของหัวหน้าอีกคน ถ่ายรูปเราส่งไปแซวกับสามีตัวเองหลังจากนั้นก็หึง หวง ไม่ให้คุยไลน์ส่วนตัว จับผิดผ่านกล้องวงจรปิดทำงานด้วยลำบากมากตอนนี้ แต่ไม่อยากลาออก เพราะเงินเดือนดี “คุณเอ็ม (นามสมมติ)” อายุ 25 ปี สายสุดท้ายในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [13 ก.ย. 66] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจอ้อย เกี่ยวกับปัญหาโดนแฟนเจ้านายหึง โดย “คุณเอ็ม (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ต้องเกริ่นก่อนว่า หนูมาทำงานที่นี่ เพราะรู้จักกับเจ้านาย แต่หนูมีเจ้านาย 2 คน เป็นผู้ชายทั้งคู่ หนูขอแทนเจ้านายทั้ง 2 คนว่า คุณ A และคุณ B ส่วนตัวหนูรู้จักกับคุณ A มาก่อนเพราะเราเคยติดต่อเรื่องงานกัน บังเอิญช่วงก่อนหน้านี้ประมาณ 1 ปีหนูลาออกจากที่ทำงานเก่า แล้วคุณ A ก็ติดต่อมาพอดี และรู้ว่าหนูว่างงาน แกก็เลยชวนมาทำงานด้วย เพราะแกเปิดบริษัทใหม่ ทีนี้หนูก็ได้มารู้จักกับคุณ B ซึ่งเป็นหุ้นส่วนบริษัทอีกคนนึง ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้น หนูเพิ่งมาทราบก่อนที่จะขยายออฟฟิศใหม่ประมาณ 1 อาทิตย์ คุณ B เรียกหนูไปคุย เพราะภรรยาของเขาไม่โอเคกับหนู เหมือนเขาคิดว่าหนูกับคุณ B เป็นกิ๊กกัน เรื่องมันเริ่มต้นจากรูปถ่าย 1 รูปที่คุณ B แอบถ่ายหนู เหมือนเขาส่งไปให้เพื่อนดู ส่งไปแซวกันเล่นๆ ประมาณว่า วันนี้น้องแต่งตัวน่ารักนะ แล้วเพื่อนเขาก็ตอบกลับมาว่า น่ารักก็จีบสิ... ด้วยความที่เพื่อนตอบกลับมาแบบนั้น คุณ B ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไป เหมือนภรรยาเขามาเห็นแชทนั้นที่เขาคุยกับเพื่อน แล้วจุดเริ่มต้นที่เขาไม่โอเค คือที่คุณ B มาถ่ายรูปหนู ภรรยาเขาก็ถามว่าถ่ายรูปน้องเขาทำไม? แล้วกลายเป็นพาลว่าหนูกับคุณ B เป็นกิ๊กกัน ภรรยาเขาเฝ้าดูการกระทำของหนูตลอดเลยว่า หนูคุยกับสามีเขามั้ย? ซึ่งภรรยาเขาไม่ได้เข้ามาทำงานที่ออฟฟิศนี้ด้วย แต่เขาจะดูโทรศัพท์สามี และดูผ่านกล้องวงจรปิดผ่านโทรศัพท์คุณ B ตลอด บางทีหนูต้องออกไปทำงานข้างนอก โดยที่เขาก็ไม่รู้ว่าหนูออกไปไหน เจ้านายเขารู้อยู่แล้วว่าหนูไปทำอะไร แต่เขาก็มองว่าทำไมเราต้องออกไปก่อนเวลา ทำไมเราต้องอย่างงั้นอย่างงี้ ก็จะมีฟีดแบคกับการกระทำของหนูตลอด ซึ่งส่วนตัวหนูมีแต่เรื่องงาน ไม่ได้คิดอะไรกับเจ้านาย 100% เลย และหนูก็มีแฟนอยู่แล้วด้วย หลังจากที่ย้ายเข้าออฟฟิศใหม่ หนูเจอภรรยาคุณ B ครั้งแรก หนูก็ยกมือไหว้ปกติ แต่เขาไม่รับไหว้หนูแล้วมองด้วยหางตาแบบมองจิกเลย หนูก็ไม่ได้อะไร ทำงานของตัวเองปกติ แต่คุณ B ก็พยายามกันภรรยาเขาไม่ให้เข้ามายุ่งในออฟฟิศอยู่แล้ว และบ้านของคุณ B กับออฟฟิศอยู่ในระแวกเดียวกัน เรื่องที่หนูรับรู้มา หนูรู้มาจากคุณ A เพราะคุณ B เขาไปปรึกษาคุณ A แล้วคุณ A ก็มาเล่าให้หนูฟังว่าเรื่องมันเป็นแบบนี้ หนูต้องทำตัวยังไงบ้าง หนูไม่รู้สิ่งที่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่มันส่งผลกระทบ คือ มากระทบที่หนู ตัวหนูกลายเป็น แพะที่มารับเรื่องนี้ หนูทำงานเป็น Backoffice ซัพพอร์ตหลังบ้านทุกอย่าง ต้องติดต่องานโดยตรงกับเจ้านายทุกคนอยู่แล้ว ซึ่งในบริษัทก็มีแค่หนูคนเดียวที่ต้องทำงานตรงนั้น บางทีหนูก็ต้องติดต่องานกับคุณ B ซึ่งมันเป็นปัญหามาก หนูไม่สามารถโทรหาเขาได้ ไลน์ส่วนตัวก็ไม่ได้ บางทีเราโทรไป แกก็ไม่สามารถรับสายเราได้ มีเรื่องงาน เรื่องด่วน บางทีหนูก็คุยกับคุณ A ไม่ได้ ต้องคุยตรงกับคุณ B อย่างเดียว ซึ่งมันเป็นเรื่องของเขาโดยตรง มันทำให้ช่วงนั้นมันโหลด แบบโหลดมาก บางทีหนูเหนื่อยกับการทำงานอยู่แล้ว ยังต้องมาเจอเรื่องพวกนี้อีก หนูไม่ได้เป็นแบบที่เขาคิดเลย แต่ทำไมมาทำให้หนูรู้สึกแบบนั้นด้วย แต่หนูชอบทำงานที่นี่ รู้สึกเจ้านายเขาแฟร์ดี และเหมือนเขาทำงานกันจริงๆ ตอนนี้เหมือนคุณ B เขาจัดการแบบเด็ดขาดไม่ได้ เหมือนเขาก็มีปัญหาหลังบ้านอยู่ หนูอยากรู้ว่าถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับพวกพี่ จะมีวิธีจัดการกันยังไงเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ทำไมอาจารย์ชอบปล่อยเลทคะ? นักศึกษาโทรถามในรายการ เวลาไปเรียน... หมดเวลาแล้ว แต่อาจารย์ไม่ปล่อยสักที กินเวลาวิชาอื่นไป 10 – 15 นาที ไปเรียนอีกตึกแทบไม่ทัน ที่เพื่อนๆไม่กล้าบอกก็เพราะ อาจารย์คนนี้ ‘ดุ’ มากซะด้วย

12 ก.ย. 2023

ทำไมอาจารย์ชอบปล่อยเลทคะ? นักศึกษาโทรถามในรายการ เวลาไปเรียน... หมดเวลาแล้ว แต่อาจารย์ไม่ปล่อยสักที กินเวลาวิชาอื่นไป 10 – 15 นาที ไปเรียนอีกตึกแทบไม่ทัน ที่เพื่อนๆไม่กล้าบอกก็เพราะ อาจารย์คนนี้ ‘ดุ’ มากซะด้วย

ทำไมอาจารย์ชอบปล่อยเลทคะ? นักศึกษาโทรถามในรายการเวลาไปเรียน... หมดเวลาแล้ว แต่อาจารย์ไม่ปล่อยสักทีกินเวลาวิชาอื่นไป 10 – 15 นาที ไปเรียนอีกตึกแทบไม่ทันที่เพื่อนๆไม่กล้าบอกก็เพราะ อาจารย์คนนี้ ‘ดุ’ มากซะด้วยอยากได้วิธีการจากทุกคนว่าควรทำยังไงดี ถ้าเจอแบบนี้?? “คุณนิ (นามสมมุติ)” สายสุดท้ายของรายการ “พุธทอล์ค พุธโทร” เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [6 ก.ย.66] ได้โทรเข้ามาปรึกษาพี่ๆดีเจ ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล - ดีเจเผือก เกี่ยวกับปัญหาอยากรู้ว่าทำไมอาจารย์ชอบปล่อยเลท โดย “คุณนิ (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘ที่มหาวิทยาลัยจะให้เรียนคาบละ 50 นาที แล้วก็จะมีให้เดินทาง 10 นาที เพื่อที่จะไปเรียนวิชาใหม่ แต่จะมีอาจารย์คนหนึ่งก็คือสอนครบ 60 นาทีเลย แล้วตัวอาจารย์เขาก็เป็นคนที่ค่อนข้างที่จะดุมาก อาจารย์เขาก็จะเข้าสอนก่อนเวลา ที่เขาปล่อยช้าบางทีก็ชอบเม้าท์ บางทีก็สอนบ้าง มันก็จะมีบางทีที่เขาสอนไม่ทันค่ะ หรือบางทีเขาก็สอนเสร็จเเล้วแต่ก็พูดเรื่องอื่นต่อ วิชานี้เป็นวิชาที่สาขาวิชาที่จะต้องเจอตลอด ๆ เลยเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย... สาวออฟฟิศอึดอัดใจ เพื่อนร่วมงานนับสิบ ทำตัวแปลกๆ ชอบ ‘จับจิ้น’ ให้คนนี้คู่กับคนนู้น คนนู้นคู่กับคนนี้ โดยไม่สนเลยว่า ‘ทั้งคู่ก็ต่างคนต่างมีครอบครัวแล้ว’ ชงไปมา สุดท้ายลงเอยด้วยการนอกใจ แอบคบกัน

11 ก.ย. 2023

ไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย... สาวออฟฟิศอึดอัดใจ เพื่อนร่วมงานนับสิบ ทำตัวแปลกๆ ชอบ ‘จับจิ้น’ ให้คนนี้คู่กับคนนู้น คนนู้นคู่กับคนนี้ โดยไม่สนเลยว่า ‘ทั้งคู่ก็ต่างคนต่างมีครอบครัวแล้ว’ ชงไปมา สุดท้ายลงเอยด้วยการนอกใจ แอบคบกัน

ไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย... สาวออฟฟิศอึดอัดใจ เพื่อนร่วมงานนับสิบทำตัวแปลกๆ ชอบ ‘จับจิ้น’ ให้คนนี้คู่กับคนนู้น คนนู้นคู่กับคนนี้โดยไม่สนเลยว่า ‘ทั้งคู่ก็ต่างคนต่างมีครอบครัวแล้ว’ ชงไปมาสุดท้ายลงเอยด้วยการนอกใจ แอบคบกัน พอเราเห็นแบบนี้แล้วอึดอัดรู้ว่าเป็นคนนอก แต่จะมองข้ามเรื่องนี้ยังไงดี? เพราะต้องทำงานร่วมกัน “คุณเตย (นามสมมุติ)” อายุ 30 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (6 ก.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก -ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอมกับปัญหาที่ทำงานชอบจับคู่จิ้นให้คนอื่น โดย “คุณเตย (นามสมมุติ)” เริ่มเล่าว่า ‘ตอนนี้เป็นพนักงานบริษัท แล้วต้องย้ายสาขาไปอยู่อีกที่สาขานึง พอเราย้ายเข้าไปก็เจอวัฒนธรรมการจับคู่จิ้น แซว ชง โดยที่คนแซวก็ไม่ได้สนว่าคนที่จับคู่ เค้าจะแต่งงานแล้ว มีครอบครัว หรือแบบว่ามีแฟนอยู่แล้ว อย่างล่าสุด มีน้องผู้ชายคนนึงเพิ่งเข้ามาใหม่ คนในบริษัทก็ถามน้องผู้ชายว่า ‘น้องผู้หญิงคนนี้น่ารักไหม? ถ้าน่ารักก็จีบสิ’ แต่คนในบริษัทก็รู้ว่าน้องทั้ง 2 คนต่างก็มีแฟนกันอยู่แล้ว และไม่ได้เป็นคนเดียวที่ชอบชง ชอบแซว แต่เป็นกันทั้งแผนก ส่วนน้องที่ถูกชงตอนแรก ๆ ก็ปฏิเสธ ‘พี่ก็อย่าแซวสิ’ สุดท้ายไม่รู้ว่าไปชงกันถูกมุมหรืออะไรยังไง จนน้องทั้งคู่ลงเอยด้วยการนอกใจแฟนของตัวเอง มามีความสัมพันธ์กันจริง แต่เราเองก็ไม่รู้ว่าคนที่ชงรู้สึกยังไงกัน รู้แต่ว่าตอนนี้สถานการณ์พวกเค้าก็เฮฮา ยังชง ยังแซวกันอยู่เรื่อย ๆ เราก็ไม่ได้ไปสุงสิงอะไรกับพวกเค้า แต่เวลาทำงานมันต้องอยู่ในห้องเดียวกัน ก็จะมีพวกคำทะลึ่ง คำส่อเสียดที่แบบว่า พูดกันไปไม่คิดถึงจิตใจแฟนของคนที่โดนแซว โดนจิ้นบ้างเลย คือในสถานการณ์นี้เรารู้ว่าเราเป็นคนนอก แต่เราก็มีความรู้สึกที่ควรจะให้เกียรติถึงแม้จะเป็นคนไม่รู้จักกันก็ตาม อยากจะได้คำแนะนำว่าเราจะมองข้ามเรื่องนี้ยังไง คือเราต้องทำงานในห้องเดียวกับพวกเค้า ทุกวันนี้พยายามแล้วที่จะช่างมัน คิดว่าเรามาทำงานหาเงิน แต่มันก็อึดอัดที่ต้องอยู่ท่ามกลางคนพวกนี้…. งานนี้ “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘มันอยู่ที่ความอึดอัดนั้นมันทำให้เรายังมีแรงลุกไปทำงานหรือเปล่า? คือเรื่องพวกนี้มันส่งผลกระทบต่อจิตใจแต่ละคนไม่เท่ากันนะ บางทีคนนึงฟังอาจจะรู้สึกก็ช่างมันดิ ใครมันจะบิ้ว จะปีนต้นงิ้วก็ไปเถอะ เราก็ก้มหน้าก้มตาทำงาน หาหูฟังสักอัน ฟังเพลงไป บางคนอาจจะรู้สึกแค่นั้นก็พอแล้ว แต่กับเตยอาจจะรู้สึกว่า คำพูดคำจาที่บิ้วกันมา ไม่ได้แคร์ศีลธรรมเลย มันทำให้เตยอึดอัดถึงขนาดที่ว่าไม่มีสมาธิทำงานเลยหรือเปล่า หรือกระทบอะไรขนาดไหน อันนี้เตยก็ต้องตอบตัวเองก่อน ถ้าถึงขั้นทำให้อึดอัดแล้วก็ไม่มีความสุขเลย กับการที่ต้องไปนั่งในแผนกนั้นก็หางานใหม่ สุดท้ายแล้วเราไม่ได้ศีลเสมอหรือมีภูมิต้านทานเรื่องตรงนี้ไม่พอ หรือถ้าเรื่องเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับชีวิตเรา ก็รู้สึกว่าช่างเค้า ใครจะดีจะชั่วก็ดูไว้ แล้วเราก็อย่าไปเป็นแบบคนพวกนั้น หน้าที่ของการไปทำงาน พื้นฐานก็คือ การไปทำงาน หารายได้เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง อันดับที่สองก็คือการเข้าสังคม ซึ่งถ้าสังคมนั้นมันไม่ใช่สังคมที่เราอยากจะไปเข้า เราก็จงหาแต่เงินแล้วก็กลับบ้าน’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘สำหรับพี่ หนึ่งอดทน สองหางานใหม่ อะไรง่ายกว่ากันก็เลือกอันนั้นเลย ถ้ารู้สึกหางานใหม่ยาก แล้วหางานใหม่มีโอกาสที่จะเจอคนไม่ชอบด้วยนะ พี่ยังรู้สึกว่าเคสนี้ยังเบานะ เคสอื่นๆ คือกระทบเข้ามาสู่ตัวเองเลย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ได้กระทบเตย เค้าแค่เป็นคนอีกประเภทที่เตยไม่ชอบ วิธีการยังพอใส่หูฟังได้ แล้วก็คนเราเจอคนร้อยพ่อพันแม่ตลอด ที่เข้ามาแล้วทำอะไรไม่ถูกใจเรา มันคือความแตกต่าง ซึ่งการที่เราไม่ชอบ เราสามารถละได้โดยการช่างมัน สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ชีวิตใครชีวิตมัน ส่วนคู่นั้นที่นอกใจแฟน เดี๋ยวชีวิตมันพังเอง ชีวิตรักที่มันไม่ซื่อสัตย์โอกาสที่จะได้รักที่ดีมันยากอยู่แล้ว มันคือชีวิตเขา แค่เขาไม่มายุ่งกับเราคือพอแล้ว ต่อให้ลาออกไป ก็ตอบไม่ได้ว่าเราจะเจอใครที่ไม่ชอบอีก ฉะนั้นสิ่งที่ฝึกเราได้ก็คือ พวกนี้ยังเบา ช่างมัน ปล่อยวาง อยู่ห่างๆ ไม่ชอบก็คือไม่คบ คุยได้แต่ไม่คบ ไม่ต้องถึงขั้นไม่คุย โกรธเขา เพราะจะทำให้เราเครียดแทน’ ปิดจบกันที่ “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่เพิ่งไปอ่านหลักที่จะทำให้ชีวิตมีความสุขแบบง่าย ๆ เค้าบอกถ้าเจอเหตุการณ์ที่ไม่ถูกใจ หนึ่งเปลี่ยนเค้า เปลี่ยนสิ่งที่เราไม่ถูกใจ ซึ่งในกรณีนี้เตยเปลี่ยนเค้าได้ไหม? ก็ไม่ได้เพราะเราไม่สามารถไปบอกเค้าได้ว่า “พี่คะรณรงค์อย่าพูดเรื่องที่ทำให้ทุกคนผิดศีลธรรม น้องเค้ามีแฟนอยู่แล้วทำแบบนี้ไม่ดี” เราพูดไม่ได้ แต่กรณีนี้เราทำได้คือ ปรับตัวเอง เตยต้องช่างมัน แต่พี่เข้าใจนะแง่ศีลธรรม แต่ถ้ามันยังไม่ได้มาลุกลามพื้นที่สิทธิของเรา ลองพิจารณาพวกเค้าเป็นบัว 4 เหล่าไปเลย มันต้องมีคนที่ไม่รู้อยู่แล้ว ลองพิจารณาว่าคนเรามันก็แค่นี้ เราก็อย่าไปทำเหมือนเค้า เราดูเป็นเยี่ยงอย่าง ถ้าเป็นเราจะไม่ทำแบบนี้ แต่ถ้าสุดท้ายยังทนไม่ไหว มันก็ยังมีข้อสุดท้ายคือ เดินออกมา แค่นี้ชีวิตจะมีความสุขได้ง่ายขึ้นเมื่อเจอปัญหา….’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

คนกลางลำบากใจที่สุด... ลูกสาวโทรปรึกษา 3 ดีเจในรายการ คุณพ่อจับได้ว่า คุณแม่คุยกับเพื่อนสนิทผู้หญิงคนหนึ่งในเชิงชู้สาว สุดท้ายแม่ยอมรับว่าทั้งคู่ “ต่างคนต่างรู้สึก” เหมือนกัน และต่างคนก็ต่างมีสามีกันอยู่แล้ว พีคสุด! สามีฝั่งนู้นก็รับรู้และรับได้

08 ก.ย. 2023

คนกลางลำบากใจที่สุด... ลูกสาวโทรปรึกษา 3 ดีเจในรายการ คุณพ่อจับได้ว่า คุณแม่คุยกับเพื่อนสนิทผู้หญิงคนหนึ่งในเชิงชู้สาว สุดท้ายแม่ยอมรับว่าทั้งคู่ “ต่างคนต่างรู้สึก” เหมือนกัน และต่างคนก็ต่างมีสามีกันอยู่แล้ว พีคสุด! สามีฝั่งนู้นก็รับรู้และรับได้

คนกลางลำบากใจที่สุด... ลูกสาวโทรปรึกษา 3 ดีเจในรายการคุณพ่อจับได้ว่า คุณแม่คุยกับเพื่อนสนิทผู้หญิงคนหนึ่งในเชิงชู้สาวสุดท้ายแม่ยอมรับว่าทั้งคู่ “ต่างคนต่างรู้สึก” เหมือนกันและต่างคนก็ต่างมีสามีกันอยู่แล้ว พีคสุด! สามีฝั่งนู้นก็รับรู้และรับได้ตอนนี้พ่อเสียใจมาก อยากจะออกจากบ้าน แต่ไม่รู้จะไปนอนที่ไหน... “คุณกิ๊ฟ (นามสมมุติ)” อายุ 27 ปี สายแรกในรายการ “พุธทอล์ค พุธโทร” เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [6 ก.ย. 66] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาเรื่องแม่ไปมีความสัมพันธ์กับเพื่อนที่เป็นผู้หญิง โดย “คุณกิ๊ฟ (นามสมมุติ)” เล่าว่า ‘เมื่อก่อนพ่อกับแม่เคยอยู่ที่กรุงเทพฯ แล้วก็ 3 ปีที่ผ่านมา กลับไปอยู่ที่ต่างจังหวัด ไปปลูกบ้านใกล้ๆกับบ้านของตา จะได้ดูเเลตากับยาย ในช่วงแรกแม่เขาก็รู้สึกนอยด์ๆ เพราะตอนที่เขาอยู่กรุงเทพฯ เขาเคยมีรายได้ รู้สึกมีประโยชน์ แต่พอมาอยู่ที่นี่เขาไม่มีรายได้ แล้วเขาก็เหงา ซึ่งพ่อของหนูก็หางานที่ใกล้ๆบ้านเเล้วก็ได้งาน โดยเงินที่ใช้ในแต่ละเดือนก็จะมาจากเงินเดือนของพ่อ เมื่อช่วงประมาณต้นปีที่ผ่านมา ก็มีเพื่อนของเเม่ที่เป็นผู้หญิง ไม่ได้คุยกันมาประมาณ 10 ปีเเล้ว เขาเหมือนตั้งใจจะมาที่บ้านตา เพื่อจะมาขอที่อยู่ของเเม่ที่กรุงเทพฯ เพราะคิดว่าเเม่ยังอยู่ที่กรุงเทพฯ หลังจากนั้นแม่กับเพื่อนของแม่ก็ได้เจอกันพอดี เหมือนเขาก็ปรับความเข้าใจ กลับมาคุยกันเป็นเพื่อนกัน สำหรับครอบครัวฝั่งเพื่อนของแม่ เหมือนครอบครัวเขาจะมีปัญหาหลายเรื่อง เขาก็เลยจะมาหาเเม่อาทิตย์ละครั้ง มานั่งคุย ปรึกษา ทำอะไรกินด้วยกัน เเล้วเวลาเขามา เขาก็จะคอยใส่ใจ ซื้อของกินมาให้ตลอด จนเมื่อช่วงประมาณต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แม่ก็ไปสารภาพกับเพื่อนว่าแม่รู้สึกกับเพื่อนคนนี้เกินเพื่อนไปแล้ว แล้วเพื่อนเเม่ก็ตอบกลับมาว่าก็รู้สึกเหมือนกัน เเต่ทางนั้นเขาก็มีสามี มีลูก ลูกอายุเท่าๆกับหนูเลย หลังจากนั้นเหมือนพ่อเริ่มสังเกตอาการได้ พ่อก็เลยแอบไปดูในไลน์ เขาก็เห็นว่าคุยกัน ใช้คำหวานๆ คลั่งรัก จากที่พ่อแคปแชทมาให้ดู เขาคุยเหมือนเป็นแฟนกัน พ่อรับไม่ได้ พ่อกับแม่ก็เลยทะเลาะกัน ทำให้พ่อต้องออกจากบ้านไป เเล้วเขาก็กลับมาคุยกัน พ่อก็ขอให้แม่หยุดได้ไหม? แล้วก็ให้กลับมาเป็นครอบครัวกันเหมือนเดิม แต่แม่บอกว่า เขาไม่ได้รู้สึกกับพ่อแบบนั้นแล้ว เขารู้สึกว่าที่ผ่านมาเหมือนพ่อละเลยเขา ไม่ค่อยสนใจเขา เวลาอยากจะไปไหนก็ไม่ไป จนมาวันนี้เขาก็ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเเล้ว แต่เขาก็ไม่ได้อยากจะไล่พ่อออกไปนะ แต่ถ้าจะอยู่ก็อยู่เป็นเพื่อนกัน แต่พ่อก็รับไม่ได้ พ่อรู้สึกว่าอยากให้แม่รักพ่อเหมือนเดิม เหมือนเมื่อก่อน ไม่ใช่ไปรักคนอื่น พอเป็นคนกลางก็คือฟังจากทางเเม่ด้วย บางทีในมุมเเม่เขาก็จะรู้สึกว่า ฉันก็ถูกละเลยมาหลายปีเเล้ว ในมุมพ่อ แม่ไม่เคยพูดเขาก็ไม่รู้ เขารู้สึกว่าอันนี้ก็คือปกติที่เคยทำ แต่ก่อนก็ไม่เคยเห็นเป็นอะไร ก็เลยไม่รู้ว่าจะต้องรักษาความรู้สึกทั้งพ่อกับแม่เราควรจะทำยังไงดี? เพราะเเม่ก็ไม่ได้อยากจะเลิกกับพ่อ เพื่อที่จะไปอยู่กับเพื่อนสองคน จริงๆพ่อก็อยากออกไป แต่ก็ไม่รู้จะไปไหน ก็เลยเป็นห่วงพ่อว่าจะไปอยู่ที่ไหน หนูเคยคุยกับเเม่ว่าไม่เอาได้ไหม? แม่ก็พูดมาคำหนึ่งว่า มันคือความสุขของเขา เเค่เหมือนได้คุยก็มีความสุขเเล้ว จากที่ถามเเม่มา ครอบครัวทางฝั่งนู้น เขารู้เเล้วเขาก็รับได้ มีเเต่พ่อที่รับไม่ได้ แม่เขาก็บอกว่าเหมือนเป็นเพื่อนคนนึงที่สบายใจของเขา เข้าใจเขา... หนูก็เลยอยากปรึกษาพี่ๆดีเจว่า ทำยังไง จะไม่ให้พ่อกับเเม่เสียใจดี? งานนี้ “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คนที่ดูน่าสงสารที่สุดคือ คุณพ่อ คนที่จะได้รับการเยียวยาคนแรกจากกิ๊ฟก็คือคุณพ่อ คนอยู่ด้วยกันเป็น 20 - 30 ปี คำว่าละเลยกับการทำทุกอย่างเป็นปกติ มันมีเส้นบางๆ ถ้ายังรักกันอยู่ ก็มองว่ามันเป็นปกติ มันไม่เคยเป็นเรื่อง เเต่พอวันหนึ่งไม่ได้รักกันเเล้ว มันก็กลายเป็นเรื่องละเลย มันก็แอบไม่เเฟร์กับคุณพ่อเหมือนกัน ส่วนวิธีเยียวยาคุณพ่อ กิ๊ฟก็ชวนพ่อคุยทำนู้นนี่ แล้วค่อยๆแอบถามพ่อมีอะไรจะคุยหรือเปล่า? หลังจากนั้นก็ค่อยว่ากัน คือดูแลให้เขามีเพื่อน และฝั่งคุณเเม่ก็ทำไรมากไม่ได้ ทำได้เเค่เตือนว่าสิ่งที่เเม่มองว่าเป็นเรื่องเล็ก เป็นเพื่อนกัน เป็นความสุข กิ๊ฟอยากให้เเม่ระวังว่า ผลกระทบของความสุขของเเม่เนี่ยมันทำให้คนรอบข้างเป็นทุกข์หรือเปล่า มันก็ทำได้เเค่เตือน ทางด้าน “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘คนที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็น่าจะเป็นคุณพ่อ เป็นการนอกใจที่ชอบผู้หญิงเหมือนกันอีก ซึ่งก่อนหน้าก็ไม่น่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น เพราะว่าเขาเป็นภรรยาของคุณพ่อมานานมากแล้ว พี่จะไม่บีบบังคับให้พ่อยอมรับ เพราะตอนนี้เเม่คุณกิ๊ฟต้องการแบบนั้น ซึ่งพี่รู้สึกว่ามันไม่แฟร์ ถ้าสถานการณ์กลับกันไม่ว่าจะฝั่งไหน มันก็ยอมรับไม่ได้เลย มันเห็นแก่ตัวไปนิดนึง พี่ก็คงบอกว่าถ้าพ่อไม่ไหว พ่อมีสิทธิ์ที่จะไปนะ มันเศร้าตรงที่พอรู้ว่า ภรรยาตัวเองมีคนอื่นเเล้ว เเต่ตัวเองยังอยู่ในพื้นที่บ้านตาบ้านยาย ณ ตอนนี้พี่คิดว่าเเม่จะอยู่บ้านคนเดียวได้อย่างมีความสุข ส่วนฝั่งคุณเเม่ ถ้าตอนนี้คุณแม่ค้นพบว่าฉันชอบเพศเดียวกัน พี่ก็จะตามใจเขา แต่ที่เเม่บอกพ่อละเลย ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง อาจจะเป็นคำอ้างก็ได้ แต่ถ้าเป็นจริงพี่ก็คงพูดกับเเม่ว่า ลองให้โอกาสพ่อไหม เพราะเขาไม่เคยพูดกับพ่อเลย ตอนนี้มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เราเป็นลูก เราก็ทำได้เเค่ใครที่เสียใจเราก็ให้กำลังใจ เป็นเรื่องที่เขามีสิทธิ์ที่เขาจะทำได้ เลือกทางเดินชีวิตตัวเองเเล้ว สุดท้าย...เขาเลือกเเล้ว ถ้าเขามีความสุขกับทางที่เขาเลือกจริงๆ พี่ก็โอเคกับทั้งสองฝ่าย สำหรับพี่เขาก็คือพ่อเเละเเม่ที่พี่ก็ยังรักอยู่ดี และ “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘สิ่งที่ทำ มันก็คือการนอกใจ ส่วนบ้านนู้นก็ถามเลยว่า เขารับได้จริงๆใช่ไหมที่เขาคบกัน ถ้ารับได้จริงๆ ทางนี้ก็จะได้เปิดทางให้ที่รับได้นี่ทางนู้นอาจจะรู้เเค่ว่าเป็นเเค่เพื่อนหรือเปล่า ไม่ได้คลั่งรักขนาดนี้ ถ้าบ้านเขารับได้จริงๆเราทำได้เเค่ปล่อยอย่างเดียวเลย เราต้องมาฮีลใจคุณพ่อ แล้วก็คุยกับเเม่ ถ้าเเม่พูดว่านี่ คือความสุขของเเม่ เราก็บอกแม่ไปเลยว่า มันเป็นความสุขที่ได้มาโดยไม่ถูกต้อง ความสุขเเบบนี้มันเรียกเห็นแก่ตัว แล้วเราก็หันมาทางพ่อ การที่อยู่กับคนที่ไม่ได้รักเรามันเจ็บกว่าการที่จบเเล้วเดินออกไปมากกว่า สิ่งที่เยียวยาพ่อได้ดีที่สุดก็คือลูก เพราะตอนนี้ดูแล้วแม่กู้ไม่กลับเเล้ว เพราะฉะนั้นต้องดูเเลพ่อให้รู้สึกว่าอย่างน้อยลูกคือความหวังของพ่อ ให้กำลังใจพ่อ ถ้าพ่อคิดว่าตอนนี้พ่อทนได้ พ่ออยู่ไปก่อน แต่บอกล่วงหน้าเลย สิ่งที่พ่อทำอยู่มันเสียเวลา เเต่ถ้าพ่อรู้สึกว่าพอแล้ว พ่อปิดประตูบานนี้เเล้วเดินออกมา ให้ทางเลือกกับเขา บอกเขาว่าเราเข้าใจเขา... สุดท้ายนี้...พี่ๆดีเจก็เข้าใจคุณกิ๊ฟ ขอเป็นกำลังใจให้กับคุณกิ๊ฟ ขอให้เรื่องราวผ่านไปได้ด้วยดีเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หรือเราต้องเป็นฝ่ายยอม? สาวโทรปรึกษา 3 ดีเจในรายการ คบกับแฟนชาวอินเดียได้ 6 เดือน แฟนมาบอกว่า “ต้องกลับบ้านไปแต่งงาน” เป็นวัฒนธรรม ประเพณีที่บ้านเขาทำมานานแล้ว ขอกลับไปอยู่ 3 เดือน จะต่อวีซ่าแล้วกลับมาอยู่ด้วยกันอีก 4 ปี ตอนนี้สับสนไปหมด ควรรอไหม?

01 ก.ย. 2023

หรือเราต้องเป็นฝ่ายยอม? สาวโทรปรึกษา 3 ดีเจในรายการ คบกับแฟนชาวอินเดียได้ 6 เดือน แฟนมาบอกว่า “ต้องกลับบ้านไปแต่งงาน” เป็นวัฒนธรรม ประเพณีที่บ้านเขาทำมานานแล้ว ขอกลับไปอยู่ 3 เดือน จะต่อวีซ่าแล้วกลับมาอยู่ด้วยกันอีก 4 ปี ตอนนี้สับสนไปหมด ควรรอไหม?

หรือเราต้องเป็นฝ่ายยอม? สาวโทรปรึกษา 3 ดีเจในรายการคบกับแฟนชาวอินเดียได้ 6 เดือน แฟนมาบอกว่า “ต้องกลับบ้านไปแต่งงาน”เป็นวัฒนธรรม ประเพณีที่บ้านเขาทำมานานแล้ว ขอกลับไปอยู่ 3 เดือนจะต่อวีซ่าแล้วกลับมาอยู่ด้วยกันอีก 4 ปี ตอนนี้สับสนไปหมด ควรรอไหม?ใจจริงไม่อยากเลิก แต่ก็ทนเห็นเขาอยู่กินกับผู้หญิงอีกคนไม่ไหว... “คุณบี (นามสมมติ)” อายุ 24 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [30 ส.ค. 66] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจไตเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาคบกับแฟนต่างชาติแต่แฟนต้องกลับไปแต่งงานกับคนที่พ่อแม่เลือกให้ โดย “คุณบี (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูคบกับผู้ชายอินเดียมาได้ 6 เดือน ตั้งแต่คบกันมาราบรื่นดี ไม่เคยมีเรื่องอะไรกันเลย จนล่าสุดเมื่อ 3 วันที่แล้วเขามาบอกกับหนูว่า เขามีความจำเป็น ต้องกลับบ้านที่ประเทศอินเดีย เพื่อไปแต่งงานกับคนที่พ่อ-แม่เขาหาไว้ให้ หนูก็ช็อกและถามเขาว่า ทำไมต้องกลับไปแต่ง หรือ คุณมีภรรยาอยู่ที่นู้นใช่มั้ย? ทำไมคุณไม่บอกฉัน เขาบอกว่า เขามาไทย เขาไม่มีใครเลย เขาโสด 100% แต่ที่เขาต้องกลับไป มันเป็นเพราะประเพณีทางบ้านเขา มันยังมีการคุมถุงชนอยู่ เขาบอกว่าเขามีความจำเป็นต้องกลับไปแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ เขาบอกว่า เขาไม่ทำไม่ได้ เพราะมันเป็นหน้าที่ที่ลูกต้องตอบแทนพระคุณพ่อแม่ ตอนนี้เขาทำงานอยู่ที่ประเทศไทย เขาบอกว่าเขาจะต้องกลับไปแต่งงานอีก 3 เดือนข้างหน้า และก็อยู่ที่นั่นอีก 3 เดือน แล้วเขาก็จะต่อวีซ่ากลับมาอยู่ที่ประเทศไทยอีก 4 ปี หนูก็ถามเขาว่า แล้วฉันล่ะ? เขาบอกว่าคนที่พ่อกับแม่เลือกให้ เขาไม่ได้รักเลย คนที่เขาเลือกก็คือหนู แต่เขาต้องทำเพราะมันเป็นหน้าที่ หนูไม่โอเคเลย การที่เห็นแฟนไปแต่งงานกับคนอื่นมันไม่โอเคอยู่แล้ว หนูไม่ยอมหรือเรียกร้อง ทำอะไรไม่ได้เลย แล้วหนูก็ไปเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมบ้านเขาไม่ได้เลย ก่อนที่หนูจะตกลงคบ หนูก็ไม่ได้เช็คหรือถามอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่บ้านเขาเลย และเขาก็ไม่เคยเล่าให้ฟังเลยว่าบ้านเขามีวัฒนธรรมแบบนี้ เขาบอกว่าถ้าเกิดเขามาเล่าให้หนูฟัง เขาก็กลัวหนูรับไม่ได้และกลัวเสียหนูไป หนูก็มีคิดอยากแต่งงานกับเขาแล้ว แต่เขาเคยบอกว่า วัฒนธรรมทางบ้านเขา ผู้ชายอินเดียถ้าเกิดจะมีภรรยาแรกที่แต่งงานกันต้องมีเชื้อสายอินเดียเท่านั้น! ตอนแรกหนูก็ไม่ยอมและตัดบทเขาไปว่า ฉันจะเลิกกับคุณ ทีนี้เขาก็ไม่ยอมเลิกกับหนู หนูดูออกเลยว่าเขารักหนูมากๆจริงๆ เขาไม่ได้รักผู้หญิงคนนั้นเลย เขาไม่ได้เลือกคนนั้น เขาไม่ได้ไปเจอ ไปคุย เขามาเจอหนูก่อน เขารักหนูก่อน แต่เขาต้องทำเพราะมันเป็นหน้าที่ หนูรู้สึกเสียใจมากที่อีก 3 เดือนข้างหน้าต้องเห็นเขาแต่งงานกัน หนูอยากถามพี่ๆดีเจว่า หนูต้องทำยังไงดี? ต้องอยู่แบบนี้ไป ต้องยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น ยอมรับทางบ้านเขา เอาจริงๆ หนูไม่ได้อยากเลิกเลย... งานนี้ทั้ง 3 ดีเจให้คำปรึกษา “คุณบี (นามสมมติ)” ว่า ‘เขามีหน้าที่ต้องไปแต่งงาน แต่หน้าที่ของเขามันดันกระทบเรา ให้เรากลายเป็นเมียน้อยไปปริยาย ต้องถามบีว่าสมัครใจอยู่ในตำแหน่งนี้หรือเปล่า... ความรักมันเป็นเรื่องของคนสองคน พวกพี่คงไปตัดสินใจอะไรแทนไม่ได้ ถ้าบีแฮปปี้กับตำแหน่งนี้ก็สามารถอยู่ได้ แต่ถ้ารับสถานการณ์แบบนี้ไม่ได้ พี่มองว่าบีกับแฟนอยู่กันแค่ 6 เดือนเอง ช่วง 6 เดือนมันยังเป็นความหวือหวา เป็นช่วงที่อินเลิฟกันอยู่ เราอาจจะยังไม่เห็นข้อเสียของกันและกันเลย มันเป็นช่วงที่เราต่างเอาใจกัน ความเป็นตัวเองยังไม่ออกมาหมดเลย ถ้ารับประเพณีบ้านเขาไม่ได้ แนะนำให้บีเปลี่ยนบ้าน เปลี่ยนไปประเทศอื่นเลย แต่ถ้าจะรักคนนี้จริงๆ ก็ต้องเข้าใจเขาว่าประเพณีมันเป็นแบบนั้น ถ้าบ้านเขาต้องการให้เขาแต่งงาน บีก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว มันไม่มีทางที่เขาจะมาอยู่กับเราได้ตลอดไป บีต้องยอมรับความจริงให้ได้ และถึงตอนนั้นบีจะเห็นว่ามันไปรอดกันยาก ไม่มีใครอยากไปเป็นเมียน้อยใคร เมื่อเราเห็นอยู่แล้วว่าเรื่องนี้ไม่จบแน่ แต่มันต้องใช้เวลา ยิ่งเราตัดใจได้เร็ว มูฟออนได้เร็ว ปัญหานี้ก็จะจบเร็ว พี่ไม่อยากให้เคสของบีมันเรื้อรัง ต่อให้เคลียร์กันได้ในรูปแบบการใช้ชีวิต มันก็ยังไม่ใช่ชีวิตที่บีต้องการหรอก บางทีเราเจอคนที่ถูกใจ แต่มันผิดเวลา จังหวะการเจอกันมันเป็นสิ่งสำคัญ เพราะฉะนั้นถ้ามูฟออนได้ก็จะดีมาก...เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ถ้าเป็นทุกคน จะทำยังไงต่อ? คบกับแฟนมา 10 ปี แต่ตอนนี้ เพิ่งรู้ว่า “พ่อของเรา ไปมีอะไรกับแม่ของแฟน” ทั้งๆที่พ่อก็ยังคบกับแม่อยู่ เคยคุยกับพ่อแล้ว พ่อตอบมาว่า “มึงไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้ผัวหรอก” ได้ยินแล้วเสียใจมาก

28 ส.ค. 2023

ถ้าเป็นทุกคน จะทำยังไงต่อ? คบกับแฟนมา 10 ปี แต่ตอนนี้ เพิ่งรู้ว่า “พ่อของเรา ไปมีอะไรกับแม่ของแฟน” ทั้งๆที่พ่อก็ยังคบกับแม่อยู่ เคยคุยกับพ่อแล้ว พ่อตอบมาว่า “มึงไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้ผัวหรอก” ได้ยินแล้วเสียใจมาก

ถ้าเป็นทุกคน จะทำยังไงต่อ? คบกับแฟนมา 10 ปีแต่ตอนนี้ เพิ่งรู้ว่า “พ่อของเรา ไปมีอะไรกับแม่ของแฟน”ทั้งๆที่พ่อก็ยังคบกับแม่อยู่ เคยคุยกับพ่อแล้ว พ่อตอบมาว่า“มึงไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้ผัวหรอก” ได้ยินแล้วเสียใจมากตอนนี้พ่อเลิกยุ่งกับแม่แฟนแล้ว แต่อนาคตจะจัดงานแต่งกันได้ไหม... “คุณหนู (นามสมมติ)” อายุ 28 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [23 ส.ค. 66] โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาพ่อแอบมีความสัมพันธ์กับแม่ของแฟน โดย “คุณหนู (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างหนูกับแฟนจะไปต่อยังไง... เพราะพ่อของหนูแอบไปมีความสัมพันธ์กับแม่ของแฟนหนู ในขณะที่พ่อหนูยังอยู่กับแม่หนูปกติ แต่แม่แฟนเขาเลิกกับพ่อแฟนแล้ว ก่อนหน้านี้ประมาณ 4-5 ปีที่แล้ว พ่อแม่แฟนเขาเลิกกันด้วยเหตุผลส่วนตัวทางบ้านเขา ตัวของแฟน พี่สาว และพ่อ เขาก็ออกมาซื้อบ้านอยู่กันข้างนอก แต่ให้แม่อยู่ในบ้านเดิมไป ซึ่งบ้านหลังนั้นอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันกับบ้านหนู หนูคบกับแฟนมา 10 ปีแล้ว ปกติพ่อหนูจะเป็นคนเจ้าชู้ และหวงลูกสาวมาก เพราะหนูเป็นลูกคนเดียว แต่เรื่องที่หนูมีแฟน ทุกคนรู้หมด แต่ทำยังไงก็ได้ห้ามให้พ่อรู้ว่าหนูมีแฟน เพราะเดี๋ยวพ่อจะจำกัดอิสระของหนู เวลาไปไหนก็ไปไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้พ่อไม่รู้ แต่แม่รับรู้ว่าคบกับแฟนคนนี้ ซึ่งแม่แฟนรู้ว่าคนนี้เป็นพ่อของหนู ก่อนหน้านี้พ่อเคยทำงานบริษัทเดียวกับแม่ของแฟนและแฟน เขาก็คุยกันตลอด แต่คุยกันแบบปกติ มีการขับรถไปรับไปส่งกันด้วย แต่พ่อไม่รู้ว่าคนนี้คือแม่ของแฟนหนู จนมีช่วงนึง พ่อกับแม่หนูทะเลาะกัน หนูเลยพาแม่ออกมาอยู่ข้างนอก ให้เขาแยกกันสักพัก คลี่คลายแล้วจะพาแม่กลับไป ซึ่งเรื่องทะเลาะก็เป็นการทะเลาะกันปกติของสามี-ภรรยา ช่วงหลังๆพ่อเริ่มเปลี่ยนไป จากปกติเคยมาง้อให้พวกเรากลับบ้าน แต่ครั้งนี้เขาไม่มา แล้วก็มีคนรอบข้างที่อยู่แถวบ้าน เริ่มมาพูดกับแม่แปลกๆ เขาพูดประมาณว่า พี่ไม่กลับมาดูบ้านเลยหรอ หนูคิดถึงพี่จังเลย มีเรื่องอยากคุยกับพี่จัง แม่ก็เลยแปลกใจ เพราะพ่อเป็นคนเจ้าชู้อยู่แล้ว ตัวหนูเองก็เลยเปิดกล้องวงจรปิดดูว่าพ่อทำอะไรอยู่ เขาอยู่บ้านใช้ชีวิตยังไง ปกติดีมั้ย? หนูก็บังเอิญไปได้ยินว่าพ่อกำลังจะไปรับแม่ของแฟน จะออกไปข้างนอกกัน หนูเลยตัดสินใจว่ายังไงวันนี้ก็จะบอกพ่อว่าคบกับคนนี้ จะบอกว่าคนนี้คือแม่แฟน จะได้ไม่เกิดอะไรขึ้น เขาจะได้วางตัวกันถูก หนูก็เลยโทรไปบอกพ่อ แต่พ่อบอกว่าไม่มีอะไร ตอนแรกเขายังไม่ยอมรับ หนูก็เลยชวนแม่กลับไปอยู่บ้าน เพราะเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตอนนั้นหนูก็ยังคิดว่าคงไม่มีอะไรหรอก เขาคงเป็นเพื่อนกัน พอกลับมาถึงบ้านหนูก็เลยไปคุยส่วนตัวกับพ่อ หนูบอกพ่อว่า หนูขอร้องได้มั้ย กับคนนี้อย่าไปยุ่งได้มั้ย เขาเป็นแม่แฟนหนู ให้หนูได้ใช้ชีวิตต่อไป หนูคบกันมา 10 ปีแล้ว ถ้าเกิดพ่อไปยุ่งกับเขา ชีวิตหนูจะพังเลยนะ หนูไม่รู้จะก้าวต่อไปยังไง หนูก็ขอร้องเขา เขาก็พูดกลับมาว่า แกไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีสามีหรอกนะ แล้วแกอย่าไปบูลลี่เขา อย่าไปใส่ร้ายเขา เขาบอกว่าแม่แฟนบอกว่าเขาไม่รู้เลยว่าลูกคบกันอยู่ หนูก็เสียใจว่าทำไมพ่อถึงพูดกับเราแบบนั้น ที่ผ่านมาหนูมองว่า การที่หนูไม่ได้บอกพ่อ คือ เหมือนเราอยากจะไปบอกเขาตอนที่เราตกลงปลงใจว่าจะแต่งงานกับคนนี้ พ่อจะได้ไม่ต้องรู้สึกแย่ เพราะพ่อหวงหนูมาก อยากให้เขารับรู้ว่าลูกฉันมีแฟน แต่งงานไปเลยทีเดียว จบ! หลังจากนั้นก็เริ่มมีคนมาพูดว่า เขาทั้งสองคนไปอย่างนั้นอย่างนี้กันนะ หนูก็เริ่มมีเซ้นส์แล้วด้วย ก็เลยแอบติด GPS ที่รถของพ่อ และหนูกับแม่ก็ไปจับได้ที่โรงแรมว่าเขาอยู่ด้วยกัน หนูเจอเขาอยู่ในห้อง พอเราเคาะประตูเหมือนเขารีบแต่งตัวมาเปิดประตู เขาอ้างว่ามาคุยกันเฉยๆ คุยกันเรื่องเงิน เพราะเขามีการยืมเงินกัน แม่ก็เสียใจ และไม่ได้รู้สึกเซอร์ไพร์สเลย เพราะแม่เจอเรื่องแบบนี้มาตลอด ตอนแรกที่เจอ แม่ก็โมโห จะเลิกเลย พ่อก็หลบไปอยู่บ้านเพื่อน คือพ่อกับแม่เป็นเพื่อนกันมาก่อน พ่อก็คุยกับเพื่อนแล้วให้เพื่อนช่วยเป็นคนกลางมาไกล่เกลี่ยให้กลับมาดีกัน ตอนนี้พ่อกับแม่กลับมาดีกันได้แค่ 1 อาทิตย์ ความรู้สึกของหนูยังรู้สึกตกใจ เสียใจ ยังทำตัวไม่ถูกกับเหตุการณ์นี้ แต่พ่อก็กลับมาอยู่ในบ้านแล้วเรียบร้อย ปฎิกิริยาของแม่แฟน เขาก็ด่าหนู เอาบ้านหนูไปนินทาให้คนอื่นในหมู่บ้านฟัง เหมือนมีคนมาเล่าให้ฟังว่า อีกคนพูดว่า ลูกชายเธออ่ะ ชะตาอวัยวะเพศขาดมากเลยนะที่ได้ E คนนี้เป็นแฟน พูดเหมือนหนูเป็นคนไม่ดี เป็นผู้หญิงไม่ดี หนูไม่รู้เลยว่าหนูไปทำอะไรให้เขา แล้วเขาก็พูดว่า ยังไงพ่อ E นี้ก็เลิกกับฉันไม่ได้หรอก จะต้องเลี้ยงฉันไปจนตาย ฉันจะเอาให้หมดตัวเลย ตอนนี้หนูกับแฟนไม่รู้จะทำยังไงกัน ความสัมพันธ์ก็ยังปกติมาก ยังรักกันปกติ แฟนรู้ แต่เขาไม่รู้จะทำยังไงกับแม่เขาแล้ว แม่หนูไม่ได้บังคับให้ต้องเลิกกัน แม่หนูก็บอกว่า แม่เข้าใจ แม่รู้ว่ามันคนละคนกัน ความผิดนี้มันไม่ใช่ความผิดของเด็ก ผู้ใหญ่เป็นคนทำเรื่องนี้เอง ฝากบอกแฟนด้วยว่า แม่เหมือนเดิมกับเขาทุกอย่าง ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องเกร็งแม่เลย หนูดีใจมากที่แม่เข้าใจ แต่แม่ก็ยังไม่ได้เลิกกับพ่อ หนูก็เลยไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี หนูเคยคิดกันว่าเก็บเงินทำงานกัน จนอายุ 30 ค่อยลงหลักปักฐานกัน เราคงได้มีครอบครัวแล้ว แต่ตอนนี้ที่เราฝันไว้ ตั้งใจไว้ มันไม่สามารถเป็นจริงได้แล้ว เพราะทุกคนเข้าหน้ากันไม่ติด ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับพี่ๆ พี่ๆจะทำยังไงต่อไป..? งานนี้ 3 ดีเจก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เข้าใจความรู้สึกคุณหนูนะ แต่ถ้าฟังจากบุคคลภายนอก มันดูไม่เป็นอุปสรรคในความรักของคุณหนูกับแฟนเลย เรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเราสองคนเลย มันเป็นสิ่งที่พ่อกับแม่เราทำ เขาโตขนาดนั้นแล้ว ซึ่งเราก็ได้บอกเขาไปแล้วด้วย แต่เขาไม่ฟัง เราก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว หลังจากนี้โฟกัสกับแม่ให้มากกว่า จับแม่มานั่งคุยเลยว่า ถ้าแม่ทนไหวแม่ก็ทนไป แต่ถ้าทนไม่ไหว ก็แนะนำให้แม่เลิกกับพ่อเลย แต่ถ้าแม่ไม่ยอมเลิก ก็บอกเขาว่าแม่ต้องยอมรับว่าพ่อจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ แม่ก็จะมีชีวิตแบบนี้ไปเรื่อยๆนะ จนกว่าพ่อจะตายหรือแม่จะเลิกกับเขาอ่ะ ส่วนพ่อกับแม่ของแฟน จะไม่ยุ่งกับเขาเลย เราได้บอกเขาไปแล้ว จากนี้ไปเขาจะทำดีทำชั่วก็เรื่องของเขาแล้ว ตราบใดที่เขาไม่มายุ่งกับเรา เขาจะทำไรทำ จะลงนรก ขึ้นสวรรค์ก็ตามใจเลย’ และถ้าพวกพี่เป็นหนู พี่คงจะไม่สูญเสียความมั่นใจ ไม่นึกถึงขั้นที่ว่าชีวิตจะไปต่อไม่ได้ แต่มานั่งคุยกับแฟนว่างานแต่งงานของเราจะเอายังไง จะเชิญใคร จะจัดรูปแบบไหน ให้ปัญหาน้อยที่สุด 2 คนนี้ที่เขาไปได้กัน มันคือศีลเสมอกัน ถ้าเราศีลไม่เสมอกับเขา เราก็อย่าไปสนใจอะไรมาก ถึงแม้เขาจะเป็นพ่อบังเกิดเกล้าก็ตาม’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

อังคารคลุมโปง RECAP

หนุ่มวิศวกรจบใหม่ไฟแรงอยากทำงานต่อในยามวิกาล โชคร้ายดันเจอผีสาวหลอกจนต้องวิ่งขอความช่วยเหลือจากพี่รปภ. พอจะออกจากตึกดันเห็นว่ามีมือปริศนากำลังบีบคอพี่รปภ.คนนั้นอยู่! สุดท้ายได้รู้ความจริงถึงกับช็อกเพราะหลอนสองเด้ง!

29 ก.ย. 2023

หนุ่มวิศวกรจบใหม่ไฟแรงอยากทำงานต่อในยามวิกาล โชคร้ายดันเจอผีสาวหลอกจนต้องวิ่งขอความช่วยเหลือจากพี่รปภ. พอจะออกจากตึกดันเห็นว่ามีมือปริศนากำลังบีบคอพี่รปภ.คนนั้นอยู่! สุดท้ายได้รู้ความจริงถึงกับช็อกเพราะหลอนสองเด้ง!

มาลุ้นความระทึกจนขนหัวลุกไปพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ จากเรื่อง ‘คนขยัน ชั้นสาม’ โดย 'อ๊อฟ คนเห็นผี' ในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (26 กันยายน 2566) จะลุ้นระทึกแค่ไหน ปิดไฟแล้วแท็กเพื่อนมาอ่านไปพร้อมกันเลย! คุณอ๊อฟเรื่องนี้เป็นเรื่องของเพื่อน ใช้นามสมมุติว่า ‘คุณกร’ ย้อนไปในสมัยที่คุณกรเรียนจบวิศวกรใหม่ ๆ ก็ได้บรรจุตำแหน่งวิศวกรในสถานที่ราชการแห่งหนึ่ง ด้วยตำแหน่งงานและหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบก็มักจะมีงานเข้ามาอยู่เรื่อย ๆ ในช่วงเริ่มงานแรก ๆ คุณกรก็กลับบ้านหลังเวลาเลิกงานตามปกติ พอนานเข้างานที่ทำก็เริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นานวันเข้า คุณกรเกิดความสงสัยว่าทำไมทุกคนถึงได้กลับตรงเวลางานกันได้ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะคิดว่าคงเป็นเรื่องปกติของพนักงานที่นี่ อยู่มาวันนึงคุณกรรู้สึกว่าอยากเคลียร์งานที่ค้างอยู่ให้เสร็จ เลยบอกคนอื่น ๆ ว่า “พวกพี่กลับกันไปก่อนเลย เดี๋ยวผมกลับทีหลัง” หลังจากคุณกรพูดจบประโยค ทุกคนหันมามองหน้ากันด้วยอาการตกใจ จากนั้นก็หันมามองที่คุณกรพร้อมถามว่า “แน่นะ” แล้วพูดต่อว่า “ถ้ามึงตัดสินใจอย่างงั้น ก็เคารพการตัดสินใจมึงนะ” จากนั้นคนอื่นก็เก็บของกลับบ้านตามปกติ ในขณะที่คุณกรซ่อมบำรุงงานอยู่นั้น ก็รู้สึกมีอาการเมื่อยล้าจากการใช้สายตาอย่างหนักจึงตัดสินใจงีบหลับไปสักพัก ในขณะที่เขาหลับอยู่ จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าอยู่ก็มีใครบางคนมาเขย่าเก้าอี้จนทำให้สะดุ้งตื่นขึ้นมา คุณกรคิดเพียงว่าคงมีคนปลุกให้ตื่นหรือมาแกล้งเพียงเท่านั้น หลังจากที่เขาตื่น ก็เดินไปห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว พอมาถึงห้องน้ำปรากฏว่าห้องน้ำชายถูกล็อกด้วยกุญแจอยู่ จึงตัดสินใจมาเข้าฝั่งห้องน้ำหญิงแทน หลังจากคุณกรทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย พอจะออกจากห้องน้ำปรากฏว่าประตูห้องน้ำเกิดมีปัญหาจนทำให้คุณกรต้องติดอยู่ในห้องน้ำสักพัก ไม่นานเขาก็สังเกตเห็นเงาของผู้หญิงเดินเข้ามา จึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากเธอ “ช่วยด้วยครับ ๆ พอดีประตูมันเปิดไม่ออก กลอนมันน่าจะล็อกจากข้างนอก” สักพักก็มีเสียงประตูดังปั้ง! พร้อมกับประตูที่กำลังค่อย ๆ เปิดออก คุณกรเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังเดินเข้าห้องน้ำไป ด้วยความรู้สึกที่เขินอายที่ตนมาเข้าห้องน้ำหญิง จึงอยากอธิบายและขอบคุณเธอที่ช่วยเอาไว้ ในขณะกำลังล้างมืออยู่และรอเธอออกมาจากห้องน้ำ คุณกรรู้สึกว่าเป็นเวลาที่นานมาก จึงเคาะประตูถาม “ขอโทษนะครับ ๆ เป็นอะไรรึเปล่าครับ” แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับจากเธอเลย จู่ ๆ ประตูก็เริ่มแง้มออกอย่างช้า ๆ และผู้หญิงคนนั้นก็เดินออกมาตามปกติ แต่ในขณะที่เธอกำลังล้างมืออยู่นั้น คุณกรก็รู้สึกแปลก ๆ และขนหัวลุกอย่างบอกไม่ถูก คุณกรสังเกตเห็นคนที่ยืนล้างมือข้าง ๆ นั้นไม่มีเงาในกระจก! และยังหันมาแสยะยิ้มให้อย่างสยดสยอง! คุณกรเห็นดังนั้นก็เกิดอาการสติหลุด และวิ่งออกจากห้องน้ำทันที! คุณกรวิ่งหนีออกมาและบังเอิญวิ่งมาชนกับพี่รปภ. คนหนึ่งชื่อว่า ‘พี่ต้น’ และเล่าเรื่องราวที่ตนเจอมาให้พี่ต้นฟัง แต่พี่ต้นกลับบอกมาว่าเป็นเรื่องปกติของคนที่ต้องทำงานเวลากลางคืนแค่นั้นเอง คุณกรจึงขอร้องพี่ต้นให้อยู่เป็นเพื่อนและพาไปเก็บของที่ห้องทำงานก่อนจะขอลงจากตึกไปพร้อมกัน ตัวอาคารที่คุณกรทำงานอยู่นั้นไม่มีลิฟต์ คุณกรจึงจำเป็นที่จะต้องเดินลงบันได ในระหว่างทางที่จะลงจากตึก คุณกรก็ยังคงเกิดอาการผวาอยู่ตลอด และเกาะติดพี่ต้นไปด้วยความกลัว เพื่อความปลอดภัยของทั้งคู่ พี่ต้นจึงบอกกับคุณกรว่า “คุณครับ ถ้าเกาะกันไปแบบนี้ และมืดด้วยเนี่ย ตกบันไดคอหักตายแน่เลย ค่อย ๆ เดินกันดีกว่า” จากนั้นพี่ต้นก็ให้คุณกรเดินนำไปก่อน ส่วนพี่ต้นจะฉายไฟฉายนำทางให้ จนทั้งคู่เดินมาถึงบันไดชั้นสุดท้าย คุณกรก็สังเกตเห็นแสงไฟหยุดชะงักไปจึงหันกลับไปมอง ก็พบว่าพี่ต้นยืนแช่อยู่กับที่และมีมือสีขาวปริศนาโผล่ออกมาลักษณะคล้ายว่ากำลังบีบคอของพี่ต้นอยู่! คุณกรเห็นแบบนั้นแล้วยิ่งทำให้ผวาตกใจจนสติหลุดและวิ่งหนีไปทันที คุณกรมีอาการหวาดผวาจนต้องลางานถึง 3 วัน หลังจากกลับมาทำงานปกติก็รู้สึกอยากขอบคุณพี่ต้นและขอโทษที่วันนั้นวิ่งหนีไปก่อนในเหตุการณ์คืนนั้น คุณกรได้ซื้อกาแฟกับขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้พี่ต้นที่ป้อมยาม แต่ปรากฏว่าที่ป้อมยามไม่ใช่พี่ต้น จึงถามคนที่อยู่ที่ป้อมยามว่า “ผมมาหาพี่รปภ.ต้นครับ พี่เขาเป็นยังไงบ้างครับ” ยามที่อยู่ตรงนั้นก็สงสัยจึงถามกลับไปว่า “ต้นไหน?….ต้นนี้รึเปล่า” พร้อมกับหยิบสมุดรายชื่อรวมของยามขึ้นมา “ใช่ครับ พี่คนนี้แหละ เขาเข้ากะวันนี้รึเปล่า?” คุณกรตอบทันทีหลังเห็นรูปบนสมุดเล่มนั้น แต่พี่ยามกลับมีสีหน้าเปลี่ยนไป พร้อมตอบกลับคุณกรทันทีว่า “ยามต้นตายไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว” คุณกรถึงกับช็อกและถามถึงเหตุการณ์ต่อ ยามก็เล่าให้ฟังว่า “ในขณะที่พี่ต้นทำงานปกติ ก็ไล่ปิดไฟนามโถงทางเดินมาเรื่อย ๆ ด้วยความมืดจนทำให้เขาไม่ทันสังเกตเห็นบันได จนทำให้เขาพลัดตกบันไดลงมาคอหักตายคาที่” หลังจากที่คุณกรได้รู้ความจริงทุกอย่างกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้คุณกรไม่กล้าที่จะเข้ามาทำงานที่นี่ในยามวิกาลคนเดียวอีกเลย และหลังจากทุกคนในบริษัทได้ทราบเรื่องที่คุณกรประสบพบเจอในคืนนั้นต่างก็ลือกันสนั่นหูว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ในอดีตเกิดอะไรขึ้นบ้าง เรื่องของเรื่องก็คือหญิงสาวในห้องน้ำที่คุณกรเจอนั้นเสียชีวิตจากอาการป่วยกำเริบในขณะที่เธอเข้าห้องน้ำอยู่ แต่กลับไม่มีใครทราบว่าเธอหายไปไหน จนกระทั่งเธอเสียชีวิตไปในที่สุด ส่วนสาเหตุที่ทุกคนไม่เล่าเรื่องที่เคยเกิดขึ้นให้คุณกรฟัง ก็เพราะว่ากลัวคุณกรจะไม่กล้าทำงาน และไม่อยากขัดความตั้งใจของเขา ที่อยากจะนั่งทำงานต่อในยามวิกาลเท่านั้นเอง(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

บ้านเช่าใจกลางเมืองราคาเดือนละ 1,000 บาท มีข้อแม้คือห้ามเปิดประตูห้องในสุดที่ล็อคกุญแจไว้ และก่อนย้ายเข้า ยายเจ้าของบ้านยังบอกอีกว่า “ถ้าอยู่ไม่ครบ กูไม่คืนเงินประกันนะโว้ย!” และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องหลอนในครั้งนี้!

29 ก.ย. 2023

บ้านเช่าใจกลางเมืองราคาเดือนละ 1,000 บาท มีข้อแม้คือห้ามเปิดประตูห้องในสุดที่ล็อคกุญแจไว้ และก่อนย้ายเข้า ยายเจ้าของบ้านยังบอกอีกว่า “ถ้าอยู่ไม่ครบ กูไม่คืนเงินประกันนะโว้ย!” และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องหลอนในครั้งนี้!

เมื่อตัดสินใจเช่าบ้านใจกลางเมืองในราคาถูก แถมยังได้รับคำเตือนชวนหลอนจากยายเจ้าของบ้านอีก งานนี้จะเจออะไรในบ้านหลังนี้บ้าง รายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (26 ก.ย. 2566) จะพาทุกคนหลอนไปกับ ‘คุณอ๊อฟ คนเห็นผี’, ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ เรื่องราวที่คุณอ๊อฟไปประสบพบเจอเป็นมาจะเป็นอย่างไรนั้น ไปอ่านกันเลย! เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ของญาติคุณอ๊อฟ เริ่มจากเขาอยู่กับครอบครัวใหญ่ มีพี่สาว3 คน พี่สาวต่างก็มีแฟนกันหมด จึงคิดว่าจะแยกตัวออกมาเช่าบ้านด้วยกัน และก็มีคนแนะนำบ้านมาให้ลองไปติดต่อดู เหล่าพี่น้องจึงไปดูบ้านตามคำแนะนำ บ้านที่ไปดูคือบ้านไม้ใหญ่สองชั้น มองไปก็เห็นว่ามีคุณยายกวาดพื้นอยู่ข้างล่าง หนึ่งในพี่สาวของคุณอ๊อฟจึงเดินไปถามว่า “ขอโทษนะคะ จะมาเช่าบ้าน” จากนั้นก็ได้รายละเอียดค่าเช่าบ้านจากคุณยาย เช่าเพียงเดือนละ 1,000 บาท มัดจำอีก 3,000 บาท ได้ยินดังนั้นก็ตัดสินใจตกลงเช่าบ้านตอนนั้นทันที จากนั้นคุณยายก็พูดกลับมาว่า “ถ้าอยู่ไม่ครบ กูไม่คืนเงินประกันนะโว้ย” แต่ทุกคนก็ไม่คิดอะไร จนกระทั่งวันที่ต้องย้ายเข้าไป คุณยายก็ให้กุญแจมาพร้อมกับบอกว่า “ห้องในสุด ที่ล็อคกุญแจไว้ เป็นห้องของเจ้าของบ้าน ห้ามไปเปิด ห้ามไปยุ่งกับมัน” ซึ่งทุกคนก็คิดว่าในเมื่อเช่าทั้งหลังแล้วมันก็ต้องเป็นของเราทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรต่อ และคิดต่อว่าคงเป็นที่เก็บของ บ้านหลังนี้อาจจะมีเจ้าของที่ไปอยู่ต่างประเทศ หลังจากนั้นทุกคนก็ย้ายเข้ามาในบ้านหลังนี้ ซึ่งจะแบ่งห้องเป็นพี่สาวทั้งสามและแฟนอยู่ชั้นบน ญาติคนอื่นและคุณอ๊อฟจะนอนชั้นล่าง หลังจากที่ย้ายเข้ามาอยู่ได้สักพัก คุณอ๊อฟเริ่มรู้สึกว่า มีเงาสีขาว ๆ เหมือนกลุ่มควัน แอบมองคุณอ๊อฟอยู่ตลอด แต่พอหันไปก็ไม่มีอะไร แต่พออยู่ไปนาน ๆ คุณอ๊อฟก็รู้สึกว่า ‘บ้านหลังนี้ต้องมีอะไรแน่นอน’ จึงไปบอกพี่คนโต แต่พี่คนโตก็บอกว่าคิดมากไปเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง ทุกคนไปต่างจังหวัดกันหมด เหลือแค่แฟนของพี่คนโตอยู่คนเดียว ซึ่งห้องของเขาจะอยู่ตรงข้ามกับห้องที่ล็อคกุญแจ พอตกดึกเขาก็ได้ยินเสียงเหมือนเป็นเสียงเคาะฝาบ้านรอบ ๆ ข้างนอก แต่ก็คิดว่าคงเป็นกิ่งไม้ พอนอนไปสักพัก ก็รู้สึกร้อนจนเหงื่อออกมาก พอมองไปที่พัดลมปลายเท้าก็รู้สึกว่ามีหมอกกลุ่มควันดำ ๆ เขาคิดว่าพัดลมไหม้ จึงลุกขึ้นมาดู ปรากฏว่าทุกอย่างยังปกติเหมือนเดิม และกลุ่มควันนั้นได้หายไปแล้ว จึงตัดสินใจหลับต่อ แต่รอบนี้เสียงมันดังขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งเสียงรอบนอกและตัวพัดลมก็มีเสียง แป๊ก! เหมือนเป็นเสียงกดพัดลม ตอนนั้นก็คิดว่าเขาอยู่คนเดียว ถ้าเขาไม่กดแล้วใครจะกด จึงคิดว่าเป็นขโมย เขาจึงลุกขึ้นมา แล้วสิ่งที่เห็นก็ทำให้เขาช็อกมาก! เพราะมันคือเงาสีขาว ๆ เป็นกลุ่มควัน นั่งเอามือจิ้มปุ่มพัดลมอยู่ ดัง แป๊ก แป๊ก แป๊ก เหตุการณ์นั้นทำให้เขาตัดสินใจวิ่งออกจากบ้านไปหน้าปากซอยเพราะเป็นจุดที่สว่างที่สุด จนถึงเวลาตี 4 จึงกลับไปที่บ้าน หลังจากวันนั้นผ่านไปประมาณ 2 อาทิตย์ อยู่ดี ๆ ก็เกิดลมพัดแบบแปลก ๆ และมีเสียงแปลก ๆ เกิดขึ้นเหมือนเสียงของเล็บขูดผนังไม้ ทุกคนก็คิดว่าเป็นกิ่งไม้ แต่น้องของคุณอ๊อฟพูดขึ้นมาว่า “กิ่งไม้บ้าอะไรล่ะ ต้นไม้บ้านเรายังไม่มีเลยซักต้น” เมื่อทุกคนคิดได้ดังนั้น ก็คิดกันว่าจะทำอย่างไรกันต่อดี จึงตัดสินใจแยกกันไปนอนชั้นบนกับพี่ ๆ ตัวคุณอ๊อฟได้ไปนอนกับพี่คนโต ซึ่งก่อนที่คุณอ๊อฟจะเข้าห้องไป ได้เห็นห้องตรงข้ามที่ล็อคกุญแจอยู่ แต่ว่าในตอนนั้น กุญแจมันได้หายไป! แต่คุณอ๊อฟก็ไม่ได้คิดอะไรจึงเข้าห้องของพี่สาวคนโตไป แล้วคุยกับพี่สาวว่า “มันไม่มีกุญแจแล้วนะ ใครเปิดห้องหรือเปล่า เดี๋ยวคุณยายก็ว่าเอา” พี่สาวจึงตอบกลับมาว่า “มันไม่มีใครเปิด ใครจะเปิดไม่มีลูกกุญแจ” แต่ตัวของแฟนพี่สาวพูดออกมาว่า “ไม่มีลูกได้ไง วันนั้นผมยังเห็นคุณเปิดอยู่เลย!” เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนจึงพากันออกไปดูที่ประตู คนที่อยู่ห้องอื่น ๆ ก็พากันออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สิ่งที่ทุกคนเห็นเหมือนกันคือตัวแม่กุญแจ ดังแกร๊กขึ้นมา ซึ่งมันปลดล็อคเอง! ทุกคนอึ้งแต่ก็คิดว่า มันคงเก่าสลักเลยปลดเอง แล้วตัวของแฟนพี่สาวคนโตก็เป็นคนเปิดประตูเข้าไป ข้างในที่เห็นคือเป็นห้องไม้ มีหยากไย่ มีฝุ่นเยอะ มีโต๊ะสี่เหลี่ยมสูงจากพื้นเล็กน้อย มีผ้าคลุมกล่องปริศนา และผนังจะมีรูปอยู่ 3 ใบ แต่ฝุ่นเยอะมากจนทำให้ไม่เห็นว่าเป็นรูปอะไร ด้วยความสงสัยทำให้เขาไม่ฟังคำเตือนของทุกคนว่าอย่าไปยุ่ง เขาจึงเปิดผ้าออก ซึ่งปรากฏว่าสิ่งที่ผ้าคลุมอยู่คือหีบใบใหญ่ใบหนึ่ง มีเงินวางอยู่ในหีบ 4,000 บาท บนห่อผ้าขาว! เงิน 4,000 บาท นั้นเท่ากับเงินที่จ่ายค่าเช่าไป จากนั้นพี่สาวคนเล็กหันไปทางขวามือ ก็เจอคุณยายคนที่กวาดพื้นนั่งกอดเข่าอยู่ในห้องกำลังกอดรูปอยู่! จากนั้นก็ค่อย ๆ ลดรูปลง และแสยะยิ้มกว้างขึ้นเรื่อย ๆ นั่นทำให้พี่สาวคนเล็กกรี๊ดออกมา! ทุกคนจึงหันไปมอง แล้วทุกคนก็เห็นคุณยายเหมือนกันหมด! ทุกคนก็คิดว่า คุณยายเข้ามาอยู่ในนี้ได้อย่างไร ในเมื่อปล่อยเช่าแล้ว หรือว่าคุณยายนอนอยู่ในนี้ตั้งแต่แรกแล้ว จึงไม่ให้เราเข้ามายุ่ง ทุกคนก็พยายามถามคุณยาย แต่คุณยายก็ไม่ได้พูดอะไร แล้วหยิบรูปขึ้นมาค่อย ๆ ปัดเช็ดรูปให้สะอาดจนเห็นภาพชัดขึ้น.. ปรากฏว่านั่นเป็นรูปของตัวคุณยายเอง! ในรูปเขียนว่า ชาตะ-มรณะ ทำให้ทุกคนตกใจวิ่งกันไปคนละทิศคนละทาง หลังจากนั้นทุกคนก็มาคิดย้อนคำของคุณยายที่บอกว่า “ถ้าอยู่ไม่ครบ กูไม่คืนเงินประกันนะโว้ย” ทุกคนก็กลับไปซักถามกับพี่คนโตว่า “คนที่รู้จักอ่ะ ไหนบอกว่ามีบ้านเช่าที่มันปลอดภัยไงวะ” พี่คนโตจึงไปคุยกับคนที่แนะนำบ้านเช่า สรุปว่า บ้านที่เขาบอกนั้นให้เข้าซอยกลาง แต่ที่ทุกคนเข้าไปคือเข้าซอยซ้ายมือสุด สรุปคือทุกคนไปผิดหลัง เมื่อไปสอบถามคนระแวกแถวนั้นก็ได้ความมาว่า บ้านหลังนี้เป็นบ้านของคุณยายที่มีนิสัยงกมาก ขนาดที่ว่าพระมาบิณฑบาตก็ว่าพระ ทำให้ชาวบ้านทนไม่ได้ก็ย้ายออก จนเหลือบ้านคุณยายหลังเดียว นอกนั้นก็ไม่มีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมอีกเลย.(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

บิดรถเสียงดังไม่เกรงใจใคร จนชาวบ้านเอือมสาปแช่งให้ตายอยู่ทุกวัน ปรากฏว่าเกิดอุบัติเหตุตายเพราะบิดรถแรงเกินไปสมใจชาวบ้าน แต่หลังจากนั้น เสียงแว๊นรถก็ไม่เคยหายไปจากหมู่บ้านอีกเลย!

29 ก.ย. 2023

บิดรถเสียงดังไม่เกรงใจใคร จนชาวบ้านเอือมสาปแช่งให้ตายอยู่ทุกวัน ปรากฏว่าเกิดอุบัติเหตุตายเพราะบิดรถแรงเกินไปสมใจชาวบ้าน แต่หลังจากนั้น เสียงแว๊นรถก็ไม่เคยหายไปจากหมู่บ้านอีกเลย!

‘พี่แจ็ค The Ghost Radio’ กลับมาเปิดไมค์เล่าเรื่องหลอนในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (19 กันยายน 2566) พบกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ พร้อมเรื่องหลอนเอาใจนักบิดของชายคนหนึ่งที่มีใจรักความผาดโผน ขนาดที่ว่าตายไปแล้วก็ยังบิดรถแบบไม่เกรงใจใคร! ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 20 - 30 ปีที่แล้ว วัยรุ่นคึกคะนองสมัยนั้นจะต้องมี ‘รถจักรยานยนต์’ หรือภาษาบ้าน ๆ อย่าง ‘มอเตอร์ไซค์’ เป็นเครื่องสองจังหวะปรับแต่งให้ท่อดังระดับแสบแก้วหู ถือเป็นของคู่กายคู่ใจในชีวิตเพื่อประดับบารมีของพวกเขา ในหมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่ง มีนักบิดประจำหมู่บ้านอยู่หนึ่งคน ที่เรียกได้ว่าทุกคนยกให้ชายคนนี้เป็นนักบิดตัวยงที่สร้างความเอือมระอาเป็นอย่างมากให้กับชาวบ้าน ขนาดที่ว่าเพียงแค่เสียงบิดมอเตอร์ไซค์ดังมาไกล ๆ ชาวบ้านทุกคนต้องเอามือปิดหูไปตาม ๆ กัน นักบิดคนนี้ไม่ได้มีความเกรงใจหรือเกรงกลัวใครทั้งนั้น ยิ่งถ้าขี่รถผ่านตัวหมู่บ้าน จะยิ่งเร่งเครื่องให้เสียงดังมากขึ้นไปอีก เพื่อแสดงตัวว่า ‘ข้ามาแล้ว’ พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้ชาวบ้านทุกคนพากันเกลียดชายคนนี้มาก แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ทำให้ชาวบ้านทุกคนก็ยังคงต้องทนฟังเสียงท่อมอเตอร์ไซค์ของเขาอยู่ทุกวัน บางคนถึงขั้นสาปแช่ง และตะโกนด่าตามหลังกันเลยทีเดียว วันหนึ่ง ชายคนนี้ขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจมาพร้อมกับเสียง แง๊น แง๊น แง๊น แง๊นนน เช่นเคย และยังยกระดับความเป็นนักบิดตัวยงขึ้นไปอีก ด้วยท่านอนขี่มอเตอร์ไซค์แบบซูเปอร์แมน เขาขี่มอเตอร์ไซค์ไปตามทางตรงของหมู่บ้านด้วยความพิเรนทร์สนุกสนาน จังหวะนั้น มีชาวบ้านคนหนึ่งกำลังจะถอยรถกระบะออกจากหน้าบ้าน ปรากฏว่าด้วยความคึกคะนอง การที่เขาเอาตัวนอนบนเบาะทำให้ไม่สามารถใช้เบรคเท้าได้ ถึงแม้จะใช้เบรคมืออย่างไรรถก็เสียหลักคว่ำอยู่ดี และแล้ววันที่ชาวบ้านทุกคนรอคอยก็มาถึง เมื่อคำสาปแช่งทุกคำกลายเป็นจริง ในเหตุการณ์นั้นจังหวะที่รถกระบะถอยออกมา มอเตอร์ไซค์คู่ใจและตัวนักบิดก็พุ่งชนเข้ากับรถกระบะดัง ตู้ม!!! สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนั้น ทำให้นักบิดคอหักพับย้อนไปด้านหลัง ปากฉีกเนื้อเปิดไปถึงตา แต่ภาพที่ชาวบ้านทุกคนเห็นคือ ร่างของนักบิดยังดิ้นด้วยความทุรนทุรายอยู่กับพื้น บรรยากาศในตอนนั้นไม่มีใครตกใจ แต่ยังเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ด่าทอ ซ้ำเติมร่างที่กำลังดิ้นอยู่กับพื้น วันต่อมาบรรยากาศในหมู่บ้านก็เปลี่ยนไป ผู้คนในหมู่บ้านต่างมีความสุข เด็กเล็กเด็กน้อยออกมาวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน ชาวบ้านรวมตัวนั่งสังสรรค์อย่างกับเป็นการเฉลิมฉลองการตายของชายนักบิดคนนี้ก็ว่าได้ แต่แล้วความสุขก็อยู่ได้ไม่นาน หลังจากเหตุการณ์นั้นจบลงไปได้ 3 – 4 วัน คืนวันหนึ่ง เสียงมอเตอร์ไซค์ที่คุ้นเคยก็กลับมาดังขึ้นอีกครั้ง เป็นเสียงบิดรถดังขึ้นมาแต่ไกล แง๊น แง๊น แง๊น แง๊นนน! บิดผ่านหมู่บ้านไปอย่างรวดเร็ว จังหวะนั้นชาวบ้านทุกคนเห็นตรงกันว่า ‘ใช่ นี่คือเสียงของนักบิดตัวยงที่เพิ่งตายไป’ ทำให้ชาวบ้านทุกคนเกิดความสงสัยว่าจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อมอเตอร์ไซค์คันนั้นก็พังไปต่อหน้าต่อตา ส่วนคนก็ตายแน่นอน รุ่งเช้า ชาวบ้านจึงนัดรวมตัวกันเพื่อปรึกษาหารือถึงเสียงปริศนาที่เกิดขึ้นเมื่อคืน และทุกคนก็ได้ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์คันนั้นจริง ๆ แต่ก็มีชาวบ้านคนนึงพูดขึ้นมาว่า ‘มันไม่ใช่เรื่องของผีสางอะไร แต่เป็นเสียงของเพื่อนนักบิดตัวยงคนที่ตายไปมากกว่า ที่พยายามเอามอเตอร์ไซค์ไปแต่งเลียนแบบเสียงท่อเพื่อที่จะมาก่อกวน และมาหลอกคนในหมู่บ้าน’ ในวันนั้นชาวบ้านก็ไม่ได้ทำอะไรต่อ และหลังจากนั้นทุกคนก็ยังคงทนฟังเสียงนี้ในทุกคืน จนกระทั่งมีเรื่องเล่าจากครอบครัวหนึ่ง ตอนนั้นพวกเขาไปทำงานในเมือง พอตกดึกก็ขับรถกลับเข้ามาในหมู่บ้าน โดยครอบครัวนี้ไม่เคยทราบถึงเรื่องราวของนักบิดคนนี้มาก่อน จังหวะที่กำลังขับเข้ามาในหมู่บ้าน ก็มีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งขี่มาจี้บริเวรณท้ายรถของครอบครัวนี้ คนขับก็เริ่มสงสัยว่าทำไมต้องขับตามจี้ท้าย จึงค่อย ๆ ชะลอความเร็วให้ลดลง จนมอเตอร์ไซค์คันนั้นเริ่มบิดเร่งความเร็วขึ้นเสียงดังแง๊น แง๊น แง๊น แง๊นนน! แซงขึ้นประชิดรถของครอบครัวนี้และปาดเข้าบริเวณด้านหน้ารถ ด้วยความตกใจคนขับรีบหักหลบทันที แต่ภรรยาก็ส่งเสียงดังขึ้นมาว่า “ขับรถอะไรเนี่ยอยู่ ๆ มาหักหลบอะไร ข้างหน้าไม่เห็นจะมีอะไรเลย” คนขับก็ตอบกลับไปทันทีว่า “ก็เนี่ยมันมีมอเตอร์ไซค์มาปาดหน้าไง เนี่ย” ภรรยาก็ยังคงย้ำคำเดิมว่า “มอเตอร์ไซค์อะไร มันไม่เห็นจะมีสักคันเลย” ครอบครัวนี้ก็มาเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้คนในหมู่บ้านฟัง ชาวบ้านแถวนั้นเห็นตรงกันอีกครั้งว่า “ใช่แน่ ๆ เป็นผีนักบิดตัวยงแน่ ๆ” และยังทำให้บรรยากาศในหมู่บ้านกลับมาอึมครึมอีกครั้ง พอฟ้ามืดทุกบ้านก็จะแยกย้ายปิดบ้านสนิท ไม่มีใครกล้าออกมาอีกเลย ได้แต่ทนฟังเสียงบิดมอเตอร์ไซค์ในทุกคืน วันหนึ่ง ลุงคนหนึ่งในหมู่บ้านเริ่มทนไม่ไหวกับสถานการณ์ในตอนนี้จึงพูดกับชาวบ้านว่า “ถ้ากลัวกันนัก เดี๋ยวคืนนี้จะพิสูจน์ให้ดู ว่าเสียงบิดรถที่ได้ยินมันเป็นเพื่อนของนักบิดที่ตายไปแล้วมันมาแกล้ง” ในทุกคืน ลุงก็จะออกมานั่งเฝ้ารอเพื่อพิสูจน์ แต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่พบความจริงสักที จนกระทั่งคืนหนึ่ง ความพยายามของลุงก็ได้ประสบความสำเร็จ เพราะเสียงแง๊น แง๊น แง๊น แง๊นนน ดังขึ้นมาแต่ไกลอีกครั้ง! เสียงนั้นกำลังค่อย ๆ ดังขึ้น ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนเสียงนั้นดังมาทางบริเวณหมู่บ้าน ทันใดนั้นลุงก็รีบกระโดดออกมาจากพุ่มไม้ทันที แต่จังหวะที่กระโดดออกมาดูนั้น ลุงก็เกิดอาการช็อกขึ้นมาทันที!! เพราะภาพที่เห็นเป็น รถมอเตอร์ไซค์คันที่เกิดอุบัติเหตุ และคนที่ขี่มาคือนักบินตัวยงที่ตายไปแล้ว นักบิดขี่รถมาด้วยท่าหัวพับกลับไปด้านหลัง ปากฉีกอ้ากว้างไปถึงตา แล้วที่ชวนหลอนมากขึ้นไปอีกคือเสียง แง๊น แง๊น แง๊น แง๊นนน ที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ได้มาจากเสียงท่อแต่อย่างใด แต่เป็นเสียงของนักบิดที่ตายกำลังตะโกนกรีดร้องเป็นเสียงแง๊น แง๊น แง๊น แง๊นนน แล้วขี่รถผ่านหมู่บ้านไป! พี่แจ็คเล่าปิดท้ายว่า เรื่องราวนี้อยากจะหยิบยกขึ้นมาเป็นอุทาหรณ์ให้กับเหล่านักบิดทุกคน ให้คำนึงถึงความผาดโผนบนท้องถนน หากวันใดวันหนึ่งเกิดอะไรขึ้นกระชั้นชิดนิดเดียวบอกเลยว่าอาจไม่รอด.(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

สองพี่น้องอยากไปงานวัด แต่ติดลมจนรถหมด ตัดสินใจโบกรถแถวนั้นกลับบ้าน บังเอิญว่าคันที่ให้ติดไปด้วยดันเป็นรถขนโลงศพ! นั่งไปสักพักโลงศพก็เปิดออกมาเป็นหน้าคนแล้วถามว่า “มึง 2 คนเป็นใคร! มาอยู่บนนี้ได้ยังไง!” หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องน่าสลดกับสองพี่น้อง!

25 ก.ย. 2023

สองพี่น้องอยากไปงานวัด แต่ติดลมจนรถหมด ตัดสินใจโบกรถแถวนั้นกลับบ้าน บังเอิญว่าคันที่ให้ติดไปด้วยดันเป็นรถขนโลงศพ! นั่งไปสักพักโลงศพก็เปิดออกมาเป็นหน้าคนแล้วถามว่า “มึง 2 คนเป็นใคร! มาอยู่บนนี้ได้ยังไง!” หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องน่าสลดกับสองพี่น้อง!

รายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (5 กันยายน 2566) ขอต้อนรับ ‘พี่ขวัญ น้ำมันพราย’ ที่จะมาพบกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ พร้อมกับเรื่องเล่าของสองพี่น้องที่ต้องเดินกลับบ้านหลายสิบกิโลเมตรในตอนตี 2 จะเกิดเรื่องอะไรหลอน ๆ ในคืนนี้ จะเป็นยังไงไปอ่านกันเลย! พี่ขวัญเล่าว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าจาก ‘พี่หม่อม’นักเล่าเรื่องผีที่รู้จักกัน เรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปประมาณ 20 กว่าปี เกิดขึ้นที่ภาคอีสาน เป็นเรื่องราวของสองพี่น้องคู่หนึ่งที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ห่างไกลกับตัวเมือง ชื่อ ‘หนุ่ม’ และ ‘เปีย’ ในช่วงเวลานั้นมีการจัดงานวัด แต่ว่างานวัดแห่งนี้จัดขึ้นในตัวอำเภอเมือง ซึ่งเป็นระยะทางที่ไกลมาก ในสมัยนั้นการจะโดยสารเข้าไปในตัวอำเภอค่อนข้างลำบาก ชาวบ้านจึงต้องรวมจำนวนคนให้มาก ๆ เพื่อที่จะได้ไปด้วยกันทีเดียว งานวัดงานนี้เป็นงานประจำปีของจังหวัด สองพี่น้องก็มีรู้สึกว่าอยากไปเที่ยวกันมาก จึงคุยปรึกษากับผู้ใหญ่บ้านว่าจะเดินทางไปอย่างไรกันดี เพราะตอนกลางคืนจะไม่มีรถประจำทางมาให้บริการ ผู้ใหญ่บ้านเห็นความตั้งใจของลูกบ้าน และอยากให้ไปเที่ยวกันจึงติดต่อรถให้ ซึ่งเป็นรถขนส่งสินค้าที่เข้ามารับวัตถุดิบจากหมู่บ้านไปขายในตัวจังหวัด ทางเจ้าของรถขนส่งก็รับปากว่าจะมารับ แต่มีข้อแม้ว่า ถ้าถึงเวลาเที่ยงคืนแล้วต้องกลับเลย ห้ามโอ้เอ้ เพราะเขาจะต้องตื่นมารับสินค้าแต่เช้าตรู่เพื่อไปขายในเมืองวันพรุ่งนี้ และทั้งสองฝ่ายก็ตกลงกันตามนั้น พอถึงวันงาน ชาวบ้านทั้งหมดก็มารวมตัวกันเพื่อโดยสารรถขนส่งคันนี้ไป ซึ่งมี 2 พี่น้องหนุ่มกับเปียไปด้วย พอไปถึงงาน เจ้าของรถก็บอกว่า “เที่ยงคืนนะ นี่คือเวลานัดหมายของเรา เที่ยงคืนต้องกลับ ไม่ว่าจะอะไร ห้ามโอเอ้ ถ้ามาไม่ทันก็จะไม่รอ” ทุกคนก็แยกย้ายกันไปสนุกสนาน จนใกล้เวลาเที่ยงคืน เปียคนเป็นน้องก็บอกหนุ่มคนพี่ว่า “ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว เดี๋ยวรถไม่รอเรานะ” คนพี่ก็บอกว่า “ไม่เป็นไรช่างมัน จะเป็นอะไรวะนาน ๆ มาเที่ยวกันที กลับกันเองก็ได้ เดี๋ยวหาโบกรถชาวบ้านกลับไปที่อำเภอเราก็ได้” พอถึงเวลาเที่ยงคืน รถขนส่งคันนั้นก็กลับไป สองพี่น้องก็ยังเที่ยวกันไปเรื่อย ๆ จนร้านค้า, ลิเก, หมอลำ และดนตรี เริ่มทยอยกันปิด บรรยากาศเริ่มกร่อย จนคนเป็นน้องบอกกับพี่ว่า “หรือเราจะนอนกันที่วัดก็ได้นะแล้วตอนเช้าค่อยกลับ” แต่คนพี่ก็ปฏิเสธเพราะตนกลัวผี จึงตัดสินใจกันเดินกลับในเวลาตี 2 สองพี่น้องพากันเดินกลับ และคิดว่าจะโบกรถระหว่างทาง ในระหว่างทางเดินที่ออกจากวัดก็มีเสียงหมาหอนตลอดทาง สองพี่น้องโบกรถกันไปเรื่อย ๆ แต่ก็ไม่มีคันไหนไปทางเดียวกันเลย สุดท้ายโชคก็เข้าข้าง ปรากฏว่ามีรถคันหนึ่งขับผ่านมา เป็นลุงขับรถกระบะขนของที่ไปหมู่บ้านใกล้เคียงหมู่บ้านของสองพี่น้อง ทั้งคู่จึงขอติดรถไปด้วย จากนั้นก็กระโดดขึ้นไปนั่งที่ท้ายกระบะ ทั้งสองก็พูดคุยกันไปว่าโชคดีที่มีรถกลับ ระหว่างนั้นก็สังเกตว่าบนรถบรรทุกอะไรบางอย่างมาด้วย แต่เพราะความมืดทำให้มองไม่ชัด กระทั่งรถขับไปถึงไฟแดง แสงไฟก็ทำให้ทั้งคู่ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น เพราะว่ารถกระบะที่พวกเขาขึ้นมานั้นบรรทุกโรงศพมา! ทั้งคู่ผงะถอยหลัง และคิดว่าจะลงจากรถ แต่ก็ไม่ทันเพราะว่ารถออกตัวก่อน ทั้งคู่รู้สึกเริ่มกลัว และเนื่องจากเส้นทางในต่างจังหวัดไม่ได้ราบเรียบ ทำให้จู่ ๆ ฝาโรงศพก็เปิดเอง! แล้วฝาโรงศพที่เปิดอยู่ก็เลื่อนปิดเอง! ด้วยความกลัว เปียคนน้องก็ย้ายตัวเองไปนั่งข้างพี่หนุ่มและคิดว่าจะเอาอย่างไรกันดี ระหว่างนั้นฝาโรงก็เปิดขึ้นมาอีกครั้ง! ทั้งคู่เห็นดังนั้นก็พยายามเอื้อมมือเคาะกระจกให้ลุงจอดรถ แต่สิ่งที่ทั้งคู่เห็นคือ มีหน้าคนโผล่ออกมาจากโรงศพ ใบหน้านั้นมองมาที่สองพี่น้องและพูดว่า “มึงสองคนเป็นใครมาอยู่บนนี้ได้ยังไง!” สิ้นเสียงนั้น สองพี่น้องก็ร่วงลงตกจากรถทันที! ลุงคนขับตกใจ จึงจอดรถและลงมาดู ปรากฏว่าเห็นสองพี่น้องตกจากรถ คนพี่อย่างหนุ่มร้องโอดโอย แต่คนน้องอย่างเปียสลบไปแล้ว ลุงคนขับโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ทำการสอบสวน ลุงจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังว่า ลุงขับรถมากันสองคนกับเด็กขนของ แล้วสองพี่น้องคู่นี้ก็โบกรถขอติดกลับไปด้วย แต่เมื่อไม่เห็นวี่แววของเด็กขนของ ตำรวจจึงถามว่าเด็กขนของอยู่ไหน ลุงก็ชี้ไปที่ท้ายรถ ตำรวจจึงเรียกมาคุย เด็กขนของบอกว่า “ผมนั่งหลังรถมา ผมหนาว เลยเข้าไปนอนในโรง ผมได้ยินเสียงคนคุยกัน ผมก็ไม่รู้ว่าใครมาคุยกันบนรถ ผมเลยเปิดโรงมาดู แล้วถามว่า มึงสองคนเป็นใครมาอยู่บนนี้ได้ยังไง” สรุปแล้วตำรวจจึงต้องดำเนินคดีกับเด็กขนของเพราะเป็นสาเหตุที่ทำให้คนเสียชีวิต และระหว่างที่จะพาตัวคุณลุงและเด็กขนของไปสถานีตำรวจ ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ก็แจ้งมาว่า คนพี่ที่กำลังเดินทางไปโรงพยาบาลเสียชีวิตแล้ว เรียกได้ว่าเสียชีวิตทั้งพี่ทั้งน้อง ทำให้ทั้งตัวลุงคนขับและเด็กขนของต้องติดคุก แต่ก็ติดคุกได้ไม่นาน เพราะทางเจ้าของร้านโรงศพช่วยอธิบายว่าการกระทำของทั้งคู่นั้นไม่ได้เจตนา หลังออกจากคุกและมาทำงานต่อเหมือนเดิม เจ้าของร้านก็สั่งไม่ให้เด็กขนของคนนี้นอนในโรงอีก แต่ว่าผ่านไปได้ไม่นาน เด็กขนของคนนี้ก็เสียชีวิตจากอุบัติเหตุตกรถตายเหมือนกัน! คนจึงโจษขานกันเป็นสองเสียงว่า เป็นเพราะเมาจึงตกรถ แต่อีกเสียงก็บอกว่าเป็นเพราะอาธรรพ์ที่ไปหลอกสองพี่น้องจนทำให้เขาตาย..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ชีวิตกำลังไปได้ดี แต่หลังรู้ตัวว่าป่วยเป็นมะเร็ง ก็เริ่มรู้สึกว่าร่างกายแปลกไป เหมือนมี 'ใคร' มาแทนที่! ญาติให้พระอาจารย์มาช่วยดู แต่ไม่ยอมเจอ สุดท้ายแล้วพูดทิ้งท้ายว่า "กูไปละ" จากนั้นก็เสียชีวิตไป!

22 ก.ย. 2023

ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ชีวิตกำลังไปได้ดี แต่หลังรู้ตัวว่าป่วยเป็นมะเร็ง ก็เริ่มรู้สึกว่าร่างกายแปลกไป เหมือนมี 'ใคร' มาแทนที่! ญาติให้พระอาจารย์มาช่วยดู แต่ไม่ยอมเจอ สุดท้ายแล้วพูดทิ้งท้ายว่า "กูไปละ" จากนั้นก็เสียชีวิตไป!

ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ชีวิตกำลังไปได้ดี แต่หลังรู้ตัวว่าป่วยเป็นมะเร็ง ก็เริ่มรู้สึกว่าร่างกายแปลกไป เหมือนมี 'ใคร' มาแทนที่! เรื่องราวจะเป็นอย่างไร สามารถมาติดตามความหลอนไปพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ จากเรื่อง ‘แฝงร่างจนตาย’ โดย ‘คุณเป้’ สายจากรายการอังคารคลุมโปงX (19 กันยายน 2566) ถ้าพร้อมแล้วปิดไฟแล้วอ่านไปพร้อมกันเลย! คุณเป้เล่าว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับน้าสาว นามสมมุติ ‘คุณเอ๋’ เมื่อ 10-12 ปี ที่ผ่านมา ในตอนนั้นสามีของคุณเอ๋เป็นคนเจ้าชู้และมีผู้หญิงเข้าหาเป็นจำนวนมาก แต่สุดท้ายคุณเอ๋ก็ได้สามีคนนั้นมาครอบครอง จากการที่คุณเอ๋แย่งมาจากผู้หญิงอื่น ต่อมาไม่นานลูกของคุณเอ๋เริ่มเข้าสู่ช่วงประถมวัย คุณเอ๋อยากมีรายได้เพิ่ม จึงเข้าไปสมัครงานในตัวอำเภอ เมื่อได้งานทำแล้ว ชีวิตที่เป็นอยู่ก็เริ่มดีขึ้นมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งคุณเอ๋ทำงานครบ 1 ปี ก็ได้ไปตรวจสุขภาพประจำปีตามสวัสดิการของบริษัท ปรากฏว่าหลังจากที่เธอตรวจสุขภาพเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น หมอได้แจ้งกับเธอว่าเธอป่วยเป็นวัณโรค นั่นทำให้คุณเอ๋เกิดความกังวลและไม่สบายใจเป็นอย่างมาก จึงตัดสินใจไปตรวจเช็คอีกรอบในโรงพยาบาลประจำจังหวัด เรื่องสุดช็อคก็ได้เกิดกับเธอหลังจากทางโรงพยาบาลแจ้งกับเธอว่าเธอพบมะเร็งปอด หลังจากที่คุณเอ๋ทราบผลตรวจแล้ว เธอรู้สึกกังวลและเกิดอาการเครียด จากชีวิตการงานและครอบครัวที่กำลังดำเนินไปได้ดีก็หยุดลง จากนั้นเธอก็ตัดสินใจลาออกจากงาน และกลับมารักษาตัวที่บ้านกับครอบครัว คุณเป้บอกว่า น้าเอ๋มีการรักษาโรคมะเร็งปอดนี้ด้วยยาหม้อ ซึ่งสมัยนั้นมีความเชื่อว่าถ้าดื่มแล้วจะมีอาการดีขึ้น และทางครอบครัวของคุณเอ๋ก็มีการรักษาทั้งแพทย์แผนปัจจุบันและแผนโบราณ แต่ในชนบทเมื่อ 10-12 ปีก่อน มักมีความเชื่อกันว่ามะเร็งจะรักษาไม่ได้ หลังจากคุณเอ๋ตรวจพบโรคมะเร็งปอด สามีของเธอก็เริ่มมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป โดยการไปคบหากับผู้หญิงใหม่ แล้วทิ้งคุณเอ๋ให้อยู่กับลูกตามลำพังในช่วงเวลากลางคืน ต่อมาคุณเป้จึงตัดสินใจพาคุณเอ๋มาอยู่ที่บ้านของยายเพื่อจะได้ดูแลใกล้ชิดขึ้น จากอาการของคุณเอ๋ที่ทรุดตัวลง คุณเป้เริ่มสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติว่าจากที่กินอะไรได้น้อย เดินไม่ไหว ก็กลับมากินอะไรได้เยอะมากกว่าปกติและมีพฤติกรรมแปลกจากเดิม ตามปกติแล้ว ชาวบ้านในหมู่บ้านแถบนั้นก็จะมารวมตัวกันที่บ้านของคุณยาย มาถามไถ่อาการและดูอาการของคุณเอ๋ ในคืนหนึ่งเมื่อทุกคนมารวมตัวกันครบ คุณเอ๋ก็พูดว่า “มึงมากันทำไม มาทำอะไรกันมากมาย” คุณเอ๋ด่าทอทุกคนที่อยู่ที่บ้าน มีคนนึงที่มีรอยสักเต็มตัวเข้าใกล้เธอ เธอก็พูดว่า “ไอ้มารหัวขน มึงเข้ามาทำไม กูร้อน กูอึดอัด กูรู้สึกกลัวมึงจังเลย!” นี่คือลักษณะนิสัยที่คุณเป้ไม่เคยเห็นคุณเอ๋เป็นมาก่อน หลังจากคุณเอ๋มีอาการแปลกไป ก็มีการเรียนเชิญหลวงตามาพรมน้ำมนต์ และมีการฟาดไม้หวายลงกับพื้นตามความเชื่อสมัยนั้น แต่หลังจากเสร็จพิธีแล้ว คุณเอ๋ ก็พูดท้าทายไปว่า “ไอ้พระแก่ ตีกู ดีนะกูโดดหลบทัน ถ้ากูโดดหลบไม่ทันกูเจ็บแน่เลย” หลังจากนั้นช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืน คุณเอ๋มีอาการทรุดลงทำให้ปวดท้องรุนแรง จนทำให้เสียชีวิตในเวลาต่อมา แต่หลังจากที่เธอเสียชีวิตไปแล้ว เธอก็กลับฟื้นขึ้นมา แล้วพุ่งตัวไปกอดแม่ของเธอพร้อมกับพูดว่า “แม่ ต่อไปนี้ลูกจะอยู่กับแม่นะ ลูกจะไม่ไปไหนแล้วนะ” ทุกคนสังเกตเห็นความผิดปกติจากตัวคุณเอ๋ เพราะเธอมีอาการแลบลิ้นปลิ้นตา และขอกินทุกอย่างที่เธออยากจะกิน หลังจากวันนั้นคุณเป้ได้ไปปรึกษากับหลวงพี่ที่เป็นญาติกัน หลวงพี่ได้แนะนำให้โทรไปปรึกษาวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดลพบุรี ซึ่งมีพระอาจารย์ที่เก่งเรื่องดูว่าคนนี้เป็นคนจริง ๆ หรือมีอะไรแฝงในตัวหรือไม่ พระอาจารย์บอกกับเธอว่าคุณเอ๋มีผีสิงในตัวและกินคนมาเยอะแล้ว และพระอาจารย์ก็ยังบอกกับคุณเป้อีกว่าสิ่งที่เธอขอและกินเข้าไปนั้น ห้ามกินต่อเด็ดขาดให้นำไปทิ้งที่ป่าช้าเท่านั้น ถ้ากินแล้วจะได้รับเคราะห์แทน หลังจากคุณเป้ได้โทรไปปรึกษาพระอาจารย์แล้วนั้น ตากับยายก็ได้เดินทางไปยังวัดดังกล่าว แต่พระอาจารย์ไม่ว่างจึงให้สายสิญจน์และน้ำมนต์มาให้คุณเอ๋ดื่ม ในขณะที่เธอดื่ม เธอบอกว่ามันร้อน จนเธอต้องนั่งเป่าให้เย็น ทุกคนที่เห็นก็งง เพราะน้ำมันก็ไม่ได้ผ่านการต้มมาแต่อย่างใด ผ่านไปไม่กี่วัน ทุกคนเริ่มรู้แล้วว่าในตัวของคุณเอ๋ไม่ใช่คุณเอ๋อีกต่อไป จึงพากันรุมเค้นถามว่าคือใคร แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบอะไรจากเธอเลย จนกระทั่งคุณเอ๋รู้ว่าพระอาจารย์จะมา จึงได้พูดออกมาว่า “กูไปละ” จากนั้นเธอก็เสียชีวิตไป เพื่อให้ทางครอบครัวไม่รู้ว่าเธอเป็นใครกันแน่ หลังจากจบงานศพของคุณเอ๋ไม่กี่วัน สามีของคุณเอ๋ก็พาผู้หญิงเข้าบ้าน จนคุณเป้และครอบครัวรู้สึกไม่สบายใจ และไม่พอใจที่สามีของคุณเอ๋ทำเช่นนี้ จนกระทั่งคืนหนึ่ง สามีของคุณเอ๋ได้ไปรับสัปเหร่อมาทำพิธีสะกดวิญญาณในห้องน้ำ ทำให้ร่างของคุณเอ๋ไม่สามารถไปไหนได้ และต่อมาสามีของคุณเอ๋ก็หนีหายไปกับผู้หญิงใหม่ และคุณเป้ก็ยังได้ฝันหลายครั้งว่าคุณเอ๋ไม่สามารถไปไหนได้ เธออยู่ในห้องน้ำ จนคุณเป้มารู้ทีหลังว่าสามีของน้าสาวและสัปเหร่อได้สะกดวิญญาณของเธอไว้ในชักโครกห้องน้ำ ซึ่งมีรูปและมีดอยู่ในชักโครก นั่นทำให้คุณเป้รู้สึกสงสารคุณเอ๋เป็นอย่างมาก ไม่นานหลังจากนั้นคุณเอ๋ก็ได้กลับมาเข้าฝันอีกครั้ง และได้บอกเธอว่าใครที่แฝงในร่างของเธอ ในฝันเธอบอกว่ามีบ้านเยื้องไปไม่กี่หลัง จะเป็นบ้านของหมอธรรมที่ภรรยาของเขาเป็นผีปอบและได้เสียชีวิตไป ซึ่งในช่วงเวลาหนึ่งก็ตรงกับช่วงที่เธอดวงตกจนทำให้วิญญาณผีตนนั้นมาแฝงในตัวของคุณเอ๋นั่นเอง(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

Retrospect ต้องไปเล่นคอนเสิร์ตที่ต่างจังหวัด แล้วได้เข้าพักโรงแรมที่เป็นเหมือนโรงพยาบาลเก่า!

21 ก.ย. 2023

Retrospect ต้องไปเล่นคอนเสิร์ตที่ต่างจังหวัด แล้วได้เข้าพักโรงแรมที่เป็นเหมือนโรงพยาบาลเก่า!

จะเป็นอย่างไรเมื่อ ‘Retrospect’ วงร็อกแนวหน้าของเมืองไทย เจอเรื่องหลอนที่ทำให้ทั้งวงนอนกันไม่ได้! ทั้งเสียงเคาะและเสียงกรี๊ดมากันให้ครบ เรื่องนี้ทำเอาแฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (12 กันยายน 2566) รวมทั้ง ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ถึงขั้นอ้าปากค้าง! จะอึ้งตามกันขนาดไหน ตามไปอ่านกันเลย! ย้อนกลับไปเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับวง Retrospect โดยตรง ในวันนั้นทุกคนเข้าพักในโรงแรมแห่งหนึ่งที่จังหวัดนครปฐม โดยปกติแล้ว โรงแรมธรรมดาที่ไม่ได้ใหญ่โตมากในสมัยนั้น ควรจะเป็นทางบันไดเดินขึ้นลงธรรมดาไม่ได้เอื้อต่อคนที่ต้องใช้รถเข็น แต่ที่โรงแรมแห่งนี้ มีทางเดินสำหรับคนใช้รถเข็นแทบทุกจุด ราวกับว่าก่อนจะเป็นโรงแรม ที่นี่อาจเป็นโรงพยาบาลหรือสถานที่ที่มีคนป่วยใช้รถเข็นอยู่มาก่อน วง Retrospect คิดได้เพียงเท่านั้น แต่ก็เข้าพักตามปกติ เมื่อเดินเข้าไปยังล็อบบี้ ทุกคนก็มองเห็นว่า มีเส้นทางเดินลงไปยังชั้นใต้ดิน แต่มีไม้อัดปิดกั้นไว้เต็มไปหมด และมีศาลตี่จู้เอี๊ยะตั้งอยู่ด้านหน้า ทุกคนยังไม่ได้คิดอะไรเช่นเดิม ต่างคนต่างแยกย้ายเก็บของ ไปทานข้าว เตรียมซาวด์เช็ค และเล่นคอนเสิร์ตตามปกติ เมื่อถึงเวลาประมาณเที่ยงคืนหลังเล่นคอนเสิร์ตจบ ทุกคนก็กลับมายังโรงแรม และแยกย้ายอาบน้ำเตรียมตัวนอน โดยพี่บอมนอนพักร่วมกับเพื่อนชาวต่างชาติที่ชื่อว่า ‘เดวิด’ ลักษณะของห้องมีห้องน้ำ ถัดมาเป็นเตียง 2 เตียง ถัดไปเป็นระเบียง พี่บอมคิดว่าการแบ่งสัดส่วนเช่นนี้ดูคล้ายกับห้องในโรงพยาบาลอย่างไรอย่างนั้น ก่อนจะนอน พี่บอมปิดไฟห้องจนมืดมีเพียงแสงจากโทรทัศน์เท่านั้น สายตาหันไปมองด้านข้างก็พบว่าเดวิดหลับไปแล้ว ตัวพี่บอมเองก็เริ่มง่วงกำลังจะหลับตาลง จู่ ๆ ก็มีเสียงดังขึ้น ปึ้ง ปึ้ง ปึ้ง ปึ้ง! ดังขึ้นรัว ๆ แต่ในตอนนั้นไม่คิดถึงเรื่องผีแม้แต่น้อย คิดว่าเพื่อนมาเคาะเรียก เพื่อชวนไปสังสรรค์ เพราะตามปกติของวงจะมีห้องที่รวมตัวกันเรียกว่า ‘ห้องงาน’ พี่บอมจึงลุกขึ้นไปเปิดประตู แต่สิ่งที่เห็นมีแต่ความว่างเปล่า! พอชะโงกหน้ามองซ้ายขวาปรากฏว่าไม่มีคน ทุกอย่างตรงนั้นเงียบสนิท จึงตัดสินใจปิดประตูหันหลังเข้าห้อง แล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงได้ไม่นาน เสียง ปึ้ง ปึ้ง ปึ้ง ปึ้ง! ก็ดังขึ้นอีก ซึ่งรอบนี้เสียงไม่ได้ดังมาจากประตูหน้าห้อง แต่ดังมาจากห้องน้ำภายในห้อง! พี่บอมเริ่มรู้สึกตัวว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ปกติแล้ว ระหว่างนั้นก็พยายามจ้องไปบริเวณที่มีเสียง เสียงก็ดังขึ้นอีก และค่อย ๆ ย้ายมาจากห้องน้ำ เป็นดังมาจากตู้เสื้อผ้า เคาะไล่มาเรื่อย ๆ จนมาถึงโต๊ะตั้งโทรทัศน์! ตอนนั้นพี่บอมเริ่มมีความรู้สึกกลัว แต่ยังไม่รู้ว่าจะต้องรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร สายตาก็หันไปมองที่เดวิดอีกครั้ง ทำให้ยังมีความรู้สึกอุ่นใจขึ้นเพราะมีเพื่อนอยู่ด้านข้าง พี่บอมพยายามจะจ้องไปที่โต๊ะวางโทรทัศน์ แต่จังหวะนั้น ปึ้ง ปึ้ง ปึ้ง ปึ้ง! ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากใต้เตียง! ในตอนนั้นพี่บอมก็สัมผัสได้ถึงแรงกระแทกของเตียง จึงตัดสินใจลุกวิ่งหนีทันที แล้วทิ้งเดวิดให้นอนอยู่ในห้อง! เมื่อวิ่งออกมาถึงห้องงานก็รีบเปิดประตูเข้าไป แต่ดันเจอเซอร์ไพรส์กว่า เพราะภาพที่เห็นคือทุกคนรวมตัวกันอยู่ที่นี่หมดแล้ว ซึ่งปกติทั้งวงจะไม่ค่อยมารวมตัวกันเยอะขนาดนี้ พี่บอมเดินเข้าไปขอเครื่องดื่ม แล้วนั่งลงโดยที่ยังไม่เล่าอะไร แต่แล้วสมาชิกในวงก็พูดขึ้นมาว่า “พี่เจอแล้วใช่ไหม” เพราะทุกคนที่นั่งอยู่ทั้ง 11 คนเจอเหมือนกันทุกคน แต่ยังพูดไม่ทันจบประโยค เสียง ปึ้ง ปึ้ง ปึ้ง ปึ้ง! ก็ดังขึ้นที่หน้าห้อง เมื่อเดินไปเปิดประตูอีกครั้ง สิ่งที่เห็นคือความว่างเปล่าและความเงียบเช่นเดิม เพียงเท่านั้นทุกคนมองหน้ากันแล้วคิดตรงกันว่า ‘ใช่แน่นอน’ จากนั้นก็ลงความเห็นตรงกันว่าจะออกไปข้างนอก แต่พี่บอมก็นึกขึ้นมาได้ว่ายังมีเดวิดนอนอยู่ในห้อง แล้วตำแหน่งห้องงานและห้องที่เดวิดนอน อยู่ห่างกันคนละฝั่ง (โรงแรมมีลิฟต์ตรงกลาง ห้องงานอยู่ฝั่งซ้ายสุด ส่วนห้องที่เดวิดนอนอยู่ฝั่งขวาสุด) พี่บอมจึงชวนทุกคนออกไปด้วยกัน กลายเป็นทั้งหมดเดินเกาะแขนกันไปเพื่อที่จะไปเรียกเดวิดออกมา ระหว่างทางทุกคนค่อย ๆ เดินช้า ๆ ขณะที่กำลังเดิน ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นซ้ำอีก แต่รอบนี้ดังจากในห้อง เป็นจังหวะแบบที่เมื่อห้องด้านซ้ายดัง ห้องด้านขวาจะดังต่อ สลับกันอย่างต่อเนื่อง! ยังไม่ทันจะถึงห้องของเดวิด เสียงเคาะก็ดังขึ้นก็ไล่มาจนถึงห้องด้านขวาของทุกคน เมื่อทุกสายตามองไปทางประตูด้านขวา เสียงเคาะนั้นกลายเป็นเสียงผู้หญิงกรี๊ดดังขึ้นจากห้องด้านซ้ายแทน! จังหวะนั้นทุกคนส่งเสียงพร้อมกัน “ไป มึงไปปปป!” แล้วก็ตัดสินใจไปนั่งที่ร้านข้าวต้มแถวนั้นจนถึงเช้า เมื่อฟ้าเริ่มสว่าง ทุกคนก็กลับเข้าไปยังที่โรงแรมนั้นอีกครั้ง สิ่งที่เห็นคือ เดวิดยังคงนอนอยู่ท่าเดิมตื่นมาด้วยความไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น และยังยืนยันว่านอนหลับสบายปกติ ทุกคนในวงจึงตัดสินใจเข้าไปถามพนักงานที่ทำงานในโรงแรม คำตอบที่ได้มาคือ ตามปกติแล้วจะเจอที่ชั้น 5 และทั้งชั้นจะไม่มีคนเลย (แต่ที่ Retrospect เจอคือชั้น 4) แต่ทุกเวลาหกโมงเย็น ประตูจะเปิดเองทุกห้อง พร้อมกับเสียงโทรทัศน์ที่เป็นเสียงเพลงชาติเปิดดังขึ้นเอง เมื่อเพลงจบลงโทรทัศน์จะดับเองโดยไม่มีสาเหตุ ส่วนประตูทุกห้องก็จะปิดกลับตามเดิมแบบไร้สาเหตุเช่นกัน! เรื่องหลอนยังไม่จบเพียงเท่านี้ พี่บอมเล่าว่าเมื่อย้อนกลับไปวันที่เข้าพัก ก่อนที่จะไปเล่นคอนเสิร์ต ทุกคนได้มีโอกาสไปทานข้าวร่วมกับเจ้าของโรงแรม โดยเจ้าของเป็นคนออกค่าอาหารให้ทั้งหมด และหลังจากคืนที่เกิดเหตุการณ์เสียงเคาะนั้นจบลงไปได้ไม่นาน ก็มีข่าวว่า เจ้าของได้เสียชีวิตลงจากเหตุฆาตกรรม!(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

EFM FANDOM RECAP

พูดคุยกับ เฟริสท์ ฉลองรัฐ ที่มาชวน First Love ไป FAN MEETING เดี่ยวครั้งแรกในชีวิต แถมพกรอยยิ้ม ความสนุกสนานมาให้แฟนๆได้ฟินกันก่อนนอน

29 ก.ย. 2023

พูดคุยกับ เฟริสท์ ฉลองรัฐ ที่มาชวน First Love ไป FAN MEETING เดี่ยวครั้งแรกในชีวิต แถมพกรอยยิ้ม ความสนุกสนานมาให้แฟนๆได้ฟินกันก่อนนอน

EFM FANDOM LIVE (21 กันยายน 2566) คืนนี้พิเศษมาก ๆ เมื่อ “เฟริสท์ ฉลองรัฐ” มาร่วมเปิดไมค์พูดคุย เล่าถึงเรื่องราวงาน Fan meeting เดี่ยวครั้งแรกในชีวิต ที่จะมีอะไรมาเซอร์ไพรส์แฟนคลับบ้าง และงานนี้ยังพกรอยยิ้ม ความสนุกสนาน เฮฮาที่จะมาทำให้ “ดีเจดาว – ดีเจแนน” และแฟน ๆยิ้มตามกันจนหาทางหยุดยิ้มไม่ได้เลย ช่วงแรกของรายการ ทางเราก็ได้เปิดไมค์ต้อนรับสายให้ตัวแทนแฟนคลับมาร่วมพูดคุยให้ทุกคนได้ทำความรู้จักกับ “เฟริสท์ ฉลองรัฐ” มากยิ่งขึ้นยินดีที่ได้รู้จัก เฟริสท์ ฉลองรัฐ น้องเป็นคนที่ตั้งใจทำงานมาก และก็เป็นคนที่ใส่ใจกับทุก ๆอย่าง ทั้งการทำงาน แฟนคลับ แล้วทุกอย่างที่ทุกคนทำให้น้อง คือน้องรับรู้หมดและตอบกลับทุกอย่างเลย เราเลยอยู่ด้วยกันเหมือนครอบครัว ที่ทุกคนคอยเป็นกำลังใจให้กัน รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้เจอหน้ากัน น้องเก่งมาก ๆในทุกบทบาทที่ได้รับน้องทุ่มเท่มาก ๆด้อมรักแรกของเฟริสท์ น้องเคยบอกไว้ว่าพี่ ๆแฟนคลับทุกคนใจดีกับน้อง และเป็นกำลังใจคอยสนับสนุนน้องอยู่ตลอด เลยเหมือนว่าเรากลายเป็นรักแรกของกันและกัน แล้วด้วยความน่ารักความใส่ใจ เวลาที่เฟริสท์ทำงานเสร็จ จะมาหาแฟนคลับแล้วเรียกว่าแก๊งคนสวยของผม เรียกได้ว่าเป็นอะไรที่น่ารักมาก ๆความรู้สึกแรกต่องาน Fan meeting จากด้อมรักแรกของเฟริสท์ ทุกคนดีใจแล้วก็ตื่นเต้นกันมาก ๆ ก่อนหน้านี้เวลาไปเจอเฟริสท์ก็จะคอยถามกันอยู่ตลอดว่าเมื่อไหร่จะมี Fan meetingที่ไทย แล้วพอน้องประกาศว่าจะจัดงานขึ้น ทุกคนดีใจกันมากเหมือนเป็นเวลาทุกคนรอคอยมาถึงแล้ว จะเกิดขึ้นจริง ๆแล้ว และทุกคนก็เชื่อว่าน้องจะทำออกมาได้ดีมากแน่ ๆในอีกบทบาทนึงของน้องช่วงที่สองของรายการที่ทุกคนรอคอยมาถึงแล้วววว ขอต้อนรับ “เฟริสท์ ฉลองรัฐ” กับการกลับมาร่วมพูดคุยใน EFM FANDOM LIVE อีกครั้งพร้อมกับพกโปรเจคยักษ์ใหญ่ครั้งแรกในชีวิตของเฟริสท์มาฝากกันด้วย จะเป็นยังไงไปต่อกันเลย....ชีวิตช่วงนี้ของเฟริสท์ ช่วงนี้เห็นเฟริสท์ออกงาน ขึ้นเวทีต่าง ๆหนักมาก ทั้งซ้อมร้อง ซ้อมเต้น เฟริสท์เองก็ยอมรับว่าหนักจริง เหนื่อยจริง ก็เหมือนเวลาเราใช้ชีวิตมันก็เหนื่อยเป็นปกติ ขึ้นอยู่กับว่าจะเหนื่อยเรื่องอะไร แต่สำหรับงานนี้มันเป็นความเหนื่อยที่สนุกกับสิ่งที่เรารักขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จอีกขั้นของเฟริสท์ ทางเราก็ขอยินดีกับเฟริสท์ด้วยน้า ที่เพิ่งเรียนจบสถาปัตย์ออกแบบเซรามิกส์ มาใหม่ ๆ ส่วนตัวเฟริสท์บอกไว้ว่าชอบปั้นงานแบบนี้เป็นปกติ แล้วล่าสุดมีโมเมนต์ชวนยิ้มกับพี่วอร์ วนรัตน์ด้วย เฟริสท์ติดตามเป็นแฟนบอยพี่วอร์อยู่แล้ว เห็นเค้าปั้นลงรูปบ่อย ๆ เลยเค้าไปแซวไปคอมเมนต์ ว่า “เอ้ยพี่ผมก็เรียนโทอิ้ง เรียนเซรามิกส์มานะ” พี่วอร์ตอบว่า “ผมตรีสถาปัตย์ก็แทบจะไม่รอดแล้วครับ ให้ไปต่อโทอิ้งอีกภาษาเราก็ไม่แข็ง ให้ไปต่ออีก ทีนี้ก็ว้าวุ่นเลยทีนี้” ปัดโธ่!!! มันคนละโทอิ้ง (หัวเราะ)พูดถึง Fan meeting เดี่ยวครั้งแรกในไทย รู้สึกตกใจมาก เฟริสท์พาเล่าย้อนถึงวันที่ผู้จัดการมาคุยด้วย ซึ่งตามปกติพี่ผู้จัดการจะไปส่งที่คอนโด พอถึงเราก็จะจอดรถคุยอัปเดตชีวิตกันตามปกติ อยู่ พี่ผู้จัดการก็พูดขึ้นมาว่า “เนี่ยเธอ เดี๋ยวเราจะทำ Fan meeting นะ แล้วชั้นไปคุยกับผู้ใหญ่มาแล้วด้วย เดี๋ยวเราต้องทำเลย เพราะเดือนหน้าต้องโชว์แล้ว” พอพูดจบคืนนั้น อีกวันคือไปถ่ายโปสเตอร์เลย ตอนนั้นก็ตกใจ งง แบบอะไรนะ (หัวเราะ)ทำไมต้องเป็นคอนเซ็ปท์ “First Stage ,There is no me without you.” คอนเซ็ปท์คือถ้าเฟริสท์ไม่มีทุกคนก็คงจะไม่มีเฟริสท์ในวันนี้แน่นอน ส่วน First Stage มาจาการที่ตัวเฟริสท์ชอบเล่นคำกับชื่อตัวเอง อย่างช่องYouTube ก็ชื่อ First time อย่างแฟนคลับก็จะเป็น First love แล้วในงานครั้งนี้เป็นการขึ้นเวทีครั้งแรก และขึ้นคนเดียวด้วยเลยเป็น First StageFan meeting ครั้งนี้จะเป็นเรื่องราวยังไง ทุกคนจะได้มารู้จักคำว่าเฟริสท์เป็นเฟริสท์ ที่จะเล่าเรื่องราวให้รู้จักตั้งแต่วันที่เป็นเฟริสท์จนมาถึงปัจจุบัน ซึ่งยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้จักกัน หรือรู้จักเราผ่านสื่ออย่างเดียว ได้เห็นแค่มุมที่ยิ้มแย้ม สนุกสนาน แต่ยังไม่รู้ว่าจริง ๆแล้วเฟริสท์เป็นคนยังไงกันแน่ เลยอยากให้ Fan meeting เป็นตัวกลางสื่อสารว่าเฟริสท์ก็เป็นมนุษย์ธรรมดาคนนึง มีทุกข์ มีสุข มีเศร้า แล้วจะถ่ายทอดออกมาผ่านเสียงเพลง อย่างช่วงสนุกก็จะเต้นออกมาให้เต็มที่เลยเบื้องหลัง Fan meeting ทุกอย่างค่อนข้างหนักแล้วก็ใหม่ เฟริสท์เลยต้องฝึกฝนหนักเพิ่มขึ้นในทุก ๆด้าน ทั้งร้องทั้งเต้น อย่างการเต้นก็จะจริงจังขึ้น ไลน์การเต้นก็จะใหญ่ขึ้น เลยทำให้ต้องฝึกหนักมากกก ในส่วนของร่างกายจะไม่มีควบคุมอะไรเป็นพิเศษ น้ำหนักก็แอบขึ้นนิดหน่อย (หัวเราะ)Fan meeting เดี่ยวครั้งแรก ตื่นเต้นสุด ๆ ตื่นเต้นมาก ปกติจะยืนคู่กัน พอมายืนเดี่ยวครั้งแรกก็เลยบอกครูที่สอนเต้น ขอมีพี่ ๆทีมเต้นหลาย ๆคนขอแบบแน่น ๆสัก70-80คนไว้ก่อนเลย (หัวเราะ) เฟริสท์พกความน่ารัก และเป็นกันเองมาถึงรายการขนาดนี้ ทางเราก็ได้เตรียมความสนุกมาให้เฟริสท์ได้ยิ้ม และหัวเราะจนหยุดไม่ได้เลยกับเกมที่มีชื่อว่า “ยังจำได้ไหม จำได้อ๊ะป่าว…” (เข้าไปชมต่อใน Youtube ทางช่อง ATIME) ขอยืนยันเลยว่างานนี้เฟริสท์เป็นคนที่ทุ่มเทกับการเล่นเกมมาก ๆจนอดพูดคำว่าเอ็นดูไม่ได้เลยยยยเดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายของรายการกันแล้ว ทางเราก็ได้เปิดโอกาสให้แฟนคลับทั้งสามสายมาร่วมพูดคุยฝากความรักมาให้กับ ‘เฟริสท์’ กันด้วย จะซึ้งและน่ารักขนาดไหน ไปฟังกัน.... “ซัพพอร์ตหนูอยู่ตลอดนะลูก ช่วงนี้หนูน่าจะมีซ้อมดึกแล้วก็ซ้อมหนักด้วย อยากจะบอกว่าพักผ่อนด้วยน้า พักผ่อนเยอะ ๆ อย่ากดดันตัวเองอย่าหักโหมมากเกินไปนะลูก แค่หนูแบบตั้งใจทำโชว์นั้นออก ก็รู้สึกว่าภูมิใจในตัวหนูมาก ๆ แล้วก็จะจะรอดูหนูใน First Stage นะลูกกก” “รักเฟริสท์มากน้า ก็คือเฟริสท์ฮีลใจได้ทุกครั้งเลยเวลาที่ได้ไปเจอกัน เวลาที่เราเหนื่อย ๆแค่ได้เห็นทวีตของเฟริสท์ก็ฮีลใจได้แล้วจริง ๆ” “ขอบคุณเฟริสท์มากที่เป็นรอยยิ้มที่สดใสในชีวิตของแฟนคลับ คือเวลาเฟริสท์ยิ้มมันคือเรื่องดี ๆของทุกคนมาก ๆ ขอบคุณที่เฟริสท์เป็นเด็กดี น่ารักแบบนี้ตลอด อย่างที่เคยบอกไปจะคอยซัพพอร์ตเฟริสท์ตลอดน้า ยังอยู่ข้าง ๆน้องมีอะไรก็จะไม่โดดเดี่ยว จะมีทุกคนอยู่รอบตัวน้องเสมอ”สุดท้ายนี้ EFM FANDOM LIVE ขอขอบคุณ ‘เฟริสท์ ฉลองรัฐ’ มาก ๆที่กลับมาหากันอีกครั้ง และยังมาแจกรอยยิ้ม ความสนุกสนานให้กับทุกคน ทางเราก็ขอฝากงาน Fan meeting “First Stage ,There is no me without you” ที่จะจัดขึ้นวันที่ 7 ตุลาคม 2566 ณ โรงละคร Kbank สยามพิฆเนศ สามารถซื้อบัตรได้แล้วที่ www.firstchalongrat.com เจ้าตัวยังบอกอีกว่างานนี้รับรองเลยว่า เต้นคือเต้น เรียกได้ว่าเต้นให้คุ้มค่าลิขสิทธิ์เพลงที่ซื้อมาเลยสามารถเข้าไปรับชม LIVE ย้อนหลังได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

รักไม่รู้ภาษา แต่ “ต้าห์อู๋-ออฟโรด” อยากให้ “นับดาว” รู้ว่า... ความรักที่มีให้กันมันมากกว่าคำว่ารัก และขอให้อยู่กันอย่างนี้ไปนานๆ

20 ก.ย. 2023

รักไม่รู้ภาษา แต่ “ต้าห์อู๋-ออฟโรด” อยากให้ “นับดาว” รู้ว่า... ความรักที่มีให้กันมันมากกว่าคำว่ารัก และขอให้อยู่กันอย่างนี้ไปนานๆ

วันพฤหัสบดีที่ 14 กันยายน 66 ที่ผ่านมา EFM FANDOM LIVE เปิดสตูต้อนรับสองหนุ่ม “ต้าห์อู๋ - ออฟโรด” ที่มาพร้อมกับโมเม้นต์สุดน่ารัก สร้างเสียงหัวเราะให้ทุกคนได้ยิ้มและขำตามๆกัน พร้อมพูดคุยในรายการกับ “ดีเจดาว - ดีเจเเนน”ก่อนที่จะไปพูดคุยกับ “ต้าห์อู๋ - ออฟโรด” ในช่วงแรกของรายการ พี่ๆดีเจได้คุยกับตัวแทนของแฟนคลับถึงสิ่งที่อยากจะบอก “ต้าห์อู๋ - ออฟโรด” ด้วยไดโน่ของต้าห์อู๋ ชื่อด้อม ‘ไดโน่ของต้าห์อู๋’ มาจากที่ต้าห์อู๋ชอบไดโนเสาร์ก็เลยชื่อแบบไดโน่ ทีนี้ไดโน่เป็นตัว Dino เขาก็จะมี U เติมไปด้วย เพราะจะมีคำที่เขาพูดคือ ไดโน่ที่มียูก็เหมือนมีอู๋อยู่ข้างๆ ก็เลยเป็น Dinou ล่าสุดต้าห์อู๋ก็พึ่งเปลี่ยนชื่อไลน์โอเพนเเชทไป เป็น “มิตรรักเเฟนเพลงไอ้อู๋ (ไม่เคยคิดจะสร้างกลุ่มใหม่)” จริงๆแล้วก็เป็นห่วงในเรื่องสุขภาพเเละก็เรื่องขับรถ เพราะว่ามีงานบางทีก็ดึก เสร็จปุ๊บก็เช้าก็แน่ๆแหละพักผ่อนน้อย แล้วช่วงนี้ก็อากาศเปลี่ยนตัวน้องก็เป็นภูมิเเพ้ด้วยก็กลัวจะเป็นไข้ อีกเรื่องก็จะเป็นขับรถ กลัวว่าจะเหนื่อยหรือเพลียเวลาขับรถ อยากให้เซฟตัวเองดูเเลตัวเองเยอะๆ ตอนนี้ก็ทำทั้งด้านศิลปินทั้งเพลงทั้งนักแสดง แล้วก็ยังเป็นทหารในกรมThewayoffroad ก็จะมีนัดเวลาไปเจอน้องเวลาที่น้องมีงาน เเล้วก็มีพึ่งปิดพรีออเดอร์เสื้อบ้านรอบสองไป เร็วๆนี้จะมีโปรเจกต์ใหญ่ด้วย เป็นห่วงเรื่องสุขภาพไม่อยากให้เครียดมากเกินไป เหมือนเขาอยากจะทำอะไรให้มันสำเร็จเขาก็จะซ้อมๆแล้วก็กดดันตัวเอง ไม่อยากให้กดดันตัวเองมากเกินชื่อด้อมแฟนคลับคู่ของ “ต้าห์อู๋-ออฟโรด” คือ “นับดาว” นับดาวจะเป็นเพลงที่ต้าห์อู๋เเต่ง แบบนอนนับดาวน่ารักๆ แฟนคลับคู่ก็เลยเรียกชื่อนี้ไปเลย เเล้วก็มาจากช่วงที่ทั้งคู่ติดโควิดแล้วกักตัวกันที่ห้องของออฟโรดแล้วก็นับดาวบนเพดานมาถึงช่วงที่สองของรายการที่จะพาไปพูดคุยกับ “ต้าห์อู๋-ออฟโรด”พูดถึงบรรยากาศในงาน Gotcha Pop Concert ต้าห์อู๋ : รู้สึกสนุกครับ เเล้วก็ดีใจเป็นอีกครั้งที่ได้ขึ้นเวที เวทีคือที่ ที่ผมชอบที่สุดอยู่เเล้ว เเล้วมันรู้สึกมีความสุขเพราะว่าเราไม่ได้ขึ้นคนเดียว เราขึ้นกับเพื่อนอีก 4 คน มันก็เป็นอะไรที่น่าคิดถึง ออฟโรด : คอนเซ็ปท์ในวันนั้น LAZ1 ใส่เสื้อกล้ามกันทุกคนเลย ต้องขอบคุณทาง Atimeshowbiz ที่จัดงาน Gotcha Pop Concert ดีๆแบบให้เพื่อนๆวงการ TPOP แล้วก็ LAZ1 ได้กลับมาขึ้น Stage อีกครั้ง วันนั้นสนุกมากๆเลย แล้วก็มีโชว์พิเศษกับ PERSES ด้วยวันนี้แสงในห้องจัดวิบวับกระแทกตาดีเจและแฟนๆ เพราะแหวนคู่ของ “ต้าห์อู๋-ออฟโรด” เลย ออฟโรด : เป็นแหวนคู่ไว้ใส่เวลางานสำคัญเท่านั้น ต้าห์อู๋ : เพราะว่าจริงๆที่ผมให้น้องเนี่ย เราทำงานคู่กัน เเล้วในตอนนี้เหลือเเค่สองคนเเล้ว แล้วมันก็มีคำถามเข้ามาว่า “เราจะทะเลาะกันไหม” “เราจะรักกันมากขึ้นหรือเราจะเกลียดกันมากขึ้นไหม” อะไรแบบนี้ ก็คือเราทำงานเเล้วผ่านไปได้ดีมากๆ จริงๆเราก้าวข้ามอะไรหลายๆอย่างมาแล้ว เรารู้สึกว่าความสัมพันธ์ของเราที่ปกติคุยกันได้ทุกเรื่องอยู่เเล้ว ก็เราผ่านที่จะทำงานยากๆในความสัมพันธ์ของคนที่ทำงานด้วย ก็เลยอยากให้ของมีค่าอะไรสักอย่างหนึ่งเก็บเอาไว้นะ ว่าแบบวันนี้เราผ่านอะไรมาด้วยกัน ถึงวันเราเเยกออกจากกันเเล้ว ให้เป็นกำลังใจในการใช้ชีวิตครั้งเเรกที่ออฟโรดมา ก็ได้พูดความรู้สึกถึงต้าห์อู๋ บอกเลยว่า...ตอนนี้ยังเป็นเเบบนั้น ออฟโรด : ตอนนี้เขาก็ยังอยู่ซ้อมให้ผม ล่าสุด Stage Gotcha Pop Concert มีเพลงใหม่คือ เพลง Fire เขาก็ช่วยสอนท่าให้ ด้วยความที่หลังๆผมไม่ได้ซ้อมหนักเท่าเมื่อก่อนแล้ว แล้วหาเวลาไปซ้อมดีกว่าและออฟโรดได้ขอให้โชคชะตาไม่ใจร้ายกับพี่ต้าห์อู๋ ตอนนี้ไม่ถึงกับใจร้ายแล้ว! ต้าห์อู๋ : ผมแอบรู้สึกว่าจริงๆเป็นบททดสอบแหละ ซึ่งรางวัลที่เราผ่านมาได้ มันเป็นบททดสอบ ถึงเเม้มันจะยากในโชคชะตา แต่ผมรู้สึกว่าทุกอย่างที่เราเจอกับอุปสรรค มันให้รางวัลเรากลับมาเสมอ มันเหมือนได้บทเรียนเราเหมือนกันนะ เหมือนในอนาคตต่อไปนี้ ต่อให้เจอเรื่องยากๆ ผมก็อยากจะไปสู้กับมัน อยากรู้ว่าจะได้บทเรียนอะไรกับชีวิตเราบ้างพูดถึงเพลงประกอบซีรีส์ “รักไม่รู้ประสา” ในซีรีส์ “รักไม่รู้ภาษา”รักไม่รู้ประสานี่ ตีความด้วยคาแรคเตอร์น้องภูมิใจด้วย น้องภูมิใจไม่ค่อยรู้ประสีประสา ไไม่เคยเจอความรัก ด้วยความที่ยังเด็กน้อยอยู่ อย่างตัวละครหยางไม่รู้ว่านี่คือความรักหรือเปล่า เเล้วตัวละครภูมิใจเองด้วยความใสๆก็ไม่รู้ว่าความรักหรือเปล่า แต่ว่ามันมีความสุขเเค่อยู่ด้วยกันก็พอในบทบาท “หยาง” อาจจะไม่ยากอย่างที่คิด! เพราะ “ต้าห์อู๋” พูดภาษาจีนได้อยู่เเล้ว ถ้า 100% ก็พูดได้อยู่ประมาณ 30% คือ สามารถพูดคุยในบทสนทนาทั่วไปได้ เเต่ไม่ใช่ทางการ เพราะว่าผมเคยไปเเข่ง survival ที่จีนมา 2 ปี ก็เลยได้บ้าง ได้ก็อปสำเนียงบ้าง มีแบบฟังเเล้วก็พูดตาม เเล้วก็อ่านพินอินออกหมดเลยแล้วถ้าในชีวิตจริง “ต้าห์อู๋” ได้รู้จักกับตัวละครของ “หยาง” จะเป็นยังไง? ไม่น่าได้ ไม่น่าเข้าหา เราไม่รู้ที่ไปที่มาของคาเเรคเตอร์ของหจางที่เขามีเหตุผลของเขาอยู่ เราเองที่ไปเจอเขาที่เขาจริงจังกับบางสิ่งบางอย่างมาก เราคงไม่อยากไปยุ่งหรือไปรบกวนเขา คงไม่ได้มีโอกได้รู้จักกันขนาดนั้น เเต่ถ้าทำวานด้วยกันก็ไม่แน่“ต้าห์อู๋” ในชีวิตจริง กับบทบาท “หยาง” ในซีรีส์แตกต่างกันขั้นสุด! ทำการบ้านเยอะมาก ด้วยความที่ระยะเวลาเตรียมตัวมันสั้นมาก ต้องทำงานไปด้วยเเล้วก็มานั่งมอนิเตอร์ตัวเองเเล้วก็ต้องมาคุยกับผู้กำกับว่าจริงๆเเล้วต้องเป็นยังไงเเล้วก็พัฒนาตัวละครไปเรื่อยๆMV เป็นไรไหม... ของ “ต้าห์อู๋” ในบทบาท “หยาง” ออฟโรด : เป็นเอ็มวี ซิงเกิลล่าสุดของพี่อู๋ ‘เป็นไรไหม’ มันมีเเค่ตู้ปลาตรงกลางที่มันกลั้นระหว่างเราสองคน เเล้วเขาก็นั่งเเบบมันเป็นเพลงที่มันเศร้าเเล้วเขาก็คือเศร้ามากแบบน้ำตาไหล เป็นเพลงที่ต้องใช้เอนเนอร์จี้เยอะ เเล้วถ่ายหลายคัท หลายมุมกล้อง เขาต้องใช้อารมณ์ในการร้องทุกรอบ เเล้วเรารู้สึกว่าเราต้องให้พลังเขาไป เราก็เลยเข้าไปเลยแบบว่า “เป็นไรจ๊ะ” แล้วก็จูงมือเขาออกมางานนี้พี่ๆดีเจแอบถามถึงฉากเซอร์ไพรส์ในซีรีส์ ออฟโรด : หลังจากนี้ ep.5 ถึง ep.8 มีซีนที่ทุกคนต้องแบบให้ติดตามอย่างแน่นอน แบบเป็นซีนคายแมค ต้าห์อู๋ : ที่อยากให้ทุกคนดู ep.5 เพราะว่ามันน่าดู ตั้งเเต่เราอ่านบท ep.นี้เหมือนละครแล้วพูดถึงเพลงเดี่ยวของน้องภูมิใจ จะมีมั้ยน้าาา ออฟโรด : เพลงเดี่ยวของน้องภูมิใจจะเป็นคนละฟิวกับของพี่หยาง เพลงของเเต่ละคนจะบ่งบอกมูดของตัวละครนั้นๆ ซึ่งของผมจะเป็นเพลงง่ายๆ เเล้วก็เป็นเพลงที่ทุกคนคาดไม่ถึง แล้วผมก็มีส่วนช่วยในการแต่งเมื่อสองหนุ่ม “ต้าห์อู๋-ออฟโรด” มารายการของเราทั้งที! ทางเราก็ได้มีเกมให้สองหนุ่มเล่นชื่อเกมว่า “รักไม่รู้... Emoji” บอกเลยว่างานนี้มีทั้งเสียงหัวเราะ และหูเคลือบทองแน่นอน (เข้าไปชมใน Youtube : ATIME) มาถึงกันช่วงสุดท้ายของรายการแล้ววว ทางรายการก็ได้เปิดโอกาสให้แฟนคลับได้โทรเข้ามาพูดคุยเกี่ยวกับความประทับใจเเละสิ่งที่อยากจะบอกกับ “ต้าห์อู๋-ออฟโรด”ถึง… ออฟโรด “อยากจะบอกว่าดูเเลรักษาสุขภาพให้ดีนะคะ เพราะช่วงนี้น้องทำงานหนักมากเลย ถ้าวันไหนเครียดๆหรือว่าเหนื่อยมากๆมาเบ่นเกมกับเเฟนคลับได้นะคะ หันกลับมาพวกเราก็อยู่ตรงนี้ซัพพอร์ตอยู่นะคะ”ถึง… ต้าห์อู๋ “เราดูซีรีส์วายมาเยอะมาก เเต่น้อยเรื่องมากที่เราจะดูซ้ำเเต่เรื่องนี้จะดูซ้ำแน่ๆ รักไม่รู้ภาษา มันเป็นเพราะว่าการเเสดงเขาดีมากๆ”ถึง… ต้าห์อู๋-ออฟโรด ดีใจมากที่ทั้งสองคนได้มีโอกาสได้มาร่วมทำงาน ได้เดินบนเส้นทางที่ทั้งคู่ตั้งใจมาตั้งเเต่ต้น ทั้งคู่ทำให้เราเห็นว่าการมีกันมันดี ขอบคุณที่ทำให้เรารู้สึกว่ารักตัวเองมากขึ้นดีใจที่ทั้งคู่ประสบความสำเร็จ ตั้งเเต่วันเเรกจนถึงตอนนี้ รู้ว่าทั้งคู่ตั้งใจมากๆเเล้วเราก็เห็นสิ่งนี้ เเล้วก็ในอนาคตทั้งคู่ในเรื่องของความตั้งใจในการเป็นศิลปินและนักแสดงจะประสบความสำเร็จไปเรื่อยๆ“ต้าห์อู๋” และ “ออฟโรด” ได้พูดความรู้สึกถึงกันเเละกัน“ออฟโรด” ถึง “ต้าห์อู๋” ขอบคุณพี่อู๋ ขอบคุณทุกอย่างที่เป็นพี่อู๋ที่แบบซัพพอร์ตออฟโรดมาจริงๆ ก็อาจจะมีช่วงที่ดื้อไปบ้างไม่เข้าใจกันบ้าง คนเราทำงานด้วยกันก็ต้องมีไม่เข้าใจกันบ้าง ขอบคุณที่ยังเชื่อใจเเล้วเลือกที่จะหันหน้ามาคุยกัน มากอดที่เวลาผมเหนื่อยมากๆ “สำหรับผมพี่ต้าห์อู๋คำว่ารักยังไม่พอเลย” มันดูเเลกันมามากๆ คือผมกับพี่อู๋คือไม่รู้จะพูดอะไรเเล้ว รักมากๆ ผมเป็นห่วงพี่ทุกอย่าง มีอะไรที่ช่วยได้น้องคนนี้ก็จะช่วยอย่างเต็มที่เสมอครับ“ต้าห์อู๋” ถึง “ออฟโรด” ก็ไม่รู้จะบอกอะไรจริงๆ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างผมบอกน้องไปหมดเเล้วว่า ก็ดีใจครับไม่ว่าใครจะพูดไรผมว่าความสัมพันธ์ของเราดีจริงๆ ถึงเเม้ว่าคนอื่นจะมองยังไงไม่รู้เเต่เรามีความสัมพันธ์ที่ก็ไม่ได้ให้ทุกคนแบบนี้แล้วก็รู้สึกว่าทุกคนก็ไม่ได้ให้เราเเบบนี้ ถึงเเม้ว่าจะมีบางครั้งที่บางอย่างไม่ได้เข้าใจกันบ้างเเต่ทุกครั้งมันผ่านไปได้ดีตลอด เเล้วก็มันดีขึ้นเรื่อยๆก็อยากจะขอบคุณเหมือนกัน เเล้วก็อยากจะบอกว่า “อยู่ด้วยกันไปอีกนานๆ”สุดท้ายนี้ฝากซีรีส์ ‘รักไม่รู้ภาษา’ ของ “ต้าห์อู๋-ออฟโรด” ขอฝากซีรีส์พวกเราด้วยนะ “รักไม่รู้ภาษา” ออนทางช่อง ONE31 ทุกคืนวันเสาร์ เวลา 21:30 น. สามารถดูย้อนหลังได้ที่ทาง TrueID เป็นซีรีส์ที่น่ารักๆ แล้วก็เข้มข้นมากๆ ฝากเพลงซีรีส์เราด้วยมีถึง 3 เพลงนะครับ เพลงประกอบซีรีส์ก็ “รักไม่รู้ประสา” เเล้วก็เดี่ยวของต้าห์อู๋ “เป็นไรมั้ย (would you mind?)” สามารถฟังได้ทุกสตรีมมิ่ง ส่วนของออฟโรดก็กำลังจะมีเหมือนกัน จะเป็นในอีกมุมมองความรัก เป็นมุมมองของภูมิใจ เป็นเพลงที่ง่ายๆแล้วก็ทุกคนคาดไม่ถึงเเน่นอนขอบคุณ “ต้าห์อู๋-ออฟโรด” มากๆที่ร่วมพูดคุยและร่วมสนุกกับทางรายการ EFM Fandom Live ได้สร้างเสียงหัวเราะให้กับรายการเป็นอย่างมาก ฝากซีรีส์ล่าสุดเรื่อง “รักไม่รู้ภาษา Love In Translation” คนนึงแบกความฝันข้ามทะเลหวังจะเติบโตอย่างมั่นคง กับอีกคนต้องการเป็นคนที่ดีขึ้น เพื่อพิชิตใจสาวในฝัน แม้ว่าทั้งคู่จะต่างภาษากัน แต่ทว่าความใกล้ชิดทำให้เกินหวั่นไหว งานนี้จากพาร์ทเนอร์ร้านจะกลายมาเป็นพาร์ทเนอร์รักได้ยังไง? ตามลุ้นกันได้เลย…สามารถเข้าไปรับชมกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

บอส - เอินเอิน - ไดร์ม่อน 3 นักแสดงจากซีรีส์ “Across the Sky ลัดฟ้าล่าฝัน” ที่จะพาทุกคนไป FUN กับเส้นทางการเป็นศิลปิน

07 ก.ย. 2023

บอส - เอินเอิน - ไดร์ม่อน 3 นักแสดงจากซีรีส์ “Across the Sky ลัดฟ้าล่าฝัน” ที่จะพาทุกคนไป FUN กับเส้นทางการเป็นศิลปิน

วันที่ 7 กันยายน 66 ที่ผ่านมา “ดีเจแนน” - “ดีเจดาว” เปิดสตู EFM FANDOM LIVE ต้อนรับ ความสนุกพร้อมความน่ารักจาก 3 นักแสดง “บอส บูลเศรษฐ์ - เอินเอิน ฟาติมา - ไดร์ม่อน ณรกร” จากซีรีส์ “Across the Sky ลัดฟ้าล่าฝัน” ซึ่งในช่วงแรกทางรายการก็ได้เปิดหน้าไมค์ให้ตัวเเทนแฟนคลับได้มาร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวให้ชาว EFM Fandom Live ได้รับฟังกันมาเริ่มที่บ้าน “ลีมูซีนของบอส” (บอส บูลเศรษฐ์) เวลาน้องไปซ้อมหรือไปหาเพื่อนๆ การแต่งกายของน้องจะเป็นลุค CEO น้องจะชอบใส่สูทออกไปข้างนอก บางทีก็อยู่ดีๆก็ขอกำลังใจหน่อย น้องมีฉายา คือ บอสอยู่ที่ไหนต้องหาของกิน เวลาไลฟ์ก็จะมีของกินตอนไลฟ์ตลอดเวลา น้องจะเป็นสายแอดเวนเจอร์สุกดๆ อยากให้บอสดูเเลตัวเองเยอะๆ พักผ่อนเยอะๆ ช่วงนี้รู้สึกว่าน้องจะป่วยงาย ไม่ว่าจะทำอะไรก็ทำให้เต็มที่เลย ลีมูซีนของบอสพร้อมซัพพอร์ตต่อกันที่ “NASA” (เอินเอิน ฟาติมา) ติดตามตั้งเเต่ที่เอินเอินออกอากาศตั้งแต่ EP.3 เขาเป็นคนที่ฮาๆทะเล้น ขี้เล่น ชอบเล่นมุก เป็นคนอารมณ์ดี ขอบคุณที่เต็มที่กับผลงานทุกอย่าง ขอบคุณที่พยายามทุกอย่างเพื่อให้เหล่า NASA ทุกคนยิ้มได้และปิดท้ายด้วย “DiamondDee” (ไดร์ม่อน ณรกร) ตัวไดร์ม่อนเป็นเด็กที่หาความฝัน มีความทะเยอทะยานที่จะไปถึงความฝันตัวเอง แฟนคลับที่ว่าซนแล้ว ไดร์ม่อนซนกว่า เขาจะเป็นคนตึงๆ จะความ Introvert นิดนึง สิ่งที่ตึงสุดความหล่อเหลาในเเต่ละวัน ที่ทำให้แม่ๆ DiamondDee หงายหลังตึงเลย ภูมิใจในตัวไดร์ม่อนเสมอ ตั้งเเต่วันแรกจนถึงวันนี้เป็นคนที่เก่งมากๆ ที่ผ่านมาไดร์ม่อนจะเป็นรอยยิ้ม เป็นเสียงหัวเราะ เป็นกำลังใจ ให้กับเราชาว DiamondDee ตลอด มาถึงช่วงที่สองของรายการ พูดคุยกับ 3 นักแสดงนำจาก “Across the Sky ลัดฟ้าล่าฝัน” นำโดย บอส บูลเศรษฐ์ - เอินเอิน ฟาติมา - ไดร์ม่อน ณรกร จะสนุกสนานขนาดไหน ไปต่อกันเลยดีกว่า…ไดร์ม่อนเคยมาแล้ว แต่เป็นการมา EFM FANDOM LIVE ครั้งแรกของบอสและเอินเอิน ไดร์ม่อน - เพื่อนๆเขาก็ถามว่ารายการเป็นยังไง ก็บอกว่าเป็นรายการจะมีเป็นห้องแบบห้องเก็บเสียงอะไรอย่างนี้ แล้วก็จะมีคอมพิวเตอร์ แล้วก็มีกล้องเยอะๆ“ไดร์ม่อน” กับ “บอส”รู้จักกันมาก่อนกับการประกวด “LAZ iCON” บอส - ตอนอยู่ในรายการเรามีโคโดโมะด้วย โคโดเมะเนี่ยจะเป็นแก๊งเด็กที่เด็กสุดในรายการ ตอนนั้นผมยังไม่ได้อยู่ในแก๊ง เเล้วก็ค่อนข้างจะโดดเดี่ยวจะอยู่กับพวกพี่ๆมากกว่า ไดร์ม่อนก็แบบเห้ย มาอยู่ด้วยกันไหม“เอินเอิน” พอรู้ว่าจะได้มาเล่นกับทั้งสองคน เอินเอิน - จริงๆได้ยินชื่อเสียงของบอสมาก่อน ไดร์ม่อนได้ยินตอนได้เดบิวต์เป็น “LAZ1” แล้ว แต่ว่าของบอสก็จะได้ยินผ่านพี่ทีมงานมาบ้าง แล้วก็มีกังวลบ้างเรื่องนี้มีเเต่ผู้ชาย ตอนเเรกรู้สึกว่าเข้ากัเพื่อนไม่ได้เเน่เลย เพราะเราก็ไม่ใช่คนที่แบบจะไปทักก่อนหรือจะเข้าหาก่อน ตอนนี้คือหนูเป็นเด็กผู้ชายเต็มตัวเเล้วค่ะครั้งแรกที่ได้เจอ “เอินเอิน” ไดร์ม่อน - แว๊บแรก อู้ยยย อย่างงี้เลย บอส – แว๊บเเรกก็อู้ยๆเหมือนกัน ไดร์ม่อน – แต่พอรู้จักก็อืมมมทั้งสามคนต้องออดิชั่นก่อนที่จะมาเล่นซีรส์เรื่องนี้ บอส - คือเรามีการเตรียมตัวก่อน ก็จะมีประชุม zoom กันก่อน ไดร์ม่อน - ใน zoom ก็จะมีเด็กแต่ละคนเปิดหน้า ก็คือจะได้เห็นไลฟ์สไตล์เด็กแต่ละคน ไลฟ์สไตล์ของบอสจะเป็นหนุ่มที่แต่วตัวดูดีตลอดเวลา เอินเอิน - ตัวหนูรู้ว่าต้องไปออดิชั่นก็คือ คืนวันก่อนออดิชั่นเลย พอรู้ก็แกะท่าเต้นทุกอย่างจนถึงตี 3 วันนั้น หนูมาหลังเพื่อน ตอนเเรกจะไม่ได้เต้นจะไม่ได้ร้องจะได้เล่นเเค่บทเฉยๆ หนูกลัวเสียโอกาส ก็เลยไปขอพี่บอยตอนออดิชั่นได้ทำอะไรไปบ้าง ก็จะมีร้องเพลง เต้น เต้นก็จะมีรับท่าเต้นหน้างาน เเล้วก็ไปฝึกซ้อมกันเเล้วค่อยมาเต้นให้เขาดูใหม่ ก็จะมีเตรียมเพลงของเราไปเต้นด้วยเเล้วก็เพลงสำหรับการร้องของเราไปด้วย มีผู้ใหญ่หลายๆคนมาดูซีนที่ทั้ง 3 คน ลำบากใจมากที่สุด บอส - มันมีหลากหลายอารมณ์มากเลยครับ เเต่อันที่จำไม่ลืมเลย คืออันที่คุยกับเเม่เรื่องความฝันเรา เรื่องการที่เเย้งว่าการที่เขาไม่ซัพพอร์ตความฝันเรา จนมันเป็นฉากที่เรากลัวมาก มันคือฉากดราม่าแต่พี่บอยบอกว่าปล่อยไปกับตัวละคร เลยเป็นฉากที่ประทับใจตัวเองเหมือนกันที่เราสามารถปล่อยไปมันออกไปได้ ไดร์ม่อน - เรื่องคิวการบู๊เยอะ เราเป็นตัวละครที่เหมือนกับเป็นอันธพาลของเรื่องจะมีซีรบู๊ค่อนข้างที่จะเยอะ ก็เป็นห่วงว่าเราจะต่อยผิดคิวหรือเปล่า ตรงนั้นค่อนข้างที่จะยากสำหรับเรา เอินเอิน - ของหนูจะเป็นซีนเต้น ถ้ามีการเต้นรวมกลุ่มกันเราจะมีการซ้อมกันเป็นอาทิตย์ค่ะ แต่อาจจะเป็นซีนที่แบบที่ไม่ได้วางในเบรกดาวน์ไว้ หรือว่าเขาอยากจะถ่ายเพื่อพี่บอยก็จะมาขอแบบนี้ ท่อนนี้ ประมาณนี้ แล้วให้เราเต้นเลย เราก็ต้องทำให้ได้สิ่งที่จะได้เห็นจากซีรีส์เรื่อง “Across the Sky ลัดฟ้าล่าฝัน” จะได้เห็นทุกอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็นแพชชั่นของเด็กๆที่มีฝัน อาจจะได้เห็นการต่อสู้กับความพยายามของตัวละคร ไม่ว่าจะเป็น ดราม่า คอมเมดี้ หลักๆจะเห็นเดิมพันของตัวละคร การเเข่งขัน เรื่องการร้อง การเต้น ก็เข้มข้นเเน่นอนเพลงประกอบซีรีส์ “You're My First Love” ก็จะเป็นเพลงที่เราร่วมกันวาดฝัน เเล้วก็พูดถึงรักแรกในเป้าหมายของความฝันว่าความฝันของเราคือรักแรก เป็นเพลงที่มีคนร้อง 19 คนและเพลง “Across the Sky” เป็นพวกเรา 3 คนร้อง (บอส บูลเศรษฐ์ - เอินเอิน ฟาติมา - ไดร์ม่อน ณรกร) เป็นตัวเเทนของเพื่อนๆที่อยากจะส่งกำลังใจให้กับทุกคน เมื่อทั้ง 3 คน นักแสดงนำจาก “Across the Sky ลัดฟ้าล่าฝัน” มาทั้งทีเราก็มีเกมให้ทั้ง 3 คนเล่นสนุกๆกันด้วย ชื่อเกมว่า “ไอ้เราก็… ซะด้วยสิ่” (เข้าไปชมใน Youtube : ATIME)เดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย ทางรายการได้เปิดโอกาสให้แฟนๆ เข้ามาพูดคุยกับทั้ง 3 คน ในรายการ เห็นน้องๆทั้ง 3 คน มีความความตั้งใจ ละครเรื่องนี้ก็เหมือนบอกเล่าเป็นตัวเเทนของเด็กวัยรุ่นในสมัยนี้ อยากให้กำลังใจกับทั้ง 3 คน อยากให้สิ่งที่น้องๆตั้งใจในเรื่องนี้ประสบผลสำเร็จเป็นไปตามที่น้องๆคาดหวัง ขอให้ละครเรื่องนี้ประสบความสําเร็จดังๆ มีเเต่คนชอบ มีเเต่คนดูเยอะๆเลย บอส ก็เป็นเด็กที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจ เอินเอิน ก็มีความน่ารักคิดแล้วว่าน้องต้องมาได้ไกล ส่วนไดร์ม่อน น้องความสามารถตั้งเเต่ LAZ iCon ประทับใจน้องๆทั้ง 3 มีความสามารถและมีความมุ่งมั่นกันมากๆ สุดท้ายนี้ฝากละคร “Across the Sky ลัดฟ้าล่าฝัน” เริ่มตอนเเรกวันที่ 9 เดือน 9 เวลา 20:15 น. ทางช่อง One31 ส่วนเพลงก็มีอยู่ 2 เพลงจาก “Across the Sky ลัดฟ้าล่าฝัน” ก็คือ “You're My First Love” และ “Across the Sky” อยากให้ทุกคนไปฟังเเละรอดูละครเรื่องนี้ พวกเราตั้งใจกันมากๆเลย และต้องขอบคุณทั้ง 3 คน ที่ได้มาร่วมพูดคุยกับรายการ EFM Fandom Live ทำให้ได้เห็นความฝันทั้งใจชีวิตจริงทั้งในละครด้วยสามารถเข้าไปรับชมได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

กฎแรงดึงดูด หรือจะเท่า...กฎแห่งรักดึงดูดของ “แจม-ฟิล์ม” ที่ทำให้กลายมาเป็น ‘แมวน้อย กับ หมายักษ์’ ที่ทุกคนรักขนาดนี้ บอกเลยมันโคตรพิเศษที่สุด

06 ก.ย. 2023

กฎแรงดึงดูด หรือจะเท่า...กฎแห่งรักดึงดูดของ “แจม-ฟิล์ม” ที่ทำให้กลายมาเป็น ‘แมวน้อย กับ หมายักษ์’ ที่ทุกคนรักขนาดนี้ บอกเลยมันโคตรพิเศษที่สุด

รายการ EFM Fandom Live [31 สิงหาคม 2566] มาฟินจิกหมอนไปกับ “แจม - ฟิล์ม” มาพร้อมกับความน่ารัก ความสนุก และเสียงหัวเราะ พร้อมพูดคุยในรายการกับ “ดีเจเเนน และ ดีเจโซเซฟ” ก่อนที่จะไปพูดคุยกับ “แจม-ฟิล์ม” ในช่วงแรกของรายการพี่ๆดีเจพูดคุยกับตัวแทนของแฟนคลับที่มาพูดถึงความประทับที่มีต่อ “แจม-ฟิล์ม” และ สิ่งที่อยากจะบอก “แจม-ฟิล์ม”ความประทับใจและสิ่งที่อยากบอกกับแจม การแสดงจากที่ได้รับบทเล็กๆไม่มีอะไรเลย เเต่มีเสน่ห์ของแจมที่ดึงดูดคนดู และยังมีความมุ่งมั่นการทำงานผ่านสายตา สิ่งที่อยากจะบอกก็คือ ขอบคุณที่ไม่ละทิ้งความฝันไม่ว่าจะมีอุปสรรคมากแค่ไหน ก็ฝ่าฟันทำตามความฝันทำให้ก้าวมาถึงจุดตรงนี้ได้ความประทับใจและสิ่งที่อยากบอกกับฟิล์มฟิล์มพูดเสมอเลยว่า “ผมไม่ขอให้อยู่กับผมตลอดไป แต่ขอให้ทักคนมีความสุขในทุกนาทีที่ได้อยู่ด้วยกัน” สิ่งที่อยากจะบอกก็คือ ทุกการเดินทางของเราที่อยู่เคียงข้างฟิล์มมันจะมีความสุข มีเสียงหัวเราะ มีรอยยิ้ม เพราะเรารู้ว่านี่คือความสุขที่สุดของฟิล์ม ในวันที่ฟิล์มเหนื่อยล้าแฟนฟิล์มทุกคนพร้อมจะเป็นลมใต้ปีกให้เสมอ เเละสิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นเรารู้ด้วยว่าวันที่เราเหนื่อยล้าฟิล์มก็พร้อมที่จะเป็นลมใต้ปีกให้เราเหมือนกันความประทับใจและสิ่งที่อยากบอกกับแจมฟิล์มทั้งคู่มีเคมีที่เข้ากันมากๆจากซีรีส์ทำให้ตกหลุมรักคู่นี้ สิ่งที่อยากจะบอกคือ ยินดีสนับสนุนทั้งแจมและฟิล์มทุกๆผลงาน ไม่ว่าจะเป็นผลงานของตัวเองที่เเสดงกับคนอื่นก็ยินดีที่จะสนับสนุนต่อไปเรื่อยๆ เพราะว่ามีสโลแกนว่า “Walk Together Support Forever (เราจะเดินไปด้วยกัน ซัพพอร์ตกันเเละตลอดไป)” มีกำลังใจในการทำงานทุกเส้นทาง ยินดีที่จะเป็นพลังรักให้กับทั้งสองคนตลอดไปมาสู่ช่วงที่สองของรายการที่จะมาพูดคุยไปกับ “แจม-ฟิล์ม”การเปลี่ยนแปลงของชีวิตในช่วงนี้ “แจม” งานเยอะขึ้นเวลานอนลดลง เพราะว่าต้องทำงานเช้าขึ้น เเต่ก่อนเคยพูดกับพี่ฟิล์มนะว่าผมอยากทำงาน 7 วัน พี่ฟิล์มก็บอกว่าเดี๋ยวก็รู้ เวลาพักผ่อนก็น้อยลงจริงๆเลยต้องหาเวลาแบบที่งานไหนที่ไม่ไหวก็จ้างรถตู้เเล้วก็นอนบนรถ เวลาออกกำลังยังเเบ่งเวลาไม่ค่อยได้ดีสักเท่าไหร่ จริงๆเป็นคนที่กินหมดทุกอย่างจะมีบางมื้อที่จะเน้นอกไก่เน้นโปรตีนเป็นหลัก ตอนนี้ก็กลายมาเป็นอกไก่หายไปเป็นหนังไก่แทน แต่ก็ยังออกกำลังมีเเตะบอล ตีแบตกับเพื่อน เพราะว่าชอบออกกำลังกายอยู่เเล้ว “ฟิล์ม” เป็นอีกช่วงหนึ่งที่ได้เรียนรู้ ย้อนไปเมื่อ 5 - 6 ปีที่แล้วเราก็มาจากละครปกติมากกว่า ได้เรียนรู้กลุ่มคนใหม่ๆที่ได้ทำแล้วก็สนุกเหมือนกัน แล้วก็มีน้ำหนักที่ลดลงในช่วงต้นปีกินคลีนทำได้ประมาณ 90% แรกๆก็เครียดหลังๆมาก็คิดว่ากินแค่ไม่อดตายให้อิ่มท้องพอ ก็ลงมาประมาณ 6 - 7 กิโลกรัม ใช้เวลา 9 เดือน“Laws of Attraction กฎแห่งรักดึงดูด” เคยคิดไหมว่าทั้ง 2 คนได้มาเจอเป็นเรื่องของแรงดึงดูด ในมุมมองของแจมคือทำงานกับใครก็หวังให้ไปด้วยกันอยู่เเล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะไปได้ขนาดไหน ก็ไม่ได้คืดเหมือนว่าจะมาได้ขนาดนี้บทบาทใหม่ของทั้งคู่จาก “คุณเทียน - อาจิว” สู่ คุณครู กับ ทนาย” “แจม” ในชีวิตจริงผมเรียนจบครุศาสตร์ดนตรี ได้เป็นนักศึกษาฝึกสอนแล้วบรรจุได้ พอบรรจุเเล้วยังเรียกลำดับยังไม่ถึง ที่เคยเรียนเป็นพวกดนตรีไทย ดนตรีสากล ดนตรีพื้นเมือง พิน โปรงลาง ถ้าตอนไปสอนจะเป็นดนตรีสากล ส่วนในเรื่องจะเป็นครูสอนกีฬาก็คือ กีฬาเทควันโด ซึ่งไม่เคยเล่นไม่เคยเรียน ไปเวิร์คช็อปวันเดียวเเล้วสายดำทันที ความท้าทายของผมคือเทควันโดกับความดราม่าที่ไม่เคยเล่นขนาดนั้นมาก่อน เป็นซีนอารมณ์ที่หนัก ด้วยเวลาที่เร่งถ่ายก็คือต้องทำการบ้านแบบเร็วๆ “ฟิล์ม” ก็คือต้องจำบทเพราะบทยาว ด้วยเวลาที่มีให้เตรียมตัวน้อยมาก สิ่งที่เราทำได้จริงๆเราไม่ได้ไปนั่งศึกษากฎหมายสิ่งที่ต้องทำคือเวลาได้บทมามันคือการจำบท เป็นอะไรที่ยากกว่าปกติ เพราะเป็นภาษาที่ไม่สามารถที่จะพลิกแพลงหรือเปลี่ยนคำพูดแล้วให้ความหมายเเบบเดิมได้ ภาษากฎหมาย หรือประมวลกฎหมายมันต้องพูดแบบเดิมทุกคำ คำว่าและกับหรือต่างกันแล้ว ความหมายเปลี่ยนทันที คำต้องเป๊ะหมด ต้องใช้เวลาในท่อง 3 - 4 เท่าของซีนปกติ คาแรคเตอร์ก็จะได้รับบีฟจากคนเขียนบทหรือผู้กำกับว่าเป็นแบบนี้นะ ที่เหลือเราก็จะต้องไปหามาเสริมเพิ่มเติมเอง เลยรู้สึกว่าเป็นการบ้านที่ต้องทำเยอะที่สุดเเล้วแจม พูดเรื่อง ฟิล์ม บนเครื่องบิน ตอนนั้นไปแฟนมีทครั้งแรกมาเก๊า เวลาพี่ฟิล์มอยู่บนเครื่องก็คือใส่เครื่องนวดตานอน คือมันมีเสียงเพลงเเล้วมีไฟ แล้วบนเครื่องมันมืด เเล้วมันไฟก็กระจายบนเครื่องฟิล์ม พูดเรื่อง แจม บนเครื่องบิน เขาก็นอนเหมือนกัน ใส่หูฟังเสร็จก็นอนไม่ต่างกันเล่นละครด้วยกันมา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ 2 ของทั้งคู่แล้ว เวลาเข้าซีนด้วยกัน จริงๆไม่มีอะไรจะเขินนะ ไม่รู้จะเขินอะไร เพราะว่าเป็นตัวละคร แต่เวลาซ้อมมันก็จะมีนิดๆ ด้วยความที่ยังเป็น แจมกับฟิล์ม ยังไม่ได้เอาตัวละครเข้ามาอยู่ในตัวเองจะรู้สึกว่า หึ้ยยย มันแปลกอะ...พัฒนาการของแจมในมุมมองของฟิล์ม ก็เห็นรายละเอียดที่มากขึ้น ผมคิดว่าเป็นเรื่องของประสบการณ์บางสิ่งบางอย่างมันพูดเเล้วมันทำเลยไม่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างมันอาศัยประสบการณ์ แต่ว่าผมได้เห็นการพัฒนาการด้านการแสดงรายละเอียดที่มันมากขึ้นมากกว่าเรื่องที่เเล้ว เเล้วก็เห็นถึงความสบายตัวที่มากขึ้น ทางรายการ EFM Fandom Live ของเราก็มีเกมให้ “แจม-ฟิล์ม” ได้เล่นสนุกๆกันด้วย ชื่อเกมว่า “ท้าพิสูจน์ กฎแรงดึงดูด แห่ง…” (เข้าไปชมได้ใน Youtub : ATIME) มาถึงช่วงสุดท้ายของรายการเเล้ว ทางรายการเปิดโอกาสให้แฟนคลับได้โทรเข้ามาพูดคุยกับ “แจม-ฟิล์ม”To... แจม ดีใจด้วยที่วันนี้ประสบความสําเร็จไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว มีคนรู้จักเยอะขึ้น สามารถทำตามความฝันของตัวเองได้คือซ่อมแซมบ้านให้คุณย่าได้ ก็คือความพยายามของเเจมนะที่ทำให้เเจมมาถึงตรงนี้ อยากให้ดูแลสุขภาพ พักผ่อนเยอะๆ พร้อมที่จะซัพพอร์ตตลอดTo... ฟิล์ม อยากจะบอกว่าดีใจมากๆที่ได้เจอนักแสดงเก่งๆอย่างฟิล์ม จากที่ได้ดูรายการอื่นและละคร ทำให้รับรู้ถึงทัศนคติดีๆของฟิล์ม การที่มาซัพพอร์ตพี่ฟิล์มทำให้เป็นคนที่เก่งขึ้น เเละมีความสุขมากขึ้น อยากให้พักผ่อนเยอะ พร้อมซัพพอร์ตเสมอ“แจม-ฟิล์ม” พูดถึงกันและกันฟิล์ม To เเจม อยากให้น้องจัดลำดับความสำคัญในชีวิตให้ถูก เพราะเป็นคนจัดลำดับความสำคัญยังไม่ถูก ทำบางสิ่งบางอย่างคิดว่าสำคัญแล้วไม่ได้นอน ซึ่งเป็นสิ่งที่มุกคนเป็นห่วงเรื่องการพักผ่อน ทำให้สุขภาพมันเเย่ พูดกับเขาเเล้วไม่ค่อยฟัง ก็ฝากแฟนๆบ้านคู่แล้วก็บ้านแจมเตือนเรื่องการพักผ่อน บางทีปากเขาบอกว่านอนมาเเต่อาการวันนี้มารู้ว่าเมื่อวานอดนอนเรารู้ทันที มันดูออกไม่ยากเลย อันนี้เป็นสิ่งที่ห่วงมากจริงๆ แล้วก็ทุกวันนี้ก็ดีเเล้วอะไรที่มันดีอยู่เเล้วเก็บรักษาไว้ อะไรที่มันไม่ดีเราต้องยอมรับแล้วคอยปรับ เรายอมรับเพื่อให้เราได้เติบโตแจม To ฟิล์ม ขอบคุณตลอดเวลา 1 ปีกว่าๆได้เรียนรู้อะไรอีกเยอะ เขาก็สอนวิธีการตีความตัวละคร แม้กระทั่งมุมกล้องเขาก็จะคอยดูให้ตลอด เขาก็คอยช่วยบอกช่วยสอน เป็นประสบการณ์ที่ดีเลย สุดท้ายนี้... EFM Fandom Live ก็ขอขอบคุณ “แจม-ฟิล์ม” ที่มาร่วมสนุกและสร้างเสียงหัวเราะภายในรายการทั้งคู่น่ารักกันมาก ฝากซีรีส์ล่าสุดเรื่อง “Laws of Attraction กฎแห่งรักดึงดูด” ทนายไร้หัวใจและครูผู้ต้องการความยุติธรรมมาปะทะกัน จะเป็นแรงดึงดูดให้พวกเขาใกล้ชิดกันได้อย่างไร? ตามลุ้นกันได้เลย...สามารถเข้าไปรับชมกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

พูดคุยกับ 4 นักแสดงนำจาก “แมนสรวง” “มาย – อาโป – บาส - ต๋อง” ภาพยนตร์พีเรียด สืบสวน - สอบสวน ที่ใครได้ดูบอกเลยว่าต้องขนลุก!

06 ก.ย. 2023

พูดคุยกับ 4 นักแสดงนำจาก “แมนสรวง” “มาย – อาโป – บาส - ต๋อง” ภาพยนตร์พีเรียด สืบสวน - สอบสวน ที่ใครได้ดูบอกเลยว่าต้องขนลุก!

เมื่อวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา “ดีเจดาว” และ “ดีเจแนน” เปิดม่าน EFM Fandom Live ต้อนรับความอลังการ ความสนุกสนาน เงื่อนงำชวนพิสูจน์ กับ 4 นักแสดงนำจาก “แมนสรวง” นำโดย อาโป ณัฐวิญญ์ – มาย ภาคภูมิ – บาส อัศวภัทร์ – ต๋อง ธนายุทธ เรื่องราวของวันนี้จะเป็นอย่างไร ชวนชาว Fandom มาร่วมค้นหาไปด้วยกัน...ในช่วงแรกของรายการเปิดด้วยการพูดคุยถึงความรู้สึกในด้อมไปกับตัวแทนแฟนคลับของทั้ง 4 บ้านกันก่อนเลยเริ่มจากตัวแทนแฟนคลับของ มาย ภาคภูมิ ชื่อด้อม : Greeny Rose ชื่อนี้ไม่ได้มาเล่น ๆ เพราะเต็มไปด้วยความหมายสุดลึกซึ้ง จริง ๆ ชื่อนี้มาจากมายเป็นคนตั้งเอง อย่างคำว่า Greeny เป็นชื่อสีเขียวที่ให้ความรู้สึกสบายตา ร่มเย็น ส่วน Rose คือดอกกุหลาบที่มายชอบ เลยจับมารวมกันเป็นสิ่งที่รัก กับสิ่งที่รัก กลายมาเป็นชาวแฟนคลับที่มายรัก ทิ้งท้ายฝากถึงมาย “อยากให้มายรักษาสุขภาพ กลางคืนไม่อยากให้เล่นโซเชียลจนดึก อยากให้นอนเยอะ ๆบ้าง แล้วก็ขอให้แมนสรวงทะลุไปถึงร้อยล้านเลยน้า”ต่อด้วยตัวแทนแฟนคลับของ อาโป ณัฐวิญญ์ ชื่อด้อม : Apocolleagues มาจากการเป็นเพื่อนร่วมทางที่มี อาโป ผู้น่ารัก เป็นหัวหน้าทีม Apocolleagues ยังซัพพอร์ตอาโป ไม่ว่าจะเป็นงานต่าง ๆ รวมไปถึงแมนสรวงด้วย ทางบ้านก็มีกิจกรรมเยอะเลยมาซัพพอร์ตอาโป อย่างล่าสุดเหมาโรงภาพยนตร์ ร่วมชมกับชาวApocolleagues ทั้งกรุงเทพและต่างจังหวัด เรียกได้ว่าแฟนคลับน่ารักกันมาก ๆทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทิ้งท้ายฝากถึงอาโป “อยากให้อาโปพักผ่อนเยอะ ๆ ช่วงนี้งานหนัก ได้กินอาหารที่ชอบเยอะ ๆ พักผ่อนให้เพียงพอสุขภาพแข็งแรง แมนสรวงทะลุถึงร้อยล้านไปเลย”ถัดมาเป็นตัวแทนแฟนคลับของ บาส อัศวภัทร์ เพราะทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคือ Remembas คำนี้มาจาก Remembrance ที่หมายถึงความทรงจำ บาสเคยบอกว่าอยากให้ทุกอย่างเป็นความทรงจำที่ดีของหนุ่มบาสและแฟนคลับนั่นเอง ทิ้งท้ายฝากถึงบาส “ขอให้บาสรักษาสุขภาพ พวกเราทุกคนติดตามผลงานบาสอยู่ แล้วก็ขอฝากพ่อว่านด้วยน้า ไปดูกันเยอะๆ”สุดท้าย...ตัวแทนแฟนคลับของ ต๋อง ธนายุทธ ปลาน้อยของต๋อง ว่ายน้ำกันอย่างสนุกสนาน และอบอุ่น ปลาน้อยของต๋องยังพูดถึงบรรยากาศในบ้าน เรียกได้ว่ารวมคนที่มีความชอบคล้าย ๆ กัน ความคิดคล้ายกันเวลาอยู่รวมกันแล้วอบอุ่น สบายใจมาก ๆ ทำให้รู้สึกว่าปลาน้อยของต๋องน่ารักมาก ๆ และจะน่ารักตลอดไปเลย ทิ้งท้ายฝากถึงต๋อง “ปลาน้อยของต๋อง เราภูมิใจในตัวพี่ต๋องมาก ๆ เสมอมาอยู่แล้ว แล้วก็อะไรที่พี่ต๋องมีความสุข ก็อยากให้พี่ต๋องทำสิ่งนั้น ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องกดดันตัวเอง อะไรที่พี่รัก เราก็จะรักด้วย” มาถึงช่วงที่สองของรายการ พูดคุยกับ 4 นักแสดงนำจาก “แมนสรวง” นำโดย อาโป ณัฐวิญญ์ – มาย ภาคภูมิ – บาส อัศวภัทร์ – ต๋อง ธนายุทธ เรื่องราวของวันนี้จะน่าสืบสวน ชวนค้นหา และสนุกสนานขนาดไหน ไปต่อกันเลยดีกว่า...การเดินทางที่ประสบผลสำเร็จที่สุด ทางเราก็ขอแสดงความยินดีก่อนเลยกับนักแสดงนำทั้ง 4 คนและทีมงาน “แมนสรวง” กับสถิติการจองตั๋วล่วงหน้าสูงสุดในรอบ 20 ปี และสถิติการทำรายได้รอบเปิดตัวสูงสุดของปีอีกด้วย เรียกได้ว่าสร้างสถิติใหม่กันอย่างต่อเนื่องเลยทีเดียวพูดถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา มีอะไรเปลี่ยนแปลงกันไปบ้าง เปิดด้วย “อาโป” ก่อนเลย หลังจากที่ห่างหายจาก EFM Fandom Live ไปนาน “สิ่งที่เปลี่ยนแปลง คือได้เจอแฟนคลับมากขึ้น แล้วก็ได้ทำงานอื่น ๆที่ต่างไปมากขึ้น ได้ไปเวิร์ลทัวร์ด้วย อีกอย่างอยากเข้าป่ามาก ยังไม่มีเวลาเข้าป่าเลย (หัวเราะ)” ต่อกันที่ “มาย” การเปลี่ยนแปลงที่อยากให้เกิดขึ้นในแมนสรวง “ที่ต่างก็คือ มีแมนสรวงนี่แหละให้ทุกคนได้ดู และมีโอกาสไปทัวร์ที่หลายเมืองหลายประเทศเลย คิดว่าจะได้ไปอีกเร็ว ๆนี้กับการไปพร้อมกัน 4 คน เพราะแมนสรวงจะได้ไปฉายที่ประเทศเพื่อนบ้านด้วย” คนที่สาม “บาส” กับการทำงานที่ทำให้ทัศนคติเปลี่ยนแปลงไป “ชีวิตก็โตขึ้น หลังจากที่ได้ไปทัวร์ ทำให้ทัศนคติ Mindset ต่าง ๆเปลี่ยนไป และยิ่งได้ไปเจอแฟนๆก็ยิ่งอยากที่จะสร้างผลงานให้แฟนๆได้ชม ได้ชื่นชอบอีก แมนสรวงเลยเป็นอีกหนึ่งผลงานที่พวกเราตั้งใจทำกันมาก ๆ” และ คนสุดท้าย “ต๋อง” การเปลี่ยนแปลงที่ต้องปรับจูนตัวเอง “ถ้าเป็นชีวิตส่วนตัวก็คือ เพิ่งเรียนจบไป ถ้าชีวิตการทำงานก็คือการได้ทำงานร่วมกับเพื่อน ๆ และรู้สึกโตขึ้น มีสติมากขึ้น ช่วงนี้เจอแฟนๆเยอะขึ้นรู้สึกมีคนรักเรามากขึ้น เราเป็นบุคคลสาธารณะแล้ว การคิดการอ่านก็เลยต้องมีสติมากขึ้น” พี่ต๋องยังแอบแซวตัวเอง เรียกเสียงหัวเราะทั้งสตู “เราเป็นเซเลป เป็นดาราดัง เราเป็นซุปตาร์แล้ว ก็เลยต้องแบบ เอ๊ะ อะ ยังไงดีนะ”ช่วงเวลาที่เหนื่อยแล้ว ต้องการฮีลใจ “อาโป” เป็นตัวแทนในการพูดถึงช่วงเวลาที่เหนื่อยในการทำงาน ทำเอาเหล่าแฟน ๆต้องยิ้มตามกัน “โปมองว่าถ้ามีงานทำ มันก็ต้องเหนื่อยเป็นเรื่องธรรมดา แต่ว่าเรา Enjoy และมีความสุขกับมันไหม อย่างเวลาเราไปเจอแฟนๆ คือทำให้เห็นว่ามีคนรอรับความรักอีกเยอะมาก นั่นหมายความว่า สิ่งนี้คือตอบแทนให้พวกเราหายเหนื่อย”จากคินพอร์ช สู่แมนสรวง เรียกได้ว่า คินพอร์ช ที่เคยสร้างปรากฎการณ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นจุดรวมพลที่ทำให้ทั้ง 4 คนได้มีโอกาสไปเวิร์ลทัวร์ตามประเทศต่าง ๆจนได้เห็นว่ามีคนติดตามผลงานไทยและเห็นถึงเส้นทางที่จะพาทั้ง 4 คนไปได้ไกลและโตมากยิ่งขึ้น จึงนำเอาความเป็นไทยจากความสามารถที่ทั้ง 4 คนชื่นชอบ มาต่อยอดเพื่อส่งต่อไปยัง Global จึงเกิดเป็น แมนสรวง ขึ้นมารีวิวแมนสรวง ที่แต่ละคนต้องดูไม่ต่ำกว่าสิบรอบรีวิวโดย “บาส” “มันเป็นหนังที่ความรู้สึกส่วนตัวเหมือนดู Sherlock Holmes อยู่ คือมีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนอยู่ แบบมีปมซ้อนในปมที่พีคสุดอีก แล้วตัวละครแต่ละตัวก็จะมีpointของตัวเอง ยิ่งดูซ้ำหลายรอบก็จะยิ่งก็บรายละเอียดแต่ละจุดได้เยอะขึ้น”รีวิวโดย “ต๋อง” “เราทุกคนดูซ้ำกัน ไม่ต่ำกว่า 3-4 รอบ ยิ่งทำให้เห็นว่ายังมีรายละเอียดที่มองข้ามไม่ได้ หรือยังมีบางจุดที่เราข้ามไปโดยไม่รู้ตัว”รีวิวโดย “มาย” “ถ้าเปรียบแมนสรวงกับอาหาร ก็จะเป็นอาหารที่ไม่ย่อยยากเกินไป แต่มีสารอาหารครบถ้วน ถ้าไปดูก็คือได้ความครบรส ที่จริงก็แอบคิดว่าที่PRมาจะพูดเวอร์ไปไหม แต่พอได้ไปดูด้วยตัวเองทำให้รู้ว่าโอเคพูดได้เต็มปากว่าหนังดีจริง”รีวิวโดย “อาโป” “พอได้ดูหลาย ๆรอบ ยิ่งทำให้รู้สึกว่า แมนสรวง เป็นหนังที่เหมือนอาหารที่ว่างเมื่อไหร่ ก็กินได้ เพราะว่าทุกครั้งที่กินมันยังมีจุดที่ยังมองไม่เห็น หรือ ความรู้สึกที่สงสัยว่า เอ๊ะนี่คือสารที่เขาต้องการสื่อสารหนิ เลยเปรียบเหมือนอาหารว่างที่อยากกินต่อไปเรื่อย ๆและเชื่อว่าหลายคนมองว่านี่เป็นหนังวาย แต่ที่จริงแล้วมันคือหนังแนวสืบสวนสอบสวน ที่เป็นเวอร์ชั่นไทยที่ทานได้ทุกชาติ”แมนสรวง อยู่ที่การตีความของแต่ละคน นักแสดงทั้ง 4 คนฝากถึง “ไม่อยากให้มองว่าเป็นหนังวายหรือไม่วาย เพราะนั่นไม่ใช่ประเด็นหลักในการนำเสนอ สุดท้ายต้องมาจากการตีความของแต่ละคน อยากให้มองที่แก่นหลักมากกว่าว่าเป็นวัฒนธรรมไทย แนวสืบสวนสอบสวนที่ต้องไปดูด้วยตาของตัวเอง....” “มาย – อาโป – บาส – ต๋อง” ยกทีมแมนสรวง นำวัฒนธรรมไทยมาถึงรายการทั้งที เราก็มีเกมให้ทั้ง 4 คนเล่นสนุกๆกันด้วย ชื่อเกมว่า “เปิดม่านโรงละครสอนใจ” (เข้าไปชมใน Youtube ทางช่อง ATIME) สุดท้ายนี้... EFM Fandom Live ขอขอบคุณ อาโป ณัฐวิญญ์ – มาย ภาคภูมิ – บาส อัศวภัทร์ – ต๋อง ธนายุทธ เป็นอย่างมากที่ได้มาร่วมพูดคุยถึงภาพยนตร์ใหม่อย่าง “แมนสรวง” กับทางรายการ ทางเราก็ขอฝากภาพยนตร์ชั้นดี ของทั้ง 4 คนให้ไปถึงห้าหมื่นล้านกันตามที่หวังเลยน้า อ่านจบแล้วรีบตามดู EFM Fandom Live แล้วก็รีบไปจองตั๋วชมแมนสรวงกันเร็วววววสามารถเข้าไปรับชมกันได้ทางเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

กลับมา EFM FANDOM LIVE ครั้งนี้ “บุ๋น – เปรม” ไม่ได้มาเล่นๆ เพราะเขามีคอนเสิร์ตมาฝากทุกคน! พร้อมเล่าภารกิจเซอร์ไพร์สวันเกิดสุดฮา

17 ส.ค. 2023

กลับมา EFM FANDOM LIVE ครั้งนี้ “บุ๋น – เปรม” ไม่ได้มาเล่นๆ เพราะเขามีคอนเสิร์ตมาฝากทุกคน! พร้อมเล่าภารกิจเซอร์ไพร์สวันเกิดสุดฮา

วันที่ 17 สิงหาคม 66 ที่ผ่านมาพบกับ EFM Fandom Live เปิดสตูดิโอต้อนรับความสนุกพร้อมกับเสียงหัวเราะกับสองหนุ่มสุดฮอต “บุ๋น-เปรม” ที่จะมา “จิ้นกันให้ YUPP!” บอกก่อนเลยว่างานนี้มีแต่เสียงหัวเราะมาที่ช่วงแรกของรายการก่อนที่จะไปพูดคุยกับ “บุ๋น-เปรม” มาพูดคุยกับตัวแทนแฟนคลับของทั้ง 2 หนุ่มถึงโปรเจกต์ที่ผ่านมาโปรเจกต์ที่แฟนๆทำให้ “บุ๋น” ตอนนี้มีอยู่ 2 โปรเจกต์ที่แฟนคลับทำให้บุ๋น โปรเจคแรกที่เพิ่งจะปิดรับพรีออเดอร์ไปคือ โปรเจกต์ปฏิทินปี 2024 อีกอันหนึ่งคืองานวันเกิดย้อนหลังของบุ๋น โดยปฏิทินที่เพิ่งปิดพรีออเดอร์ไปบอกได้เลยว่ามันจึ้งมาก ถ้าได้เห็นคือต้องเตรียมยาดม ยาหม่องเลย ตั้งแต่ที่เปิดวันแรก ใครที่สั่ง 400 ออเดอร์แรกจะมีแถมโฟโต้การ์ดให้ และสุดท้ายก็ถึง 400 ออเดอร์โดยที่ไม่ถึง 1 วัน ในส่วนของงานวันเกิดที่จัดย้อนหลังให้กับบุ๋น ก็คือวันที่ 16 สิงหาคม 66 ที่ผ่านมา ให้แฟนๆมากรอกทะเบียนย้อนหลัง มีแฟนคลับมาประมาณ 400 คน ทำให้ทุกกิจกรรมในงานที่เอ็นจอยกันมากทั้งแฟนคลับและศิลปิน ที่สำคัญเลยก็มีคุณแม่และพี่ชายของบุ๋นมาร่วมเซอร์ไพร์สวันเกิดด้วย แล้วก็รวมไปถึงเปรมที่มาอวยพรวันเกิดให้กับบุ๋นโปรเจกต์ที่แฟนๆทำให้ “เปรม” มีโปรเจกต์ครบรอบ 25 ปี เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 66 ที่ผ่านมา ก็ได้ไปบริจาคเลือดร่วมกับแฟนคลับที่สภากาชาดไทย ล่าสุกที่พึ่งผ่านไป วันที่ 8 เดือน 8 ครบรอบ 3 ปีของบ้าน “Prem Space official” ได้จัดโปรเจกต์ร่วมกันบริจาคของให้กับเด็กที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านพะเบี้ยว จังหวัดเชียงใหม่To… บุ๋น อยากฝากเรื่องสำคัญเลย อยากให้บุ๋นนอนเยอะๆพักผ่อนบ้าง เห็นบุ๋นทวิตบ่นเรื่องเพลียๆเลยอยากให้บุ๋นนอนเยอะๆTo… เปรม อยากให้ได้ทำอะไรในสิ่งที่อยากทำ จะคอยซัพพอร์ตเสมอมาในช่วงที่สองของรายการ ขอต้อนรับ 2 หนุ่มสุดฮอต “บุ๋น-เปรม” ที่บอกเลย มาถึงก็สวัสดีกันแบบหลากหลายภาษา ทั้งภาษาไทย , เกาหลี , จีน , ฝรั่งเศส , เวียดนาม และเมียนมาร์ กับแฟนๆอินเตอร์ 7 เดือนที่ผ่านมาจะเน้นไปที่แฟนมีตติ้ง ได้เจอแฟนคลับต่างประเทศ พอได้มีโอกาสก็เลยอยากจะไปเจอให้ครบ ที่ไปมาแล้วก็มีเกาหลี , ไทเป , ญี่ปุ่น , ฟิลิปปินส์ และอีกหลายประเทศ แต่ที่ได้ไปบ่อยสุดจะเป็นประเทศญี่ปุ่นพูดถึงน้องพิคโกโร่ (แมวของเปรม) บุ๋นบอกว่า “พิคโกโร่” นิสัยจะเหมือนกับเปรมเลย จะเป็นแบบเเมวอึนๆ ใครจะจับก็จับ ไม่หือ ไม่อือ ที่เขาบอกเลี้ยงสัตว์ออกมายังไงนิสัยก็จะเหมือนพ่อแม่อยู่แล้ว เเต่ก็น่ารักกก...งานวันเกิดบุ๋นที่โดนเซอร์ไพรส์แบบจัดหนักจัดเต็มเลย วันเกิดตรงกับตอนไปจัดแฟนมีตติ้งที่ญี่ปุ่น ตอนเเรกก็คิดว่าจะเซอร์ไพรส์เหมือนเดิมคือแกล้งป่วย พอใกล้ๆถึงวัน เขาก็บอกว่าป่วย ปวดท้อง พอตอนเช้าจะไปแฟนมีตติ้งต่อ เขาก็บอกปวดท้อง เราก็แบบเเปลกๆแล้ว เราก็เลยให้ยาเขา แล้วสงสัยก็เลยแอบมองผ่านเบาะว่าเขากินรึเปล่า ก็เห็นว่าเขาแกะยากิน เราก็โอเค อันนี้ยังไม่พีคนะ เขาก็บอกปวดท้องอีก ผมก็เลยให้ยาแก้ปวดท้องแบบเม็ดไป เปรมเขาก็แกะยากินแล้วก็กินน้ำตาม แต่เเอบยาไว้ข้างแก้ม เเล้วแกล้งเดินไปทิ้ง แถมยังมีอีกช็อตที่เปรมไปเข้าห้องน้ำเเล้วก็แกล้งทำเป็นอ้วก ผมก็มีคิดนิดนึงว่าหรือเขาป่วยจริง จนทีมงานมาคุยกันจริงจังว่าเปรมไม่ไหวต้องไปโรงพยาบาล แต่ผมคิดว่าการที่จะเอาเปรมออกไปต้องมีประกาศผมก็เลื่อนทวิตก็ไม่เห็นมี ก็แปลกๆละ พอตอนขึ้นเวทีก็มีกิจกรรมให้ทำแต่ของทุกอย่างก็อยู่ครบ พอขึ้นเวทีปุ๊บพิธีกรพูดประกาศว่าเปรมจะไม่ขึ้นเวทีนะ แต่ก็ยังมีตะหงิดอยู่นิดนึง จนเขาปล่อยให้ผมร้องเพลงอยู่คนเดียว แล้วประเด็นคือเพิ่งบอกให้ผมร้องเพลงคนเดียวก่อนขึ้นเวทีครึ่งชั่วโมง แล้วอยู่ๆ ก็มีกล่องของขวัญออกมา ผมก็คิดว่าคงเหมือนปีก่อนๆที่เปรมเขาจะอยู่ในกล่องพอไปเปิดดูก็มีเเต่ลูกโป่ง สุดท้ายเขาก็โผล่มาจากข้างหลังแฟนคลับ แต่มันมีอีกตอนหนึ่งที่แม่เปรมเข้ามา เปรมไหวไหมลูก ให้โทรหาพ่อไหม การแสดงแม่คือเป็นศูนย์มากความรู้สึกตอนรู้ว่าจะได้ขึ้นคอนเสิร์ต “จิ้นกันให้ YUPP!” ดีใจมาก ด้วยความที่เราไม่ค่อยมีโอกาสได้ร่วมงานกับคนที่แบบคนละสายกับเรา อย่างเราเป็นนักแสดงก็จะได้ร่วมงานกับนักแสดง แต่อันนี้เขาเป็นสายนักร้องโดยตรง ยินดีถ้าจะได้ร่วมงานกับเขา เเล้วยิ่งเป็นคอนเสิร์ตใหญ่รวมศิลปินเยอะมากๆ ตอนนี้ก็ 19 คน ประกาศแขกรับเชิญอีก 4 คน พยายามซ้อมให้เยอะที่สุด และไม่ได้อยากได้ความรน่ารัก อยาดได้ความแบบเซ็กซี่ว่าด้วยเรื่องการฮีลใจของบุ๋น จะเป็นการเติมเกมครับ เป็นความสุขของเราในช่วงหนึ่งที่เราเอาเงินซื้อความสุข บางทีไม่ได้มีฟีลที่อยากออกไปเจอใครเราก็อยากอยู่ในเกมกับตัวของเราการสตรีมเกมที่เปรมเคยพูดไว้ว่าจะมีสตรีมเกม จริงๆ ก็ไม่ใช่แค่ผมนะเเต่พี่บุ๋นก็เคยบอกไว้ ตั้ง 3 ปีเเล้วที่เคยบอกไว้ จนคอมของบุ๋นพังจนซื้อใหม่เเล้วก็ยังไม่ได้สตรีมบุ๋นเคยคิดอยากสตรีมเกมด้วย จริงๆ อยากทำเหมือนกัน แต่กลัวทำแล้วมันไม่ประจำเหมือนกัน กลัวคนสมัครมาดูช่องเราเเล้ว แล้วเราทำไม่ประจำเดี๋ยวจะเสียเงินฟรี เลยแบบเดี๋ยวรอก่อนดีกว่ารอทำ Vlog ดีกว่า**รูป**สกิลที่ “บุ๋น-เปรม” ไม่เคยฝึกมาก่อนหรือพึ่งมาค้นพบว่าจะต้องพัฒนา จริงๆ ก็แทบทุกอย่าง เพราะเราเป็นสายนักแสดง เราก็มีสกิลเฉพาะทางนี้ เเต่พอขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่มันต้องมีทั้ง ร้อง เต้น การแร็ป ก็คือฝึกทุกอย่างเลยกับพวกพี่ๆที่ร่วมงานกัน ด้วยความที่คนเยอะมากก็จะมีคิวที่จะจับมาเจอกันคู่ที่อยากเม้าท์เป็นพิเศษ ที่เจอบ่อยๆหน่อยก็จะเป็น คูเปอร์-ปอย แล้วก็ะเป็น เซฟ-จี บอส-อึล ที่จะเจอบ่อยๆก็น่ารักกันทุกคู่ มีความเป็นตัวเองในแบบของเขา เห็นเขาพยามเต้น พยายามทำในสิ่วที่ตัวเองไม่ถนัด ทุกคนตั้งใจมาก คอนเสิร์ตต้องออกมาดีมากพูดถึงเรื่องที่ “บุ๋น-เปรม” ไม่ค่อยเล่นไลน์ บุ๋น - ส่วนตัวเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบอ่านไลน์ มันเด้งนะ ก็อ่านแต่ไม่อยากเปิดตอบ เพราะถ้าอ่านก็ต้องพิมพ์ต่ออีกแน่เพราะเราเป็นคนที่ตัดบทสนทนาไม่ค่อยถูก เราเลยตัดปัญหาโดยการไม่อ่านไลน์ โทรมาเเล้วก็แต่อารมณ์ที่จะรับไม่รับ เปรม - เราก็เป็นเเนวๆเดียวกัน มีอะไรก็คุยงานที่จำเป็นจริงๆก็จะผ่าน ARมารายการ EFM Fandom Live ของเราทั้งที ทางรายการก็มีเกมให้ “บุ๋น-เปรม” เล่นสนุกด้วย ชื่อเกมว่า “ร้อง YUPP! สนั่นห้อง” (เข้าไปชมใน Youtube : ATIME)ช่วงสุดท้ายของรายการเปิดโอกาสให้เเฟนคลับได้โทรเข้ามาพูดคุยกับ “บุ๋น-เปรม” ในรายการTo... บุ๋น อยากถามว่าเหนื่อยไหม ปากยิ้มเเต่ออกทางสาย ตาดูล้าๆ รู้ว่าพี่บุ๋นเป็นคนนอนยาก ก็เลยเป็นห่วงเป็นพิเศษ รู้ว่าพยายามเเค่ไหนให้คอนเสิร์ตครั้งนี้ดีที่สุด เพิ่งมาติดตามแต่พอไปดูผลงานแรกๆเราก็รู้เเล้วว่าคนๆนี้เขาพยายามทุกอย่าง มันทำให้สิ่งพวกนี้เราชอบเขา เเล้วมันทำให้เรายังอยู่ตรงเพื่อเขาเหมือนกันTo... เปรม อยากบอกว่าตั้งเเต่รู้จักเปรม วันเเรกที่รักยังวันนี้ก็ยังรักแบบนั้น ทุกครั้งที่ได้คุยกับเปรมก็ยังตื่นเต้นเหมือนครั้งเเรกที่ได้คุย คอยซัพพอร์ตเสมอ ไม่ว่าจะทำอะไรก็เเล้วเเต่อนาคตก็ยังจะอยู่ตรงนี้ จะคอยซัพพอร์ตทุกทาง ก่อนจะจบรายการ “บุ๋น-เปรม” ก็ขอฝากคอนเสิร์ต “จิ้นกันให้ YUPP!” ในวันที่ 2 กันยายน 66 ศิลปินคับคั่งมาก รวมถึงมีเพลงเยอะเเยะอีกมากมาย รวมถึงโชว์ ร้อง เต้น จัดเต็มเเน่นอน อยากให้ทุกคนมาสร้างความทรงจำด้วยกันสุดท้ายนี้ EFM Fandom Live ขอขอบคุณ “บุ๋น-เปรม” ที่มาพูดคุยกันในรายการ บอกเลยว่าสนุกมากๆมีแต่เสียงหัวเราะทั้งรายการสามารถเข้าไปรับชมกันได้ทาง Youtube : ATIMEเจอกันใหม่ Week หน้าค่าา

แฉโต๊ะหก RECAP

Viva ME และ Viva Mix ME สกู๊ตเตอร์สุดกรีนจาก Gogoro x Muji ที่ผลิตจากขยะพลาสติกทั้งคัน

06 ก.ย. 2023

Viva ME และ Viva Mix ME สกู๊ตเตอร์สุดกรีนจาก Gogoro x Muji ที่ผลิตจากขยะพลาสติกทั้งคัน

ถูกใจสายมินิมอลและรักสิ่งแวดล้อมไม่น้อยเลย เพราะล่าสุด Gogoro บริษัทเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าจากไต้หวัน จับมือกับแบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์จากญี่ปุ่นอย่าง Muji ออกแบบและผลิตรถมอเตอร์ไซค์สกู๊ตเตอร์รุ่นพิเศษ เพื่อเป้าหมายในการลดปริมาณขยะ ด้วยการนำขยะเหล่านั้นมารีไซเคิลและปรับโฉมให้กลายเป็นอะไหล่ จากนั้นก็ประกอบกลายมาเป็นเจ้าสกู๊ตเตอร์น่าตาสุดคิวท์ตัวนี้ แถมยังมีวางจำหน่ายให้ซื้อไปขับขี่กันได้จริงอีกด้วยนะนี่คือหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นภายใต้โครงการRecycling for Goodที่ต้องการนำเสนอว่าปัญหาขยะที่สังคมโลกกำลังเผชิญตอนนี้ โดยเฉพาะขยะประเภทพลาสติกโพลิโพรพิลีน สามารถแก้ไขได้ด้วยอีกหนึ่งวิธีคือกระบวนการรีไซเคิล นำขยะมาผ่านขั้นตอน และแปรสภาพไปเป็นของใช้ต่าง ๆ ควบคู่กับการลดการสร้างขยะใหม่ อีกทั้งยังต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงในวิถีชีวิตของผู้คน ให้หันมาใส่ใจปัญหาขยะโดยสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าจาก Gogoro x Muji มีอยู่ 2 รุ่นด้วยกันคือ Viva MEและViva Mix MEสีเบจและสีเทา ซึ่งออกแบบโดย นาโอโตะ ฟุคาซาวา (Naoto Fukasawa) นักออกแบบชาวญี่ปุ่นที่มีผลงานกับ Muji มาแล้วมากมาย ทำงานให้หน้าตาของสกู๊ตเตอร์รุ่นพิเศษนี้ดูคลาสสิกและเรียบง่ายมินิมอลสุด ๆ โดยจะเน้นการใช้งานขับขี่ในเมืองเป็นหลักนอกจากนี้ยังมีการเปิดตัวแกดเจ็ตเพื่อการขับขี่อีกมากมาย ทั้ง หมวกกันน็อก เสื้อคลุม กระเป๋า ขวดน้ำ ฯลฯ ซึ่งทุกอย่างที่ว่ามาก็ล้วนแล้วแต่ผลิตจากขยะพลาสติกที่ผ่านมารีไซเคิลมาแล้วทั้งสิ้น แต่สายมินิมอลชาวไทยจะมีโอกาสได้จับจองหรือเปล่า ต้องมาลุ้นกันภาพ : Gogoro

ท็อปแท็ป ณภัทร ลงแข่งขัน Poker รายการใหญ่ที่เกาหลี คว้าอันดับ 3 พร้อมเงินรางวัล 222 ล้านวอน! ส่วน ป๋าเต็ด จบที่อันดับ 9

04 ก.ย. 2023

ท็อปแท็ป ณภัทร ลงแข่งขัน Poker รายการใหญ่ที่เกาหลี คว้าอันดับ 3 พร้อมเงินรางวัล 222 ล้านวอน! ส่วน ป๋าเต็ด จบที่อันดับ 9

ช่วงนี้ข่าววงการ Poker ไทยกำลังมาแรงทีเดียว ก่อนหน้านี้มีการนำเสนอผลงานของ ป๋าเต็ด ที่เดินทางไปลงแข่งขันในรายการต่าง ๆ พร้อมกับคว้ารางวัลติดมือกลับมา ทำให้รู้ว่าวงการ Poker ไทยไม่ธรรมดาจริงล่าสุดเป็นข่าวดังขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเพจ Team Poker Beast ได้โพสต์ข่าวแสดงความยินดีกับ ท็อปแท็ป-ณภัทร โชคจินดาชัย พิธีกรและนักแสดงวัยรุ่นชื่อดัง หลังคว้าอันดับ 3 ในการแข่งขัน Poker รายการใหญ่ของโลกอย่าง APT Main Event ซึ่งจัดขึ้น ณ เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ พร้อมกับรับเงินรางวัลไปถึง 222 ล้านวอน หรือประมาณ 5.95 บาท (ชาวเน็ตอย่างเราตาลุกวาว)ขณะที่ ป๋าเต็ด ที่ร่วมในรายการนี้ด้วย ก็เพิ่งโพสต์ว่าจบการแข่งขันด้วยคว้าอันดับ 9 ได้เงินรางวัลติดไม้ติดมือมากรุบกริบ 450,000 วอน หรือ 12,000 บาท แสดงความยินดีกับผู้เข้าแข่งขันจากประเทศไทยทุกท่านเลยภาพ : Asian Poker Tour

ข้อมูลจากงานวิจัยบอกว่า การลูบตัวน้องหมาเพียง 5-20 นาที ช่วยลดความเครียดและเพิ่มความสุขได้นะ

16 ส.ค. 2023

ข้อมูลจากงานวิจัยบอกว่า การลูบตัวน้องหมาเพียง 5-20 นาที ช่วยลดความเครียดและเพิ่มความสุขได้นะ

เชื่อว่าหลายคนคงเกิดอาการเดียวกัน เวลาเดินไปไหนแล้วเจอน้องหมา ก็คงอยากจะวิ่งเข้าไปจับ เล่น ลูบ หรือกอดน้อง ซึ่งเหตุผลก็คงจะคล้าย ๆ กันคือเป็นเพราะความเอ็นดู แต่รู้หรือไม่ว่าตอนนี้มีข้อมูลจากงานวิจัยบอกว่า การลูบตัวน้องหมามีผลดีมากกว่าที่เราคิดข้อมูลทางด้านวิทยาศาสตร์หลายฉบับบอกว่า ระหว่างที่คนสัมผัสกับสุนัขแม้จะเป็นเวลาสั้น ๆ เพียง 5-20 นาที สามารถลดความเครียดได้ เพราะช่วงที่เราได้ลูบตัวน้องหมา ร่างกายจะหลดการหลั่ง Cortisol หรือ ฮอร์โมนแห่งความเครียด และในขณะเดียวกันยังพบว่าร่างกายหลั่ง Oxytocin หรือ ฮอร์โมนแห่งความสุขแทน จึงทำให้คนเรารู้สึกผ่อนคลายจากเรื่องเครียดต่าง ๆ ช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นด้วยนอกจากนี้ยังพบว่า การเป็นเจ้าของสุนัขมีส่วนช่วยให้เรามีสุขภาพจิตที่ดี มีชีวิตที่ยืนยาว แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้แปลว่า ถ้าอยากมีอายุยืนต้องเลี้ยงสุนัขเสมอไป เพราะการไปเล่นกับสุนัขของคนอื่น ก็ช่วยให้สุขภาพจิตเราดีขึ้นได้เหมือนกันภาพ : unsplash.com/leohoho

3 ปีก็รอได้! ที่ญี่ปุ่นเพาะพันธุ์หอยนางรม กินแล้วไม่ก่อให้เกิดอาหารเป็นพิษ โดนใจซีฟู้ดเลิฟเวอร์สุด ๆ

08 ส.ค. 2023

3 ปีก็รอได้! ที่ญี่ปุ่นเพาะพันธุ์หอยนางรม กินแล้วไม่ก่อให้เกิดอาหารเป็นพิษ โดนใจซีฟู้ดเลิฟเวอร์สุด ๆ

เรื่องนี้กำลังเป็นไวรัลที่ฮือฮาบนโลกออนไลน์ เมื่อมีการเปิดเผยถึงความสำเร็จของการเพาะเลี้ยงหอยนางรม ซึ่งแตกต่างจากหอยนางรมอื่น ๆ เพราะสายพันธุ์นี้รับประทานแล้วไม่ก่อให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษในรายงานบอกว่าญี่ปุ่นประสบความสำเร็จในการเลี้ยงหอยนางรมด้วยวิธีการแบบใหม่ เป็นหอยที่เลี้ยงบนบกทั้งหมด โดยจะใช้น้ำทะเลจากระดับความลึก 200 เมตรมาใช้ในการเพาะเลี้ยง เนื่องด้วยมีการทดสอบแล้วว่าน้ำในระดับความลึกเท่านี้ จะไม่มีเชื้อไวรัส AC Oyster 2.0 เจือปน ในขณะที่การเลี้ยงแบบเดิม มีโอกาสที่จะทำให้เชื้อไวรัสต่าง ๆ ที่ลอยอยู่ในระดับผิวน้ำปะปนมาได้ง่ายกว่า ซึ่งก็เป็นสาเหตุที่ทำให้คนที่รับประทานเข้าไปเกินภาวะอาหารเป็นพิษไม่เพียงเท่านั้นยังมีการปรับสูตรอาหารที่ใช้เลี้ยง ซึ่งจะทำให้หอยนางรมที่เลี้ยงแบบใหม่นี้มีรสชาติที่ดีมากยิ่งขึ้น ผู้ที่ได้ชิมต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าหวานกว่าหอยนางรมที่รับประทานได้ทั่วไป เขาคาดว่าจากนี้จะต้องใช้เวลาเพาะเลี้ยง เพาะพันธุ์เพิ่มจำนวนไปอีกราว 3 ปี เมื่อถึงวันนั้นก็จะพร้อมสำหรับการจำหน่ายและส่งออกให้เหล่าซีฟู้ดเลิฟเวอร์ได้ลิ้มลองกันภาพ : prtimes.jp

ไมค์ที่ Cardi B ปาใส่แฟนเพลงจนกลายเป็นไวรัลไปทั่วโลกตอนนี้ ถูกนำออกมาประมูลได้เงินไปกว่า 3.4 ล้านบาท

03 ส.ค. 2023

ไมค์ที่ Cardi B ปาใส่แฟนเพลงจนกลายเป็นไวรัลไปทั่วโลกตอนนี้ ถูกนำออกมาประมูลได้เงินไปกว่า 3.4 ล้านบาท

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เชื่อว่าทุกคนน่าจะคงได้เห็นพาดหัวข่าวสุดพีก ไปจนถึงคลิปเหตุการณ์ที่บอกเลยว่ากรรมการอึ้ง! คนดูอึ้ง! สำหรับภาพของ คาร์ดิ บี (Cardi B) แร็ปเปอร์หญิงชื่อดังของโลก ที่เม้มปากก่อนจะปาไมค์โครโฟนใส่แฟนเพลงเสียงดังก๊อก! หลังจากถูกสาดเครื่องดื่มใส่ขณะที่กำลังแสดงคอนเสิร์ตในลาสเวกัส ซึ่งคลิปดังกล่าวก็ได้กลายเป็นไวรัลไปทั่วโลกออนไลน์อย่างรวดเร็วในเวลาถัดมาไม่นานนัก ก็มีการรายงานว่าแฟนเพลงท่านหนึ่งเข้าไปแจ้งความดำเนินคดีกับ คาร์ดิ บี ในข้อหาทำร้ายร่างกาย แต่ก็ยังคงไม่มีใครออกมายืนยันว่าเธอได้ตอบโต้หรือพูดถึงเรื่องนี้อย่างไรบ้างแต่จากความดังของข่าวนี้ ทำให้ไมคโครโฟนที่ คาร์ดิ บี ปาลงมานั้น กลายเป็นของที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว เพราะล่าสุดมีการเปิดเผยว่า ไมค์ตัวดังกล่าวถูกนำออกมาประมูล และกำลังกลายเป็นของที่มีการสู้ราคากันอย่างจริงจัง และมียอดประมูลสูงกว่า 3.4 ล้านบาทแล้ว (และตอนนี้ก็น่าจะเพิ่มขึ้นไปมากกว่านั้นอีก)โดยผู้ที่นำไมค์ตัวนี้ออกมาประมูล คือเจ้าของบริษัทที่รับหน้าที่ควบคุมและดูแลเครื่องเสียงในคอนเสิร์ตต้นเรื่อง ซึ่งเขาได้เปิดเผยกับสื่อสำนักหนึ่งว่า ไมค์ตัวนี้ถูกซื้อมาในราคา 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ (34,000 บาท) และที่แยกออกได้อย่างชัดเจนว่าเป็นไมค์ของ คาร์ดิ บี เพราะบนตัวไมค์มีสก็อตเทปเขียนคำว่า ‘MAIN’ แปะอยู่นั่นเองเขาเห็นว่าเรื่องนี้กำลังเป็นไวรัลไปทั่วโลก จึงตัดสินใจนำไมค์ออกมาประมูลบน ebay โดยตั้งราคาเอาไว้ที่ 500 ดอลลาร์สหรัฐ ผ่านไปไม่ทันไหรก็เริ่มมีคนมาสู้ราคาก็แบบสุดฤทธิ์ จนล่าสุดไมค์ตัวนี้ก็ถูกสู้ราคาไปสูงถึง 99,900 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 3.4 ล้านบาท โดยผู้ที่เปิดประมูลบอกว่ารายได้ทั้งหมดจะนำไปมอบให้กับองค์กรการกุศล และจะเปิดให้แฟน ๆ เข้าไปประมูลสู้กันจนถึงวันที่ 8 สิงหาคมนี้ภาพ : iamcardib

หมดปัญหาอยากเลี้ยงสัตว์แต่ไม่มีเวลา ชาวเน็ตจีนปิ๊งไอเดียเลี้ยงเม็ดมะม่วงซิเธออออ! แปรงขนได้-จับแต่งตัวก็ได้

01 ส.ค. 2023

หมดปัญหาอยากเลี้ยงสัตว์แต่ไม่มีเวลา ชาวเน็ตจีนปิ๊งไอเดียเลี้ยงเม็ดมะม่วงซิเธออออ! แปรงขนได้-จับแต่งตัวก็ได้

การมีสัตว์เลี้ยงไม่ว่าจะหมาหรือแมวให้เราได้ดูแล และได้ใช้เวลาร่วมกับมันในวันหยุด คงเป็นกิจกรรมที่หลายคนใฝ่ฝัน แต่เมื่อได้ลองสำรวจเวลาใช้ชีวิตที่มีแต่งานเป็นหลักแล้ว หลายคงต้องยอมพักความฝันการมีสัตว์เลี้ยงไปเพราะกลัวว่าจะไม่มีเวลาดูแลน้อง ๆ หนู ๆ ให้มากพอแต่วันนี้มีอีกหนึ่งทางเลือกมาให้คนอยากเลี้ยงสัตว์ได้ลองนำไปพิจารณากันดู เพราะที่ประเทศจีนตอนนี้กำลังมีเทรนด์ใหม่เกิดขึ้น เมื่อกลุ่มวันรุ่นนักเรียน นักศึกษาเขานิยมเลี้ยง ‘เม็ดมะม่วง’ กัน ใช่แล้ว..อ่านไม่ผิดหรอก เม็ดมะม่วงจริง ๆเรื่องนี้กำลังถูกแชร์เยอะมากบนโซเชียลมีเดีย เมื่อกลุ่มนักเรียน นักศึกษาชาวจีน ต่างออกมาแชร์กิจกรรมที่พวกเขาเลิฟสุด ๆ คือการนำเม็ดมะม่วงมาเลี้ยงแทนสัตว์เลี้ยง แถมยังสามารถจับน้องแต่งตัว แปรงขนได้เหมือนกันที่เราทำกับน้องหมาหรือน้องแมว แถมน้องเม็ดมะม่วงไม่ส่งเสียงดังรบกวนด้วยนะ สำคัญที่สุดแม้คุณจะงานยุ่งแค่ไหนก็เลี้ยงน้องได้สบาย ๆผู้เลี้ยงเม็ดมะม่วงบางส่วนบอกว่า หลังจากที่เขาได้ใช้เวลากับเจ้าเม็ดมะม่วงเหล่านี้ พวกเขาก็เกิดความรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ราวกับว่ากำลังได้รับพลังจากสัตว์เลี้ยงจริง ๆ แถมบางคนยังบอกว่ารู้สึกผ่อนคลายและสบายใจด้วย แม้จะดูแปลกไปสักนิด แต่วิธีเดียวที่เราจะสัมผัสความรู้สึกเหล่านั้นได้ คือ การลองเลี้ยงเม็ดมะม่วงดูเองสักครั้ง ไม่แน่คุณอาจจะชอบและหลงรักเขาขนปุยก็ได้นะภาพ : straitstimes.com

album

0
0.8
1