ผมอายุ 37 คบแฟน 24 น้องเขาขี้หึงมาก ผมทำงานเป็นตากล้อง เจอนางแบบสวยๆ แต่แฟนไม่โอเค สั่งให้ลบรูปในโซเชียลทั้งหมด ผมลงเพราะเก็บพอร์ตก็ต้องลบ หลังๆมา แฟนบอกว่าให้เลิกทำอาชีพตากล้อง ผมเลิกไม่ได้เพราะคือรายได้หลัก ตอนนี้ผมห่างกับเขาแล้ว

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ผมอายุ 37 คบแฟน 24 น้องเขาขี้หึงมาก ผมทำงานเป็นตากล้อง เจอนางแบบสวยๆ แต่แฟนไม่โอเค สั่งให้ลบรูปในโซเชียลทั้งหมด ผมลงเพราะเก็บพอร์ตก็ต้องลบ หลังๆมา แฟนบอกว่าให้เลิกทำอาชีพตากล้อง ผมเลิกไม่ได้เพราะคือรายได้หลัก ตอนนี้ผมห่างกับเขาแล้ว

21 มี.ค. 2025

ผมอายุ 37 คบแฟน 24 น้องเขาขี้หึงมาก ผมทำงานเป็นตากล้อง เจอนางแบบสวยๆ แต่แฟนไม่โอเค

สั่งให้ลบรูปในโซเชียลทั้งหมด ผมลงเพราะเก็บพอร์ตก็ต้องลบ หลังๆมา แฟนบอกว่าให้เลิกทำอาชีพตากล้อง

ผมเลิกไม่ได้เพราะคือรายได้หลัก ตอนนี้ผมห่างกับเขาแล้ว แต่ยังไม่ได้ถอนหมั้นกัน จะทำยังไงดี?

            “คุณกอล์ฟ (นามสมมติ)” อายุ 37 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [19 มี.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาแฟนขี้หึงมากจนกระทบกับงาน

            โดย “คุณกอล์ฟ (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘ผมหมั้นกับน้องคนนึง เขาอายุ 24 ปี เราคบกันและหมั้นมารวมทั้งหมด 2 ปี ผมทำอาชีพเป็นช่างภาพ ส่วนน้องเขาทำงานที่ร้านของบ้านผม น้องเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยมีสังคม เอาแต่ใจ และเริ่มลามไปถึงเรื่องงานของผม ช่วงแรกๆที่คบกันน้องมีนิสัยงี่เง่านิดหน่อย แต่ยังไม่ได้ฉายแสงอะไร แต่ก็หึงหวงแรงมาก เช่น ตัดเพื่อนในโซเชียลมีเดียของผมเองเลย ช่วงที่ผมหมั้นกับเขาและทำงานไปด้วย ผมตัดเรื่องการถ่ายรูปเล่น เก็บพอร์ต ผมตัดทุกอย่างเพื่อเขา และรับแต่งานถ่ายภาพที่เป็นงานจริง ๆ เท่านั้น สาเหตุที่ผมตัดสินใจหมั้นกัน เพราะน้องเขาเป็นคนหน้าตาดี ผมก็อายุ 37 ปีแล้ว รู้สึกว่าถึงเวลาที่ควรจะมีครอบครัวได้แล้ว ถ้าช้ากว่านี้ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นชีวิตครอบครัวตอนไหน ก่อนคบกับเขา ผมค่อนข้างเจ้าชู้ เป็นคนเฟรนลี่ เล่นกับทุกคนไปหมด แต่พอคบกับเขา น้องก็มองว่าช่างภาพเจ้าชู้ทุกคน ผมเลยให้ความเชื่อใจโดยให้เขาดูทุกอย่าง รับงาน คุยกับใคร เช็คโทรศัพท์ได้ตลอด ซึ่งไม่เคยมีปัญหาเรื่องมือที่สามเลย

            จนกระทั่ง เวลาที่ผมจะต้องออกไปทำงาน ผมต้องคอยรายงานเขาตลอด แต่เวลาที่ผมเริ่มถ่ายงานเสร็จ ผมไม่ได้ทักบอกเขา เขาก็บอกว่า ทำไมถ่ายงานเสร็จแล้วไม่ทักบอกเลย ผมก็บอกว่า ขอนั่งพักซักแปปนึงได้ไหม เป็นแบบนี้ทุกครั้งมาตลอด เขาจะกลัวว่าผมจะไปจีบลูกค้า ไปคุยกับลูกค้าเกินกว่าที่เป็นช่างภาพกับลูกค้าคุยกัน ผมก็คอยแต่บอกเขาว่า มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ก็ให้เช็คได้ตลอดทุกครั้ง เราทะเลาะกันเรื่องนี้มาตลอด พอทะเลาะกันก็จะมีคำพูดนึงขึ้นมาว่า ไม่เคยชอบหรอกนะที่เธอถ่ายรูป และสุดท้ายเรื่องนี้ก็ลามไปถึงที่บ้านผม เพราะน้องอยากไปทำงานต่างจังหวัด ผมให้เขาไปคุยกับพ่อแม่ก่อน แต่พอคุยเสร็จก็ทะเลาะกับพ่อแม่ผม น้องยื่นคำขาดว่า ถ้าอยากให้เขาทำงานที่บ้าน ต้องให้ผมเลิกถ่ายรูป ผมถามเขาว่า แล้วจะทำอะไรกิน? เพราะแม้ว่าผมจะช่วยที่บ้านทำงาน แต่รายได้จากการถ่ายรูปก็ไม่ใช่น้อย ๆ ต่อเดือน กลายเป็นว่าเขาก็เลือกที่จะไปทำงานต่างจังหวัด ช่วงแรกเขาทดลองงาน 3 เดือน ผมซัพพอร์ตทุกอย่าง ค่าหอพัก ค่ากิน ค่าจิปาถะ

            ผมเคยแนะนำให้เขาทำงานที่บ้าน ถ้าไม่อยากทำงานที่บ้านก็ทำข้างนอก แต่ให้อยู่จังหวัดเดียวกัน จะได้กลับบ้านมาเจอกัน เป็นครอบครัว แต่น้องบอกว่า ไม่ ถ้าอยากให้เขาอยู่ ต้องเลิกถ่ายรูป หลังจากทดลองงานเสร็จ ผมบอกให้กลับมาขายของหน้าบ้านก็ได้ เพราะเขามีประสบการณ์ด้านร้านคาเฟ่ แต่น้องบอกหมดแพชชั่น ไม่อยากทำ ซึ่งผมคิดว่าไม่ใช่ คงเป็นเพราะไม่อยากมาเจอหน้าพ่อแม่ผม ที่เขาทะเลาะกับพ่อแม่ผมด้วยเรื่องที่เขาจะขอไปทำงานต่างจังหวัด เพราะพ่อแม่ไม่อยากให้ไป อยากให้ทำงานใกล้ ๆ ต่อให้ไม่ทำงานที่บ้านก็ไปทำงานในระแวกนั้นก็ได้ แล้วก็กลับบ้านมาเป็นครอบครัว แต่กลายเป็นว่า เขาเป็นคนดื้อ เขาเป็นคนเอาแต่ใจ ว่าฉันต้องทำแบบนี้ มีเส้นชัยไว้แบบนี้ ฉันต้องไปให้ได้ ซึ่งตอนนี้เขาไปทำงานไกลกว่าเดิมอีก ตอนแรกเขาฝึกงานกับอินฟลูเอนเซอร์คนนึงอยู่ในจังหวัดขอนแก่น แล้วก็ไปสมัครกับอินฟลูเอนเซอร์อีกคนที่โคราช ณ ตอนนี้ก็ทำงานอยู่ที่โคราช ยิ่งอยู่ห่างกัน น้องยิ่งหวงมากขึ้น พ่อแม่ผมถามว่า เธอไม่ไว้ใจลูกฉัน แล้วฉันไว้ใจเธอได้ไหม? น้องตอบว่า เชื่อใจได้สิ แต่ผมไม่เคยเช็คมือถือเขาเลย เพราะผมมองว่าชีวิตคู่ไม่ควรตึงหรือหย่อนเกินไป ต้องพอดี ๆ และเชื่อใจกัน ตอนแรกเราหมั้นกัน แล้วกะว่าครบปีจะจดทะเบียนสมรส แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าวันสุดท้ายที่ขาดสัมพันธ์กันเพราะความงี่เง่าของเขา

            วันนั้นผมออกไปถ่ายรูปรับปริญญาแต่เช้า บอกเขาแล้วว่าออกจากบ้านแล้วนะ แต่พอไปถึงที่งาน ผมไม่ได้ทักบอก น้องก็โกรธ พอตอนเย็นผมมีประชุมต่อ ก็ถ่ายรูปให้ดูว่าสถานที่ประชุมอยู่ตรงไหน แต่น้องก็งอนว่า ทำไมไม่บอกก่อนออกจากบ้าน ทุกครั้งที่ทะเลาะกัน ผมเป็นคนง้อ ขอโทษทุกอย่าง แต่ครั้งนี้ผมสุดจริง ๆ ผมบอกว่า ถ้าผมไม่ดี เปลี่ยนใหม่ไหม หรือห่างกันสักพัก น้องเขาก็ไม่ง้อผม เปลี่ยนสีแชท ลบทุกอย่าง หายไปหมด ผมเลยอยากถามพี่ๆดีเจว่า ผมทำถูกไหม ควรรอให้เขาคิดได้มากกว่านี้ หรือควรไปง้อเขา แล้วถ้าเขากลับมาง้อผม ผมควรพูดยังไง?

            เริ่มที่ “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คิดว่าเขายังคิดไม่ได้ แล้วก็ถ้าคุณกอล์ฟจะรอก็สุ่มเสี่ยงไป อายุ 37 แล้ว ถ้าคิดจะวางแผนอนาคต ลองมองหาคนที่เป็นผู้ใหญ่และเข้าใจเรามากกว่านี้ คือการมีแฟนต้องไม่แตะเรื่องการทำงานของเราเลย งั้นก็เลือกตัดแฟน ถูกต้องแล้ว คนนี้ไม่ได้เข้ามาอยู่ในวงจรของเรา เขาไม่สามารถเข้ามาโลกของเราได้ เขาไม่ได้เหมาะ เปลี่ยนคน เอาผู้ใหญ่ที่โตกว่านี้ เข้าใจการทำงานของเรา ไม่ได้ผิดที่เราผิดที่เขา’

            ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘รู้สึกว่าคุณกอล์ฟดูถูกตัวเองไปหน่อย ว่าอายุ 37 แล้วยังไม่แต่งงานมันจะช้า เพราะรู้สึกว่า 37 มันควรได้อยู่ที่ส่งเสริมกันและกัน ซึ่งน้องเขาอาจจะไม่เหมาะกับแบบนี้ คุณกอล์ฟต้องถามตัวเองว่าถ้าแต่งงานแล้ว  เราจะอยู่กับเขาได้จริง ๆ ใช่ไหม ถ้าเขากลับมา แล้วคุณกอล์ฟใจอ่อน ก็ต้องคุยกับเขาว่า เป็นแบบนี้ไม่ได้ เพราะอันไหนที่มันเกินไป ก็ต้องบอกว่าคุณกอล์ฟไม่โอเคกับเรื่องนี้ ก็ต้องปรับตัว ถ้าไม่ได้ก็เลิก’

            สุดท้าย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ด้วยความห่างของอายุ 37 กับ 24 มันห่างกันมาก และคนละ Generation วิธีคิด การแสดงออก คนละแบบ ความตกตระกอนในชีวิตคนละเรื่อง ถ้าเราจะรอให้ผู้หญิงคนนี้ให้โต มันไม่ได้การันตีว่า อายุเยอะขึ้นแล้วจะหาย บางคนก็งี่เง่าแบบนี้ไปเรื่อย ๆ  ถ้างี่เง่าเรื่องอื่นโอเค แต่ถ้ามาตัดรายได้มันอยู่ด้วยกันไม่รอดแล้ว นั่นแปลว่าทัศนคติในการสร้างครอบครัวมันไม่เหมือนกันแล้ว การสร้างครอบครัวมันไม่ใช่แค่การคบแค่เป็นแฟน มันคือการหาเงิน การช่วยกันบริหารรายจ่าย รายรับ แต่เราดันไปเจอคนที่ไม่พร้อมมาก ๆ ถ้ามีแล้วปวดหัว มีแล้วการงานเสีย มีแล้วรายได้หด ก็อย่าเพิ่งมีดีกว่า’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

หนูคุยกับผู้ชายคนนึง 6 เดือน เจอกันผ่านแอป ย้ายไปอยู่ด้วยกัน หลังจากนั้นเวลาเขาเมา เขาจะกลับบ้าน ปลุกหนูขึ้นมาตบ ทิ้งรอยแดงไว้ที่หน้าหนูตลอด หนูทนได้ถึงจุดนึง ตัดสินใจเลิกกับเขา พอเลิกแล้วหนูแพ้ท้อง ถามความรับผิดชอบจากครอบครัวเขา พูดแค่...

25 ต.ค. 2024

หนูคุยกับผู้ชายคนนึง 6 เดือน เจอกันผ่านแอป ย้ายไปอยู่ด้วยกัน หลังจากนั้นเวลาเขาเมา เขาจะกลับบ้าน ปลุกหนูขึ้นมาตบ ทิ้งรอยแดงไว้ที่หน้าหนูตลอด หนูทนได้ถึงจุดนึง ตัดสินใจเลิกกับเขา พอเลิกแล้วหนูแพ้ท้อง ถามความรับผิดชอบจากครอบครัวเขา พูดแค่...

หนูคุยกับผู้ชายคนนึง 6 เดือน เจอกันผ่านแอป ย้ายไปอยู่ด้วยกัน หลังจากนั้นเวลาเขาเมาเขาจะกลับบ้าน ปลุกหนูขึ้นมาตบ ทิ้งรอยแดงไว้ที่หน้าหนูตลอด หนูทนได้ถึงจุดนึง ตัดสินใจเลิกกับเขาพอเลิกแล้วหนูแพ้ท้อง ถามความรับผิดชอบจากครอบครัวเขา พูดแค่ “ลูกใครก็ไม่รู้ ไม่ใช่ลูกเขาแน่นอน” “คุณนาฬิกา (นามสมมติ)” อายุ 26 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [23 ต.ค.67] ไดโทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาโดนแฟนทำร้ายร่างกายเลยเลิก แต่หลังจากนั้นมารู้ว่าตัวเองท้อง โดย “คุณนาฬิกา (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูเจอผู้ชายคนนึงในแอปหาคู่ คุยกันมาประมาณครึ่งปีและก็ได้ตัดสินใจคบกัน ตอนแรกก็ไปๆมาๆหากัน จนตัดสินใจย้ายไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เป็นหนูที่เลือกจะย้ายเข้าไปอยู่กับเขา ย้ายเข้าไปได้เดือนแรกเขาเมา แล้วเรียกหนูขึ้นมาจากที่หนูนอนอยู่ คือเรียกมาทำร้ายร่างกาย เขาตบหนู หนูก็เลยถามว่าเป็นอะไร ทำไมถึงเป็นแบบนี้ เขาก็คุยไม่รู้เรื่อง พอเขาทำร้ายร่างกายหนูเสร็จ เขาก็ไปนอน แต่เราแยกกันนอน ก่อนหน้านี้เขาก็เคยเมาแล้วด่าหนู แต่ไม่เคยทำร้ายร่างกายเลย พอเช้ามา เขาตื่น หนูก็ถามเขาว่าจำได้มั้ยว่าเมื่อคืนทำอะไรลงไปบ้าง เขาบอกจำได้ทุกอย่าง เขาก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนแรกหนูก็คิดแค่ว่าเรายังรัก ไหนๆก็ย้ายมาอยู่กับเขาแล้วก็เก็บความรู้สึกไว้ก่อน เลือกที่จะทน พอผ่านไปได้อาทิตย์นึง มันก็มีอีก เลยรู้สึกว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ เราเพิ่งย้ายมาอยู่ด้วยกัน ในช่วง 1 – 3 เดือนแรกมันต้องเป็นช่วงโปรโมชั่นไม่ใช่หรอ? ซึ่งทุกครั้งที่เขาทำร้ายร่างกายเขาจะทำบริเวณใบหน้าของหนู เพื่อทิ้งร่องรอยไว้ หนูก็เลยรู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้ว แต่ก็ยังเก็บความรู้สึกไว้ เลยเลือกที่จะแก้ไขที่ตัวเอง เลือกที่จะไม่พูด ไม่ออกความคิดเห็น ไม่พูดอะไรที่มันผิดหูเขา จากที่เคยใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันสองคน และมีปัญหากันเรื่อยๆ ทุกอาทิตย์ ดีกันได้อาทิตย์นึง อีกอาทิตย์ก็กลับมาทะเลาะกันอีกแล้ว กลายเป็นตอนนี้ต่อให้เขาไม่เมา เขาก็ทำร้ายร่างกายหนู จนเราสองคนตัดสินใจย้ายเข้าไปอยู่ในครอบครัวเขาที่เป็นครอบครัวใหญ่ และมีผู้ใหญ่อยู่ด้วย เพื่อเป็นการตัดปัญหา แต่ก็เขาก็ไม่หยุด เขาก็ทำต่อหน้าพ่อแม่เขาด้วย ซึ่งพ่อแม่เขาก็จะพูดแค่ อย่าๆ พอแล้ว แต่ไม่ได้ลุกมาห้าม เขาก็เดินเข้ามาหาเรื่องหนู แต่หนูก็จะเงียบ ไม่พูดอะไร เพราะไม่อยากเถียงข้ามหัวผู้ใหญ่ หนูก็เลยกลับมานอนทบทวนกับตัวเองว่าถ้ามันโดนขนาดนี้ มันก็ถึงจุดที่มันไม่ใช่แล้วหรือเปล่า? จนมาถึงจุดๆนึงที่มันเป็นครั้งสุดท้าย คือหนูปวดท้องอยู่ แล้วหนูก็ลางาน แต่เขาหาของไม่เจอ เขาก็มาโวยวายใส่หนูแล้วก็มาทำร้ายร่างกายหนูเหมือนเดิม หนูก็เลยไม่พูดอะไรแล้ว เขาก็ไม่พูด หลังจากนั้นคือเราก็ไม่คุยกันเลย หนูก็เลยบอกว่าหนูจะย้ายออก ไม่อยู่ตรงนี้แล้ว แต่ก่อนวันที่หนูจะย้ายออก เราสองคนเพิ่งมีอะไรกัน หลังจากวันที่หนูออกมาจากตรงนั้นหนูรู้สึกตัวเองผิดปกติ หนูก็เลยลองไปตรวจและผลออกมาคือ หนูท้อง หนูเลยกลับไปคุยกับเขาว่าหนูท้องนะ เขาก็เลือกที่จะบล็อกหนูทุกช่องทาง ไม่คุย ไม่เคลียร์ ไม่อะไรเลย หนูพยายามถ่ายรูปที่ตรวจครรภ์ส่งไปให้เขา แต่เขาพูดกับหนูว่า หนูออกมาหนูไปนอนกับผู้ชายที่ไหนไม่รู้ ไปอยู่กับใครบ้างก็ไม่รู้ จะเป็นลูกเขาได้ยังไง หนูก็เลยบอกว่าสามารถตรวจ DNA ยืนยันได้นะ จะทำยังไงก็ได้ แต่ช่วยแสดงความรับผิดชอบอะไรหน่อยได้มั้ย เขาก็บอกว่า ไม่ เขาปวดหัว เขาไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น แต่เขาไปพูดกับคนอื่นว่าถ้าเป็นลูกเขาจริงๆ เขาจะรับผิดชอบ หนูก็บอกว่าถ้ารับผิดชอบก็มาคุยกันสิ หนูแค่อยากได้ความรับผิดชอบอะไรสักอย่างจากเขา บางทีหนูก็คิดว่าหนูสามารถเลี้ยงลูกคนเดียวได้มั้ย? สามารถก้าวไปต่อกับการที่ให้ลูกมาเห็นอะไรแบบนี้มั้ย? หนูจะทำยังไงดี ตอนนี้หนูไม่สามารถบอกความรู้สึกอะไรได้เลย ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้ หนูยังไม่กล้าบอกใคร เพราะแม่ไม่ค่อยสบาย ก็เลยไม่อยากให้ไปกระทบกระเทือนจิตใจเขา แต่ก็แอบคิดว่าหรือเราตั้งใจทำงานเก็บเงิน เอาเงินไปคลอดลูก แล้วเอาลูกกลับไปอยู่บ้านจะได้ดูแลแม่และเลี้ยงลูกด้วย หนูลังเล 60:40 ระหว่างยุติการตั้งครรภ์ หรือการเก็บเด็กไว้แล้วไปต่อ ก็เลยอยากถามพี่ๆดีเจว่า หนูควรจะทำยังไงดี?เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ตอนนี้หนูต้องเลือกระหว่าง “ผู้ชาย” กับ “เพื่อนสนิท” หนูคุยกับผู้ชายคนนึงมา ตอนนี้กำลังคลั่งรักเขามาก เข้ากันได้ดีทุกอย่าง พอไปเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนกลับบอกว่า “ไม่โอเค ถ้าเราจะคบกับคนนี้” เพราะคนนี้เป็นคนคุยเก่าของเขามาก่อน

01 ส.ค. 2025

ตอนนี้หนูต้องเลือกระหว่าง “ผู้ชาย” กับ “เพื่อนสนิท” หนูคุยกับผู้ชายคนนึงมา ตอนนี้กำลังคลั่งรักเขามาก เข้ากันได้ดีทุกอย่าง พอไปเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนกลับบอกว่า “ไม่โอเค ถ้าเราจะคบกับคนนี้” เพราะคนนี้เป็นคนคุยเก่าของเขามาก่อน

ตอนนี้หนูต้องเลือกระหว่าง “ผู้ชาย” กับ “เพื่อนสนิท” หนูคุยกับผู้ชายคนนึงมาตอนนี้กำลังคลั่งรักเขามาก เข้ากันได้ดีทุกอย่าง พอไปเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนกลับบอกว่า“ไม่โอเค ถ้าเราจะคบกับคนนี้” เพราะคนนี้เป็นคนคุยเก่าของเขามาก่อนอย่าพามาเจอหน้าเพราะจะทำตัวไม่ถูก หนูจะทำยังไงดี ทั้งๆที่เพื่อนหนูก็มีสามีมีลูกแล้วด้วยถ้าเป็นทุกคน จะเลือกอะไรกันคะ ?? “คุณขนม (นามสมมติ)” อายุ 29 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [30 ก.ค 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาที่พึ่งรู้ว่าคนที่คุยอยู่ตอนนี้ เป็นคนคุยเก่าของเพื่อนสนิท แล้วต้องเลือกใครคนใดคนหนึ่ง โดย “คุณขนม (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ผู้ชายคนนี้คุยกับหนูมาก่อนอยู่แล้ว ตั้งแต่เมื่อปี 54 แต่ช่วงนั้นเป็นช่วงที่หนูมีแฟนจึงไม่ได้คุยกันต่อ จนหนูมาเข้าสู่ช่วงอายุ 29 ปี เขาทักมาคุยกับหนู เลยได้คุยกันไปประมาณเดือนกว่า ๆ และตอนนี้เรารู้สึกดีกับเขามาก ๆ แล้ว แต่พึ่งมารู้ทีหลังว่าเขาเคยเป็นคนคุยเก่าของเพื่อนสนิทเรา เพื่อนคนนี้เราสนิทมาตั้งแต่มัธยม ปัจจุบันเพื่อนมีลูกและสามีแล้ว ซึ่งเพื่อนเป็นคนที่เชิงว่าเป็นศูนย์กลางประจำกลุ่ม โดยทั้งกลุ่มจะมี 6 คน และปกติเวลาเพื่อนจะนัดเจอกัน เพื่อนจะนัดเจอกันบ่อยมากกว่าหนู หนูไม่ค่อยได้เข้าไปเจอสักเท่าไหร่ ช่วงหลัง ๆ มานี้เป็นช่วงที่เราโสด แล้วเราไม่รู้จะคุยกับใครเลยคุยกับเพื่อนคนนี้บ่อย ๆ และเหตุผลที่เพื่อนรู้เรื่องนี้เพราะว่าเวลาเรามีอะไร เรามักจะปรึกษากับเพื่อนตลอด เพื่อนจึงรู้จากตรงนี้และไม่โอเคที่เราจะไปคุยต่อจากเขา เกริ่นก่อนว่าผู้ชายคนนี้เขาเคยคุยกับเพื่อนหนูมาตั้งแต่ปี 65 คุยกันในเชิงจีบกันปกติ มีวิดีโอคอลกันส่วนใหญ่ แต่ถ้าเจอกันจะเคยเจอกันแค่ครั้งเดียว ซึ่งเรื่องใครเป็นคนเทใครก่อนอันนี้หนูไม่แน่ใจ เพราะว่าทั้งสองคนเล่ามาไม่เหมือนกัน หนูเคยลองพยายามถามทั้งสองฝ่ายแล้ว แต่เหมือนเขาก็ยังกั๊ก ๆ อะไรสักอย่างไว้อยู่ ซึ่งคนที่หนูคุยอยู่เขาบอกว่าเขาเป็นคนหยุดคุยเองเพราะว่าคุยแล้วไม่คลิกกัน โดยเขาบอกมาประมาณว่า “คุยแล้วไม่คลิกกัน ไม่โอเค ก็แค่แยกย้ายแค่นั้น” ส่วนเพื่อนเราบอกว่าตัวเองเป็นคนเทเขา โดยให้เหตุผลว่าเขาเป็นคนมีความคิดที่แปลกประหลาด คุยเยอะมาก คุยไปทั่ว แต่จากที่หนูคุยกับเขามันไม่ใช่แบบที่เพื่อนบอก สำหรับหนู หนูคุยกับเขาแล้วรู้สึกดี เขาเป็นคนปากหวานด้วย จึงไม่กล้าฟันธงอะไรมาก และเหตุผลที่เพื่อนอยากให้เราหยุดคุยกับผู้ชายเพราะว่าเขาเป็นคนคุยเก่าเพื่อน เพื่อนกลัวตัวเองจะมองหน้าเขาไม่ติด จริง ๆ ตัวหนูเองเคยเชิง ๆ พูดไปกับเพื่อนแล้วว่าเราเคยคุยกับเขาไปตอนปี 54 ก่อนที่เขาจะมาคุยกับแก แต่เพื่อนก็ไม่ได้ฟังอะไร จะแทรกเรื่องตัวเองมาเป็นส่วนใหญ่ อีกทั้งเพื่อนยังเคยเชิงพูดอ้อม ๆ มาอีกประมาณว่า “ถ้ามึงจะคุยต่อก็คุยได้นะ แต่กูไม่โอเค” ถ้าถามว่าถ้าหนูเลือกผู้ชาย แล้วไม่เลือกเพื่อน หนูจะโอเคไหม เอาจริง ๆ หนูรู้สึกครึ่ง ๆ เพราะว่าหนูรู้สึกเสียดายที่ยังไม่ได้เรียนรู้อะไรด้วยตัวเองเลย แต่อีกใจนึงคือถ้าสมมติหนูเลือกเขา แล้ววันใดวันหนึ่งมันดันเข้ากันไม่ได้แล้วเราเลือกเขาไปแล้ว เราจะเสียทั้งเพื่อนเสียทั้งผู้ชายเลย ซึ่งคำถามที่อยากจะปรึกษาดีเจทั้งสามคนมีทั้งหมด 2 เรื่องคือ หนูแค่อยากรู้ว่าในความคิดหนูตอนนี้มันแปลกหรือเปล่า? ที่มองว่าตอนนี้มันเป็นแค่คนคุย แต่เพื่อนในกลุ่มหนูทุกคนมองว่ามันเป็นเรื่องผิดปกติและไม่สมควรที่จะคุยต่อจากเพื่อน ส่วนคำถามที่สองคือ หนูอยากถามว่าหนูควรจะไปต่อกับความสัมพันธ์นี้อย่างไรดี?’ เริ่มต้นที่ “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘แปลกหรือเปล่า เพื่อนหนูสิแปลก กลุ่มนี้ควรหยุดตัวเป็นแกนของโลกได้แล้ว ไม่มีเหตุผลที่แกจะมากั๊กของที่แกไม่เคยกิน แกไม่มีสิทธิ์ห้ามคนอื่นกิน เห็นแก่ตัวแบบนี้ไม่เรียกว่าเพื่อน เลิกคบได้ไม่ติด ส่วนข้อสองถ้าไม่อยากเสียทั้งเพื่อนเสียทั้งผู้ชายให้แอบคบ อย่าให้มันรู้และถ้าเกิดมันไปไม่รอดก็กลับมาหาเพื่อน แต่เพื่อนกลุ่มนี้ไม่โอเคเท่าไหร่ เอาแต่ใจตัวเอง ไม่มีความเมตตาในจิตใจสักนิดเลย’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาต่อว่า ‘ไม่แปลกที่จะคบกับคน ๆ นี้ พี่ว่าเพื่อนหนูมีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ แต่ถ้าอยากจะให้มันเคลียร์พี่แนะนำว่าถ้าหนูแคร์ฝั่งเพื่อนด้วยให้บอกเพื่อนไปตรง ๆ ว่าเราจะคบ แต่ก่อนจะบอก หนูควรตัดสินใจถามเพื่อนไปตรง ๆ ก่อนเลยว่ามีอะไรที่เรายังไม่รู้อีกไหม แต่คือถ้าเพื่อนให้เหตุผลแค่นี้ พี่รู้สึกว่ามันยังไม่พอ ต้องดูที่เหตุผล ส่วนจะไปต่อกับความสัมพันธ์นี้ยังไงดี พี่ว่าถ้าขนมจะเอาทั้งซ้ายทั้งขวาให้ได้ดั่งใจเลย พี่ว่ามันยากในสถานการณ์นี้ ต้องลองเสี่ยงเพราะพี่รู้สึกว่ายังไงก็ตามมันไม่มีหลักประกันอยู่แล้วว่าคบผู้ชายคนนี้ไปแล้วมันจะเวิร์คหรือไม่เวิร์ค แต่ไม่อยากให้เอาเรื่องมีมาเป็นปัจจัยหลักใหญ่ที่จะไม่คบเขา ถ้าเพื่อนจะโกรธก็สิทธิ์ของเพื่อน แต่เราก็มีสิทธิ์ของเราเหมือนกันที่จะทำแบบนี้ พี่ว่าสิ่งที่หนูทำไม่ใช่สิ่งที่ทำลายความเป็นเพื่อนกัน’ สุดท้าย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาเพิ่มเติมว่า ‘ผมว่าไม่แปลกหรอก ผมมองว่าขนมก็ไม่แปลกและอีกฝั่งก็ไม่แปลกเหมือนกัน มันมีคนที่ไม่ได้ใช้ตรรกะเหมือนกับคนอื่นในการดำเนินชีวิต ผมได้เรียนรู้มาในอีกรายการหนึ่งว่าสมองคนเรามันสั่งการทุกอย่างอยู่นะ คนเรามีวิธีการดำเนินชีวิตที่ตามแต่ที่สมองมันบอก เข้าใจได้ในความเป็นแก๊งผู้หญิงแบบดาวเจ็ดแฉก เมย์ไหนไฟแรงส์เวอร์ สมมติมีคนนึงที่เป็นตัวตั้งตัวตีแล้วเจอกับอีก 6 คนแบบสม่ำเสมอ สารพัดเหตุผลที่จะบอกว่าทำไมถึงไม่โอเค ทั้ง ๆ ที่เรามองไปเราอาจจะโอเค มันสามารถเกิดขึ้นได้ในแก๊งแบบนี้ที่มันถูกกล่อมอยู่ และกับคนนั้นที่จะหวงก้างโดยไม่ได้ใช้เหตุผล ซึ่งสมมติว่าข้อมูลที่เราฟังในวันนี้มันมีแค่นี้จริง ๆ เจอกันครั้งเดียว คุยกันอยู่ช่วงนึง สุดท้ายไม่โอเค แค่คน ๆ นึงที่ไม่โอเคแบบไม่มีเหตุผลมันก็เกิดขึ้นได้นะขนม บางทีแล้วการที่เราจะคบกับอดีตของคนในกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นอดีตในขั้นไหน เราจะต้องยอมรับว่ามันมีโอกาสที่จะผิดใจกัน มันอาจจะมีบางคนที่ก็นี่ไม่มีเหตุผลอะ แต่นี่ไม่ชอบไม่อยากเจอคนนี้ นี่เคยคุยแล้ว ทำไมแกต้องคุยซ้ำด้วย มันเป็นสิ่งที่เราต้องยอมรับว่ามันสามารถเกิดขึ้นได้ ทีนี้ทำไงต่อ พี่เห็นด้วยกับดีเจเติ้ลคือ การที่ถ้าเรายืนยันจะคบกับผู้ชายได้ไหม ได้ หรือถ้าเราจะไม่คบเพื่อเพื่อนได้ไหม ได้เหมือนกัน แต่ว่าเราควรได้เหตุผลที่มากกว่านี้ ถ้าเราจะทำอะไรเพื่อเพื่อนกลุ่มนี้นะ คนที่ไม่โอเคควรจะบอกเหตุผลที่แท้จริงว่า “ทำไมหรืออะไรที่ทำให้มองหน้ากันไม่ติด?” หรือแค่แกไม่อยากให้เราคุยกับคนซ้ำกับแกแค่นี้ โดยที่ไม่ได้มีเหตุว่าไม่ได้เลิกกันไม่ดี ไม่ได้ไปแอบด่ากันลับหลังหลังจากเลิกกันหรือไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น เราจะได้เข้าใจว่าอ๋อมันมีเหตุผลแค่นี้ อยู่ที่ว่าขนมจะแคร์คนนี้มากพอไหมที่จะคบหากันต่อ มันเกิดขึ้นได้ บางครั้งคนเราแบบเออนี่ไม่คบให้ก็ได้ เพราะนี่รักเพื่อนนะ แต่แกต้องบอกนะว่าทั้งหมดเกิดอะไรขึ้น และมันก็มีคนที่บอกว่า นี่จะคบนะ นี่ต้องรู้อะไรอีกไหม มันไปได้หมดทุกทางเลยขนม ควรที่จะคุยกันและหลังจากนั้นขนมช่างใจเลย ถ้าผู้ชายคนนี้ดูมีความเป็นไปได้ เราคุยศึกษากันสักพัก ช่วงแรกอาจจะเก็บเป็นความลับก่อนก็ได้ จนเวลามันผ่านไปแล้วรู้สึกว่าคนนี้ใช้ได้ เขาดีพอที่เราจะมั่นใจเขาได้ และมันก็คงมีเหตุการณ์ที่เราคงพาไปเจอเพื่อนไม่ได้บ่อยหรือไม่ต้องพาไปเจอก็ได้ เราก็มีชีวิตของเรา สุดท้ายเวลาผ่านไปมันจะเยียวยาเรื่องพวกนี้เอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

กลายเป็นมือที่สามของคู่รักที่คบกันมา 10 กว่าปี พอรู้เรื่องก็ถอยออกมา แต่ผู้ชายกลับบอกว่าเลือกเรา ตลอดเวลา 1 ปีที่คบกับผู้ชายคนนี้ เขาเพอร์เฟคแทบทุกอย่าง แต่เรารู้สึกกลัวและหวาดระแวงตลอดเวลาว่าเขาจะทำกับเราเหมือนที่เคยทำกับคนนั้น

24 พ.ย. 2023

กลายเป็นมือที่สามของคู่รักที่คบกันมา 10 กว่าปี พอรู้เรื่องก็ถอยออกมา แต่ผู้ชายกลับบอกว่าเลือกเรา ตลอดเวลา 1 ปีที่คบกับผู้ชายคนนี้ เขาเพอร์เฟคแทบทุกอย่าง แต่เรารู้สึกกลัวและหวาดระแวงตลอดเวลาว่าเขาจะทำกับเราเหมือนที่เคยทำกับคนนั้น

กลายเป็นมือที่สามของคู่รักที่คบกันมา 10 กว่าปีพอรู้เรื่องก็ถอยออกมา แต่ผู้ชายกลับบอกว่าเลือกเราตลอดเวลา 1 ปีที่คบกับผู้ชายคนนี้ เขาเพอร์เฟคแทบทุกอย่างแต่เรารู้สึกกลัวและหวาดระแวงตลอดเวลาว่าเขาจะทำกับเราเหมือนที่เคยทำกับคนนั้นควรไปต่อหรือพอแค่นี้ แล้วถ้าบอกเลิกตอนนี้จะดูงี่เง่าไปไหม... “คุณเอฟ (นามสมมติ)” อายุ 26 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (22 พ.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” กับปัญหาที่ไม่รู้ตัวว่าเป็นมือที่ 3 จนคบกันมาถึงตอนนี้ ก็รู้สึกกลัวและระแวงว่าเขาจะนอกใจเหมือนที่เขาเคยทำ โดย “คุณเอฟ (นามสมมติ)” เริ่มเล่าว่า ‘ประมาณปีที่แล้ว ผู้ชายซึ่งเป็นแฟนในปัจจุบัน เขาเข้ามาจีบ โดยเราไม่รู้ว่าเขามีแฟนที่คบกันมากว่า 10 ปีแล้ว เรามาจับได้หลังจากคบกันมาสักพัก พอเรารู้เรื่อง เราก็ถอยออกมา ให้เขากลับไปจัดการเคลียร์กับทางนั้น เราไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย เพราะเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเราเข้าไปเป็นมือที่ 3 หลังจากที่เขากลับไปเคลียร์ เขาก็กลับมาบอกว่า “เลือกเรานะ เขารักเราจริงๆ เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับทางนั้นแล้ว เขาขอโอกาสได้ไหม” เราก็เลยลองให้โอกาสเขาดู ตอนนี้มันก็ผ่านมา 1 ปีแล้ว แต่เราต้องใช้ชีวิตแบบหวาดระแวง กลัวว่าเขาจะทำกับเราเหมือนที่ทำกับคนที่เขาคบมานาน กลัวว่าเราจะต้องไปตกอยู่ในสภาพแบบนั้น กลัวว่าคนรอบข้างเขาจะสมน้ำหน้าเรา เพราะว่าคนที่เขาไม่ได้รู้เรื่องราว เขาก็มองว่าเราไปแย่งผู้ชายมา แล้วสิ้นปีนี้ผู้ชายเขาต้องเปลี่ยนงาน ซึ่งตอนที่เขามาจีบหนู ตอนนั้นเขาก็เปลี่ยนงานมาได้ไม่นาน มาเจอสังคมใหม่ หนูก็เลยกลัวมากว่าถ้าเขาเปลี่ยนสังคมไปแล้ว เขาจะทำแบบเดิมหรือเปล่า หนูไม่รู้จะทำอย่างไรกับความสัมพันธ์นี้ ควรไปต่อหรือควรหยุด เพราะตลอดเวลาที่คบกันมาปีกว่า หนูกังวลเรื่องนี้มาโดยตลอด แต่ที่ผ่านมาเขาก็ดูแลดีทุกอย่าง เป็นผู้ชายที่ดีคนนึง เพอร์เฟคในหลายๆ อย่าง มีไม่เพอร์เฟคแค่เรื่องนี้ ถ้าจะไปต่อในความสัมพันธ์นี้จะไปต่ออย่างไร หรือถ้าจะเลิกมันจะดูงี่เง่าไปไหม’ ทาง “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่าทุกความสัมพันธ์ มันตอบไม่ได้หรอก ว่าใครนอกใจหรือไม่นอกใจ เพียงแต่ว่าแค่คนนี้มันมีเชื้อ มันเหมือนเริ่มต้นผิด เริ่มต้นกับคนผิด แต่…มันก็มีเยอะเหมือนกันที่อยู่ด้วยกันกับคนปัจจุบัน ไปจนแก่เฒ่า สิ่งที่วัดคือ วัดจากปัจจุบันว่าผู้ชายคนนี้รักเรามากแค่ไหน ถ้าเขารักเรามาก เขาจะทำอะไรก็ได้ให้เรารู้สึกมั่นใจ ถ้าวันนึงที่เขามีคนอื่น ผู้ชายมันจะเปลี่ยนไปเอง จะเจอเรายากขึ้น เราจะรู้โดยธรรมชาติของเราเองว่าเปลี่ยนไป พอถึงวันนั้นไม่ต้องรอเจอคนใหม่ ให้เราถามตัวเองเลยว่า เราอยู่แล้วเรามีความสุขไหม ถ้าไม่มีความสุขเราก็แค่เดินออกมา ถ้าวันนี้เราจะไปขอเลิกเขา มันดูงี่เง่าไหม สำหรับพี่ถือว่างี่เง่า ถ้าไม่เอาก็ไม่ต้องเอาตั้งแต่วันแรกสิ ที่หนูบอกว่า ‘เขาดีทุกอย่างเลย เขาแค่นอกใจ’ เขาไม่ได้แค่นอกใจ นอกใจไม่ใช่แค่ เพราะถ้ามันแค่ มันจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของหนูในวันนี้ ถ้าเขาจะนอกใจ เขาก็นอกใจได้ แล้วก็ดีเสียอีก เพราะหนูจะได้ไม่เสียเวลา แต่ถ้าเลิกกันตอนนี้โดยที่เขาไม่มีความผิด มันก็งี่เง่าแหละ แต่เอาเป็นว่าถ้าอยู่กับปัจจุบันแล้วมันไม่มีความสุข ก็ให้เดินออกมา หรือเราต้องคุยกับเขาว่าเรากลัวอะไร อยากให้เขาแสดงความมั่นใจ ถ้าเขารักเราเขาจะทำให้เราได้ เขาอาจจะเลือกเราก็ได้ อาจจะรู้สึกว่าเราใช่แล้ว ไม่อยากเสียเราไป ถ้าถามเขาจะนอกใจไหม มันไม่มีใครตอบได้แม้กระทั่งตัวเขาเอง เขาก็ไม่รู้ว่าวันนึงเขาไปเจอใครแล้วเขาจะหวั่นไหวไหม เขามีความมั่นคงหรือหนักแน่นแค่ไหน ตัวเขาก็ยังไม่รู้ แต่เขารู้แค่ว่าตอนนี้เขามีเรา เขาจะแสดงความมั่นใจให้กับเรา ให้เราอยู่กับปัจจุบันว่าเรามีความสุขไหม’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘อยากจะบอกเอฟอย่างนี้ว่า เวลาเราตัดสินใจคบกับใครสักคน มันก็คือความเสี่ยงทั้งนั้น เพียงแต่ว่าเสี่ยงมากหรือเสี่ยงน้อย ดูจากประวัติในอดีตหรืออะไร แต่ทุกอย่างมันไม่ได้การันตีว่าคนที่เคยบอกเลิกกับแฟนคนนึงเพื่อมาคบกับอีกคนนึง นั่นแปลว่าเขาจะทำอีกแน่ๆ 100% หรือถ้าบอกว่า เขาจะไม่ทำแล้ว เขาเห็นเอฟเป็นรักแท้ มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ หลายๆ เคสมันก็เป็นแบบนี้ เอฟลองคิดว่าเรารับความเสี่ยงกับการคบกันครั้งนี้ได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าตื่นมาทุกวันแล้วต้องระแวงในทุกการกระทำที่เขาทำ นั่นแปลว่าธรรมชาติของคุณ ไม่ใช่คนที่สามารถรับความเสี่ยงอะไรแบบนี้ได้ ก็ไม่จำเป็นที่จะเสียเวลา เสียสุขภาพจิตไปกับตรงนี้ อยากให้คอมเม้นต์อีกด้านนึงว่า ถ้าเราเลิกตอนนี้ คนอื่นจะมองเรางี่เง่าแน่นอน แต่สุดท้ายถ้าเอฟรู้ตัวว่าฉันอยู่ไม่ไหว มันหวาดระแวง ไม่มีความสุข จะตัดสินใจยังไงมันก็เป็นเรื่องของเรา เราเคยให้โอกาสเค้า แล้วแต่พอมาคบกันจริงๆ แล้วมันไปไม่รอดอย่างที่เราหวัง จะจบความสัมพันธ์มันก็ได้นะ คนเรามีสิทธิ์ที่จะลอง ถ้าลองแล้วมันไม่ใช่ ก็มีสิทธิ์ที่จะแยกย้ายเหมือนกัน คนอื่นจะมองว่าเรางี่เง่า แต่มันก็ไม่ผิดอะไรที่เราจะทำให้ตัวเองมีความสุข’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เห็นด้วยกับทั้งพี่เผือกและพี่ต้นหอม เราไม่รู้จริงๆ ว่าคนที่เราอยู่ด้วยวันนึงเขาจะเปลี่ยนไปอย่างไร มันวัดไม่ได้จริงๆ ว่าเวลามันจะเปลี่ยนใคร เพราะฉะนั้นเคสนี้เขาเคยทิ้งผู้หญิงคนนั้นแล้ว แต่วันเวลามันอาจจะทำให้เขาตระหนักได้ว่าเขาไม่ควรทำอย่างนั้นอีกก็เป็นได้ หรือเขาอาจจะทำอีก ก็เป็นได้ ไม่มีใครรู้เลย ถ้าคิดจะให้โอกาส ต้องไม่นอยด์ไปจนถึงเอาเรื่องเก่ามาพูดอีกเลย ถ้าตัดสินใจแล้วว่าจะให้โอกาสไม่ควรที่จะไปคอยระแวง พี่คิดว่ามันไม่แฟร์กับเขาเพราะเราให้โอกาสเขาแล้ว และมันไม่แฟร์กับความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ด้วย พี่คิดว่า ถ้านอยด์แล้วเรื่องมันเกิดก็คือเลิก แต่ถ้านอยด์แล้วเรื่องมันไม่เกิด ก็มีผลว่าจะเลิกกันเหมือนกัน เพราะอีกคนก็ไม่มีความสุข ตัวเราก็ไม่มีความสุข แต่ในขณะที่เราไม่นอยด์แล้วเรื่องเกิดก็เลิกกัน แต่ถ้าเขาไม่เจ้าชู้เราก็มีสิทธิ์ที่จะรักกันไปตลอด ผลมันต่างกัน ถ้าคนเรารักกันแล้วคนนึงมาระแวงตลอด พี่ว่ามันไม่มีความสุข แล้วมันจะเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่น่าจะอยู่ระยะยาว แต่สุดท้ายทั้งหมดมันอยู่ที่ตัวหนู ใครจะมองว่าหนูงี่เง่า มันก็คือชีวิตหนู หนูก็ต้องไปหาที่ที่ทำให้หนูสบายใจ มันไม่มีใครที่จะมามีผลกับชีวิตหนูเลย นอกจากตัวหนูเอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

สายสุดท้าย #พุธทอล์คพุธโทร ดีเจต้นหอมขอปรึกษาเอง! ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย? มันเป็นเรื่องที่หนูเคลียร์หมดแล้ว ชัดเจนไปแล้วเมื่อ 5 ปีก่อน พิสูจน์หมดแล้วว่าหนูไม่ผิด ตอนนี้เจอลูกค้าแคนเซิลงาน โดนผลกระทบแบบนี้ แฟร์แล้วหรอคะ?

24 ต.ค. 2024

สายสุดท้าย #พุธทอล์คพุธโทร ดีเจต้นหอมขอปรึกษาเอง! ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย? มันเป็นเรื่องที่หนูเคลียร์หมดแล้ว ชัดเจนไปแล้วเมื่อ 5 ปีก่อน พิสูจน์หมดแล้วว่าหนูไม่ผิด ตอนนี้เจอลูกค้าแคนเซิลงาน โดนผลกระทบแบบนี้ แฟร์แล้วหรอคะ?

สายสุดท้าย #พุธทอล์คพุธโทร ดีเจต้นหอมขอปรึกษาเอง! ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย?มันเป็นเรื่องที่หนูเคลียร์หมดแล้ว ชัดเจนไปแล้วเมื่อ 5 ปีก่อน พิสูจน์หมดแล้วว่าหนูไม่ผิดตอนนี้เจอลูกค้าแคนเซิลงาน โดนผลกระทบแบบนี้ แฟร์แล้วหรอคะ?ต้นหอมขอพูดบ้างที่รายการแฉ GMM25 คืนนี้!! “ดีเจต้นหอม” สายสุดท้ายในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [23 ต.ค.67] ได้ปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล’ ในรายการแบบสดๆ เกี่ยวกับปัญหาได้รับผลกระทบกับงานและเงิน โดย “ดีเจต้นหอม” ได้เล่าว่า ‘ลูกค้าแคนเซิลงานเรา กลัวไปทำภาพลักษณ์เเบรนด์เสียหาย ซึ่งเราไม่ได้เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ พิสูจน์เเล้วเรื่องนี้หนูไม่ได้ผิดเเต่ก็ได้รับผลกระทบจนต้องเสียงานเสียเงิน ก็ไม่ใช่ที่เราเป็นต้นเหตุเลย เราไม่ได้สร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา ต่อให้หนูเคลียร์เเล้วเเต่มันก็มีผลกระทบอยู่ดี เเล้วแบบนี้ใครต้องรับผิดชอบชีวิตหนู การงานการเงินหนู รายได้หนูที่จะเข้ามา นาน ๆ ทีหนูจะมีอีเว้นท์ซักทีนึง เเล้วเนี่ยพรีเซ็นเตอร์อีก 1 ตัวก็ยังลุ้นอยู่ว่าลูกค้าขอประชุมกันก่อนว่ายังไง เเล้วมันถูกพิสูจน์แล้วว่าหนูไม่ได้ผิด คนอื่นสร้างเรื่องขึ้นมา เเต่หนูได้รับผลกระทบ ก็เลยอยากจะปรึกษาพี่ๆดีเจทั้ง 2 คนว่าหนูโดนเเบบนี้มันแฟร์เเล้วหรอคะ?’ โดยเริ่มที่ “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ก็เห็นใจ เป็นยุคที่ทำให้ทุกอย่างมันชัดเจน ซึ่งวันนี้ต้องยอมรับว่าคุณต้นหอมก็ตอบได้ค่อนข้างชัดเจน อาจจะต้องใช้ความเชื่อมั่นในตัวเอง รวมถึงต้องภาวนาให้ลูกค้าเขาเชื่อมั่นด้วย เราก็คาดเดาไม่ได้เพราะลูกค้าอาจจะไม่ได้หมายถึงองค์รวมประชุม อาจจะหมายถึงคนที่สิทธิ์ในการตัดสินใจเพียงเเค่ 1-2 คนที่เขาติด อย่าไปเสียความมั่นใจในตัวเอง ถ้าของไหนเป็นของเรามันก็จะมา’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ต้องมั่นใจในตัวเองว่าเราคือทองเเท้ ถ้าที่ชี้เเจงเมื่อ 5 ปีที่แล้วมันเหมือนในตอนนี้เเสดงว่ามันคือสัจจะ มันคือความจริง ระยะเวลามันจะพิสูจน์เอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1