“น้ำเต้าหู้” ประโยชน์คับแก้ว

HEALTHY LIFESTYLE

“น้ำเต้าหู้” ประโยชน์คับแก้ว

29 ส.ค. 2023

1.หลายคนดื่มน้ำเต้าหู้เพื่อลดความอ้วน ลดน้ำหนัก และไขมัน
            มีงานวิจัยหนึ่งที่ทดลองประสิทธิผลของนมวัว นมถั่วเหลืองปรุงแต่ง และอาหารเสริมแคลเซียมที่มีผลต่อการลดไขมันในผู้หญิงก่อนวัยทองที่มีภาวะอ้วน และภาวะน้ำหนักเกิน พบว่าการบริโภคนมไขมันต่ำอย่างนมถั่วเหลืองปรุงแต่ง ช่วยลดภาวะอ้วนและภาวะอ้วนลงพุงในกลุ่มตัวอย่างทดลองได้อย่างมีนัยสำคัญ อีกหนึ่งการทดลองได้เปรียบเทียบประสิทธิผลของน้ำเต้าหู้กับนมวัวขาดมันเนยกับระดับไขมันในเลือดและการทำปฏิกิริยากับผนังเซลล์ไขมัน (Lipid Peroxidation) ในผู้ป่วยที่มีภาวะไขมันในเลือดสูง ผลลัพธ์ที่ได้ชี้ว่าน้ำเต้าหู้มีส่วนช่วยในการลดระดับไขมันในเลือดและลดการเกิดปฏิกิริยาที่สารอนุมูลอิสระทำปฏิกิริยากับกรดไขมันไม่อิ่มตัวในผนังเซลล์ ซึ่งเป็นผลดีต่อผู้ป่วยภาวะไขมันในเลือดสูง


            ส่วนการทดลองเพื่อหาประสิทธิผลในการลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกายด้วยเครื่องดื่มที่ทำมาจากถั่วเหลือง โดยทำการทดลองในกลุ่มตัวอย่างชาวฝรั่งเศสที่มีระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูงในกลุ่มความเสี่ยงระดับปานกลาง ผลที่ได้คือ การบริโภคเครื่องดื่มจากถั่วเหลืองที่มีสารแพลนท์ สเตอรอล (Plant Sterol) ช่วยลดระดับไขมันคอเลสเตอรอลชนิดเลว (non-HDL และ LDL) ลงอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า น้ำเต้าหู้อาจช่วยควบคุมและลดระดับไขมันในผู้ป่วยที่มีคอเลสเตอรอลในเลือดสูงที่อยู่ในกลุ่มผู้มีความเสี่ยงเล็กน้อยไปจนถึงปานกลาง


2.น้ำเต้าหู้บำรุงกระดูก
            การทดลองเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของนมถั่วเหลืองที่มีสารไอโซฟลาโวนที่มีผลต่อคุณภาพชีวิตและกระบวนการสร้างหรือสลายกระดูกในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนชาวสเปน พบว่าการบริโภคนมถั่วเหลืองช่วยเพิ่มปริมาณวิตามินดี และช่วยลดกระบวนการสลายกระดูก นอกจากนั้น การบริโภคสารไอโซฟลาโวนจากถั่วเหลืองเพิ่มเติม อาจช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของกลุ่มตัวอย่างได้ และช่วยเพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูกได้อีกด้วย


3.สำหรับคนที่ความดันสูงเป็นประจำ น้ำเต้าหู้ช่วยลดความดันโลหิต
            มีการทดลองศึกษาประสิทธิผลของเครื่องดื่มที่ทำมาจากถั่วเหลือง ในด้านคุณค่าทางโภชนาการและอิทธิพลต่อการลดน้ำหนัก พบว่าเครื่องดื่มที่ทำมาจากถั่วเหลืองอาจช่วยลดระดับความดันโลหิตซิสโตลิกและไดแอสโตลิกลงได้ ซึ่งเป็นความดันโลหิตขณะหัวใจบีบตัวและคลายตัว ในกลุ่มตัวอย่างเยาวชนเพศหญิงที่มีภาวะอ้วนและภาวะน้ำหนักเกิน อย่างไรก็ตาม ในการทดลองนี้ยังไม่พบผลลัพธ์ในด้านน้ำหนักตัวที่ลดลง หรือขนาดเส้นรอบเอวที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญแต่อย่างใด


            อีกงานทดลองที่ศึกษาผลลัพธ์จากการบริโภคน้ำเต้าหู้ที่สัมพันธ์กับระดับความดันโลหิตในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มีภาวะไตผิดปกติร่วมด้วย พบว่าการบริโภคน้ำเต้าหู้มีผลต่อการควบคุมระดับความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ดีขึ้นในผู้ป่วยกลุ่มนี้ค่ะ


4.มีประโยชน์สำหรับผู้ป่วยที่เสี่ยงต่อการเป็นเบาหวาน
            จากการค้นคว้าหาประสิทธิผลของการบริโภคผลิตภัณฑ์นมและนมถั่วเหลืองเป็นประจำทุกวันทั้งก่อนมื้ออาหาร 30 นาที และพร้อมมื้ออาหารในกลุ่มทดลองเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดี เพื่อศึกษาหาอิทธิพลต่อระบบย่อยอาหาร ระดับน้ำตาลและสารอินซูลินในเลือด พบว่า การดื่มนม ทั้งนมถั่วเหลืองและนมวัวก่อนมื้ออาหาร 30 นาที จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดหลังมื้ออาหารได้มากกว่าการดื่มพร้อมมื้ออาหาร ซึ่งวิธีการนี้อาจเป็นประโยชน์สำหรับผู้ป่วยที่เสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานจากการบริโภคอาหารที่มีค่า GI สูง (Glycemic Index: ค่าดัชนีน้ำตาล) ซึ่งยังต้องค้นคว้าทดลองในด้านนี้ต่อไป เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แน่ชัดและเป็นประโยชน์ในอนาคต


5.ลดความเครียดแถมยังสามารถต่อต้านอนุมูลอิสระได้ด้วย
            งานวิจัยมากมายได้นำเสนอประสิทธิผลของน้ำเต้าหู้และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากถั่วเหลือง มีงานวิจัยหนึ่งที่สนับสนุนคุณประโยชน์ของโปรตีนถั่วเหลืองเช่นกัน แต่นำเสนอในด้านที่แตกต่าง คือ การทดลองให้ผู้ป่วยกลุ่มอาการเมตาบอลิก (Metabolic Syndrome) บริโภคโปรตีนถั่วเหลืองในปริมาณแต่น้อยเพียง 25 กรัม ทุกวัน ผลคือกลุ่มทดลองได้บริโภคโปรตีนถั่วเหลืองปริมาณ 25 กรัม ทุกวัน เป็นเวลา 90 วัน โดยไม่พบผลข้างเคียงในการทดลองนี้ และยังเป็นประโยชน์ในทางรักษา คือ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและเพิ่มไขมันดี (HDL) ในผู้ป่วยกลุ่มอาการเมตาบอลิกอีกด้วยค่ะ
      

            พูดง่ายๆคือน้ำเต้าหู้อุดมไปด้วยโปรตีนและฮอร์โมนเอสโตรเจน น้ำเต้าหู้ มีคุณสมบัติ ช่วยเพิ่มพลังและขจัดความอ่อนแอให้กับร่างกาย ลดสารตะกั่วในเลือด ช่วยป้องกันตับไม่ให้ถูกทำลายได้ง่าย และยังช่วยให้เมทาบอริซึมในร่างกายเผาพลานทำงานดีขึ้น แนะนำผู้สูงอายุดื่มบ่อยๆจะช่วยไม่ให้ผนังหลอดเลือดแข็งตัว หรือโรคกระดูกพรุนได้ง่ายอีกด้วยนะคะ

 

ขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะ Facebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็ม

Collector by รุ่งโนรี ’Girl Music & Travel Lover

related HEALTHY LIFESTYLE

เป็นคนร้อนในง่าย ควรปฏิบัติตัวยังไง

01 พ.ย. 2024

เป็นคนร้อนในง่าย ควรปฏิบัติตัวยังไง

คนอินพร่อง (ร้อนในบ่อย คอแห้ง มือเท้าร้อน)อินพร่อง คือ ระดับเลือดและน้ำในร่างกายที่ต่ำลง แต่พลังหยางนั้น(ความร้อนในร่างกาย)เท่าเดิม ทำให้เกิดไฟน้อยๆที่เผาพลานร่างกายตลอดเวลา เสมือนเปิดแก๊สไฟวงในเพื่อที่จะต้มน้ำซุป และทำให้น้ำในร่างกายเหือดแห้งไป ร่างกายมีแต่ความร้อน สภาพเหมือนทะเลทราย น้ำน้อย แต่ร้อนมาก ปลูกอะไรก็ไม่ขึ้น เสมือนร่างกายเรา ถ้าหากว่าร้อนแบบนี้เป็นเวลานานๆ เราจะกลายเป็นโรคได้ค่ะคนที่มีลักษณะอินพร่อง จะเป็นคนที่มีรูปร่างผอมสูง คอแห้งบ่อย รู้สึกแก้มร้อนบ่อย ใจร้อนง่าย อุ้งมือเท้าจะร้อน นอนไม่หลับ ฝันบ่อย ร้อนในบ่อย นิสัยของคนที่อินพร่องจะเป็นคนอารมณ์ร้อนง่าย ชอบคิดในเรื่องไม่สบายใจ เป็นคนช่างพูด ลักษณะแบบนี้ในทางแพทย์แผนจีนจำเป็นที่จะต้องบำรุงเหมือนกัน แต่เป็นเพราะว่าการบำรุงที่ต่างกันออกไป ในส่วนที่อินพร่องก็ต้องบำรุงอินเหมือนกับบำรุงน้ำเข้าไปในร่างกาย แต่อินในร่างกายไม่ได้หมายถึงน้ำเท่านั้นนะคะ แต่จะหมายถึงน้ำ และเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของคนเรา และจะต้องบำรุงไตบำรุงกระเพาะ ม้ามให้แข็งแรงด้วย เสมือนการปลูกต้นไม่ให้เยอะๆ และเสริมน้ำให้ด้วย ถ้าต้นไม่เยอะเกินไปก็จะดูดแต่น้ำ เราก็กลับมาสู่สภาวะเดิมคือไม่มีน้ำฉะนั้น ยาที่บำรุงอินที่เหมาะกับคนอินพร่องนั้นคือ 六味地黄丸(ลิ้วเว้ยตี้หวงหวาน) 大补阴煎(ต้าปู่หยินเจียน)ยาสองตัวนี้หาได้ตามร้านยาทั่วไปค่ะอาหารที่เหมาะสม จะมีฤทธิ์บำรุงอิน เช่น ข้าวเหนียว งา เต่า ตะพาบ เนื้อปู หอย เนื้อเป็ด นม หนังหมู เห็ดหูหนูขาว สาลี่ ปลาหมึก ไข่ นม เนื้อปลา หอย ปลิงทะเล รังนก ที่สำคัญไม่ควรทานอาหารที่มีรสเผ็ด หรืออาหารที่มีรสจัดค่ะคนอินพร่องจำเป็นต้องเข้านอนให้เร็วกว่าคนที่มีลักษณะอื่น ไม่ควรเล่นกีฬาหนักกลางแจ้ง และซาวน่า ที่ทำให้เหงื่อออกเยอะๆค่ะ เพราะจะทำให้น้ำในร่างกายลดน้อยลง เพราะคนอินพร่องน้ำในร่างกายจะน้อยกว่าปกติอยู่แล้ว กีฬาที่เหมาะสมกับคนอินพร่องคือ ว่ายน้ำ แต่อย่าว่ายนานเกินไปนะคะ แค่ 30 นาที ก็เพียงพอ เพราะจะทำให้เราขาดน้ำได้เช่นกันค่ะโรคที่พบมากสำหรับคนอินพร่องคือ โรคแห้งทั้งตัว ตาแห้ง เบาหวาน โรคกระเพาะ เพลียง่าย นอนไม่หลับ โรคไต หรือโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวกับอาการคอแห้งปากแห้งเป็นประจำสำหรับใครที่กำลังมีอาการแบบนี้อยู่ ให้ลองปฏิบัติตามคำแนะนำได้นะคะ อย่างน้อยเราก็ไม่ได้ละเลยร่างกายของเราค่ะปล.การช่วยตัวเองบ่อยๆทำให้สารอินในร่างกายลดน้อยลง ไม่ควรถี่เกินไป เพราะจะทำให้ไตอ่อนแอได้นะคะ ^^ขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะ Facebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็มCollector by รุ่งโนรี ’Girl Music Travel Lover

6 วิธีง่ายๆ ทำแล้วสุขภาพดีขึ้นแน่นอน

17 ก.ค. 2023

6 วิธีง่ายๆ ทำแล้วสุขภาพดีขึ้นแน่นอน

1. เดินถอยหลัง 10 - 15 นาที ช่วยลดอาการปวดหลังการเดินถอยหลังเป็นการบริหารกล้ามเนื้อบริเวณเอวและหลัง การบริหารนี้เป็นส่วนหนึ่งที่มีอยู่ในท่าบริหารของมวยจีน "ไท้เก๊ก" ใครที่มีอาการปวดหลัง ปวดเอวบ่อยๆ ลองฝึกเดินถอยหลังดูนะคะ การเดินถอยหลังจะบังคับให้นิ้วเท้าสัมผัสพื้นก่อน ต่างจากการเดินปกติที่จะใช้ส้นเท้า จึงเป็นการลดแรงกระแทก และส่งเสริมการทำงานของกล้ามเนื้อในส่วนที่ต่างไปค่ะ 2. นั่งให้ตัวตรง น่องตั้งฉาก ลดอาการปวดหลังได้การนั่งที่ดี ต้องนั่งตัวตรง อกผาย ไหล่ผึ่ง อาจจะเมื่อยนิดนึงนะคะ แต่ถ้าชินแล้ว จะทำให้อาการปวดหลังที่มาจากการนั่งตัวไม่ตรงดีขึ้น แนะนำให้เอาหมอนมาลองหลังด้วยนะคะ ป้องกันอาการปวดหลังได้อีกทางค่ะ3.แช่และนวดฝ่าเท้า วันละ 30 ครั้ง หรือ 10 นาที จะช่วยบำรุงไตการใช้น้ำร้อนแช่เท้านั้นไม่เพียงแต่จะบำรุงไต ยังช่วยขับความร้อนออกจากตับด้วยค่ะ ช่วยลดความดัน ช่วยให้อารมณ์ของเราสงบ และยังช่วยเรื่องการนอนให้หลับสบาย ถ้าหากหลังจากแช่เท้าแล้วได้นวดเท้าต่อ จะทำให้เลือดลมในร่างกายไหลเวียนได้ดีขึ้น อวัยวะภายในมีการปรับสมดุล แนะนำว่าหลังจากแช่เท้าแล้วไม่ควรทำกิจกรรมอื่นต่อ ให้เตรียมเข้านอนได้เลย จะทำให้การบำรุงไต ได้ผลมากยิ่งขึ้น ควรแช่เท้าเวลา 3 ทุ่ม เพราะจะช่วยให้นอนดีค่ะ4. ดื่มขิงเป็นประจำ เพื่อป้องกันหวัดแพทย์จีนจัดขิงเป็นพืชรสเผ็ดอุ่น มีฤทธิ์แก้หวัดเย็น ขับเหงื่อ บำรุงกระเพาะอาหาร แก้อาการคลื่นไส้อาเจียน ลดคอเลสเตอรอลที่สะสมในตับ และเส้นเลือด ชาวจีนทั่วไปจึงนิยมต้มขิงกับน้ำตาลอ้อย หรือน้ำตาลแดง เพื่อช่วยแก้หวัด ถ้าใช้ขิงสดปิดที่ขมับทั้งสองข้างจะช่วยแก้ปวดหัว หรือถ้าเอาขิงสดอมไว้ใต้ลิ้นจะช่วยแก้อาการกระวนกระวาย แก้คลื่นไส้อาเจียนได้ดีค่ะ5.ทานเนื้อสัตว์ให้น้อย ทานผักให้มาก ลดการเกิดไขมันอุดตันของเส้นเลือดเนื้อสัตว์ส่วนใหญ่ก็มากับไขมันทั้งนั้น มันแทรกอยู่ในอนูของเนื้อ ยิ่งลายพร้อยยิ่งอร่อย แต่หารู้ไม่ว่ายิ่งอร่อย ก็ยิ่งทำร้ายร่างกายมากขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นเราควรเลือกเนื้อที่ไม่ติดมัน หรือติดมันน้อยที่สุด และอย่าทานมากเกินไป ปริมาณที่จะเหมาะสมคือ เนื้อไม่ติดมันขนาดเท่าฝ่ามือ ให้ทานผักมากกว่าเนื้อสัตว์ จะช่วยย่อย และช่วยระบบขับถ่ายด้วยค่ะ6.ทำสมาธิก่อนนอน 10 - 15 นาที ช่วยลดอาการเวียนศีรษะการทำสมาธิก่อนนอน เป็นเรื่องที่ดี จะช่วยให้ระบบสมองของเรามีการเรียงตัวที่ดี ช่วยให้เราหลับได้ดีอีกด้วย และทำให้ตื่นเช้าขึ้นมาไม่เวียนศีรษะค่ะแต่ละวิธีไม่ยากเลยใช่ไหมคะ ลองค่อยๆปรับ เปลี่ยนไปด้วยกัน เพื่อสุขภาพที่ดีของเรานะคะ ^^ขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะ Facebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็มCollector by รุ่งโนรี ’Girl Music Travel Lover

สัญญาณเตือนมะเร็งลำไส้

09 ม.ค. 2025

สัญญาณเตือนมะเร็งลำไส้

ท้องอืด ท้องเฟ้อ ถ่ายแข็งสัญญาณมะเร็งถามหามะเร็งลำไส้คร่าชีวิตคนหลายคน อาจจะเพียงแค่ติ่งเนื้อเล็กๆที่อยู่ในลำไส้ก็อาจจะพัฒนาเป็นมะเร็งได้ ซึ่งถ้าไม่รีบรักษา จะลามไปยังตับปอด ช่องท้อง หรือกระดูกได้อาการที่ฟ้องว่าเป็นมะเร็งลำไส้ง่ายๆถ่ายบ่อย ท้องผูก ถ่ายไม่สุด ปวดเบ่งบางคนมีปัญหาเรื่องท้องผูกมาตั้งแต่เด็กๆ อาจเป็นเพราะพฤติกรรมการกินที่ไม่กินผักผลไม้ ร่างกายไม่ได้รับไฟเบอร์เพียงพอ และดื่มน้ำน้อย ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานไม่ดี แต่ในบางคนอาจมีอาการท้องผูกเพราะพฤติกรรมการใช้ชีวิตในวัยทำงาน และปล่อยให้ท้องผูกเรื้อรังจนมองว่าเป็นเรื่องปกติในชีวิต พฤติกรรมนี้ล่ะค่ะคือสัญญาณหนึ่งที่บอกว่าคุณมีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ในอนาคตมีอาการท้องเสีย และสลับท้องผูกคือการอุจจาระแข็งและเหลวสลับกัน เป็นติดต่อกันแบบมีอาการเรื้อรัง ถึงแม้ว่าจะกินอาหารที่เหมาะสมไม่ได้เป็นสาเหตุให้ท้องเสียก็ยังมีอาการนี้อยู่ นี่อาจเป็นความผิดปกติที่เกิดจากภายในลำไส้ถ่ายออกมาเป็นเลือดสดๆ หรือเลือดแดงคล้ำออกมาจากอุจจาระอาจเกิดจากอุจจาระที่แข็ง เมื่อเบียดกับติ่งเนื้อที่ขึ้นผิดปกติภายในลำไส้เกิดเป็นแผลทำให้มีเลือดออกและปนออกมาในบางครั้งที่ขับถ่ายท้องอืด ปวดท้องแน่นท้องจุกเสียด มีลมมากน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุเหนื่อย และ อ่อนเพลียง่ายอาจเกิดจากการที่มีเลือดออกในลำไส้ ปนออกมากับอุจจาระ หากเสียเลือดจากการขับถ่ายมาก อาจมีภาวะซีด และโลหิตจางร่วมด้วย และยิ่งทำให้เกิดอาการอ่อนเพลียอ่อนแรงต่อเนื่องมากขึ้นอีก ถึงแม้โรคมะเร็งลำไส้ จะเป็นมะเร็งร้ายที่คร่าชีวิตคนไทยเป็นอันดับต้นๆในปัจจุบันนี้ แต่หากเราระวังในพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิต และหมั่นสังเกตตัวเองได้ทันการ จะได้รีบทำการรักษาได้ทันท่วงที โอกาสรอดชีวิตก็ยิ่งสูงขึ้นนะคะระยะของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งลำไส้ใหญ่แบ่งเป็น 4 ระยะได้แก่ระยะที่ 1 โรคมะเร็งยังอยู่ในเยื่อบุลำไส้ระยะที่ 2 โรคมะเร็งทะลุเข้ามาในชั้นกล้ามเนื้อของลำไส้และ/หรือทะลุถึงเยื่อหุ้มลำไส้ลุกลามเข้าเนื้อเยื่อหรืออวัยวะข้างเคียงระยะที่ 3 มะเร็งลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองข้างเคียงระยะที่ 4 มะเร็งลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ไกลออกไป หรือลุกลามตามกระแสโลหิตไปยังอวัยวะที่อยู่ไกลออกไป เช่น ตับ ปอด หรือกระดูกเป็นต้นมะเร็งลำไส้ป้องกันได้ ง่ายๆมีอะไรบ้างหลีกเลี่ยงอาหารไหม้เกรียมหมูกระทะ ปิ้งย่างอาหารทอดหรือปิ้งย่างโดยเฉพาะอาหารที่ใช้น้ำมันทอดซ้ำหรือปิ้งย่างจนไหม้เกรียมหากจะกินควรตัดส่วนที่ไหม้เกรียมทิ้ง จะช่วยลดสารพิษได้บ้าง แต่ก็ไม่ควรรับประทานบ่อยจนเกินไปนะคะอาหารที่ขึ้นราง่ายเช่น พริกแห้ง กระเทียม และถั่วลิสง ก่อนกินควรดูให้แน่ใจว่าไม่ได้ทิ้งไว้นานจนเกิดเชื้อราค่ะอาหารหมักดอง อาหารสำเร็จรูป ใส่สี รมควัน หรือใส่ดินประสิวเช่น ไส้กรอก แหนม ปลาร้า ขนม หรือเนื้อแดงที่สีสดมากๆอาหารสุกๆ ดิบๆ อาหารที่ปรุงไม่สุกอาจทำให้เกิดการติดเชื้อพยาธิ ส่งผลให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง จนกลายเป็นมะเร็งได้ค่ะกินผักหลากสีต้านมะเร็งสีแดง อุดมด้วยไลโคปีน (Lycopene) พบมากในมะเขือเทศ พริกแดง บีทรูท และแอปเปิ้ลสีแดงสีเหลืองและส้มอุดมด้วยวิตามินเอ และเบต้าแคโรทีน (Betacarotene) พบมากใน ฟักทอง แครอท และส้มสีเขียว อุดมด้วยอัลฟ่าแคโรทีน (Alpha Carotene)และคลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) พบมากใน ผักโขม คะน้า บล็อคโคลี่สีม่วงอุดมด้วยสารแอนโทไซยานิน(Anthocyanin) พบมากในกะหล่ำม่วง ดอกอัญชัน บลูเบอร์รี่ ลูกพรุน และข้าวเหนียวดำสีขาว อุดมด้วยสารแซนโทน (Xanthone) พบมากในกระเทียม กล้วย ขิง หัวไชเท้า กะหล่ำ รวมถึงเห็ดต่างๆเพิ่มถั่วและธัญพืชธัญพืชเต็มเมล็ดที่ไม่ผ่านการขัดสีและถั่วต่างๆ มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ทั้งวิตามิน เกลือแร่ ไฟเบอร์ และโปรตีน รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระต่างๆ ธัญพืชและถั่วที่แนะนำ ได้แก่ ข้าวกล้อง ลูกเดือย อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ พิสตาชิโอ ถั่วขาว นอกจากช่วยรักษาระดับน้ำตาลให้สมดุลแล้ว กากใยในธัญพืชและถั่วยังช่วยในการขับถ่าย ช่วยลดอาการท้องผูก ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อความเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่หมั่นเสริมเครื่องเทศในอาหารเครื่องเทศส่วนใหญ่นอกจากช่วยเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอมให้อาหารแล้ว ยังมีสรรพคุณลดการอักเสบ กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน และลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง เช่นพริก ขมิ้น กระเทียม และขิงเลี่ยงอาหารรสจัด ไขมันสูง เนื้อแดงอาหารรสจัดโดยเฉพาะเค็มจัดและอาหารหมักดองที่ใช้เกลือจำนวนมาก ส่งผลให้ความดันเลือดสูงอาหารที่มีไขมันสูงจะส่งผลให้น้ำหนักตัวเกิน ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ เช่น เนื้อติดมัน ไขมันสัตว์ เนย และกะทิการบริโภคเนื้อแดงปริมาณมากเป็นประจำส่งผลให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง และอาจกลายเป็นมะเร็งลำใส้ใหญ่ได้ หากต้องการโปรตีนควรรับประทานอาหารประเภทปลา“You are what you eat” “กินอะไรก็เป็นอย่างนั้น” ยังใช้ได้เสมอนะคะ เพราะส่วนหนึ่งของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ก็มาจากการกินอาหารรสจัด ไขมันสูง เนื้อแดง ในปริมาณที่มากเกินไป มาเริ่มลด ละ ดูแลสุขภาพไปด้วยกันนะคะ ^^ขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะ Facebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็มCollector by รุ่งโนรี ’Girl Music Travel Lover

ความคิดผิดๆ เกี่ยวกับการนอน

10 พ.ค. 2022

ความคิดผิดๆ เกี่ยวกับการนอน

วันนี้มีเคล็ดลับการนอนเพื่อสุขภาพดีดีจากศาสตร์แพทย์แผนจีนมาฝากค่ะเพราะช่วงเวลานอนเป็นช่วงเวลาสุดมหัศจรรย์ที่ร่างกายเราใช้ปรับสมดุลหลังจากเผชิญการทำงานหนักและอารมณ์ที่หลากหลายมาทั้งวันถ้านอนดี นอนได้มีคุณภาพ ก็ถือเป็นการรีเซ็ตในแต่ละวัน และเป็นการดูแลสุขภาพที่ดีเยี่ยมเลยค่ะแต่ยังมีความเข้าใจผิดๆ เรื่องการนอนอยู่มากส่วนใหญ่เข้าใจผิดเรื่องอะไรกันบ้าง ตามไปดูกันค่ะ 1.ดื่มเหล้าหรือของมึนเมาแล้วทำให้นอนหลับ สำหรับบางคนอาจเชื่อว่า เมื่อเราดื่มจนเมามายแล้ว จะช่วยให้หลับได้ง่ายเพราะเมื่อร่างกายดูดซึมแอลกอฮอล์ อาจรู้สึกมึนหัวง่วงนอนแต่ในความเป็นจริง พอตื่นนอนก็จะรู้สึกปวดหัว และไม่กระปรี้กระเปร่า นอกจากนี้ตับซึ่งทำหน้าที่ล้างพิษในร่างกายถ้าแอลกอฮอล์เข้าสู่ตับจำนวนมาก จะทำให้ตับเกิดภาวะอักเสบอาจจะทำให้เป็นโรคตับแข็ง หรือโรคตับอักเสบ คนไข้จะมีอาการหงุดหงิดง่ายอารมณ์แปรปรวน ปวดท้องได้ง่ายอีกด้วยค่ะ 2.นอนวันละ 8 ชั่วโมงยังรู้สึกไม่พอ ความต้องการในการนอนหลับขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ไม่จำเป็นต้องนอนครบ8ชม.ขอให้ตื่นแล้วสดชื่นก็เพียงพอ บางคนนอนไป8 - 10ชม.ตื่นมาก็ยังไม่กระปรี้กระเปร่า ทางแพทย์แผนจีนเรียกว่า "นอนมาก"เกิดจากหลายสาเหตุหลักๆมาจากม้ามอ่อนแอ ทำให้กักเก็บพลังในร่างกายได้น้อยลงไปด้วยเหมือนแบตเตอรี่ที่ใกล้เสื่อมสภาพ ทำให้รู้สึกว่าไม่อยากทำอะไรอยากนอนตลอดเวลา 3.นอนก่อน 5ทุ่ม แต่ยังคิดโน้นคิดนี่ ตื่นเป็นเวลาดีกว่านอนเป็นเวลานะคะบางคนเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ แต่ได้หลับตอนตี2คนที่เป็นโรคนอนไม่หลับแม้เข้านอนเร็ว ก็อาจไม่หลับจนถึงเช้า ซึ่งมาจากปัจจัยหลายสาเหตุ เช่นใจสั่นง่าย ใจร้อนง่าย กังวล เครียด จนทำให้นอนไม่หลับ อันนี้ไม่ไหวนะคะตื่นขึ้นมาก็ไม่สดชื่น ซึ่งแพทย์แผนจีนให้ความสำคัญกับการนอนมากโดยเฉพาะการหลับก่อน5ทุ่มที่ตับต้องดึงเลือดมาเก็บไว้ เพื่อให้ร่างกายพักผ่อนแล้วนอนหลับมากไปกว่านี้ ช่วงเวลานั้นร่างกายของเรายังผลิตสารและฮอร์โมนต่างๆรวมทั้งโกรทฮอร์โมนสำหรับเด็กๆ ที่ช่วยเรื่องการเจริญเติบโต (และทำให้สูง)อีกด้วยค่ะ 4.ออกกำลังกายก่อนนอน บางครั้งความเหน็ดเหนื่อยจากการออกกำลังอาจทำให้เรารู้สึกง่วงจึงคิดว่าการออกกำลังกายก่อนนอนจะช่วยให้หลับง่ายขึ้น ในทางแพทย์แผนจีนเวลานอนหลับนั้นเลือดจะไหลกลับไปและเก็บไว้ที่ตับแต่กลับกันการออกกำลังกายเลือดจะออกมาหล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อและผิวหนังทำให้ร่างกายเกิดอุณหภูมิที่สูงขึ้น อาจจะทำให้นอนไม่หลับนะคะ 5.วันทำงานนอนไม่อิ่ม มานอนชดเฉยในวันหยุด ในวันหยุดหลายคนอาจจะนอนถึงเที่ยงแล้วค่อยตื่นการนอนชดเชยในหลักแพทย์แผนจีนนั้นไม่มีนะคะเพราะตื่นมาอาจจะเหนื่อยกว่าเดิม และก็ปวดตามเนื้อตามตัวแนะนำให้ตื่นเป็นเวลาแม้ในวันหยุดก็ตาม เพราะช่วงเวลากลางวันพลังหยางมากส่วนช่วงเวลากลางคืนพลังหยินมาก พลังหยินใช้เวลานอน พลังหยางใช้เวลาตื่นการนอนในช่วงเวลาที่พลังหยางมากจึงทำให้เมื่อเราตื่นเที่ยง จึงไม่กระปรี้กระเปร่าเหมือนตอนตื่นเช้านั่นเองค่ะ นอนน้อยก็ไม่ดี นอนมากไปก็ไม่ดี นอนพักผ่อนให้เพียงพอน่าจะดีที่สุด แต่ถ้าใครนอนไม่หลับ Green Wave อยู่เป็นเพื่อนคุณตลอด 24 ชั่วโมงนะคะ ^^ ขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะ Facebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็มCollector by รุ่งโนรี ’Girl Music Travel Lover

album

0
0.8
1