รู้หรือไม่ กินผิด ปวดกระเพาะ

HEALTHY LIFESTYLE

รู้หรือไม่ กินผิด ปวดกระเพาะ

07 พ.ค. 2024

กระเพาะอาหารเป็นอวัยวะที่เชื่อมกับปากของเรา และเป็นส่วนกลางระหว่างปากกับก้น จึงมีความสำคัญมากกับระบบย่อยอาหาร การรับประทานอาหารเข้าไป แบบเดิมๆ อาจจะทำให้กระเพาะอาหารของคุณมีปัญหาได้ มาดูกันว่าอะไรบ้างที่ทำให้กระเพาะของคุณมีปัญหาค่ะ

 

1.ทานอาหารเร็วเกินไป 

การรับประทานอาหารนั้นควรเคี้ยวให้ละเอียดก่อนแล้วค่อยกลืน อย่างน้อยควรเคี้ยว 20 ครั้งนะคะ 

 

2.ทานอาหารไม่ตรงเวลา 

เมื่อทานอาหารเข้าไปถุงน้ำดีจะหลั่งน้ำดีเผื่อที่จะมาย่อยอาหารที่เรารับประทาน เวลาหิวน้ำดีก็จะหลั่งออกมาเหมือนกัน แต่เมื่อเราทานไม่ตรงเวลาน้ำดีจะหลั่งออกตามเวลา แต่พอไม่มีอาหารย่อย น้ำดีจะค่อยๆกัดกระเพาะ ทำให้กระเพาะเป็นแผลค่ะ 

 

3.เดี๋ยวกินอาหารที่ร้อน เดี๋ยวกินอาหารที่เย็นสลับกันไป 

กระเพาะอาหารปรับสภาพไม่ทัน ทำให้ปวดท้องได้ง่าย 

 

4.ทานขัาวแล้วดื่มน้ำตาม 

ทำให้การย่อยของกระเพาะอาหารทำได้ยากขึ้น ควรดื่มน้ำหลังอาหาร 30 นาทีนะคะ 

 

5.ชอบทานอาหารที่เผ็ดร้อน 

ความเผ็ดร้อนจะไปกระตุ้นกระเพาะอาหารทำให้กระเพาะอาหารระคายเคืองได้ค่ะ

 

6.ทานอาหารเวลากลางคืน 

กระเพาะอาหารทำงานหนักกว่าปกติ แทนที่จะได้พักผ่อน และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อ้วนด้วยนะคะ 

 

รู้แบบนี้แล้วเราควรปฏิบัติตัวให้ถูกสุขอนามัยนะคะ เพื่อป้องกันรักษาไม่ให้กระเพาะอาหารของเราทำงานหนัก เพราะปกติเขาก็ทำงานหนักอยู่แล้วน๊า > <

 

ขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะ Facebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็ม

Collector by รุ่งโนรี ’Girl Music & Travel Lover

related HEALTHY LIFESTYLE

9 วิธี ทำแล้วสุขภาพดีขึ้นแน่นอน

01 ก.ค. 2024

9 วิธี ทำแล้วสุขภาพดีขึ้นแน่นอน

1.หัดเดินถอยหลังจะทำให้สันหลังงอไปด้านหลัง ช่วยลดการปวดเอว แก้อาการปวดหลังได้ดี เพราะการเดินถอยหลังเราจะงอสันหลังไปทางด้านหลัง มีแรงโน้มถ่วงไปทางด้านหลัง จะทำให้ไม่ปวดหลังค่ะ2.ยกส้นเท้า 30 ครั้ง ค้างไว้ช่วยบำรุงไตและแก้ปวดเข่า จุดไตจุดแรก คือจุดที่อยู่ใต้ฝ่าเท้า จุดแรกของไตนั้นบำรุงไตดีที่สุด นอกจากเราจะนวดแล้ว เรายังสามารถยกส้นเท้าค้างเอาไว้ เพื่อช่วยบำรุงไตถ้าหากกล้ามเนื้อแถวนั้นแข็งแรง ก็ช่วยลดอาการปวดเข่าปวดข้อได้อีกด้วย จะยืนทำ หรือนั่งทำก็ได้นะคะ ไม่มีได้ข้อห้ามอะไรค่ะ3.ตื่นเช้าดื่มน้ำอุ่น 1 - 2 แก้วเพื่อช่วยเพิ่มการทำงานของเมทาบอลิซึมและช่วยล้างสิ่งสกปรกในร่างกาย การที่ดื่มน้ำหลังตื่นนอน จะช่วยเพิ่มการเผาผลาญให้ร่างกาย ช่วยลดความอ้วน และล้างสิ่งสกปรก ลดความเป็นกรดในร่างกายได้อีกด้วย และยังช่วยให้การทำงานของไตมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นด้วยค่ะ4.ทานเนื้อน้อย ทานผักมากเพื่อป้องกันโรคไขมันอุดตันและลดความเป็นกรดในร่างกาย การที่ทานเนื้อสัตว์น้อยๆ ทานผักเยอะๆ จะช่วยป้องกันโรคไขมันอุดตันหลอดเลือด ไม่ว่าจะเป็นหลอดเลือดสมองหรือหลอดเลือดหัวใจ ไม่ใช่แค่นั้นนะคะ ยังป้องกันโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ และลดความเป็นกรดในเลือดอีกด้วยค่ะ5.แช่เท้าก่อนนอน 20 นาทีจะช่วยให้ผ่อนคลาย ช่วยให้หลับได้ดีขึ้น และนวดฝ่าเท้าเบาๆ จะช่วยให้นอนหลับดีขึ้น ช่วยบำรุงไตได้อีกด้วย เพราะฝ่าเท้าเป็นศูนย์รวมประสาท และเป็นจุดของไตค่ะ6.นั่งให้ตัวตรง น่องตั้งฉากลดอาการปวดหลังได้ค่ะ การนั่งที่ดี ต้องนั่งตัวตรง อกผาย ไหล่พึงอาจจะเมื่อยนิดนึง แต่ถ้าชินแล้ว จะทำให้อาการปวดหลังที่มาจากการนั่งตัวไม่ตรงจะดีขึ้น แนะนำให้เอาหมอนมาลองหลังด้วยนะคะ เพราะป้องกันอาการปวดหลังได้อีกทางค่ะ7.ดื่มน้ำขิงทุกเช้าเพื่อป้องกันโรคหวัดและภูมิแพ้ การทานขิงไม่ว่าจะเป็นน้ำขิงตอนเช้า หรือไก่ผัดขิง เมนูขิงต่างๆ ขิงในแพทย์แผนจีน ช่วยไล่ลม ขับความเย็น ลดอาการคลื่นไส้ อาเจียน เหมาะสำหรับคนที่ขี้หนาว ท้องอืดบ่อยๆ8.ทำสมาธิหลังตื่นนอน และก่อนนอนจะช่วยให้จิตใจไม่ฟุ้งซ่าน ลดอาการเวียนศีรษะและความดันต่ำ ให้เรากำหนดลมหายใจ สักพักเราก็หลับไปเอง การที่เราฝัน ในแพทย์แผนจีนเรียกว่า พลังหยางไม่เข้าในอิน ฟังแล้วอาจจะไม่เข้าใจ พลังหัวใจกับตับและไตทำงานไม่ปกตินั้นเองค่ะ อาจจะมาจากหัวใจที่ร้อน ตับที่ร้อน หรือพลังไตส่งไม่ถึงหัวใจและพลังหัวใจส่งไม่ถึงไต จะทำให้เราฝันร้ายง่าย9.ใช้น้ำอุ่นสลับน้ำเย็นล้างหน้าช่วยป้องกันหวัด และช่วยกระชับรูขุมขน การที่เราใช้น้ำอุ่นล้างหน้าก่อนและตามด้วยน้ำเย็นจะช่วยให้หน้าไม่มัน ไม่มีสิว รูขุมขนเปิดกว้างก่อน น้ำอุ่นล้างฝุ่นละอองที่ติดข้างในออก ค่อยตามด้วยน้ำเย็นเพื่อมากระชับรูขุมขน และการล้างแบบนี้ช่วยให้เรามีภูมิต่อปัจจัยภายนอกที่ทำให้ก่อโรค เช่น ลมร้อน และลมเย็น หน้าเป็นส่วนแรกที่เจอกับปัจจัยเหล่านี้ เพราะเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวจะทำให้เราไม่สบายง่าย ถ้าเรารับกับความเย็นความร้อนได้ เราจะมีภูมิไม่เป็นหวัดง่ายค่ะ9 วิธีง่ายๆ ทำตามได้ไม่ยาก คุณผู้ฟังลองเอาไปทำตามดูนะคะ เราจะสุขภาพดีไปด้วยกันค่ะ ^^ขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะ Facebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็มCollector by รุ่งโนรี ’Girl Music Travel Lover

ฝันร้าย ผลเสียของร่างกาย

22 ธ.ค. 2022

ฝันร้าย ผลเสียของร่างกาย

ใครฝันร้ายบ่อยๆ แสดงถึงสุขภาพไม่ดีฝันร้ายเป็นภาวะที่เกิดขึ้นขณะนอนหลับ คนที่ฝันร้ายเรื้อรังจะทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่นๆได้ด้วย เช่น โรคซึมเศร้า โรคหัวใจ โรคปวดหัวไมเกรน หลายคนถึงขนาดมีภาวะอ้วนดังนั้นผู้ที่ประสบภาวะวิตกกังวล หรือเป็นโรคซึมเศร้าด้วย อาจจะชอบฝันเป็นประจำ ถ้าหากผู้ที่ฝันร้ายอันเป็นผลจากการเป็นโรคไม่ได้รับการรักษา ป่วยเป็นโรคเครียดหลังเกิดเหตุสะเทือนขวัญ อาจจะมีปัญหาของภาวะหยุดหายใจในขณะหลับได้ มีผลกระทบทั้งทางร่างกายและจิตใจ เนื่องจากภาวะดังกล่าวจะส่งผลต่อคุณภาพการใช้ชีวิตทำไมถึงชอบฝันร้ายฝันร้ายจัดเป็นภาวะของการนอนหลับที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน อาจจะมีปัจจัยดังนี้ค่ะคนที่ชอบรับประทานอาหารก่อนเข้านอนผู้ที่รับประทานอาหารหรือขนมก่อนเข้านอนอาจหลับฝันร้ายได้ เนื่องจากการรับประทานอาหารก่อนนอนส่งผลให้การทำงานของระบบเมตาบอลิซึมเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังส่งสัญญาณให้สมองตื่นตัวมากกว่าเดิม ในแพทย์แผนจีนจะพูดถึงม้ามไม่แข็งแรง ถ้าหากรับประทานอาหารจะทำให้ท้องอืด ลมตีขึ้นกระทบหัวใจ ทำให้นอนไม่หลับ และฝันร้ายเสมอๆค่ะเจ็บป่วย ผู้ที่ล้มป่วยและมีไข้ร่วมด้วยอาจฝันร้ายได้คนที่นอนบ่อยๆเป็นประจำ จะทำให้หัวใจพร่อง ก็จะทำให้ฝันร้ายได้เช่นกันนอนน้อย การนอนหลับไม่เพียงพอก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดฝันร้ายได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ยังไม่อาจชี้ชัดได้ว่าการนอนน้อยจะทำให้เกิดการฝันร้ายจนส่งผลต่อปัญหาสุขภาพ การนอนน้อยในแพทย์แผนจีนจะทำให้หัวใจร้อน และทำให้ฝันร้ายบ่อยๆดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากเกินไป นับเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดภาวะฝันร้ายแพทย์แผนจีนพูดถึงการนอนหลับฝันว่าอย่างไร?ความฝันอาจจะเป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่ฝันร้ายเป็นประจำ อาจจะกลายเป็นความผิดปกติ ซึ่งอาจจะบ่งบอกถึงสภาวะการทำงานต่างๆของอวัยวะภายในร่างกาย เกี่ยวกับ หัวใจ ม้าม ไต และตับ ซึ่งในทางการแพทย์แผนจีน ให้มุมมองเกี่ยวกับการนอนหลับว่าเป็นการสร้างสมดุลให้กับร่างกายของเราให้แข็งแรง เป็นการพักผ่อนของวัน แต่ถ้าหากเราเกิดอาการนอนไม่หลับหรือฝันเป็นประจำ หรือฝันร้ายทุกคืน ก็อาจจะเป็นอาการที่สามารถบ่งบอกความผิดปกติของอวัยวะภายในเหล่านี้ได้ค่ะและถึงแม้ว่าเรื่องของการนอน และการหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ เป็นเรื่องที่สามารถสร้างสมดุลให้กับร่างกาย ช่วยให้ร่างกายเราสดชื่น มีพลังงาน สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ แต่สำหรับบางคน สิ่งนี้กลับกลายเป็นปัญหา เนื่องจากบางคนอาจจะเกิดอาการเหนื่อยล้าจากการนอนหลับพักผ่อน ซึ่งถึงแม้ว่าจะนอนหลับมาแล้ว 8 - 10 ชั่วโมง มีความฝัน และทำให้นอนไปรู้สึกไม่เพียงพอ หรือว่าบางคนอาจจะนอนมากจนเกินไปแต่สุดท้ายแล้ว ก็ยังคงรู้สึกง่วง อยากนอนอยู่ตลอดเวลา บางคนเกิดอาการนอนไม่หลับ ซึ่งอาจจะมีสาเหตุหลักมาจากเป็นปัญหาที่ตับการถูกกระตุ้นด้วยอารมณ์โกรธหรือโมโห ทำให้สภาวะสมองแปรปรวนแสดงว่าเป็นปัญหาที่ตับเป็นปัญหาที่ม้ามกระเพาะอาการอาหารไม่ย่อย ทำให้ระบบย่อยทำงานมากขึ้นในระหว่างที่เรากำลังนอน รวมไปถึงการกินดึกจนเกินไป จนทำให้ระบบย่อย ซึ่งทางการแพทย์แผนจีนจะเรียกการนอนไม่หลับจากสาเหตุที่อาหารไม่ย่อย มีการตกค้างของอาหารเป็นต้นเหตุเป็นปัญหาที่หัวใจเกิดจากความวิตกกังวลหรือจิตใจหมกมุ่นกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งจนเกินไปจนกระทบกระเทือน ต่อม้าม ซึ่งเป็นอวัยวะที่ควบคุมระบบการย่อย ทำให้พลังและเลือดจะลดลงจนไม่สามารถย่อยอาหาร หรือดูดซึมได้อย่างเต็มที่ ไม่สามารถส่งพลังไปยังหัวใจ ทำให้หัวใจอ่อนแอเป็นปัญหาที่ถุงน้ำดีและหัวใจในแพทย์แผนจีน หัวใจและถุงน้ำดี ซึ่งจะส่งผลต่อการควบคุมความฝันโดยตรง ซึ่งอาจจะทำให้เราฝันร้ายบ่อยๆ จนทำให้เกิดอาการหวาดกลัวในการหลับ เช่น ไม่กล้านอนคนเดียว หรือมีภาวะจิตประสาท เป็นสภาวะที่จะทำให้นอนไม่หลับทั้งคืน บางคืนอาจจะมีอาการป่วยทางจิต มีอาการร้องไห้สลับกับหัวเราะ ซึ่งอาจจะมีปัจจัยแวดล้อม หรือเกิดมาจากสาเหตุต่างๆจนทำให้เกิดโรคจิตประสาทได้เช่นกันแล้วเราจะป้องกันภาวะฝันร้ายแบบนี้ได้อย่างไรสร้างสุขลักษณะการนอนการสร้างสุขลักษณะที่ดีในการนอนหลับ จะช่วยให้ไม่หลับฝันร้าย ควรเริ่มเข้านอนและตื่นนอนให้เป็นเวลาอย่างสม่ำเสมอ ไม่ควรงีบหลับระหว่างวัน ในกรณีที่ไม่ได้ป่วยหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ ทั้งนี้ไม่ควรรับประทานอาหารหรือออกกำลังกายตอนช่วงใกล้เข้านอน และเลี่ยงการอ่านหนังสือหรือดูภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาน่ากลัวออกกำลังกายผู้ที่ฝันร้ายจากอาการวิตกกังวล หรือความเครียดควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อบรรเทาภาวะฝันร้าย โดยอาจเลือกเล่นโยคะหรือทำสมาธิ เพื่อช่วยให้จิตใจสงบขึ้นจัดสภาพแวดล้อมสำหรับการนอนให้หน้านอนควรจัดห้องนอน และเตียงนอนให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ให้มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนเลี่ยงและจำกัดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือเครื่องดื่มที่ผสมคาเฟอีน เนื่องจากสารกระตุ้นทั้งสองอย่างอาจตกค้างอยู่ในร่างกายมากกว่า 12 ชั่วโมง ส่งผลให้รบกวนการนอนได้ฝันดี ฝันร้าย บ่งบอกถึงสุขภาพได้อย่างไรแพทย์แผนจีนกล่าวถึงความฝันของคนเราเอาไว้ว่า ความฝันสัมพันธ์กับหัวใจ กำกับสติและความรู้สึกนึกคิด ถ้าหัวใจพร่อง เลือดไม่พอ อินพร่อง หยางพร่องก็ทำให้หัวใจ ขาดพลัง ทำให้หัวใจมีปัญหา และทำให้สติและความรู้สึกนึกคิดของเรามีปัญหาด้วย ฉะนั้นการรักษาฝันต้องพึ่งการนอนหลับให้ดี ลดความกังวล บำรุงเลือด และลดไฟในหัวใจ แต่ถ้าเรามีภาวะจิตใจว้าวุ่นแปรปรวนมาก ทำให้สติและความรู้สึกนึกคิดทำให้เกิดความฝัน ทำให้ระบบประสาทตื่นตัวจนมีความฝันเกิดขึ้น ขาดความสดชื่น ขาดพลังสติปัญญา ทำให้รู้สึกอ่อนล้า อ่อนเพลียอยู่ตลอดเวลา ซึ่งลักษณะของความฝันเป็นประจำ ทำให้หัวใจอ่อนล้า และอาจจะทำให้เกิดความผิดปกติของอวัยวะภายในต่างๆได้อีกด้วยค่ะใครฝันร้ายบ่อยๆ อาจจะไม่ได้น่ากลัวแค่ในฝันแล้วนะคะ เพราะแสดงถึงสุขภาพที่ไม่ดี ต้องรีบดูและเรื่องการนอนพักผ่อนให้เพียงพอนะคะ ถ้านอนไม่หลับเปิดฟัง Green Wave ฟังก่อนนอนได้นะคะ Zzzขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะ Facebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็มCollector by รุ่งโนรี ’Girl Music Travel Lover

8 อาการ ร่างกายฟ้องว่าคุณกำลัง “ทำงานหนัก”

19 ธ.ค. 2023

8 อาการ ร่างกายฟ้องว่าคุณกำลัง “ทำงานหนัก”

1.ปวดตาและตาแห้งคนที่ทำงานหนักมักจะมีอารมณ์เครียด ทำให้ตับเสียสมดุล ดวงตาเป็นประตูแห่งตับ เมื่อตับร้อน จะทำให้ปวดตา ตาร้อน และตาแห้งได้นะคะ แพทย์แผนจีนแนะนำให้เอาผ้าขนหนูชุบน้ำร้อนแล้วประคบไว้บริเวณดวงตาประมาณ 30 นาทีค่ะ2.เจ็บคอ เสียงแหบการทำงานหนักจะทำให้ใจร้อน เร่งรีบ แล้วร่างกายจะร้อนตามหัวใจไปด้วย คนที่ทำงานหนักมักจะเจ็บคอ หรือเป็นแผลในปากได้ง่าย อันนี้แพทย์แผนจีนแนะนำให้ดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำผึ้งนะคะ จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอได้ค่ะ3.ปวดหัว มึนหัวความเครียด ทำให้ตับขาดสมดุล เมื่อตับขาดสมดุลก็จะเกิดความร้อนที่ตับ ความร้อนมีลักษณะที่พุ่งขึ้น ทำให้รู้สึกปวดหัวหรือมึนหัวได้ง่าย แพทย์แผนจีนแนะนำให้ใช้นิ้วมือนวดด้วยตัวเองบริเวณระหว่างหัวคิ้ว ท้ายทอย และขมับสัก 30 นาที จะช่วยผ่อนคลายอาการปวดหัวได้ แต่ถ้ามีโอกาสลองไปฝังเข็มดูนะคะ จะทำให้หัวโล่งโปร่งสบายทีเดียว4.กล้ามเนื้อบริเวณไหล่แข็งกว่าปกติอาการนี้เป็นผลจากการนั่งท่าเดียวนานๆ ทำให้เลือดลมไหลเวียนไม่ดี และเกิดการเกร็งบริเวณไหล่ ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นแข็งกว่าปกติ แพทย์แผนจีนแนะนำให้นวด หรือไม่ก็ลองจัดกระดูก ฝังเข็มค่ะ5.รับประทานอาหารมากกว่าปกติภาวะเครียดจะทำให้เรารับประทานอาหารมากเป็นพิเศษ ตามหลักแผนจีนนั้นเมื่อม้ามอ่อนแอจะทำให้ไฟในกระเพาะมากขึ้น ไฟมากก็เผาพลาญแรง พลอยให้กินอาหารไม่อิ่ม และอยากกินเรื่อยๆ ข้อนี้อาจต้องใช้ยาทานเข้าช่วยปรับสมดุลในร่างกายค่ะ6.ความจำลดลงการทำงานหนักจะเผาพลาญพลังของร่างกาย โดยส่วนใหญ่แล้วพลังนี้จะมาจากไต พลังไตเป็นพลังที่หล่อเลี้ยงสมอง หากพลังไตโดนใช้ไปหมด พลังไตก็จะขึ้นไม่ถึงสมอง ทำให้ความจำเราลดลง แพทย์แผนจีนแนะนำให้นั่งสมาธิค่ะ ช่วยได้จริงๆ7.หงุดหงิดง่ายหงุดหงิดง่ายอันนี้ปกติค่ะ ใครทำงานหนักแล้วไม่หงุดหงิด นับถือจริงๆ ความหงุดหงิดเกิดมาจากความเครียดที่สะสม อาการนี้ตามหลักแพทย์แผนจีนเรียกว่า 'พลังตับติดขัด' แบบว่ามันแน่นอก ต้องยกออก เป็นบ่อยกับคนที่เครียด วิธีแก้อาจจะต้องปล่อยวาง หรือกินยาปรับสมดุล ลดไฟในตับค่ะ8.ร่างกายรู้สึกเหนื่อยง่ายเหนื่อยง่ายมาจากสาเหตุที่ร่างกายทำงานหนัก ใช้พลังจนหมด ในทางแพทย์แผนจีน เมื่อพูดว่าพลัง ก็คือ'ชี่' เมื่อพลังชี่อ่อนแอ หรือใช้จนหมดก็เหมือนแบตเตอรี่ที่เหลือไฟแค่ขีดเดียว รอเวลาชาร์ต ซึ่งแพทย์แผนจีนแนะนำให้ดื่มชา หรือซุปที่มีส่วนผสมของโสมอเมริกา เพราะสรรพคุณเป็นยาบำรุงพลังและหยิน หรือว่าทานยาปรับสมดุลก็ได้เช่นกันค่ะ มีกันกี่อาการคะ ลองสังเกตตัวเอง หาเวลาพักผ่อน หรือจะเปิด GREEN WAVE ฟังไปด้วยตอนทำงาน ช่วยผ่อนคลายไปในตัวนะคะ ^^ขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะ Facebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็มCollector by รุ่งโนรี ’Girl Music Travel Lover

“น้ำตาล” ต้องกินแบบนี้ถึงจะไม่เป็นโรค!

22 ก.ย. 2022

“น้ำตาล” ต้องกินแบบนี้ถึงจะไม่เป็นโรค!

ภาพจาก : siamchemi.comระหว่างที่หูฟังกรีนเวฟ มือไถหน้าฟีดเฟซบุ๊ก ปากก็ดูดชานมไข่มุก ดื่มกาแฟลาเต้ กินเค้กไปด้วยเพลิน ๆ ใช่มั้ยคะ รู้นะ!แหม่…ใครจะไปอดใจไหว ก็อาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาลมันอร่อยไปซะทุกอย่างเลยนี่นา…ภาพจาก : board.postjung.comจริง ๆ แล้ว สามารถทานได้ค่ะ แต่ต้องควบคุมปริมาณให้พอดีต่อวัน เพราะว่า “ น้ำตาลคือยาพิษ ” ถ้าทานเข้าไปมากๆจะมีแต่โทษและไม่มีประโยชน์อะไรเลย นอกจากสร้างความสุขชั่วคราวแต่จะทิ้งโรคไว้ในร่างกายของเราตลอดไปค่ะ พูดไปก็คงไม่เห็นภาพ เดี๋ยวจะแจงรายละเอียด “โทษของน้ำตาล” ให้ทราบคร่าว ๆ นะคะ1.น้ำตาลเป็นสารเร่งผิวหนังเหี่ยวย่นและริ้วรอย ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ การรับประทานน้ำตาลมากเกินไปอาจทำให้ผิวเสีย หน้าแก่2.น้ำตาลทำให้อ้วน แน่นอนเรื่องนี้เรารู้กันดีค่ะ เพราะ ร่างกายจะเปลี่ยนน้ำตาลที่ได้รับมากเกินความต้องการ ไปสะสมกลายเป็นไขมันนั้นเอง3.น้ำตาลทำให้สมดุลของเลือดเสียไป เป็นสาเหตุของโรคความดันโลหิตสูง รวมทั้งเพิ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดต่าง ๆ ด้วย4.น้ำตาลทำให้กระดูกและฟันไม่แข็งแรง น้ำตาลมีส่วนผสมของซูโครส ถือว่าเป็นอาหารชั้นดีให้กับเหล่าแบคทีเรียที่อยู่ ในช่องปาก ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคฟันผุ เหงือกอักเสบ และคราบต่าง ๆ5.น้ำตาลทำให้ร่างกายเซื่องซึม การกินน้ำตาลปริมาณมากเป็นประจำแทนที่จะสดชื่น กลับทำให้กรดอะมิโน ที่ชื่อว่า ทริปโตฟานเข้าสู่สมองมาเกินไป ทำให้เสียสมดุลของฮอร์โมนในสมองมีผลทำให้เกิดอาการเหนื่อย เซื่องซึมได้ภาพจาก : sukkaphap-d.comนี้แค่คร่าว ๆ นะทุกคน…โทษของน้ำตาล เยอะมากจริงๆค่ะแล้วแบบนี้ ต้องห้ามกินน้ำตาลเลยหรอ จะทำไหวมั้ยนะ?ไม่ต้องห่วงค่ะ หากกินน้ำตาลในปริมาณที่พอดี แค่เท่าที่ร่างกายจะนำไปใช้เป็นพลังงานได้ ก็ไม่เกิดอันตรายกับร่างกาย โดยปริมาณที่ควรกินต่อวัน มีดังนี้ค่ะ-เด็ก และ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ควรกินไม่เกิน 16 กรัม หรือ 4 ช้อนชา / วัน-วัยรุ่นหญิงชาย และ วัยทำงาน ควรกินไม่เกิน 24 กรัม หรือ 6 ช้อนชา / วันแต่อย่างไรก็ตาม การไม่กินน้ำตาลเลย หรือกินให้น้อยกว่าปริมาณข้างต้น ก็ถือว่าปลอดภัยที่สุดค่ะเพราะ “น้ำตาลคือยาพิษ” ท่องไว้ให้ขึ้นใจ เพื่อร่างกายที่แข็งแรงของเราค่ะข้อมูลจาก : https://www.vichaiyut.com/th/health/informations/5-โทษของน้ำตาล/ข้อมูลจาก : สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณะสุข กรมอนามัย และ กระทรวงสาธารณะสุขข้อมูลจาก : รายการเพื่อนเป็นหมอ

album

0
0.8
1