สาเหตุที่ทำให้ปวดหลัง

HEALTHY LIFESTYLE

สาเหตุที่ทำให้ปวดหลัง

02 มิ.ย. 2022

อาการปวดหลัง เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุนะคะ แม้ในสภาวะปกติ เนื่องจากกระดูกสันหลังรับน้ำหนักของร่างกายตลอดเวลา แต่ในเวลานอนจะรับน้ำหนักน้อยที่สุด ถ้าไม่เอาใจใส่กับอาการปวดหลังที่เกิดขึ้นชั่วครั้งชั่วคราวแล้ว อาการปวดหลังในระยะเริ่มแรก ก็จะกลายเป็นอาการปวดเรื้อรัง ทําให้ยากต่อการรักษาให้หายขาดได้นะคะ การบําบัดรักษาที่จะได้ผลดี จําเป็นจะต้องได้รับความร่วมมือร่วมใจทั้งผู้รักษาและผู้รับการรักษาค่ะ

 

สาเหตุของโรคหรือความผิดปกติที่ทำให้เกิดอาการปวดหลัง

1.การบาดเจ็บ เช่น ตกจากที่สูง หมอนรองกระดูกเคลื่อน

2.การติดเชื้อ เช่น วัณโรคของกระดูกสันหลัง

3.ความผิดปกติแต่กําเนิด

4.เนื้องอก เช่น การกระจายของมะเร็งจากอวัยวะอื่นมาที่กระดูกสันหลัง

5.ความเสื่อมทางชีวกลศาสตร์ของหลัง เช่น ท่าทางไม่ถูกต้อง กล้ามเนื้ออ่อนแรงที่ขาดการออกกําลังกาย

6.อารมณ์ตึงเครียด อาจส่งผลถึงกล้ามเนื้อหลัง ทําให้มีอาการเกร็งและปวดหลังได้ค่ะ

ในที่นี้ขอกล่าวถึงอาการปวดหลังที่เกิดจากสาเหตุ ข้อที่ 5 และ 6

 

การวิเคราะห์แยกกลุ่มอาการโรค

อาศัยประวัติ การตรวจร่างกาย และการตรวจพิเศษทางห้องปฏิบัติการ จากประวัติในพวกที่มีความผิดปกติของกระดูกสันหลัง เช่น กระดูกสันหลังไม่ตรง แอ่นเกินไป หรือหลังค่อมเกินไป ผู้ป่วยพวกนี้จะมีอาการปวดเวลาเคลื่อนไหว ถ้าได้พักจะทุเลาค่ะ


พวกที่เป็นเนื้องอกของกระดูกสันหลัง หรือจากต่อมไร้ท่อ ที่มีความผิดปกติ อาการปวดในกระดูกก็จะพบได้ โดยเฉพาะเวลานอนพักยิ่งปวดมากขึ้น และจะปวดตลอดเวลาเมื่อเคลื่อนไหวกระดูกสันหลัง บางครั้งจะเห็นอาการกระดูกสันหลังของผู้ป่วยคด(scoliosis) ทั้งนี้เป็นเพราะกล้ามเนื้อหลังหดเกร็งตัว การที่กระดูกสันหลังคด ทำให้การหดเกร็งของกล้ามเนื้อไม่สมดุล จึงทำให้ขาสั้นยาวไม่เท่ากัน


พวกที่มีข้อสันหลังเสื่อม จะเคลื่อนไหวไม่ได้เต็มที่ โดยเฉพาะท่าเอียงตัวไปซ้ายหรือขวา ในโรคข้อสันหลังอักเสบยึดติด จะเอียงตัวไปด้านซ้ายหรือขวาไม่ได้เลยค่ะ


การตรวจกระดูกสันหลัง จำเป็นต้องตรวจหาอาการกดทับประสาทสันหลังด้วย เช่น การดึงตัวของประสาทขาทางด้านหลัง(Sciatic nerve) พวกนี้ถ้าก้มตัวจะปวดร้าวลงไปตามขาทางด้านหลัง และยิ่งถ้าไอหรือจามก็จะปวดหลังมาก มีอาการปวดร้าวแปลบไปตามแนวด้านหลังขาที่ประสาทผ่านไป

 

มุมมองต่อโรคในศาสตร์การแพทย์แผนจีน

ปวดหลังบั้นเอว อาจปวดข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้ค่ะ มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดระหว่างแนวกลางกระดูกสันหลัง และบริเวณด้านข้างทั้งสองข้าง โดยเฉพาะเวลามีอาการปวดจะเกิดขึ้นในบริเวณดังกล่าวจึงมีชื่อเรียกว่า Lumbospinal pain โดยทั่วไปมักเรียก Lumbago หรือ TCM เรียกอาการนี้ว่า Yao Tong บริเวณบั้นเอวเป็นที่อยู่ของไต ดังนั้นอาการปวดบั้นเอวจึงสัมพันธ์กับไต อาการอาจเป็นแบบเฉียบพลัน หรือเรื้อรังก็ได้ค่ะ

 

หลักการรักษา

1. ความเย็นชื้น ขับความเย็น สลายความชื้น ทะลวงและอุ่นเส้นลมปราณ

ความร้อนชื้น ขจัดร้อน สลายความชื้น คลายกล้ามเนื้อและเอ็นเพื่อระงับปวด

2. ชี่ติดขัดและเลือดคั่ง กระตุ้นเลือดให้ไหลเวียน เพื่อสลายเลือดคั่ง ปรับการไหล เวียนของชี่เพื่อระงับปวด

3. ไตพร่อง บำรุงไตเพื่อเสริมความแข็งแรงให้บั้นเอว เป็นหลักการทั่วไป กรณีไต หยางพร่อง บำรุงไตหยาง เพื่อเสริมความแข็งแรงให้บั้นเอว กรณีไตอินพร่อง เลี้ยงบำรุงไตอินให้สมบูรณ์

4. ความผิดปกติของเส้นลมปราณที่เกี่ยวข้องกับไต ทะลวงเส้นลมปราณ ปรับการไหลเวียนของจิงชี่ บริเวณบั้นเอว และระงับปวด


           สาเหตุที่ทำให้ปวดหลังมีหลายสาเหตุนะคะ เรามาค่อยๆเริ่มดูแลรักษาสุขภาพหลังไปด้วยกัน เริ่มจากเปิด Green Wave แล้วค่อยๆเอนหลัง นอนพักกันก่อนนะคะ ^^

 

ขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะ Facebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็ม


Collector by รุ่งโนรี ’Girl Music & Travel Lover

related HEALTHY LIFESTYLE

ฝันร้าย ผลเสียของร่างกาย

22 ธ.ค. 2022

ฝันร้าย ผลเสียของร่างกาย

ใครฝันร้ายบ่อยๆ แสดงถึงสุขภาพไม่ดีฝันร้ายเป็นภาวะที่เกิดขึ้นขณะนอนหลับ คนที่ฝันร้ายเรื้อรังจะทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่นๆได้ด้วย เช่น โรคซึมเศร้า โรคหัวใจ โรคปวดหัวไมเกรน หลายคนถึงขนาดมีภาวะอ้วนดังนั้นผู้ที่ประสบภาวะวิตกกังวล หรือเป็นโรคซึมเศร้าด้วย อาจจะชอบฝันเป็นประจำ ถ้าหากผู้ที่ฝันร้ายอันเป็นผลจากการเป็นโรคไม่ได้รับการรักษา ป่วยเป็นโรคเครียดหลังเกิดเหตุสะเทือนขวัญ อาจจะมีปัญหาของภาวะหยุดหายใจในขณะหลับได้ มีผลกระทบทั้งทางร่างกายและจิตใจ เนื่องจากภาวะดังกล่าวจะส่งผลต่อคุณภาพการใช้ชีวิตทำไมถึงชอบฝันร้ายฝันร้ายจัดเป็นภาวะของการนอนหลับที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน อาจจะมีปัจจัยดังนี้ค่ะคนที่ชอบรับประทานอาหารก่อนเข้านอนผู้ที่รับประทานอาหารหรือขนมก่อนเข้านอนอาจหลับฝันร้ายได้ เนื่องจากการรับประทานอาหารก่อนนอนส่งผลให้การทำงานของระบบเมตาบอลิซึมเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังส่งสัญญาณให้สมองตื่นตัวมากกว่าเดิม ในแพทย์แผนจีนจะพูดถึงม้ามไม่แข็งแรง ถ้าหากรับประทานอาหารจะทำให้ท้องอืด ลมตีขึ้นกระทบหัวใจ ทำให้นอนไม่หลับ และฝันร้ายเสมอๆค่ะเจ็บป่วย ผู้ที่ล้มป่วยและมีไข้ร่วมด้วยอาจฝันร้ายได้คนที่นอนบ่อยๆเป็นประจำ จะทำให้หัวใจพร่อง ก็จะทำให้ฝันร้ายได้เช่นกันนอนน้อย การนอนหลับไม่เพียงพอก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดฝันร้ายได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ยังไม่อาจชี้ชัดได้ว่าการนอนน้อยจะทำให้เกิดการฝันร้ายจนส่งผลต่อปัญหาสุขภาพ การนอนน้อยในแพทย์แผนจีนจะทำให้หัวใจร้อน และทำให้ฝันร้ายบ่อยๆดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากเกินไป นับเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดภาวะฝันร้ายแพทย์แผนจีนพูดถึงการนอนหลับฝันว่าอย่างไร?ความฝันอาจจะเป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่ฝันร้ายเป็นประจำ อาจจะกลายเป็นความผิดปกติ ซึ่งอาจจะบ่งบอกถึงสภาวะการทำงานต่างๆของอวัยวะภายในร่างกาย เกี่ยวกับ หัวใจ ม้าม ไต และตับ ซึ่งในทางการแพทย์แผนจีน ให้มุมมองเกี่ยวกับการนอนหลับว่าเป็นการสร้างสมดุลให้กับร่างกายของเราให้แข็งแรง เป็นการพักผ่อนของวัน แต่ถ้าหากเราเกิดอาการนอนไม่หลับหรือฝันเป็นประจำ หรือฝันร้ายทุกคืน ก็อาจจะเป็นอาการที่สามารถบ่งบอกความผิดปกติของอวัยวะภายในเหล่านี้ได้ค่ะและถึงแม้ว่าเรื่องของการนอน และการหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ เป็นเรื่องที่สามารถสร้างสมดุลให้กับร่างกาย ช่วยให้ร่างกายเราสดชื่น มีพลังงาน สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ แต่สำหรับบางคน สิ่งนี้กลับกลายเป็นปัญหา เนื่องจากบางคนอาจจะเกิดอาการเหนื่อยล้าจากการนอนหลับพักผ่อน ซึ่งถึงแม้ว่าจะนอนหลับมาแล้ว 8 - 10 ชั่วโมง มีความฝัน และทำให้นอนไปรู้สึกไม่เพียงพอ หรือว่าบางคนอาจจะนอนมากจนเกินไปแต่สุดท้ายแล้ว ก็ยังคงรู้สึกง่วง อยากนอนอยู่ตลอดเวลา บางคนเกิดอาการนอนไม่หลับ ซึ่งอาจจะมีสาเหตุหลักมาจากเป็นปัญหาที่ตับการถูกกระตุ้นด้วยอารมณ์โกรธหรือโมโห ทำให้สภาวะสมองแปรปรวนแสดงว่าเป็นปัญหาที่ตับเป็นปัญหาที่ม้ามกระเพาะอาการอาหารไม่ย่อย ทำให้ระบบย่อยทำงานมากขึ้นในระหว่างที่เรากำลังนอน รวมไปถึงการกินดึกจนเกินไป จนทำให้ระบบย่อย ซึ่งทางการแพทย์แผนจีนจะเรียกการนอนไม่หลับจากสาเหตุที่อาหารไม่ย่อย มีการตกค้างของอาหารเป็นต้นเหตุเป็นปัญหาที่หัวใจเกิดจากความวิตกกังวลหรือจิตใจหมกมุ่นกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งจนเกินไปจนกระทบกระเทือน ต่อม้าม ซึ่งเป็นอวัยวะที่ควบคุมระบบการย่อย ทำให้พลังและเลือดจะลดลงจนไม่สามารถย่อยอาหาร หรือดูดซึมได้อย่างเต็มที่ ไม่สามารถส่งพลังไปยังหัวใจ ทำให้หัวใจอ่อนแอเป็นปัญหาที่ถุงน้ำดีและหัวใจในแพทย์แผนจีน หัวใจและถุงน้ำดี ซึ่งจะส่งผลต่อการควบคุมความฝันโดยตรง ซึ่งอาจจะทำให้เราฝันร้ายบ่อยๆ จนทำให้เกิดอาการหวาดกลัวในการหลับ เช่น ไม่กล้านอนคนเดียว หรือมีภาวะจิตประสาท เป็นสภาวะที่จะทำให้นอนไม่หลับทั้งคืน บางคืนอาจจะมีอาการป่วยทางจิต มีอาการร้องไห้สลับกับหัวเราะ ซึ่งอาจจะมีปัจจัยแวดล้อม หรือเกิดมาจากสาเหตุต่างๆจนทำให้เกิดโรคจิตประสาทได้เช่นกันแล้วเราจะป้องกันภาวะฝันร้ายแบบนี้ได้อย่างไรสร้างสุขลักษณะการนอนการสร้างสุขลักษณะที่ดีในการนอนหลับ จะช่วยให้ไม่หลับฝันร้าย ควรเริ่มเข้านอนและตื่นนอนให้เป็นเวลาอย่างสม่ำเสมอ ไม่ควรงีบหลับระหว่างวัน ในกรณีที่ไม่ได้ป่วยหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ ทั้งนี้ไม่ควรรับประทานอาหารหรือออกกำลังกายตอนช่วงใกล้เข้านอน และเลี่ยงการอ่านหนังสือหรือดูภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาน่ากลัวออกกำลังกายผู้ที่ฝันร้ายจากอาการวิตกกังวล หรือความเครียดควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อบรรเทาภาวะฝันร้าย โดยอาจเลือกเล่นโยคะหรือทำสมาธิ เพื่อช่วยให้จิตใจสงบขึ้นจัดสภาพแวดล้อมสำหรับการนอนให้หน้านอนควรจัดห้องนอน และเตียงนอนให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ให้มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนเลี่ยงและจำกัดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือเครื่องดื่มที่ผสมคาเฟอีน เนื่องจากสารกระตุ้นทั้งสองอย่างอาจตกค้างอยู่ในร่างกายมากกว่า 12 ชั่วโมง ส่งผลให้รบกวนการนอนได้ฝันดี ฝันร้าย บ่งบอกถึงสุขภาพได้อย่างไรแพทย์แผนจีนกล่าวถึงความฝันของคนเราเอาไว้ว่า ความฝันสัมพันธ์กับหัวใจ กำกับสติและความรู้สึกนึกคิด ถ้าหัวใจพร่อง เลือดไม่พอ อินพร่อง หยางพร่องก็ทำให้หัวใจ ขาดพลัง ทำให้หัวใจมีปัญหา และทำให้สติและความรู้สึกนึกคิดของเรามีปัญหาด้วย ฉะนั้นการรักษาฝันต้องพึ่งการนอนหลับให้ดี ลดความกังวล บำรุงเลือด และลดไฟในหัวใจ แต่ถ้าเรามีภาวะจิตใจว้าวุ่นแปรปรวนมาก ทำให้สติและความรู้สึกนึกคิดทำให้เกิดความฝัน ทำให้ระบบประสาทตื่นตัวจนมีความฝันเกิดขึ้น ขาดความสดชื่น ขาดพลังสติปัญญา ทำให้รู้สึกอ่อนล้า อ่อนเพลียอยู่ตลอดเวลา ซึ่งลักษณะของความฝันเป็นประจำ ทำให้หัวใจอ่อนล้า และอาจจะทำให้เกิดความผิดปกติของอวัยวะภายในต่างๆได้อีกด้วยค่ะใครฝันร้ายบ่อยๆ อาจจะไม่ได้น่ากลัวแค่ในฝันแล้วนะคะ เพราะแสดงถึงสุขภาพที่ไม่ดี ต้องรีบดูและเรื่องการนอนพักผ่อนให้เพียงพอนะคะ ถ้านอนไม่หลับเปิดฟัง Green Wave ฟังก่อนนอนได้นะคะ Zzzขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะ Facebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็มCollector by รุ่งโนรี ’Girl Music Travel Lover

สวยจากภายใน ไม่ต้องพึ่งมีดหมอ

01 พ.ย. 2023

สวยจากภายใน ไม่ต้องพึ่งมีดหมอ

เราทุกคนอยากดูเด็ก ชอบให้คนอื่นทักยิ่งมองยิ่งสวยนะทำอะไรมา? ทำอย่างไรให้สวยแบบธรรมชาติที่สุดโดยไม่ต้องพึ่งสารเคมี ฉะนั้นเราควรรู้ว่าอวัยวะภายในของเราทำงานอย่างไร มันทำให้เราสวยได้ยังไง สวยอยู่แล้วต้องบำรุงแบบไหน ตรงจุดไหม แล้วความสวยของเรานั้นมันเกี่ยวอะไรกับอวัยวะของเรา วันนี้แพทย์แผนจีน มีคำตอบค่ะ1. ใบหน้างามด้วยหัวใจที่สดใส หน้าที่ของหัวใจจะเกี่ยวข้องกับการสูบฉีดเลือดโดยตรง คือพลังของหัวใจนั้นจะผลักดันให้เลือดไหลเวียนไปหล่อเลี้ยงร่างกาย ใบหน้านั้นเป็นบริเวณที่มีเส้นเลือดไปหล่อเลี้ยงมาก ถ้าหากระบบการทำงานของหัวใจไม่ดีจะแสดงออกมาในรูปสีบนใบหน้า เช่นพลังหัวใจแข็งแกร่งเลือดลมไหลเวียนดี ก็จะทำให้ใบหน้าผิวแดง ดูสดใส หากพลังของหัวใจไม่เพียงพอ เลือดลมไหลเวียนไม่ดี ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าดูหมองคล้ำ ไม่สดใสหัวใจพลังไม่พอ อาจจะมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น นอนไม่หลับ ใจสั่น ใจหวิว ฝันบ่อย ปัสสาวะเหลืองมาก แนะนำให้ทาน ลำใยแห้ง เมล็ดบัว อย่างละ30g ข้าวเหนียว 100g ต้มรวมกัน ทำเป็นโจ๊ก แล้วรับประทานบ่อยๆ จะช่วยในการบำรุงหัวใจ บำรุงเลือด ให้ความชุ่มชื่นกับผิว ทำให้ผิวแดงดูสดใส2. สวยได้ถ้าตับไม่ร้อน ในแพทย์แผนจีนตับมีหน้าที่เก็บเลือด ช่วยในเรื่องการขับเคลื่อนของชี่(气机คือพลังของร่างกายที่ เคลื่อนที่ ขึ้น ลง เข้า ออก ในร่างกาย) รักษาสมดุลของอารมณ์ ใบหน้าของเราเลือดลมไหลเวียนดี จะทำให้ใบหน้าแดงเรืองๆ ดูมีชีวิตชีวา หากตับมีปัญหา การขับเคลื่อนของชี่หยุดชงักเลือดลมไม่เดินเลือดคลั่งอยู่บริเวณใบหน้า ทำให้หน้าดูหมองเขียว เป็นสาเหตุให้เกิดฝ้าที่ใบหน้าได้ เลือดในตับพร่องทำให้ใบหน้าดูซีดเหมือนขาดเลือด ผิวแลดูไม่ชุมชื้น ผิวไม่มีประกาย อาจจะมีอาการของตาแห้งง่าย มองวัตถุไม่ค่อยเห็นอาการที่เกี่ยวกับตับ เช่น อารมณ์หงุดหงิดง่าย ปวดด้านข้าง เรอบ่อย พายลมบ่อย ตาแห้ง แนะนำให้ทาน เห็ดหูหนูขาว ดอกเก๊กฮวย อย่างละ 10g ต้มน้ำรับประทานบ่อยๆ หรือใส่น้ำผึ้งเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความหวาน จะสามารถช่วย รักษาตับบำรุงเลือดแก้ปวดหัวที่มาจากความร้อนในตับสูงทำให้ดวงตาสว่าง บำรุงผิว และยังรักษาฝ้าได้อีกด้วยค่ะ3. บำรุงม้ามทำให้ผิวสวย หน้าไม่เหลือง สิ่งที่เป็นคุณค่า สารอาหาร ต่างๆ ที่รับประทานและส่งไปทั่วร่างกาย ล้วนมาจากพลังม้ามทั้งสิ้นม้ามจะเป็นที่ผลิตพลังและเลือดให้กับร่างกายด้วย(ม้ามในหลักของแพทย์จีน)จะเห็นได้ว่าเมื่อเลือดลมไหลเวียนได้ดีแล้ว จะทำให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง ความยืดหยุ่นของผิวจะดี ผิวไม่แห้งกร้านและไม่เหี่ยวง่าย ถ้าหากม้ามไม่แข็งแรง การส่งอาหารให้กับร่างกายก็จะช้าลง เลือดลมไหลเวียนได้ไม่ดีเท่าที่ควร ไม่อาจจะไปหล่อเลี้ยงผิวหนังบนใบหน้าได้อาการที่เกี่ยวข้องกับม้ามพร่อง เช่น หน้าดูซีดเหลือง ไม่มีชีวิตชีวา เหนื่อยง่าย อาหารไม่ย่อย มีเสียงดังในลำไส้บ่อยๆ แนะนำให้ทาน พุทราแดง วันละ 10 เม็ด เพราะพุทราแดง จะช่วยบำรุงม้ามบำรุงเลือดจะทำให้ผิวพรรณดูแดงสดใส4. บำรุงปอดหน่อย ผิวจะได้ไม่แห้งกร้าน หน้าที่ของปอดคือหายใจ แต่ในทางแพทย์แผนจีนปอดจะช่วยนำพลังชี่(พลังจากสารอาหาร น้ำ)ส่งลงล่างเพื่อให้ เลือดลม น้ำ สารอาหารต่างๆกระจายสู่ร่างกาย ถ้าหากปอดทำงานผิดปกติ จะทำให้ผิวหนังของเราแห้งง่าย กระด้าง ใบหน้าดูหมองหม่น และขาวซีดผิดปกติอาการที่ร่วมกับปอดเช่น หายใจสั่น ติดขัด ผิวหนังแห้ง ไอ บ่อย เป็นภูมิแพ้ แนะนำให้ทาน ดอกแปะฮะหรือดอกลินลี่(百合หาได้ตามร้านยาจีนทั่วไป) 15g เห็ดหูหนูขาว30g ใบเตย 2 ใบ น้ำตาลกรวด 1 ก้อน พอให้หวาน ต้มรวมกัน ทานแทนน้ำ สรรพคุณจะทำให้ร่างกายเย็นบำรุงปอดทำให้ผิวชุ่มชื้นขับเสมหะ แก้ไอได้5. ถั่วดำต้มบำรุงไต ตามหลักแพทย์จีนไตทำหน้าที่เก็บสารจิง(精คือ สารจำเป็นพื้นฐาน ช่วยพยุงร่างกายให้ดำรงชีวิตและทำกิจกรรมต่างๆ และยังหมายถึงสารจำเป็นต่อการสืบพันธุ์) ถ้าหากไตมีสารจิงเพียงพอ อวัยวะในร่างกายก็จะสมบูรณ์ไปด้วย เลือดลมก็จะไหลเวียนดี หน้าจะไม่แก่ง่าย ผมก็จะไม่ขาวเร็ว ฟันจะไม่ร่วงง่าย และไม่แก่ก่อนวัยถ้าหากไตพร่องสามารถทาน ข้าวเหนียวถั่วดำ เพราะ ข้าวเหนียว จะช่วยบำรุงเลือดลมช่วยกระตุ้นเลือดลมให้ไหลเวียนดีขึ้น ถั่วดำมีฤทธิ์ช่วยบำรุงไตเสริมหลังอินในไต ในกะทิจะมีไขมันดี ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และใบหน้าของคุณได้ค่ะ หลายคนที่มองตัวเองแล้วรู้สึกใบหน้าดูแล้วไม่เปล่งประกาย ไม่บริ้ง รู้สึกว่าตัวเองหน้าแก่ ขาวซีด หรือใบหน้าคล้ำลง ผิวหนังไม่รื่นเรียบเหมือนสมัยก่อน ใบหน้ามีทั้งฝ้าทั้งกระ สิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนแล้วมาจากอวัยวะต่างในร่างกายที่ขาดสมดุลทั้งสิ้น ฉะนั้นถ้าอยากจะสวย ต้องเพิ่มพลังให้กับอวัยวะนั้นๆ จะได้สวยโดยที่ไม่ต้องพึ่งมีดหมอนะคะ ^^ขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะ Facebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็มCollector by รุ่งโนรี ’Girl Music Travel Lover

สูตรลับความงามดั่งไทเฮา

17 เม.ย. 2023

สูตรลับความงามดั่งไทเฮา

ช่วงนี้แอดมินดูซีรี่จีนเห็นไทเฮาสวย ผิวดี จริงๆมีสูตรลับค่ะ ประวัติอันยาวนานกว่า 2000 ปี ของการแพทย์แผนจีนมีบันทึกถึงการรับประทานอาหารเพื่อความงาม ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากในวังหลวง และแพร่กระจายมาสู่สามัญชนวันนี้ขอนำเคล็ดลับความงามสองพันปีมาบอกต่อ เพื่อให้สาวไทยได้งามสะพรั่งดั่งไทเฮา ฮองเฮา แห่งพระราชวังต้องห้ามกันเลยค่ะอาหารที่ช่วยเรื่องความสวยความงามประกอบด้วย1.พุทราแดง พุทราแดงมีรสหวาน ฤทธิ์อุ่น สรรพคุณบำรุงม้ามและกระเพาะอาหาร บำรุงเลือด ช่วยเรื่องการนอน ในทางวิทยาศาสตร์พุทราแดงยังประกอบไปด้วยวิตามินมากมาย เช่น วิตามินเอ บำรุงสายตา วิตามินซีช่วยให้ผิวขาว มีแคลเซียมป้องกันโรคกระดุกพรุน และธาตุเหล็กที่ช่วยบำรุงเลือด ตามสุภาษิตจีนที่ว่า "พุทรา3 ลูก หน้าอ่อนลง 3 ปี" พุทราจีน ยังเหมาะกับผู้หญิงที่กลัวหนาว และเหนื่อยง่ายด้วยนะคะ2.ลำไยแห้ง ลำไยแห้งมีรสหวาน ฤทธิ์อุ่น ช่วยเรื่องหัวใจและบำรุงม้ามรักษาโรคเหนื่อยง่าย นอนไม่หลับ ลืมง่าย ใจสั่นลำไยแห้งยังช่วยชะลอความแก่ มากไปกว่านั้นยังอุดมไปด้วยวิตามิน โปรตีน น้ำตาล และสารต่อต้านเซลล์มะเร็งในมดลูก เหมาะสำหรับผู้หญิงวัยทอง ใจร้อน หงุดหงิดง่าย เหงื่อออกง่าย หรือผู้หญิงที่คลอดบุตร/อยู่ไฟค่ะ3.เก๋ากี้ เก๋ากี้มีรสหวาน สรรพคุณรักษาตับทำให้ปอดชุ่มชื้น บำรุงร่างกาย ลดความร้อนและทำให้ตาสว่าง ผลจากการวิจัยพบว่าน้ำตาลในเก๋ากี้ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย ชะลอความแก่ ต่อต้านเซลล์มะเร็ง ขจัดอนุมูลอิสระ และลดความอ่อนเพลียของร่างกายได้เช่นกัน4.แครอท แครอทมีรสหวาน มีฤทธิ์อุ่น สรรพคุณบำรุงตับทำให้ตาสว่าง ลดความร้อน และแก้พิษ เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "โสมดิน" ทั้งอุดมไปด้วยวิตามินเอและสารแคโรทีนบำรุงสายตา แครอทยังช่วยสร้างภูมิต้านทานโรค มีฤทธิ์ขับเหงื่อได้เล็กน้อย ทำให้กระบวนการเมตาบอลิซึมให้ร่างกายและการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น มีผลทำให้ผิวนุ่มลื่น แลดูสุขภาพดี นอกจากนี้แครอทยังช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ป้องกันโรคหัวใจและมะเร็ง5.รากบัว รากบัวมีรสหวาน ฤทธิ์เย็น สรรพคุณลดความร้อน เพิ่มน้ำให้ร่างกาย ทำให้เลือดเย็น ช่วยหยุดเลือด ขับพิษ แต่หากทำสุกจะช่วยบำรุงร่างกาย บำรุงเลือด เพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย รากบัวอุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดต วิตามินซี และบีหนึ่ง ยังมีโพแทสเซียม แคลเซียม และธาติเหล็ก เหมาะสำหรับผู้หญิงที่ หงุดหงิดง่าย ใจร้อน หากทานรากบัวบ่อยๆ ยังช่วยให้ใบหน้าและสีผิวดูมีน้ำมีนวล ขาวอมชมพู และลดสิวที่อยู่บนใบหน้าได้ด้วยนะคะ6.ว่านหางจระเข้ (ใช้พอกหน้า) ว่านหางจระเข้ มีสรรพคุณทางยามากมาย ในทางวิทยาศาสตร์ ตัวว่านอุดมไปด้วย วิตามิน อี ช่วยบำรุงผิว วิตามินซี ทำให้ผิวขาว วิตามินเอ และวิตามินบี ที่ทำให้ผิวดูสดใสอ่อนต่อวัย สาร Polysaccharide ในว่านหางจระเข้ ยังช่วยเพิ่มให้ภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซ่อมแซมกล้ามเนื้อ ขจัดจุดด่างดำป้องกันรังสีอัลตร้าไวโอเลต ชะลอความแก่ และทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น ของใกลัตัวหลายอย่าง ช่วยให้สาวๆ 'เป๊ะ' ได้ไม่ยาก แถมราคาไม่แพง ใครสนใจลองเอาเคล็ดลับเหล่านี้ไปใช้ดูนะคะ เราจะสวย สุขภาพดีไปด้วยกันค่ะ ^^ขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะ Facebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็มCollector by รุ่งโนรี ’Girl Music Travel Lover

8 อาการ ร่างกายฟ้องว่าคุณกำลัง “ทำงานหนัก”

19 ธ.ค. 2023

8 อาการ ร่างกายฟ้องว่าคุณกำลัง “ทำงานหนัก”

1.ปวดตาและตาแห้งคนที่ทำงานหนักมักจะมีอารมณ์เครียด ทำให้ตับเสียสมดุล ดวงตาเป็นประตูแห่งตับ เมื่อตับร้อน จะทำให้ปวดตา ตาร้อน และตาแห้งได้นะคะ แพทย์แผนจีนแนะนำให้เอาผ้าขนหนูชุบน้ำร้อนแล้วประคบไว้บริเวณดวงตาประมาณ 30 นาทีค่ะ2.เจ็บคอ เสียงแหบการทำงานหนักจะทำให้ใจร้อน เร่งรีบ แล้วร่างกายจะร้อนตามหัวใจไปด้วย คนที่ทำงานหนักมักจะเจ็บคอ หรือเป็นแผลในปากได้ง่าย อันนี้แพทย์แผนจีนแนะนำให้ดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำผึ้งนะคะ จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอได้ค่ะ3.ปวดหัว มึนหัวความเครียด ทำให้ตับขาดสมดุล เมื่อตับขาดสมดุลก็จะเกิดความร้อนที่ตับ ความร้อนมีลักษณะที่พุ่งขึ้น ทำให้รู้สึกปวดหัวหรือมึนหัวได้ง่าย แพทย์แผนจีนแนะนำให้ใช้นิ้วมือนวดด้วยตัวเองบริเวณระหว่างหัวคิ้ว ท้ายทอย และขมับสัก 30 นาที จะช่วยผ่อนคลายอาการปวดหัวได้ แต่ถ้ามีโอกาสลองไปฝังเข็มดูนะคะ จะทำให้หัวโล่งโปร่งสบายทีเดียว4.กล้ามเนื้อบริเวณไหล่แข็งกว่าปกติอาการนี้เป็นผลจากการนั่งท่าเดียวนานๆ ทำให้เลือดลมไหลเวียนไม่ดี และเกิดการเกร็งบริเวณไหล่ ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นแข็งกว่าปกติ แพทย์แผนจีนแนะนำให้นวด หรือไม่ก็ลองจัดกระดูก ฝังเข็มค่ะ5.รับประทานอาหารมากกว่าปกติภาวะเครียดจะทำให้เรารับประทานอาหารมากเป็นพิเศษ ตามหลักแผนจีนนั้นเมื่อม้ามอ่อนแอจะทำให้ไฟในกระเพาะมากขึ้น ไฟมากก็เผาพลาญแรง พลอยให้กินอาหารไม่อิ่ม และอยากกินเรื่อยๆ ข้อนี้อาจต้องใช้ยาทานเข้าช่วยปรับสมดุลในร่างกายค่ะ6.ความจำลดลงการทำงานหนักจะเผาพลาญพลังของร่างกาย โดยส่วนใหญ่แล้วพลังนี้จะมาจากไต พลังไตเป็นพลังที่หล่อเลี้ยงสมอง หากพลังไตโดนใช้ไปหมด พลังไตก็จะขึ้นไม่ถึงสมอง ทำให้ความจำเราลดลง แพทย์แผนจีนแนะนำให้นั่งสมาธิค่ะ ช่วยได้จริงๆ7.หงุดหงิดง่ายหงุดหงิดง่ายอันนี้ปกติค่ะ ใครทำงานหนักแล้วไม่หงุดหงิด นับถือจริงๆ ความหงุดหงิดเกิดมาจากความเครียดที่สะสม อาการนี้ตามหลักแพทย์แผนจีนเรียกว่า 'พลังตับติดขัด' แบบว่ามันแน่นอก ต้องยกออก เป็นบ่อยกับคนที่เครียด วิธีแก้อาจจะต้องปล่อยวาง หรือกินยาปรับสมดุล ลดไฟในตับค่ะ8.ร่างกายรู้สึกเหนื่อยง่ายเหนื่อยง่ายมาจากสาเหตุที่ร่างกายทำงานหนัก ใช้พลังจนหมด ในทางแพทย์แผนจีน เมื่อพูดว่าพลัง ก็คือ'ชี่' เมื่อพลังชี่อ่อนแอ หรือใช้จนหมดก็เหมือนแบตเตอรี่ที่เหลือไฟแค่ขีดเดียว รอเวลาชาร์ต ซึ่งแพทย์แผนจีนแนะนำให้ดื่มชา หรือซุปที่มีส่วนผสมของโสมอเมริกา เพราะสรรพคุณเป็นยาบำรุงพลังและหยิน หรือว่าทานยาปรับสมดุลก็ได้เช่นกันค่ะ มีกันกี่อาการคะ ลองสังเกตตัวเอง หาเวลาพักผ่อน หรือจะเปิด GREEN WAVE ฟังไปด้วยตอนทำงาน ช่วยผ่อนคลายไปในตัวนะคะ ^^ขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะ Facebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็มCollector by รุ่งโนรี ’Girl Music Travel Lover

album

0
0.8
1