สาเหตุที่ทำให้ปวดหลัง

HEALTHY LIFESTYLE

สาเหตุที่ทำให้ปวดหลัง

02 มิ.ย. 2022

อาการปวดหลัง เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุนะคะ แม้ในสภาวะปกติ เนื่องจากกระดูกสันหลังรับน้ำหนักของร่างกายตลอดเวลา แต่ในเวลานอนจะรับน้ำหนักน้อยที่สุด ถ้าไม่เอาใจใส่กับอาการปวดหลังที่เกิดขึ้นชั่วครั้งชั่วคราวแล้ว อาการปวดหลังในระยะเริ่มแรก ก็จะกลายเป็นอาการปวดเรื้อรัง ทําให้ยากต่อการรักษาให้หายขาดได้นะคะ การบําบัดรักษาที่จะได้ผลดี จําเป็นจะต้องได้รับความร่วมมือร่วมใจทั้งผู้รักษาและผู้รับการรักษาค่ะ

 

สาเหตุของโรคหรือความผิดปกติที่ทำให้เกิดอาการปวดหลัง

1.การบาดเจ็บ เช่น ตกจากที่สูง หมอนรองกระดูกเคลื่อน

2.การติดเชื้อ เช่น วัณโรคของกระดูกสันหลัง

3.ความผิดปกติแต่กําเนิด

4.เนื้องอก เช่น การกระจายของมะเร็งจากอวัยวะอื่นมาที่กระดูกสันหลัง

5.ความเสื่อมทางชีวกลศาสตร์ของหลัง เช่น ท่าทางไม่ถูกต้อง กล้ามเนื้ออ่อนแรงที่ขาดการออกกําลังกาย

6.อารมณ์ตึงเครียด อาจส่งผลถึงกล้ามเนื้อหลัง ทําให้มีอาการเกร็งและปวดหลังได้ค่ะ

ในที่นี้ขอกล่าวถึงอาการปวดหลังที่เกิดจากสาเหตุ ข้อที่ 5 และ 6

 

การวิเคราะห์แยกกลุ่มอาการโรค

อาศัยประวัติ การตรวจร่างกาย และการตรวจพิเศษทางห้องปฏิบัติการ จากประวัติในพวกที่มีความผิดปกติของกระดูกสันหลัง เช่น กระดูกสันหลังไม่ตรง แอ่นเกินไป หรือหลังค่อมเกินไป ผู้ป่วยพวกนี้จะมีอาการปวดเวลาเคลื่อนไหว ถ้าได้พักจะทุเลาค่ะ


พวกที่เป็นเนื้องอกของกระดูกสันหลัง หรือจากต่อมไร้ท่อ ที่มีความผิดปกติ อาการปวดในกระดูกก็จะพบได้ โดยเฉพาะเวลานอนพักยิ่งปวดมากขึ้น และจะปวดตลอดเวลาเมื่อเคลื่อนไหวกระดูกสันหลัง บางครั้งจะเห็นอาการกระดูกสันหลังของผู้ป่วยคด(scoliosis) ทั้งนี้เป็นเพราะกล้ามเนื้อหลังหดเกร็งตัว การที่กระดูกสันหลังคด ทำให้การหดเกร็งของกล้ามเนื้อไม่สมดุล จึงทำให้ขาสั้นยาวไม่เท่ากัน


พวกที่มีข้อสันหลังเสื่อม จะเคลื่อนไหวไม่ได้เต็มที่ โดยเฉพาะท่าเอียงตัวไปซ้ายหรือขวา ในโรคข้อสันหลังอักเสบยึดติด จะเอียงตัวไปด้านซ้ายหรือขวาไม่ได้เลยค่ะ


การตรวจกระดูกสันหลัง จำเป็นต้องตรวจหาอาการกดทับประสาทสันหลังด้วย เช่น การดึงตัวของประสาทขาทางด้านหลัง(Sciatic nerve) พวกนี้ถ้าก้มตัวจะปวดร้าวลงไปตามขาทางด้านหลัง และยิ่งถ้าไอหรือจามก็จะปวดหลังมาก มีอาการปวดร้าวแปลบไปตามแนวด้านหลังขาที่ประสาทผ่านไป

 

มุมมองต่อโรคในศาสตร์การแพทย์แผนจีน

ปวดหลังบั้นเอว อาจปวดข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้ค่ะ มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดระหว่างแนวกลางกระดูกสันหลัง และบริเวณด้านข้างทั้งสองข้าง โดยเฉพาะเวลามีอาการปวดจะเกิดขึ้นในบริเวณดังกล่าวจึงมีชื่อเรียกว่า Lumbospinal pain โดยทั่วไปมักเรียก Lumbago หรือ TCM เรียกอาการนี้ว่า Yao Tong บริเวณบั้นเอวเป็นที่อยู่ของไต ดังนั้นอาการปวดบั้นเอวจึงสัมพันธ์กับไต อาการอาจเป็นแบบเฉียบพลัน หรือเรื้อรังก็ได้ค่ะ

 

หลักการรักษา

1. ความเย็นชื้น ขับความเย็น สลายความชื้น ทะลวงและอุ่นเส้นลมปราณ

ความร้อนชื้น ขจัดร้อน สลายความชื้น คลายกล้ามเนื้อและเอ็นเพื่อระงับปวด

2. ชี่ติดขัดและเลือดคั่ง กระตุ้นเลือดให้ไหลเวียน เพื่อสลายเลือดคั่ง ปรับการไหล เวียนของชี่เพื่อระงับปวด

3. ไตพร่อง บำรุงไตเพื่อเสริมความแข็งแรงให้บั้นเอว เป็นหลักการทั่วไป กรณีไต หยางพร่อง บำรุงไตหยาง เพื่อเสริมความแข็งแรงให้บั้นเอว กรณีไตอินพร่อง เลี้ยงบำรุงไตอินให้สมบูรณ์

4. ความผิดปกติของเส้นลมปราณที่เกี่ยวข้องกับไต ทะลวงเส้นลมปราณ ปรับการไหลเวียนของจิงชี่ บริเวณบั้นเอว และระงับปวด


           สาเหตุที่ทำให้ปวดหลังมีหลายสาเหตุนะคะ เรามาค่อยๆเริ่มดูแลรักษาสุขภาพหลังไปด้วยกัน เริ่มจากเปิด Green Wave แล้วค่อยๆเอนหลัง นอนพักกันก่อนนะคะ ^^

 

ขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะ Facebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็ม


Collector by รุ่งโนรี ’Girl Music & Travel Lover

related HEALTHY LIFESTYLE

รู้หรือไม่ กินผิด ปวดกระเพาะ

07 พ.ค. 2024

รู้หรือไม่ กินผิด ปวดกระเพาะ

กระเพาะอาหารเป็นอวัยวะที่เชื่อมกับปากของเรา และเป็นส่วนกลางระหว่างปากกับก้น จึงมีความสำคัญมากกับระบบย่อยอาหาร การรับประทานอาหารเข้าไป แบบเดิมๆ อาจจะทำให้กระเพาะอาหารของคุณมีปัญหาได้ มาดูกันว่าอะไรบ้างที่ทำให้กระเพาะของคุณมีปัญหาค่ะ1.ทานอาหารเร็วเกินไปการรับประทานอาหารนั้นควรเคี้ยวให้ละเอียดก่อนแล้วค่อยกลืน อย่างน้อยควรเคี้ยว 20 ครั้งนะคะ2.ทานอาหารไม่ตรงเวลาเมื่อทานอาหารเข้าไปถุงน้ำดีจะหลั่งน้ำดีเผื่อที่จะมาย่อยอาหารที่เรารับประทาน เวลาหิวน้ำดีก็จะหลั่งออกมาเหมือนกัน แต่เมื่อเราทานไม่ตรงเวลาน้ำดีจะหลั่งออกตามเวลา แต่พอไม่มีอาหารย่อย น้ำดีจะค่อยๆกัดกระเพาะ ทำให้กระเพาะเป็นแผลค่ะ3.เดี๋ยวกินอาหารที่ร้อน เดี๋ยวกินอาหารที่เย็นสลับกันไปกระเพาะอาหารปรับสภาพไม่ทัน ทำให้ปวดท้องได้ง่าย4.ทานขัาวแล้วดื่มน้ำตามทำให้การย่อยของกระเพาะอาหารทำได้ยากขึ้น ควรดื่มน้ำหลังอาหาร 30 นาทีนะคะ5.ชอบทานอาหารที่เผ็ดร้อนความเผ็ดร้อนจะไปกระตุ้นกระเพาะอาหารทำให้กระเพาะอาหารระคายเคืองได้ค่ะ6.ทานอาหารเวลากลางคืนกระเพาะอาหารทำงานหนักกว่าปกติ แทนที่จะได้พักผ่อน และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อ้วนด้วยนะคะรู้แบบนี้แล้วเราควรปฏิบัติตัวให้ถูกสุขอนามัยนะคะ เพื่อป้องกันรักษาไม่ให้กระเพาะอาหารของเราทำงานหนัก เพราะปกติเขาก็ทำงานหนักอยู่แล้วน๊า ขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะ Facebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็มCollector by รุ่งโนรี ’Girl Music Travel Lover

เป็นคนร้อนในง่าย ควรปฏิบัติตัวยังไง

01 พ.ย. 2024

เป็นคนร้อนในง่าย ควรปฏิบัติตัวยังไง

คนอินพร่อง (ร้อนในบ่อย คอแห้ง มือเท้าร้อน)อินพร่อง คือ ระดับเลือดและน้ำในร่างกายที่ต่ำลง แต่พลังหยางนั้น(ความร้อนในร่างกาย)เท่าเดิม ทำให้เกิดไฟน้อยๆที่เผาพลานร่างกายตลอดเวลา เสมือนเปิดแก๊สไฟวงในเพื่อที่จะต้มน้ำซุป และทำให้น้ำในร่างกายเหือดแห้งไป ร่างกายมีแต่ความร้อน สภาพเหมือนทะเลทราย น้ำน้อย แต่ร้อนมาก ปลูกอะไรก็ไม่ขึ้น เสมือนร่างกายเรา ถ้าหากว่าร้อนแบบนี้เป็นเวลานานๆ เราจะกลายเป็นโรคได้ค่ะคนที่มีลักษณะอินพร่อง จะเป็นคนที่มีรูปร่างผอมสูง คอแห้งบ่อย รู้สึกแก้มร้อนบ่อย ใจร้อนง่าย อุ้งมือเท้าจะร้อน นอนไม่หลับ ฝันบ่อย ร้อนในบ่อย นิสัยของคนที่อินพร่องจะเป็นคนอารมณ์ร้อนง่าย ชอบคิดในเรื่องไม่สบายใจ เป็นคนช่างพูด ลักษณะแบบนี้ในทางแพทย์แผนจีนจำเป็นที่จะต้องบำรุงเหมือนกัน แต่เป็นเพราะว่าการบำรุงที่ต่างกันออกไป ในส่วนที่อินพร่องก็ต้องบำรุงอินเหมือนกับบำรุงน้ำเข้าไปในร่างกาย แต่อินในร่างกายไม่ได้หมายถึงน้ำเท่านั้นนะคะ แต่จะหมายถึงน้ำ และเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของคนเรา และจะต้องบำรุงไตบำรุงกระเพาะ ม้ามให้แข็งแรงด้วย เสมือนการปลูกต้นไม่ให้เยอะๆ และเสริมน้ำให้ด้วย ถ้าต้นไม่เยอะเกินไปก็จะดูดแต่น้ำ เราก็กลับมาสู่สภาวะเดิมคือไม่มีน้ำฉะนั้น ยาที่บำรุงอินที่เหมาะกับคนอินพร่องนั้นคือ 六味地黄丸(ลิ้วเว้ยตี้หวงหวาน) 大补阴煎(ต้าปู่หยินเจียน)ยาสองตัวนี้หาได้ตามร้านยาทั่วไปค่ะอาหารที่เหมาะสม จะมีฤทธิ์บำรุงอิน เช่น ข้าวเหนียว งา เต่า ตะพาบ เนื้อปู หอย เนื้อเป็ด นม หนังหมู เห็ดหูหนูขาว สาลี่ ปลาหมึก ไข่ นม เนื้อปลา หอย ปลิงทะเล รังนก ที่สำคัญไม่ควรทานอาหารที่มีรสเผ็ด หรืออาหารที่มีรสจัดค่ะคนอินพร่องจำเป็นต้องเข้านอนให้เร็วกว่าคนที่มีลักษณะอื่น ไม่ควรเล่นกีฬาหนักกลางแจ้ง และซาวน่า ที่ทำให้เหงื่อออกเยอะๆค่ะ เพราะจะทำให้น้ำในร่างกายลดน้อยลง เพราะคนอินพร่องน้ำในร่างกายจะน้อยกว่าปกติอยู่แล้ว กีฬาที่เหมาะสมกับคนอินพร่องคือ ว่ายน้ำ แต่อย่าว่ายนานเกินไปนะคะ แค่ 30 นาที ก็เพียงพอ เพราะจะทำให้เราขาดน้ำได้เช่นกันค่ะโรคที่พบมากสำหรับคนอินพร่องคือ โรคแห้งทั้งตัว ตาแห้ง เบาหวาน โรคกระเพาะ เพลียง่าย นอนไม่หลับ โรคไต หรือโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวกับอาการคอแห้งปากแห้งเป็นประจำสำหรับใครที่กำลังมีอาการแบบนี้อยู่ ให้ลองปฏิบัติตามคำแนะนำได้นะคะ อย่างน้อยเราก็ไม่ได้ละเลยร่างกายของเราค่ะปล.การช่วยตัวเองบ่อยๆทำให้สารอินในร่างกายลดน้อยลง ไม่ควรถี่เกินไป เพราะจะทำให้ไตอ่อนแอได้นะคะ ^^ขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะ Facebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็มCollector by รุ่งโนรี ’Girl Music Travel Lover

เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว ระวังเป็นโรคซึมเศร้าตามฤดูกาล

01 พ.ย. 2022

เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว ระวังเป็นโรคซึมเศร้าตามฤดูกาล

ตื่นเช้ามาอากาศเย็นๆ พอเที่ยงๆเริ่มแดดออก ตกบ่ายฟ้าครึ้มเหมือนฝนจะตก…ปรับการใช้ชีวิตกันไม่ทันแล้วค่ะ แล้วอารมณ์ของเราจะปรับทันหรอ จริงมั้ยคะ ? บางวันแอดตื่นมาก็รู้สึกเหนื่อยๆ มองท้องฟ้าครึ้มๆยิ่งรู้สึกเศร้าใจ โดยไม่มีสาเหตุ บางวันแดดร้อนมากๆก็รู้สึกหงุดหงิด นั้นเป็นเพราะอากาศส่งผลต่ออารมณ์ของเรานั้นเองภาพจาก pixabay.com ในทางการแพทย์กล่าวว่า อุณหภูมิที่อยู่ภายนอกมักจะส่งผลต่อระบบการทำงานในร่างกายของตัวเราด้วยยิ่งอากาศลดต่ำลงการทำงานของร่างกายก็จะช้าลง และยังสอดคล้องในเรื่องของระยะเวลาการเกิดกลางวันกลางคืนอีกด้วย ซึ่งช่วงฤดูหนาวเวลากลางวันจะสั้นกว่าช่วงกลางคืน ทำให้ส่งผลต่อนาฬิกาในการใช้ชีวิตของเรา หรือการดำเนินชีวิตของเราก็จะแตกต่างกันออกไปด้วย ทำให้ร่างกายมีการทำงานและมีกลไกบางอย่างที่ทำงานผิดปกติไป หรือไม่สามารถปรับตัวได้ทันกับอุณหภูมิภายนอก ก็จะส่งผลให้เกิดอาการทางจิตเวชตามมาภาพจาก brandinside.asiaหรือที่เรียกว่าโรคซึมเศร้าตามฤดูกาล Seasonal affective disorder (SAD) คือ โรคทางอารมณ์ชนิดหนึ่งที่จะเกิดในช่วงเวลาเดียวกัน ในแต่ละปี และมักจะเกิดขึ้นในหน้าหนาว อาจจะทำให้มีอากาศ ซึมเศร้า เก็บตัว รู้สึกเหนื่อยล้าแล้วแบบนี้มีวิธีแก้ไหมนะ?ภาพจาก sunawaythailand.comหากไม่อยากอารมณ์เปลี่ยนไปตามอากาศแบบนี้ก็ต้องดูแลตัวเองมากขึ้น ง่ายๆ1.เปิดม่าน ให้ร่างกายได้โดนแดดอ่อนๆในยามเช้า เพราะแสงแดดมีสารที่ชื่อว่า เซโรโทนิน ทำให้อารมณ์ดีขึ้น2.เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น กล้วย ถั่ว ป๋นอาหารที่ช่วยสร้าง เซโรโทนิน ทำให้เราอารมณ์ดี3. ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ 30-60 นาทีต่อวัน นอกจากจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังทำให้เราเห็นคุณค่าในตัวเอง ทำให้เรามีความสุขกับการใช้ชีวิตมากขึ้นค่ะ ถ้ามีอาการ บางทีก็เศร้าซึมแบบไม่ทราบสาเหตุ อย่าพึ่งคิดมากนะทุกคน บางทีอาจจะเป็นเพราะ สาเหตุข้างต้นได้ เพราะฉนั้น ลองแก้ไขตามวิธีที่แอดให้ไปก่อน หรือวิธีที่ง่ายที่สุด เปิดเพลงฟังให้สบายหู ที่ Green Wave 106.5 FM ก็จะช่วยให้อารมณ์ดีได้นะคะ และหากบทความนี้เป็นประโยชน์ก็แชร์ให้เพื่อนๆได้รู้กันได้เลยน้าแหล่งอ้างอิง : https://www.gqthailand.com/lifestyle/article/men-improve-sex-life-doing-householdแหล่งอ้างอิง : https://nph.go.th/?p=4758แหล่งอ้างอิง : https://www.alljitblog.com/?p=3710

ผู้หญิง ผู้ชาย ไตอ่อนแอ อาการเหมือนกันไหม ?

16 ส.ค. 2023

ผู้หญิง ผู้ชาย ไตอ่อนแอ อาการเหมือนกันไหม ?

ไตพร่อง เป็นปัญหาของหลายคน ลักษณะอาการ ใบหน้าจะมองคล้ำ ปวดหลัง ขาไม่มีแรง อาจจจะรวมไปถึงคนที่เป็นโรคเบาหวาน ความดันสูง เส้นเลือดสมองอุดตัน อาการเป็นพิษในเลือด หรือโรคไตวายเรื้อรัง โรคที่กล่าวมาข้างต้นล้วนแต่มีอาการไตพร่องระยะสุดท้ายแทบทั้งสิ้น แต่เราจะรอจนเป็นระยะสุดท้ายแล้วค่อยดูแลตามแนวการรักษาแบบฉบับแพทย์แผนจีน เมื่อเห็นตับมีปัญหา ให้ไปรักษาที่ม้าม หมายถึงการรักษาเมื่อโรคยังไม่เกินนั่นเอง หลายคนที่คิดว่าตัวเองไม่เป็นอะไรและไม่คิดรักษา แต่พอเป็นแล้วมันอาจจะใกล้จุดจบของชีวิตแล้วก็ได้นะคะ ไตในหลักแพทย์แผนจีนจะเสื่อมลงเรื่อยๆตามอายุของเรา ฉะนั้นการดูรักษาไตให้คงอยู่ ต้องเริ่มต้นตั้งแต่ยังไม่เป็นโรค อาการที่กล่าวไปนั้นถ้าหากคุณมีอาการ 1 ใน 3 แสดงว่าไตคุณเริ่มพร่องแล้วค่ะอาการไตพร่องจะมีอาการปวดหลัง เหนื่อยง่าย ไม่มีเรี่ยวแรง ระบบการมองและการฟังประสิทธิภาพแย่ลง ผมร่วงง่าย ผมขาวก่อนวัย ฟันโยกง่ายและรากฟันไม่แข็งแรง ขอบตาดำคล้ำ ผิวหน้าดำคล้ำ สภาวะแก่ก่อนวัย ลืมง่าย ไม่อยากอาหาร ปวดกระดูกหรือข้อรู้สึกตัวร้อนโดยไม่มีสาเหตุ และมีอาการมึนหัวบ่อยๆอาการไตพร่องในผู้ชายและผู้หญิงมีบางส่วนที่ไม่เหมือนกันนะคะอาการไตพร่องของผู้ชายอาการไตพร่องจะเกี่ยวกับสมรภาพทางเพศ ทำให้สมรภาพทางเพศลดลง ความต้องการทางเพศลดลง ถ้าหนักเข้า จะทำให้อวัยเพศไม่แข็งตัว หลั่งเร็ว เมื่อนำอสุจิไปตรวจสอบ อสุจิจะไม่แข็งแรง ซึ่งเป็นสาเหตุของคนมีบุตรยากค่ะส่วนผู้หญิงที่มีอาการไตพร่องผู้หญิงจะเกี่ยวกับประจำเดือนมาร่วมด้วย เช่น เลือดออกกระปิดกระปอย ประจำเดือนมานานกว่าปกติ การตั้งครรภ์ได้ยาก แท้งบ่อยก็เป็นอาการของคนไตพร่องได้เช่นกันค่ะอาหารที่เหมาะกับคนไตพร่องอาการไตพร่องจะแบ่งออกเป็นไตหยินพร่อง และไตหยางพร่อง อาการไตหยางพร่องนั้นจะเป็นคนที่ขี้หนาว ส่วนอาการไตหยินพร่องจะมีอาการร้อนวูบวาบ กระหายน้ำง่าย อุ้งมือเท้าร้อนไตหยินพร่อง เช่น ปลิงทะเล เก๋ากี้ ตะพาบน้ำ เห็ดหูหนูขาว เพื่อที่จะไปบำรุงไตหยินไตหยางพร่อง เช่น เนื้อแพะ เขากวาง อบเฉยเป็นต้นการบำรุงไตไม่ใช่แค่อาหารตามข้างต้นนี้ แต่ตามหลักแพทย์แผนจีนแล้ว อาหารที่เป็นสีดำก็สามารถบำรุงไตได้เช่นกัน อาทิ ถั่วดำ งาดำ เห็ดหูหนูดำ เห็ดหอม สาหร่ายทะเลก็สามารถบริโภคได้เช่นกันค่ะการถูเอวบำรุงไตในทางทฤษฏีของแพทย์แผนจีน "เอวคือบ้านของไต" เราสามารถถูเอวเพื่อที่จะบำรุงไต เพราะการถูเอวทำให้เอวมีความร้อน สรรพคุณบำรุงไตให้ไตแข็งแรง ทำให้เลือดลมบริเวณเอวไหลเวียนได้ดีขึ้นนวดท้องน้อยเพิ่มพลัง (จุดตานเทียน)จุด丹田(ตานเทียน)อยู่ใต้สะดึอ 3 นิ้ว หรือ 1 ฝ่ามือการนวดท้องน้อยหรือตานเทียนจะช่วยเพิ่มพลัง สร้างภูมิคุ้มกัน เพื่อที่จะไปต่อสู้กับโรคต่างๆ และยังสามารถบำรุงไต ทำให้อายุยืนได้อีกด้วย การนวดจุดตานเทียน ต้องถูฝ่ามือให้ร้อนก่อน นำมาตั้งที่จุดตานเทียน นวดเบาๆทิศทางสวนเข็มนาฬิกาการบำรุงสามารถทำได้หลายอย่าง1.รักษาระดับอารมณ์“ความกลัวจะไปทำร้ายไต”คนเป็นโรคไต ต้องรักษาระดับอารมณ์ให้ดี ทำจิตใจให้สงบ สดชื่น ไม่เครียด เท่านี้พลังไตก็จะไม่สูญเสีย ถ้าหากพลังไตเพียงพอ อวัยวะต่างๆก็จะมีพลังไปหล่อเลี้ยงด้วย จะทำให้ร่างกายแข็งแรง2.ดุแลระบบทางเดินอาหารการบำรุงดูแลไตนั้น ต้องให้ความสำคัญกับม้ามและกระเพาะอาหาร เพราะม้ามกระเพาะอาหารเป็นจุดศูนย์กลางของร่างกาย การรับประทานอาหารที่เหมาะสมก็เป็นสิ่งสำคัญด้วย โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคไต ต้องลดโปรตีนจากเนื้อสัตว์ เพราะอาหารเหล่านี้อาจจะไปทำให้ไตเสื่อมได้เร็วขึ้น ตามหลักแพทย์แผนจีนแล้วการดูแลม้ามกระเพาะอาหาร ทำให้ศูนย์กลางแข็งแรง สามารถนำพลังไปเลี้ยงไตได้ เมื่อไตแข็งแรงจะทำให้ร่างกาย มีพลังที่จะไปต่อสู่กับโรค3.อย่าเหนื่อยเกินเหตุความเหนื่อยจนเกินไป ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม จะทำให้สูญเสียพลังของร่างกายไป พลังต่างๆของร่างกายล้วนแต่มาจากเลือดทั้งสิ้น การที่เราเหนื่อยจนเกินไปนั้น ทำให้สูญเสียเลือดไป พอขาดเลือด พลังก็จะไม่เพียงพอที่จะไปเลี้ยงร่างกาย เช่น การใช้สมองบ่อย การใช้สายตาบ่อย จะทำให้สูญเสียพลังเช่นกัน ฉะนั้นการทำกิจกรรมทุกอย่าง อย่าให้เยอะจนเกินไป อย่าให้เหนื่อยจนเกินไป เพราะเราไม่ทราบได้ว่าจะทำให้เลือดที่หล่อเลี้ยงเราสูญเสียไปแค่ไหน ดูแล ป้องกัน ดีกว่าการมารักษาทีหลังนะคะ ด้วยความปรารถนาดีจาก GREEN WAVE ค่ะ ^^ขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะ Facebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็มCollector by รุ่งโนรี ’Girl Music Travel Lover

album

0
0.8
1