ความคิดผิดๆ เกี่ยวกับการนอน

HEALTHY LIFESTYLE

ความคิดผิดๆ เกี่ยวกับการนอน

10 พ.ค. 2022

วันนี้มีเคล็ดลับการนอนเพื่อสุขภาพดีดีจากศาสตร์แพทย์แผนจีนมาฝากค่ะ เพราะช่วงเวลานอนเป็นช่วงเวลาสุดมหัศจรรย์ที่ร่างกายเราใช้ปรับสมดุลหลังจากเผชิญการทำงานหนักและอารมณ์ที่หลากหลายมาทั้งวัน ถ้านอนดี นอนได้มีคุณภาพ ก็ถือเป็นการรีเซ็ตในแต่ละวัน และเป็นการดูแลสุขภาพที่ดีเยี่ยมเลยค่ะ แต่ยังมีความเข้าใจผิดๆ เรื่องการนอนอยู่มาก ส่วนใหญ่เข้าใจผิดเรื่องอะไรกันบ้าง ตามไปดูกันค่ะ

1.ดื่มเหล้าหรือของมึนเมาแล้วทำให้นอนหลับ

สำหรับบางคนอาจเชื่อว่า เมื่อเราดื่มจนเมามายแล้ว จะช่วยให้หลับได้ง่าย เพราะเมื่อร่างกายดูดซึมแอลกอฮอล์ อาจรู้สึกมึนหัวง่วงนอน แต่ในความเป็นจริง พอตื่นนอนก็จะรู้สึกปวดหัว และไม่กระปรี้กระเปร่า นอกจากนี้ตับซึ่งทำหน้าที่ล้างพิษในร่างกาย ถ้าแอลกอฮอล์เข้าสู่ตับจำนวนมาก จะทำให้ตับเกิดภาวะอักเสบ อาจจะทำให้เป็นโรคตับแข็ง หรือโรคตับอักเสบ คนไข้จะมีอาการหงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวน ปวดท้องได้ง่ายอีกด้วยค่ะ

2.นอนวันละ 8 ชั่วโมงยังรู้สึกไม่พอ

ความต้องการในการนอนหลับขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ไม่จำเป็นต้องนอนครบ 8 ชม. ขอให้ตื่นแล้วสดชื่นก็เพียงพอ บางคนนอนไป 8 - 10 ชม. ตื่นมาก็ยังไม่กระปรี้กระเปร่า ทางแพทย์แผนจีนเรียกว่า "นอนมาก" เกิดจากหลายสาเหตุหลักๆมาจากม้ามอ่อนแอ ทำให้กักเก็บพลังในร่างกายได้น้อยลงไปด้วย เหมือนแบตเตอรี่ที่ใกล้เสื่อมสภาพ ทำให้รู้สึกว่าไม่อยากทำอะไร อยากนอนตลอดเวลา

3.นอนก่อน 5 ทุ่ม แต่ยังคิดโน้นคิดนี่

ตื่นเป็นเวลาดีกว่านอนเป็นเวลานะคะ บางคนเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ แต่ได้หลับตอนตี 2 คนที่เป็นโรคนอนไม่หลับ แม้เข้านอนเร็ว ก็อาจไม่หลับจนถึงเช้า ซึ่งมาจากปัจจัยหลายสาเหตุ เช่น ใจสั่นง่าย ใจร้อนง่าย กังวล เครียด จนทำให้นอนไม่หลับ อันนี้ไม่ไหวนะคะ ตื่นขึ้นมาก็ไม่สดชื่น ซึ่งแพทย์แผนจีนให้ความสำคัญกับการนอนมาก โดยเฉพาะการหลับก่อน 5 ทุ่ม ที่ตับต้องดึงเลือดมาเก็บไว้ เพื่อให้ร่างกายพักผ่อนแล้วนอนหลับ มากไปกว่านี้ ช่วงเวลานั้นร่างกายของเรายังผลิตสารและฮอร์โมนต่างๆ รวมทั้งโกรทฮอร์โมนสำหรับเด็กๆ ที่ช่วยเรื่องการเจริญเติบโต (และทำให้สูง) อีกด้วยค่ะ

4.ออกกำลังกายก่อนนอน

บางครั้งความเหน็ดเหนื่อยจากการออกกำลังอาจทำให้เรารู้สึกง่วง จึงคิดว่าการออกกำลังกายก่อนนอนจะช่วยให้หลับง่ายขึ้น ในทางแพทย์แผนจีน เวลานอนหลับนั้นเลือดจะไหลกลับไปและเก็บไว้ที่ตับ แต่กลับกันการออกกำลังกายเลือดจะออกมาหล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อและผิวหนัง ทำให้ร่างกายเกิดอุณหภูมิที่สูงขึ้น อาจจะทำให้นอนไม่หลับนะคะ

5.วันทำงานนอนไม่อิ่ม มานอนชดเฉยในวันหยุด

ในวันหยุดหลายคนอาจจะนอนถึงเที่ยงแล้วค่อยตื่น การนอนชดเชยในหลักแพทย์แผนจีนนั้นไม่มีนะคะ เพราะตื่นมาอาจจะเหนื่อยกว่าเดิม และก็ปวดตามเนื้อตามตัว แนะนำให้ตื่นเป็นเวลาแม้ในวันหยุดก็ตาม เพราะช่วงเวลากลางวันพลังหยางมาก ส่วนช่วงเวลากลางคืนพลังหยินมาก พลังหยินใช้เวลานอน พลังหยางใช้เวลาตื่น การนอนในช่วงเวลาที่พลังหยางมาก จึงทำให้เมื่อเราตื่นเที่ยง จึงไม่กระปรี้กระเปร่าเหมือนตอนตื่นเช้านั่นเองค่ะ

 

นอนน้อยก็ไม่ดี นอนมากไปก็ไม่ดี นอนพักผ่อนให้เพียงพอน่าจะดีที่สุด แต่ถ้าใครนอนไม่หลับ Green Wave อยู่เป็นเพื่อนคุณตลอด 24 ชั่วโมงนะคะ ^^

 

ขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะ Facebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็ม

Collector by รุ่งโนรี ’Girl Music & Travel Lover

related HEALTHY LIFESTYLE

ไอแบบนี้ ปอดเป็นอะไร?

27 ม.ค. 2022

ไอแบบนี้ ปอดเป็นอะไร?

ไอแบบนี้ ปอดเป็นอะไร?ปอดไม่แข็งแรง หลายคนมีปัญหาแบบนี้ หลายคนมีอาการไอ แต่หาสาเหตุไม่เจอ วันนี้มีคำแนะนำจากแพทย์แผนจีนเรื่องของปอด ทำยังไงให้ปอดแข็งแรง ลองมาดูกันเลยค่ะปอดเย็น1.ไอเป็นประจำ2.มีน้ำมูกตอนเช้า3.เสมหะในลำคอมาก4.อ่อนเพลียง่าย5.คันตามผิวหนัง6.ไม่สบายบ่อยมารู้จักปอดเย็น หลายคนมีปัญหานี้ ส่วนใหญ่จะมีอาการภูมิแพ้ง่าย ไม่สบายบ่อยแพทย์แผนจีนแนะนำ น้ำขิงตอนเช้าทุกวัน บำรุงปอด ให้ปอดแข็งแรงค่ะปอดร้อน1.ไอเป็นประจำ2.เจ็บคอเป็นประจำ3.เสมหะเหลือง4.เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว5.สิงที่หน้าและหลัง6.ขับถ่ายยากคนที่ปอดร้อน มักจะมีโรคของต่อมทอมซินอักเสบเป็นประจำ อาการติดโควิด มักมีอาการ เจ็บคอง่าย เสมหะเหลือง มีสิวขึ้นที่หลัง และที่หน้า ขับถ่ายยาก คอแห้งปากแห้งแพทย์แผนจีนแนะนำ เก๊กฮวย ดอกสายน้ำผึ้ง แบะตงหล่อฮังก๊วย จับเลี้ยง จะทำให้ชุมคอ ลดการอักเสบ ลดการเจ็บคอได้ค่ะปอดแห้ง1.ไอแห้ง2.คอแห้ง ดื่มน้ำมาก3.เสมหะเหลือง มีเลือด4.ผิวหนังแห้งกร้าน5.เลือดกำเดา6.ขับถ่ายยากเลือดกำเดาไหล มีแต่คนคิดว่าร้อนใน ปอดแห้ง หรือปอดร้อนก็มีโอกาสทำให้เลือดกำเดาไหลง่าย เพราะความแห้งไม่มีความชุ่มชื้น จึงทำให้เส้นเลือดฝอยในจมูกแตก หลายคนจะมีอาการไอแห้ง ๆ ชอบดื่มน้ำ เสมหะเหนียว มีเลือดบ้าง ผิวหนังแห้งกร้าน ขับถ่ายยากแพทย์แผนจีนแนะนำ สมุนไพรจีน เก๊กฮวย หล่อฮังก้วย จับเลี้ยง แปะตง ใบย่านาง สามารถลดความร้อน ทำให้ปอดเย็น ลดการเกิดของเลือดกำเดาได้ค่ะปอดชื้น1.ไอมีเสมหะ2.ท้องอืด3.อ่อนเพลียง่าย4.ขับถ่ายเหลว5.มีเสมหะในลำคอ6.จุกแน่นหน้าอกมารู้จักปอดชื้นกันค่ะ หลายคนไม่รู้จัก แต่หลายคนมีอาการเช่นนี้ ไอแบบมีเสมหะ เสมหะค่อนข้างมาก มีอาการอ่อนเพลียง่าย ขับถ่ายเหลวบ้างเสหมะจุกในลำคอ จุกแน่นหน้าอก คนที่มีอาการแบบนี้ อาจจะมีโรคกรดไหลย้อน ผสมด้วย คนที่อายุมาก จะเป็นแบบนี้บ่อยค่ะแพทย์แผนจีนแนะนำ แปะฮะ ลูกเดือย ขมิ้นชัน จะช่วยแก้ไอ และขับความชื้นทั้งในปอด ช่วยขับความชื้นของกระเพาะอาหารได้ด้วยไอจากเสมหะร้อน1.ไอมีเสมหะเหนียว2.หายใจแรง มีเสียงดังวี๊ดๆ3.ไอแล้วเจ็บหน้าอก4.ใบหน้าแดงกล่ำ5.คอแห้ง ปากแห้ง6.จุกแน่นหน้าอก7.สีเสมหะ เหลือง ๆ เหนียว ๆปัญหาจากเสมหะร้อนในปอด คนป่วยมักจะมีอาการไอเสมหะเหนียว บางคนมีเสียงเสมหะในปอด ไอแล้วชอบเจ็บหน้าอก หน้าแดงเป็นประจำจุกคอ ปากแห้งแน่นหน้าอกแพทย์แผนจีนแนะนำ ยาสมุนไพรจีนที่ช่วยขับเสมหะร้อน เข่น เก๊กฮวย ใบสาระแหน่ ลูกสำรอง เพิ่มความชุ่มชื้นในปอด ลดอาการไอได้ดีค่ะไอเพราะไฟในตับเผาน้ำในปอด1.ไอโครก ไอเสียงดัง2.มีเลือดปน3.โมโหง่าย4.ปวดเสียดสีข้าง5.คอแห้งปากขม6.มีความดันสูง7.ถอนหายใจบ่อย ๆไอโครก ไอเสียงดีง มาจากน้ำในปอดแห้ง เพราะไฟในตับเผา ส่วนใหญ่ จะเป็นคนขี้โมโห ความดันสูง ปากแห้ง ปากขม และถอนหายใจบ่อย ๆ ค่ะแพทย์แผนจีนแนะนำ แปะฮะ ชาใบหม่อน ชาเก๊กฮวย ลดอาการไอ ลดความดันนอกจาก ไอ เลิฟ ยู ที่บอกอาการรัก การไอแบบอื่น ๆ ก็ยังบอกอาการโรคได้เหมือนกัน อย่าลืมสังเกตอาการ ดูแลตัวเองและคนที่คุณรักด้วยนะคะ ด้วยความปรารถนาดีจาก Green Wave ค่ะ ^^ขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะFacebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็ม- Collector by รุ่งโนรี ’Girl Music Travel Lover -

“น้ำตาล” ต้องกินแบบนี้ถึงจะไม่เป็นโรค!

22 ก.ย. 2022

“น้ำตาล” ต้องกินแบบนี้ถึงจะไม่เป็นโรค!

ภาพจาก : siamchemi.comระหว่างที่หูฟังกรีนเวฟ มือไถหน้าฟีดเฟซบุ๊ก ปากก็ดูดชานมไข่มุก ดื่มกาแฟลาเต้ กินเค้กไปด้วยเพลิน ๆ ใช่มั้ยคะ รู้นะ!แหม่…ใครจะไปอดใจไหว ก็อาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาลมันอร่อยไปซะทุกอย่างเลยนี่นา…ภาพจาก : board.postjung.comจริง ๆ แล้ว สามารถทานได้ค่ะ แต่ต้องควบคุมปริมาณให้พอดีต่อวัน เพราะว่า “ น้ำตาลคือยาพิษ ” ถ้าทานเข้าไปมากๆจะมีแต่โทษและไม่มีประโยชน์อะไรเลย นอกจากสร้างความสุขชั่วคราวแต่จะทิ้งโรคไว้ในร่างกายของเราตลอดไปค่ะ พูดไปก็คงไม่เห็นภาพ เดี๋ยวจะแจงรายละเอียด “โทษของน้ำตาล” ให้ทราบคร่าว ๆ นะคะ1.น้ำตาลเป็นสารเร่งผิวหนังเหี่ยวย่นและริ้วรอย ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ การรับประทานน้ำตาลมากเกินไปอาจทำให้ผิวเสีย หน้าแก่2.น้ำตาลทำให้อ้วน แน่นอนเรื่องนี้เรารู้กันดีค่ะ เพราะ ร่างกายจะเปลี่ยนน้ำตาลที่ได้รับมากเกินความต้องการ ไปสะสมกลายเป็นไขมันนั้นเอง3.น้ำตาลทำให้สมดุลของเลือดเสียไป เป็นสาเหตุของโรคความดันโลหิตสูง รวมทั้งเพิ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดต่าง ๆ ด้วย4.น้ำตาลทำให้กระดูกและฟันไม่แข็งแรง น้ำตาลมีส่วนผสมของซูโครส ถือว่าเป็นอาหารชั้นดีให้กับเหล่าแบคทีเรียที่อยู่ ในช่องปาก ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคฟันผุ เหงือกอักเสบ และคราบต่าง ๆ5.น้ำตาลทำให้ร่างกายเซื่องซึม การกินน้ำตาลปริมาณมากเป็นประจำแทนที่จะสดชื่น กลับทำให้กรดอะมิโน ที่ชื่อว่า ทริปโตฟานเข้าสู่สมองมาเกินไป ทำให้เสียสมดุลของฮอร์โมนในสมองมีผลทำให้เกิดอาการเหนื่อย เซื่องซึมได้ภาพจาก : sukkaphap-d.comนี้แค่คร่าว ๆ นะทุกคน…โทษของน้ำตาล เยอะมากจริงๆค่ะแล้วแบบนี้ ต้องห้ามกินน้ำตาลเลยหรอ จะทำไหวมั้ยนะ?ไม่ต้องห่วงค่ะ หากกินน้ำตาลในปริมาณที่พอดี แค่เท่าที่ร่างกายจะนำไปใช้เป็นพลังงานได้ ก็ไม่เกิดอันตรายกับร่างกาย โดยปริมาณที่ควรกินต่อวัน มีดังนี้ค่ะ-เด็ก และ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ควรกินไม่เกิน 16 กรัม หรือ 4 ช้อนชา / วัน-วัยรุ่นหญิงชาย และ วัยทำงาน ควรกินไม่เกิน 24 กรัม หรือ 6 ช้อนชา / วันแต่อย่างไรก็ตาม การไม่กินน้ำตาลเลย หรือกินให้น้อยกว่าปริมาณข้างต้น ก็ถือว่าปลอดภัยที่สุดค่ะเพราะ “น้ำตาลคือยาพิษ” ท่องไว้ให้ขึ้นใจ เพื่อร่างกายที่แข็งแรงของเราค่ะข้อมูลจาก : https://www.vichaiyut.com/th/health/informations/5-โทษของน้ำตาล/ข้อมูลจาก : สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณะสุข กรมอนามัย และ กระทรวงสาธารณะสุขข้อมูลจาก : รายการเพื่อนเป็นหมอ

9 วิธี ทำแล้วสุขภาพดีขึ้นแน่นอน

01 ก.ค. 2024

9 วิธี ทำแล้วสุขภาพดีขึ้นแน่นอน

1.หัดเดินถอยหลังจะทำให้สันหลังงอไปด้านหลัง ช่วยลดการปวดเอว แก้อาการปวดหลังได้ดี เพราะการเดินถอยหลังเราจะงอสันหลังไปทางด้านหลัง มีแรงโน้มถ่วงไปทางด้านหลัง จะทำให้ไม่ปวดหลังค่ะ2.ยกส้นเท้า 30 ครั้ง ค้างไว้ช่วยบำรุงไตและแก้ปวดเข่า จุดไตจุดแรก คือจุดที่อยู่ใต้ฝ่าเท้า จุดแรกของไตนั้นบำรุงไตดีที่สุด นอกจากเราจะนวดแล้ว เรายังสามารถยกส้นเท้าค้างเอาไว้ เพื่อช่วยบำรุงไตถ้าหากกล้ามเนื้อแถวนั้นแข็งแรง ก็ช่วยลดอาการปวดเข่าปวดข้อได้อีกด้วย จะยืนทำ หรือนั่งทำก็ได้นะคะ ไม่มีได้ข้อห้ามอะไรค่ะ3.ตื่นเช้าดื่มน้ำอุ่น 1 - 2 แก้วเพื่อช่วยเพิ่มการทำงานของเมทาบอลิซึมและช่วยล้างสิ่งสกปรกในร่างกาย การที่ดื่มน้ำหลังตื่นนอน จะช่วยเพิ่มการเผาผลาญให้ร่างกาย ช่วยลดความอ้วน และล้างสิ่งสกปรก ลดความเป็นกรดในร่างกายได้อีกด้วย และยังช่วยให้การทำงานของไตมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นด้วยค่ะ4.ทานเนื้อน้อย ทานผักมากเพื่อป้องกันโรคไขมันอุดตันและลดความเป็นกรดในร่างกาย การที่ทานเนื้อสัตว์น้อยๆ ทานผักเยอะๆ จะช่วยป้องกันโรคไขมันอุดตันหลอดเลือด ไม่ว่าจะเป็นหลอดเลือดสมองหรือหลอดเลือดหัวใจ ไม่ใช่แค่นั้นนะคะ ยังป้องกันโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ และลดความเป็นกรดในเลือดอีกด้วยค่ะ5.แช่เท้าก่อนนอน 20 นาทีจะช่วยให้ผ่อนคลาย ช่วยให้หลับได้ดีขึ้น และนวดฝ่าเท้าเบาๆ จะช่วยให้นอนหลับดีขึ้น ช่วยบำรุงไตได้อีกด้วย เพราะฝ่าเท้าเป็นศูนย์รวมประสาท และเป็นจุดของไตค่ะ6.นั่งให้ตัวตรง น่องตั้งฉากลดอาการปวดหลังได้ค่ะ การนั่งที่ดี ต้องนั่งตัวตรง อกผาย ไหล่พึงอาจจะเมื่อยนิดนึง แต่ถ้าชินแล้ว จะทำให้อาการปวดหลังที่มาจากการนั่งตัวไม่ตรงจะดีขึ้น แนะนำให้เอาหมอนมาลองหลังด้วยนะคะ เพราะป้องกันอาการปวดหลังได้อีกทางค่ะ7.ดื่มน้ำขิงทุกเช้าเพื่อป้องกันโรคหวัดและภูมิแพ้ การทานขิงไม่ว่าจะเป็นน้ำขิงตอนเช้า หรือไก่ผัดขิง เมนูขิงต่างๆ ขิงในแพทย์แผนจีน ช่วยไล่ลม ขับความเย็น ลดอาการคลื่นไส้ อาเจียน เหมาะสำหรับคนที่ขี้หนาว ท้องอืดบ่อยๆ8.ทำสมาธิหลังตื่นนอน และก่อนนอนจะช่วยให้จิตใจไม่ฟุ้งซ่าน ลดอาการเวียนศีรษะและความดันต่ำ ให้เรากำหนดลมหายใจ สักพักเราก็หลับไปเอง การที่เราฝัน ในแพทย์แผนจีนเรียกว่า พลังหยางไม่เข้าในอิน ฟังแล้วอาจจะไม่เข้าใจ พลังหัวใจกับตับและไตทำงานไม่ปกตินั้นเองค่ะ อาจจะมาจากหัวใจที่ร้อน ตับที่ร้อน หรือพลังไตส่งไม่ถึงหัวใจและพลังหัวใจส่งไม่ถึงไต จะทำให้เราฝันร้ายง่าย9.ใช้น้ำอุ่นสลับน้ำเย็นล้างหน้าช่วยป้องกันหวัด และช่วยกระชับรูขุมขน การที่เราใช้น้ำอุ่นล้างหน้าก่อนและตามด้วยน้ำเย็นจะช่วยให้หน้าไม่มัน ไม่มีสิว รูขุมขนเปิดกว้างก่อน น้ำอุ่นล้างฝุ่นละอองที่ติดข้างในออก ค่อยตามด้วยน้ำเย็นเพื่อมากระชับรูขุมขน และการล้างแบบนี้ช่วยให้เรามีภูมิต่อปัจจัยภายนอกที่ทำให้ก่อโรค เช่น ลมร้อน และลมเย็น หน้าเป็นส่วนแรกที่เจอกับปัจจัยเหล่านี้ เพราะเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวจะทำให้เราไม่สบายง่าย ถ้าเรารับกับความเย็นความร้อนได้ เราจะมีภูมิไม่เป็นหวัดง่ายค่ะ9 วิธีง่ายๆ ทำตามได้ไม่ยาก คุณผู้ฟังลองเอาไปทำตามดูนะคะ เราจะสุขภาพดีไปด้วยกันค่ะ ^^ขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะ Facebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็มCollector by รุ่งโนรี ’Girl Music Travel Lover

6 วิธีง่ายๆ ทำแล้วสุขภาพดีขึ้นแน่นอน

17 ก.ค. 2023

6 วิธีง่ายๆ ทำแล้วสุขภาพดีขึ้นแน่นอน

1. เดินถอยหลัง 10 - 15 นาที ช่วยลดอาการปวดหลังการเดินถอยหลังเป็นการบริหารกล้ามเนื้อบริเวณเอวและหลัง การบริหารนี้เป็นส่วนหนึ่งที่มีอยู่ในท่าบริหารของมวยจีน "ไท้เก๊ก" ใครที่มีอาการปวดหลัง ปวดเอวบ่อยๆ ลองฝึกเดินถอยหลังดูนะคะ การเดินถอยหลังจะบังคับให้นิ้วเท้าสัมผัสพื้นก่อน ต่างจากการเดินปกติที่จะใช้ส้นเท้า จึงเป็นการลดแรงกระแทก และส่งเสริมการทำงานของกล้ามเนื้อในส่วนที่ต่างไปค่ะ 2. นั่งให้ตัวตรง น่องตั้งฉาก ลดอาการปวดหลังได้การนั่งที่ดี ต้องนั่งตัวตรง อกผาย ไหล่ผึ่ง อาจจะเมื่อยนิดนึงนะคะ แต่ถ้าชินแล้ว จะทำให้อาการปวดหลังที่มาจากการนั่งตัวไม่ตรงดีขึ้น แนะนำให้เอาหมอนมาลองหลังด้วยนะคะ ป้องกันอาการปวดหลังได้อีกทางค่ะ3.แช่และนวดฝ่าเท้า วันละ 30 ครั้ง หรือ 10 นาที จะช่วยบำรุงไตการใช้น้ำร้อนแช่เท้านั้นไม่เพียงแต่จะบำรุงไต ยังช่วยขับความร้อนออกจากตับด้วยค่ะ ช่วยลดความดัน ช่วยให้อารมณ์ของเราสงบ และยังช่วยเรื่องการนอนให้หลับสบาย ถ้าหากหลังจากแช่เท้าแล้วได้นวดเท้าต่อ จะทำให้เลือดลมในร่างกายไหลเวียนได้ดีขึ้น อวัยวะภายในมีการปรับสมดุล แนะนำว่าหลังจากแช่เท้าแล้วไม่ควรทำกิจกรรมอื่นต่อ ให้เตรียมเข้านอนได้เลย จะทำให้การบำรุงไต ได้ผลมากยิ่งขึ้น ควรแช่เท้าเวลา 3 ทุ่ม เพราะจะช่วยให้นอนดีค่ะ4. ดื่มขิงเป็นประจำ เพื่อป้องกันหวัดแพทย์จีนจัดขิงเป็นพืชรสเผ็ดอุ่น มีฤทธิ์แก้หวัดเย็น ขับเหงื่อ บำรุงกระเพาะอาหาร แก้อาการคลื่นไส้อาเจียน ลดคอเลสเตอรอลที่สะสมในตับ และเส้นเลือด ชาวจีนทั่วไปจึงนิยมต้มขิงกับน้ำตาลอ้อย หรือน้ำตาลแดง เพื่อช่วยแก้หวัด ถ้าใช้ขิงสดปิดที่ขมับทั้งสองข้างจะช่วยแก้ปวดหัว หรือถ้าเอาขิงสดอมไว้ใต้ลิ้นจะช่วยแก้อาการกระวนกระวาย แก้คลื่นไส้อาเจียนได้ดีค่ะ5.ทานเนื้อสัตว์ให้น้อย ทานผักให้มาก ลดการเกิดไขมันอุดตันของเส้นเลือดเนื้อสัตว์ส่วนใหญ่ก็มากับไขมันทั้งนั้น มันแทรกอยู่ในอนูของเนื้อ ยิ่งลายพร้อยยิ่งอร่อย แต่หารู้ไม่ว่ายิ่งอร่อย ก็ยิ่งทำร้ายร่างกายมากขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นเราควรเลือกเนื้อที่ไม่ติดมัน หรือติดมันน้อยที่สุด และอย่าทานมากเกินไป ปริมาณที่จะเหมาะสมคือ เนื้อไม่ติดมันขนาดเท่าฝ่ามือ ให้ทานผักมากกว่าเนื้อสัตว์ จะช่วยย่อย และช่วยระบบขับถ่ายด้วยค่ะ6.ทำสมาธิก่อนนอน 10 - 15 นาที ช่วยลดอาการเวียนศีรษะการทำสมาธิก่อนนอน เป็นเรื่องที่ดี จะช่วยให้ระบบสมองของเรามีการเรียงตัวที่ดี ช่วยให้เราหลับได้ดีอีกด้วย และทำให้ตื่นเช้าขึ้นมาไม่เวียนศีรษะค่ะแต่ละวิธีไม่ยากเลยใช่ไหมคะ ลองค่อยๆปรับ เปลี่ยนไปด้วยกัน เพื่อสุขภาพที่ดีของเรานะคะ ^^ขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีดีจากคุณหมอตี้ค่ะ Facebook : ดร เยาวเกียรติ แพทย์จีน ฝังเข็มCollector by รุ่งโนรี ’Girl Music Travel Lover

album

0
0.8
1