หนูเป็นสาวสอง อายุ 18 ค่ะ เจอผู้ชายคนนึง เขามาจีบหนู คบกันได้เดือนนึง เขาบอกว่าจะพาไปเปิดตัวกับที่บ้าน แต่ที่บ้านเขาไม่โอเคกับสาวสอง เพราะแฟนเก่าของผู้ชายคนนี้เคยไปหลอกเค้ามา เค้าเลยบอกว่าขอเลิกกับหนูเพราะที่บ้านไม่โอเค

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

หนูเป็นสาวสอง อายุ 18 ค่ะ เจอผู้ชายคนนึง เขามาจีบหนู คบกันได้เดือนนึง เขาบอกว่าจะพาไปเปิดตัวกับที่บ้าน แต่ที่บ้านเขาไม่โอเคกับสาวสอง เพราะแฟนเก่าของผู้ชายคนนี้เคยไปหลอกเค้ามา เค้าเลยบอกว่าขอเลิกกับหนูเพราะที่บ้านไม่โอเค

11 ต.ค. 2024

หนูเป็นสาวสอง อายุ 18 ค่ะ เจอผู้ชายคนนึง เขามาจีบหนู คบกันได้เดือนนึง เขาบอกว่าจะพาไปเปิดตัวกับที่บ้าน

แต่ที่บ้านเขาไม่โอเคกับสาวสอง เพราะแฟนเก่าของผู้ชายคนนี้เคยไปหลอกเค้ามา

เค้าเลยบอกว่าขอเลิกกับหนูเพราะที่บ้านไม่โอเค หนูควรขออีกสัก 2 ปี แล้วกลับไปทักเขาดีไหมคะ?

            “คุณเนเน่ (นามสมมติ)” อายุ 18 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [8 ต.ค.67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาเราเป็น LGBTQ+ คบกับผู้ชายคนนึง เเต่พ่อเเม่แฟนไม่ชอบเราเลยต้องเลิกคุย ควรรอเขาดีมั้ย?

            โดย “คุณเนเน่ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ตอนนี้หนูทำงานเป็นเซลล์ ได้ไปเจอผู้ชายคนนึงในแอป ๆ นึง เขาอายุ 29-30 ปี คุยกันจนได้มาอยู่กัน อยู่กินกันมาด้วยกันอะไรเเบบนี้เหมือนแฟนคนนึง คบกันได้ซักพักไม่ถึงปี โดยส่วนตัวหนูเป็นสาวสอง ตอนแรกครอบครัวเขาไม่รู้ว่าเขาคบกับหนู มีวันนึงตัวผู้ชายเขาจะพาหนูไปพบกับครอบครัวเขา เขาก็ได้บอกกับพ่อเเม่เขาว่าจะพาเราไปหานะ เเล้วก็ได้โทรกลับมาหาเราบอกว่า พ่อแม่เขาไม่โอเคนะที่เราเป็นสาวสองอะไรเเบบนี้

            หนูต้องการอยู่กับเขาเเต่ตอนนี้เขาเลิกคุยกับหนูไปแล้วได้ประมาณครึ่งเดือน ก่อนหน้าที่จะเลิกกันเขาบอกว่าไม่อยากทิ้งหนูไปไหน ยังอยากอยู่กับหนู เเต่เหมือนเขาเลือกครอบครัว พ่อแม่เขาบอกว่าอายุก็ต่างกัน อายุเท่านี้จะไปทำงานอะไรได้ ดูเเลลูกเขายังไงได้ เเละเขาก็บอกว่าถึงเราคุยกันไปก็ไม่ได้คบกันอยู่ดี ซึ่งก่อนหน้านั้นลูกเขาเคยมีแฟนเป็นสาวสองมาก่อน เเต่เหมือนแบบไปหลอกลูกชายเขา หลอกเงิน หลอกอะไรเเบบนี้ ตัวเขาก็เลยไม่โอเคกับการที่ให้ลูกชายเขามีแฟนเป็นสาวสองอีกครั้ง เพราะกลัวเราจะไปหลอกเขาอีก

            หลังจากที่เลิกคุยกันก็มีการติดต่อกันนิดหน่อย ประมาณว่าทำอะไร เป็นยังไงบ้าง เเล้วเหมือนหนูจะทักไปหาเขาอีกเขาก็บอกว่าไม่อยากให้เราทักไปอีก กลัวลืมเราไม่ได้เเล้วก็ขอบล็อค หนูลืมเขาไม่ได้หรอกเพราะสำหรับหนูเขาเป็นผู้ชายที่ดีที่หนูเจอมา ถ้าเกิดคนเขารักเราจริงเขาจะทำทุกอย่างเพื่อเรา

            มันมีอยู่วันนึงรถพ่อของเขาเสียกลางทางด่วน เเล้วเหมือนเขาเงินไม่พอเลยทักมายืมเรา เราก็เลยโอนไปให้ทันที หนูก็อยากรู้ว่า เฮ้ย! เราก็อยากรู้ว่าเราก็เคยช่วยพ่อเธอนะ ทำไมเธอไม่ลองคุยกับเขาว่าเราก็มีข้อดีนะ ตอนนั้นโอนไป 2 ยอด เป็นยอดรวม 5,000 บาท ตอนนี้เขาก็โอนคืนเเล้วเเต่คืนไม่หมดยังเหลืออีกนิดหน่อย เเต่เราก็บอกว่าไม่เป็นไร เพราะตอนที่เขามาหาเราเขาพาไปเลี้ยงข้าวเงี้ย เราก็ไม่เคยออกเองซักบาท หนูว่าจะเริ่มต้นใหม่ พยายามคุยกับคนอื่นเเต่ก็ไม่มีใครดีเท่าเขา ก็เลยอยากปรึกษาดีเจทั้ง 3 คนว่าอีก 2 ปีบรรลุนิติภาวะเเล้ว หนูควรรอเขาอีกดีมั้ย?’

            โดยเริ่มที่ “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ต้องถามว่าการรอของเนทรมานรึเปล่า ถ้าเรายังไม่ได้เจอไปเจอใครใหม่ มันก็เป็นสิทธิ์ของเราที่จะอยู่ไปแบบนี้ รอเขาอยู่เงียบ ๆ เราสามารถใช้ชีวิตอยู่กับความฝันนี้ได้ ถ้าชีวิตมันไม่ทรมานมาก คนเรามันรอได้อยู่เเล้วเเต่อย่าไปรบกวนเขา เเล้วลองดูพอเราโตขึ้น มีงานมีการเป็นหลักเป็นฐานมากขึ้น บ้านเขาจะเปิดรับเราอย่างที่เราคิดมั้ย เเต่เตือนตัวเองนะว่าผลลัพธ์มันจะออกมายังไงก็ได้ เขาอาจจะยังไม่ได้ชอบเราเหมือนเดิม 2 ปีอาจจะสูญเปล่าก็ได้ ก็เตือนตัวเองนะว่ามีสิทธิ์ผิดหวัง’

            ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ’ไม่น่าลงทุนต่อ มีความสุ่มเสี่ยงที่จะไม่มีอะไรดีขึ้นในการรอ เพราะคบกันไม่ถึงเดือน ยังไม่มีความผูกพัน ยังไม่มีความรักเกิดขึ้นก่อตัวขึ้นมา การรอของเนเน่ถ้ามีความสุขก็รอไป เเต่คุณเเม่คิดว่าอย่าเอาใจไปเล่นทั้งใจเลยว่าจะรอผู้ชายคนนี้ ตามหาสิ่งที่ใช่สำหรับเรา อะไรที่ไม่ใช่เทได้นะ ไม่ใช่ไม่มีใครดีเท่าเขา เเค่เรายังไม่เจอ ช่วงเวลาสั้น ๆ มักจะหอมหวานเสมอมันยังไม่ใช่ ถ้าเริ่มต้นเเค่เนี้ยเเล้วเทเราอะ ไม่ต้องรอเขาไม่ได้ควรค่า’

            สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ’การที่เราคบกันไม่ถึงเดือนเเล้วเขาพาเราไปเปิดตัวกับพ่อเเม่ คิดว่ามันสมเหตุสมผลมั้ย อย่าลืมนะเขาบอกมาเเล้วว่าเขาเคยมีแฟนเป็นสาวสอง พ่อแม่เขาก็ไม่ชอบ คนปกติก็ยิ่งระวังตัวนะว่าอย่าเพิ่งให้พ่อแม่รู้ เขาอยู่กับหนู 2 คนสบาย ๆ ในห้องก็ได้ ไม่เห็นจำเป็นต้องให้พ่อแม่ตัดสินเลยอยู่ด้วยกันถ้าเขาชอบหนูรักหนู ลองนิ่ง ๆ คิดดูว่าสิ่งที่เขาทำมันสมเหตุสมผลหรือเปล่า ถ้าสิ่งที่เขาทำเป็นเรื่องจริง พี่ว่ามันก็ยากมากเหลือเกินที่หนูจะไปทำให้เขาไม่ชอบ ในเมื่อเราเกิดมาแบบนี้อ่ะ หนูอายุเท่านี้หนูมีความสุขกับชีวิตดีกว่า หนูควรจะเจอคนที่น่ารักกับหนูอ่ะ ยุคนี้มีพ่อแม่มากมายที่เขาโอเคที่ลูกเขาจะมีแฟนเป็นสาวสอง’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

คบสามีมา 15 ปี มีลูก 2 คน ช่วงที่เรามีหนี้ สามีลากกระเป๋าออกบ้านไปเลย สุดท้ายมีผู้หญิงอีกคน สามีบอก "เธอต้องยอมรับนะ ถ้าเธอไม่มีหนี้วันนั้น ฉันคงไม่เจออีกคนหรอก" ตอนนี้สามีอยากกลับมาหาเรา แต่ผู้หญิงคนนั้นโทรมา...

15 มี.ค. 2024

คบสามีมา 15 ปี มีลูก 2 คน ช่วงที่เรามีหนี้ สามีลากกระเป๋าออกบ้านไปเลย สุดท้ายมีผู้หญิงอีกคน สามีบอก "เธอต้องยอมรับนะ ถ้าเธอไม่มีหนี้วันนั้น ฉันคงไม่เจออีกคนหรอก" ตอนนี้สามีอยากกลับมาหาเรา แต่ผู้หญิงคนนั้นโทรมา...

คบสามีมา 15 ปี มีลูก 2 คน ช่วงที่เรามีหนี้ สามีลากกระเป๋าออกบ้านไปเลยสุดท้ายมีผู้หญิงอีกคน สามีบอก "เธอต้องยอมรับนะ ถ้าเธอไม่มีหนี้วันนั้น ฉันคงไม่เจออีกคนหรอก"ตอนนี้สามีอยากกลับมาหาเรา แต่ผู้หญิงคนนั้นโทรมา"ตอนสามีพี่อยู่กับหนูเขาก็พูดถึงแต่พี่" ขออยู่กัน 3 คนผัวเมีย “คุณเค(นามสมมติ)” อายุ 32 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (13 มี.ค. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาความสัมพันธ์กับแฟน โดย ​“คุณเค(นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูใช้ชีวิตอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งมา 15 ปี เราเป็นแฟนกันตั้งแต่หนูอายุ 17 ปี มีลูกด้วยกัน 2 คน ตลอดเวลา 15 ปี เราก็ใช้ชีวิตของเรา มีปัญหามากมายเข้ามา เขาก็ทะเลาะวิวาท ไปติดคุก เราก็รอเขาอยู่ 3 - 4 ปี จนเดินทางมาถึงเดือนตุลาคม - พฤศจิกายนปลายปีที่แล้ว หนูมีปัญหาเรื่องหนี้สิน บริหารการเงินผิดพลาด มันมาจากหนี้ก้อนเล็ก ๆ เหมือนเรายืมเงินจากเจ้านี้ไปจ่ายเจ้านู้น ก็เลยกลับกลายเป็นงูกินหาง แล้วทีนี้เขาก็มีการถามหนู แต่หนูบอกเขาไม่หมด จนวันหนึ่งเขามารู้ความจริง หนูก็คิดว่าเขาน่าจะช่วยหนูแหละ แต่เขากลับเก็บเงินทุกบาททุกสตางค์ที่มีในบ้านออกไป แต่การไปของเขาคือ เรายังไปมาหาสู่กัน ยังมารับไปกินข้าว ไปนอนด้วยกัน เราก็ไม่ได้เลิกขาดแต่เราแค่ห่างกัน แล้วเขาก็บอกหนูตลอดว่า เนี่ยเธอก็ไปจัดการของเธอให้เสร็จนะ แล้วเดี๋ยวเราก็กลับมาอยู่ด้วยกัน เป็นครอบครัวเดียวกัน วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2553 เราตกลงเป็นแฟนกัน จนมาถึงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 วันนั้นหนูรู้สึกไม่อยากไปทำงาน เลยโทรไปถามเขาว่า อยู่ห้องหรือเปล่า? ด้วยความที่เขาออกจากบ้านไปเช่าห้องอยู่ เขาก็บอกว่า ไม่ได้อยู่ห้อง หนูก็บอกว่า ไม่อยู่ก็ไม่เป็นไร แต่ไม่ต้องล็อคห้องนะ เดี๋ยวจะไปนอน เขาบอกว่า ไม่ต้องมา ออกมาแล้ว ซึ่งหนูก็รู้สึกว่ามันต้องมีอะไรสักอย่าง หนูก็ไปถึงปุ๊บ เห็นรถเขาจอดอยู่ หนูก็เลยไลน์ไปถามอีกว่า อยู่ห้องหรือเปล่า? เขาบอกว่า ไม่อยู่ ออกมาแล้ว หนูก็เลยถามตัวเองว่า ยอมรับได้หรือเปล่าถ้าต้องเจออะไร ก็เลยเลือกที่จะรออยู่ตรงนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง แต่ก็คิดในใจว่าขึ้นไปดีกว่า แล้วหลังจากนั้นทุกอย่างก็เหมือนในหนังเลย พอหนูผลักประตูเข้าไปในตัวอาคาร เขาเดินลงมาด้วยกัน 2 คนจากบันไดขั้นสุดท้ายพอดี พอเขาเห็นหนู เขาดึงมือผู้หญิงคนนั้นไว้ข้างหลังเขา หนูก็เลือกที่จะไม่พูด ไม่ถามอะไรสักคำ แล้วเดินหันหลังมาเลย หนูได้แต่บอกตัวเองว่ามันจบแล้ว และหนูก็ไม่ติดต่อเขาไปอีก จนวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เขาไลน์มาว่า เธอพรุ่งนี้วันวาเลนไทน์นะ อยากได้อะไรหรือเปล่า? เขาอยากให้หนูเป็นครั้งสุดท้าย หนูก็ตอบไปว่า ไม่อยากได้อะไรเลย เพราะสิ่งที่ขอ ได้ขอไปหมดแล้ว ไม่เอาแล้ว เขาก็บอกว่า งั้นดูแลตัวเองดี ๆ แล้วกัน หนูก็มาเริ่มต้นชีวิตใหม่ เช่าห้องเล็ก ๆ อยู่คนเดียว เพราะบางวันเราเลิกงานดึก เผื่อไม่ต้องกลับบ้าน ส่วนลูกอยู่กับพ่อ-แม่ของหนู วันที่ 17-18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พอหนูขับรถจากที่ทำงานมาถึงหอพัก รถเขาก็จอดอยู่ หนูก็ตกใจว่าเขามาได้ยังไง เขาก็บอกว่า ทุกวันเขาไปแอบดูหนูที่ทำงาน แล้วก็สะกดรอยตามจนรู้ว่าหนูอยู่ที่นี่ ตลอดเวลาตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เขาพูดตลอดว่า ขอเวลาได้ไหม สัญญาด้วยชีวิตว่าวันหนึ่งจะกลับมา ขอโอกาสได้ไหม? ซึ่งหนูก็บอกเขาไปว่า ให้เวลาได้แต่ไม่นานพอถึงกับไม่มีกำหนด แล้วมันคาราคาซังแบบนี้ตลอดเวลา ทุกครั้งที่เขามาหาหนู เขาก็จะพูดแบบนี้ ซึ่งหนูไม่อยากจะเชื่อในคำพูดเขาแล้ว เพราะการกระทำของเขามันทำให้เห็นชัดแล้วว่า เขาไม่กลับมาหรอก... แต่ด้วยความที่เราอยู่ด้วยกันมานาน ทุกครั้งที่เขาจะมา เหมือนเราใจอ่อนปล่อยให้เขามา ทุกครั้งที่หนูเริ่มที่จะอยู่ได้ พอเขามาหนูต้องเริ่มต้นใหม่อีก แต่หนูก็ได้บอกสิ่งที่ต้องการกับเขาไปแล้วว่า ถ้าคุณจะไป คุณไปจากเราได้เลย ไม่ต้องหันหลังกลับมา ซึ่งเขาก็บอกว่า เขารู้แค่ว่าเขาไม่มีวันทิ้งหนู เขาไปจากหนูไม่ได้ เขาไปอยู่กับผู้หญิงคนนั้น แต่เขาก็คิดถึงหนู แต่หนูบอกว่า ไม่เป็นไร ถ้าจะไปคุณไปให้สุดเลย แต่ถ้าวันหนึ่งคุณอยากกลับมา คุณต้องมาแบบ 100% เขาก็บอกว่า ขอได้ไหมอย่าเป็นแบบนี้ ช่วยยอมรับหน่อยได้ไหมว่ามันเป็นความผิดของหนู ถ้าวันนั้นหนูไม่เป็นหนี้ ไม่มีปัญหาชีวิตแบบนั้น เขาก็ไม่ออกจากบ้านมาหรอก เราก็มีความสุขกันดี แต่วันนี้ที่เขาไปมีคนอื่นมันเป็นเพราะหนู ในเรื่องของความเป็นพ่อ เขาก็เป็นพ่อที่ดีในระดับหนึ่ง เขาส่งเงินมาให้ตลอดทุกอาทิตย์ แต่ตอนที่ลูกอยู่กับพ่อ-แม่ของหนู เราก็ไม่ได้ห่างกัน เพราะบ้านเราอยู่ตรงข้ามกัน เมื่อก่อนเราทำงานกลางคืน ช่วงกลางวันลูกจะอยู่กับเรา เราจะไปส่งลูกที่โรงเรียน ไปรับลูกมาอยู่ด้วยกัน พอถึงเวลานอนแค่นั้นที่จะให้อยู่กับตายาย หลังจากนั้นเขาก็บอกว่า เขาเลิกกับผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ เขายอมรับว่ารักผู้หญิงคนนั้น แต่รักหนูมากกว่า วันที่หนูจับได้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ทางผู้หญิงคนนั้นโทรมาหาหนูว่า พี่จะเอายังไง? หนูก็บอกว่า พี่ต้องเอาสามีพี่คืนสิ เขาก็บอกว่า ไม่ให้ ก็นี่จะเอาเหมือนกัน หนูก็บอกว่า พี่ก็ไม่อยากแย่งผู้ชายกับใครนะ แม้ผู้ชายคนนี้จะเป็นสามีพี่ก็ตาม ถ้าหนูจะเอาก็เอาไปเถอะ จนเมื่อประมาณอาทิตย์ที่แล้ว ผู้หญิงคนนั้นได้โทรมาหาหนูและถามว่า พี่คิดว่าเราจะใช้ชีวิตกันแบบ 3 คนได้ไหม เพราะเขาก็ยังคิดถึงพี่ พี่จะรับได้ไหม? หนูก็บอกว่า รับไม่ได้ ไปอยู่กันเถอะ หนูอยากถามว่า หนูจะทำยังไง ให้ตัวเองเด็ดขาดที่ไม่ให้เขามาหาอีก? ซึ่ง “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ไม่มีวันทำได้ ไม่ต้องพยายาม หนูเฝ้าบอกทั้งตัวเองและพวกพี่ทั้ง 3 คนว่าหนูทำใจได้ แต่ในความเป็นจริงหนูไม่มีวันทำได้ ถ้าทำได้มันทำไปแล้ว และปลายทางที่ยังบอกเขาว่า ถ้าเธอจะกลับมาเมื่อไหร่ เธอต้องกลับมา 100% นะ แค่คำนี้ก็บอกแล้วว่าต่อให้เขาไปเลวระยำตำบอนที่ไหน กลับมาได้ทุกเมื่อ สำหรับเคก็ยอมผู้ชายคนนี้ไปทั้งชีวิตแล้ว ไม่มีวันที่เคจะต่อต้านอะไรเขาได้ เพราะลึก ๆ แล้วจิตใต้สำนึกเคไม่ได้จะต่อต้านเขา จริง ๆ วิธีการที่เราจะตัดใครสักคน ไม่มีอะไรซับซ้อนไปกว่าก็ตัดให้มันเด็ดขาด แต่สุดท้ายเราฟังออกว่า ใครที่มีความเด็ดเดี่ยวที่จะตัดจริง ๆ กับใครที่ไม่มีวันตัดได้ คือถ้าคนที่บอกว่าตัวเองเด็ดขาด มันจะไม่รับโทรศัพท์ด้วยซ้ำ ไม่ว่าเขาจะขอกลับมาด้วยรูปแบบไหน เขาจะไม่มีวันได้กลับมา แต่ตอนนี้กับเคมันไม่ใช่ วัดจากอายุเขาอยู่กับเรามาครึ่งชีวิต แต่เขาคือส่วนที่เลวร้ายของชีวิต ถ้าเป็นร่างกายเขาก็อาจจะไม่ต่างอะไรกับเนื้อร้าย วันหนึ่งอยู่ดี ๆ ก็มีคนเอาก้อนเนื้อร้ายนั้นออกไป แต่เราเองนี่แหละที่พยายามแย่งชิงเนื้อร้ายกลับมา มันแค่นี้เอง โดยที่เราคิดว่านี่คือแฟนคนแรกที่อยู่กับเรามาครึ่งชีวิต แต่เราไม่ได้คิดว่าชีวิตฉันแย่มาครึ่งชีวิตแล้ว คำว่าครอบครัวที่สมบูรณ์ไม่จำเป็นต้องครบพ่อ แม่ ลูก 3 คน จำนวนของคนครอบครัวที่น้อยที่สุดคือ 2 คน ตอนนี้โรงเรียนเขาสอนเด็กทุกคนแบบนี้ หลาย ๆ ครอบครัวเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์เมื่อมีใครสักคนออกไป ลองเปลี่ยนความคิดนี้ดูใหม่ ค่อย ๆ ทำความเข้าใจกับมัน แล้วตอบตัวเองให้ได้ว่าอะไรดีหรือไม่ดีกับชีวิต ครอบครัว และลูกของตัวเอง ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘ช่วยยังไงในเมื่อปากเคยังบอกให้เขาเข้ามา พวกพี่จะทำอะไรได้ แย่งเขากลับมายังง่ายกว่าเลย เพราะผู้หญิงคนนั้นเขาเริ่มลังเลแล้วว่า ผู้ชายอยู่กับเรายังบอกคิดถึงเมียเก่า แต่สิ่งที่แย่งชิงคือ แย่งขยะกันอยู่ไง ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่สบายใจหรอก โยนกันไป โยนกันมา ขยะติดมือใครคนนั้นก็เหม็นแค่นั้นเอง แล้วก็ผู้ชายที่มีคนอื่น มีโลกสองใบ ยังจะโยนความผิดให้กูอีก เพราะว่ากูเป็นหนี้ถึงทำให้มึงมีเมียน้อยมันใช่ไหมล่ะ ตอนนี้พี่ก็เหลือแค่งัดปากเคขึ้นมาบอกว่า ไม่ให้มา ปากเคเป็นคนพูดเอง เคต้องรู้จักปฏิเสธ และขอย้ำเลยว่า ครอบครัวที่สมบูรณ์ไม่ใช่พ่อ แม่ ลูกเท่านั้น ครอบครัวที่สมบูรณ์คือ การดูแลเด็กคนนี้ด้วยความรัก ความสุข ด้วยกำลังแรงกายแรงใจทั้งหมดที่เธอมี ซึ่งวันนี้เธอจะเอาความสุขไปดูแลลูกไม่ได้เลย ถ้าชีวิตเธอยังไม่มีความสุข ผู้ชายคนนี้อยู่ในชีวิต ต่อให้มันไปมีเมียน้อยก็ไม่มีความสุข กลับมาก็ไม่มีความสุข ให้ผู้คนหญิงคนนั้นไป เด็ดเดี่ยวในการพูดว่า ไม่ แล้วบล็อก ต่อไปนี้อย่ามายุ่งกับฉัน เธอไม่ได้ดีพอที่จะเป็นสามีที่ดีและพ่อของลูกฉัน ณ วันนี้ทำหน้าที่พ่อไป เพราะหน้าที่สามีสิ้นสุดตั้งแต่มีผู้หญิงคนนั้นแล้ว สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘สิ่งที่พูดมันอาจจะทำร้ายความรู้สึกหนู แต่ว่าพี่อยากให้หนูมีชีวิตที่ดีกว่านี้ คำถามที่หนูถามว่า ทำยังไงถึงจะหลุดพ้นจากเรื่องนี้ได้ พี่ก็จะบอกว่า ทำให้ได้อย่างที่หนูพูดกับพวกพี่ทั้งหมดตั้งแต่ต้นรายการ ถ้าหนูจำไม่ได้หนูไปเปิดฟังอีกทีก็ได้ เอาจริง ๆ หนูเป็นคนฉลาด หนูพูดเหมือนหนูรู้ทุกอย่างว่าสามีคนนี้เป็นคนแบบไหน หนูแค่ต้องทำให้ได้อย่างที่หนูรู้ด้วยการใช้สมอง เพราะพี่รู้สึกว่าทุกครั้งเวลาที่เขากลับมา หนูจะใช้ความรู้สึกอย่างเดียวเลยว่า หนูขาดเขาไม่ได้ แต่ถ้าหนูใช้สมองตามที่หนูคิด อย่างที่พูดกับพวกพี่มาทั้งหมด หนูจะบอกกับตัวเองได้ทันทีว่า หนูจะไม่ปล่อยให้คนนี้กลับเข้ามาในชีวิตเป็นอันขาด มันยากพี่เข้าใจ แต่ถ้าเราใช้เหตุผลคุยกับตัวเอง พี่ว่าหนูจะผ่านมันไปได้ การที่เขาอยู่กับเรามาตลอดครึ่งชีวิต แล้วเขาทำกับเราแบบนี้ มันยิ่งชัดเจนเหลือเกินว่า คนนี้ไม่มีค่าอะไรเลยที่เราจะต้องรักษาเอาไว้ อยากให้กลับไปฟังสิ่งที่ตัวเองพูดทั้งหมด แล้วทุกครั้งถ้าเขาจะกลับมาก็เปิดสิ่งที่พูดให้พวกพี่ฟังก็ได้ และเราเป็นคนเลือกได้นะเค ไม่ใช่เขาเป็นคนเลือก ว่าจะกลับหรือไม่กลับมาในชีวิตเรา มันเป็นสิทธิ์ของเรา เหมือนที่เขาเลือกชีวิตของเขาที่จะทิ้งเราไปและมีผู้หญิงคนอื่น...เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

โดนเพื่อนร่วมงานเกลียดตั้งแต่ยังไม่เริ่มงาน! เพราะเขาไปถาม HR ว่าเราเริ่มงานด้วยเรทที่สูงกว่าคนในแผนก ทำงานดีจนตอนนี้ผ่านโปรตั้งแต่ 2 เดือนครึ่ง ยิ่งโดนแซะหนักกว่าเดิม จะรับมือยังไงดี?

04 ธ.ค. 2023

โดนเพื่อนร่วมงานเกลียดตั้งแต่ยังไม่เริ่มงาน! เพราะเขาไปถาม HR ว่าเราเริ่มงานด้วยเรทที่สูงกว่าคนในแผนก ทำงานดีจนตอนนี้ผ่านโปรตั้งแต่ 2 เดือนครึ่ง ยิ่งโดนแซะหนักกว่าเดิม จะรับมือยังไงดี?

“คุณปาย (นามสมมติ)” อายุ 26 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (29 พ.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม ว่าถูกเพื่อนร่วมงานไม่ชอบหน้า ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาทำงาน จนตอนนี้สถานการณ์เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ โดย “คุณปาย (นามสมมติ)” ได้เริ่มเล่าว่า ‘วันแรกที่เราเข้ามาทำงาน ก็มีพี่ในทีมมาเล่าให้ฟังว่า รุ่นพี่ที่ทำงานจับกลุ่มเม้าส์เรา ไม่ชอบเราตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มงาน เพราะรู้ว่าเงินเดือนเราสูงกว่าพวกเขา เพราะก่อนที่เราจะเข้ามาทำงานที่นี่ พวกรุ่นพี่ไปถามกับฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) เกี่ยวกับเรื่องเงินเดือนของเรา มันจึงเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวทั้งหมด เพราะเงินเดือนเราสูงเทียบเท่ากับเขาที่ต้องทำงานถึง 3 ปีจึงจะมีเงินเดือนเท่าเรา เรายังรู้สึกไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องจับกลุ่มเม้าส์เรา ทั้งที่เราก็มีวุฒิการศึกษา และประสบการณ์การทำงานมาก่อน ตอนยื่นใบเสนอเงินเดือนกับทางหัวหน้างาน ก็เป็นที่น่าพอใจทั้งสองฝ่าย เราจึงไม่เข้าใจว่าทำไมจึงเป็นที่จับตามองของรุ่นพี่ที่ทำงาน ในช่วงแรก ๆ พี่ในทีมก็คอยมาบอกข่าวตลอด เราก็ทำงานมาเรื่อย ๆ จนเราก็ทำมาได้สักระยะประมาณสองเดือนครึ่ง หัวหน้าก็แจ้งว่าเราน่าจะผ่านโปรได้แล้ว จนเรื่องนี้ก็เป็นที่น่าจับตามองของพวกรุ่นพี่อีกครั้งเพราะคนส่วนใหญ่ไม่มีใครผ่านโปรเร็วขนาดนี้ บางคนก็ต้องยืดระยะเวลาออกไปอีกถึงจะผ่านโปร ช่วงแรก ๆ ก็มีพี่ในทีมก็คอยถามไถ่เราบ้าง เราก็คิดว่าเขาหวังดี จนเราเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาแฟน แฟนก็คอยเตือนเราว่าที่เขาเข้ามา เขาเข้ามาเพราะหวังดีจริงมั๊ย หรือเพราะผลประโยชน์อื่น เราก็ตอบแฟนตลอดว่า “ ไม่รู้สิ ไม่ได้คิดอะไร ” แฟนก็มักจะเตือนว่านิสัยของแต่ละคนเป็นอย่างไรบ้าง แต่พี่ในทีมคนนี้ก็จะบอกเราตลอดว่าเราโดนนินทาในกลุ่มว่าเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ ไม่ชอบเราต่าง ๆ นา ๆ ทั้ง ๆ ที่เราก็ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อนสักครั้ง ตอนนี้เราก็ทำงานที่นี่มาเข้าเดือนที่ 6 แล้ว สถานการณ์ก็เริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ เรารู้สึกว่าต่อหน้าทำอีกอย่าง แต่ลับหลังเรารู้ว่าเขาชอบนินทาเรา วันนึงหัวหน้ามอบหมายงานให้เรารับผิดชอบ พอเราทำงานชิ้นนี้เสร็จ มันก็เป็นที่น่าพอใจของหัวหน้า จนหัวหน้าเรียกทุกคนมารวมกัน และบอกว่างานของเราดีมาก อยากให้เอาเป็นแบบอย่าง จนคนในบริษัทบอกเราจะทำงานนี้ทำไม ทำให้คนอื่นดูไม่ดี เขาก็ชอบพูดเหน็บแนมเราตลอด “ถ้าคิดว่าเก่งมากก็มาทำแทนเลย เดี๋ยวจะลาออกให้” จนตอนนี้พี่ในทีมที่เคยเตือนเราก็ย้ายฝั่งไปอยู่ฝั่งนู้นแล้วเพราะเราก็เคยมีปัญหากัน เพราะเขาชอบพูดให้เราดูผิด จนเราขึ้นเสียงใส่เขาเพื่ออธิบาย เขาเลยไม่มาคุยกับเราอีกเลย จนตอนนี้เราก็ไม่มีเพื่อนคบเลยในที่ทำงาน หลังจากที่เราทะเลาะกับพี่ในทีมไปตอนนั้น ถึงตอนนี้ทุกคนในทีมเราก็เริ่มตีตัวออกห่างจากเรา พยายามไม่คุยกับเรา และเริ่มมาเยอะกับเรามากขึ้น จากงานที่เคยส่งมาแล้วผ่านตลอด แต่รอบนี้กลับกลายเป็นว่าไม่ผ่าน ทั้ง ๆ ที่เราก็ทำเหมือนเดิมตลอด เขาให้คำตอบแค่ว่า “ไม่ได้ มันไม่ได้” จนเราเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาหัวหน้าเขาก็บอกแค่ว่าทีมน่าจะลืมบอก เราเลยตัดสินใจกลับไปคุยกับทีมว่าถ้างานพลาด ให้รีบแจ้งเราเลยได้มั๊ย เรายินดีที่จะแก้ แต่ในระหว่างที่เรากำลังเจรจากับพี่ ๆ ในทีม เราก็รู้สึกว่าบรรยากาศก็ไม่ได้ชวนอยู่สักเท่าไหร่ ก็เลยแอบบันทึกเสียงในมือถือ ก่อนจะเดินออกไปเพราะเราอยากรู้ว่าเขาคุยกันเกี่ยวกับเรายังไง ปรากฏว่าสิ่งที่เขาคุยกันคือบอกว่า “เราขี้เกียจ ขึ้เกียจก็คือขี้เกียจ อย่าไปเล่นละครตบตาหัวหน้าว่าตัวเองขยัน” จริง ๆ เราก็อยากจะหักหน้าเขาเหมือนกันว่าอยากให้ทำได้เหมือนเรา ไม่ใช่ให้เราทำได้คนเดียว ตอนนี้เรารู้สึกอึดอัดที่เพื่อนร่วมงานชอบพูดเหน็บแนมข้ามหัวกันไปมา ไม่ต้องเป็นเพื่อนร่วมกันที่ดีกันก็ได้ แต่ขอทำงานโดยที่ไม่ต้องมาจิกกัดเราแบบนี้ เราอยากรู้วิธีการรับมือ เพราะเราไม่ได้สนใจเรื่องนินทาเราแล้ว แต่บางทีได้ยินมันก็รู้สึกโมโห เพราะเราไม่ได้ลาออกจากที่นี่ อยากทำงานที่นี่ เพราะงานมันโอเคกับเราแล้ว ซึ่ง “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่าถ้าเราไม่อยากได้ยินเสียงไหน เรามีวธีการจัดการกับมันอยู่ สำหรับพี่คงเลือกวิธีไม่กี่วิธี อย่างเช่น 1. คิดซะว่าหมาเห่าอยู่ตรงนั้น หรือว่าเช้า ๆ เสียงนกอีแร้งมาร้องอยู่ข้างบ้านไม่หยุด หาอะไรมาอุดหูซะ แก้ที่เรา 2. แก้ที่ความคิดของเรา ลองไม่สนใจเสียงเหล่านั้น ลองคิดซะว่าเป็นเสียงนกเสียงกา สุดท้ายแล้วพี่ค้นพบว่าเราไปอุดปากนกไม่ได้ อุดปากหมาที่มันเห่าไม่ได้ แต่ว่าเราอยู่ที่วิธีคิดเรามากกว่า ทำไปตามความสบายใจของเรา ความเป็นมืออาชีพของเรา เสียงด่าทอพี่เข้าใจนะว่ามันน่าลำคาญ แต่ว่าถ้าเทียบกันแล้วพี่อยากให้ปายอยู่มากกว่า แล้วให้พวกนั้นลาออก ทำงานให้เป็นมืออาชีพต่อไป ถ้าสุดท้ายมันมีอะไรตัดขัดเกี่ยวกับเรื่องงานก็บอกหัวหน้าว่าเราทำเต็มที่แล้ว เอาจริง ๆ ทางเลือกตอนนี้มันก็มีไม่มากก็คือ 1. ทนอยู่ต่อ 2. ลาออกไปเลย เพราะฉนั้นไม่ต้องใส่ใจ การจะรุ่งเรือง บางทีมันต้องมีอุปสรรคบ้าง เราทำงานให้หัวหน้าเห็น ให้บริษัทเห็น เป้าหมายเราคือตรงนั้น ระหว่างทางอย่าไปใส่ใจ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เพราะว่าปายรักงานนี้ ปายอยากทำงานนี้ เพราะปายเห็นความเจริญเติบโตของมัน และปายก็ยังมีเจ้านายที่พี่เชื่อว่าเขาก็อยู่ทีมปายนะ เพราะฉะนั้นพี่ว่าปายต้องอดทน อย่างที่พี่เผือกบอกว่าเห็นพวกเขาเป็นอุปสรรคขวากหนามที่จะขัดขวางให้เราไปถึงเป้าหมาย ซึ่งมันก็เป็นเป้าหมายของปายที่ชัดเจนด้วยนะ ซึ่งต่างจากพวกเขาที่ไม่มีแต่อนาคตเลย ถ้าหัวหน้าปายมีคุณสมบัติมากพอ วันนึงเขาก็จะเห็นสิ่งที่พวกนั่นทำเอง และคงจะตัดสินใจทำอะไรสักอย่างแน่นอน ซึ่งตอนนี้หัวฟน้าเขาก็รับรู้แล้วแหละว่าเพื่อนร่วมงานไม่ชอบเรา เขาก็ดูมีเป้าหมทยที่ชัดเจนให้ปายนะ ว่าปายมาที่บริษัทเพื่อทำงาน ไม่ได้มาหาเพื่อน ซึ่งปายไม่จำเป็นต้องสนใจด้วยซ้ำ หรือถ้าเราไม่ไหวกับเพื่อนร่วมงานพวกนั้นแล้ว เพราะมันส่งผลกับงาน พี่ว่าก็เปิดใจคุยกับหัวหน้าได้นะ เดี๋ยวหัวหน้าก็ต้องจัดการปัญหาตรงนี้เอง ปายสามารถรายงานปัญหาได้เลย ส่วนเสียงนกเสียงกาเล่านั้น วันนี้พี่จะให้ไป 2 ทางเลือกคือ 1. พยายามไม่สนใจ ไม่เก็บมาใส่ใจ เพราะเราต้องเข้าใจว่าพวกเขาเป็นแบบนั้น หมาคือหมา จะไปห้ามหมาให้มันเห่าไม่ได้ พี่เข้าใจแหละว่ามันยาก พี่ไม่รู้หรอกนะว่าปายนิสัยยังไง แต่ถ้าเป็นพี่วันนึงถ้าทนไม่ไหว พี่จะหันไปแล้วพูดกับเขาเลยว่า ไม่ได้ให้มาชอบ ไม่ได้ให้มารัก ไม่ต้องมาเอ็นดูอะไรทั้งสิ้น เกลียดหรือด่าได้เลย แต่อย่ากระทบงาน ถ้ากระทบงานเมื่อไหร่ฟาดทันที! แต่ตอนี้เราก็ต้องทำได้แค่ทน ถ้าถึงเป้าหมายเมื่อไหร่ คนเหล่านั้นก็แค่วุ้น หรือเป็นแค่จุลินทรีย์เท่านั้นแหละ เพราะพี่เชื่อว่าถ้ามารไม่มี บารมีไม่เกิด ปิดจบที่ “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ เราต้องเก็บหลักฐาน แล้วพร้อมต่อสู้ ปายต้องไม่ทนไปตลอด ไม่งั้นสภาพจิตปายเสียแน่นอน พวกนั้นต้องแบ่งไปบ้าง แต่ตัวแรง ๆ ไปเลย ให้รู้ว่าเราพร้อมบวก! อีกอย่างทำทีว่าคุยโทรศัพท์ให้พวกมันได้ยินไปเลยให้รู้ว่าเราสายตบ มัสันดานดิบที่ร้ายแรง! พี่ว่าทุกคนก็พูดมาหมดแล้วแหละ ซึ่งพี่ก็เห็นด้วยหมดเลย แต่ถ้าถึงจุดที่มันกระทบกับงานเมื่อไหร่ ให้ไปฟ้องเจ้านายแล้วเรียกคุยเลยทั้งห้อง แล้วบอกสาเหตุทุกอย่างไปว่าเกิดอะไรขึ้น และเหตุผลของเราว่าแค่ต้องการชีวิตการทำงานที่พาไปสู่เป้าหมายการทำงาน เรื่องส่วนตัวพวกเขาก็ควรที่จะเก็บไว้ในใจบ้าง ไม่ต้องฟ่นออกมา เพราะอาจจะทำให้เรา Toxic เพราะบริษัทไหนก็ตามที่ไม่ดูแลคนดี สักวันหนึ่งคนดีทั้งหมดก็จะลาออกหมด แล้วมันจะเหลือแต่พวก Toxic หรืออีกอย่างน้องก็พูดกับเขาไปตรง ๆ ไปเลยว่าการกระทำพวกพวกเขาเหล่านี้มัน Toxic จนทำให้เราหมดกำลังใจทำงาน เรามาทำงานในบริษัทนี้ก็เพราะอยากให้บริษัทมันเติบโต ตอนนแรกเราโคตรมีไฟเลย แต่ตอนนี้เราโคตรหมดไฟเลย เราทนเรื่องนี้มาสักพักนึงแล้ว แต่ก่อนที่เราจะพูดอย่างนั้น ปายก็ต้องมีหลักฐานนะว่าคนพวกนี้ทำให้งานของเราไม่ก้าวหน้า ให้เขารู้สึกว่าอารมณ์เราถึงที่สุดแล้วถึงออกมาพูดแบบนี้’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

มีพี่ที่ทำงานของแฟนคนนึง ชอบทำตัวสนิทสนม ไปรับไปส่งแฟนหนูตลอด เคยไปกินข้าวด้วยกัน พี่เขาก็เล่าว่า พี่เขาเคยนอกใจมาแล้วด้วย แล้วเค้าก็เคยพูดกับหนู “อะไรมันก็ไม่แน่ไม่นอนนะน้อง ระวังด้วยอยู่ที่ทำงาน แฟนน้องมีสาวๆเข้าหาเยอะ”

26 ก.ค. 2024

มีพี่ที่ทำงานของแฟนคนนึง ชอบทำตัวสนิทสนม ไปรับไปส่งแฟนหนูตลอด เคยไปกินข้าวด้วยกัน พี่เขาก็เล่าว่า พี่เขาเคยนอกใจมาแล้วด้วย แล้วเค้าก็เคยพูดกับหนู “อะไรมันก็ไม่แน่ไม่นอนนะน้อง ระวังด้วยอยู่ที่ทำงาน แฟนน้องมีสาวๆเข้าหาเยอะ”

“คุณเกรท (นามสมมติ)” อายุ 26 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ [24 ก.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาพี่ที่ทำงานชอบมาเกาะแกะแฟน โดย “คุณเกรท (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘พี่ที่ทำงานของแฟนชอบมายุ่งกันหนูและแฟนหนู คือหนูกับแฟนไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันแต่แฟนก็จะมาเล่าเรื่องราวแต่ละวันให้ฟัง หนูก็จะได้ยินถึงพี่คนนี้ตลอดชื่อ พี่พลอย (นามสมมติ) แต่เค้าอยู่คนละแผนกกัน คือเค้ากับแฟนหนูจะอยู่แก้งที่ไปกินเหล้ากัน แต่ตัวหนูอะไม่กิน หนูก็ไม่เคยไปยุ่งเลยเพราะมันก็คือความสุขของแฟน และตัวแฟนก็ไม่ได้ทำอะไรนอกลู่นอกทาง มีอะไรก็โทรหากันตลอด และแฟนหนูก็จะบอกว่าวันนี้พี่พลอยจะไปส่งที่บ้านนะ ทั้ง ๆ ที่บ้านอยู่ไกลกันมาก แต่แฟนเค้าก็บอกจะได้ประหยัด แต่มาหลัง ๆ เริ่มบ่อยขึ้น และในระหว่างที่อยู่บนรถแฟนหนูก็จะโทรคุยกับหนูตลอดทาง แล้วก็จะส่งสายให้พี่คนนี้คุยด้วย และอีกเหตุการณ์นึงคือ มีวันหนึ่งที่เค้ามาทำงานใกล้บ้านหนูกับแฟน แฟนก็เลยชวนหนูทานข้าวด้วยกัน ซึ่งตอนนั้นหนูก็ไม่ได้ระแคะระคายอะไร เพราะว่าแฟนชอบชวนหนูไปทำความรู้จักกับพี่ที่ทำงาน ซึ่งวันนั้นพี่พลอยมาคนเดียว หนูก็ชวนเค้าคุยไปเรื่อย ๆ อยู่ดี ๆ พี่เขาเริ่มมีอาการอวดรวยและใช้เงินนุ้นนี่นั่น ต้องบอกก่อนว่าแฟนหนูเหมือนเป็นที่จับจ้องของคนในบริษัท เพราะแฟนหนูจบนอกมา แต่ว่าเกรสกับแฟนรู้จักกันมาเป็น 10 ปีแล้ว เพราะเป็นเพื่อนกันมาก่อน ตัดกลับมาตอนที่กินข้าว จู่ ๆ พี่พลอยก็พูดกับหนูว่าตัวพี่เค้าเคยนอกใจแฟนเค้า แต่แฟนพี่พลอยรักพี่พลอยมากไม่ยอมเลิกขอร้องให้พี่พลอยอยู่ต่อ หนูก็เลยไม่รู้จะพูดอะไรต่อ และพอทานข้าวไปสักพักพี่พลอยก็บอกว่าจะแต่งงาน หนูก็บอกว่า “ยินดีด้วยค่ะ กับคนนี้รึป่าวคะที่นอกใจ” พี่เค้าก็บอกใช่แต่ว่าแฟนพี่เค้ารักพี่พลอยมาก หนูก็เลยพูดว่าเป็นหนูหนูไม่เอาแล้วนะ ถ้าแฟนหนูนอกใจ แล้วพี่พลอยเค้าคิดว่าหนูจะพูดว่า พี่ยอดเยี่ยมมาก เริสมาก แต่รีแอคชั่นหนูไปคนละทางเลย เพราะหนูเป็นคนตรง ๆ แล้วเหมือนพี่เค้าก็หน้าเสีย แต่หนูไม่ได้ตั้งใจหักหน้าเค้า จู่ ๆ เค้าก็พูดขึ้นมาว่า “เกรทต้องเผื่อใจไว้บ้างนะ อะไร ๆ มันไม่ได้เป็นเหมือนที่เราคิด” แล้วแฟนหนูก็หันมามองหน้าประมาณว่าอะไรวะเนี่ย จนตอนกลับบ้านด้วยความที่แฟนหนูเป็นคนไม่ขับรถและหนูจะเป็นคนขับ หนูเลยบอกเดี๋ยวให้แฟนกลับกับหนูเพราะบ้านเราใกล้กัน พี่คนนั้นก็หันมาหน้าเหวี่ยง ๆ และพูดว่า “ไม่กลับกับพี่หรอ” แฟนหนูก็แบบ “บ้าหรอ เกรทมาก็กลับกับเกรทสิ” และจากที่ก่อนหน้านี้ที่แฟนหนูเล่าคือพี่พลอยเค้าทำไมถึงคิดว่าแฟนหนูชอบเค้าตลอดเวลา มันมีเหตุการณ์ที่แฟนหนูไม่สามารถไปคุยกับเพื่อนผู้หญิงได้เลย หรือไปถามงานพูดคุยกับผู้หญิง พี่พลอยเค้าจะมีอารมณ์หึงหวง หนูไม่เคยบอกแฟนเลยว่าพี่คนนี้แปลก จนมีเหตุการณ์ที่ไปกินข้าวกันรอบ 2 คือหนูไปเข้าห้องน้ำแล้วเจอพี่เค้า พี่เค้ามองหนูผ่านกระจก แล้วพูดว่า “แฟนเราเนี่ยอยู่ที่ทำงานสาวเยอะนะ ระวังตัวไว้” หนูก็เลยมองกลับไปหน้ากระจกแต่ไม่พูดอะไรแค่ยิ้มไป แล้วหนูก็เดินออกไปเลย หนูเลยพูดกับแฟนว่าพี่คนนี้แปลก หลังจากที่หนูพูดแฟนหนูก็ไม่กลับกับพี่เค้าอีกเลย และไม่ไปกินข้าวกับพี่เค้าเลย ยกเว้นมีพี่คนอื่นที่สนิท หนูเลยอยากถามว่าหนูควรทำตัวกับเหตุการณ์นี้ยังไง เพราะการเกาะแกะของพี่เค้ามันน่ารำคาญ ซึ่ง “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘หนูไม่ต้องทำไรเลย หนูต้องให้แฟนหนูทำ เพราะว่าเค้ามาเป็นแมงวันแมงหวี่ได้เพราะแฟนหนูเป็นคนพาเค้ามาทั้งนั้นเลยนะ หนูรู้เรื่องเค้าเพราะแฟนมาเล่า หนูเจอเค้าเพราะแฟนพามา ถ้าพี่เป็นหนูพี่จะไม่ทำอะไร จะไม่ไปยืนด่าเค้าหน้าออฟฟิศ พี่จะให้แฟนหนูใจแข็ง ตัดบทเค้าออกไป พยายามเอาเค้าออกจากวงจรชีวิต เลิกไปส่ง เลิกไปกินข้าวด้วยกันบ่อย ๆ ต้องวางตัวว่าเราไม่โอเค และจะบอกให้แฟนเราไปบอกพี่เค้าว่าแฟนผมไม่ชอบ แฟนผมไม่โอเค พี่ต้องเลิกส่งข้อความส่วนตัวมาได้แล้ว’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เราต้องทำตัวให้สวยแพง และให้เค้ารู้ว่าเธอยังห่างฉันอีกไกล ไม่ใช่ลดตัวลงไปกับเค้า มารยาทบนโต๊ะอาหารสำคัญ เราไม่สามารถโพล่งออกไปตัดบทของเค้าในครั้งแรกที่เจอกัน พี่ไม่ได้รู้สึกว่ามันตรง แต่บางอย่างไม่ควรพูดออกไป ซึ่งเรื่องการนอกใจเค้าอาจจะอยากเปิดใจคุยกับเรา เราไม่จำเป็นต้องเลวร้ายใส่เค้า แต่เค้าก็มีส่วนผิดที่พูดเรื่องให้ระวังแฟน แต่พี่ไม่ต้องการให้หนูโต้กลับในระดับเดียวกับเค้า ต้องทำน่ารักให้รู้สึกว่าเธอเทียบฉันไม่ได้ อยู่สวย ๆ และให้แฟนจัดการ จากที่หนูเล่าว่าแฟนก็ส่งแชทมาให้ดู คือพี่คนนี้น่าจะประสาท เราก็ไม่ควรประสาทกลับ เราควรออกห่าง’ และสุดท้าย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่เห็นด้วยกับเติ้ล ว่าต้องดูพฤติกรรมของแฟน ไม่ต้องเอาตัวเข้าไปแลก มันอยู่ที่แฟนจะวางตัวยังไงมากกว่า ซึ่งก็ได้เห็นการพยายามวางตัวของแฟนนะ แต่ส่วนตัวพี่พี่ว่าทำได้เด็ดขาดกว่านั้น เช่นการปฏิเสธการตอบแชท แต่ตอนนี้แฟนหนูยังมีการรักษาน้ำใจอยู่ ถ้าเราไม่สบายใจก็สามารถคุยกับแฟนได้ ในเรื่องของการยกระดับการวางตัว หรือถ้าแค่นี้หนูสบายใจแล้วก็เป็นเรื่องของคู่หนู’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หัวหน้างานมาจีบหนูก่อน จากนั้นเราก็รู้สึกดี รู้ตัวอีกที สายปริศนาโทรมาที่ทำงาน เป็นภรรยาเขา หนูตกใจ เป็นมือที่สามไม่รู้ตัว เลยลาออก หัวหน้าลาออกด้วย หนูได้งานใหม่ แต่เขายังไม่ได้งาน ทักมาขอยืมเงิน 2-3 รอบ

27 ก.ย. 2024

หัวหน้างานมาจีบหนูก่อน จากนั้นเราก็รู้สึกดี รู้ตัวอีกที สายปริศนาโทรมาที่ทำงาน เป็นภรรยาเขา หนูตกใจ เป็นมือที่สามไม่รู้ตัว เลยลาออก หัวหน้าลาออกด้วย หนูได้งานใหม่ แต่เขายังไม่ได้งาน ทักมาขอยืมเงิน 2-3 รอบ

หัวหน้างานมาจีบหนูก่อน จากนั้นเราก็รู้สึกดี รู้ตัวอีกที สายปริศนาโทรมาที่ทำงานเป็นภรรยาเขา หนูตกใจ เป็นมือที่สามไม่รู้ตัว เลยลาออก หัวหน้าลาออกด้วย หนูได้งานใหม่แต่เขายังไม่ได้งาน ทักมาขอยืมเงิน 2-3 รอบ พอหนูทวงไป สองสามีภรรยานั้นบอกว่า "จะฟ้องหนูในฐานคบชู้" “คุณตาล (นามสมมติ)” อายุ 28 ปี สายที่ 2 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [25 ก.ย.67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาเพิ่งรู้ตัวว่าเป็นมือที่ 3 โดย “คุณตาล (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูมีแฟน ซึ่งฝ่ายชายเป็นหัวหน้าที่เคยทำงานอยู่ด้วยกัน เเล้วทีนี้เขาได้เข้ามาจีบ จีบกันไปมา ๆ ศึกษาดูใจกันประมาณ 2 เดือน ก็เลยตัดสินใจคบกับเขา ตอนนั้นยังไม่ได้ทราบว่าฝั่งผู้ชายมีภรรยาอยู่แล้ว เพราะเขาก็ประกาศปาว ๆ ที่ทำงานว่าโสด ไม่มีครอบครัวใด ๆ ทั้งสิ้น ตอนเเรกหนูไม่ทราบว่าเขาจดทะเบียนสมรส มารู้หลัง ๆ ก็คือตอนที่จะตัดความสัมพันธ์กับเขาเเบบจริงจัง เเล้วพอคบกับเขามาซักพักนึง เขาก็คุยเหมือนเรื่องจะไปออกรถกับบ้านเขา เขาก็กลับบ้านของเขาบ่อย ๆ เราก็ไม่ได้ติดใจอะไร เราก็ทำงานของเราอยู่ปกติ พอซักพักนึง มันมีสายโทรเข้ามาในระหว่างที่เขากลับมา พอผู้หญิงโทรเข้ามา เขาก็บอกว่า “ไม่รู้หรอว่าฝั่งผู้ชายเขามีครอบครัวอยู่เเล้ว” เราก็ช็อค เลยจะพยายามตัดความสัมพันธ์ตั้งเเต่ตอนนั้น ช่วงเเรกก็ไม่ได้กลับมาบ้านตัวเอง พยายามหนีไปนอนที่อื่น ไปเช่าโรงเเรมบ้าง ไปนอนบ้านเเม่บ้าง เเต่ก็ได้ยินข่าวว่าเขาตามมา เหมือนจะตามง้อ ก็เป็นอีหรอบเดิมก็เลยยอมคุยกับเขา ฟังเรื่องราวเขาก่อน เพราะเหมือนต้องทำงานด้วยกันอยู่เเล้ว เวลาไปทำงานมันต้องเจอกันอยู่เเล้ว เเต่ตอนเย็นก็พยายามไม่กลับไปที่ที่เราอยู่คนเดียว ไม่ให้เขาคุยกับเรา 2 ต่อ 2 ได้ มันก็มีช่วงที่เขาให้เพื่อนที่ทำงานมาคุยกับเรา ประมาณว่า “ขอคุยหน่อย มีเรื่องต้องเคลียร์ เราเข้าใจผิด” เราก็เลย อ่ะถ้างั้นก็ลองฟังดูว่าเรื่องเป็นอะไรยังไง เขาก็มาอีหรอบประมาณว่า “จะเลิกกันนั่นนู่นนี่โน่น” ตามสเต็ปผู้ชาย เหมือนพยายามง้อเรากลับไป เราก็เลยใจอ่อนเเล้วก็เชื่อคำพูดเขาด้วย ช่วงที่อยู่ด้วยกันมา ช่วงที่ตัดสินใจกับเขาต่อ ฝั่งผู้หญิงภรรยาเขาก็ไม่ได้โทรมา ก็เลยคิดว่าสงสัยเป็นเรื่องจริง ฝั่งผู้หญิงน่าจะไม่ยอมจบรึเปล่า? จนมีวันนึงที่เขาก็มาอยู่บ้านของหนู เเล้วก็มีผู้หญิงโทรมาถามว่า “ยังอยู่ด้วยกันหรอ?” ผู้ชายเลยส่งข้อความในโทรศัพท์ของหนูไปประมาณว่า “ก็คุยกันเเล้วไงว่าเลิกกันเเล้ว” หนูก็เลยเข้าใจว่าเลิกกันเเล้วจริง ๆ เเต่ทีนี้ตั้งเเต่รู้มา ก็พยายามที่จะปลีกตัวเเละตัดความสัมพันธ์มาโดยตลอด เเต่มันมีเรื่องเงิน เรื่องทอง ซึ่งตอนนั้นข่าวลือที่ว่าหนูคบกับเขามันก็เริ่มเเพร่กระจายในหมู่หัวหน้างานของเขา พอหัวหน้างานของเขารู้ รู้จากภรรยาของเขาที่โทรไปบอก โทรไปแจ้งฝั่งหัวหน้างาน เขาก็โดนเรียกเขาเข้าไปคุยว่าให้หยุดพฤติกรรมแบบนี้ซะ เขาก็เหมือนไม่ยอมรับ บ่ายเบี่ยงไป พอไม่ยอมรับปุ๊บ เหมือนหนูมันอายไปแล้ว มันทำงานไม่ได้ เพราะหนูก็เสื่อมเสียชื่อเสียงในตรงนี้ไปด้วย ก็เลยตัดสินใจที่จะลาออก บวกกับมีปัญหาเรื่องงานนิดหน่อย พอลาออกปุ๊บเขาก็ลาออกตาม หนูไม่เคยเช็คโซเชียลเขาเลย ปกติเป็นคนทำงานก็คือทำงาน หลุดอยู่ในโลกงาน สนใจเเต่ชีวิตตัวเอง ชีวิตครอบครัว กับผู้ชายพูดตรง ๆ ว่าไม่ได้โฟกัสเลย พอหลุดเข้ามาก็เป็นแบบนี้เลย เเล้วมันไม่ได้เป็นเเค่เคสเขา ปกติคบเพื่อนผู้ชายเยอะอยู่เเล้ว พอมีข่าวนี้หลุดรอดไป เหมือนฝั่งเเฟนของเพื่อนผู้ชายเขาก็ไม่ไว้ใจเรา ถึงขั้นโทรมาที่ทำงานใหม่ว่าทำไมต้องไปกินข้าวตอนกลางคืนกับเพื่อนผู้ชายที่เป็นเเฟนเขา หนูก็คุยกับฝั่งผู้หญิงเเล้วเขาก็บอกว่า “อ่าว เเล้วคุณออกจากที่ทำงานเก่าเพราะอะไร” หนูก็โมโหละบอกว่า “อย่าเอาความผิดพลาดครั้งเดียวของชีวิตชั้น มาตัดสินชีวิตคนทั้งชีวิต” เลยทำให้หนูรู้สึกว่าครั้งเดียวมันเสียไปหมดเเม้กระทั่งเพื่อนที่คบมาประมาณ 4-5 ปี ระหว่างที่ลาออกตามฝั่งผู้ชายเขาก็ไม่ได้หางานจนกระทั่งปัจจุบัน ส่วนหนูได้งานทำมาเเล้ว พอได้งานทำมาเเล้วฝั่งเขาก็มายืมเงินหนูตั้งเเต่ช่วงเเรก ๆ ยืมเป็นเรทไม่เยอะ ไม่ถึงหมื่น พอหลัง ๆ มาหลังจากที่ลาออกมา ไม่มีงานทำ เขาก็เลยโทรมายืมหนูอีกเรื่อย ๆ หนูก็สงสาร เพราะเขาส่งเเมสเสจพูดเหมือนไม่มีเงินกินข้าว เเล้วก็ไม่มีเงินค่ารถนั่นนี่โน่นของเขาเต็มไปหมด หนูก็เลยช่วยเขาไป พอนานเข้า ๆ หนูเริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่ละ เพราะว่าตอนที่เขามาหาที่ต่างจังหวัด พอเขากลับไปก็บอกว่าไม่อยู่กับฝั่งภรรยาเขาเเล้วนะ เเต่อาจจะต้องคุยกันเรื่องลูกไรงี้ เขากับฝั่งนู้นเขาก็บอกอยู่บ้านเดียวกันเเต่คนละชั้น ที่ฝั่งนู้นย้ายออกไม่ได้เพราะเกี่ยวติดพันธ์เรื่องลูก หนูก็เลยคิดประมาณว่าถ้าอย่างงั้น หนูเลยคุยกับเขาเป็นลายลักษณ์อักษร ถ้าเขาจะยืมเงินจะคืนได้เมื่อไหร่อะไรยังไง เเล้วมันก็มีช็อตนึงที่เขายืมเงินหนูไปเยอะมาก ซึ่งทำให้หนูเดือดร้อน พอเดือดร้อนหนูก็ทักไปถามเขา หนูโมโหมากเพราะหนูเพิ่งมารู้ว่าเขาไปเที่ยวกับภรรยาะขาที่ต่างประเทศ เเละหนูพยายามโทรมาผู้ชาย เเต่เขาปิดเครื่องไปแล้ว หนูก็เลยทักไปหาภรรยาเขาว่า “เห็นผู้ชายคนนี้มั้ย พอดีหนูติดต่อเขาไม่ได้ หนูต้องการให้เขาโอนเงินคืนจำนวนนี้ที่คุยกันไว้” ฝั่งผู้หญิงก็พิมพ์ด่าหนูฉ่ำมาก ประมาณว่า “ก็ให้ยืมเอง ก็ไปทวงกับเขาเองสิ จะมายุ่งอะไรกับชั้น ชั้นบอกชั้นเตือนเธอเเล้วว่าผู้ชายคนนี้เป็นยังไง” เเต่ทั้งที่เขาอยู่ด้วยกัน หนูก็เลยไม่ได้อ่านอะไรเยอะ หนูก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรเเละบอกว่า “ดูเเลกันดี ๆ นะคะ แต่ถ้าติดต่อกันได้ก็รบกวนบอกผู้ชายโอนเงินคืนหนูหน่อย หนูมีธุระต้องใช้” พอเขากลับมาจากไปเที่ยวซักประมาณอาทิตย์นึงเขาก็ติดต่อกลับมา หนูก็เลยถามว่า “สรุปจะเอายังไง จะโอนคืนมั้ย” เขาก็บอก “โอนคืนเเต่ต้องขึ้นมาเอา ผมอยากเจอคุณครั้งสุดท้าย” หนูก็เลยยอมไปเจอเขาเเต่ก็ยังไม่ได้คืนเหมือนเดิม เพราะตอนไปเจอเขาก็มาง้อหนูอีก อ้างว่าที่ไปเที่ยวก็เพราะลูก ซึ่งตอนนั้นหนูก็ใจอ่อน เเล้วก็กลับไปคุยกับเขาเรื่อย ๆ ละมันเหมือนเราโง่ซ้ำซอก กลับไปอีหรอบเดิม มันมีหลายช็อตที่เขาทะเลาะกันกับภรรยาว่า “ก็ผมไม่ได้เลือกคุณตั้งเเต่เเรกไง เเล้วผมก็ไม่ได้ให้ความหวังคุณ ที่อยู่กับคุณก็เพราะลูก อยากทำให้ครอบครัวมันเป็นพ่อแม่เเละลูก เเต่ถ้าผมไปให้ความหวังคุณผมก็ขอโทษ” เขาก็พูดกับภรรยาเขาประมาณนี้ เเต่ตอนนี้หนูกับเขาตัดสัมพันธ์เหมือนไม่ได้คุยกันซักระยะนึง หลายเดือนเเล้ว หนูก็เลยทักไปทวงเขาใหม่ พอไปทวงเขาใหม่เขาก็เหมือนประมาณว่าไม่ยอม จะให้ภรรยาเขาฟ้องชู้หนูกลับมา หนูก็บอกเขาว่าถ้ายังไม่มีความคืบหน้าอะไรใด ๆ หนูจะขอดำเนินทางกฎหมายนะ เพราะหนูก็ไม่ยอมแล้ว ห็ขู่เขาไป เเต่ที่จริงในใจหนูไม่ได้ทำแบบนั้นหรอก ในใจก็รู้สึกผิดต่อภรรยาของเขาด้วย ก็เลยคิดว่าอีเงินก้อนนี้อ่ะเหมือนจะให้เขาไปเลย ตอนนี้หนูปรึกษาฝั่งทนาย เขาก็บอกว่ามันไม่เหี่ยวกัน เราก็พยามตัดความสัมพันธ์มาโดยตลอด ก็เลยอยากถามพี่ ๆ ดีเจทั้งสามคนว่า หนูควรจะปล่อยไปเลยดีมั้ย หรือว่าหนูควรต้องทำยังไงดี?’ ซึ่งดีเจทั้งสามคน (ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม) ก็ได้ให้คำปรึกษาว่าไปในทิศทางเดียวกันว่า ‘ยกให้เขาไปเลย ก็ถ้าฟ้องก็ต้องจ่ายมากกว่ายอดที่จะได้คืน โอกาสได้คืนคือต้องไปฟ้องร้องอย่างเดียวโดยที่เราไม่รู้ด้วยว่าจะชนะมั้ยด้วยซ้ำ เราเจออย่างงี้มันก็เเค้น เเต่ถ้าเราเดินสู้ต่อไปอ่ะมีโอกาสชนะมั้ยมันยากไง ถ้าเเพ้กลายเป็นเเค้นหนักคูณ 2 เข้าไปอีก เงินที่เสียไปเสียดายมั้ย เสียดาย เข้าใจเลย เเต่มันคือค่าโง่ที่ต้องจ่าย โง่มากจ่ายมาก โง่น้อยจ่ายน้อย เขามาเอาหลายรอบเเปลว่าครั้งเเรกก็เข็ด จนมีครั้งต่อไป ๆ ฉะนั้นพี่รู้สึกว่าเงินที่เสียไป ซื้อผู้ชายเลว ๆ ให้ออกไปจากชีวิตยกให้มันไป คุ้มกว่าไปฟ้องร้องมัน ถ้ามองอีกมุมคือเป็นบทเรียนให้ชีวิต เเละจำสิ่งนี้ไว้เป็นบทเรียน ต่อให้คบใคร เรื่องเงินเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ครั้งหน้าให้ระวัง คิดซะว่าบทเรียนนี้ทำบุญเเละก็ซื้อประสบการณ์ให้ตัวเอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1