หนูเป็นสาวสอง อายุ 18 ค่ะ เจอผู้ชายคนนึง เขามาจีบหนู คบกันได้เดือนนึง เขาบอกว่าจะพาไปเปิดตัวกับที่บ้าน แต่ที่บ้านเขาไม่โอเคกับสาวสอง เพราะแฟนเก่าของผู้ชายคนนี้เคยไปหลอกเค้ามา เค้าเลยบอกว่าขอเลิกกับหนูเพราะที่บ้านไม่โอเค

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

หนูเป็นสาวสอง อายุ 18 ค่ะ เจอผู้ชายคนนึง เขามาจีบหนู คบกันได้เดือนนึง เขาบอกว่าจะพาไปเปิดตัวกับที่บ้าน แต่ที่บ้านเขาไม่โอเคกับสาวสอง เพราะแฟนเก่าของผู้ชายคนนี้เคยไปหลอกเค้ามา เค้าเลยบอกว่าขอเลิกกับหนูเพราะที่บ้านไม่โอเค

11 ต.ค. 2024

หนูเป็นสาวสอง อายุ 18 ค่ะ เจอผู้ชายคนนึง เขามาจีบหนู คบกันได้เดือนนึง เขาบอกว่าจะพาไปเปิดตัวกับที่บ้าน

แต่ที่บ้านเขาไม่โอเคกับสาวสอง เพราะแฟนเก่าของผู้ชายคนนี้เคยไปหลอกเค้ามา

เค้าเลยบอกว่าขอเลิกกับหนูเพราะที่บ้านไม่โอเค หนูควรขออีกสัก 2 ปี แล้วกลับไปทักเขาดีไหมคะ?

            “คุณเนเน่ (นามสมมติ)” อายุ 18 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [8 ต.ค.67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาเราเป็น LGBTQ+ คบกับผู้ชายคนนึง เเต่พ่อเเม่แฟนไม่ชอบเราเลยต้องเลิกคุย ควรรอเขาดีมั้ย?

            โดย “คุณเนเน่ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ตอนนี้หนูทำงานเป็นเซลล์ ได้ไปเจอผู้ชายคนนึงในแอป ๆ นึง เขาอายุ 29-30 ปี คุยกันจนได้มาอยู่กัน อยู่กินกันมาด้วยกันอะไรเเบบนี้เหมือนแฟนคนนึง คบกันได้ซักพักไม่ถึงปี โดยส่วนตัวหนูเป็นสาวสอง ตอนแรกครอบครัวเขาไม่รู้ว่าเขาคบกับหนู มีวันนึงตัวผู้ชายเขาจะพาหนูไปพบกับครอบครัวเขา เขาก็ได้บอกกับพ่อเเม่เขาว่าจะพาเราไปหานะ เเล้วก็ได้โทรกลับมาหาเราบอกว่า พ่อแม่เขาไม่โอเคนะที่เราเป็นสาวสองอะไรเเบบนี้

            หนูต้องการอยู่กับเขาเเต่ตอนนี้เขาเลิกคุยกับหนูไปแล้วได้ประมาณครึ่งเดือน ก่อนหน้าที่จะเลิกกันเขาบอกว่าไม่อยากทิ้งหนูไปไหน ยังอยากอยู่กับหนู เเต่เหมือนเขาเลือกครอบครัว พ่อแม่เขาบอกว่าอายุก็ต่างกัน อายุเท่านี้จะไปทำงานอะไรได้ ดูเเลลูกเขายังไงได้ เเละเขาก็บอกว่าถึงเราคุยกันไปก็ไม่ได้คบกันอยู่ดี ซึ่งก่อนหน้านั้นลูกเขาเคยมีแฟนเป็นสาวสองมาก่อน เเต่เหมือนแบบไปหลอกลูกชายเขา หลอกเงิน หลอกอะไรเเบบนี้ ตัวเขาก็เลยไม่โอเคกับการที่ให้ลูกชายเขามีแฟนเป็นสาวสองอีกครั้ง เพราะกลัวเราจะไปหลอกเขาอีก

            หลังจากที่เลิกคุยกันก็มีการติดต่อกันนิดหน่อย ประมาณว่าทำอะไร เป็นยังไงบ้าง เเล้วเหมือนหนูจะทักไปหาเขาอีกเขาก็บอกว่าไม่อยากให้เราทักไปอีก กลัวลืมเราไม่ได้เเล้วก็ขอบล็อค หนูลืมเขาไม่ได้หรอกเพราะสำหรับหนูเขาเป็นผู้ชายที่ดีที่หนูเจอมา ถ้าเกิดคนเขารักเราจริงเขาจะทำทุกอย่างเพื่อเรา

            มันมีอยู่วันนึงรถพ่อของเขาเสียกลางทางด่วน เเล้วเหมือนเขาเงินไม่พอเลยทักมายืมเรา เราก็เลยโอนไปให้ทันที หนูก็อยากรู้ว่า เฮ้ย! เราก็อยากรู้ว่าเราก็เคยช่วยพ่อเธอนะ ทำไมเธอไม่ลองคุยกับเขาว่าเราก็มีข้อดีนะ ตอนนั้นโอนไป 2 ยอด เป็นยอดรวม 5,000 บาท ตอนนี้เขาก็โอนคืนเเล้วเเต่คืนไม่หมดยังเหลืออีกนิดหน่อย เเต่เราก็บอกว่าไม่เป็นไร เพราะตอนที่เขามาหาเราเขาพาไปเลี้ยงข้าวเงี้ย เราก็ไม่เคยออกเองซักบาท หนูว่าจะเริ่มต้นใหม่ พยายามคุยกับคนอื่นเเต่ก็ไม่มีใครดีเท่าเขา ก็เลยอยากปรึกษาดีเจทั้ง 3 คนว่าอีก 2 ปีบรรลุนิติภาวะเเล้ว หนูควรรอเขาอีกดีมั้ย?’

            โดยเริ่มที่ “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ต้องถามว่าการรอของเนทรมานรึเปล่า ถ้าเรายังไม่ได้เจอไปเจอใครใหม่ มันก็เป็นสิทธิ์ของเราที่จะอยู่ไปแบบนี้ รอเขาอยู่เงียบ ๆ เราสามารถใช้ชีวิตอยู่กับความฝันนี้ได้ ถ้าชีวิตมันไม่ทรมานมาก คนเรามันรอได้อยู่เเล้วเเต่อย่าไปรบกวนเขา เเล้วลองดูพอเราโตขึ้น มีงานมีการเป็นหลักเป็นฐานมากขึ้น บ้านเขาจะเปิดรับเราอย่างที่เราคิดมั้ย เเต่เตือนตัวเองนะว่าผลลัพธ์มันจะออกมายังไงก็ได้ เขาอาจจะยังไม่ได้ชอบเราเหมือนเดิม 2 ปีอาจจะสูญเปล่าก็ได้ ก็เตือนตัวเองนะว่ามีสิทธิ์ผิดหวัง’

            ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ’ไม่น่าลงทุนต่อ มีความสุ่มเสี่ยงที่จะไม่มีอะไรดีขึ้นในการรอ เพราะคบกันไม่ถึงเดือน ยังไม่มีความผูกพัน ยังไม่มีความรักเกิดขึ้นก่อตัวขึ้นมา การรอของเนเน่ถ้ามีความสุขก็รอไป เเต่คุณเเม่คิดว่าอย่าเอาใจไปเล่นทั้งใจเลยว่าจะรอผู้ชายคนนี้ ตามหาสิ่งที่ใช่สำหรับเรา อะไรที่ไม่ใช่เทได้นะ ไม่ใช่ไม่มีใครดีเท่าเขา เเค่เรายังไม่เจอ ช่วงเวลาสั้น ๆ มักจะหอมหวานเสมอมันยังไม่ใช่ ถ้าเริ่มต้นเเค่เนี้ยเเล้วเทเราอะ ไม่ต้องรอเขาไม่ได้ควรค่า’

            สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ’การที่เราคบกันไม่ถึงเดือนเเล้วเขาพาเราไปเปิดตัวกับพ่อเเม่ คิดว่ามันสมเหตุสมผลมั้ย อย่าลืมนะเขาบอกมาเเล้วว่าเขาเคยมีแฟนเป็นสาวสอง พ่อแม่เขาก็ไม่ชอบ คนปกติก็ยิ่งระวังตัวนะว่าอย่าเพิ่งให้พ่อแม่รู้ เขาอยู่กับหนู 2 คนสบาย ๆ ในห้องก็ได้ ไม่เห็นจำเป็นต้องให้พ่อแม่ตัดสินเลยอยู่ด้วยกันถ้าเขาชอบหนูรักหนู ลองนิ่ง ๆ คิดดูว่าสิ่งที่เขาทำมันสมเหตุสมผลหรือเปล่า ถ้าสิ่งที่เขาทำเป็นเรื่องจริง พี่ว่ามันก็ยากมากเหลือเกินที่หนูจะไปทำให้เขาไม่ชอบ ในเมื่อเราเกิดมาแบบนี้อ่ะ หนูอายุเท่านี้หนูมีความสุขกับชีวิตดีกว่า หนูควรจะเจอคนที่น่ารักกับหนูอ่ะ ยุคนี้มีพ่อแม่มากมายที่เขาโอเคที่ลูกเขาจะมีแฟนเป็นสาวสอง’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ผมมีปมเรื่องความรัก เพราะเคยโดนเทคืนข้ามปี และ คืนฮาโลวีน พอถึงเทศกาลฮาโลวีน และ เทศกาลปีใหม่แต่ละปี ผมจะรู้สึกนอยด์ๆ ไม่ครื้นเครงแบบคนอื่น จะทำยังไงให้ก้ามข้ามความรู้สึกนี้ไปได้ดีครับ ?

01 พ.ย. 2024

ผมมีปมเรื่องความรัก เพราะเคยโดนเทคืนข้ามปี และ คืนฮาโลวีน พอถึงเทศกาลฮาโลวีน และ เทศกาลปีใหม่แต่ละปี ผมจะรู้สึกนอยด์ๆ ไม่ครื้นเครงแบบคนอื่น จะทำยังไงให้ก้ามข้ามความรู้สึกนี้ไปได้ดีครับ ?

“คุณเต้ (นามสมมติ)” อายุ 27 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ [30 ต.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับการโดนเทช่วงเทศกาล แล้วกลายเป็นปมในชีวิตตัวเอง “คุณเต้ (นามสมมุติ)” โทรมาเล่าสั้นๆว่า ‘จริงๆไม่มีอะไรมาก แต่เห็นว่าพรุ่งนี้เป็นคืนวันฮาโลวีน ก็เลยอยากจะโทรมาเล่าปมเล็กๆในใจว่าตัวเองเคยโดนเท ตอนคืนวันเทศกาล ทั้งฮาโลวีน และปีใหม่ พรุ่งนี้เพื่อนๆก็นัดผมไปเที่ยวฮาโลวีน แต่ผมกลับยกเลิกนัดเพื่อน เพราะว่าไม่อยากไปแล้ว นอยด์ ตอนนั้นที่โดนเทวันฮาโลวีนคือเหตุการณ์ล่าสุดเมื่อ 2 ปีที่แล้ว แต่ที่โดนคืนข้ามปีนั้นสมัยเด็กๆ ก็ไม่รู้จะก้าวข้ามไปยังไงดี?’ งานนี้ “ดีเจต้นหอม” ให้ความคิดเห็นว่า ‘ดีแล้วที่เขาเทเราคืนวันฮาโลวีน คิดซะว่าเป็นคืนปล่อยผี แล้วไปหาคนใหม่ซะ!!’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ก็แชร์ประสบการตัวเองสั้นๆว่า ‘เคยโดนคนคนนึงเทมาคืนข้ามปีเหมือนกัน แต่ขอเขาว่า อย่า ไม่ให้เลิกคืนนี้ หลังจากนั้น 2-3 วันก็เลิกกัน’ ส่วน “ดีเจเผือก” ก็แนะนำว่า ‘ให้ไปหาคนใหม่ คุยกันแต่แรกเลยว่าถ้าวันใดวันนึงจะเลิกกัน อย่ามาเลิกกันช่วงเทศกาล ตกลงกันตั้งแต่แรกเลย สุดท้ายยังไงเราก็ต้องมีคนใหม่’ และทั้งสามดีเจก็แซวๆว่า ‘ตอนนี้ในไลฟ์สด แชทจากแฟนๆ ชมว่าเต้เสียงหล่อ พร้อมดามใจเต้เลยทันที’ หลังจากนั้น “คุณเต้ (นามสมมุติ)” บอกว่าพอฟังพี่ๆแล้วมีกำลังใจเลย พรุ่งนี้ผมจะไปเที่ยวที่ข้าวสารกับเพื่อนเหมือนเดิม ไทป์ของผม ได้หมดเลย ใครก็ได้ เพศไหนก็ได้ครับ เรื่องอายุผมก็ไม่ติด วิธีสังเกตผมก็เป็นผู้ชาย สูง 170 กว่าๆ น้ำหนัก 60 ใส่แว่นกลม แล้วก็สวมแหวนนิ้วที่นิ้วโป้งข้างขวานะครับงานนี้ทำเอาชาวพุธโทรเรี่ยนที่โสดอยู่ ถึงกับแซวๆมาในคอมเม้นต์ไลฟ์สดว่า ‘จะออกไปตามล่าหาคุณเต้กันที่ข้าวสารเลยจ้า’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

นี่เราคบใครมา 8 ปี ?? ที่ผ่านมาคือเรื่องโกหก ! โกหกว่าได้เงินเลี้ยงดูจากยาย ซึ่งยายไม่มีอยู่จริง,ชวนลงทุนธุรกิจ สุดท้ายเราจ่ายเอง,ทุจริตขโมยเงินร้านไป, เก็บเงินมัดจำรถไว้เองไม่บอก,บอกจะซื้อบ้านก็ไม่มีจริง

22 มี.ค. 2024

นี่เราคบใครมา 8 ปี ?? ที่ผ่านมาคือเรื่องโกหก ! โกหกว่าได้เงินเลี้ยงดูจากยาย ซึ่งยายไม่มีอยู่จริง,ชวนลงทุนธุรกิจ สุดท้ายเราจ่ายเอง,ทุจริตขโมยเงินร้านไป, เก็บเงินมัดจำรถไว้เองไม่บอก,บอกจะซื้อบ้านก็ไม่มีจริง

นี่เราคบใครมา 8 ปี ?? ที่ผ่านมาคือเรื่องโกหก ! โกหกว่าได้เงินเลี้ยงดูจากยายซึ่งยายไม่มีอยู่จริง,ชวนลงทุนธุรกิจ สุดท้ายเราจ่ายเอง,ทุจริตขโมยเงินร้านไป,เก็บเงินมัดจำรถไว้เองไม่บอก,บอกจะซื้อบ้านก็ไม่มีจริงเราเป็นหนี้หลักล้านเพราะเขา ตอนนี้เลิกกันแล้วแต่เขากลับมาง้อ “คุณเนย (นามสมมติ)” อายุ 27 ปี เป็นสายที่สองในรายการ พุธทอล์คพุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [20 มีนาคม 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาคบกับแฟนมา 8 ปี หมดเงินไปเป็นล้าน สุดท้ายพึ่งรู้ว่าเรื่องที่ผ่านมาแฟนโกหกเราตลอด... โดย “คุณเนย (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ย้อนกลับไปเมื่อตอนหนูยังเรียนอยู่ปี 1 หนูคบกับแฟนคนหนึ่ง ซึ่งเขาเป็นคนเรียนเก่งมาก แต่ตอนปี 2 ต้องโดนรีไทร์ออก เพราะเจอสังคมเพื่อนไม่ดี หลังจากที่แฟนไม่ได้เรียน เราสองคนก็ยังอาศัยอยู่ด้วยกัน ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน พ่อเป็นคนส่งเงินให้หนูใช้ ส่วนแฟนยายเป็นคนส่งเงินให้ เพราะแม่แฟนแต่งงานกับสามีใหม่ จึงทำให้ไม่ค่อยได้ดูแลแฟนสักเท่าไหร่ ปกติแฟนก็จะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้หนูตลอด มีรถขับ เหมือนคนมีฐานะระดับหนึ่ง จนกระทั่งหนูเรียนจบ ก็อยากที่จะทำธุรกิจร่วมกันกับแฟน เพราะหนูอยากสร้างครอบครัวไปกับแฟนคนนี้ ต่อมาหนูกับแฟนก็ได้เริ่มทำธุรกิจด้วยกัน ออกเงินลงทุนกันคนละครึ่ง พอถึงวันที่จะต้องจ่ายค่าทำธุรกิจต่าง ๆ แฟนกลับไม่มีเงินส่วนนั้นมาให้ หนูจึงต้องใช้เครดิตของคุณพ่อยื่นกู้เพื่อจ่ายไปก่อน เนื่องจากยังอยู่ในช่วงโควิด หนูก็ไม่ได้คิดอะไร พอเริ่มธุรกิจตอนแรก ๆ ก็ไปได้ดี หนูเป็นคนทำบัญชีเองและเริ่มเห็นความผิดปกติ คือ เงินเริ่มหายทุกวัน จนหนูเปิดกล้องวงจรปิดดู แต่พนักงานก็ไม่ได้เอาไป แล้วเงินหายไปไหน เดือนละหลาย ๆ หมื่น แต่หนูก็ไม่ได้อยากสงสัยแฟน พอหลัง ๆ ธุรกิจเริ่มแย่ลง แฟนก็ขอกลับไปทำธุรกิจกับที่บ้าน เพื่อจะนำเงินส่วนนั้นมาช่วยธุรกิจที่ทำกับหนู หนูก็ให้เขาไป ผ่านไปสักพักแฟนก็มาบอกว่ายายอยากซื้อบ้าน หนูกับแฟนก็พากันไปดูโครงการบ้าน ซึ่งหนูก็ไม่เคยเจอตัวจริงยายเลยสักครั้ง มีแค่แฟนมาพูดเรื่องยายให้ฟัง พอกลับมาเรื่องธุรกิจของหนูกับแฟนมันเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนหนูได้มีการทวงถามเงินส่วนที่แฟนจะช่วยลงทุนกันคนละครึ่ง ด้วยความที่หนูก็ไม่ได้คำตอบสักที หนูก็เลยโทรไปหาแม่แฟนว่า “ทำไมแม่เป็นคนแบบนี้ ทำไมไม่เลี้ยงดูลูกเลย ปล่อยให้ยายเลี้ยงอยู่คนเดียว” พอแม่ได้ยิน แม่ก็ถามหนูกลับมาว่า “ยายไหน ไม่มียายนะ” ตอนนั้นหนูก็ช็อกไปเลย สรุปที่ผ่านมา 7 ปี เรื่องยายที่แฟนเคยเล่าให้ฟังเป็นเรื่องโกหกทั้งหมด และส่วนเงินต่าง ๆ ที่ยายส่งให้หนูคิดว่าน่าจะเป็นเงินของแม่แฟนที่ส่งให้ ซึ่งแฟนอาจจะไม่ถูกกับแม่เลยโกหก แต่เรื่องทั้งหมดนี้หนูก็ให้อภัยแฟน ผ่านไปสักพักหนูก็จับได้อีกว่าแฟนนอกใจ เพราะหนูสงสัยจึงสืบจนเจอว่า ช่วงที่แฟนขอตัวกลับไปทำธุรกิจกับที่บ้าน เขาไปอยู่กับผู้หญิงคนอื่น แต่ครั้งนี้หนูก็ให้อภัยแฟน และคบกันต่อมาได้อีก 1 ปี จนครั้งสุดท้ายหนูเลิกกับแฟน เพราะเรื่องซื้อรถ หนูกับแฟนก็ได้มีการไปดูรถและมีการวางเงินมัดจำรถไว้ เวลาก็ผ่านไปจนหนูเริ่มแปลกใจอีกครั้ง ว่าทำไมเซลล์ไม่ติดต่อมาเลย จนหนูตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาเซลล์ และรู้ความจริงว่าแฟนเครดิตไม่ผ่าน ซึ่งเซลล์ก็ได้มีการคืนค่ามัดจำรถให้แฟนไปนานแล้ว แต่แฟนไม่บอกหนู และในขณะที่หนูรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว แฟนก็ยังเลือกที่โกหกอยู่ว่าจะซื้อรถแน่นอน ปัจจุบันหนูเลิกกับแฟนมาได้ 1 เดือนแล้ว แต่หนูก็ยังรู้สึกว่าถ้าหนูทิ้งแฟนไป เขาก็จะไม่เหลือใครสักคนเลย แม้กระทั่งคนในครอบครัว พอแฟนมาคุย มาง้อ หนูก็เริ่มใจอ่อนอยากกลับไป หนูอยากถามพี่ ๆ ดีเจทั้ง 3 คนว่า หนูควรทำใจยังไงที่จะไม่ใจอ่อนกลับไปอีก? ซึ่ง ดีเจทั้ง 3 คน ก็ให้คำปรึกษาไปในทางเดียวกันว่า ‘พวกพี่ก็ไม่รู้จะให้คำปรึกษาอะไร เพราะเนยเล่าความเลวของแฟนมาได้ขนาดนี้ แล้วยังถามอีกว่าทำยังไงไม่ให้ใจอ่อนกลับไป คือมันจะต้องสิ้นสุดที่ตรงไหนถึงจะทำให้เนยไม่กลับไป หรือต้องโดนทำร้ายร่างกายก่อน ถ้ายังอยากกลับไปก็คงเป็นเหมือนเดิม 8 ปีที่แฟนโกหกมาตลอด ยังไงแฟนคงไม่เปลี่ยนนิสัย จับได้กี่ครั้งก็ยังเลือกที่จะโกหกอยู่เหมือนเดิม ถ้าเนยยังอยากเจอคนดี ๆ ทำไมไม่เขี่ยคนไม่ดีออกไปจากชีวิต เนยเหมือนคบกับมิจฉาชีพ เนยต้องตั้งสติก่อน คนแบบนี้สุดท้ายชีวิตก็ต้องไปโกงคนอื่นอีก แล้วเนยยังอยากให้คนแบบนี้เข้าไปอยู่ในชีวิตทำไม ถ้าแฟนจะกลับมาง้อ ก็พูดไปว่า “ไม่แจ้งจับก็ดีเท่าไหร่แล้ว ไปคนละทางเถอะ ที่ผ่านมาก็ยอมให้มากแล้ว” เนยต้องเด็ดขาด แฟนที่ดีคือแฟนใหม่ แฟนที่ดีเขารอเราอยู่ที่ปลายทาง ไม่เดินออกมาก็คงไม่เจอสักที หรือถ้าไม่ไหวจริง ๆ ฟังพวกพี่แล้วทำไม่ได้ ก็โทรไปปรึกษาพ่อก็ได้’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูเป็น LGBTQ+ โดนคดีแล้วได้เจอกับผู้ชายคนนึงในเรือนจำ รู้จักกัน จนรู้สึกดีต่อกัน ตกลงกันว่าในนี้เราจะคบกัน แต่ตอนนี้หนูออกมาแล้ว เพราะเขาช่วยหาทนาย สู้คดีให้ เขาบอกอยากให้หนูออกไปใช้ชีวิต

31 พ.ค. 2024

หนูเป็น LGBTQ+ โดนคดีแล้วได้เจอกับผู้ชายคนนึงในเรือนจำ รู้จักกัน จนรู้สึกดีต่อกัน ตกลงกันว่าในนี้เราจะคบกัน แต่ตอนนี้หนูออกมาแล้ว เพราะเขาช่วยหาทนาย สู้คดีให้ เขาบอกอยากให้หนูออกไปใช้ชีวิต

หนูเป็น LGBTQ+ โดนคดีแล้วได้เจอกับผู้ชายคนนึงในเรือนจำ รู้จักกัน จนรู้สึกดีต่อกันตกลงกันว่าในนี้เราจะคบกัน แต่ตอนนี้หนูออกมาแล้ว เพราะเขาช่วยหาทนาย สู้คดีให้เขาบอกอยากให้หนูออกไปใช้ชีวิต เจอคนใหม่ เริ่มต้นใหม่ เขาบอกอนาคตถ้าออกไปข้างนอกเราจะเป็นพี่น้องกัน “คุณแคลร์ (นามสมมติ)” อายุ 23 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [29 พ.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาความรักกับคนในเรือนจำ โดย ​“คุณแคลร์ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ย้อนไปเมื่อ 3 ปีก่อน เราประกอบอาชีพเป็นสตรีมเมอร์ และได้สิ้นสุดการประกอบอาชีพ เมื่อปลาย ปี 65 ที่ผ่านมา เพราะเราถูกฟ้องด้วยความเข้าใจผิด ในข้อหาดูหมิ่นด้วยการโฆษณา และเราก็สู้คดีมาจนถึงกลางปี 66 ซึ่งเป็นการสู้ที่เสียเปรียบมาโดยตลอด เพราะเราไม่มีกำลังทรัพย์มากพอ จึงได้ขอให้เป็นทนายขอแรงมาช่วย เขาก็ช่วยเท่าที่จะช่วยได้เท่านั้น จนเมื่อ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 ศาลมีคำสั่งฝากขัง ในทางปฏิบัติเราสามารถที่จะประกันตัวได้ แต่ว่าเราไม่มีเงินประกันตัว แม้กระทั่งครอบครัวที่มีคุณแม่เพียงคนเดียวก็ไม่สามารถช่วยตรงนี้ได้ จึงจำใจต้องเข้าฝากขังที่เรือนจำแห่งหนึ่ง เป็นระยะเวลา 6 เดือน ซึ่งระหว่างที่อยู่ข้างใน เราได้มีโอกาส เจอกับพี่ผู้ต้องขังคนหนึ่ง เขามักจะฝากความเป็นห่วงผ่านเพื่อนผู้ต้องขังอีกคนมาถึงเรา เราก็สงสัยว่า เขาเป็นใคร ? ต่อมาเราจึงได้ไปเจอกับเขาและได้พูดคุยกัน จนทราบว่าเขาบังเอิญเป็นคนที่อยู่ใกล้บ้านเรา แต่เราไม่ได้รู้จักกันมาก่อน ซึ่งพี่เขาอายุ 40 ปีแล้ว หลังจากนั้น 2 อาทิตย์ ก็มีพูดคุยกัน มีการดูแลกันมากขึ้น เริ่มจากการแบ่งอาหารเช้าให้ ชวนมานั่งคุยปรับทุกข์กัน จนกระทั่งตกลงคบกัน ซึ่งเขาก็จะบอกตลอดว่า แคลร์ไม่จำเป็นต้องรักเขา ขอให้เขาได้รักแคลร์ก็พอ ส่วนตัวเราเองไม่ได้มีความตั้งใจที่จะไปเจอ หรือไปหาความสัมพันธ์แบบนี้ เพราะเราเองก็รู้สึกผิดกับตัวเองว่า ทำไมต้องมาเสียเวลาในที่แบบนี้ด้วย ซึ่งจากการสังเกตพฤติกรรมของเขาในการวางตัวในฐานะคนรัก เราก็เริ่มรู้สึกดีและเข้าใจอะไรหลายอย่างมากขึ้น จากที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เพราะตลอดเวลา 23 ปี แคลร์ไม่เคยมีแฟน จนกระทั่งมาเจอคนนี้ ซึ่งระหว่างที่อยู่ด้วยกัน เขาจะหาทางช่วยเหลือเราตลอด เช่น เรื่องของการอัพเดทคดีจากข้างนอก เรื่องการยื่นเรื่องส่งสภาทนายความ ให้เข้ามาช่วยตรวจสอบรูปคดี หรือการส่งคำร้องให้ศาลเร่งพิจารณาคดี เพราะว่าตอนนั้นที่เข้าไปเป็นเดือนสิงหาปีที่แล้ว และจะมีการนัดพิจารณาคดีอีกทีคือ เมษายนปี 67 ถ้าให้นับมันจะเป็นการอยู่แบบเสียเปล่าไปเลย 1 ปี เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ปี 66 เขาก็มาบอกกับเราว่า แคลร์พี่คุยกับทนายให้แล้วนะ ซึ่งเราก็ตกใจว่า พี่คุยกับทนายที่ไหนมา ทนายของแคร์เหรอ ? เขาก็บอกว่า เป็นทนายส่วนตัวของเขา เขาบอกทนายว่า ให้ยื่นประกันตัวให้แคลร์ เป็นการจ่ายเงินให้เราเพื่อการประกันตัว เราก็ตกใจมากว่า เขาทำเพื่อแคลร์ขนาดนี้เลยเหรอ เพราะเขาก็จะบอกกับเราตลอดว่า ออกไปก็ออกไปใช้ชีวิตนะ และไม่ต้องเป็นห่วงพี่ ลืมเรื่องราวทุกอย่าง ข้างในให้หมด ซึ่งตอนนี้แคลร์ได้ออกมาใช้ชีวิตเรียบร้อยแล้ว แคลร์เคยบอกกับเขาว่า อยากจะคบกับเขาเป็นแฟนจริงจัง แต่เขาบอกว่า เขาให้สัญญาไม่ได้ เพราะเขาไม่อยากให้ความหวัง และเขาก็ไม่อยากใช้คำพูดสวยหรู หากเขาได้ออกไปแล้ว เขาทำไม่ได้ แคลร์จะรับได้เหรอ ? เราก็คิดว่า สิ่งที่เขาพูดมันก็เรื่องจริง และเขาก็พูดอีกว่า แคลร์จะเป็นกะเทยคนเดียว ที่เขารักที่สุดในชีวิต และก็จะเป็นน้องที่เขารักตลอดไป ซึ่งเราก็ยังให้ความหวังตัวเองอยู่ในทุก ๆ วันว่า อย่างน้อยถ้าวันหนึ่ง เขาออกมา แล้วเขาเห็นว่าแคลร์ยังรอเขาอยู่ เขาก็อาจจะเปลี่ยนใจ เพราะหนูก็ไม่เคยมีความคิด ที่จะไปมองหาใครคนใหม่ตั้งแต่ออกมา เป็นระยะเวลา 7 เดือนแล้ว ซึ่งในทุกเดือนเราจะกลับไปเยี่ยมเขาเสมอ และปฏิกิริยาของเขาที่แสดงต่อเราก็ปกติทุกอย่าง แต่ทางเรือนจำจะมีการเขียนจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ รายวันถึงผู้ต้องขังด้านใน หนูก็จะเขียนถึงเขาทุกวัน แต่เขาก็จะเขียนตอบกลับมาว่า เขาขี้เกียจที่จะเดินมาหา ตอนที่เรามาเยี่ยม เขาไม่อยากที่จะเขียนจดหมายตอบกลับเรา ซึ่งเขาเป็นแบบนี้กับครอบครัวด้วย เหมือนเขาไม่อยากรับรู้เรื่องภายนอก เขาเลยพยายามกีดกันไม่ให้หนูไปเยี่ยมหรือเขียนอะไรหาเขา แคลร์อยากถามพี่ ๆ ดีเจว่า พอจะมีวิธีการยังไงที่จะรอเขา แบบให้ใช้ชีวิตที่มีความสุข ไม่เครียด ไม่ห่วงอะไร เพราะเราไม่เคยเข้าใจในสิ่งที่เขาทำ เราไม่รู้ว่าการที่เขาทำแบบนี้เขาต้องการให้เรามีสถานะไหนกันแน่ และทุกวันนี้เขายังจ้างทนายเพื่อที่จะสู้คดีให้กับเราต่อ ซึ่งเราก็พึ่งทราบเรื่องนี้จากทนายว่า เขายังจัดการ เรื่องค่าใช้จ่ายให้เราทั้งหมดเลย และแม้ว่า เขาจะบอกให้หนูเดินหน้าต่อ แต่ด้วยความที่เขาเป็นแฟนคนแรกของเราด้วย เราเลยรู้สึกผูกพันและรู้สึกขอบคุณในการกระทำของเขา ที่ทำให้เราได้เหมือนมีชีวิตใหม่ เรารู้สึกว่า เราไม่สามารถเดินออกมาจากเขาตอนนี้ได้ ซึ่ง “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘การที่เขาพูดว่า แคลร์เป็นน้องที่เขารัก มันเหมือนกับการที่เขาดับฝัน เพราะหากเขาออกมาข้างนอกเขาจะไม่คบกับแคลร์ แต่หากอยู่ข้างในก็เป็นแฟนกัน เหมือนกับการที่คนเหงามาเจอคนเหงา ซึ่งแคลร์ก็บังเอิญอยู่ใกล้เขา อยู่ในแดนเดียวกันได้ใกล้ชิดกัน แคลร์มีความหวังอยู่นิดหน่อยแต่ก็น้อยมาก ถ้าแคลร์จะรอเขา แคลร์ก็ต้องทรมานอยู่แล้ว แต่ถ้าแคลร์ไม่รอก็จะทรมานแค่ช่วงแรก ไม่ต้องทรมารไปเรื่อย ๆ ซึ่งถ้าเปรียบเป็นเกมไพ่ โอกาสที่แคลร์จะแพ้สูงมาก แต่ที่พี่ทำหอมรับแขกมา ได้สัมภาษณ์คนในเรือนจำและชีวิตรักในเรือนจำ ทำให้พี่ได้รู้ว่า มันเป็นชีวิตรักที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่อยู่ในเรือนจำเท่านั้น พอเราออกมา เขาก็จะมีคนใหม่เข้าไป ในขณะเดียวกัน คนที่ออกไปก็จะมีแฟนใหม่ มันเป็นวัฏจักรของเขาที่เขาจะรู้กันดีอยู่แล้ว แล้วการที่เขาส่งสัญญาณบอกเราว่า เขาไม่อยากเดินมาหา หรือการที่ เขาไม่อยากรับจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ แปลว่าตอนนี้ เขาปฏิเสธเราแล้ว แล้วการที่เราเข้าไปหาเขา ก็เหมือนกับว่า เราไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการพยายามสื่อ การแสดงออกของเขาสุภาพ แต่ก็ชัดเจนว่า เขาต้องการยุติความสัมพันธ์แล้ว ซึ่งแคลร์ก็ยังไม่เข้าใจ และมันก็สร้างความอึดอัดให้กับเขา ฉะนั้นพี่คิดว่า แคลร์ไม่ควรรอ เพราะมันเป็นการรอฝั่งเดียว แคลร์ ควรหยุด เจ็บตอนนี้ให้จบและเดินหน้าใช้ชีวิตต่อไป ทางนี้จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ด้วยสถานการณ์ที่แคลร์อยู่ตอนนั้น มันเป็นได้หลายเรื่องเลย ที่เค้าเข้ามาหาแคลร์ และมันอาจจะเป็นไปได้ว่า การที่เขาเข้ามาหาแคลร์ เขาไม่ได้รักแคลร์แบบความสัมพันธ์หนึ่ง แคลร์และเขาต่างเจอกันในช่วงเวลาที่ต้องการคนซัพพอร์ต ซึ่งชีวิตในนั้นมันมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอยู่แล้ว แต่พี่ก็รู้สึกว่า เขาก็เป็นคนดีนะ เขาไม่ได้แค่ใช้แคลร์แก้เหงา เพียงอย่างเดียว แต่ก็ยังรับผิดชอบชีวิตของแคลร์ต่อ ซึ่งเขาก็ชัดเจนที่บอกกับแคลร์ว่า ถ้าออกจากคุก ก็ให้แคลร์ไปมีชีวิตใหม่เถอะ อย่ายึดติดอยู่กับเขา แต่พี่ก็เข้าใจแคลร์ เพราะเขาคือคนแรกของแคลร์ แคลร์เลยรู้สึกว่า รักครั้งนี้มันยิ่งใหญ่มาก เหมือนว่ามันเป็นพรหมลิขิต และมันคงจะดีมากถ้าเราได้อยู่ด้วยกันต่อไปจากนี้ แต่พี่คาดว่า แคลร์ไม่ใช่คนแรกของเขา แน่นอน และหลังจากแคลร์เขาก็ยังจะมีคนใหม่อีก ซึ่งเขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่า เขาไม่ได้อยากมีอนาคตกับแคลร์ต่อ และเขาก็ไม่ได้ต้องการแคลร์หลังออกจากคุก ซึ่งนี่ก็เป็นคำตอบที่ใหญ่พอที่จะทำให้แคลร์เดินหน้าต่อ เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ ถ้าเต็มที่สุด ๆ แคลร์อาจจะบอกกับเขาว่า แคลร์เข้าใจพี่นะ แต่ถ้าหากวันใดวันนึง ที่พี่ออกมาจากคุกแล้ว แล้วถ้าเราอยากคุยกันโดยที่ยังโสดทั้ง 2 ฝ่าย แคลร์ยังยินดีนะ แคลร์ แต่หากรอตั้งแต่ตอนนี้ มันจะเป็นการทุกข์ใจมากถึงมากที่สุด และสุดท้าย “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘ให้แคลร์ ไปดูรายการที่มีการสัมภาษณ์กลุ่มหนุ่มสาว LGBTQ+ ในเรือนจำ ซึ่งบทสัมภาษณ์ในรายการก็จะให้คำตอบทุกอย่าง เรื่องราวมักจะคล้ายกับสถานการณ์ที่แคลร์เจอมา เรื่องราวในนั้น เกิดขึ้นในนั้น และจบลงในนั้น ถ้าออกมาต่างคนก็ต่างไปใช้ชีวิตของตัวเอง ซึ่งหากแคลร์ได้ดู แคลร์ก็อาจจะเข้าใจอะไรหลาย ๆ อย่างมากยิ่งขึ้น และหลังจากที่พี่อ่านแชทมาพี่ได้เข้าใจเลยว่า ความสุขของเขามันเกิดขึ้นแค่ในโลกเรือนจำ พอแคลร์ออกมาเรื่องมันก็จบ ไม่ใช่ว่าเค้าไม่รักในตัวแคลร์ แต่เป็นเพราะว่าสภาพแวดล้อมมันเปลี่ยน เรื่องมันเลยต้องจบลง ซึ่งการที่เขาออกมา มันไม่ได้การันตีเลยว่า เขาต้องสานต่อกับเรื่องราวที่เขาคิดว่ามันจบลงแล้ว ถ้าแคลร์ลองตั้งสติคิดดู แคลร์ก็รู้ว่า เขาอยากให้เรื่องราวนี้มันจบ จากการที่เขาตอบคำถามก็ตามมันก็ชัดเจนมากอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อเขาชัดเจนขนาดนี้ ก็อยู่ที่แคลร์จะยอมความจริงได้เร็วแค่ไหน ช่วงแรกมันก็อาจจะรู้สึกเศร้าบ้าง แต่มันก็ไม่ถึงขั้นทรมานเท่าการรอใครสักคนหนึ่ง ตอนนี้มันก็ต้องทำใจนิดนึง แล้วก็มีชีวิตใหม่ ให้มันกลายเป็นเรื่องราวดี ๆ ที่จบลงในเรือนจำ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

กลายเป็นมือที่สามของคู่รักที่คบกันมา 10 กว่าปี พอรู้เรื่องก็ถอยออกมา แต่ผู้ชายกลับบอกว่าเลือกเรา ตลอดเวลา 1 ปีที่คบกับผู้ชายคนนี้ เขาเพอร์เฟคแทบทุกอย่าง แต่เรารู้สึกกลัวและหวาดระแวงตลอดเวลาว่าเขาจะทำกับเราเหมือนที่เคยทำกับคนนั้น

24 พ.ย. 2023

กลายเป็นมือที่สามของคู่รักที่คบกันมา 10 กว่าปี พอรู้เรื่องก็ถอยออกมา แต่ผู้ชายกลับบอกว่าเลือกเรา ตลอดเวลา 1 ปีที่คบกับผู้ชายคนนี้ เขาเพอร์เฟคแทบทุกอย่าง แต่เรารู้สึกกลัวและหวาดระแวงตลอดเวลาว่าเขาจะทำกับเราเหมือนที่เคยทำกับคนนั้น

กลายเป็นมือที่สามของคู่รักที่คบกันมา 10 กว่าปีพอรู้เรื่องก็ถอยออกมา แต่ผู้ชายกลับบอกว่าเลือกเราตลอดเวลา 1 ปีที่คบกับผู้ชายคนนี้ เขาเพอร์เฟคแทบทุกอย่างแต่เรารู้สึกกลัวและหวาดระแวงตลอดเวลาว่าเขาจะทำกับเราเหมือนที่เคยทำกับคนนั้นควรไปต่อหรือพอแค่นี้ แล้วถ้าบอกเลิกตอนนี้จะดูงี่เง่าไปไหม... “คุณเอฟ (นามสมมติ)” อายุ 26 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (22 พ.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” กับปัญหาที่ไม่รู้ตัวว่าเป็นมือที่ 3 จนคบกันมาถึงตอนนี้ ก็รู้สึกกลัวและระแวงว่าเขาจะนอกใจเหมือนที่เขาเคยทำ โดย “คุณเอฟ (นามสมมติ)” เริ่มเล่าว่า ‘ประมาณปีที่แล้ว ผู้ชายซึ่งเป็นแฟนในปัจจุบัน เขาเข้ามาจีบ โดยเราไม่รู้ว่าเขามีแฟนที่คบกันมากว่า 10 ปีแล้ว เรามาจับได้หลังจากคบกันมาสักพัก พอเรารู้เรื่อง เราก็ถอยออกมา ให้เขากลับไปจัดการเคลียร์กับทางนั้น เราไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย เพราะเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเราเข้าไปเป็นมือที่ 3 หลังจากที่เขากลับไปเคลียร์ เขาก็กลับมาบอกว่า “เลือกเรานะ เขารักเราจริงๆ เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับทางนั้นแล้ว เขาขอโอกาสได้ไหม” เราก็เลยลองให้โอกาสเขาดู ตอนนี้มันก็ผ่านมา 1 ปีแล้ว แต่เราต้องใช้ชีวิตแบบหวาดระแวง กลัวว่าเขาจะทำกับเราเหมือนที่ทำกับคนที่เขาคบมานาน กลัวว่าเราจะต้องไปตกอยู่ในสภาพแบบนั้น กลัวว่าคนรอบข้างเขาจะสมน้ำหน้าเรา เพราะว่าคนที่เขาไม่ได้รู้เรื่องราว เขาก็มองว่าเราไปแย่งผู้ชายมา แล้วสิ้นปีนี้ผู้ชายเขาต้องเปลี่ยนงาน ซึ่งตอนที่เขามาจีบหนู ตอนนั้นเขาก็เปลี่ยนงานมาได้ไม่นาน มาเจอสังคมใหม่ หนูก็เลยกลัวมากว่าถ้าเขาเปลี่ยนสังคมไปแล้ว เขาจะทำแบบเดิมหรือเปล่า หนูไม่รู้จะทำอย่างไรกับความสัมพันธ์นี้ ควรไปต่อหรือควรหยุด เพราะตลอดเวลาที่คบกันมาปีกว่า หนูกังวลเรื่องนี้มาโดยตลอด แต่ที่ผ่านมาเขาก็ดูแลดีทุกอย่าง เป็นผู้ชายที่ดีคนนึง เพอร์เฟคในหลายๆ อย่าง มีไม่เพอร์เฟคแค่เรื่องนี้ ถ้าจะไปต่อในความสัมพันธ์นี้จะไปต่ออย่างไร หรือถ้าจะเลิกมันจะดูงี่เง่าไปไหม’ ทาง “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่าทุกความสัมพันธ์ มันตอบไม่ได้หรอก ว่าใครนอกใจหรือไม่นอกใจ เพียงแต่ว่าแค่คนนี้มันมีเชื้อ มันเหมือนเริ่มต้นผิด เริ่มต้นกับคนผิด แต่…มันก็มีเยอะเหมือนกันที่อยู่ด้วยกันกับคนปัจจุบัน ไปจนแก่เฒ่า สิ่งที่วัดคือ วัดจากปัจจุบันว่าผู้ชายคนนี้รักเรามากแค่ไหน ถ้าเขารักเรามาก เขาจะทำอะไรก็ได้ให้เรารู้สึกมั่นใจ ถ้าวันนึงที่เขามีคนอื่น ผู้ชายมันจะเปลี่ยนไปเอง จะเจอเรายากขึ้น เราจะรู้โดยธรรมชาติของเราเองว่าเปลี่ยนไป พอถึงวันนั้นไม่ต้องรอเจอคนใหม่ ให้เราถามตัวเองเลยว่า เราอยู่แล้วเรามีความสุขไหม ถ้าไม่มีความสุขเราก็แค่เดินออกมา ถ้าวันนี้เราจะไปขอเลิกเขา มันดูงี่เง่าไหม สำหรับพี่ถือว่างี่เง่า ถ้าไม่เอาก็ไม่ต้องเอาตั้งแต่วันแรกสิ ที่หนูบอกว่า ‘เขาดีทุกอย่างเลย เขาแค่นอกใจ’ เขาไม่ได้แค่นอกใจ นอกใจไม่ใช่แค่ เพราะถ้ามันแค่ มันจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของหนูในวันนี้ ถ้าเขาจะนอกใจ เขาก็นอกใจได้ แล้วก็ดีเสียอีก เพราะหนูจะได้ไม่เสียเวลา แต่ถ้าเลิกกันตอนนี้โดยที่เขาไม่มีความผิด มันก็งี่เง่าแหละ แต่เอาเป็นว่าถ้าอยู่กับปัจจุบันแล้วมันไม่มีความสุข ก็ให้เดินออกมา หรือเราต้องคุยกับเขาว่าเรากลัวอะไร อยากให้เขาแสดงความมั่นใจ ถ้าเขารักเราเขาจะทำให้เราได้ เขาอาจจะเลือกเราก็ได้ อาจจะรู้สึกว่าเราใช่แล้ว ไม่อยากเสียเราไป ถ้าถามเขาจะนอกใจไหม มันไม่มีใครตอบได้แม้กระทั่งตัวเขาเอง เขาก็ไม่รู้ว่าวันนึงเขาไปเจอใครแล้วเขาจะหวั่นไหวไหม เขามีความมั่นคงหรือหนักแน่นแค่ไหน ตัวเขาก็ยังไม่รู้ แต่เขารู้แค่ว่าตอนนี้เขามีเรา เขาจะแสดงความมั่นใจให้กับเรา ให้เราอยู่กับปัจจุบันว่าเรามีความสุขไหม’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘อยากจะบอกเอฟอย่างนี้ว่า เวลาเราตัดสินใจคบกับใครสักคน มันก็คือความเสี่ยงทั้งนั้น เพียงแต่ว่าเสี่ยงมากหรือเสี่ยงน้อย ดูจากประวัติในอดีตหรืออะไร แต่ทุกอย่างมันไม่ได้การันตีว่าคนที่เคยบอกเลิกกับแฟนคนนึงเพื่อมาคบกับอีกคนนึง นั่นแปลว่าเขาจะทำอีกแน่ๆ 100% หรือถ้าบอกว่า เขาจะไม่ทำแล้ว เขาเห็นเอฟเป็นรักแท้ มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ หลายๆ เคสมันก็เป็นแบบนี้ เอฟลองคิดว่าเรารับความเสี่ยงกับการคบกันครั้งนี้ได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าตื่นมาทุกวันแล้วต้องระแวงในทุกการกระทำที่เขาทำ นั่นแปลว่าธรรมชาติของคุณ ไม่ใช่คนที่สามารถรับความเสี่ยงอะไรแบบนี้ได้ ก็ไม่จำเป็นที่จะเสียเวลา เสียสุขภาพจิตไปกับตรงนี้ อยากให้คอมเม้นต์อีกด้านนึงว่า ถ้าเราเลิกตอนนี้ คนอื่นจะมองเรางี่เง่าแน่นอน แต่สุดท้ายถ้าเอฟรู้ตัวว่าฉันอยู่ไม่ไหว มันหวาดระแวง ไม่มีความสุข จะตัดสินใจยังไงมันก็เป็นเรื่องของเรา เราเคยให้โอกาสเค้า แล้วแต่พอมาคบกันจริงๆ แล้วมันไปไม่รอดอย่างที่เราหวัง จะจบความสัมพันธ์มันก็ได้นะ คนเรามีสิทธิ์ที่จะลอง ถ้าลองแล้วมันไม่ใช่ ก็มีสิทธิ์ที่จะแยกย้ายเหมือนกัน คนอื่นจะมองว่าเรางี่เง่า แต่มันก็ไม่ผิดอะไรที่เราจะทำให้ตัวเองมีความสุข’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เห็นด้วยกับทั้งพี่เผือกและพี่ต้นหอม เราไม่รู้จริงๆ ว่าคนที่เราอยู่ด้วยวันนึงเขาจะเปลี่ยนไปอย่างไร มันวัดไม่ได้จริงๆ ว่าเวลามันจะเปลี่ยนใคร เพราะฉะนั้นเคสนี้เขาเคยทิ้งผู้หญิงคนนั้นแล้ว แต่วันเวลามันอาจจะทำให้เขาตระหนักได้ว่าเขาไม่ควรทำอย่างนั้นอีกก็เป็นได้ หรือเขาอาจจะทำอีก ก็เป็นได้ ไม่มีใครรู้เลย ถ้าคิดจะให้โอกาส ต้องไม่นอยด์ไปจนถึงเอาเรื่องเก่ามาพูดอีกเลย ถ้าตัดสินใจแล้วว่าจะให้โอกาสไม่ควรที่จะไปคอยระแวง พี่คิดว่ามันไม่แฟร์กับเขาเพราะเราให้โอกาสเขาแล้ว และมันไม่แฟร์กับความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ด้วย พี่คิดว่า ถ้านอยด์แล้วเรื่องมันเกิดก็คือเลิก แต่ถ้านอยด์แล้วเรื่องมันไม่เกิด ก็มีผลว่าจะเลิกกันเหมือนกัน เพราะอีกคนก็ไม่มีความสุข ตัวเราก็ไม่มีความสุข แต่ในขณะที่เราไม่นอยด์แล้วเรื่องเกิดก็เลิกกัน แต่ถ้าเขาไม่เจ้าชู้เราก็มีสิทธิ์ที่จะรักกันไปตลอด ผลมันต่างกัน ถ้าคนเรารักกันแล้วคนนึงมาระแวงตลอด พี่ว่ามันไม่มีความสุข แล้วมันจะเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่น่าจะอยู่ระยะยาว แต่สุดท้ายทั้งหมดมันอยู่ที่ตัวหนู ใครจะมองว่าหนูงี่เง่า มันก็คือชีวิตหนู หนูก็ต้องไปหาที่ที่ทำให้หนูสบายใจ มันไม่มีใครที่จะมามีผลกับชีวิตหนูเลย นอกจากตัวหนูเอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1