ผมไม่เข้าใจ! เวลาไปซื้อของที่ห้าง / สะดวกซื้อ ทีไร สิ่งที่ผมเจอคือ เวลาคนหน้าผมคิดเงินนาน – ของเยอะ พนักงานจะเปิดเค้าเตอร์คิดเงินใหม่ แต่เขาจะเรียกคนที่ 3 คนต่อคิวหลังผมขึ้นไปคิดเงินก่อน แต่ผมที่ยืนเป็นคนที่ 2 มาก่อน กลับต้องรอ เจอแบบนี้บ่อยมาก

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ผมไม่เข้าใจ! เวลาไปซื้อของที่ห้าง / สะดวกซื้อ ทีไร สิ่งที่ผมเจอคือ เวลาคนหน้าผมคิดเงินนาน – ของเยอะ พนักงานจะเปิดเค้าเตอร์คิดเงินใหม่ แต่เขาจะเรียกคนที่ 3 คนต่อคิวหลังผมขึ้นไปคิดเงินก่อน แต่ผมที่ยืนเป็นคนที่ 2 มาก่อน กลับต้องรอ เจอแบบนี้บ่อยมาก

06 มิ.ย. 2025

ผมไม่เข้าใจ! เวลาไปซื้อของที่ห้าง / สะดวกซื้อ ทีไร สิ่งที่ผมเจอคือ เวลาคนหน้าผมคิดเงินนาน – ของเยอะ

พนักงานจะเปิดเค้าเตอร์คิดเงินใหม่ แต่เขาจะเรียกคนที่ 3 คนต่อคิวหลังผมขึ้นไปคิดเงินก่อน แต่ผมที่ยืนเป็นคนที่ 2 มาก่อน

กลับต้องรอ เจอแบบนี้บ่อยมาก จนถามพนักงานว่า ทำไมผมได้ทีหลัง ทั้งๆที่ผมมาก่อน แล้วพนักงานก็เรียกผมไปคิดเงิน

แต่ช้าคนอื่นๆไปเลย

                “คุณนาย (นามสมมติ)” อายุ 34 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [4 มิ.ย. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาเรื่องการต่อคิวเข้าแถวเพื่อชำระเงินสินค้า

                โดย “คุณนาย (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ผมได้ไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าห้างหนึ่งที่ขายเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้าง แล้ววันนั้นมีคนมาต่อคิวหน้าผม 1 คน และต่อหลังผมอีก 3 คน แล้วคนข้างหน้ามีของค่อนข้างเยอะที่เขาต้องจ่าย พวกจาน แก้ว ประมาณ 20 ใบที่มันต้องห่อและระมัดระวัง ทีนี้คนด้านหลังผมอีก 3 คน โดนพนักงานเรียกไปให้เข้าแถวจ่ายเงินอีกเคาน์เตอร์นึง ซึ่งผมก็งงว่าทำไมไม่เรียกผม เพราะผมมาก่อน มันควรจะเรียกหัวแถวก่อนไหม ด้วยความที่ตอนนั้นผมค่อนข้างรีบ แล้วเคาน์เตอร์หลักดันมีแค่เคาน์เตอร์เดียวที่เขาเปิด เพราะเคาน์เตอร์ที่เขาเปิดเพิ่มคือเคาน์เตอร์รอง คนหลังผมมีของไม่เยอะ มีแค่ 3 - 4 ชิ้น ผมเลยสงสัยว่าแบบนี้ปกติไหม? ผมก็เลยถามพนักงานว่า “ทำไมผมได้ทีหลังครับ ทั้งๆที่ผมมาก่อน?”

                หลังจากผมถามเสร็จ เขาถึงเรียกผมไป แต่ก็ช้ากว่า 3 คนที่ต่อหลังผม จน 3 คนที่ต่อหลังผมเขาขึ้นรถกลับบ้านไปแล้ว บางครั้งผมก็เจอตามร้านสะดวกซื้อด้วยเหมือนกัน แล้วพนักงานเขาก็เรียกคนข้างหลังไปก่อน เท่าที่สังเกตมา ผมเจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อยมาก แล้วเป็นช่วงที่รีบด้วย มันก็อารมณ์เสียนิดนึง ผมเลยอยากถามและปรึกษาพี่ๆ ดีเจทั้ง 3 คนว่า ถ้าเราไม่มีน้ำใจเราผิดไหมครับ?

                หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวของคุณนายแล้ว ดีเจทั้ง 3 คน (ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม) ก็ให้ความคิดเห็นและคำปรึกษาไปในทางทิศเดียวกันว่า ‘ส่วนมากที่เจอพนักงานก็จะตัดท้ายแถว เพราะคนท้ายสุดรอนานแล้ว แต่จริง ๆ มันก็ผิดหลัก มันควรเอาคนที่สองมาเลย ซึ่งมันก็เป็นแบบนี้ทุกที่ ฉะนั้นเราก็ควรจะรณรงค์ว่าควรเรียกคนที่มาก่อน อย่าตัดท้ายแถว’

                ทางด้าน “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมอีกว่า ‘สิ่งที่คุณนายพูดดูมีเหตุและผล มันไม่เคยมีใครรู้สึกเสียเปรียบกับเรื่องพวกนี้ ใครที่ทำงานด้านบริการ แล้วกำลังจะเปิดอีกเคาน์เตอร์นึงเพื่อให้ลูกค้ามาชำระสินค้า ให้เรียกคนที่มาก่อน “First come First Serve ใครมาก่อนต้องได้รับบริการก่อน”  สุดท้ายคือ จริง ๆ แล้วเขาก็ไม่ได้ผิดหรอก แต่มันคือวิถีที่ทำตามกันมา มันไม่มีใครลุกขึ้นมาบอก ซึ่งรวมถึงการที่เราไม่มีน้ำใจมันก็ไม่ใช่สิ่งผิดเหมือนกัน เพราะมันคือการรักษาสิทธิ์ตัวเองตามลำดับก็เท่านั้นเอง’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

หนูทำงานมา 5 อาชีพ ทุกที่ประเมินไม่ให้ไม่ผ่านงานเลย จนตอนนี้กลายเป็นเด็กจบใหม่ ที่รู้สึกหมดกำลังใจในการมองหางาน จะสร้างความมั่นใจยังไงให้ตัวเองดีคะ? ตอนนี้มันรู้สึกเฟลไปหมดเลย

07 ก.พ. 2025

หนูทำงานมา 5 อาชีพ ทุกที่ประเมินไม่ให้ไม่ผ่านงานเลย จนตอนนี้กลายเป็นเด็กจบใหม่ ที่รู้สึกหมดกำลังใจในการมองหางาน จะสร้างความมั่นใจยังไงให้ตัวเองดีคะ? ตอนนี้มันรู้สึกเฟลไปหมดเลย

“คุณปอ (นามสมมติ)” อายุ 22 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [5 ก.พ. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาการทำงาน เปลี่ยนมาหลายที่แต่สุดท้ายก็โดนประเมินไม่ผ่าน โดย “คุณปอ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูเพิ่งจบจากมหาวิทยาลัยย่านบางเขน และกำลังหางานประจำอยู่ หนูลองสมัครงานหลายประเภท ทั้งพาร์ทไทม์ ผู้ช่วยครู และงานราชการ แต่ไม่ว่างานไหนก็รู้สึกว่าไม่ใช่สิ่งที่ชอบ พอทำไปสักพักก็ไม่แฮปปี้ ต้องลาออกเอง หรือบางครั้งก็ไม่ผ่านการประเมินงาน ตอนนี้หนูว่างงานได้ประมาณ 1 สัปดาห์แล้ว ผ่านงานมา 5 - 6 ที่ แต่ก็ยังไม่เจองานที่ใช่ ก่อนหน้านี้ เคยทำงานเลขามา 5 เดือน แต่ล่าสุดทำงานธุรการโรงเรียนได้ 1 สัปดาห์ก็ถูกประเมินว่าไม่ผ่านการฝึกงาน เขาได้ให้เหตุผลที่ว่า หนูติดโทรศัพท์ ยังทำงานเอกสารไม่คล่อง และช่วยงานองค์กรได้น้อย และหนูเคยลาออกจากงานเลขา เพราะบริษัทกำลังจะ Lay off พนักงาน หนูเลยลาออกเอง แต่ในงานผู้ช่วยครูและธุรการ หนูโดนประเมินว่าไม่ผ่าน ตอนทำงานเป็นผู้ช่วยครูที่โรงเรียนเด็กเล็ก หนูโดนตำหนิว่าเข้ากับเด็กได้ยาก และผู้ปกครองให้ฟีดแบคว่าหนูดูหน้าตึง ทำให้เด็กกลัว หนูรู้ตัวว่าไม่ค่อยเหมาะกับงานนี้ แต่ก็สมัครเพราะอยากลองพัฒนาตัวเอง จนสุดท้ายก็รู้ว่ามันไม่ใช่ นอกจากนี้ เคยทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านชา แต่ทำได้เพียงวันเดียวก็ถูกประเมินว่าไม่ผ่าน เพราะทำงานช้า ไม่ทันลูกค้า ทางร้านจึงให้หยุดทำต่อ หนูเป็นคนที่ค่อนข้างเฉื่อย ทำงานช้า ซึ่งกลายเป็นอุปสรรคในการทำงานและการสมัครงานครั้งต่อ ๆ ไป หนูเลยอยากขอคำปรึกษาจากพี่ๆดีเจว่า สามารถแนะนำงานที่เหมาะกับหนูได้หรือเปล่า? เพราะตอนนี้หนูยังว่างงานอยู่ และไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดี รวมถึงจะมีวิธีแก้ไขนิสัยส่วนตัวของหนูได้บ้างไหมคะ?’ เริ่มที่ “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘ลองเสพคอนเทนต์ที่ต้องใช้พลังงานเยอะ ๆ ดูว่าคนเหล่านั้นมีเอนเนอจี้ในการใช้ชีวิตยังไง หรือฟังไลฟ์โค้ช พอดแคสต์ หรือเสิร์ชหาวิธีเพิ่มเอนเนอจี้ให้ตัวเอง พี่เชื่อว่าถ้าปอได้เจองานที่ตัวเองชอบจริง ๆ ปออาจจะรู้สึกสนุกและอยากไปทำงานเองโดยไม่ต้องฝืน’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘ตอนนี้ปอยังไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่บีบคั้นให้ต้องดิ้นรน แต่ถ้าปอไม่ปรับตัว สุดท้ายจะไม่มีทางได้งาน และจะโดนประเมินไม่ผ่านแบบนี้ไปเรื่อย ๆ แล้ววันหนึ่งจะไม่มีกิน ปอลองคิดดูว่าตอนนี้เศรษฐกิจเป็นยังไง คนโดน Lay off ไปเยอะขนาดไหน เด็กจบใหม่มีมากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเรายังมีเอนเนอจี้แบบนี้ก็ไม่มีทางรอด ไม่มีใครมาบังคับปอได้ นอกจากตัวปอเองที่ต้องหาทางทำให้รอดให้ได้’ สุดท้าย “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘ข้อเสียของปอเป็นข้อเสียที่ทำให้หางานยากมาก ถ้ายอมรับว่าตัวเองเฉื่อย การเป็นลูกน้องก็ลำบาก ออกมาทำธุรกิจเองก็ไม่รอดเหมือนกัน สิ่งเดียวที่ช่วยได้คือต้องหางานที่สนุกและรักมันจริง ๆ เพื่อให้ตัวเองมีแรงฮึด หรือถ้ายังไม่เจอ ก็อย่ายอมแพ้ หาไปเรื่อย ๆ เพราะนี่เป็นแค่ก้าวแรก หางานแรก ๆ อาจยังไม่ใช่สิ่งที่ชอบ แต่อย่างน้อยก็จะได้รู้ว่าอะไรไม่ใช่ แล้วใช้เป็นแนวทางหาสิ่งที่เหมาะกับตัวเองต่อไป’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

สาวเครียด! พ่อกับป้าทะเลาะกัน จนป้าออกจากบ้าน ไปอยู่บ้านพี่สาว แต่ก็อยู่ไม่ได้ ย้ายไปอยู่ห้องเช่าคนเดียว ก็เป็นซึมเศร้า ย้ายไปอยู่โฮมแคร์ ก็อยู่ไม่ได้เพราะทะเลาะกับคนในนั้น! ตอนนี้สุขภาพจิตแย่ เพราะทุกครั้งที่คุยกับป้า เขาจะด่าพ่อกับแม่ให้ฟังแทบจะตลอดเวลา

27 พ.ย. 2023

สาวเครียด! พ่อกับป้าทะเลาะกัน จนป้าออกจากบ้าน ไปอยู่บ้านพี่สาว แต่ก็อยู่ไม่ได้ ย้ายไปอยู่ห้องเช่าคนเดียว ก็เป็นซึมเศร้า ย้ายไปอยู่โฮมแคร์ ก็อยู่ไม่ได้เพราะทะเลาะกับคนในนั้น! ตอนนี้สุขภาพจิตแย่ เพราะทุกครั้งที่คุยกับป้า เขาจะด่าพ่อกับแม่ให้ฟังแทบจะตลอดเวลา

สาวเครียด! พ่อกับป้าทะเลาะกัน จนป้าออกจากบ้านไปอยู่บ้านพี่สาว แต่ก็อยู่ไม่ได้ ย้ายไปอยู่ห้องเช่าคนเดียว ก็เป็นซึมเศร้าย้ายไปอยู่โฮมแคร์ ก็อยู่ไม่ได้เพราะทะเลาะกับคนในนั้น!ตอนนี้สุขภาพจิตแย่ เพราะทุกครั้งที่คุยกับป้า เขาจะด่าพ่อกับแม่ให้ฟังแทบจะตลอดเวลาเขาเหลือเราแค่คนเดียว ถ้าไม่อยากคุยกับป้าจะดูแย่รึป่าว... “คุณหนู (นามสมมติ)” อายุ 26 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (22 พ.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม กับปัญหาครอบครัวที่พ่อกับป้าระหองระแหงกัน จนทำให้รู้สึกลำบากใจ โดย “คุณหนู (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ตอนแรกบ้านหนูอยู่กัน 5 คน คือ หนู , พ่อ , แม่ , คุณป้า (พี่สาวพ่อ) และน้องชาย ทีนี้เหมือนความสัมพันธ์ของป้ากับพ่อแม่ไม่ค่อยดีมานานแล้ว มีเหตุการณ์ที่พ่อว่าป้าแรง ๆ ทำให้วันนั้นป้าขอออกจากบ้านไป ซึ่งหนูเป็นคนกลาง ประกอบกับหนูก็สนิทกับป้าที่สุดในบ้าน ป้าเขาก็เลยจะคอยมาเล่าเวลาพ่อกับแม่ทำอะไรไม่โอเค หรือบางทีพ่อกับแม่ทำอะไรที่ไม่โอเคกับเขา เขาก็จะเอามาเล่าให้หนูฟัง หลังจากที่เขาออกจากบ้านหนูไป ป้าเขาก็ย้ายออกไปอยู่กับพี่สาวแท้ ๆ ด้วยกันอีกคนนึง แต่เหมือนอยู่ไม่ได้ เขาอยากกลับมาอยู่ที่บ้านมากกว่า เขารอพ่อมาง้อแต่พ่อหนูเขาก็ไม่ไปง้อ เพราะพ่อบอกว่า “ป้าเขาออกไปเอง ไม่ได้ไล่” ต่อจากนั้นป้าเขาก็ย้ายไปอยู่ห้องเช่าคนเดียว เป็นเหมือนหอพัก ก็ตามสไตล์คนแก่เขาไม่เคยอยู่คนเดียวมาก่อนตลอด 60 ปี พอไปอยู่ก็เหมือนเป็นโรคซึมเศร้า ก็เลยไปอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวชมาเดือนนึง ทีนี้พอออกมา เขาก็พูดว่า “ถ้าเขาอยู่ไม่ได้อีก จะยอมไปอยู่โฮมแคร์ (บ้านพักคนชรา) แล้ว” เพราะว่าตอนแรกหนูอยากให้เขาไปอยู่โฮมแคร์มากกว่า อย่างน้อยมันก็มีคนดูแล แล้วสุดท้ายพอออกมาประมาณ 1 เดือนก็อยู่ข้างนอกไม่ได้ เลยยอมไปอยู่โฮมแคร์ ช่วงระยะเวลาก่อนหน้านี้ ตอนที่เขาพึ่งออกไปจากบ้าน และก็ก่อนที่จะไปเข้าโรงพยาบาลจิตเวช ป้าเขาจะโทรหาหนู มาว่า มาด่าพ่อกับแม่ให้หนูฟังทุกวัน แทบจะตลอดเวลาเลย ทำให้หนูรู้สึกเครียดและไม่อยากจะรับสายเขา แต่พอเขาย้ายเข้าไปอยู่โฮมแคร์ เหมือนเขาก็บอกว่ามันก็โอเคนะ แต่พออยู่มาได้ซักพักนึงป้าเขาก็บ่นว่าอยากออกแล้ว เพราะเหมือนเค้ามีปัญหากับคนในนั้น ตอนนี้เขาบอกว่าอยากจะออกมาอยู่หอข้างนอกเหมือนเดิม แม่ก็เคยถามว่าอยากจะให้เขากลับมาอยู่มั้ย? ซึ่งก่อนหน้านี้หนูก็ไม่ค่อยรู้ตัวเองเท่าไหร่ มันจะมีช่วงที่หนูไม่ค่อยอยากอยู่บ้าน แล้วพอมาช่วงหลัง ๆ หนูมานั่งทบทวนดู คือทุกครั้งที่ป้าเขาเจอหน้าหนูจะต้องว่าพ่อกับแม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ ด่าให้หนูฟัง มันทำให้หนูรู้สึกไม่อยากคุยกับเขา แต่หนูก็รู้ว่าเขามีแค่เรา มันเลยเหมือน “คุยก็เครียด ไม่คุยก็เครียด” หนูอยากจะถามว่า “หนูควรที่จะเปลี่ยนความคิดตัวเองมั้ย คือเขาก็แก่แล้ว และหนูก็พยายามคิดว่าเขามีเราแค่คนเดียว” แต่ที่หนูไปหาจิตแพทย์ เขาก็บอกว่าให้เราเอาตัวเองเป็นหลักถ้าเรารู้สึกไม่ดี หนูเลยคิดว่า หรือว่าเขาควรจะอยู่ในโฮมแคร์ต่อมั้ย คือหนูอยากรู้ความคิดเห็นพี่ ๆเฉยๆ ว่าคิดยังไงกัน... ซึ่ง “คุณหนู (นามสมมติ)” ได้เล่าเพิ่มเติมว่า ‘นิสัยอื่น ๆ ของคุณป้าก็นิสัยดี แต่แค่รู้ว่าเขาเป็นช่วงวัยทองเฉย ๆ ส่วนเรื่องที่มีปัญหากับที่โฮมแคร์ เหมือนว่ามีคนในนั้นเป็นผู้ป่วยติดเตียงชอบเปลี่ยนผ้าอ้อมตอนที่คนอื่นเขากำลังกินข้าวกัน แล้วเหมือนกับว่าป้าหนูเขาก็ไม่พอใจเพราะมันเหม็น เจ้าหน้าที่ก็เคยพูดกับคนที่ติดเตียงคนนี้ไปแล้วว่า “ไว้ค่อยเปลี่ยนได้มั้ย” คนนั้นเขาก็ไม่ยอม ซึ่งคนที่ติดเตียงเขาอยู่มาก่อนเลยมีพรรคพวกในนั้นเยอะ ป้าหนูเขาเลยเหมือนทะเลาะและโดนรุม คือเขาบอกว่าเขาจะไม่ไปอยู่โฮมแคร์ที่ไหน ๆ อีกแล้ว เขาบอกว่าที่ไหน ๆ ก็เหมือนกัน แต่ว่าหนูมองว่า ถ้าเป็นราคาที่มันสูงกว่านี้ขึ้นมา มันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรอย่างงี้ แต่ว่าด้วยสถานะทางการเงินไม่ได้เอื้ออำนวยเราขนาดนั้น คือ คุณป้าจะมีพี่สาวของคุณป้าที่ให้เงินแต่ละเดือนทุกเดือนอยู่ ตอนแรกป้าหนูเขาจะใช้เงินที่เก็บไว้ แต่ว่าช่วงที่เขาไปอยู่กับพี่สาว แล้วพี่สาวเขาไม่โอเค ให้ออกอะไรแบบนี้ เขาก็โทรมาคุยกับพ่อหนูว่าเดี๋ยวจะให้เดือนละเท่านี้ ๆ นะ “พาป้ากลับไปได้มั้ย” เพราะพี่สาวป้าเขาก็พึ่งหายจากมะเร็ง ลูกเขาก็ไม่อยากให้เขาเครียดด้วย พ่อหนูเขาก็ไม่ค่อยอยากให้ป้ากลับมาอยู่บ้านเหมือนกัน เพราะเหมือนพ่อมองว่าป้าทำให้น้องชายหนูทำอะไรเองไม่เป็น แต่จริง ๆ หนูมองว่าปัญหามันก็เกิดจากทุกคนในบ้าน ซึ่งหนูไปอยู่หอตั้งแต่อายุ 13 ก็เลยไม่ได้สนิทใกล้ชิดกับคนในบ้านขนาดนั้น แล้วเหมือนแม่กับป้าก็สปอยน้องขั้นสุด จากที่หนูคิด ป้าหนูก็ช่วยน้องเกินไปจริง ๆ น้องหนูอายุ 21 ป้ายังช่วยจัดกระเป๋าไปมหาลัยให้อยู่เลย หรือแม้แต่ตอนนี้น้องหนูยังนั่งรถเมล์เองไม่เป็นเลย แต่ทุกวันนี้ที่ป้าไม่อยู่ น้องเขาก็ทำด้วยตัวเองเพราะหนูไม่ช่วย ก็เห็นว่าน้องก็ทำได้ “กำลังคิดว่าหนูมองเขาในแง่ร้ายเกินไปมั้ย ทำกับเขาแย่รึเปล่า ที่ไม่อยากรับสายเขา ไม่อยากคุยกับเขา ทั้ง ๆ ที่เขาก็เหลือเราแค่คนเดียว” ด้าน “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เรื่องที่ว่าหนูมองโลกในแง่ร้ายจนรู้สึกกับเขาแบบนั้น เท่าที่พี่ฟังมา ถ้าพฤติการณ์รอบข้างเป็นแบบนี้ ถ้าเขาไปอยู่ที่ไหนแล้วคนก็จะไม่อยากอยู่กับเขา แสดงว่าเขาก็คงจริง ๆ แหละที่ทำให้หนูรู้สึกแบบนี้ จนหนูต้องไปคุยกับคุณหมอ พี่ว่ามันมีมูลแหละ หนูคงไม่ได้อยากรู้สึกไปเอง เพราะตอนนี้เหตุการณ์มันก็ชัดเจนว่าไปอยู่กับใครก็มักจะมีปัญหา พี่คิดว่าน่าจะให้เขาไปอยู่บ้านพักคนชราเพราะกลัวว่าถ้าไปอยู่คนเดียวจะซึมเศร้าอีก แล้วมันอาจจะนานไปจนสายเกินแก้พี่ว่ามันมีผลกระทบเยอะกว่าการไปอยู่บ้านพักคนชรา คือตอนนี้มันอยู่ที่ว่าเขาปรับตัวกับคนอื่นไม่ได้ แต่ถ้าเงื่อนไขในชีวิตเขา เขาไม่มีที่ไปแล้ว หนูก็ต้องคุยกับเขาให้ได้ว่าเขาจะต้องปรับตัวอยู่ให้ได้ เพราะบ้านพักก็มีเพื่อน มีอาหารต่าง ๆ ให้ ซึ่งมันก็ดีกว่าการไปอยู่หอพักคนเดียว เราอาจจะต้องคุยกับเขาให้เขาเห็นว่าเราหวังดีกับเขา บอกเขาตรง ๆ’ ต่อมาเป็น “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ป้า ป้าต้องฟังนะป้าต้องทบทวนก่อนว่าทำไมมันเกิดอะไรขึ้นในชีวิตป้าจนป่านนี้ ทำไมป้าถึงอยู่กับใครไม่ได้ ป้าต้องมีเวลาทบทวนตัวเองหรือคุยกับตัวเอง ไม่งั้นป้าจะย้ายที่จนไม่มีที่สิ้นสุด ป้าจะย้ายไปเรื่อย วันนี้ปัญหา คือ ป้าไม่สามารถอยู่กับใครได้ ป้ากำลังเล่นบทผู้ถูกกระทำ คนรอบข้างกระทำป้าทั้งหมด วันนี้ไหน ๆ ป้าอยู่บ้านพักคนชรา อยากให้ป้าทบทวนว่าเราสามารถปรับตัวอะไรได้บ้าง ป้าเป็นคนเก่ง ใช้ความเก่งของตัวเองในการปรับตัวให้อยู่กับคนอื่น มันไม่มีใครที่ทำอะไรถูกใจเราทั้งหมดหรอก แต่เราต้องอยู่บนโลกใบนี้ให้ได้ เราต้องอยู่บนที่นี้ให้ได้ ฉะนั้นเราลองปรับเปลี่ยนตัวเองดูมั้ย ลองปล่อยวางดูมั้ย เผื่อว่าอะไรดี ๆ มันจะดีขึ้น บอกป้าเขาอย่างงี้ บอกให้ป้าได้คิด เพราะจากเสียงหนูแล้ว หนูเป็นคนที่ยอมป้าทุกอย่าง แล้วหนูเป็นคนที่แบบเหมือนเป็นฟูกให้กับป้า “มีอะไร ก็มาล้มทางนี้” นี่คือฟูกชิ้นสุดท้ายแล้วป้า ก่อนที่ป้าจะเสียหนูไปอีกคน เพราะหนูบอกแล้วว่าหนูไม่ต้องการพลังงานลบ หนูจะรู้สึกดีใจ และภูมิใจมากที่ป้ายังอยู่ที่นี่อยู่ร่วมกับคนอื่นได้ และมันก็เป็นประโยชน์กับชีวิตป้า แล้วพอป้าจะขอพูดเรื่องนั้น ให้บอกป้า หยุดดดดด! ไม่ต้องพูด ให้ป้าคิดก่อนว่าสิ่งที่ป้าจะพูดออกมานั้นคนอื่นเสียหายหรือไม่ ถ้าเกิดว่าสิ่งที่ป้าพูด คนอื่นเสียหายป้าไม่ต้องพูดหรือลืมมันไป วันนี้ต้องการโทรแค่ “ป้ากินข้าวยัง สบายดีมั้ย” ต้องการแค่นี้ อยากได้แค่ความห่วงใยในมุมบวก เราควรมาแลกซึ่งกันและกัน และถ้าเกิดว่าป้าปรับตัวสามารถเข้ากับคนอื่นได้ วันนึงป้าอาจจะกลับมาอยู่ในบ้านเราก็ได้นะ แต่ถ้าเราไม่อยากให้เขากลับมาก็อย่าพูดประโยคนี้ออกไป’ และสุดท้ายเป็น “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เอาตัวเองให้รอดก่อน ยุคนี้เอาตัวเองให้ตลอดรอดฝั่งโดยไม่ต้องกังวลอะไรก็ยากแล้ว ในเวลาแบบนี้เราจะแบกเขาไปได้ถึงไหน ก็คือจะดูแลไปตลอดเลยมั้ย ถ้าคุณหนูมีกำลังและสามารถดูแลได้ ก็ทำได้ตามความต้องการ แต่เท่าที่ฟังมาก็ดูเหมือนจะไม่ได้ เราก็มีคุณพ่อคุณแม่ของเราที่เราจะต้องดูแล ช่วยเหลือเท่าที่เราจะช่วยเหลือได้ การที่ป้าไปอยู่โฮมแคร์แล้วเราก็ต้องช่วยเหลือ คือ เราก็ช่วยเหลือตรงนั้นได้ แต่หมายความว่าจะเอาเขามาอยู่ในชีวิตเราตลอดก็คงเป็นไปไม่ได้ แล้วเวลาจะช่วยเหลือใคร เราเองก็ต้องสบายใจด้วย ถ้าเราไม่สบายใจเราจะมีกำลังไปช่วยเหลือเขาได้ยังไง ถ้าการมีอยู่ของเขามันทำให้เราสภาพจิตใจไม่ดีเลย แล้วมันดีจริง ๆ เหรอกับการที่หยิบยื่นมือไปช่วยเขาแล้วเราก็เจ็บเอง พี่เชื่อว่าการจะช่วยเหลือใคร ตัวเราต้องสบายใจก่อน สบายใจปุ๊บ จิตมันก็ดี เราก็มีกำลังที่จะช่วยเหลือกัน แต่เท่าที่ฟังดูเรื่องที่เปลี่ยนผ้าอ้อมตอนกินข้าวมันก็พอมีเหตุมีผลอยู่ แต่ว่าพอพิจารณาจากทั้งชีวิตเขาแล้ว มันก็น่าแปลกที่เขาจะมีปัญหาตลอดทางจริง ๆ แล้วก็เชื่อว่าต่อให้ด่าไปก็ไม่น่าเปลี่ยน คิดว่าด่าไป เขาก็จะงอนแล้วก็จะหาย สิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้มา 60 ปีแล้ว มันกลายเป็นตัวเขาไปแล้ว มันคงยากที่เขาจะเปลี่ยนแล้ว เขาไม่ได้เกิดมาพร้อมทัศนคติที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เข้ากับคนอื่น ๆ ด้วย ซึ่งถ้าเขาไม่เปลี่ยนและเราไม่ไหว ก็เอาเท่าที่เราไหว’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

เวลาเข้าห้องน้ำสาธารณะ หนูจะได้กลิ่นเหม็นมากๆจากห้องข้างๆ พอหนูสังเกตุ กลิ่นเหล่านั้นจะมาจาก คนที่ขับถ่ายแล้วกดน้ำทีเดียวตอนจบ จะแช่ไว้จนกว่าจะทำธุระเสร็จ ส่วนหนูจะขับถ่ายไปด้วย แล้วก็กดน้ำไปด้วย กลบเสียงด้วยเพราะเกรงใจห้องข้างๆ

30 ก.ย. 2025

เวลาเข้าห้องน้ำสาธารณะ หนูจะได้กลิ่นเหม็นมากๆจากห้องข้างๆ พอหนูสังเกตุ กลิ่นเหล่านั้นจะมาจาก คนที่ขับถ่ายแล้วกดน้ำทีเดียวตอนจบ จะแช่ไว้จนกว่าจะทำธุระเสร็จ ส่วนหนูจะขับถ่ายไปด้วย แล้วก็กดน้ำไปด้วย กลบเสียงด้วยเพราะเกรงใจห้องข้างๆ

เวลาเข้าห้องน้ำสาธารณะ หนูจะได้กลิ่นเหม็นมากๆจากห้องข้างๆ พอหนูสังเกตุ กลิ่นเหล่านั้นจะมาจากคนที่ขับถ่ายแล้วกดน้ำทีเดียวตอนจบ จะแช่ไว้จนกว่าจะทำธุระเสร็จ ส่วนหนูจะขับถ่ายไปด้วยแล้วก็กดน้ำไปด้วย กลบเสียงด้วยเพราะเกรงใจห้องข้างๆ เลยอยากรู้ว่าเป็นเรื่องปกติไหมทุกคนทำยังไงกันคะ? กดน้ำทีเดียวตอนเสร็จ หรือ กดน้ำระหว่างขับถ่ายไปเรื่อยๆ “คุณนุ่น (นามสมมติ)” อายุ 20 สายที่ 3 ในรายการพุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [24 ก.ย. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาการขับถ่ายในที่สาธารณะ โดย “คุณนุ่น (นามสมมติ) ได้เล่าว่า หนูไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งที่หนูเข้ามันเป็นห้องน้ำสาธารณะของออฟฟิศ บางครั้งเราจะเจอปัญหา เหมือนห้องข้างๆ เขากำลังถ่ายอยู่ แล้วกลิ่นมันแรงมากจนโชยตีขึ้นจมูก หนูไม่ได้ตั้งใจทำกริยา พะอืดพะอม แต่มันอั้นไว้ไม่ไหวเลย เพราะมันเหม็นมากจนอาการของเรา มันมาทันทีที่ได้กลิ่น เขาจะรู้ตัวมั้ยว่าการทำธุระของเขามันส่งกลิ่นแบบแรงมาก หนูเลยตัดสินใจไปค้นหาดูในกูเกิ้ล แล้วก็เจอว่าเวลาที่ขับถ่ายออกมา แล้วระเบิดก้อนนั้นลงน้ำแล้ว บางคนเขาก็จะกดน้ำทันที จะถ่ายกี่ครั้งก็จะกดน้ำตามเลย เพื่อที่จะไม่ให้กลิ่นมันฟุ้งออกมา แต่หลายๆคนก็จะรอปล่อยให้หมดไส้ หมดพุง แล้วค่อยกดน้ำทีเดียว หนูอยากถามว่า... คนส่วนใหญ่ เขาเป็นแบบที่กดทันทีเลย หรือ ปล่อยให้หมดแล้วกดทีเดียว และอีกคำถามคือ หนูชอบรู้สึกว่า เวลาทำธุระ จะไม่ทำให้มีเสียงดังเพราะเกรงใจคนอื่น อันนี้ปกติมั้ยคะ เริ่มที่ “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ส่วนใหญ่ผมทยอยกดหมด เพราะไม่อยากให้เหม็นบ้าน แต่จริงๆที่ไหนก็กดหมดเลย หลักๆเพราะไม่อยากให้เหม็น ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า นี่ว่าสถานที่มีผล ถ้าเข้าข้างนอกก็อาจจะต้องทยอยกด แต่ถ้าโดยส่วนตัวก็รอทำธุระให้หมดทีเดียว ค่อยปิดฝา แล้วกด ส่วนที่ทำธุระเบาๆ ก็เป็นปกติมาก เพราะเราเกรงใจถูกแล้ว สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ไม่ควรกด ทำธุระเสร็จแล้วค่อยกดทีเดียว เพราะเชื้อโรคจะขึ้นมา แล้วอวัยวะผู้หญิงมันซับซ้อนมาก เชื้อโรคจากการกดมันพุ่งได้เป็นเมตร ยิ่งถ้าช่องคลอดคุณแห้ง เชื้อก่อโรคก็จะเกาะติดกับเชื้อโรคคุณง่ายขึ้น มันจะทำให้คุณติดเชื้อ ส่วนมากต่างประเทศ เขาจะทำธุระให้เสร็จ แล้วค่อยกด เราเป็นกุลสตรี ไม่แปลกที่เราจะขับถ่ายเสียงเบา เป็นเรื่องที่ดี อีกวิธีที่อยากแนะนำ คือให้พกน้ำหอมกันไป หลังทำธุระเสร็จก็ดับกลิ่นหน่อยเรื่องราวทั้งหมดนี้จะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App AtimeFung Fin

เราเป็นทอม เคยคบกับแฟนผู้หญิงตอนมัธยม เลิกกันไป มาเจออีกที แฟนเก่าเราอุ้มลูก มีสามีแล้ว เราโกรธบล็อกเขาทุกช่องทาง แล้วเราก็มีแฟนใหม่ จนทราบข่าวว่าแฟนเก่าเสียชีวิต ย้อนดูในโซเชียลเขาไม่เคยลบรูปเราเลย พยายามติดต่อมาคุยกับเรา

07 มิ.ย. 2024

เราเป็นทอม เคยคบกับแฟนผู้หญิงตอนมัธยม เลิกกันไป มาเจออีกที แฟนเก่าเราอุ้มลูก มีสามีแล้ว เราโกรธบล็อกเขาทุกช่องทาง แล้วเราก็มีแฟนใหม่ จนทราบข่าวว่าแฟนเก่าเสียชีวิต ย้อนดูในโซเชียลเขาไม่เคยลบรูปเราเลย พยายามติดต่อมาคุยกับเรา

เราเป็นทอม เคยคบกับแฟนผู้หญิงตอนมัธยม เลิกกันไป มาเจออีกที แฟนเก่าเราอุ้มลูก มีสามีแล้วเราโกรธบล็อกเขาทุกช่องทาง แล้วเราก็มีแฟนใหม่ จนทราบข่าวว่าแฟนเก่าเสียชีวิตย้อนดูในโซเชียลเขาไม่เคยลบรูปเราเลย พยายามติดต่อมาคุยกับเรา รู้สึกติดค้างไม่ได้พูดอะไรกับเขาเลย “คุณนิค (นามสมมติ)” อายุ 27 ปี สายที่สองในรายการพุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ [5มิ.ย.67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาความรักที่ความรู้สึกยังค้างคา โดย “คุณนิค (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เป็นเรื่องราวที่เราเคยถูกผู้หญิงคนหนึ่งทิ้งไปนานมากแล้ว ซึ่งเรื่องมันจบไปแล้วแต่เรายังรู้สึกผิดอยู่ เริ่มจากเราเคยเป็นเพื่อนร่วมห้องกันมาก่อนตั้งแต่ม.ปลาย เค้าเคยมีแฟนเป็นผู้ชายมาก่อนแล้วก็ค่อยมาคบกับเราที่เป็นทอม เวลาที่เค้าทะเลาะกับเพื่อนเราก็จะอยู่ข้าง ๆ เค้าตลอด เค้าก็มักจะบอกกับเราว่า “อย่าทิ้งเค้าไปไหนนะ” เพราะเราเหมือนเป็นที่พึ่งทางใจให้กับเค้า จนจุดเปลี่ยนมันเกิดช่วงที่เราทั้งคู่เข้ามหาลัย เค้าสอบติดมหาลัยที่อยู่ต่างจังหวัด เราก็ไปส่งเค้าที่สนามบิน แต่หลังจากนั้นได้ 2 อาทิตย์เค้าก็โทรมาบอกเลิกเราเลย ทั้งๆไม่มีสัญญาณอะไรและเราก็ไม่ได้เตรียมใจไว้เลย ซึ่งเหตุผลที่เค้าบอกเราคือเราขี้หึงเกินไป งี่เง่าเกินไป โทษความผิดให้กับเราหมดเลย เราเลยไปส่องเฟซบุ๊คของเค้า และสิ่งที่เราเจอคือเค้าโพสรูปคู่กับผู้ชายคนหนึ่งที่น่าจะเป็นคนคุยใหม่ของเค้า เราเลยโกรธเค้ามาก ไล่ลบรูปคู่ทั้งหมด บล็อกเค้าทุกช่องทาง แต่ด้วยความที่พี่สาวของเราเรียนที่มหาลัยเดียวกับเค้า เราเลยยังได้ทราบข่าวเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้าง หลังจากจบมหาวิทยาลัย แฟนเก่าเราประกาศแต่งงานทันที เราก็แอบรู้สึกช็อคนิดนึงแต่ก็รู้สึกว่ามันผ่านมานานมากแล้วทำไมถึงต้องไปคิดอีก แต่มันดันมีเรื่องบังเอิญที่ทำให้เราต้องไปเจอเค้าและภาพที่เราเห็นคือเค้ากำลังอุ้มลูกอยู่ เราตัวชา ทำตัวไม่ถูก เลยเลือกที่จะเดินสวนไป ผ่านไปสักพักเราก็ได้ยินข่าวคราวอีกทีคือเค้าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ทั้งแม่และพี่สาวก็ไปให้กำลังใจเค้าและเหมือนจะดีขึ้น แต่สุดท้ายเค้าก็เสียชีวิต พอเราได้ยินแบบนั้นก็เหมือนโลกถล่ม สิ่งที่เราพยายามเกลียดเค้าหรือลืมเค้ามาโดยตลอดทำให้เราเสียศูนย์ไปเลย เราเลยขอแฟนคนปัจจุบันไปงานศพของเค้า และเราก็เสียใจที่คุยกับเค้าผ่านธูป และบอกกับตัวเองว่าทำไมเราไม่ทักไปคุยกับเค้า ทำไมเราถึงใจร้ายกับเค้า เราเลยกลับไปดูในเฟสบุ๊คคือเค้าไม่เคยลบรูปคู่กับเราเลย มันเลยยิ่งทำให้เราคิดว่าทำไมมีแต่เราที่มีทิฐิ และโกรธเค้าอยู่ฝ่ายเดียว ทำให้เราต้องไปปรึกษาจิตแพทย์และกินยา แต่เมื่อไหร่ที่นึกถึงเค้าเราก็จะร้องไห้ตลอด เลยอยากจะถามพี่ ๆ ว่าเราผิดมั้ยที่ตอนเลิกกันเราบล็อกเค้าทุกช่องทาง และถ้าอยากเลิกคิดเรื่องนี้พี่ช่วยแนะนำมุมมองใหม่ให้ได้มั้ยคะเพราะเราจมปลักกับตรงนี้มานานมาเกินครึ่งปีแล้ว’ ซึ่ง “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คุณนิคไม่ผิดที่บล็อกเค้าเพราะเค้าบอกเลิกเรา จริง ๆ สำหรับผู้หญิงเรื่องแบบนี้เค้าวางแผนมาแล้วว่าจะเลิก กะว่าไปถึงอีกจังหวัดเค้าจะหาวิธีบอกเลิก หรือเค้าอาจจะไปแล้วไปเจอใครที่นู้นภายใน 2 อาทิตย์ สำหรับหอมมันก็คือการนอกใจ ก็ไม่มีอะไรที่ทำให้เราต้องเสียดาย เป็นหอมหอมก็ไม่ทักหา อาจจะใช้เวลาไปสักพักถึงจะให้อภัย ฉะนั้นตรงนี้ไม่ผิดอยู่แล้วเพราะเลิกกันไม่ดี ส่วนรื่องเปลี่ยนมุมมอง หอมว่าเราไม่ใช่หมอดู ไม่มีใครรู้อนาคตว่าใครจะต้องไปเจออะไร แล้วสัจธรรมของชีวิตคน เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องปกติมาก ไม่วันหนึ่งคุณนิคไปเค้าก็ไป มันไม่ใช่ความผิดเรา สิ่งที่เราทำมันก็ถูกต้องแล้วคือต่างคนต่างใช้ชีวิตเพราะเลิกกันไปแล้ว นิคอาจจะรู้สึกเสียดายที่น่าจะให้อภัยและคุยกับเค้าเพราะนี่คือเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่ง หอมคิดว่ามันเป็นความเสียดายมากกว่าที่คุณนิคจะเก็บมาโทษตัวเองว่าเราทำผิดทำไมเราไม่คุยกับเธอ มันไม่ใช่แค่คุณนิคอย่างเดียว เค้าอยากคุยกับเรารึเปล่า อันนี้ก็ไม่รู้ แล้วที่บอกว่าไลน์เด้งมาหาเราก็มีคนให้ข้อสันนิฐานว่า จริง ๆ เค้าอาจจะไม่ได้แอดเรามา แต่ถ้ามีเบอร์เราไลน์มันก็จะเด้งอัตโนมัติเวลาที่เค้าเปลี่ยนมือถือ และในเมื่อเค้าเป็นคนทิ้งเราก่อนเราก็ไม่ผิดที่เราทักเค้าไป แล้วการที่คุณนิครู้สึกว่าเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน และวันที่เค้าเสียชีวิตแล้วคุณนิคจะไปอโหสิกรรมอันนี้ก็เปนเรื่องที่ถูกต้อง เพราะเราไม่รู้เลยว่าวันหนึ่งเค้าจะเจออะไร เค้าจะจากเราไปตอนไหน ถ้าคุณนิครู้สึกว่านี่เป็นบทเรียนและไม่อยากเจอเรื่องแบบนี้อีก วันนี้คนที่อยู่ข้าง ๆ คุณนิค คุณนิคก็ต้องทำดีกับเค้าเช่น แฟนใหม่ที่เราคบ ถ้าวันหนึ่งเค้าเป็นอะไรขึ้นมาเราจะเสียดายอะไรที่เรายังไม่ได้ทำบ้าง ให้ทำกับคนนี้หรือทำกับคนรอบข้างเหมือนจะจากกันตลอดเวลา เพราะงั้นทำตีต่อกันกับคนที่ยังเหลืออยู่ อันนี้หอมว่าดีกว่า และเลิกคิดถึงคนที่จากไปแล้วและไม่ต้องโทษตัวเอง เพราะเค้าไปแล้วและไม่รับรู้อะไรแล้ว’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ก็ใกล้เคียงกับหอม เพราะพี่ก็ถามว่าว่าทำไมนิคคิดว่าตัวเองผิด แต่ด้วยจังหวะของการเลิกกันมันอาจจะกระทันหัน ซึ่งการเลิกกันแบบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่เกิดขึ้นกับคู่อื่น ๆ คนเรามีการบอกบอกเลิกหรือวิธีหยุดความสัมพันธ์ที่ไม่เหมือนกัน บางคนก็หายไปเลย บางคนก็มานั่งคุย อันนี้ก็แล้วแต่คู่ แล้วพอเลิกกันไปผมมองว่าต่างคนต่างวางตัวกันดี เอาจริงคุณนิคก็ไม่ควรทักไปอยู่แล้ว เพราะมันไม่มีสาเหตุที่ต้องคุยกันในฐานะเพื่อนเก่าหรืออะไรก็ตาม ยิ่งทักคุยกันอาจจะยิ่งเป็นปัญหากับความสัมพันธ์ปัจจุบันของแฟนเค้าซะมากกว่า ผมว่าต่างฝ่ายต่างทำถูกแล้วที่ไม่ได้ติดต่อกัน และสุดท้ายคนที่จะติดค้างเรื่องคำขอโทษก็น่าจะเป็นฝ่ายเค้ามากกว่า ผมมองว่าทุกอย่างดำเนินไปตามปกติที่ควรจะเป็นอยู่แล้ว ไม่เห็นว่าจะมีความผิดอะไรจากคุณนิคเลย ในเรื่องของมุมมองคุณนิคต้องล้างความคิดว่าตัวเองผิดก่อน ผมไม่เห็นว่าคุนนิคจะต้องมีอะไรที่ติดค้างหรือรู้สึกผิด เพราะต่างฝ่ายก็ต่างไปมีชีวิต คนที่เลิกกันแล้วบางทีก็ไม่เหมาะไม่ควรที่เราจะคบหากันต่อ แม้จะเป็นเพื่อนกันก็ตามมันต้องย้อนกลับไปตั้งแต่เป็นเพื่อนกัน เมื่อไหร่ที่ตัดสินใจก้าวข้ามความเป็นเพื่อนมาเป็นแฟน มันคือการเปลี่ยนแปลงที่ย้อนกลับไปไม่ได้ พอเลิกกันก็ต้องทำใจว่าความสัมพันธ์แบบเพื่อนมันจะไม่กลับมา และทุกอย่างี่เกิดขึ้นมาผมมองว่ามันเป็นเรื่องปกติทุกอย่าง’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่จะเสนอมุมมองที่ต่างพี่เผือกพี่หอมนิดนึง เท่าที่พี่ฟังมาพี่รู้สึกเสียดายชีวิตคุณนิคมากเลย พี่รู้สึกว่า 9 ปีตั้งแต่เลิกกับเค้าคุณนิคไม่ได้ไปไหนเลย อย่างตอนที่เจอเค้าอุ้มลูกแล้วคุณนิคหนี ถ้าเป็นคนที่มูฟออนแล้วพี่ว่าเค้าคงเดินไปถามสารทุกข์สุขดิบ แต่สำหรับเติ้ลมองว่าเหมือนคุณนิคยังอยากได้เค้าเป็นแฟน ยังเฝ้าดูชีวิตเค้าตลอด เรื่องของเค้ายังเข้ามากระทบจิตใจคุณนิคตลอด แล้วสุดท้ายคนที่ไม่ไปไหนก็คือตัวคุณนิค แต่วันนี้เค้าเสียไปแล้วแต่คุณนิคเองที่ยังไม่ไปไหน ซึ่งทำให้เติ้ลเสียดายเวลาที่คุณนิคจะไปมีความสุขกับตัวเอง ถ้าคุณนิคยังไม่เลิกคิดว่าตัวเองผิด ก็โปรดให้อภัยตัวเอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1