แม่หนูเปลี่ยนคู่นอนบ่อยมาก จนหนูเริ่มสังเกตว่าผิดปกติ ไปเจอว่าแม่ขายบริการทาง X มีลูกค้าติดต่อมา รับงานเรื่อยๆ หลังๆมาแม่เพิ่งทราบว่ามีเชื้อ HIV แต่แม่ก็ยังไม่หยุดทำงานนี้ ค่าตัวที่แม่รับ ทำหนูตกใจกว่าเดิม 200 – 300 บาท จะทำยังไงดีคะให้แม่เลิก

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

แม่หนูเปลี่ยนคู่นอนบ่อยมาก จนหนูเริ่มสังเกตว่าผิดปกติ ไปเจอว่าแม่ขายบริการทาง X มีลูกค้าติดต่อมา รับงานเรื่อยๆ หลังๆมาแม่เพิ่งทราบว่ามีเชื้อ HIV แต่แม่ก็ยังไม่หยุดทำงานนี้ ค่าตัวที่แม่รับ ทำหนูตกใจกว่าเดิม 200 – 300 บาท จะทำยังไงดีคะให้แม่เลิก

26 ก.ค. 2024

            “คุณมิ้นต์ (นามสมมติ)” อายุ 23 ปี สายที่แรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ [24 ก.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาแม่ติดเชื้อ HIV แต่ยังขายบริการอยู่

            โดย “คุณมิ้นต์ (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘เรื่องนี้เป็นเรื่องของแม่หนู พ่อกับแม่หนูแยกทางกันตั้งแต่เด็ก หนูอยู่กับพ่อ ส่วนน้องสาวอยู่กับแม่ แม่หนูอายุ 45 ปี จะเป็นคนที่มีนิสัยเปลี่ยนแฟนบ่อยแทบทุกเดือน ช่วงที่หนูเด็กๆ เวลาแม่มาเยี่ยมเค้าก็จะเปลี่ยนแฟนทุกครั้ง จนหนูไม่อยากให้แม่มาหาเพราะคนแถวบ้านเค้าก็จะนินทาเรื่องที่แม่มาหาแล้วเปลี่ยนแฟน มีอยู่ครั้งหนึ่งที่แม่มาหาแล้วเหมือนจะคืนดีกับพ่อ พอผ่านไปอยู่ดี ๆ เค้าก็กลับบ้านไปพร้อมกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นแม่หนูไม่มีโทรศัพท์แต่เจอผู้ชายคนนั้นที่ขนส่งเลยพาเค้ากลับบ้าน แล้วเหมือนแฟนเก่าแม่ก็ไปเจอทวิตเตอร์แม่ที่ขายบริการด้วย หนูก็เลยถามน้องสาว ซึ่งน้องสาวก็ไม่รู้ จนเวลาผ่านไป 3 ปี แม่ก็กลับมาบอกว่าเค้าป่วยและอยากให้หนูไปหา หนูเลยถามเค้าว่าเค้าป่วยเป็นอะไร? เค้าก็บอกว่าเค้าเป็นโรคที่คนรังเกียจ หนูก็เลยพาเค้าไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาล ผลปรากฎว่าแม่หนูเค้าติดเชื้อ HIV แล้วหนูก็ให้เงินไปรักษา เพราะเค้าบอกว่าเค้าไม่สามารถทำงาน หาเงินได้แล้ว หนูก็เชื่อใจเค้า เพราะเค้าบอกเค้าจะหยุดเรื่องผู้ชายก็เลยช่วยเหลือเค้าไป

            จนผ่านมาประมาณเดือนกว่า หนูก็เห็นเค้าโพสต์ในเฟซบุ๊กว่าเหงา อยากหาคนมาอยู่ด้วยหรือใครสักคนที่รักเค้าไปเลี้ยง หนูก็เริ่มเอะใจว่าเค้าไม่ได้เลิกทำเหมือนที่เค้าบอก เลยไปเสิร์ชในทวิตเตอร์ก็เจออีกว่าเค้ายังขายบริการอยู่ แต่ที่หนูตกใจคือเค้ารับแบบไม่ป้องกันด้วย หนูก็เลยไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นบอกเค้ายังไง หนูเคยพูดเรื่องนี้ไปแล้วเพราะว่าน้องสาวที่อยู่กับเค้าก็มีนิสัยเหมือนเค้าเลย คือมีพฤติกรรมเปลี่ยนแฟนทุกเดือน และหนูก็เคยเตือนเค้าไปแล้ว เค้าก็บอกว่าเค้าเลิกแล้ว ที่หนูกลัวคือแม่หนูเค้าขายถูกมาก 200 - 300 หนูก็กลัวว่าคนที่มาซื้อแม่จะมารับเชื้อไปแพร่ต่อในครอบครัว หนูไม่รู้จะเริ่มต้นบอกเค้ายังไงให้เค้าหยุดเพราะหนูรู้สึกว่ามันเป็นตราบาป ปกติแม่หนูจะฟังรายการพุธทอล์คพุธโทร เค้าจะแชร์หน้าเฟสอยู่บ่อย ๆ เลยอยากให้พี่ ๆ พูดถึงแม่ว่าสิ่งที่เค้าทำมันเป็นยังไง?

            โดย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ทุก ๆ การกระทำของคนที่เป็นแม่ มันส่งผลถึงลูกอยู่แล้ว ทีนี้ลูกโทรเข้ามาแม่ก็ต้องคิดแล้วว่าที่ผ่านมาเราทำหน้าที่แม่ดีพอแล้วรึเปล่า ทำไมเราถึงทำให้ลูกเราทุกข์ขนาดนี้ แล้วสิ่งที่ลูกเรากำลังเป็นห่วงอยู่ มันเป็นเหตุผลที่ฟังขึ้นรึเปล่า คุณแม่ควรคุยกับลูก บางทีลูกก็ไม่กล้าที่จะเปิดใจหรือพูดคุยกับคุณแม่ แม่ลองเป็นฝ่ายเข้าหาลูกดู ลูกโทรเข้ามาวันนี้ก็ไม่มีอะไรมากนอกจากห่วง ฉะนั้นแม่ลูกควรพูดคุยกัน และสิ่งที่ลูกบอกคือไม่อยากให้แม่แพร่เชื้อ แม่ก็ลองหาวิธีดูว่าแม่จะไม่แพร่เชื้อได้อย่างไร ส่วนลูกค้าที่มาใช้บริการหอมว่าชั่งหัวมัน เพราะการไม่ใส่ถุง โอกาสของการติดเชื้อมันมีอยู่แล้ว ชั่งหัวลูกค้ามัน เอาเรื่องความสัมพันธ์ของแม่ลูกดีกว่า ว่าวันนี้เราจะดูแลสภาพจิตใจลูกเรายังไง เรามีคำตอบอะไรให้ลูกเรา ยังไงหน้าที่แม่ก็ลาออกไม่ได้ ฝากคุณแม่เรื่องนี้ละกัน’

            ต่อมา “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ผมไม่แน่ใจย่าคุณแม่จะติดขัดเรื่องเงินมากน้อยแค่ไหน แต่รู้สึกว่าสุดท้ายแล้วเราก็ต้องคิดถึงคนอื่นบ้าง เข้าใจว่าชีวิตที่ลำบากมันทำให้ต้องคิดถึงตัวเราก่อน แต่ว่าในขณะที่เราต้องการพาตัวเราให้รอด ไม่ว่าจะปัญหาอะไรก็ตาม เราก็ไม่ควรพาเอาชีวิตคนอื่นเค้าแย่ไปด้วย ผมไม่รู้ว่าแม่ถือหรือเชื่อเรื่องอะไร แต่จริง ๆ บาปกรรมเราคงไม่ได้เห็นเป็นรูปธรรม แต่ว่าถ้าพูดถึงกรรม กรรมก็คือผลของการกระทำ ทุกอย่างที่เราทำมันมีผลเสมอ มันอาจจะไม่ได้ตกถึงแม่ แต่วันนี้ความทุกข์มันตกถึงลูกอย่างมหาศาล ถึงแม้จะไม่ใช่ความรับผิดชอบอะไรของเค้าเลยก็ตาม มิ้นเองก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจก็ได้ ชีวิตใครชีวิตมัน แม้กระทั่งลูกสาวังมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีมากกว่าเรา ผมว่ามันมีอะไรที่ผิดไปแล้ว อย่างน้อยที่สุดที่จะพอนึกถึงคนอื่นได้บ้างก็ป้องกัน แต่อย่างน้อยที่สุดมันก็คิดถึงชีวิตคนอื่นได้บ้าง’

            สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘จริง ๆ ก็เคารพในการตัดสินใจที่จะทำอะไร เพราะมันก็ชีวิตใครชีวิตมัน มันก็อาจจะเป็นหนทางเดียวที่คุณแม่มีอยู่ตอนนี้ก็เป็นได้ ซึ่งเติ้ลก็ไม่สามรถไปตัดสินได้ ว่าอย่าทำแบบนั้น อย่าทำแบบนี้ แต่อย่างน้อย ๆ การกระทำของคนทำอะไรก็ได้ที่ไม่ทำให้ตัวเองและคนอื่นเดือดร้อน แต่สิ่งที่คุณแม่ตัดสินใจทำอยู่ตอนนี้มันมีส่วนที่จะทำให้คนอื่นเดือดร้อนแล้วตัวเองด้วย ไม่รู้ว่าตอนนี้คุณแม่ป่วยขนาดไหน แต่การที่คุณแม่ขายบริการโดยใช้เรื่องการสดเป็นการดึงดูดมันเหมือนเป็นการทำร้ายคนอื่นทางอ้อม เพราะว่าการเป็นโรคนี้ไม่ใช่แค่คนที่มาใช้บริการจะติดได้ แต่ถ้าคนนั้นเค้าไปมีอะไรกับภรรยาหรือคนอื่น ๆ มันก็มีสิทธิ์ที่จะแพร่ไปได้อีก และมันจะควบคุมความเสียหายไม่ได้ อยากให้คิดดี ๆ การที่แค่จะให้ตัวเองรอดโดยที่ไม่สนว่าคนอื่นจะเป็นยังไง มันสมควรแล้วมั้ยกับทางรอดของตัวเองในแบบนั้น เท่าที่น้องมิ้นเล่าให้ฟังมีน้องสาวที่เห็นคุณแม่เป็นตัวอย่าง อยากให้รู้ว่าบางอย่างไม่ใช่เราตัดสินใจแล้วจะทำได้เลย คิดหน้าคิดหลังว่าจะมีใครได้ผลกระทบจากสิ่งที่เราทำไหม’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

คบกับแฟนมา ไม่เคยเจอคุณแม่ แต่คุณแม่แฟนเอา วัน เดือน ปีเกิดเราไปเช็คดวง แล้วบอกกับลูกสาวว่า ดวงไม่สมพงษ์กัน แล้วหมอดูก็ยังบอกมาอีกว่า ผู้ชายคนนี้ มีครอบครัวแล้วให้ระวัง ซึ่งผมไม่มี

31 พ.ค. 2024

คบกับแฟนมา ไม่เคยเจอคุณแม่ แต่คุณแม่แฟนเอา วัน เดือน ปีเกิดเราไปเช็คดวง แล้วบอกกับลูกสาวว่า ดวงไม่สมพงษ์กัน แล้วหมอดูก็ยังบอกมาอีกว่า ผู้ชายคนนี้ มีครอบครัวแล้วให้ระวัง ซึ่งผมไม่มี

คบกับแฟนมา ไม่เคยเจอคุณแม่ แต่คุณแม่แฟนเอา วัน เดือน ปีเกิดเราไปเช็คดวงแล้วบอกกับลูกสาวว่า ดวงไม่สมพงษ์กัน แล้วหมอดูก็ยังบอกมาอีกว่า ผู้ชายคนนี้ มีครอบครัวแล้วให้ระวังซึ่งผมไม่มี ตอนนี้ทุกคนในบ้านฟังแม่เขาหมด แล้วแฟนก็ขอห่างกับผม เหมือนผมโดนตัดสินโดยใครก็ไม่รู้... “คุณเอ็กซ์ (นามสมมติ)” อายุ 27 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [29 พ.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาแม่แฟนเอาวันเดือนปีเกิดไปดูดวงจนทำให้ต้องเลิกกับแฟน โดย “คุณเอ็กซ์ (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘ผมทำงานอยู่ที่บริษัทซอฟแวร์แห่งหนึ่ง ที่บริษัทจะมีรุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่ง คือว่าเราสองคนได้รับหน้าที่ให้ทำโปรเจ็คด้วยกัน ทำให้เราสองคนใกล้ชิดกันมากขึ้น ได้อยู่ด้วยกันตลอดทุกวัน เราก็เริ่มชอบกัน เพราะเราคุยกันถูกคอมากๆ ระบายกันทุกเรื่อง แล้วทีนี้เราก็ได้มีการนัดไปทำงานกันที่ห้างแห่งหนึ่ง เราก็มานั่งทำงานกันพอทำงานเสร็จ เราก็ไปกินข้าวด้วยกัน แล้วพอกินข้าวเสร็จก็แยกย้ายกันกลับ แต่บ้านผมอยู่ไกลมาก ผมก็ต้องนั่งรถไฟฟ้ากลับ แต่ว่าผมเข้าใจผิดคิดว่าขบวนรถไฟสุดท้ายคือเที่ยงคืน แต่จริงๆ ขบวนสุดท้ายของสายนั้นคือ 5 ทุ่ม ทีนี้ผมก็ไม่มีรถกลับ ผมก็เลยโทรบอกเขา เออเนี่ย…เดี๋ยวจะไปเปิดห้องนอนก่อน แล้วเช้าค่อยกลับ แต่เขาก็บอกว่า ไม่เอาๆ เดี๋ยวเขาวนรถกลับมารับ แล้วก็ไปนอนบ้านเขา ผมก็ตกลง วันนั้นผมก็ได้ไปนอนบ้านเขาและวันนั้นเราสองคนก็ได้ตกลงเป็นแฟนกัน เราก็คบกันมาได้เกือบอาทิตย์ ต้องขอบอกเลยว่าพี่เขาเป็นคนที่เชื่อแม่ และรักแม่มากๆ สำหรับเขาแม่มีอิทธิพลมากพอสมควร ผมก็มองว่าไม่ผิดคนเราต้องรักแม่ถูกแล้ว แล้วทีนี้แม่เขาก็เอาวันเดือนปีเกิดของผมไปดูดวง ว่าดวงผมกับพี่เขาเป็นยังไง แล้วหมอดูทำนายว่า ดวงผมไม่สมพงศ์กับพี่เขา และมีอีกคำนายหนึ่งที่ไม่เป็นความจริงเลยคือ หมอดูทำนายว่า ผมมีครอบครัวแล้ว โดยที่ไม่ถามไถ่ผมเลย ซึ่งแฟนผมก็น่าจะยังไม่ได้บอกแม่เขาว่าผมยังไม่มีครอบครัว เพราะเขาน่าจะดูเชื่อไปด้วย แต่ผมไม่รู้ว่าเชื่อกี่เปอร์เซ็นต์ แต่หลักๆ เลยก็คือแม่เขาก็ไม่อยากให้ไปต่อกับผมนั่นแหล่ะ พี่เขาก็เลยขอลดสถานะความสัมพันธ์กับผม และไม่ขอพัฒนาต่อไปมากกว่านี้แล้ว การขอลดสถานะความสัมพันธ์ครั้งนี้ ผมไม่ติดอยู่แล้ว ผมเคารพการตัดสินใจของเขา เพราะเราเปลี่ยนความคิดใครไม่ได้ แต่ที่ผมนอยมากๆ เลยก็คือ ผมถูกตัดสินจากใครก็ไม่รู้ ที่รู้แค่ วันเดือนปีเกิดของผมแค่นั้น ซึ่งหลังจากที่เราเลิกกัน ผมก็ลาออก แต่พี่เขาก็ยังมีทักมาหาผมบ้าง มาระบายเรื่องงาน ถามเรื่องโปรเจคที่ผมกับพี่เขาเคยทำร่วมกัน ตอนนี้พี่เขารับหน้าที่ดูแลต่อ แล้วก็มีคุยเรื่องส่วนตัวบ้าง ผมก็มีถามเขาบ้างว่า สบายดีมั้ย เหนื่อยรึเปล่า ผมก็ถามไปปกติ ผมอยากถามพี่ๆดีเจว่า ควรปล่อยเขาไปใช่มั้ย หรือว่าควรจะสู้กับดวงที่หมอดูทำนายมาดี?’ โดย “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘สำหรับหอม ชีวิตเราเป็นคนเลือกเอง หมอดูเป็นแค่สิ่งที่นำทางให้เราเฉยๆ ถ้าหมอดูพูดอะไรแล้วมันซัพพอร์ตกับสิ่งที่อยู่ในใจเรา เราจะมีความมั่นใจในการลุยกับสิ่งนั้นมากขึ้นเท่านั้นเอง แล้วก็ที่ถามว่าเราจะยังไปรอผู้หญิงคนนี้อีกมั้ย หอมบอกเลยว่า ตัดไปเลย ทิ้งไปเลย ให้รู้ซะบ้าง ไม่ใช่ว่าแบบ เธอเลิกกับฉันง่ายๆ เพียงแค่ฟังคำหมอดู ซึ่งมัน Non sense ถ้าเกิดเราคบกันแล้วเธอเจอปัญหาที่ใหญ่กว่านี้ แล้วแม่เธอพูดอะไรสักอย่างหนึ่ง เราก็เลิกกันได้อยู่ดี เรื่องเล็กๆ เธอยังเลิกกับเราได้ง่ายขนาดนี้เลย ฉะนั้นถ้ามีปัญหาใหญ่เข้ามาในชีวิต เธอจะไม่ปล่อยมือกันง่ายๆ หรอ แล้วก็ไม่ต้องถามเขาว่า สบายดีมั้ย เขาเทเรา ด้วยเหตุผลที่งี่เง่ามาก เขาต้องได้รับบทเรียน เธอกำลังเสียผู้ชายที่ดีที่สุดไป แล้วไปหาคนใหม่เลย หาคนที่เขาเห็นคุณค่าในตัวเราไม่ใช่แค่รู้สึกว่า เราไม่มีคุณค่าอะไรเลยหรอ ถึงได้ตัดสินเรากับเรื่องงี่เง่าแค่นี้ อันนี้คือไร้เหตุผลมากๆ และครอบครัวนี้ไม่เหมาะกับเรา ครอบครัวที่ใช้พ่อแม่บงการทุกอย่างในชีวิต จนไม่เป็นตัวของตัวเอง ก็ให้เขาอยู่กับแม่ไปหรือไม่ก็ให้เขามีแฟนกับคนที่แม่เขาหาให้ แล้วไม่ต้องรอให้มันเสียเวลา เชิ่ด !!!!’ ต่อด้วย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘มันมี 2 ประเด็นสำหรับพี่นะ เวลาที่พี่เห็นใครที่เขาเชื่อเรื่องอะไรทำนองนี้ เรื่องหมอดู ดวงชะตา โชคชะตา และถ้าเขายึดมันเป็นแกนหลักในการใช้ชีวิตแล้ว พี่รู้สึกว่า อะไรก็เอาเขาไม่อยู่ เพราะเขาเลือกที่จะเชื่อแบบนี้แล้ว ถ้าเขาใช้สิ่งนี้เป็นที่ตั้ง แสดงว่าเขามีแนวคิดที่คิดมาแล้ว หรือว่าประสบการณ์ชีวิตของเขา สิ่งนี้มันพิสูจน์ได้ว่า มันจริงสำหรับเขา พี่ว่าการจะไปสู้กับอะไรแบบนี้ เหมือนเราแพ้ตั้งแต่หน้าประตูแล้ว ซึ่งมันเหนื่อยมากเลยกับการแพ้ ให้กับสิ่งที่เรามองไม่เห็น แล้วเราไม่รู้ว่าจะไปพิสูจน์มันยังไง นอกจากเราต้องใช้เวลา เข้าใจมั้ย ซึ่งบางอย่างเขาไม่มารอเรา แล้วเขาตัดสินเราไปแล้ว อันนี้สำหรับเรื่องแรกพี่ว่ามันยาก สำหรับอันที่ 2 พี่เห็นด้วยกับพี่หอมว่า ถ้าคนๆ หนึ่งเลือกเรา ในการคบหาจากการดวงล้วนๆ หรือจากสิ่งที่หมอดูบอก โดยที่ไม่ได้ดูสิ่งที่เราทำ ไม่ดูว่าเรามีพฤติกรรมที่ปฎิบัติกับเขายังไงในฐานะคนรัก พี่ว่าคนแบบนี้ พี่ไม่เลือกเอามาเป็นแฟนนะ ถ้าเขาไม่เอา เราก็ไปหาคนอื่น มันไม่ได้มีคนเดียวบนโลกใบนี้ที่เราจะต้องรักพุ สำหรับพี่มันง่ายแค่นี้’ สุดท้าย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ผมมีความเชื่อว่าถ้าเห็นลู่ทางไม่ดี เราอย่าชิงแพ้ให้เละเทะ เราไปแบบเชิ่ดๆ หล่อๆ ก่อนดีกว่า แล้วไปแบบให้เขาเสียดาย ไปแล้วไปลับไม่กลับมา ให้เขาเสียดายว่า ไอความไร้สาระของเขามันเคยทำให้เขาพลาดอะไรไป คือถ้าเรื่องแค่นี้เขามาขอลดความสัมพันธ์กับเรา หมอดูคนนี้จะดูชีวิตคู่ของคุณเอ็กซ์กับเขาเนี่ยไปตลอดเลย จะมีลูกปีไหน จะเกิดเดือนไหน จะให้เรียนโรงเรียนอะไร มันจะวุ่นวายไปหมด แล้วก็นอกจากหมอดูแล้วเนี่ย คิดว่าครอบครัวเขาก็จะมามีอิทธิพลกับชีวิตคู่คุณเอ็กซ์กับเขาไปตลอด ซึ่งถ้าคุณเอ็กซ์ได้ฟังพุธทอล์คพุธโทรมา ปัญหาที่ครอบครัวเข้ามาวุ่นวายในชีวิตคู่เนี่ยโครตปวดหัวเลย เพราะฉะนั้นไปแบบผู้ชนะถึงแม้ว่าใจลึกๆ เราจะรู้สึกว่าโดนเทก็ตาม แต่จงรักษาทรง แล้วเดินออกไปอย่างผู้ที่เหมือนว่าชนะ แบบโดนเทแต่ยังเท่อยู่ ให้เขาเสียดายเราในภายหลัง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

อายุ 24 ปี ทำสวนทุเรียนกับที่บ้าน ได้โบนัส 2 แสนต่อปี อุทิศตัวให้กับครอบครัวจนไม่มีความสุขเป็นของตัวเอง ทำยังไงก็ยังดีไม่พอ แต่พ่อก็บอกว่าเราต้องเก่งให้ได้ทุกอย่างความพอใจของเราเลยขึ้นอยู่กับพ่อ จะเลิกยึดติดกับความพอใจของพ่อยังไงดีคะ?

07 ก.พ. 2025

อายุ 24 ปี ทำสวนทุเรียนกับที่บ้าน ได้โบนัส 2 แสนต่อปี อุทิศตัวให้กับครอบครัวจนไม่มีความสุขเป็นของตัวเอง ทำยังไงก็ยังดีไม่พอ แต่พ่อก็บอกว่าเราต้องเก่งให้ได้ทุกอย่างความพอใจของเราเลยขึ้นอยู่กับพ่อ จะเลิกยึดติดกับความพอใจของพ่อยังไงดีคะ?

“คุณบี (นามสมมติ)” อายุ 24 ปี สายที่หนึ่งในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [5 ก.พ. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาความพอใจของเราขึ้นอยู่กับพ่อ โดย “คุณบี (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูเป็นลูกสาวคนเล็ก ทำสวนทุเรียนกับครอบครัวมา 5 ปีแล้ว ที่สวนได้รายได้ปีละ 6 ล้าน หนูได้โบนัสปีละ 2 แสน ไม่มีเงินเดือน แต่ถ้าเป็นของใช้ในบ้าน ค่าข้าว ก็จะเป็นเงินพ่อแม่ เงินโบนัสหนูก็เอาไปใช้ส่วนตัว ซึ่งตอนนี้หนูมีความรู้สึกว่าหนูชอบเอาคุณค่าของตัวเองไปผูกติดอยู่กับความพึงพอใจของพ่อมากเกินไป พ่อหนูอายุ 59 ปี พ่อเป็นคนที่เก่งมากๆ เก่งทุกอย่างรอบด้าน งานในสวนหนูแฮปปี้ แต่ว่าหนูไม่แฮปปี้กับความถูกกดดันว่าจะต้องเก่งมากๆ ถ้าเกิดว่าหนูได้รับคำชมหนูก็จะรู้สึกดีมาก แต่ถ้าวันไหนหนูถูกตำหนิ หรือถูกเข้าใจผิด เขาก็จะมองว่าหนูฉลาดน้อย บริหารงานแบบไม่ถูก บางทีหนูมีแผนงานของหนู มันก็ไม่ได้ผิด ไม่ได้เสียหาย หนูมีเหตุผลในการทำงานมากพอ มันเลยทำให้หนูรู้สึกเฟล เป็นรุ่นพ่อกับเป็นรุ่นลูกก็มีวิธีคิดที่ต่างกันมากแล้ว เช่น รถไถ รถตัดหญ้า กลไกในเครื่องยนต์ เครื่องจักร หนูรู้สึกว่าหนูน้อยใจตัวเองที่ว่าทำไมหนูไม่เก่ง รู้สึกว่าหนูช่วยอะไรเขาไม่ได้ คือทุกอย่างหนูทำได้หมดเลยยกเว้นเรื่องนี้ สมมติถ้าเกิดว่ามันมีปัญหาขัดข้องขึ้นมา ก็จะมีแค่พ่อคนเดียวที่ทำเป็น หนูก็จะรู้สึกแย่เองคนเดียวที่ช่วยอะไรไม่ได้เลย ถึงพ่อไม่ได้ว่าหนูตรงๆ แต่พ่อพูดว่าเราจะต้องเก่งให้ได้ทุกอย่าง หมายถึงเราจะต้องสมบูรณ์แบบในเรื่องนี้นะ ต้องรู้ทุกอย่างรอบตัวในการทำสวนทุเรียน ก่อนหน้านี้เขาก็ค่อนข้างกดดันหนู แต่พอมาถึงตอนนี้เขาก็มีทัศนคติใหม่ที่ว่า ไม่ต้องจริงจังเรื่องเรียนมากก็ได้ ออกมาทำสวนดีกว่า มันคือของจริง แต่มันก็เป็นความคิดที่หลังจากที่หนูเรียนจบแล้ว และหนูยังไม่มีครอบครัว คือ ถ้ามีครอบครัวปุ๊บเขาถึงจะแบ่งสวนให้ เคยไประบายเรื่องนี้กับพี่สาว พี่กับหนูห่างกัน 13 ปี พี่เป็นคนที่ค่อนข้างดื้อ พี่ไม่ค่อยได้อยู่กับพ่อ คือเขาเรียนสูง จบป.โท ไปเรียนต่างจังหวัด พอกลับมาก็ทำงานข้างนอก ไม่ได้มาทำสวน แล้วพี่ก็ไปเจอกับแฟน แต่งงานกัน แล้วก็ย้ายออกไปอยู่ด้วยกันเลย พ่อก็แบ่งสวนให้ทำแบบส่วนตัว พี่สาวก็บริหารแบบ ถ้าพ่อทำอะไรฉันทำด้วย แค่ทำตามไม่ได้คิดเองเท่าไหร่ ตอนแรกพ่อก็โฟกัสที่พี่สาว แต่เขาดื้อกว่าหนู คิดจะไปเขาก็ไปเลย พอพ่อเริ่มแก่ลง เริ่มมาคาดหวังว่าลูกจะต้องมาสานต่องานของเขา อีกอย่างคือเขาเป็นคนติดลูก ไม่อยากให้ลูกไปไหนเลย ไม่อยากให้ไปเรียนต่างจังหวัด ไม่อยากให้ไปทำงานข้างนอก จะต้องทำสวนเท่านั้น อันนี้คือความคิดที่เขาปักหมุดปักธงไว้เลย ซึ่งหนูเป็นคนที่ตามใจพ่อ หนูยอมไม่เรียนป.ตรี หนูจบปวส. และมาช่วยเขาทำสวนเลย ถ้าเขาไม่ได้บังคับให้ทำสวนทุเรียน หนูก็อยากไปเรียนต่อสายสถาปัตย์ แต่คือตอนนี้หนูชอบทำสวน แต่พอหนูมีความคิดเป็นของตัวเอง เลยแค่รู้สึกอึดอัดที่อยู่ภายใต้อานัส (คำสั่ง) ของเขา จนหนูไม่เป็นตัวเองแบบนี้ หนูอยากเลิกเอาความพอใจของตัวเองไปผูกกับความพอใจของพ่อ บางทีหนูก็อยากไปเที่ยวต่างจังหวัด ไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง โดยที่ไม่ได้สนใจงานจนมีความสุข แต่หนูเป็นคนที่ค่อนข้างห่วงที่บ้าน ห่วงงาน ห่วงพ่อกับแม่มาก เหมือนถวายตัวทุกอย่างเพื่องาน เพื่อที่บ้าน หนูเคยบอกว่าจะไปเที่ยว เขาก็ให้ไป ไม่ได้ห้าม แต่บรรยากาศก็จะตึงๆ ประเด็นหลักเลย คือ หนูไม่เคยดื้อเลย จนหนูรู้สึกว่าถูกครอบงำ ถูกยัดความคิดของพ่อทุกอย่างมาใส่ในตัวหนู หนูมองไปที่คนอื่น แต่คนอื่นก็ดื้อจนได้ทำสิ่งที่เขาต้องการ หนูเคยพูดกับแม่ว่าถ้าหนูไม่ได้เก่งหรือสมบูรณ์แบบ แบบที่พ่อหวังยังจะยินดีที่มีหนูเป็นลูกอยู่ไหม? หนูเลยอยากถามพี่ๆ ดีเจว่า จะทำยังไงถึงจะเลิกยึดติดกับความพอใจของพ่อคะ?’ เริ่มที่ “ดีเจผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่เคยอ่านเจอว่า เวลาคนเราทำอะไรจงทำให้ตัวเองภูมิใจ อย่าทำอะไรเพื่อให้คนข้างๆ ภูมิใจ จงดีกว่าตัวเองในเวอร์ชั่นก่อน อย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร สิ่งที่ดีที่สุดเวลาทำอะไรสักอย่างแล้วรู้สึกภูมิใจในตัวเองจังเลย นี้คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา มันเป็นการเปลี่ยนมุมมองความคิดของตัวเอง ลองเปรียบมุมมองของตัวเอง ดูว่าเมื่อวานเราทำอะไรผิดพลาด พอมาวันนี้เราทำได้ ทำดีขึ้น อยากให้ภูมิใจกับตัวเอง ให้แยกกับสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่แสดงออกมา วิธีการที่คุณพ่อคุณแม่บีจะสอน หรือถ่ายทอด จะทิ้งมรดกอะไรไว้สักอย่างหนึ่ง มันต่างจากพ่อแม่ในยุคปัจจุบัน สุดท้ายแล้วเจตนา เนื้อแท้ในใจพ่อไม่ได้มีอะไรเลย นอกจากอยากให้ลูกสบายในวันที่ตัวเองไม่อยู่แล้ว ช้าหรือเร็ว สุดท้ายพ่อแม่ก็จะจากไป สิ่งที่เขาจะทิ้งไว้ให้บี คือสวนทุเรียนแห่งนี้ ซึ่งมันมีหลายวิธีมากที่จะสอน แต่คุณพ่ออายุ 59 แล้วเขามีแค่วิธีเดียวคือ ยัดให้บี บีต้องเก่ง บีต้องรู้ทุกอย่าง เพราะวันที่เขาไม่อยู่ บีจะได้ทำมันได้ แต่ในมุมของบี บีไม่เห็นจะต้องรู้ทุกอย่าง ไม่รู้วิธีการซ่อมรถไถก็จ้างแค่คนมา วิธีการคิดมันคนละโลกกันเลย แต่เจตนามันคือเจตนาเดียวกัน ฉะนั้นถ้าบีเปลี่ยนมุมมองได้ทั้งสองเรื่อง บีจะเข้าใจในความเป็นเขาและบีจะทำเพื่อให้ตัวเองภูมิใจ เพราะเราไม่สามารถเปลี่ยนวิธีการของพ่อในวัย 59 ปีได้แล้ว ถ้าบีช่างมันได้ในบ้างประโยค เข้าใจและรับฟัง หันหลังเดินกลับพรุ่งนี้ตื่นมาใช้ชีวิตต่อ บีทำสวนทุเรียนได้ 6 ล้านต่อปี มันแทบจะไม่มีอาชีพไหนที่ได้เยอะขนาดนี้แล้ว ลองเอาชนะตัวเองค่อยๆ ทีละเรื่อง ให้ดีกว่าเมื่อวาน’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เรื่องที่ทุกคำของคุณพ่อมันส่งผลกับหนู พี่ก็จะขอตอบว่า บีต้องโฟกัสคำตอบของเรื่องต่างๆ ในชีวิต ที่มาจากตัวเอง ไม่ใช่มาจากคุณพ่อ เช่น ถ้าบีเลือกที่จะทำสวนทุเรียน ไม่ได้เลือกเรียนสถาปัตย์ที่บีชอบ บีต้องหาคำตอบให้กับตัวเองว่า เลือกเพราะว่ามันเป็นสิ่งที่จะได้ช่วยเหลือครอบครัว หรือเลือกเพราะว่ามันจะดีกับอนาคตของตัวเอง แต่ว่าถ้าทำไปได้รายได้ปีละ 6 ล้าน ในอนาคตมันก็ถือว่าเป็นอาชีพที่ยั่งยืน หรือเรื่องเครื่องจักรถ้าวันนี้เราเรียนรู้มัน ก็จะมีประโยชน์กับสวนแน่ๆ เพราะพี่ก็เป็นเหมือนกัน พอมีช่างมาซ่อมถ้าเราไม่รู้ เราก็จะไม่รู้ว่าเขาโกงเราหรือเปล่า พี่ก็เข้าใจในมุมของพ่อบี เพราะพี่รู้สึกว่าเขาน่าจะมีปัญหาเรื่องการสื่อสาร เขาเลี้ยงบีมาแบบ ถ้ามันทำไม่ดีก็ด่ามันไปตรงๆ ถ้ามันทำดีก็ชมมันจะได้ทำต่อไปเรื่อยๆ มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรก ถ้าบีไม่ได้ทำสวนทุเรียนเพื่อที่อยากให้พ่อบอกว่า บีเป็นลูกที่ดี พี่ว่ามันจะเป็นประโยชน์ต่อตัวบีมากกว่า ถ้าทำอะไรให้โฟกัสไปที่เราทำสิ่งนี้ไปเพื่ออะไร ไม่ใช่ทำเพื่อดูว่าพ่อเขาชอบหรือไม่ชอบ’ และสุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘งานที่บีทำอยู่มันไม่ง่าย แต่บีโชคดีที่พ่อบีรู้ทุกอย่าง เหมือนบีเป็นความหวัง เขาเลยอยากเอาสิ่งที่รู้ทั้งหมดมาใส่ที่ตัวบี มันเลยทำให้บียากกว่าคนอื่น เหนื่อยกว่าคนอื่น แต่พี่มองว่าบีเก่งนะ บีอายุ 24 บีสามารถมีโบนัสปีละ 2 แสน พี่เลยไม่รู้ว่าจะต้องแนะนำอะไรบี เพราะบีเก่งอยู่แล้ว แค่บีไปต่อด้วยความเข้าใจ เอามายเซ็ทของพี่เผือกและพี่เติ้ลบวกๆ ไปแล้วใช้ชีวิตต่อ บีรักในสวนทุเรียน แล้วพ่อก็รักในสวนทุเรียน แค่ทั้ง 2 คน มีระหว่างทางที่วิธีคิดมันต่างกัน แต่เป้าหมายเหมือนกันเลย แค่ลองเปลี่ยนมุมมองดู’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูมีนิสัย พูดเก่งเฉพาะกับคนสนิท พอมาฝึกงาน คุยเล่นกับพี่ๆไม่เป็น ก้มหน้าทำงานอย่างเดียว พอจบฝึกงาน ได้รับการประเมินจากพี่ๆว่า ทำงานโอเค แต่ไม่ค่อยพูดกับใครในที่ทำงาน กลัวว่าเวลาไปทำงานจริงๆ จะปรับตัวไม่ถูก อยากชวนคุยกับคนอื่นเก่งๆ ทำยังไงดีคะ?

31 พ.ค. 2024

หนูมีนิสัย พูดเก่งเฉพาะกับคนสนิท พอมาฝึกงาน คุยเล่นกับพี่ๆไม่เป็น ก้มหน้าทำงานอย่างเดียว พอจบฝึกงาน ได้รับการประเมินจากพี่ๆว่า ทำงานโอเค แต่ไม่ค่อยพูดกับใครในที่ทำงาน กลัวว่าเวลาไปทำงานจริงๆ จะปรับตัวไม่ถูก อยากชวนคุยกับคนอื่นเก่งๆ ทำยังไงดีคะ?

“คุณยาหยี (นามสมมติ)” อายุ 22 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ [29 พ.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาคุยไม่เก่ง โดย “คุณยาหยี (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ช่วงปลายปีที่แล้วหนูเรียนอยู่ปี 4 เทอม 2 ซึ่งใกล้จะจบแล้ว เลยได้มีโอกาสไปฝึกงานที่หนึ่ง ทีนี้ตอนที่ฝึกงานมันก็ปกติดี จะประชุมหรือนำเสนองานหนูก็ทำได้ดีมาตลอด แต่สิ่งที่มันเป็นปัญหาจนกลายเป็นข้อเสียของหนู คือหนูเป็นคนคุยไม่เก่งในเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องงาน เช่น ตอนที่หนูต้องไปกินข้าวกลางวันกับพี่ ๆ ที่ทำงาน ซึ่งมันเป็นช่วงที่จะได้มีโอกาสพูดคุยกัน เราจะรู้ว่าพี่ ๆ เค้าจะโยน Topic มาให้หนู เช่น ยาหยีเคยดูหนังเรื่องนี้มั้ยซึ่งหนูก็ตอบไปตามปกติ แต่หนูไม่รู้ว่าจะต้องคิดคำพูดยังไง ทำยังไง ให้บทสนทนามันสามารถไปต่อได้ จริง ๆ ก็มีพี่ที่อายุใกล้ ๆ กัน แต่ส่วนใหญ่เค้าจะโตกว่าหนูค่อนข้างเยอะ พอตอนหลังหนูฝึกงานจบด้วยความที่ตอนทำงานหนูเงียบ ๆ พี่ ๆ เค้าจึงแจ้งมาว่าหนูเป็นคนที่เงียบเกินไป ขี้เกรงใจเกินไป คือหัวหน้าก็แนะนำมาด้วยความหวังดีว่า หลังจากที่เราจบฝึกงานนี้ไปเราต้องไปทำงานที่อื่น เราควรที่จะพูดดีกว่าไม่พูด หนูก็เลยอยากถามว่า หนูอยากเอาปัญหาตรงนี้มาแก้ไขในการทำงานในอนาคต ให้มันไม่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป ซึ่ง “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่หัวหน้าเค้าคอมเม้นท์มาเค้าซีเรียสกับปัญหานี้มากน้อยแค่ไหน มันส่งผลร้ายแรงกับการประเมินของยาหยีมากน้อยแค่ไหน บางทียาหยีอาจจะทำงานเพอร์เฟคมากซะจนเค้าพยายามที่จะหาที่ติสักหน่อย ให้เด็กคนนี้ได้พัฒนาอะไรอีกสะหน่อย มันอาจจะแค่เลเวลนี้ก็ได้ หรือ เค้ามาในความรู้สึกที่ว่า เด็กคนนี้ไม่มีมนุษยสัมพันธ์เลย ต้องคุยมากกว่านี้ไม่งั้นเธอทำงานกับคนอื่นไม่ได้นะ ในประโยคคล้าย ๆ กันมันมีความหนักเบาที่ต่างกัน เพราะว่าถ้ายาหยีบอกว่าถ้าเป็นเพื่อนสนิทหนูจะเป็นผีบ้าเลย ซึ่งพี่เชื่อว่าผีบ้าเนี่ย ถ้าเจอคนไม่สนิทมันก็จะลดลงมาในเลเวลที่ไม่ถึงกับไร้มนุษยสัมพันธ์ มันก็อาจจะลงมาในเลเวลปกติ แต่อาจจะตอบน้อยหน่อย พี่เลยไม่รู้ว่ากายหยาบหรือกายละเอียดเราต่างกันมากน้อยแค่ไหน แต่ถ้าจะถามเรื่องของการเข้าสังคมให้เป็นคนช่างพูด ช่างคุย พี่ไม่รู้ว่าจะให้ยาหยีไปฝึกยังไง แต่ข้อดีคือยาหยีมีตัวตนสนุกสนาน เฮฮาเวลาอยู่กับเพื่อนสนิท เราลองจินตนาการว่าเราสนิทกับคนเหล่านั้นมากขึ้นแล้วได้มั้ย หรือสุดท้ายแล้วยาหยีอาจจะไม่ต้องกังวลอะไรเลยก็ได้ มันอาจจะเป็นรีแอคปกติกับคนที่เรายังไม่สนิท ถ้ายาหยีเริ่มทำงานที่ไหนไป ระยะเวลามันมากกว่าฝึกงานอยู่แล้ว พอเราค่อย ๆ สนิทขึ้น เราก็จะเริ่มพูดคุยมากขึ้น ร่างผีบ้าเราก็จะออกมามากขึ้น สุดท้ายมันก็อาจจะไม่เป็นปัญหา แต่พี่จะให้เป็นเทคนิคเบื้องต้น คือ ให้ฟังเรื่องของอีกฝ่ายเยอะ ๆ แล้วเอาเรื่องของเค้ามาคุยเป็นหลัก เราอย่าพึ่งตั้งใจที่จะพูดแต่เรื่องของเรามากจนเกินไป บางทีเรื่องที่เราคิดว่าน่าสนใจแล้วพูดออกไป เค้าอาจจะไม่ได้สนใจกับเรื่องที่เล่ามากเท่าไหร่นัก พี่เลยจะรู้สึกว่าเราต้องระวังการเล่าเรื่องของเรามากจนเกินไป เราอาจจะเน้นไปที่การต่อยอดเรื่องที่เค้าเล่า ทำให้อีกฝั่งรู้สึกสนุกที่คุยกับเรา’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่คิดเหมือนพี่เผือกว่า พี่ต้องรู้ข้อมูลจากยาหยีว่ามันเป็นปัญหาขนาดไหน เพราะว่าการที่ยาหยีเล่าว่าไปฝึกงานแล้วไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์เท่าไหร่ พี่ว่ามันปกติ เพราะสถานะเราคือเด็กฝึกงาน แต่ถ้าพื้นฐานยาหยีเป็นคนพูดคุยอยู่แล้ว พี่ว่าถ้าอยากจะเพิ่มทักษะนี้เพื่อคุยกับคนที่ไม่สนิทได้จริง ๆ มันจะมีคอร์สที่ฝึกการพูด ฝึกการเข้าสังคม ถ้าหนูมีเงิน มีเวลา แล้วอยากจะฝึกจริง ๆ แต่ถ้าอยากลองทำเองง่าย ๆ พี่ว่าเวลาออกจากบ้านไปเจอผู้คน เช่นแม่ค้า ลองคุยกับเค้าดูมั้ย เหมือนทำให้มันชินไปเอง’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่รู้สึกว่าอย่าไปสะกดจิตตัวเองว่า คุยไม่เก่งแล้วประหม่า ปล่อยให้มันไหลไปตามธรรมชาติ มันจะมีพวก How To ในเน็ตก็เสริชได้เลยที่สอนเกี่ยวกับเรื่องนี้ และพี่รู้สึกว่ายาหยีไม่ได้มีปัญหาขนาดนั้น หนูสามารถแก้ไขได้ ปกติหนูชอบดูข่าวดาราหรือข่าวใหม่ ๆ มั้ยเพราะมันมีหัวข้อเป็น 108 อย่าง หรือการถามคำถามตอบกลับเวลาที่คนอื่นถามมามันก็ดี ให้ยาหยีฝึกถามคำถามตอบกลับ เพราะคนที่เค้าตั้งคำถามมาแปลว่าเค้าอยากจะพูดคุยกับเราอยู่แล้ว’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

เจอแบบนี้รู้สึกเฟลไปเลย แฟนหนูเป็นคนขี้เบื่อ เขาเซฟรูปผู้หญิงไว้เพียบ เซฟหนัง AV ไว้ดู พอถาม แฟนตอบมาว่า "แล้วเธอเสือกเข้าไปดูทำไม?" พีคสุด ตอนเขามีอะไรกับหนู มืออีกข้างเปิดคลิปผู้หญิงคนอื่นที่เซฟด้วย เป็นแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว

03 พ.ค. 2024

เจอแบบนี้รู้สึกเฟลไปเลย แฟนหนูเป็นคนขี้เบื่อ เขาเซฟรูปผู้หญิงไว้เพียบ เซฟหนัง AV ไว้ดู พอถาม แฟนตอบมาว่า "แล้วเธอเสือกเข้าไปดูทำไม?" พีคสุด ตอนเขามีอะไรกับหนู มืออีกข้างเปิดคลิปผู้หญิงคนอื่นที่เซฟด้วย เป็นแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว

เจอแบบนี้รู้สึกเฟลไปเลย แฟนหนูเป็นคนขี้เบื่อ เขาเซฟรูปผู้หญิงไว้เพียบเซฟหนัง AV ไว้ดู พอถาม แฟนตอบมาว่า "แล้วเธอเสือกเข้าไปดูทำไม?"พีคสุด ตอนเขามีอะไรกับหนู มืออีกข้างเปิดคลิปผู้หญิงคนอื่นที่เซฟด้วย เป็นแบบนี้มาหลายครั้งแล้วจนหนูเสียความมั่นใจไปเลย ทำยังไงดีคะ? “คุณแทน (นามสมมุติ)” อายุ 22 ปี สายที่ 2 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [1 พ.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาแฟนเซฟรูปผู้หญิงเซ็กซี่ไว้ พอมีอะไรกัน เขาก็ขอเปิดคลิปแล้วทำไปด้วย โดย “คุณแทน (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูคบกับแฟนมา 3 ปี เราสองคนอายุเท่ากัน คือ 22 ปี แฟนหนูเป็นคนขี้เบื่อ ตลอดเวลาที่คบกันมา เรื่องกิจกรรมบนเตียง โดยปกติแล้วเราจะมีกิจกรรมแบบนี้อาทิตย์ละ 2 ครั้ง แต่พอคบกันมาเข้าปีที่ 3 เรื่องบนเตียงจากอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ก็ลดลงเหลือเดือนละ 1 ครั้ง ซึ่งรู้เลยว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ พอเขาไม่ค่อยทำกิจกรรมหนูก็เลย เกิดความสงสัยว่าเขามีอะไรในโทรศัพท์หรือป่าว หนูก็เลยเข้าไปเช็คในโทรศัพท์เขาดู แล้วกดเข้าไปดูที่แกลลอรี่ หมวดรูปภาพที่ซ่อนไว้ ซึ่งหนูก็ไปเจอว่าเขาบันทึกหน้าจอผู้หญิงที่เขาติดตามในไอจี เป็นรูปผู้หญิงเซ็กซี่ หรือรูปวาบหวิว เก็บไว้ดูเต็มไปหมด และตอนที่เราสองคนมีกิจกรรมด้วยกัน เขาขอดูคลิปหนังเอวีพวกนี้ไปด้วยระหว่างที่เรามีอะไรกัน หนูก็ไม่อยากให้เขาทำแบบนั้น ซึ่งเป็นบ่อยมากๆเลยช่วงหลัง หนูเลยคิดว่ามันแปลกมาก มันเริ่มไม่ใช่แล้ว และพฤติกรรมของแฟนก็เริ่มเปลี่ยนไป ไม่ค่อยใส่ใจ ละเลยในการทำหน้าที่แฟน พูดจาหยาบคายใส่อารมณ์กับเรา และช่วงหลังมานี้ก็ทะเลาะกันบ่อยมากๆ พอหนูลองเปิดใจคุยกับเขา เขาก็บอกว่า เขาก็รักแหล่ะ แต่แบบว่าเขาแค่แบบเป็นคนขี้เบื่อ แต่เขาก็พยายามเปลี่ยนตัวเอง แต่หนูไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของเขาเลย หนูรู้สึกว่าเขาแค่พูดเฉยๆ และก่อนหน้านี้หนูเคยถามเขาว่า “ทำแบบนี้ทำไม เรื่องที่บันทึกสตอรี่ผู้หญิงคนอื่นไว้ในโทรศัพท์” เขาก็พูดกลับมาว่า “แล้วเธอเสือกเข้าไปดูเองทำไม” หนูอยากถามว่า การที่แฟนทำแบบนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติของผู้ชายมั้ย? และ การที่หนูเข้าไปดูแกลลอรี่ที่แฟนซ่อนไว้มันเหมือนเป็นการลุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวของแฟนมั้ย?’ โดย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘สำหรับคำถามแรก พี่ว่าที่เขาทำแบบนี้คือไม่ปกตินะ คืออายุ 22 แล้ว ส่วนที่บันทึกคลิปหนังเอวีไว้เป็นเรื่องปกติของผู้ชายส่วนใหญ่ แต่ถ้าเอามาดูตอนที่มีกิจกรรมบนเตียงกับแฟนอันนี้ไม่ปกติ ส่วนเซฟรูปผู้หญิงที่อยู่ในไอจีสตอรี่อันนี้ผมไม่ค่อยเห็น หมายถึงว่า แคปหน้าจอเก็บไว้ แต่ถ้าเป็นดาราพอเข้าใจว่าอาจจะมีได้เป็นเรื่องปกติ แต่มันก็จะมีคู่ที่เปิดคลิปหนังเอวีตอนมีอะไรกันกับแฟนแล้วโอเคทั้งคู่ก็มีนะ เหมือนเปิดบิ้วอารมณ์ พี่รู้สึกว่าตราบใดที่ไม่ได้เปิดคลิปของคนอื่นที่เป็นคลิปแอบถ่ายอันนั้นอ่ะไม่ได้ แต่ถ้าเป็นคลิปหนังเอวีที่ีการสร้างสตอรี่อันนี้อ่ะเคยได้ยิน การเปิดคลิปแบบที่แฟนคุณแทนทำ มันเหมือนเป็นการหักหารน้ำใจอีกฝั่งมากเลยนะอยากให้มองอย่างอื่นนอกจากเรื่องบนเตียงด้วย เขาไม่ได้รักษาน้ำใจเราเลย คือเอาจริงถ้าวัดถึงเรื่องความห่างหายในเรื่องบนเตียง อายุ 22 เป็นช่วงที่ฮอร์โมนเพศกำลังพุ่งพล่านอมันไม่น่าหายกันแบบนี้ แล้วเรื่องนอกเตียงเขาก็ไม่ได้ดีกับเราเลย ด่าท่อ พูดจากหยาบคาย ใช้อารมณ์รุนแรง เรื่องพวกนี้ก็หนักไม่แพ้กับเรื่องกิจกรรมบนเตียงนะ อย่าคิดแค่เรื่องที่เขาขี้เบื่อบนเตียงอะไรอย่างเดียว อันนั้นมันเป็นแค่ หนึ่งในซับเซตย่อย มันยังมีทั้งเรื่องการดูแลกัน การทะเลาะกัน แล้วเป็นยังไงมันดีเท่ากับวันที่เข้ามาจีบใหม่ๆมั้ย อะไรพวกนี้อ่ะ ที่น่าจะกังวลเหมือนกันนอกจากเรื่องกิจกรรมบนเตียง ซึ่งเขาผิดปกติไปหมดเลย มันไม่ใช่อาการของคนที่หวังดีต่อกันเหมือนเดิม มันต้องแยกว่า หนึ่งเรามีอะไรแอบซ่อนอยู่จริงมั้ย ถ้าไม่มีบางคนก็พร้อมที่จะเปิดเต็มที่ แต่บางคนเขาไม่ชอบที่จะให้มายุ่งในพื้นที่ส่วนตัวของเขา ถึงแม้ว่าเขาจะมีความผิดซ่อนอยู่รึป่าวก็ตาม อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ แต่เขาก็ไม่ชอบอ่ะ มันพูดยากนะ พอเราเข้าไปเจอแล้ว ถึงหนูจะมีความผิดกับการที่ไปดูของเขา แต่เขาก็มีอะไรบางอย่าง ปิดบังหนูอยู่ คือมันก็ต่างกรรมต่างวาระ เพราะแฟนก็ซ่อน ความผิดก็ต้องแยกกันสิ่ ฉันเข้าไปฉันก็ผิด แต่เธอก็ซ่อนรูป ซ่อนคลิป มันก็ผิดกันคนละคดี มันก็ต้องเคลียร์กันคนละอย่างไป ไม่ใช่ว่าการที่ฉันเข้าไปดูมันจะลบล้างทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เธอซ่อนหมดเลยไม่ใช่ ฉันเข้าไปดูของของเธอฉันก็ผิด แต่ฉันก็มีสาเหตุที่ฉันทำผิด เพราะว่าเธอมีปฏิกิริยาที่เปลี่ยนไปถูกมั้ย ทำให้ฉันไม่สบายใจ ฉันถึงเข้าไปดู ไม่ใช่ว่าฉันเข้าไปดูทุกๆ 2 อาทิตย์ มันก็ไม่ใช่ขนาดนั้น เราก็ยังมีเหตุผลรับรอง ก็ต้องมาเคลียร์กับฝั่งของเขา ความผิดของเขาว่า แล้วเธอซ่อนรูปพวกนี้ทำไม แล้วเอามาเปิดต่อหน้าฉันอีก ทั้งหลายทั้งมวลอยากให้กังวลเรื่อง นอกเตียงด้วย พวกเรื่องพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของเขา พี่ว่าอันนั้นมันก็เป็นอีกสิ่งที่ต้องกังวลมากๆ แทนลองไปช่างน้ำหนักดูเอาเอง’ ต่อด้วย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ก็เป็นปกติของคนหมดรัก เมื่อไม่มีใจบวกกับหมดรัก สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ 1.ไม่แคร์ 2.เวลาที่เราทะเลาะกันสามารถพูดแรงได้โดยไม่รักษาน้ำใจก็ไม่ได้รักแล้ว เรื่องบนเตียงก็อย่างที่บอก เป็นซับเซต เป็นเรื่องย่อย เมนหลักคือ เมื่อไม่ได้รัก เมื่อหมดใจ เรื่องบนเตียงมันก็ไม่อยากจะทำ มันไปหมดเลยมันไปหมดแล้ว ส่วนเรื่องที่บอกว่าลุกล้ำที่บอกว่าผิดมั้ย ก็อยู่ที่แต่ละคู่ว่าคุยกันยังไง แล้วสามารถลุกล้ำได้แค่ไหน แต่ถ้าลุกล้ำแล้วเจอหนูจะไม่มีความผิดเรื่องลุกล้ำปัดตกไปเลย แล้วก็เรื่องที่เขาเปิดหนังเอวี ก็ตัดไปเลย เพราะคนมันไม่รักเราอ่ะ มันจะกระทำสิ่งนั้นมันก็เลยใช้ตัวช่วย เมื่อหมดรักแล้วทำไมสิ่งที่อยู่ ถึงอยู่ก็อยู่เพราะผูกพันไม่รู้จะไปไหน หมดรักบวกผูกพันเท่ากับ รอวันโดนเท มันเป็นสมการที่ส่วนใหญ่จะเจอ คือจังหวะที่เราเจ็บแล้วเนี่ย ถ้าคนมีสติหรือประสบการณ์เยอะๆอ่ะ เขาก็จะเลิก เขาจะไม่มานั่งย้อนหาอดีต เขาจะอยู่กับปัจจุบัน ว่าปัจจุบันเป็นยังไง เมื่อปัจจุบันไม่มีอะไรเลยที่บ่งบอกถึงคำว่ารัก นอกจากลมปาก ซึ่งลมปากเราให้น้ำหนักเบามาก เมื่อเทียบกับการกระทำ คือถ้าช่างน้ำหนักแล้ว จะเอียงไปข้างนึงเลย คือไม่ได้รักแล้ว ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับแทนแล้ว เมื่อเขาไม่รักแล้ว ณ วันนี้เราเจ็บแล้ว เลิกหรือไม่เลิกอยู่ที่เราเป็นคนเลือก แต่ถ้าสุดท้ายเรายังไม่เลือก วันนึงเขาจะเป็นคนเลือกเอง แทนเคยเรียกเขามาพูดแล้ว แล้วมันก็ไม่ได้มีอะไรพัฒนาแปลว่า คำตอบนี้สมการมันชัดเจนแล้ว ขึ้นอยู่กับแทนแล้วว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้ ลองสงสารตัวเองดูแล้วเดี๋ยวจะเดินออกมาเอง เราต้องมีสิทธิ์เลือก’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่เผือกพี่หอมพูดไปหมดแล้ว แต่พี่ขอตอบแทนแบบตรงๆแบบขวานผ่าซาก เรื่องว่า ถ้าแฟนทำแบบนี้กับพี่ จริงๆ การที่แฟนมีอะไรกับพี่เดือนละครั้ง ตอนอายุ 22 พี่ก็จะไปแล้วนะ เพราะ 22 มันเป็นวัยที่น่าหลงไหล เป็นแฟนกันมีกิจกรรมจากอาทิตย์ละ 2 ครั้งลดเหลือเดือนละครั้ง แถมดูหนังเอวีตอนมีไรกับเราอีก พี่รู้สึกว่าถ้าคนรักกัน ถ้าไม่เสร็จนะ จะดูหนังเรื่องนี้จากทำให้เราเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหมือนมันจะต้องแคร์กันอ่ะ แต่ไม่ใช่มาทำโดยที่แล้วเราเป็นอะไร เป็นร่างทรงหรอ เป็นเครื่องมือสื่อสารให้เขาสำเร็จหรอ พี่ว่าสิ่งที่เขาทำ มันบอกแล้วว่า เขาไม่ได้รักหนู เขาไม่ได้ห่วงใยความรู้สึกของหนู แล้วพอประกอบกับเรื่องอื่นๆ ที่แทนเล่าอีก พี่ก็รู้สึกว่า อายุ 22 เอง แล้วคบกันมา 3 ปี ถ้าเป็นแบบนี้ปรับปรุงตัวแค่ลมปาก ไม่ได้ทำอะไรให้ฉันรู้สึกว่า เขาปรับปรุงจริงๆ เพราะแทนพูดเอง ว่าเขาไม่เห็นทำไรเลย แล้วถ้าหนูจะต้องรู้สึกว่าเขาไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ ไม่ดูแล พี่ว่า แยกย้ายกันไปเติบโต น่าจะมีความสุขมากกว่ารึป่าว แล้วหนูเป็นคนดูแลตัวเองอีกอ่ะ มันยิ่งแบบ อ่าวว ฉันดูแลตัวเองเพื่ออะไรอ่ะ แล้วพี่ไม่อยากให้แทนคิดทุกอย่างเพื่อจะมาบอกว่าตัวเองผิดนะ เพราะตอนนี้คำถามของแทน เป็นอย่างงั้นอยู่ตอนนี้ พยายามจะถามเพื่อที่จะบอกว่า หนูเป็นคนผิดเองที่ทำแบบนี้ หนูเป็นคนผิดที่ไปเปิดดูโทรศัพท์ของเขา เหมือนหนูไม่ได้มองตัวเองเลยอ่ะ หนูมองแต่เขา ซึ่งพี่ว่าแทนอาจจะต้องปรับวิธีคิดใหม่ พี่ฝากไว้แค่นี้ละกัน’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album
Melborne (เมลเบิร์น)

Artist: MORVASU (มอร์วสุ) Tangbadvoice (ตั้งแบดว๊อยซ์)

0
0.8
1
Contact usGreenwave02-665-8377EFM02-665-8373
Advertise with usมัลลิกา ปราบอริพ่าย (กบ)(Atime Showbiz, Online Content)063-282-6915จุฑา วนศานติ (บี) (EFM)02-669-9512, 081-923-9823
อังคณา พองาม (นุก) (Greenwave)02-669-9444-7
ดาวน์โหลด Application ได้แล้ววันนี้ที่atime online application download from app storeatime online application download from play storeติดต่อสอบถาม / แจ้งปัญหาการใช้งานatimeplatform@atimemedia.com
บริษัท จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด (มหาชน)เลขที่ 50 อาคาร จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เพลส ถนนสุขุมวิท21 (อโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขต วัฒนา กรุงเทพ 10110