พ่อหนูเป็นคนเจ้าชู้มาก มีเมียมาแล้ว 8 คน มีลูก 11 คน เพิ่งรู้ว่าพ่อยังมีเด็กเลี้ยงอีกคนนึง ปรากฏว่า เป็นเพื่อนสนิทหนูเอง พอจับได้ถึงรู้ว่า ที่ผ่านมา ที่เพื่อนกินหรู อยู่คอนโด เปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่ เป็นเงินจากพ่อเรา พีคสุด เจอแหวนพ่อที่ห้องเพื่อนด้วย

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

พ่อหนูเป็นคนเจ้าชู้มาก มีเมียมาแล้ว 8 คน มีลูก 11 คน เพิ่งรู้ว่าพ่อยังมีเด็กเลี้ยงอีกคนนึง ปรากฏว่า เป็นเพื่อนสนิทหนูเอง พอจับได้ถึงรู้ว่า ที่ผ่านมา ที่เพื่อนกินหรู อยู่คอนโด เปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่ เป็นเงินจากพ่อเรา พีคสุด เจอแหวนพ่อที่ห้องเพื่อนด้วย

21 มิ.ย. 2024

พ่อหนูเป็นคนเจ้าชู้มาก มีเมียมาแล้ว 8 คน มีลูก 11 คน เพิ่งรู้ว่าพ่อยังมีเด็กเลี้ยงอีกคนนึง

ปรากฏว่า เป็นเพื่อนสนิทหนูเอง พอจับได้ถึงรู้ว่า ที่ผ่านมา ที่เพื่อนกินหรู

อยู่คอนโด เปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่ เป็นเงินจากพ่อเรา พีคสุด เจอแหวนพ่อที่ห้องเพื่อนด้วย

            “คุณเอ (นามสมมติ)” อายุ 20 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (19 มิ.ย. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล – ดีเจเผือก’ เกี่ยวกับปัญหาพึ่งรู้ว่าเด็กเลี้ยงของพ่อเป็นเพื่อนสนิทเราสมัยมัธยม

            โดย “คุณเอ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘คุณพ่อเป็นคนที่เจ้าชู้ หน้าตาดี อายุยังไม่ถึง 50 ปี คุณพ่อเป็นคนมีเงิน ผ่านการแต่งงานมาทั้งหมด 8 ครั้ง และมีลูกทั้งหมด 10 คน ส่งเสียลูกทุกคน โดยคุณแม่ของหนูเป็นคนที่ 7 ส่วนตอนนี้คุณพ่ออยู่กับภรรยาคนที่ 8 ซึ่งหนูเรียนอยู่มหาลัยอาศัยอยู่กับคุณแม่ แต่หนูจะไปหาคุณพ่อบ่อยๆ เพราะสนิทกับคุณย่า และคุณพ่อก็จดทะเบียนกับภรรยาทุกคน ถ้าใครรับไม่ได้ก็จะหย่า

            เรื่องมันเกิดขึ้นตรงที่หนูมีเพื่อนสนิทตั้งแต่ประถมแต่อยู่คนละห้องกัน และก็มาสนิทกันอีกตอนมัธยม และเวลาหนูมีอะไรก็จะเล่าให้เขาฟัง รวมถึงเรื่องพ่อด้วย พอขึ้นมัธยมปลายเรารู้สึกว่าเขาดูมีเงินมากขึ้น ปกติเขาอยู่กับคุณแม่ 2 คน หนูก็ถามว่า “ไปทำอะไรมา ทำไมมี iPhone” มีอะไรหลายๆอย่างใช้ คือดูรวยมากกว่าเรา ซึ่งตอนนั้นเขายังยืมเงินหนูจ่ายค่าเทอมอยู่เลย เขาก็บอกว่า “แม่เขาได้ไปทำงานเป็นแม่บ้านของฝรั่ง นานๆกลับบ้านมาทีเลยส่งเงินมาให้” ส่วนตัวหนูไม่เคยพาเพื่อนผู้หญิงไปรู้จักคุณพ่อเลย และคุณพ่อก็จะไม่รู้จักเพื่อนผู้หญิงของเราสักคน เพราะเรารู้ว่าพ่อเราเป็นคนแบบนี้เผลอไม่ได้

            ช่วงปิดเทอมหนูกลับมาที่บ้านต่างจังหวัด ซึ่งบ้านหนูและเพื่อนสนิทอยู่ใกล้กัน และเขาก็พยายามจะให้หนูไปบ้านเขาทั้งที่แม่เขาก็อยู่ ปกติเวลาหนูไปบ้านเขาก็จะทำกับข้าวและกินข้าวกับแม่เขา แต่วันนั้นเขาพยายามจะพูดให้หนูเข้าไปในห้องเขาให้ได้ ประมาณว่า “เห้ย เข้าไปห้องเรามั้ย เพิ่งติดโทรทัศน์ใหม่ ติดแอร์ใหม่” พอเข้าไปเราก็เจอแหวนคุณพ่อ ตอนแรกก็ไม่ได้สงสัย แต่แหวนของคุณพ่อจะสลักชื่อเอาไว้ คือชื่อเขา พอหนูเห็น หนูก็เบลอไปหมด และถามเขาว่า “นี่อะไร มึงไปเอาของพ่อกูมาได้ไง” เขาบอกว่า “เขาขอโทษ เขาไม่ได้ตั้งใจ” เหมือนตั้งใจให้หนูรู้ว่าเป็นเด็กเลี้ยงของพ่อ ทีนี้ก็ทะเลาะกันบ้านแตก ถึงขั้นลงมือกับเขา แต่ก็แค่ตบหน้า เพราะหนูโกรธมาก คือเป็นเพื่อนกันมา 10 ปี แต่มาทำกันแบบนี้ หนูถามเขาอีกว่า “ไปเจอพ่อได้ยังไง” เขาก็ได้แต่ร้องไห้และขอโทษ หนูเลยกลับบ้าน บล็อคแชท บล็อคทุกอย่างไป และไม่ได้สนใจเพื่อน

            หลังจากนั้นหนูก็กลับบ้านมาถามพ่อว่า “พ่อรู้มั้ยคนนี้เพื่อนหนูนะ” พ่อก็บอกว่า “พ่อไม่รู้ พ่อไม่เคยรู้มาก่อนเลย” และพ่อก็บอกว่า “พ่อไปเจอกับเพื่อนหนูที่บาร์ประจำของพ่อและเพื่อนพ่อ” ซึ่งหนูก็เชื่อ เพราะเคยเล่าให้เพื่อนฟังว่าพ่อจะมานั่งที่บาร์นี้บ่อยๆ เหมือนเขาพาตัวเองไปเจอพ่อหนูบ่อยๆ ตอนนี้หนูกลับมาที่กรุงเทพ เพื่อนหนูเขาก็พยายามจะโทรหา พยายามทักหาโดยเอาแอคหลุมทักมา แล้วก็พยายามติดต่อพ่อหนู เพราะพ่อฟังหนูและตัดเขาออก ไม่ได้เลี้ยงหรือส่งเสียอะไร แล้วก็มีเพื่อนมาบอกว่าเขาจะไม่เรียนต่อเพราะมหาลัยที่เรียนเป็นมหาลัยเอกชน เขาไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม เขาเริ่มมีของใช้เริ่มรวยขึ้นมาตั้งแต่มัธยมปลาย แต่ตอนนั้นเขาก็ทำงานที่บาร์หลายๆที่ แถมมีแฟนเป็นผู้ชายมาตลอด เลยไม่รู้ว่าพ่อหนูส่งเสียเขาตั้งแต่ตอนไหน จนหนูไปถามพ่อ พ่อก็บอกว่า “ก็เลี้ยงมาตั้งแต่มัธยมปลาย” ประมาณเกือบ 4 ปี

            หนูจะต้องกลับบ้านไปหาคุณพ่อคุณยายบ่อยๆ เลยอยากปรึกษาพี่ๆดีเจว่า หนูจะทำยังไงเมื่อเจอหน้าเพื่อนคนนี้? เพราะบ้านก็อยู่ใกล้กัน น่าจะได้เจอกันแน่นอน และเขาก็ยังคงพยายามติดต่อเรากับพ่อมาตลอด แต่พอติดต่อไม่ได้ก็จะมารังควานหนู พอหนูไม่ตอบโต้ ก็ไปรังควานภรรยาคนปัจจุบันของพ่อ จนพ่อต้องทะเลาะกับภรรยา โดยการพยายามแสดงตัวตน’

            ซึ่ง “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เท่าที่ฟังมาดูเหมือนเอไม่อยากยุ่ง เพราะฉนั้นเวลาเจอหน้า เราก็ปฏิสัมพันธ์ หรือคุยกันให้น้อยที่สุด คือไม่จำเป็นต้องพยายามไม่มองหน้า พยายามไม่คุย เพราะมันจะทำให้เขายิ่งพิเศษขึ้นมา ถ้าเวลาเจอกันในกลุ่มเพื่อนเยอะๆแล้วจงใจไม่มองเขาคนเดียว จะกลายเป็นว่าเขาอาจจะดูมี Something ขึ้นมา แต่ถ้าเราทักทายแค่แบบ พยักหน้าให้ และไม่สนใจ ทักเหมือนคนเคยรู้จักและไม่สารสัมพันธ์อะไรต่อ ไม่ต้องไปให้ค่าอะไรเขามากมาย ก็อาจจะทำให้คนอื่นที่มาเห็นอาการของเราสองคน มันก็จะดูปกติ เอาแค่พอเป็นมารยาท’

            ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าได้เจอกันจริงๆพี่จะเคลียร์เลยว่า พอแล้วไม่ต้องขยันส่งอะไรมาหากูอีกแล้ว เพราะที่กูเงียบไปคือไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกันอีกแล้ว สิ่งที่มึงทำคงไม่ต้อฝพูดแล้วว่ามันรุนแรงขนาดไหนในแง่ของความรู้สึก ถ้าเจอกันก็เมินๆกันไป หนูมีชีวิตของหนู แล้วก็ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าเทอม หรือเรื่องเงินอะไรของเขาเพราะนั่นก็คือชีวิตของเขา เขาต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเอง’

            สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้เห็นด้วยกับคำปรึกษากับทั้งดีเจเผือก และดีเจเติ้ล พร้อมให้คำแนะนำเพิ่มเติมให้บอกกับเพื่อนไปว่า “ออกไปจากชีวิตฉัน ฉันจะไม่คุยกับเธอแล้ว แล้วไม่ต้องมายุ่งกันอีก สิ่งที่มีงทำกูให้อภัยไม่ได้”

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

แฟนน้องสาวโดนยิงเสียชีวิตที่ทำงาน แต่น้องสาวยังต้องทำงานที่เดิมอยู่ ตอนนี้ในฐานะพี่สาวเป็นห่วงน้องมาก น้องมีลูกอีก 2 คน คนโตเรารับมาเลี้ยง คนเล็กให้อยู่กับตายาย แต่คุณตาขี้เหล้า แอบเอาเหล้าให้หลานชิม พ่นควันบุหรี่ใส่หน้าหลาน

24 พ.ค. 2024

แฟนน้องสาวโดนยิงเสียชีวิตที่ทำงาน แต่น้องสาวยังต้องทำงานที่เดิมอยู่ ตอนนี้ในฐานะพี่สาวเป็นห่วงน้องมาก น้องมีลูกอีก 2 คน คนโตเรารับมาเลี้ยง คนเล็กให้อยู่กับตายาย แต่คุณตาขี้เหล้า แอบเอาเหล้าให้หลานชิม พ่นควันบุหรี่ใส่หน้าหลาน

แฟนน้องสาวโดนยิงเสียชีวิตที่ทำงาน แต่น้องสาวยังต้องทำงานที่เดิมอยู่ตอนนี้ในฐานะพี่สาวเป็นห่วงน้องมาก น้องมีลูกอีก 2 คน คนโตเรารับมาเลี้ยงคนเล็กให้อยู่กับตายาย แต่คุณตาขี้เหล้า แอบเอาเหล้าให้หลานชิม พ่นควันบุหรี่ใส่หน้าหลานเป็นห่วงไปหมด เราควรให้กำลังใจน้องยังไงดีคะ? “คุณแมว (นามสมมติ)” อายุ 35 ปีสายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [22 พ.ค.67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาชีวิตของน้องสาว โดย “คุณแมว (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ช่วงประมาณปลายเดือนมีนาที่ผ่านมา น้องสาวได้โทรมาว่า ‘ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล’ เพราะแฟนของน้องสาวถูกยิงเสียชีวิต หนูเลยรีบไปหาน้องสาวแล้วช่วยเคลียร์เรื่องงานศพ หลังจบงานก็แยกย้ายกันไปใช้ชีวิต แต่หลังจากงานศพ 1 - 2 อาทิตย์ น้องสาวของหนูก็ต้องไปกลับไปทำงานที่เดิม ซึ่งคือที่ที่แฟนของน้องสาวถูกยิง หนูก็โทรหาน้องทุกวัน ไม่อยากให้น้องเหงา เพราะเค้าก็ยังมีลูกสาวอีก 2 คนอยู่เป็นเพื่อน คนเล็กเป็นลูกของแฟนที่พึ่งเสียไป ส่วนคนโตเป็นลูกติด และน้องสาวจะพูดตลอดว่า เค้าอยู่ได้ เค้าไหว ซึ่งหนูรู้ว่าเค้าพยายามที่จะเข้มแข็ง โดยทุก ๆ 5 - 6 โมงเย็นจะเป็นเวลาพักของหนู หนูก็จะโทรหาน้องสาวตลอด น้องสาวก็จะร้องไห้เวลานี้ทุกวันแล้วก็จะมีคำว่า ผ่านไปไม่ได้เลย เพราะ 6 โมงเย็นเป็นเวลาที่น้องสาวกับแฟนจะไปกินข้าวด้วยกันในที่ทำงาน แล้วน้องสาวก็จะใจหายทุกครั้ง ไข้ขึ้นทุกวัน พอเป็นแบบนี้น้องสาวก็จะลางานกลับบ้านทุกครั้งที่รู้สึกไม่สบาย ที่ทำงานก็ใจดีให้กลับ จนตอนหลังที่ทำงานเรียกไปคุยว่าจะให้กลับไปพักผ่อนที่บ้าน ไปฮีลใจก่อน หลังได้กลับมาพักผ่อนที่บ้านมันก็มีเรื่องตามมา น้องสาวก็มาคุยกับหนูเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งค่าใช้จ่ายของเค้ามันพอดี ไม่สามารถกระดิกได้และยังไม่รวมค่ากิน ปกติแล้วเรื่องค่ากินของน้องสาวจะมีแฟนของเค้าเป็นคนซัพพอร์ต เพราะเค้าจะช่วยกันหา โดยคนหนึ่งจ่ายค่าใช้จ่ายในบ้าน อีกคนจ่ายค่ากิน เค้าทั้งสองคนพยายามมาก ๆ ในการหาเงิน และใช้หนี้เพื่อที่จะได้ย้ายกลับมาอยู่บ้านด้วยกัน พอเกิดเรื่องนี้ขึ้นมันพังหมดเลย ลูกสาว 3 ขวบต้องไปอยู่บ้านตายาย ซึ่งตายายค่อนข้างที่จะ Toxic ในตอนที่โรงงานให้กลับไปพักผ่อนน้องสาวอยู่ที่บ้านไม่ไหวเลยขอมาอยู่กับหนู หนูเลยบอกว่า มา มาอยู่กับพี่ก่อน ครอบครัวแฟนน้องสาวอยู่คนละจังหวัดแต่ใกล้ ๆ กัน พ่อแม่ฝั่งผู้ชายดูแลน้องสาวเราดีมาก ๆ ทุกคนคอยซัพพอร์ตจิตใจน้องสาวของเรา คอยซื้อข้าวให้กิน พยายามทำให้เค้ามีความสุข ซึ่งน้องสาวก็เครียดว่าจะเอาเงินที่ไหนมาใช้ชีวิตต่อ จนหนูพึ่งมารู้ว่าน้องเครียดจนต้องกินยาแก้แพ้ทุกคืนให้หลับ หนูเลยอยากถามพี่ ๆ ว่าหนูควร ให้คำปรึกษาน้องยังไงในการใช้ชีวิตต่อ’ ซึ่ง “ดีเจพี่เผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าเป็นผม ผมอยากให้เปลี่ยนสภาพแวดล้อม เปลี่ยนที่ทำงานเลย ถ้าเหตุการณ์ประมาณนี้เกิดขึ้นกับผม ผมคงไปทำที่เดิมคงลำบากมาก ๆ และไม่ไหว แต่ถ้าติดปัญหาเรื่องเงินจริง ๆ ในระหว่างนี้เป็นไปได้มั้ยที่จะหางานใหม่ โดยที่ยังไม่ได้ทิ้งงานเก่า ไม่ให้มันมีรอยต่อ เช่น ในระแวกนั้นมีโรงงานอื่น หรือมีงานอื่นที่ทำได้มั้ย แต่ทั้งหลายทั้งมวลในคำแนะนำนี้ก็ต้องประเมินดูจากน้องสาวของคุณแมวอยู่ดี ว่าตัวน้องสาวคุณแมวไหวที่จะกลับไปไหม คือถ้าไม่ไหวจริง ๆ การเปลี่ยนงาน เปลี่ยนสถานที่ก็อาจจะจำเป็นที่จะลองทำ ลองไปหางานอื่น ลองไปดูโรงงานอื่น ที่อาจจะเทียบเคียงกันพอได้ แล้วค่อยออกเพื่อให้มันไม่มีรอยต่อเรื่องของค่าใช้จ่าย แต่ถ้าน้องสาวไหว ลองกลับไปดู ลองใช้ชีวิตดูกันสักตั้ง เพื่อให้งานและเรื่องรายได้ไปต่อไหว เรื่องของหลานสาวน่าเป็นห่วงมากเหมือนกัน ด้วยวัยที่กำลังจดจำและเลียนแบบกับสิ่งที่เห็นและจะแสดงออกแบบนั้น อันนี้น่าเป็นห่วงมาก อาจจะต้องปรึกษากับน้องสาวว่าเราจะทำยังไงได้บ้างให้เอาหลาน 3 ขวบออกมาได้ และเป็นไปได้ไหมที่น้องสาวจะมาอยู่กับคุณแมวก่อน เพราะถ้าน้องสาวอยู่คนเดียวอาจจะไม่สามารถที่จะเอาลูก 3 ขวบออกมาได้ แต่ถ้าไม่สามารถเปลี่ยนสถานที่ให้เด็กคนหนึ่งได้ ก็ต้องพร่ำสอนในสิ่งที่ถูกต้องไปก่อน พยายามสอนทุกวิถีทาง ให้เวลากับเด็กเยอะ ๆ เพราะผู้ใหญ่บางคนเค้าห้ามตัวเองไม่ได้ แล้วก็จะทำสิ่งที่ไม่ดีออกมาบ้าง เพราะทุกครั้งที่เราปล่อยห่างออกไปอยู่กับตายายก็อาจจะได้เห็นพฤติกรรมที่มันไม่ควร แล้วในอนาคตสามารถตั้งหลักได้แล้วก็ต้องพยายามเอาลูก ๆ หลาน ๆ ออกมาให้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น และน้องสาวคุณแมวที่ตอนนี้อยู่คนเดียวจะเป็นไปได้มั้ยที่จะย้ายมาอยู่กับคุณแมวเพื่อที่จะอยู่ใกล้ ๆ กัน ในเมื่อชีวิตมันมีเฟืองตัวหนึ่งที่เป็นเฟืองใหญ่แล้วมันหายไป แน่นอนการเดินต่อไปมันจะไม่เหมือนเดิม ผมมองว่าถ้ามันไม่เหมือนเดิมและถ้าอยู่แล้วมันไม่ราบรื่น เราควรเปลี่ยนมั้ยเพื่อที่จะได้ตั้งหลักอีกครั้งหนึ่ง’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘สำหรับน้องสาวคุณแมวถ้าเค้าเลือกที่จะกลับไป สำหรับพี่ พี่คิดว่าน่าจะบอกกับน้องสาวว่าลองกลับไปได้เลยถ้าไหว ทางนี้จะซัพพอร์ตเต็มที่ แต่ถ้าไม่ไหวก็คือไม่ไหวไม่ต้องฝืน คือพี่ไม่รู้ว่าน้องสาวอาจจะอยากกลับไป เพราะน้องสาวคิดว่าถ้าเค้าไม่กลับตอนนี้จะไม่มีรายได้ แต่การที่น้องสาวกลับไปแล้วเค้าต้องผ่านสถานที่เกิดเหตุ แล้วทำให้เค้าผ่านไปไม่ได้ เป็นพี่พี่จะไม่บังคับและบอกกับน้องสาวคุณแมวว่าอย่าบังคับตัวเองถ้าไปแล้วมันทำไม่ได้จริง ๆ เพราะมันคือสิ่งที่ยากมากในการที่จะบอกว่ามันจะผ่านมันไปได้ พี่ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น เพราะมันจะส่งผลระยะยาวกับเรื่องนี้มาก ๆ ถ้าเค้ายังฝืนต่อไปเรื่อย ๆ โดยที่น้องสาวคุณแมวไม่ได้แข็งแรงขนาดนั้น คุณแมวต้องบอกน้องว่าวันไหนเสียใจก็คือเสียใจ มันเป็นเรื่องปกติ อย่างที่ 2 ถ้าข้อจำกัดมันทำให้หลานคนเล็กต้องไปอยู่อีกบ้านตากับยายที่มีปัญหาจริง ๆ ถ้ามันไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริง ๆ คุณแมวกับคุณแม่และญาติทุก ๆ คนก็ต้องคอยหมั่นตรวจสอบ คอยโทรไปหา ถ้ามีเวลาว่างต้องไปเยี่ยมแล้วถามหลานว่าเป็นยังไงบ้าง เกิดอะไรขึ้น และคุณแมวต้องทำให้น้องสาวรู้สึกว่าเราคือที่ปลอดภัยที่เค้าสามารถโทรหาเราได้ทุกเมื่อ และสำหรับตัวคุณแมวพี่รู้สึกว่าคุณแมวต้องมองเรื่องนี้เหมือนคุณแมวเป็นคนนอก คุณแมวต้องไม่เอาตัวเองเข้าไปเป็นน้องสาว และรู้สึกมากไปซึ่งบางทีมันอาจจะมากกว่าตัวน้องสาวเพราะมันจะทำให้คุณแมวไม่มีสติและไม่แข็งแรงพอที่จะแก้ปัญหานี้’ และสุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘สิ่งที่จะให้ไปบอกน้องสาวคือให้น้องสาวรับรู้ถึงสถานการณ์ที่ยากลำบากที่เกิดขึ้น ไม่ว่าใครเจอสถานการณ์นี้ก็ก้าวข้ามไปได้ยากเหมือนกัน แต่มันคือสัจธรรมหรือเรื่องที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกหนึ่งเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่น้องสาวคุณแมวจะต้องเผชิญ คือความเจ็บปวด แต่ถ้ารู้สึกเจ็บปวดก็ปล่อยให้ตัวเองเจ็บปวด ให้น้องสาวรู้ไว้ว่าเค้าไม่ได้อยู่คนเดียว ถ้าจะเจ็บเราจะเจ็บไปด้วยกัน ความโชคดีของน้องสาวคุณแมวคือเค้าไม่ได้อยู่คนเดียว เค้ายังเหลือครอบครัวญาติพี่น้องและคุณแมวที่จะช่วยแก้ปัญหาไปพร้อม ๆ กัน ณ ตอนนี้กำลังจะเข้าสู่เรื่องการแก้ปัญหา ความเจ็บปวดจะเดินทางไปคู่กับเราแต่การแก้ปัญหาก็จะไปกับเราเช่นเดียวกัน ปัญหาตอนนี้คือปัญหาเรื่องเงิน ถ้ายังเลือกที่จะทำงานที่เดิมเพราะฉะนั้นต้องยอมรับความเจ็บปวดที่มันจะยังอยู่กับเรา และในเรื่องการหาเงินคุณแมวสามารถบอกน้องสาวว่าตัวคุณแมวจะช่วยน้องคิด เราจะค่อย ๆ คุยกันถ้าวันนี้มันเครียดจนคิดไม่ออก วันพรุ่งนี้ค่อยคิดใหม่ ถ้าได้ไอเดียอะไรมาก็มาปรึกษากันนะ ในส่วนของเด็ก 3 ขวบถ้ามีเวลาว่างทยอยกันไปดู อย่างน้องยังมียายอยู่ที่สามารถเป็นที่พึ่งได้ ตัวคุณแมวเองก็ต้องพูดกับคุณพ่อเรื่องที่กังวล และสิ่งสำคัญคือคุณแมวต้องเข้มแข็ง ไม่ต้องไปกดดันว่าเราจะต้องหาทางออกให้ได้ภายในวันนี้ ค่อย ๆ หาคำตอบ เพราะบางทีคำตอบอาจจะอยู่ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งที่เราไปเจอสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

สามีของเพื่อนเรา ทักมาตื๊อ ขอมีอะไรด้วย เพราะภรรยาเขากำลังท้องอยู่ เราปฏิเสธไปแล้วหลายรอบ เค้าก็ทักมาไม่หยุด ตอนนี้กำลังลังเลว่าควรเอาแชทไปให้เพื่อนดู หรือ บอกเพื่อนดีไหม? แต่เขาก็กำลังท้องแก่อยู่ แล้วเราก็ไม่ค่อยสนิทกับเพื่อนคนนี้ด้วย

12 ก.ค. 2024

สามีของเพื่อนเรา ทักมาตื๊อ ขอมีอะไรด้วย เพราะภรรยาเขากำลังท้องอยู่ เราปฏิเสธไปแล้วหลายรอบ เค้าก็ทักมาไม่หยุด ตอนนี้กำลังลังเลว่าควรเอาแชทไปให้เพื่อนดู หรือ บอกเพื่อนดีไหม? แต่เขาก็กำลังท้องแก่อยู่ แล้วเราก็ไม่ค่อยสนิทกับเพื่อนคนนี้ด้วย

“คุณหนู (นามสมมติ)” อายุ 26 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (10 ก.ค. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาแฟนเพื่อนทักมาขอมีอะไรด้วย ทั้งๆที่เพื่อนเราท้องอยู่! โดย “คุณหนู (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘หนูรู้จักรุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่ง ชื่อ เอ (นามสมมุติ) ตั้งแต่มัธยม จนมหาลัยได้เรียนคณะเดียวกัน แต่คนละสาขา ซึ่งพี่เอเป็นรุ่นพี่ที่คอยรับน้อง หนูได้มีโอกาสเป็นคนคุยกับพี่เอตั้งแต่รับน้องจนถึงปี 2 ก็เลิกคุยกัน แล้วพี่เอก็ได้ไปคบกับเพื่อนร่วมรุ่นของหนู ชื่อว่า บี (นามสมมุติ) หนูไม่ได้สนิทกับบีมาก แต่ก็ได้ร่วมกิจกรรมกันหลายอย่าง จนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน หลังจากเรียนจบ พี่เอ กับบี ก็แต่งงานกัน ทำธุรกิจร่วมกัน แล้วบีก็ได้ตั้งท้อง ซึ่งใครหลายๆคนอิจฉาคู่รักพี่เอและบีมาก เพราะพี่เอดูแลบีดีมากๆ พ่อแม่ของทั้ง 2 ฝ่ายก็ดีมากๆเหมือนกัน จนเมื่อต้นปีหนูมีโอกาสได้เจอพี่เออีกครั้ง เพราะเปิดธุรกิจใกล้ๆกัน หนูไปร้านพี่เอค่อนข้างบ่อยเพราะว่าเขาขายของกิน ทำให้ได้เจอทั้งพี่เอ บี และครอบครัวเขา จนพี่เอน่าจะเห็นหนูบ่อยๆก็เริ่มทักมาว่าเป็นยังไงว่าง ธุรกิจไปได้ดีไหม? จนเข้าสู่ช่วงที่เศรษฐกิจซบเซา เขาก็อยากปรึกษากับเรา ทักมาทางเฟซบุ๊ก แล้วก็ขอไลน์เราไป เขาบอกว่า “อยากปรึกษาเรื่องนี้กับเรา แต่คุยในเฟสไม่ได้ เดี๋ยวบีจะหึง” หนูไม่ได้คิดอะไรมาก คิดว่าเขาคงไม่อยากให้แฟนเข้าใจผิด วันนั้นที่เขาทักมาคุย คือ วันที่หนูนัดกับเพื่อนไปเที่ยวร้านเหล้า แล้วหนูก็ถ่ายลงสตอรี่ เขาก็ทักมาว่า “เมามั้ย กลับยังไง?” หนูตอบว่า “ไม่เมา ถึงเมาก็มีเพื่อนกลับ” เขาก็ดึงดันว่าอยากจะพากลับให้ได้ ก็เลยรู้สึกว่าดูแปลกๆ แต่ด้วยความที่เขาเป็นคนดีมากๆเลยไม่ได้คิดอะไร คงจะเเค่เป็นห่วง จนไม่กี่วันต่อมาเขาก็ทักมาคุยเรื่องธุรกิจอีก แล้วก็เริ่มลากเข้าเรื่อง 18+ ตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะมานัดกับเรา เขาถามแบบกว้างๆ หนูก็ตอบทั่วๆไป ไม่ได้พิเศษอะไรแบบนั้น แต่พอเริ่มรู้สึกว่ามันเยอะ หนูก็บ่ายเบี่ยงไม่ตอบ พอเวลาผ่านไป เขาก็ขอนัดเพื่อจะมีอะไรกับเรา แต่เราปฏิเสธเพราะเขาก็มีภรรยาแล้ว แถมตั้งท้องใกล้คลอดแล้วด้วย แล้วก็เป็นเพื่อนเราอีก หลังจากนั้นก็ทักมาเดือนละ 1-2 ครั้ง ทั้งๆที่ลงโซเชียลรักแฟน เตรียมตัวเจอลูกที่กำลังจะคลอด ก็ยังทักมาหาหนูเรื่อยๆ แต่หนูไม่ตอบเขาเลย ก็จะมีเจอกันบ้างนานๆที ส่วนในโซเชียลเขาก็มาส่อง เข้ามาอะไรกับเราตลอด แต่กับแฟนเขาหนูไม่ค่อยได้คุยกัน แค่เป็นเพื่อนที่รู้จัก ไม่ได้สนิทมาก จริงๆแล้วหนูเป็นคนที่มีความสัมพันธ์ One night stand (ONS) หรือ Friend with benefits (FWB) บ่อยอยู่แล้ว ผ่านแอปพลิเคชั่นแต่ไม่ได้เปิดรูปตัวเอง หนูเลยสงสัยว่าเขารู้ได้ไง? เพราะเราไม่เคยคุยกับเขาหรือคนทั่วไปเลย หนูอยากปรึกษาพี่ๆดีเจว่า หนูควรบอกบีดีไหมว่าแฟนเขาเป็นแบบนี้? มันจะไปกระทบลูกในท้องมั้ย? บอกไปจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า? เพราะเขาแต่งงานกันแล้ว ผู้หญิงไม่ควรมาเจออะไรแบบนี้’ โดย “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าไม่สนิท พี่ไม่บอก เพราะเราไม่รู้ว่าฝันเขามีปัญหาอะไรหรือเปล่า เขาอาจจะทำแบบนี้เป็นประจำอยู่แล้วโดยที่ภรรยาของเขาอาจจะรู้หรือไม่รู้ อาจจะเป็นกรณีที่ภรรยาท้องไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ด้วยได้ ก็เลยออกไปแรดช่วงนี้ พี่ว่าไม่สนิทกัน พี่ว่าอยู่แยๆดีกว่า ถ้าเขาไปบอกด้วยความคาดเดาไม่ได้อย่างเช่นบอกแล้วจะยังไง เขาจะเครียดจนมีผลต่อลูกมั้ย แต่ถ้าตอนนี้ไม่ยุ่งกับผู้ชายแล้วอยู่ของเราเองมันก็จะควบคุมปัญหาที่หนูกังวลได้ แต่ถ้าอยากช่วยด้วยวิธีนี้ แล้วยอมรับผลที่ตามมาก็สิทธ์ของหนู แต่ถ้าไม่บอก แล้วสามียังคงเป็นแบบนี้ สักวันภรรยาก็ต้องรู้อยู่ดีแหล่ะ’ “ดีเจเผือก” ให้คำแนะนำในมุมมองของผู้ชายว่า ‘ยื่นคำขาดกับผู้ขายคนนี้ว่า “พอแล้ว ไม่ต้องส่งอะไรมาแล้ว ถ้ามีอีกเรื่องนี้ถึงหูภรรยาเธอเเน่” เราเตือนไปก่อน’ และสุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘เห็นด้วยกับพี่เผือก ถ้าไม่หยุดก็บอกเขาว่า “พี่หยุดพูดอะไรแบบนี้นะ หนูว่ามันไม่สมควร และมันอึดอัด คิดซะว่าที่ผ่านมาไม่เคยพูดอะไรแบบนี้ เดี๋ยวเราต้องเจอกันอีก ถ้าเป็นอย่างนี้อีกก็คงต้องบอกแฟนพี่จริงๆ” และเห็นด้วยกับพี่เติ้ลว่าถ้าไม่สนิทก็คงไม่บอก พอผู้หญิงท้องแล้ว จะยิ่งคิดมากเพราะฮอร์โมนด้วย มันก็เป็นที่ความซวยของเขาที่ได้ผัวแบบนี้ไป ผู้ชายมันไม่ได้ระบายอะเนอะ มันอยู่ที่สันดานคนแล้วแหล่ะ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ผมเป็นรุก คบกับแฟนรุกเหมือนกันพอจะมีอะไรกัน ผมไม่ยอมให้เขา ผมบอกเลิกเขา ทั้งๆที่เขายังรักผมอยู่ ผมบอกเขา “ไม่ต้องรอนะ จะมีใครก็มีได้เลย” แล้วผมก็เปิดตัวคบแฟนใหม่ บทบาทบนเตียงลงตัว แต่เขาไม่ดีเท่าคนก่อน

21 มิ.ย. 2024

ผมเป็นรุก คบกับแฟนรุกเหมือนกันพอจะมีอะไรกัน ผมไม่ยอมให้เขา ผมบอกเลิกเขา ทั้งๆที่เขายังรักผมอยู่ ผมบอกเขา “ไม่ต้องรอนะ จะมีใครก็มีได้เลย” แล้วผมก็เปิดตัวคบแฟนใหม่ บทบาทบนเตียงลงตัว แต่เขาไม่ดีเท่าคนก่อน

ผมเป็นรุก คบกับแฟนรุกเหมือนกันพอจะมีอะไรกัน ผมไม่ยอมให้เขาผมบอกเลิกเขา ทั้งๆที่เขายังรักผมอยู่ ผมบอกเขา “ไม่ต้องรอนะ จะมีใครก็มีได้เลย”แล้วผมก็เปิดตัวคบแฟนใหม่ บทบาทบนเตียงลงตัว แต่เขาไม่ดีเท่าคนก่อนกลับไปหาคนเก่าเขาบอก “เราพูดเองนะว่าไม่ต้องรอ ตอนนี้มีคนใหม่แล้ว” “คุณบิว (นามสมมติ)” อายุ 19 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [19 มิ.ย.67] ได้โทรเข้ามาขอคำปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหา Position เรื่องเซ็กส์ที่ไม่ตรงกับแฟนเก่า โดย “คุณบิว (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เมื่อประมาณ 3 เดือนก่อน ผมตัดสินใจบอกเลิกแฟนเก่าไป ซึ่งเหตุผลที่ผมบอกเลิกเค้า มันเป็นเหตุผลที่ไม่น่าเอามาเป็นข้ออ้างในการบอกเลิก ผมกับแฟนเราเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ และ Position ของเราคือเราเป็นรุกด้วยกันทั้งคู่ เวลาที่เค้าขอมีอะไรด้วยผมก็จะรู้สึกอึดอัดและไม่อยากมีอะไรด้วย ผมก็เลยคิดว่าถ้ามันเป็นแบบนี้ต่อไปเราจะไปด้วยกันได้มั้ย ผมก็เลยตัดสินใจบอกเลิกเค้าไปทั้ง ๆ ที่เค้ายังรักผมมาก ตัวเค้าเองก็งงว่าเพราะอะไร แล้วเค้าก็ยื้อผมและว่าจะไม่ทำแล้วก็ได้ แต่ ณ ตอนนั้นผมเองก็มั่นใจว่าจะเลิก ผมก็เลยบอกเลิกเค้าไป จนผ่านมา 1 เดือน ผมก็ไปคุยกับคนใหม่ที่ Position ตรงข้ามกัน ซึ่งในส่วนนี้ผมก็โอเคแล้ว แต่ในเรื่องของความรัก การเอาใจใส่ การดูแล ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่ และไม่เหมือนกับคนเก่า ผมก็รู้สึกว่าไม่ใช่ และบอกเลิกกับคนใหม่ เลยทำใจอยู่พักหนึ่งและทักไปหาคนเก่าเพื่อบอกขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ตอนนั้น และขอโอกาสในการกลับไปคบกันได้มั้ย แต่คำตอบที่ได้กลับมาคือเค้ามีคนคุยใหม่ไปแล้ว เพราะตอนนั้นผมบอกเค้าว่าไม่ต้องรอ ยังไงผมก็ไม่กลับ ซึ่งตอนที่เค้าบอกว่ามีคนใหม่ไปแล้วผมรู้สึกจุกมาก ทำอะไรไม่ถูก นึกสงสารเค้าตอนที่เราไปทำกับเค้า คือการไปมีคนใหม่ ตอนที่เค้ารู้ เค้าต้องเสียใจมากกว่าเราอีกกี่เท่า เค้าต้องนั่งร้องไห้คนเดียว พอเรามาเจอเองเลยรู้สึกอยากกลับไปรักเค้าอีกสักครั้ง ผมยอมที่จะเปลี่ยนตัวเองในเรื่องของ Position เพราะผมพึ่งมาตระหนักได้ว่าสิ่งที่เค้าทำมันมีค่ามากแค่ไหน ณ ตอนนั้นผมเอาเรื่อง Position มาตัดสินความรักที่เค้ามีให้ผม ซึ่งมันไม่ควรเลย และตอนที่เค้ามีคนใหม่ไปแล้วเค้าบอกกับผมว่า “ถ้าวันไหนที่เราและเค้าโสด เราอาจจะกลับมาคบกันก็ได้” ผมเลยบอกเค้าว่าจะรอ แต่ผมก็คิดในใจว่าสิ่งที่ผมทำมันไม่น่าให้อภัยเลย ผมอยากถามพี่ๆดีเจว่า ผมควรจะรอเค้าหรือหายไปจากเค้าดี...?’ โดย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘อกหักครั้งแรกมันจะเจ็บมากอยู่แล้ว ตอนนี้บิวแค่ต้องยอมรับความจริง พี่มองว่าบางอย่างมันเกิดขึ้นก็เพื่อให้เรารู้ตัว หรือทำให้เราได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง และบางครั้งการที่คนเราจะเรียนรู้อะไรบางอย่างมันจะต้องเสียไปก่อน บางครั้งเราต้องเก็บมันเป็นประสบการณ์ และยอมรับความจริง บางอย่างไปแล้วไปเลย ไม่ใช่ว่าเราจะฟูมฟาย โวยวาย เพื่อเรียกร้องโอกาสกลับมา และถ้าเรารักเค้าจริง สิ่งที่เราควรจะคิดคืออย่างที่พี่เติ้ลบอกว่าชีวิตของเค้าไม่ได้ต้องการการรักษาอะไร เค้าอาจจะได้ไปพบกับความรักที่ดีและเหมาะสมกับเค้า แล้วที่เค้าบอกว่า “ถ้าวันใดวันหนึ่งเราโสดทั้งคู่ เราอาจจะกลับมาคบกันก็ได้” พี่ไม่อยากดับฝันนะบิว ประโยคนี้คือประโยคพื้นฐานในการบอกเลิกสำหรับวัยรุ่น แล้วอยากให้การเลิกกันครั้งนี้มันไม่ทำร้ายจิตใจกันมาก สิ่งที่บิวต้องทำตอนนี้คือยอมรับความจริง ว่าตัวเราเคยเสียคนรักไปคนหนึ่งไปด้วยเรื่องนี้นะ เอาไว้เป็นประสบการณ์ และถ้าจะรอ รอได้ครับ แต่ต้องรอเงียบ ๆ รอแบบที่ไม่ได้ไปวุ่นวายกับเค้า ซึ่งบิวจะทำได้จริงรึป่าว มันทรมาน เพราะงั้นถ้าบิวเอาเรื่องนี้เป็นประสบการณ์แล้วไปหาคนรักที่เหมาะสมกับบิวจริง ๆ ไม่ใช่ว่าชีวิตนี้จะไม่เจอใครอีก เพราะบิวพึ่ง 19 และนี้มันคือการอกหักครั้งแรก ซึ่งครั้งแรกมันเจ็บเสมอ’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ด้วยความที่ประสบการณ์บิวน้อยมากในการมีแฟน คนแรกก็คือคนที่คบกัน 9 เดือน ซึ่ง 9 เดือนยังไม่รู้จักกันดีพอเลย โดยเฉลี่ย 2 ปีที่จะเริ่มเป็นตัวของตัวเอง ความหลงความวาบหวิวมันจะค่อย ๆ ละเลือนหายไป ง่าย ๆ เลยนะคะ มันเหมือนแก้วที่มีฝุ่นอยู่แล้วยังไม่ตกตระกอน และบิวกำลังเปรียบเทียบระหว่างคนเก่ากับคนใหม่แค่ 2 คนเอง คือถ้าพี่มองพี่ก็ไม่รู้ว่ารุก-รับ มันสามารถเปลี่ยนกันได้ไหม และประเด็นคือบิวยังไม่เคยลองมาก่อนบิวจะไม่รู้ว่ามันโอเครึป่าว พี่มองว่าปัญหาเรื่องเซ็กส์เป็นปัญหาใหญ่เหมือนกัน คนเก่ากลับมาก็ยังเป็นปัญหาเหมือนเดิม แล้วจะแก้ไขได้รอดไหมก็ยังไม่รู้ ฉะนั้นถ้าเป็นรุกเหมือนกัน พี่ก็จะตอบเลยว่าคนนี้ยังไม่ใช่ แล้วคนที่เลิกกันไปก็ยังไม่ใช่ คือวันนี้ที่คบกันไป 2 คน คือยังไม่ใช่ทั้ง 2 คนเลย บิวแค่เปรียบเทียบว่าคนไหนดีกว่ากัน แต่ถ้าบิวใช้ชีวิตตามหาคนที่ใช่จริง ๆ มันจะไม่มีข้อเสียที่เป็นข้อใหญ่ขนาดนี้ เรื่องเซ็กส์สำหรับเด็ก 19 ไม่เราก็เค้าเดี๋ยวจะต้องมีปัญหาแน่นอน แต่ถ้าอยากจะรอเพราะรู้สึกว่าคนนี้ใช่แล้ว ก็รอได้ไม่เสียหาย เพราะคนที่เจ็บไม่ใช่ใคร มันคือบิว และการรอก็ต้องเผื่อใจว่าถ้ากลับมาแล้วก็อาจจะเลิกกันอีกก็ได้ ถ้าเลิกกันอีกครั้งบิวก็ต้องแข็งแรงขึ้นกว่าครั้งแรก เพราะครั้งนี้บิวดูเจ็บหนักมากด้วยประสบการณ์ที่ยังน้อยอยู่ เหมือนกับโดนมีดบาดครั้งแรกที่มันโคตรจะเจ็บเลย มันเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าให้พี่แนะนำว่าเราควรจะหายไปจากชีวิตเค้าเลยไหม คือ ณ วันนี้เราไปยุ่งกับเค้าไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเค้ามีแฟนแล้ว เราต้องให้เกียรติคนที่เค้าคุยด้วย และการที่เราเข้าไปวุ่นวายกับแฟนเก่ามาก ๆ เราไม่รู้ว่าเค้ารู้สึกยังไง ให้หาใครสักคนคุยไปด้วยหรือตามหาคนที่ใช่ อย่าเสียเวลา และจะได้เรียนรู้ด้วยว่าคนที่ใช่เป็นแบบไหน เข้ากับเราได้ไหม หาไปเรื่อย ๆ มันคือเรื่องของชั่วโมงบิน’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่แยกเป็น 2 อย่างนะบิว อย่างแรกเรื่องที่น้องบิวอกหักตอน อายุ 19 พี่เติ้ลว่านี่คือเรื่องปกติ เพราะถ้าอย่างพวกพี่ย้อนกลับไปตอนอายุ 19 พวกพี่ก็ทำอะไรผิดพลาดมาเยอะ พี่ว่าดีที่สุดคือการเอามันมาเป็นบทเรียน ว่าเราเคยเลิกรากับคนหนึ่งไป ในกรณีคนแรกเราอาจจะยังพยายามไม่พอ หรือถ้าเราลองพยายามเปิดใจมากกว่านั้น เราลองดูแล้วมันไม่ใช่แล้วเราเลิกกันก็อาจจะสบายใจกว่า ณ ตอนนี้ ทั้งหมดทั้งมวลพี่ว่าต้องเอามาเป็นบทเรียน ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติมาก ถ้าพี่ย้อนกลับไปก็อยากไปตบกระบาลตัวเองเหมือนกัน แต่เรื่องบางเรื่องมันผ่านมาแล้ว เราก็แค่ต้องไปต่อ และพี่ไม่อยากให้บิวคิดว่าผู้ชายคนแรกนั้นดีสุด ๆ จนคิดว่าตัวเองไม่สามารถหาได้ดีกว่านี้อีกแล้ว มันไม่จริงหรอกบิว หนูพึ่งผ่านมาแค่ 2 คน พี่เชื่อว่าบิวทนอีกหน่อยรอให้เวลามันผ่านพ้นไป เดี๋ยวมันจะมีคนที่ทั้งดูแลบิวและเค้าก็จะมีรสนิยมเป็นรับที่ดูโอเคมาก ๆ ก็ได้ อันที่สองเรื่องรสนิยมทางเพศ การที่บิวบอกว่าถ้าเค้ากลับมาผมพร้อมที่จะเปลี่ยนทุกอย่าง พี่อยากจะบอกว่าบิวใช้อารมณ์ในการตัดสินใจเกินไป เพราะ มันอาจจะเป็นไปได้ถ้าบิวรองเป็นโพซิชั่นรับ แล้วบิวโอเคกับมัน และไปต่อได้อย่างเพอร์เฟค แต่พี่เห็นหลายคู่มากที่มีการพยายามแบบนี้ แต่สุดท้ายมันไม่สามารถไปได้จริง ๆ เพราะถ้าเค้าไม่แฮปปี้แบบสุด ๆ ที่จะทำ สุดท้ายเค้าก็อยากนะกลับไปเป็นแบบเดิมที่เค้าเป็น ซึ่งพี่ว่าเรื่องแบบนี้ในวัยเท่านี้มันค่อนข้างเป็นปัจจัยหนึ่งที่เค้าจะเลือกคู่ของกันและกัน หรือบางคนที่เค้าไม่ต้องการเซ็กส์มันก็จะไม่มีปัญหาเลย แต่ถ้าถ้าเป็นคนที่ยังมีความต้องการทางเพศอยู่ แล้วต้องการให้อีกฝ่ายสนองความต้องการของตัวเอง พี่ว่าเรื่องนี้มันสำคัญ ถ้าเราต้องหักความต้องการของตัวเองขนาดนั้นแล้วเราไม่ได้แฮปปี้ขนาดนั้น พี่ว่ามันจะไม่รอดในระยะยาว ตอนนี้บิวแค่เอาใจไปยึดติดกับคนแรกมาก ๆ จนไม่เหลือพื้นที่ให้กับตัวเองในอนาคตเลย ซึ่งถ้าตอนนี้เค้ามีคนใหม่แล้ว บิวต้องไปมีชีวิตของตัวเอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

นี่หนูต้องมาเจออะไรเนี่ย?? บริษัทจ้างวิทยากรมาบรรยาย ให้ความรู้พนักงาน บรรยายไปบรรยายมา เข้าเรื่อง "เอเลี่ยน - มนุษย์ต่างดาว" ตลอด เคยให้คะแนนแล้วก็ยังไม่เป็นผล ยังต้องเจอคนนี้เดือนละ 2 ครั้งไปอีกยาวๆ ไม่รู้จะทำยังไงดีวิทยากรคนนี้สนิทกับ CEO ด้วย

13 พ.ค. 2024

นี่หนูต้องมาเจออะไรเนี่ย?? บริษัทจ้างวิทยากรมาบรรยาย ให้ความรู้พนักงาน บรรยายไปบรรยายมา เข้าเรื่อง "เอเลี่ยน - มนุษย์ต่างดาว" ตลอด เคยให้คะแนนแล้วก็ยังไม่เป็นผล ยังต้องเจอคนนี้เดือนละ 2 ครั้งไปอีกยาวๆ ไม่รู้จะทำยังไงดีวิทยากรคนนี้สนิทกับ CEO ด้วย

“คุณเจ (นามสมมติ)” 26 ปี สายที่ห้าในรายการพุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (8 พ.ค. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาเข้าไปอบรมสัมมนา แต่เจอผู้บรรยายพูดออกนอกเรื่องจนไม่ได้ความรู้! โดย “คุณเจ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘บริษัทจะมีการจัดอบรมสัมนาใหญ่ที่มีผลต่อ KPI ของเราทุกเดือน เดือนละ 2 ครั้ง ในห้องประชุมใหญ่ และในปีนึงส่วนมากจะเจอกับคนที่มาบรรยาย ซึ่งคนนี้เขามาบ่อยที่สุด และเขาจะชอบพูดไปเรื่อย พูดเรื่องไม่เป็นเรื่อง สมมติว่าเรื่อง Innovation หรือการพัฒนา เขาก็จะพูดไปถึงว่า รู้ไหมว่าเทคโนโลยีพวกนี้มันมาจากเอเลี่ยน มันมีทฤษฎีอย่างนู้นอย่างนี้ พูดเป็นจริงเป็นจัง ซึ่งเขาก็จะให้พิมพ์ส่งมาว่ามีอะไรให้แนะนำเพิ่มมั้ย เจพิมพ์ไปทุกครั้งที่ประเมิน และก็มีหลายคนที่เขาไม่ชอบ เพราะหลังอบรมสัมมนาหลายๆแผนกก็พูดกันว่า อะไรวะ ไม่เห็นมีประโยชน์เลย แต่ก็ไม่รู้ว่าคนอื่นพิมพ์ไหม ตามจริงเขาไม่น่าจะผ่านการประเมินมาอบรมสัมมนาอีก ถ้าคนอื่นพร้อมใจกันรีวิวว่ามันไม่มีประโยชน์ แต่สาเหตุที่เจ้านายยังเอาเขามาอบรมสัมมนาบ่อยๆ เพราะเขาสนิทกับ CEO และ CEO ก็เคยเกริ่นเรื่องนี้มาแล้วว่า มีอะไรก็คุยกันได้นะครับ ผมชิล แต่พอเอาเข้าจริงก็ไม่มีใครกล้าพูด เพราะ CEO ก็ค่อยข้างอีโก้นิดนึง พยายามทำเหมือนว่า คุยกับผมได้นะ ซึ่งจริงๆแล้วคุยไม่ได้เลย อยากถามพี่ๆดีเจว่า ทำอะไรกับเรื่องนี้ได้บ้าง? มันมีโอกาสมั้ยที่หนูจะสามารถปลุกระดม รายงาน HR ? จริงๆควรจะมีคนอื่นมาสัมมนาอบรมบ้าง แต่เขามาบ่อยมาก เจไม่รู้ว่าถ้ารวมตัว ล่ารายชื่อ หาคนที่เบื่อกับคนนี้แล้วมาประเมิน จะมีใครไปประเมินด้วยกันบ้าง จริงๆก็มีหลายคนที่นั่งงีบบ้าง นั่งเล่นโทรศัพท์บ้าง ประเด็นคือมีคนมา Discuss กับเขาด้วย เหมือนเริ่มกลายเป็นลัทธิ แล้วเริ่มมีคนสนใจ เพราะมาบ่อยขึ้น และตอนนี้แอบใช้น้องฝึกงาน เพราะอยู่แปปเดียวก็ต้องไปแล้วเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1