พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

คุณพ่อ ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย แต่สุดท้ายปฏิเสธการรักษาเพราะ … ไปใช้สิทธิประกันสังคม ครั้งแรกได้ยินพยาบาลบ่นใส่ “เบื่อตาแก่คนนี้จัง” ครั้งที่สอง ขอให้พาไปห้องน้ำหน่อยได้ไหม? พยาบาลบอก “ตายในห้องน้ำมาหลายคนแล้ว” จนครั้งนี้ เศร้าที่สุดคือ พ่อบอก...

21 ส.ค. 2023

คุณพ่อ ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย แต่สุดท้ายปฏิเสธการรักษาเพราะ…

ไปใช้สิทธิประกันสังคม ครั้งแรกได้ยินพยาบาลบ่นใส่ “เบื่อตาแก่คนนี้จัง”

ครั้งที่สอง ขอให้พาไปห้องน้ำหน่อยได้ไหม? พยาบาลบอก “ตายในห้องน้ำมาหลายคนแล้ว”

จนครั้งนี้ เศร้าที่สุดคือ พ่อบอก เปลี่ยนผ้าอ้อมให้หน่อยนะครับ เจ้าหน้าที่บอก...

“คนนี้ก็จะตาย คนนั้นก็จะเปลี่ยนผ้าอ้อม มาดูกันว่าใครจะตายก่อนกัน”

           “คุณปีใหม่ (นามสมมติ)” อายุ 25 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (16 ส.ค. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาคุณพ่อเจอคำพูดที่ทำร้ายจิตใจจากบุคลากรทางการแพทย์จนไม่มีใจอยากรักษา

          โดย “คุณปีใหม่ (นามสมมติ)” เล่าว่า `พ่อป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย รักษาอยู่ที่โรงพยาบาลรัฐในตัวจังหวัดแห่งหนึ่ง หลังจากที่เข้าคีโมครบหกครั้งแล้ว พ่อมีสภาวะแทรกซ้อน ก็คือเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พ่อมีอาการปวดขาข้างขวาขึ้นมา แล้วทีนี้คุณหมอจะนัดพบทุกๆ 3 เดือน เพื่อตรวจเลือด แต่แกมีอาการปวดขาแล้วไม่ยอมไปหาหมอเลย ด้วยทางบ้านหนูก็ไม่ได้มีรถยนต์ ไม่ได้มีรถส่วนตัว เวลาที่จะไปหาหมอแต่ละทีจะลำบาก ก็ต้องไปรถโดยสารแทน แกเลยรอให้ถึงกำหนดนัดก่อน ถึงจะไปโรงพยาบาล แล้วกำหนดนัดอีกครั้งก็คือ กันยายนเลย แต่ด้วยอาการของแก มันปวดมาก จนนอนไม่ได้ ทานข้าวไม่ได้เป็นระยะเกือบเดือนเลย จนถึงสัปดาห์ที่แล้ว ก็เลยตัดสินใจจะเรียกรถฉุกเฉิน คือจะต้องไปหาหมอแล้วแกรอไม่ไหวแล้ว

          พอไปถึงโรงพยาบาล คุณหมอตรวจอาการเบื้องต้นและด้วยพ่อมีโรคประจำตัว คุณหมอบอกว่า “จะต้องให้คุณหมอที่เป็นเจ้าของไข้มาดูอาการ และค่อยทำเรื่องส่งไปรักษากระดูก” คือต้องรอก่อน พอคุณหมอเจ้าของไข้มาถึงก็ให้พ่อนอนรอดูอาการที่ห้องรวมคนไข้ เบื้องต้นหนูได้แจ้งหมอไว้แล้วว่า พ่อไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้นะ เพราะคุณพ่อเดินไม่ได้จากอาการปวดขา เวลาที่แกปวดขาก็จะปวดตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมาจนถึงเอว รวมไปถึงอวัยวะเพศและมีอาการร้อนมาจากข้างใน และด้วยตำแหน่งเตียงของพ่อจะอยู่ห่างจากห้องน้ำประมาณ 10 เมตร คืออยู่อีกฝั่งหนึ่งของห้อง หนูก็เลยขอคุณหมออยู่เฝ้าพ่อได้ไหม คุณหมอแจ้งกลับมาว่า ตามปกติแล้วจะไม่ให้ญาติอยู่เฝ้า หนูกับแม่คุยกันว่าไม่เป็นไรถ้าหมอไม่ให้เฝ้า จะให้พ่อใส่แพมเพิสแทน ซึ่งแกไม่เคยใส่แพมเพิสมาก่อน คืนแรกที่ใส่แพมเพิสแกหนูคิดว่าไม่มีปัญหาอะไร

          จนวันต่อมาหนูเลิกงานรีบไปหาพ่อเลย สิ่งที่หนูเจอคือ คุณพ่อมีอาการหน้าซีด ตัวสั่นเหมือนตกใจอยู่ตลอดเวลา หนูคิดว่าเป็นอาการจากที่แกไม่ได้กินข้าว หรือปวดขามากจนไม่ได้นอนหรือเปล่า ก็เลยถาม “พ่อวันนี้ปวดขาไหม” แกตอบไม่ค่อยปวดเท่าไหร่ แล้วก็เงียบไป ซึ่งปกติพ่อจะเป็นคนชอบชวนคุย เวลาถามกลายเป็นคนถามคำตอบคำ ซึ่งตามปกติเวลาเยี่ยมของโรงพยาบาลรัฐ เขาจะแบ่งเป็น 3 ช่วง เริ่มจาก 6 โมงเช้า - 8 โมง และช่วงเที่ยง – บ่ายโมง ช่วงสุดท้าย 5 โมง – 1 ทุ่ม พอใกล้หมดเวลาเยี่ยม พ่อก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเข้าแชทไลน์กลุ่ม แล้วพิมพ์เล่าถึงเหตุการณ์แรกที่แกเจอว่า เมื่อคืนพ่อโดนพยาบาลดุ เพราะแกจะให้พยาบาลช่วยเปลี่ยนแพมเพิสให้ ด้วยความที่แกไม่เคยใส่แพมเพิสมาก่อน อาจจะมีอาการร้อนหรือปัสสาวะเต็มแล้ว แกเรียกพยาบาล 2-3 ครั้ง โดยแต่ละครั้งก็เว้นระยะประมาณ 30 นาที พยาบาลก็รับรู้ ฟังที่พ่อพูดแล้วก็เดินหนีไป จนประมาณตี 3 - 4 คุณพ่อก็ถามอีกครั้งว่า “เปลี่ยนแพมเพิสให้หน่อยได้ไหมครับ มันเต็ม” พยาบาลก็ตอบกลับด้วยภาษาอีสาน แปลออกมาก็ความหมายประมาณ ฉันเบื่อตาแก่คนนี้จัง...

          เหตุการณ์ที่สอง ต่อเนื่องจากที่พยาบาลไม่ยอมเปลี่ยนแพมเพิสให้ แกก็พยายามที่จะลุกไปเข้าห้องน้ำเอง แต่ด้วยความที่แกไม่มีไม้เท้า ทำให้ขณะที่พยายามลุกก็เกิดเสียงดังที่เตียงขึ้น ทำให้พยาบาลหันมาเห็น แล้วถามว่า “ทำอะไร” พ่อก็บอกว่า“จะไปเข้าห้องน้ำครับ พาไปเข้าห้องน้ำได้ไหม” พยาบาลพูดประมาณว่า “ตายมาหลายคนแล้วนะอยู่ในห้องน้ำ” หนูคิดว่าเหมือนพยาบาลจะสื่อว่าเดี๋ยวลื่นอะไรประมาณนี้

          จนเหตุการณ์ที่สามที่พ่อเจอคือ เตียงข้างๆเป็นผู้สูงอายุใกล้จะเสียชีวิตแล้ว พยาบาลก็มารุมดูกันที่เตียงแล้วมีคนยืนข้าง ๆเตียงของพ่อ พ่อก็เลยกระซิบบอก “คุณหมอครับ ผมรบกวนเปลี่ยนแพมเพิสให้หน่อยได้ไหม” ซึ่งคนที่ยืนอยู่เป็นบุรุษพยาบาล ตอบกลับพ่อว่า “เอ้า! คนนึงก็จะตาย อีกคนก็จะเปลี่ยนแพมเพิส มาดูกันว่าใครจะตายก่อนกัน”

          หลังจากนั้นพ่อโทรหาหนู แกขอกลับบ้าน หนูก็ถามแกเป็นอะไรหรือเปล่า เป็นเพราะเหตุการณ์ที่พิมพ์มาใช่ไหม หนูก็บอกแกไม่เป็นไรนะหนูจะคุยกับคุณหมอให้ว่าขอย้ายได้ไหม แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เจอคุณหมอ พ่อเซ็นปฏิเสธ การรักษาเองทั้งหมด พอกลับบ้านมา พ่อเปลี่ยนไปเหมือนเป็นคนละคน แกจะพูดเรื่องที่แกเจอย้ำๆ ซ้ำๆ ประมาณว่า พ่อจู้จี้เกินไปหรอ พ่อไปเป็นภาระให้เขาหรือเปล่า หรือเขาคิดว่าพ่อเป็นโรคจิตหรือเปล่า?

          หลังจากนั้นหนูก็โทรไปร้องเรียนกับทางโรงพยาบาล เขาก็แจ้งมาว่าตอนนี้พ่อมีอาการน่าเป็นห่วงนะ ยังไม่ได้ทำการรักษาอะไรเลย พ่อเซ็นยกเลิกทั้งหมดก่อน หนูบอกเหตุผลที่พ่อยกเลิกการรักษาว่าพ่อเจออะไรบ้าง ทางโรงพยาบาลก็บอก ถ้างั้นจะย้ายตึกให้ ญาติต้องดูแลคนไข้เอง แต่ตอนนี้พ่อไม่อยากรักษาแล้ว แกบอกว่า “ถ้าเกิดพ่อจะตาย ก็อย่าเอาพ่อไปที่นี่อีก” หนูอยากขอคำแนะนำวิธีหรือคำพูดยังไงดี ไม่ให้พ่อโทษแต่ตัวเอง...

          ซึ่ง “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘พูดไปเลยว่าพยาบาลคนนั้นคงเครียด อาจจะมีเรื่องเยอะแยะมากมาย คนอื่นๆก็โดนแบบนี้เหมือนกัน พ่อไม่ต้องไปสนใจ พูดให้พ่อรับรู้ว่าสิ่งนี้มันไม่ได้เกิดจากพ่อ แต่มันเป็นเพราะตัวของพยาบาลคนนั้น เป็นเรื่องที่เราบังเอิญไปเจอคนแบบนี้

          ทางด้าน “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘เอาชื่อไป complain กับทางโรงพยาบาล ให้เขาได้รับรู้ว่าบุคคลนี้เป็นปัญหาของแผนกนั้นอยู่ แล้วพยายามบอกคุณพ่อว่า มันไม่ได้เป็นปัญหาที่พ่อ แต่มันเป็นปัญหาที่คน ลองยกตัวอย่างคนที่เขาดีๆ สุดท้ายไม่ใช่ความผิดของพ่อเลย อาการ ร่างกายที่จะดีขึ้นก็คือ จิตใจต้องดีขึ้นก่อน ถ้าจิตใจเราแข็งแรงเดี๋ยวอย่างอื่นก็จะตามมาครับ

          สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘หนูอยากให้คุณพ่อรักษาตัวเอง ไม่ใช่เพื่อใครเลย แต่เพื่อครอบครัวของเรา เพื่อคนที่เรารัก กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าเกิดพ่อห่อเหี่ยว คนในบ้านก็จะห่อเหี่ยวตามนะ ขอให้พ่อกลับไปรักษาเราจะได้อยู่กับลูกหลานไปนาน ๆ ส่วนเรื่องพยาบาล พ่อไม่ผิดเลย ยายนั่นมันร้ายเอง คนอย่างยายนั่นต้องเจอคนแบบหนู...’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

มีเพื่อนคนนึง ไม่ค่อยสนิทกัน แต่เค้าส่งคลิปมาให้หนูไม่หยุด ส่งมาให้ทั้งวัน ทั้งคืน คลิปตลก คลิปไวรัล คลิปโซเชียลต่างๆ บางทีหนูก็ไม่ได้เข้าไปดู ลองไม่ตอบไป 2-3 วัน ก็ยังส่งมาไม่หยุด จะบล็อกก็ไม่รู้ว่าจะเสียเพื่อนไปไหม ถ้าเจอแบบนี้ทำไงกันคะ?

26 ก.ค. 2024

มีเพื่อนคนนึง ไม่ค่อยสนิทกัน แต่เค้าส่งคลิปมาให้หนูไม่หยุด ส่งมาให้ทั้งวัน ทั้งคืน คลิปตลก คลิปไวรัล คลิปโซเชียลต่างๆ บางทีหนูก็ไม่ได้เข้าไปดู ลองไม่ตอบไป 2-3 วัน ก็ยังส่งมาไม่หยุด จะบล็อกก็ไม่รู้ว่าจะเสียเพื่อนไปไหม ถ้าเจอแบบนี้ทำไงกันคะ?

“คุณเบ (นามสมมติ)” อายุ 30 ปี สายที่ห้าในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [24 ก.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับเรื่องเพื่อนที่ไม่สนิทชอบส่งคลิปมาให้เรามากเกินไปจนมันน่ารำคาญ โดย “คุณเบ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูมีปัญหาคือจะมีเพื่อนที่ไม่สนิท ที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานานมากเเล้ว เเต่ว่ามีโซเชี่ยลกัน ติดต่อในโซเชียลบ้าง คือเขาจะชอบส่ง Reels ส่งคลิปมาใน DM ไอจี แชร์มาตลอดเวลาทั้งวันเป็นสิบ ๆ อัน เป็นคลิปตลกบ้าง คลิปศิลปิน คลิปทั่วไปเรื่อยเปื่อย ด้วยความที่มันส่งมาทั้งวัน เเล้วหนูก็รำคาญ คนที่มีพฤติกรรมเเบบนี้มี 2 คน แรกๆ หนูก็ตอบค่ะ ก็ตามมารยาท เพื่อนแชร์อะไรมาให้หนูก็ดู รีเเอคชั่นกลับไป เเต่มันเหมือนหนูยิ่งตอบมันก็ยิ่งส่ง เเล้วหนูเป็นคนตอบเร็วเเล้วไม่ชอบให้มีโนติค้าง เเล้วเป็นว่าก็ส่งมาไม่หยุดเลย คนที่ 1 เขาจะชอบส่งศิลปินที่เขาชอบมา หนูรู้จักแต่ไม่ได้ชอบ เหมือนส่งมาหวีดเมนตัวเองว่า “แก เมนเราน่ารัก ทำแบบนั้นแบบนี้น่ารักมั้ย” หนูเลยตอบรีเเอคไปแบบกว้าง ๆ ไปไม่ได้ลงดีเทลเหมือนที่เขาต้องการ เพราะหนูคิดไปเองว่า ถ้าหนูรีเเอคแบบคนไม่มีใจ เขาจะส่งมาน้อยลง เเต่ว่าไม่ ชีก็ส่งมาเรื่อย ๆ เลย ขอแค่หนูตอบอะไรก็ได้ คนที่ 2 เนี่ยหนักเลย คนนี้เขาชอบแชร์มีม เเชร์เรื่องตลกเรื่อยเปื่อย คือมาทุกช่องทางโซเชี่ยลที่หนูมีกับเขาเลย คือหนูจะมีเฟสบุ้ค ไอจีเขา เขาก็ส่งมาหมดเลย เฟสบุ้คนี่หนักเลย คือมันจะแบ่งเป็น 2 อย่างใช่มั้ยคะ แท็กหนูใต้โพสต์มาเป็นสิบ เเล้วก็ยังเเชร์มาในเเมสเซนเจอร์ของเฟสบุ้คมาอีก ด้วยความที่หนูไม่ค่อยเล่นเฟสบุ้คเเล้วเพราะว่ามีพ่อแม่มีญาติอยู่ หนูก็ไม่ค่อยตอบ เขาก็เหมือนย้ายแพลตฟอร์มมาที่ไอจี มาส่ง เเต่เขาก็ไม่ได้หยุดส่งในเฟสนะคะ เขาก็เเชร์ 3 แพลตฟอร์มเลย คือมันเยอะมาก หนูก็เคยเห็นเขาเเท็กหลายคนอยู่นะคะในโพสต์ที่เขาเเท็กหนู หนูก็กดเข้าไปอ่านไม่ตอบ เพื่อให้โนติมันหายไป มีครั้งนึงชีคนที่ 2 เขาก็ทักหนูกลับมาว่า “เป็นอะไรอะ ไม่ตอบเลย ป่วยหรอ?” หนูก็ตอบกลับไปว่า “ส่งมาเยอะขนาดนี้ตอบไม่ไหวหรอกจ้า” เขาก็อ่านไม่ตอบเเล้วก็หายไปสักพัก ไม่ถึงวันเขาก็แชร์มาอีก หนูทำมาทุกวิถีทางเเล้ว ไม่อ่านไม่ตอบ ทิ้งไว้หลาย ๆ วันเเล้วค่อยไปกดออก เเต่เหมือน 2 คนนี้เขาไม่ลดละความพยายามเลย เขาเห็นหนูอ่านเเล้วก็จะส่งมาใหม่ทันที ไม่สนใจว่าหนูจะไม่ตอบนานเเค่ไหนเเล้วส่งมาเรื่อย ๆ ทีเนี่ย เเจ้งเตือนหนูก็จะชึ้น 2 อัน เป็นเขา 2 คนอยู่ตลอดเลย ไม่เคยหายไปเลย หนูก็เลยอยากถามพี่ ๆ ดีเจว่า หนูจะทำยังไงดีให้เขาเลิกส่งมาให้หนู หรือว่าส่งมาให้มันปริมาณไม่เยอะขนาดนี้’ ซึ่ง “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าเเชร์มีมลอย ๆ มาในกรุ๊ปจะไม่ตอบ เเต่ถ้าเขายิงตรงถึงเรา อาจจะเข้าไปอ่านแล้วตอบนิด ๆ หน่อย ๆ ตามมารยาท เเต่ถ้ารัว ๆ จะไม่ตอบจะไม่สนใจเลย บางคนเขามีความสุขกับการแชร์มีม โดยไม่ต้องการคำตอบด้วย เเค่รู้สึกว่าให้เพื่อนได้เห็นอะไรตลก ๆ เหมือนเรา’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าไม่มีโอกาสได้เจอ เป็นพี่พี่บล็อกไปแล้ว พี่ไม่เหนื่อยมาลบหรอก หรือเบไปตั้งไม่ให้เเท็กได้นะในเฟสบุ้ค เเต่ในไอจีพี่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ถ้ามันทำให้รำคาญ พี่จะบล็อก! ไม่เห็นต้องเเคร์เขาเลยถ้าไม่ใช่เพื่อนที่สนิทเเบบจะเจอกันอยู่เเล้วอะ ถ้าบอกไปแล้ว ทำให้เขารู้ไปเเล้วว่าไม่อยากรับสารเหล่านี้ เเล้วเขายังทำอยู่ก็ต้องบล็อกอะ เพราะไม่รู้จะทำยังไงเเล้ว’ เเละสุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘เป็นพี่ถ้าไม่สนิทพี่จะไม่อ่านเลย พี่จะลบ ถ้าเขาถามว่าเป็นอะไรทำไมไม่อ่าน ก็ตอบไปเลยว่ารู้ว่าที่ส่งอะไรมามันไม่สำคัญ ขี้เกียจอ่าน พูดตรงๆ เเต่ถ้าไม่อยากพูดตรง ๆ อีกวิธีคือให้อันฟอลเขาเเล้วไปตั้งค่าให้เเค่คนที่เราติดตามเท่านั้นส่งข้อความได้’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ทุกคนคิดว่า "งานข้าราชการ" มั่นคงกันไหมครับ? ผมเป็นครูอัตราจ้างมาหลายปี แต่โดนคนรอบข้าง และ คนในครอบครัวดูถูกมาว่า "ทำงานมาหลายปี ไม่เห็นมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน"

16 ก.พ. 2024

ทุกคนคิดว่า "งานข้าราชการ" มั่นคงกันไหมครับ? ผมเป็นครูอัตราจ้างมาหลายปี แต่โดนคนรอบข้าง และ คนในครอบครัวดูถูกมาว่า "ทำงานมาหลายปี ไม่เห็นมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน"

ทุกคนคิดว่า "งานข้าราชการ" มั่นคงกันไหมครับ? ผมเป็นครูอัตราจ้างมาหลายปีแต่โดนคนรอบข้าง และ คนในครอบครัวดูถูกมาว่า "ทำงานมาหลายปี ไม่เห็นมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน"คนอื่นมีบ้าน มีรถกันหมดแล้ว ได้ยินบ่อยๆจนตอนนี้เริ่มท้อ คิดอยากเปลี่ยนอาชีพทั้งที่ยังรักการสอนอยู่ “คุณโอ (นามสมมติ)” อายุ 26 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [14 ก.พ 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจอ้อย นภาพร เกี่ยวกับเรื่องการทำงานข้าราชการ โดย “คุณโอ(นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ผมทำงานในสายข้าราชการมาประมาณ 5-6 ปี เมื่องช่วงปี 65 ผมตัดสินใจลาออก เพราะไม่ถูกกับผู้บริหาร เพราะผมเคยทำงานในตำแหน่งงานธุรการมาก่อน แล้วได้เลื่อนมาเป็นครูพิเศษสอน ผู้บริหารมักจะพูดกับผมประมาณว่า “เดี๋ยวให้ลงไปเป็นธุรการเหมือนเดิม” พูดแบบนี้กับผมทุกวัน และที่หนักสุดคือ เขาด่าผมว่า “โง่” ต่อหน้าเด็กนักเรียนกลางหน้าเสาธง จนทำให้ผมตัดสินใจลาออก และไปทำงานบริษัทเอกชนในกรุงเทพ 1-2 เดือนต่อมา ผมได้ข่าวว่าผู้บริหารคนนี้ลาออก คุณครูคนเก่าที่โรงเรียนนี้จึงโทรมาหาผม ถามว่า “ยังอยากกลับมาไหม” เพราะผลงานที่ผมทำให้กับโรงเรียนก็ได้มาตรฐาน คุณครูที่โรงเรียนก็เล็งเห็นเลยอยากให้ผมกลับไป ด้วยความที่ผมก็ทำงานสายข้าราชการมาโดยตลอด และรักในความเป็นครู ผมจึงตัดสินใจกลับไป ตอนที่ผมตัดสินใจลาออก จากบริษัทเอกชน ผมก็ได้ไปปรึกษากับหลายคน เริ่มจากคนในครอบครัว ครอบครัวของผมมีพี่น้องด้วยกันทั้งหมด 5 คน ผมเป็นคนสุดท้อง พี่ทุกคนต่างทำงานบริษัทเอกชนกันหมด ผมก็มีความคิดประมาณว่า “ต้องมีใครสักคนในครอบครัว เป็นข้าราชการ เพื่อจะได้รับสวัสดิการ” ผมก็เอาเหตุผลนี้ไปบอกกับครอบครัว แต่ครอบครัวก็ไม่เข้าใจ ผมพยายามหาหลาย ๆ เหตุผลมาอธิบาย เช่น “อยู่ไปก่อน เดี๋ยวก็ค่อยไล่สอบ ซึ่งไม่ใช่จะต้องเป็นครูอย่างเดียว งานข้าราชการไหนที่เปิดรับสมัครก็จะพยายามลงสอบให้ได้” พอผมอธิบายแบบนี้ไป ครอบครัวก็บอกว่า “ไหวหรอ เงินเดือนก็น้อย อยู่ได้ไม่นาน มีใต้โต๊ะบ้าง มีทุจริตบ้าง” ซึ่งผมก็บอกว่า “มันเป็นเรื่องปกติ ขึ้นอยู่กับเราว่าจะทำตัวแบบไหน” และด้วยความที่ว่าอัตราเงินเดือนของผมตอนนี้ มันน้อยกว่าทุกคนในบ้าน เรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งปม ผมเลยไปปรึกษาเพื่อนที่ทำงานข้าราชการและทำงานเอกชน ผมถามคนที่ทำงานข้าราชการ เขาก็จะบอกข้อดีของการทำงานข้าราชการ ผมไปถามคนที่ทำงานเอกชน เขาก็จะบอกข้อดีของการทำงานเอกชน ย้อนกลับไปตอนที่ผมทำงานบริษัทเอกชน ผมก็ได้มีการเรียนต่อปริญญาโทด้วย พอตอนที่คุณครูที่โรงเรียนตามกลับไปทำงาน ผมก็ลาออกจากการเรียนปริญญาโท แล้วมาเรียนต่อป.บัณฑิต(วิชาชีพครู) และช่วงเดือนธันวาคมผมเรียนจบ ผมก็เลยมีความคิดว่า อยากลาออกแล้วกลับไปทำงานที่บริษัทเอกชนอีก เพราะว่าผมก็อายุ 26 ปี แต่ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย ขณะที่พวกพี่ ๆ มีทุกอย่างหมดแล้ว ผมอยากจะถามพี่ ๆ ดีเจว่าผมควรจะเลือกทางไหนดี? สำหรับคนที่อายุเท่านี้ ซึ่ง “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ที่พี่รู้คือ ตอนนี้คุณโออยากเป็นครู หรืออะไรก็ได้ที่เป็นราชการ ถ้าเรามี Passion กับเรื่องอะไร ก็อยากให้ทำอันนั้น แต่มันจะมีประโยคที่คุณโอพูดว่า “ต้องมีใครสักคนในครอบครัว เป็นข้าราชการ เพื่อจะได้รับสวัสดิการ” ถ้าเป็นเหตุผลนี้พี่ไม่เห็นด้วย เพราะพี่คิดว่ามันไม่ได้เป็นหน้าที่ใครในครอบครัวที่จะมารับผิดชอบชีวิตคนอื่น คุณโอไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองไปทำงานข้าราชการ ถ้าคุณโอไม่อยากทำ แต่ถ้าคุณโออยากเป็นครูจริง ๆ เพราะรักในการสอนนักเรียน เป็นครูที่ดี อันนี้พี่เชียร์ให้ทำ แต่ต้องขยัน สอบบรรจุเป็นครูประจำให้ได้ เพราะครูอัตราจ้างยังไม่มั่นคง เงินเดือนก็ค่อนข้างน้อย และไม่อยากให้คุณโอเอาชีวิตตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น คุณโออยากเห็นตัวเองเป็นอะไร และมีความสุขกับการทำอะไร อันนี้ต่างหากที่สำคัญ’ ต่อมา “ดีเจพี่อ้อย” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่มองว่าไม่ได้เกี่ยวกับข้าราชการหรือเอกชน พี่รู้สึกว่าชอบอะไร ทำสิ่งนั้น แต่ถ้ายังเป็นครูอัตราจ้างอยู่ ก็ไม่ได้สวัสดิการตามนั้น และถ้าคุณโอทำงานบริษัทเอกชน เรายังมีสวัสดิการเรื่องอื่น ๆ ที่เทียบกันแล้วก็อาจจะใกล้เคียงกับสิทธิ์ข้าราชการก็ได้ หรือแม้แต่พี่ ๆ ของคุณโอที่ทำงานบริษัทเอกชน ก็มีเงินเก็บ มีประกันชีวิต ถ้าเราคิดว่าจะต้องดูแลครอบครัว พี่น้องตั้งหลายคนก็ช่วยกัน เรื่องนี้ก็สามารถทำได้ ไม่อยากล็อกไว้แค่ว่า ตกลงเป็นข้าราชการหรือเอกชนเท่านั้น อันไหนถึงจะดี แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับเราว่าเป็นงานที่ชอบ เป็นงานที่เรารัก และเป็นงานที่เราพร้อมจะพัฒนาตัวเอง ในที่สุดแล้วเราก็ต้องเลือกงานที่เราชอบก่อน ‘ และสุดท้าย “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ครอบครัวน่าจะเข้าใจผิด เพราะหลายคนที่เลือกรับข้าราชการ ก็เพราะความมั่นคง เรื่องของรายได้ อาจจะสู้เอกชนไม่ได้ แต่ในระยะยาวมั่นคงกว่า เท่าที่พี่เคยคุยกับคนที่ทำอาชีพครู เขาก็บอกว่าครูเอกชน เงินดีจริง แต่เมื่อไหร่ที่คุณมาตรฐานตก หรือมีครูที่มีชื่อเสียงกว่า คุณมีสิทธิ์โดนแทนได้ทุกเมื่อ แต่การที่จะสอบครูข้าราชการมันยาก รับคนไม่เยอะ การที่คนจะไปเป็นครูอัตราจ้างก่อน เพื่อที่จะมีสนามสอบพิเศษ คุณโอต้องประเมินตัวเองก็ว่า อยากเป็นครูจริง ๆ และทำได้ดีในอาชีพครู ช่วงแรกก็คงต้องอดทนไปก่อน จนกว่าจะสอบบรรจุได้ และอยากจะส่งกำลังใจให้ เพราะหาคนที่มีใจรัก ที่อยากเป็นครูจริง ๆ หายาก แล้วผมก็อยากให้มีครูดี ๆ เยอะ ๆ เพราะการศึกษาไทยจะได้พัฒนาขึ้นไปอีก’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

สายสุดท้าย #พุธทอล์คพุธโทร ดีเจต้นหอมขอปรึกษาเอง! ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย? มันเป็นเรื่องที่หนูเคลียร์หมดแล้ว ชัดเจนไปแล้วเมื่อ 5 ปีก่อน พิสูจน์หมดแล้วว่าหนูไม่ผิด ตอนนี้เจอลูกค้าแคนเซิลงาน โดนผลกระทบแบบนี้ แฟร์แล้วหรอคะ?

24 ต.ค. 2024

สายสุดท้าย #พุธทอล์คพุธโทร ดีเจต้นหอมขอปรึกษาเอง! ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย? มันเป็นเรื่องที่หนูเคลียร์หมดแล้ว ชัดเจนไปแล้วเมื่อ 5 ปีก่อน พิสูจน์หมดแล้วว่าหนูไม่ผิด ตอนนี้เจอลูกค้าแคนเซิลงาน โดนผลกระทบแบบนี้ แฟร์แล้วหรอคะ?

สายสุดท้าย #พุธทอล์คพุธโทร ดีเจต้นหอมขอปรึกษาเอง! ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย?มันเป็นเรื่องที่หนูเคลียร์หมดแล้ว ชัดเจนไปแล้วเมื่อ 5 ปีก่อน พิสูจน์หมดแล้วว่าหนูไม่ผิดตอนนี้เจอลูกค้าแคนเซิลงาน โดนผลกระทบแบบนี้ แฟร์แล้วหรอคะ?ต้นหอมขอพูดบ้างที่รายการแฉ GMM25 คืนนี้!! “ดีเจต้นหอม” สายสุดท้ายในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [23 ต.ค.67] ได้ปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล’ ในรายการแบบสดๆ เกี่ยวกับปัญหาได้รับผลกระทบกับงานและเงิน โดย “ดีเจต้นหอม” ได้เล่าว่า ‘ลูกค้าแคนเซิลงานเรา กลัวไปทำภาพลักษณ์เเบรนด์เสียหาย ซึ่งเราไม่ได้เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ พิสูจน์เเล้วเรื่องนี้หนูไม่ได้ผิดเเต่ก็ได้รับผลกระทบจนต้องเสียงานเสียเงิน ก็ไม่ใช่ที่เราเป็นต้นเหตุเลย เราไม่ได้สร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา ต่อให้หนูเคลียร์เเล้วเเต่มันก็มีผลกระทบอยู่ดี เเล้วแบบนี้ใครต้องรับผิดชอบชีวิตหนู การงานการเงินหนู รายได้หนูที่จะเข้ามา นาน ๆ ทีหนูจะมีอีเว้นท์ซักทีนึง เเล้วเนี่ยพรีเซ็นเตอร์อีก 1 ตัวก็ยังลุ้นอยู่ว่าลูกค้าขอประชุมกันก่อนว่ายังไง เเล้วมันถูกพิสูจน์แล้วว่าหนูไม่ได้ผิด คนอื่นสร้างเรื่องขึ้นมา เเต่หนูได้รับผลกระทบ ก็เลยอยากจะปรึกษาพี่ๆดีเจทั้ง 2 คนว่าหนูโดนเเบบนี้มันแฟร์เเล้วหรอคะ?’ โดยเริ่มที่ “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ก็เห็นใจ เป็นยุคที่ทำให้ทุกอย่างมันชัดเจน ซึ่งวันนี้ต้องยอมรับว่าคุณต้นหอมก็ตอบได้ค่อนข้างชัดเจน อาจจะต้องใช้ความเชื่อมั่นในตัวเอง รวมถึงต้องภาวนาให้ลูกค้าเขาเชื่อมั่นด้วย เราก็คาดเดาไม่ได้เพราะลูกค้าอาจจะไม่ได้หมายถึงองค์รวมประชุม อาจจะหมายถึงคนที่สิทธิ์ในการตัดสินใจเพียงเเค่ 1-2 คนที่เขาติด อย่าไปเสียความมั่นใจในตัวเอง ถ้าของไหนเป็นของเรามันก็จะมา’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ต้องมั่นใจในตัวเองว่าเราคือทองเเท้ ถ้าที่ชี้เเจงเมื่อ 5 ปีที่แล้วมันเหมือนในตอนนี้เเสดงว่ามันคือสัจจะ มันคือความจริง ระยะเวลามันจะพิสูจน์เอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

นับถือน้าเป็นแม่ เลี้ยงหนูมาจนโต ตลอดเวลาที่อยู่บ้านเดียวกัน น้าเขย พยายามขอกำลังใจจากหนู ขอให้หนูกอด ขอให้หนูบอกรัก บางวันดึงหนูไปกอด หนูกลัวจนตัวสั่น ล่าสุดส่งรูปลามกให้หนูอีก ตอนนี้ไม่กล้าบอกใครเลย แม่เคยบอกไว้ว่าให้ทำดีกับเขาไว้เพราะเรื่องธุรกิจ

29 ม.ค. 2024

นับถือน้าเป็นแม่ เลี้ยงหนูมาจนโต ตลอดเวลาที่อยู่บ้านเดียวกัน น้าเขย พยายามขอกำลังใจจากหนู ขอให้หนูกอด ขอให้หนูบอกรัก บางวันดึงหนูไปกอด หนูกลัวจนตัวสั่น ล่าสุดส่งรูปลามกให้หนูอีก ตอนนี้ไม่กล้าบอกใครเลย แม่เคยบอกไว้ว่าให้ทำดีกับเขาไว้เพราะเรื่องธุรกิจ

“คุณมี่ (นามสมมติ)” อายุ 19 ปี สายที่สี่ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (24 ม.ค. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม กับปัญหาเกี่ยวกับครอบครัว ที่น้าเขยมาลวนลาม น้าสาวที่นับถือเป็นแม่อีกคนก็รู้เรื่อง แต่ไม่คิดจะช่วยอะไร โดย “คุณมี่ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ปัจจุบันครอบครัวหนูมีอยู่กัน 4 คน คือ หนู แม่(น้าที่เลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ๆ ) ยาย และน้าเขย เมื่อก่อนแม่หนูเป็นแม่ค้าขายของที่ตลาด รายได้บางทีก็พอใช้ แต่บางครั้งก็ต้องประหยัด อยู่มาแบบนี้ได้สักพักนึงตั้งแต่เด็ก ๆ จนวันหนึ่งแม่ไปเจอแฟนในโลกออนไลน์ที่อายุอ่อนกว่าแม่ 10 ปี ซึ่งก็คือน้าเขยคนปัจจุบัน เขากับแม่ก็ตกลงกันว่าจะมาทำมาหากินใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เข้ามาทำงานด้วยกันได้ประมาณ 2 ปี น้าเขยคนนี้ทะเลาะกับญาติทั้งตระกูล อยู่กันแบบเคืองใจกันมาตลอด จนเข้าปีที่ 5 ที่เขาอยู่ด้วยกัน ตอนนั้นหนูอายุ 15 ย่าง 16 ปี น้าเขยก็บอกว่า “จะซื้อของขวัญให้แต่ต้องแลกกัน” ของขวัญที่หนูคิดไว้ว่าจะเอาไปแลกกับน้าเขยก็คงจะเป็นสิ่งของหรือการ์ดขอบคุณ แต่เขาบอกว่าเขาไม่เอา เขาไม่อยากได้ เขาอยากได้กำลังใจจากหนู หนูก็เลยปฏิเสธไปว่า “ไม่เป็นไร...หนูไม่เอา” เขาบอกว่าอยากให้หนูกอด ให้หนูหอมเหมือนลูก หนูก็ปฏิเสธไป แต่พอถึงวันเกิดเขาก็ซื้อมาให้อยู่ดี หลังจากนั้นเขาก็เหมือนถาม เหมือนทวงว่า “ไหนอะของขวัญ ไม่เห็นได้อะไรเลย” หนูก็เลยพยายามเลี่ยงไม่ตอบโต้ และเขียนการ์ดขอบคุณไปให้ แต่ว่าเขาบอกว่า “ไม่เอา” มีวันนึงเป็นวันที่แม่ออกไปขายของข้างนอกกับน้าเขย ส่วนคุณยายก็ไปวัด วันนั้นเป็นวันที่หนูอยู่บ้านคนเดียว น้าเขยเขาก็เปิดประตูบ้านเข้ามา เดินมาเปิดประตูตู้เย็นดื่มน้ำ หนูก็เลยรีบหารีโมทเพื่อที่จะปิดทีวีและรีบออกจากตรงนั้น จังหวะที่หนูกำลังจะลุกไป เขาก็เดินมาคุกเข่าลง เอามือมากอดหนูไว้แล้วก็บอกว่า “ขอของขวัญหน่อยสิ” แล้วเขาก็หอมแก้มหนูทั้งสองข้าง ด้วยความที่เป็นเด็ก ไม่กล้าและกลัวจึงไม่ได้ขัดขืนหรือทำอะไร พอเขาปล่อยออก หนูก็รีบลุกและวิ่งออกเลย วันนั้นหนูจำได้ว่าหนูนอนร้องไห้จนหลับ ซึ่งอันนี้ก็คือวีรกรรมแรกของน้าเขยคนนี้ พอเวลาผ่านไปได้ไม่นาน เขาทะเลาะกับแม่เรื่องผู้หญิง เก็บกระเป๋าออกจากบ้านไป หนูก็เลยตัดสินใจบอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับญาติ ๆ แต่ญาติเขาก็คุยกันบอกว่า “ยังไม่อยากบอกแม่ อยากให้เวลาแม่ทำใจก่อน” สุดท้ายเขาก็ไปได้ไม่นาน หลังจากผ่านไป 2 อาทิตย์ เขาก็กลับมาง้อแม่ แล้วก็กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม ทำให้พฤติกรรมที่เขาเคยทำกับหนูกลับมาอีก เวลาที่อยู่บ้านหนูจะเลี่ยงการอยู่กับเขาสองต่อสอง บางทีเวลาเดินไปหน้าบ้านแล้วเห็นเขาอยู่ หนูก็จะอ้อมไปเข้าด้านหลัง เวลาที่หนูเข้าห้องนอน เขาก็จะชอบทักมาประมาณว่า “ขอหน่อยสิ...ขอหน่อย รู้ว่าอยากได้ ก็ให้หน่อย” หนูก็ได้บอกญาติว่าเขาทำแบบนี้อีก แต่ญาติก็พูดอะไรมากไม่ได้ มากสุดก็แค่รับรู้ไว้ เขาก็บอกว่า “ให้หนูดูแลตัวเอง” ญาติก็มาเยี่ยมหนูบ้างอะไรแบบนี้ ส่วนยายที่อยู่บ้านเดียวกัน หนูก็ยังไม่ได้บอก เพราะคุณยายเป็นคนเซนซิทีฟ เท่ากับว่าตอนนี้คนในบ้านที่อยู่ด้วยกันยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย ยิ่งไปกว่านั้นบางทีน้าเขยเขายังส่งรูปลามกมาให้หนูในแชทอีกด้วย หนูยังไม่เคยโชว์ข้อความหรือรูปลามกที่เขาส่งมาในแชทให้แม่ดู ด้วยงานก็เลยยังไม่อยากพังชีวิตแม่ตอนนี้ เพราะว่ามันมีหลายอย่างที่เขาทำร่วมกัน แต่เหมือนแม่ก็รู้อยู่ว่าเขาเป็นคนยังไง หนูเคยคุยกับแม่ว่า “เขามาขอกอด” แม่ก็บอกแค่ว่า “อยากให้ทนไปก่อน เพราะอยากให้ชื่อกิจการมันเป็นของเราหมดก่อน” ส่วนแม่แท้ ๆ อยู่ข้างนอก อยู่ใกล้กัน แต่ฐานะการเงินของแม่เขาเลี้ยงดูหนูไม่ได้ หนูเคยบอกเรื่องนี้กับแม่แท้ ๆ แม่ก็บอกว่า “ถ้าวันไหนรู้สึกไม่ปลอดภัย ก็มานอนกับแม่ก็ได้” โดยปกติแล้วที่บ้านหนูเขาก็จะอยู่ห้องใครห้องมัน แต่บางทีเวลาเขาอยู่โถงบ้าน เขาชอบใส่กางเกงบ๊อกเซอร์มานั่งแหกขาดูทีวี ซึ่งจะทำแบบนี้แค่ตอนแม่ไม่อยู่บ้าน ล่าสุดที่ทำก็คือเมื่อสองวันที่แล้ว หนูเลยอยากจะถามพี่ ๆ ว่า “มันพอจะมีทางออกที่จะคิดคำพูด พูดกับแม่แบบจริงจังอะค่ะ เพราะว่าแม่หนูก็เหมือนเคยรับรู้แต่ช่วยอะไรไม่ได้มาก” แล้วเหมือนตอนนี้เขาพูดกับแม่ว่า เขาจะขายร้านทิ้งทั้งหมดไปอยู่ที่อื่นพาแม่ไปด้วย เหตุผลที่เขาจะไปมันน่ารังเกียจมาก เขาบอกกับหนูว่า “หนูไม่รักเขา ไม่กอด ไม่หอมเขา” แค่นี้เลยคือเหตุผลที่เขาจะพาแม่ไปอยู่ที่อื่น โดย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เป็นพี่พี่จะขอน้า ขอไปอยู่กับแม่แล้วให้เขาส่งเสียให้ ถ้าเขารักหนูจริง เขาจะทำ บอกไปว่าหนูไม่ไหว มันไม่มีความสุข หนูอยู่แบบนี้ไม่ได้ พี่ไม่อยากให้มี่คิดว่าเรื่องนั้นมันจะไม่เกิดขึ้น หนูเปลี่ยนเขาไม่ได้ แม่จะไม่มีวันเลิกกับเขา ตอนนี้ที่หนูทำได้คือย้ายออกจากบ้านหลังนั้น ซึ่งหนูมีทางที่จะย้ายด้วย ไม่ว่าจะเป็นแม่แท้ ๆ หรือญาติ พี่เชื่อว่าสุดท้ายจะไม่มีใครรักมี่เท่ามี่รักตัวเองนะ แล้วถ้าบอกแม่แล้วแต่แม่บอกให้ยอม ต้องอย่ายอมนะ กิจการอะไรเราทำมาหากินด้วยตัวเองได้ อย่าเอาชีวิตไปผูกกับสิ่งเหล่านี้แล้วเอาตัวเองแลก’ ต่อมาเป็น “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘เอาจริงวิธีที่จะพูดกับแม่มันไม่มีอะไรเลย เปิดไลน์ให้ดู เปิดข้อความ เปิดรูปที่เขาส่งมาให้ดูเท่านั้นแหละ แล้วก็ออกมาซะ อยู่กับใครก็ได้ที่ไม่ต้องมาเสี่ยงแบบทุกวันนี้ หนูไม่ได้ไม่มีใครนะลูก’ สุดท้ายเป็น “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘บ้านนี้หนูอยู่ไม่ได้แล้วอันตรายมาก แต่ถ้าหนูอยากลองถามแม่ก็ลองได้ ลองไปพูดกับแม่ว่าเกิดสิ่งนี้ขึ้นกับหนู แล้วหนูรู้สึกอึดอัดในการอยู่บ้านหลังนี้ หนูอยากอยู่ข้างนอก ถ้าเขารักเราจริง เขาจะเช่าบ้านให้เราอยู่ข้างนอก หรือเช่าหอ หรืออะไรก็ตาม แต่ถ้าเขายังพูดว่าร้านยังไม่เป็นของเรา บอกแม่ไปเลยว่าหนูขอออกไปอยู่ข้างนอก ถ้าอยู่แบบนี้หนูโดนข่มขืนแน่ แล้วแม่จะโอเคเหรอ หรือเราจะอยู่กับญาติได้ไหม ให้แม่มี่เป็นคนคิดเองเลยว่าจะให้อยู่บ้านไหน ตอนนี้อยู่ที่นี่ไม่ได้ แม่จะแก้ปัญหายังไงให้’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1
Contact usGreenwave02-665-8377EFM02-665-8373
Advertise with usมัลลิกา ปราบอริพ่าย (กบ)(Atime Showbiz, Online Content)063-282-6915จุฑา วนศานติ (บี) (EFM)02-669-9512, 081-923-9823
อังคณา พองาม (นุก) (Greenwave)02-669-9444-7
ดาวน์โหลด Application ได้แล้ววันนี้ที่atime online application download from app storeatime online application download from play storeติดต่อสอบถาม / แจ้งปัญหาการใช้งานatimeplatform@atimemedia.com
บริษัท จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด (มหาชน)เลขที่ 50 อาคาร จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เพลส ถนนสุขุมวิท21 (อโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขต วัฒนา กรุงเทพ 10110