พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

จบลงด้วยดี ! เคสคุณแม่ซื้อของเล่นให้ลูกที่ร้านดัง แต่รอเคลมสินค้า 6-7 เดือน ในราคา 3600 ดีเจต้นหอมยื่นมือเข้าช่วยประสานงาน ล่าสุดคุณแม่เผยในรายการ "ได้รับของใหม่แล้ว พร้อมกับเงินค่าของเล่นคืนด้วย" #ต้นหอมจอมพลัง

19 เม.ย. 2024

            “คุณแม่เอ (นามสมมติ)” สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร ได้โทรมาอัพเดทเรื่อง จากกรณีที่ลูกชายตั้งใจเก็บเงินซื้อของเล่น แต่รู้สึกเหมือนโดนโกง พนักงานไม่รับผิดชอบ จนลูกไม่อยากเก็บเงินต่ออีกเลย

            ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อคืนวันพุธวันที่ 17 เมษายน 67 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร โดย “คุณแม่เอ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ได้ของเล่นแล้วเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา แล้วก็ได้เงินคืน หลังจากที่โทรเข้ามาในรายการพุธทอล์ค พุธโทร วันรุ่งขึ้นดีเจต้นหอมก็ได้มีการโพสต์ในไอจี ทีแรกแม่ไม่ค่อยเล่นไอจี ส่วนจะใหญ่เล่น Facebook มากกว่า แต่เห็นในเพจ EFM station โพสต์ว่าดีเจต้นหอมทวงถามทางร้านของเล่นให้ แม่ก็เลยเปิดเข้าไอจีไปดู พอวันศุกร์ทางร้านของเล่นก็โทรมา เหมือนทางร้านได้คุยกับดีเจต้นหอมแล้ว ทางร้านก็โทรมาหาแม่

            ตอนที่คุยโทรศัพท์จำไม่ได้ว่า เขาแนะนำว่าเป็นผู้จัดการสาขาหรือผู้จัดการ เขาก็ขอโทษ วันนั้นที่โทรเข้าหาทางรายการได้คุยกับดีเจทั้ง 3 คน ก็มีกำลังใจขึ้นมา พอมีกำลังใจขึ้นก็ฮึดสู้ขึ้นอีกรอบหนึ่ง แม่ก็เลยไปแจ้ง สคบ. แล้วก็ส่งข้อความไปทางเพจร้านของเล่นว่า “เราไปแจ้ง สคบ. มาแล้วนะ” เหมือนพนักงานไม่ค่อยน่ารักเท่าไหร่ พอวันศุกร์ที่ผู้จัดการโทรมา แม่ก็มีอารมณ์นิดหน่อยก็เลยต่อว่าเขาไป มันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ แล้วผู้จัดการก็รับฟังโดยดีและขอโทษ ผู้จัดการก็รับปากว่าไม่เกินอาทิตย์หน้าจะได้ของเล่นแน่นอน แต่ว่าเมื่อไหร่จะโทรมาแจ้งอีกที พอวันพุธเขาก็โทรมาแจ้งว่า “ของเข้าแล้วนะคะ สะดวกวันไหน เขาอยากมามอบให้ด้วยตัวเอง จะได้มาขอโทษด้วยตัวเอง” แม่ก็บอกว่าวันพฤหัสบดี บ่าย 2

            หลังจากที่โทรมาในรายการพุธทอล์ค พุธโทร ก็ได้บอกกับลูกว่า “แม่โทรไปนะ” ลูกก็เขินอายนิดหน่อย แล้วลูกก็ไปเปิดฟังย้อนหลัง ลูกก็พูดกับเราว่า “ที่จริงแล้วเขาก็ไม่ได้กดดันเรา เขาถามปกติว่าได้หรือยัง” ในใจลูกไม่ได้มีความรู้สึกว่ากดดันแม่หรืออะไร ลูกก็ไม่รู้ตัวว่าการที่ทำแบบนั้นจะทำให้แม่กดดัน ลูกก็ขอโทษ หลังจากที่ได้คุยกับทางผู้จัดการร้าน วันนั้นก็บอกกับลูกเลยว่า “เขาโทรมาแล้วนะ เขาคอนเฟิร์มว่าไม่เกินอาทิตย์หน้าว่าได้แน่นอน” พอลูกได้ฟังตั้งแต่วินาทีนั้นลูกก็ดีใจมาก แล้วลูกก็เริ่มมีโครงการใหม่ อยากได้ตัวนู้นตัวนี้ เขาจะเก็บเงิน เขาก็มีกำลังใจขึ้นมาทันที แต่รอบนี้ก็สัญญากัน คุยกันว่าเดี๋ยวเราจะไปดูที่สะพานเหล็ก ดูหลาย ๆ ร้าน แล้วแม่ก็จะช่วยดู เพื่อที่จะได้ไม่มีปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นอีก

            วันที่ไปรับของ พูดได้เลยว่าโอเคมาก จากที่ได้พูดคุยกับทางร้าน เขาขอโทษ ก็คือไม่ติดใจอะไร แล้วผู้จัดการก็อธิบายว่ามันเป็นของที่ส่งมาจากต่างประเทศ ต้องใช้เวลา แต่จริง ๆ ถ้าทางร้านของเล่นบอกแม่ว่าในกระบวนการนี้ มันเป็นแบบนี้ว่าต้องรอ แม่ก็รอได้ แต่ที่ผ่านมาเขาไม่ตอบ ไม่หือ ไม่อือ แต่ถ้าตอบว่ารอก่อน ก็แค่นี้ ผิดพลาดที่การสื่อสาร พอลูกเห็นกล่องก็คือดีใจมาก เป็นกล่องสีน้ำตาล ซึ่งเป็นต้นทางจากบริษัท ลูกชอบมาก ผู้จัดการเขาก็ขอโทษแม่ เขาก็เลยยื่นซองสีขาวให้ แล้วก็บอกว่า “พี่อยากช่วยเป็นกำลังใจให้น้องที่เก็บเงินซื้อ” คือแม่ไม่ได้อยากได้เงิน คือถ้าได้ของก็โอเคจบแค่นั้น แต่ก็รับมาและคิดกันว่า เงินส่วนหนึ่งอาจจะเอาไปให้น้อง ๆ ตามสถานสงเคราะห์ เพราะคุยกับลูก ลูกก็ไม่สบายใจที่จะรับเงินมาเพราะก็ได้ของเล่นแล้ว แม่ก็พูดว่า “เอางี้ไหมล่ะ หนูอยากทำบุญไหม เราก็อาจจะไปทำบุญตรงนั้นตรงนี้” ลูกก็โอเค

            สุดท้ายอยากจะขอบคุณทุกคนจริง ๆ ทั้งทีมงานและดีเจทั้ง 3 คน โดยเฉพาะดีเจต้นหอม แล้วก็ชาวพุธโทรเรี่ยนทุกคน อยากขอบคุณจริง ๆ เพราะแม่ก็เป็นแฟนคลับรายการพุธทอล์ค พุธโทร มาตั้งแต่เรื่องคุณอั๋นที่เป็นมะเร็ง พอฟังแล้วรู้สึกว่ารายการนี้ดี ก็ฟังย้อนหลังแล้วก็ฟังมาตลอด ลูกก็อยากขอบคุณดีเจต้นหอมมาก ๆ แต่ลูกฝากขอบคุณ เพราะลูกไม่กล้าพูดเอง

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ยังไงคะคุณแม๊! คบกับแฟนมา 5 ปี ย้ายไปอยู่บ้านแฟน แต่แม่แฟนใช้ชื่อแฟนเก่า เรียกเราทุกครั้ง ทั้งๆที่ชื่อไม่เหมือนกันเลย แฟนเก่าแฟนเค้าเคยคบกันมา 7 ปี จนตอนนี้เราอึดอัดย้ายออกจากบ้านแฟนมาแล้ว ล่าสุด แม่เพิ่งแชร์รูปแฟนเก่าของแฟนใน Facebook ด้วย

22 มี.ค. 2024

ยังไงคะคุณแม๊! คบกับแฟนมา 5 ปี ย้ายไปอยู่บ้านแฟน แต่แม่แฟนใช้ชื่อแฟนเก่า เรียกเราทุกครั้ง ทั้งๆที่ชื่อไม่เหมือนกันเลย แฟนเก่าแฟนเค้าเคยคบกันมา 7 ปี จนตอนนี้เราอึดอัดย้ายออกจากบ้านแฟนมาแล้ว ล่าสุด แม่เพิ่งแชร์รูปแฟนเก่าของแฟนใน Facebook ด้วย

“คุณปาล์ม (นามสมมติ)” อายุ 33 ปีสายที่ 3 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [20 มี.ค. 67] ได้โทรมาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล และ ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับแม่แฟนชอบเรียกชื่อเราเป็นแฟนเก่าตลอด โดย “คุณปาล์ม (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูคบกับแฟนมา 5 ปี ทุกครั้งที่ต้องไปเจอแม่แฟนหรือพูดคุยกัน เขาจะชอบเรียกชื่อหนูเป็นชื่อแฟนเก่าของลูกชายเขาตลอด ปกติหนูแทนตัวเองว่าหนูตลอด แต่แฟนจะเรียกชื่อของหนู แล้วคุณแม่เขาก็ชอบไปแชร์รูปแฟนเก่าของแฟนเราด้วย เพราะเป็นรูปที่แฟนเก่าถ่ายกับหลานเขา หลานเป็นลูกของน้องชายแฟนที่แม่เคยเลี้ยง แต่หนูก็พยายามที่จะทำดีด้วย พยายามสร้างความสัมพันธ์ที่ดีตลอด ตอนนี้หนูกับแฟนมีลูกด้วยกันแล้ว และก็แยกบ้านอยู่กับแม่แฟน แต่ก่อนที่จะแยกบ้านแม่เขาเคยพูดว่า ไม่ชอบเด็ก เกลียดเด็ก ไม่อยากได้ยินเสียงเด็ก หนูเลยแยกออกมาอยู่ที่อื่น เพราะหนูคิดว่า 5 ปีแล้วทำไมถึงยังเรียกผิดอยู่ แล้วหนูก็รู้สึกในใจว่าแม่เขาคิดอะไรเพราะแม่ก็อายุแค่ 55 เอง หนูอยากถามพี่ ๆ คิดว่าแม่เขาคิดอะไรไหมแล้วมีวิธีรับมือยังไงบ้าง คำแนะนำจากดีเจเผือก : มันแก้ไม่ได้หรอกกับคนที่ใช้ชีวิตมา 55 ปี มันมีแหละเวลาที่ผ่านไปแล้วจะชนะใจแม่ผัวได้ แต่ก็อย่าไปคาดหวังว่าทุกอย่างมันจะต้องดีขึ้นแบบที่จะต้องรักกันเอ็นดูกัน แต่ถ้าเราเปลี่ยนเขาไม่ได้เราก็ต้องเปลี่ยนที่ความรู้สึกของตัวเองว่าเราอย่าเอาความสุขของเราไปผูกกับปฏิกิริยาของเขามาก แล้วยิ่งได้แยกกันอยู่คิดว่าความปวดหัวมันลดไปเยอะเลยนะ คือจินตนาการว่าถ้ายังอยู่บ้านเดียวกันพวกคำพูดอะไรเหล่านี้คงจะทำร้ายเราแทบจะทุกวัน ซึ่งคำว่าทำร้ายเราต้องเข้าใจก่อนว่าบางทีเขาก็พูดไปเรื่อยนะ มันอาจจะไม่ถูกต้องถูกใจเราแต่บางทีเราก็ไม่รู้หรอกว่าเจตนาเขาเป็นแบบไหน เราฟังก็ไม่รู้หรอกว่าคาแรคเตอร์แม่สามีคุณปาล์มเขาเป็นแนวไหนกันแน่ พูดไปเรื่อย ปากร้ายใจดีหรือไม่ชอบหน้ากันจริง ๆ แต่เอาเป็นว่าถ้าคุณปาล์มอยากเอาชนะใจก็เป็นตัวของตัวเองแหละ เพราะสุดท้ายแล้วถ้าเราเชื่อมั่นว่าตัวเราไม่ได้มาร้ายอะไร แล้วเราก็เป็นแม่ของหลานเขา เป็นเมียของลูกเขาวันนึงก็อาจจะดีขึ้นก็ได้ แต่คุณปาล์มไม่ต้องไปหวังว่าจะดีขึ้นอะไรมากมายเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องไปอยู่ใกล้อะไรมากมีความสุขกับสามีกับลูกของตัวเอง เดี๋ยวพอเขาอายุสัก 3-4 ขวบ คุณปาล์มก็จะมีความสุขกับลูกมาก เพราะเดี๋ยวเขาเริ่มพูดเอง มีความคิดเป็นของตัวเองมากขึ้น อะไร ๆ ที่ออกมาจากปากเขามันจะทำให้เรามีความสุขมากขึ้น ก็อยู่กับสิ่งที่สร้างความสุขให้เราอะไรที่มันทำให้เรารบกวนจิตใจมากก็เลี่ยง ๆ ไม่ต้องไปเจอ ส่วนเรื่องเรียกชื่อผิด ๆ ถูก ๆ อยู่ก็แทนชื่อตัวเองไปเลย ถ้ายังผิดอีกก็หายใจลึก ๆ และคิดว่าเขาเป็นแม่ผัวเราแค่นั้นเอง คำแนะนำจากดีเจเติ้ล : พี่เห็นด้วยกับพี่เผือกว่าต้องไม่คาดหวังว่าเขาเรียกเราถูก ทำตัวให้ชินไปเลยว่าถ้าฉันไปบ้านเมื่อไรฉันจะมีอีกชื่อนึง เพราะว่าตอนนี้เราไม่รู้ว่าที่เขาเรียกเพราะเขาหลงลืม เขาติดปากหรือเขาตั้งใจซึ่งคิดไปก็ปวดหัว แต่ตอนนี้หนูออกมาอยู่กับครอบครัวแล้วอะพี่ว่าก็แฮปปี้และที่เขายอมปล่อยออกมา แล้วยิ่งไปคาดหวังก็จะยิ่งเฮิร์ทป่าว ๆ สำหรับพี่ก็แค่คนคนนึงที่เราไม่ได้สนิทอะไรกับชีวิตมากก็ไม่ต้องคาดหวังว่าเขาจะมาจำอะไรเราหรอกสำหรับพี่นะ ถ้ามันจะทำให้พี่ะบายใจอันนี้ตอบแบบจริงใจ ถ้าตอบแบบขำ ๆ ปาล์มลองแทนตัวเองเป็นชื่อที่เขาเรียกไปเลย สมมติเขาเรียกหนูว่ากิ๊ฟ อ๋อค่ะกิ๊ฟก็ว่าอย่างนั้นแหละ ดูสิว่าเขาจะเอ๊ะไหม ถ้าเขาแกล้งจริง ๆ เขาก็คงแบบ อ้าวไม่ได้ชื่อกิ๊ฟแล้วทำไมแทนตัวเองว่ากิ๊ฟอะ ก็ลองดูว่าจะเอายังไง และ คำแนะนำจากดีเจต้นหอม : พี่ว่าแม่ผัวยังไม่ได้ร้ายอะไรมาก มันแค่มีปัญหาเล็กน้อยสำหรับการได้แม่ผัวอย่างนี้ แล้วเขาไม่ยุ่งกับเราคือเป็นบุญที่สุดแล้ว การที่เรามีครอบครัวและแม่ผัวไม่มาวุ่นวายกับเรานี่คือข้อดีที่ใหญ่มากมาทดแทน แต่ถ้าเรื่องนี้มันกวนใจ อันดับที่ 1 คือแทนชื่อตัวเองทุกครั้งแบบที่พี่เผือกบอก แทนตัวเองว่าปาล์มอย่างนู้น ปาล์มอย่างนี้ และอย่างที่ 2 ก็คือพี่เติ้ล ก็เป็นคนนั้นไปเลยไม่ต้องไปคิดว่ามันคือแฟนเก่า แต่มันชื่อซ้ำกันได้ไม่เป็นไรฉันชื่อนี้ได้ กับ 3 แสดงออกในเชิงสัญลักษณ์ไปเลยที่เกี่ยวกับชื่อคุณ ถ้าสุดท้ายแล้วไม่รอดจริง ๆ ก็เปลี่ยนที่ความคิดเราเพราะว่าสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตเรา ชั่งน้ำหนักแล้วมันมากกว่าสิ่งเล็กน้อยนี้มาก แล้วให้ลูกเราเรียกว่า แม่ปาล์ม ๆๆ ทุกครั้ง หรือจริง ๆ เขาอาจจะลืมจริง ๆ ก็ได้เพราะเราก็ไม่ได้เจอเขาบ่อยขนาดนั้นเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

โดนเพื่อนร่วมงานเกลียดตั้งแต่ยังไม่เริ่มงาน! เพราะเขาไปถาม HR ว่าเราเริ่มงานด้วยเรทที่สูงกว่าคนในแผนก ทำงานดีจนตอนนี้ผ่านโปรตั้งแต่ 2 เดือนครึ่ง ยิ่งโดนแซะหนักกว่าเดิม จะรับมือยังไงดี?

04 ธ.ค. 2023

โดนเพื่อนร่วมงานเกลียดตั้งแต่ยังไม่เริ่มงาน! เพราะเขาไปถาม HR ว่าเราเริ่มงานด้วยเรทที่สูงกว่าคนในแผนก ทำงานดีจนตอนนี้ผ่านโปรตั้งแต่ 2 เดือนครึ่ง ยิ่งโดนแซะหนักกว่าเดิม จะรับมือยังไงดี?

“คุณปาย (นามสมมติ)” อายุ 26 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (29 พ.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม ว่าถูกเพื่อนร่วมงานไม่ชอบหน้า ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาทำงาน จนตอนนี้สถานการณ์เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ โดย “คุณปาย (นามสมมติ)” ได้เริ่มเล่าว่า ‘วันแรกที่เราเข้ามาทำงาน ก็มีพี่ในทีมมาเล่าให้ฟังว่า รุ่นพี่ที่ทำงานจับกลุ่มเม้าส์เรา ไม่ชอบเราตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มงาน เพราะรู้ว่าเงินเดือนเราสูงกว่าพวกเขา เพราะก่อนที่เราจะเข้ามาทำงานที่นี่ พวกรุ่นพี่ไปถามกับฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) เกี่ยวกับเรื่องเงินเดือนของเรา มันจึงเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวทั้งหมด เพราะเงินเดือนเราสูงเทียบเท่ากับเขาที่ต้องทำงานถึง 3 ปีจึงจะมีเงินเดือนเท่าเรา เรายังรู้สึกไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องจับกลุ่มเม้าส์เรา ทั้งที่เราก็มีวุฒิการศึกษา และประสบการณ์การทำงานมาก่อน ตอนยื่นใบเสนอเงินเดือนกับทางหัวหน้างาน ก็เป็นที่น่าพอใจทั้งสองฝ่าย เราจึงไม่เข้าใจว่าทำไมจึงเป็นที่จับตามองของรุ่นพี่ที่ทำงาน ในช่วงแรก ๆ พี่ในทีมก็คอยมาบอกข่าวตลอด เราก็ทำงานมาเรื่อย ๆ จนเราก็ทำมาได้สักระยะประมาณสองเดือนครึ่ง หัวหน้าก็แจ้งว่าเราน่าจะผ่านโปรได้แล้ว จนเรื่องนี้ก็เป็นที่น่าจับตามองของพวกรุ่นพี่อีกครั้งเพราะคนส่วนใหญ่ไม่มีใครผ่านโปรเร็วขนาดนี้ บางคนก็ต้องยืดระยะเวลาออกไปอีกถึงจะผ่านโปร ช่วงแรก ๆ ก็มีพี่ในทีมก็คอยถามไถ่เราบ้าง เราก็คิดว่าเขาหวังดี จนเราเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาแฟน แฟนก็คอยเตือนเราว่าที่เขาเข้ามา เขาเข้ามาเพราะหวังดีจริงมั๊ย หรือเพราะผลประโยชน์อื่น เราก็ตอบแฟนตลอดว่า “ ไม่รู้สิ ไม่ได้คิดอะไร ” แฟนก็มักจะเตือนว่านิสัยของแต่ละคนเป็นอย่างไรบ้าง แต่พี่ในทีมคนนี้ก็จะบอกเราตลอดว่าเราโดนนินทาในกลุ่มว่าเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ ไม่ชอบเราต่าง ๆ นา ๆ ทั้ง ๆ ที่เราก็ไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อนสักครั้ง ตอนนี้เราก็ทำงานที่นี่มาเข้าเดือนที่ 6 แล้ว สถานการณ์ก็เริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ เรารู้สึกว่าต่อหน้าทำอีกอย่าง แต่ลับหลังเรารู้ว่าเขาชอบนินทาเรา วันนึงหัวหน้ามอบหมายงานให้เรารับผิดชอบ พอเราทำงานชิ้นนี้เสร็จ มันก็เป็นที่น่าพอใจของหัวหน้า จนหัวหน้าเรียกทุกคนมารวมกัน และบอกว่างานของเราดีมาก อยากให้เอาเป็นแบบอย่าง จนคนในบริษัทบอกเราจะทำงานนี้ทำไม ทำให้คนอื่นดูไม่ดี เขาก็ชอบพูดเหน็บแนมเราตลอด “ถ้าคิดว่าเก่งมากก็มาทำแทนเลย เดี๋ยวจะลาออกให้” จนตอนนี้พี่ในทีมที่เคยเตือนเราก็ย้ายฝั่งไปอยู่ฝั่งนู้นแล้วเพราะเราก็เคยมีปัญหากัน เพราะเขาชอบพูดให้เราดูผิด จนเราขึ้นเสียงใส่เขาเพื่ออธิบาย เขาเลยไม่มาคุยกับเราอีกเลย จนตอนนี้เราก็ไม่มีเพื่อนคบเลยในที่ทำงาน หลังจากที่เราทะเลาะกับพี่ในทีมไปตอนนั้น ถึงตอนนี้ทุกคนในทีมเราก็เริ่มตีตัวออกห่างจากเรา พยายามไม่คุยกับเรา และเริ่มมาเยอะกับเรามากขึ้น จากงานที่เคยส่งมาแล้วผ่านตลอด แต่รอบนี้กลับกลายเป็นว่าไม่ผ่าน ทั้ง ๆ ที่เราก็ทำเหมือนเดิมตลอด เขาให้คำตอบแค่ว่า “ไม่ได้ มันไม่ได้” จนเราเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาหัวหน้าเขาก็บอกแค่ว่าทีมน่าจะลืมบอก เราเลยตัดสินใจกลับไปคุยกับทีมว่าถ้างานพลาด ให้รีบแจ้งเราเลยได้มั๊ย เรายินดีที่จะแก้ แต่ในระหว่างที่เรากำลังเจรจากับพี่ ๆ ในทีม เราก็รู้สึกว่าบรรยากาศก็ไม่ได้ชวนอยู่สักเท่าไหร่ ก็เลยแอบบันทึกเสียงในมือถือ ก่อนจะเดินออกไปเพราะเราอยากรู้ว่าเขาคุยกันเกี่ยวกับเรายังไง ปรากฏว่าสิ่งที่เขาคุยกันคือบอกว่า “เราขี้เกียจ ขึ้เกียจก็คือขี้เกียจ อย่าไปเล่นละครตบตาหัวหน้าว่าตัวเองขยัน” จริง ๆ เราก็อยากจะหักหน้าเขาเหมือนกันว่าอยากให้ทำได้เหมือนเรา ไม่ใช่ให้เราทำได้คนเดียว ตอนนี้เรารู้สึกอึดอัดที่เพื่อนร่วมงานชอบพูดเหน็บแนมข้ามหัวกันไปมา ไม่ต้องเป็นเพื่อนร่วมกันที่ดีกันก็ได้ แต่ขอทำงานโดยที่ไม่ต้องมาจิกกัดเราแบบนี้ เราอยากรู้วิธีการรับมือ เพราะเราไม่ได้สนใจเรื่องนินทาเราแล้ว แต่บางทีได้ยินมันก็รู้สึกโมโห เพราะเราไม่ได้ลาออกจากที่นี่ อยากทำงานที่นี่ เพราะงานมันโอเคกับเราแล้ว ซึ่ง “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่าถ้าเราไม่อยากได้ยินเสียงไหน เรามีวธีการจัดการกับมันอยู่ สำหรับพี่คงเลือกวิธีไม่กี่วิธี อย่างเช่น 1. คิดซะว่าหมาเห่าอยู่ตรงนั้น หรือว่าเช้า ๆ เสียงนกอีแร้งมาร้องอยู่ข้างบ้านไม่หยุด หาอะไรมาอุดหูซะ แก้ที่เรา 2. แก้ที่ความคิดของเรา ลองไม่สนใจเสียงเหล่านั้น ลองคิดซะว่าเป็นเสียงนกเสียงกา สุดท้ายแล้วพี่ค้นพบว่าเราไปอุดปากนกไม่ได้ อุดปากหมาที่มันเห่าไม่ได้ แต่ว่าเราอยู่ที่วิธีคิดเรามากกว่า ทำไปตามความสบายใจของเรา ความเป็นมืออาชีพของเรา เสียงด่าทอพี่เข้าใจนะว่ามันน่าลำคาญ แต่ว่าถ้าเทียบกันแล้วพี่อยากให้ปายอยู่มากกว่า แล้วให้พวกนั้นลาออก ทำงานให้เป็นมืออาชีพต่อไป ถ้าสุดท้ายมันมีอะไรตัดขัดเกี่ยวกับเรื่องงานก็บอกหัวหน้าว่าเราทำเต็มที่แล้ว เอาจริง ๆ ทางเลือกตอนนี้มันก็มีไม่มากก็คือ 1. ทนอยู่ต่อ 2. ลาออกไปเลย เพราะฉนั้นไม่ต้องใส่ใจ การจะรุ่งเรือง บางทีมันต้องมีอุปสรรคบ้าง เราทำงานให้หัวหน้าเห็น ให้บริษัทเห็น เป้าหมายเราคือตรงนั้น ระหว่างทางอย่าไปใส่ใจ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เพราะว่าปายรักงานนี้ ปายอยากทำงานนี้ เพราะปายเห็นความเจริญเติบโตของมัน และปายก็ยังมีเจ้านายที่พี่เชื่อว่าเขาก็อยู่ทีมปายนะ เพราะฉะนั้นพี่ว่าปายต้องอดทน อย่างที่พี่เผือกบอกว่าเห็นพวกเขาเป็นอุปสรรคขวากหนามที่จะขัดขวางให้เราไปถึงเป้าหมาย ซึ่งมันก็เป็นเป้าหมายของปายที่ชัดเจนด้วยนะ ซึ่งต่างจากพวกเขาที่ไม่มีแต่อนาคตเลย ถ้าหัวหน้าปายมีคุณสมบัติมากพอ วันนึงเขาก็จะเห็นสิ่งที่พวกนั่นทำเอง และคงจะตัดสินใจทำอะไรสักอย่างแน่นอน ซึ่งตอนนี้หัวฟน้าเขาก็รับรู้แล้วแหละว่าเพื่อนร่วมงานไม่ชอบเรา เขาก็ดูมีเป้าหมทยที่ชัดเจนให้ปายนะ ว่าปายมาที่บริษัทเพื่อทำงาน ไม่ได้มาหาเพื่อน ซึ่งปายไม่จำเป็นต้องสนใจด้วยซ้ำ หรือถ้าเราไม่ไหวกับเพื่อนร่วมงานพวกนั้นแล้ว เพราะมันส่งผลกับงาน พี่ว่าก็เปิดใจคุยกับหัวหน้าได้นะ เดี๋ยวหัวหน้าก็ต้องจัดการปัญหาตรงนี้เอง ปายสามารถรายงานปัญหาได้เลย ส่วนเสียงนกเสียงกาเล่านั้น วันนี้พี่จะให้ไป 2 ทางเลือกคือ 1. พยายามไม่สนใจ ไม่เก็บมาใส่ใจ เพราะเราต้องเข้าใจว่าพวกเขาเป็นแบบนั้น หมาคือหมา จะไปห้ามหมาให้มันเห่าไม่ได้ พี่เข้าใจแหละว่ามันยาก พี่ไม่รู้หรอกนะว่าปายนิสัยยังไง แต่ถ้าเป็นพี่วันนึงถ้าทนไม่ไหว พี่จะหันไปแล้วพูดกับเขาเลยว่า ไม่ได้ให้มาชอบ ไม่ได้ให้มารัก ไม่ต้องมาเอ็นดูอะไรทั้งสิ้น เกลียดหรือด่าได้เลย แต่อย่ากระทบงาน ถ้ากระทบงานเมื่อไหร่ฟาดทันที! แต่ตอนี้เราก็ต้องทำได้แค่ทน ถ้าถึงเป้าหมายเมื่อไหร่ คนเหล่านั้นก็แค่วุ้น หรือเป็นแค่จุลินทรีย์เท่านั้นแหละ เพราะพี่เชื่อว่าถ้ามารไม่มี บารมีไม่เกิด ปิดจบที่ “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ เราต้องเก็บหลักฐาน แล้วพร้อมต่อสู้ ปายต้องไม่ทนไปตลอด ไม่งั้นสภาพจิตปายเสียแน่นอน พวกนั้นต้องแบ่งไปบ้าง แต่ตัวแรง ๆ ไปเลย ให้รู้ว่าเราพร้อมบวก! อีกอย่างทำทีว่าคุยโทรศัพท์ให้พวกมันได้ยินไปเลยให้รู้ว่าเราสายตบ มัสันดานดิบที่ร้ายแรง! พี่ว่าทุกคนก็พูดมาหมดแล้วแหละ ซึ่งพี่ก็เห็นด้วยหมดเลย แต่ถ้าถึงจุดที่มันกระทบกับงานเมื่อไหร่ ให้ไปฟ้องเจ้านายแล้วเรียกคุยเลยทั้งห้อง แล้วบอกสาเหตุทุกอย่างไปว่าเกิดอะไรขึ้น และเหตุผลของเราว่าแค่ต้องการชีวิตการทำงานที่พาไปสู่เป้าหมายการทำงาน เรื่องส่วนตัวพวกเขาก็ควรที่จะเก็บไว้ในใจบ้าง ไม่ต้องฟ่นออกมา เพราะอาจจะทำให้เรา Toxic เพราะบริษัทไหนก็ตามที่ไม่ดูแลคนดี สักวันหนึ่งคนดีทั้งหมดก็จะลาออกหมด แล้วมันจะเหลือแต่พวก Toxic หรืออีกอย่างน้องก็พูดกับเขาไปตรง ๆ ไปเลยว่าการกระทำพวกพวกเขาเหล่านี้มัน Toxic จนทำให้เราหมดกำลังใจทำงาน เรามาทำงานในบริษัทนี้ก็เพราะอยากให้บริษัทมันเติบโต ตอนนแรกเราโคตรมีไฟเลย แต่ตอนนี้เราโคตรหมดไฟเลย เราทนเรื่องนี้มาสักพักนึงแล้ว แต่ก่อนที่เราจะพูดอย่างนั้น ปายก็ต้องมีหลักฐานนะว่าคนพวกนี้ทำให้งานของเราไม่ก้าวหน้า ให้เขารู้สึกว่าอารมณ์เราถึงที่สุดแล้วถึงออกมาพูดแบบนี้’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ถ้าเป็นทุกคน จะทำยังไงต่อ? คบกับแฟนมา 10 ปี แต่ตอนนี้ เพิ่งรู้ว่า “พ่อของเรา ไปมีอะไรกับแม่ของแฟน” ทั้งๆที่พ่อก็ยังคบกับแม่อยู่ เคยคุยกับพ่อแล้ว พ่อตอบมาว่า “มึงไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้ผัวหรอก” ได้ยินแล้วเสียใจมาก

28 ส.ค. 2023

ถ้าเป็นทุกคน จะทำยังไงต่อ? คบกับแฟนมา 10 ปี แต่ตอนนี้ เพิ่งรู้ว่า “พ่อของเรา ไปมีอะไรกับแม่ของแฟน” ทั้งๆที่พ่อก็ยังคบกับแม่อยู่ เคยคุยกับพ่อแล้ว พ่อตอบมาว่า “มึงไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้ผัวหรอก” ได้ยินแล้วเสียใจมาก

ถ้าเป็นทุกคน จะทำยังไงต่อ? คบกับแฟนมา 10 ปีแต่ตอนนี้ เพิ่งรู้ว่า “พ่อของเรา ไปมีอะไรกับแม่ของแฟน”ทั้งๆที่พ่อก็ยังคบกับแม่อยู่ เคยคุยกับพ่อแล้ว พ่อตอบมาว่า“มึงไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้ผัวหรอก” ได้ยินแล้วเสียใจมากตอนนี้พ่อเลิกยุ่งกับแม่แฟนแล้ว แต่อนาคตจะจัดงานแต่งกันได้ไหม... “คุณหนู (นามสมมติ)” อายุ 28 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [23 ส.ค. 66] โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาพ่อแอบมีความสัมพันธ์กับแม่ของแฟน โดย “คุณหนู (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างหนูกับแฟนจะไปต่อยังไง... เพราะพ่อของหนูแอบไปมีความสัมพันธ์กับแม่ของแฟนหนู ในขณะที่พ่อหนูยังอยู่กับแม่หนูปกติ แต่แม่แฟนเขาเลิกกับพ่อแฟนแล้ว ก่อนหน้านี้ประมาณ 4-5 ปีที่แล้ว พ่อแม่แฟนเขาเลิกกันด้วยเหตุผลส่วนตัวทางบ้านเขา ตัวของแฟน พี่สาว และพ่อ เขาก็ออกมาซื้อบ้านอยู่กันข้างนอก แต่ให้แม่อยู่ในบ้านเดิมไป ซึ่งบ้านหลังนั้นอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันกับบ้านหนู หนูคบกับแฟนมา 10 ปีแล้ว ปกติพ่อหนูจะเป็นคนเจ้าชู้ และหวงลูกสาวมาก เพราะหนูเป็นลูกคนเดียว แต่เรื่องที่หนูมีแฟน ทุกคนรู้หมด แต่ทำยังไงก็ได้ห้ามให้พ่อรู้ว่าหนูมีแฟน เพราะเดี๋ยวพ่อจะจำกัดอิสระของหนู เวลาไปไหนก็ไปไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้พ่อไม่รู้ แต่แม่รับรู้ว่าคบกับแฟนคนนี้ ซึ่งแม่แฟนรู้ว่าคนนี้เป็นพ่อของหนู ก่อนหน้านี้พ่อเคยทำงานบริษัทเดียวกับแม่ของแฟนและแฟน เขาก็คุยกันตลอด แต่คุยกันแบบปกติ มีการขับรถไปรับไปส่งกันด้วย แต่พ่อไม่รู้ว่าคนนี้คือแม่ของแฟนหนู จนมีช่วงนึง พ่อกับแม่หนูทะเลาะกัน หนูเลยพาแม่ออกมาอยู่ข้างนอก ให้เขาแยกกันสักพัก คลี่คลายแล้วจะพาแม่กลับไป ซึ่งเรื่องทะเลาะก็เป็นการทะเลาะกันปกติของสามี-ภรรยา ช่วงหลังๆพ่อเริ่มเปลี่ยนไป จากปกติเคยมาง้อให้พวกเรากลับบ้าน แต่ครั้งนี้เขาไม่มา แล้วก็มีคนรอบข้างที่อยู่แถวบ้าน เริ่มมาพูดกับแม่แปลกๆ เขาพูดประมาณว่า พี่ไม่กลับมาดูบ้านเลยหรอ หนูคิดถึงพี่จังเลย มีเรื่องอยากคุยกับพี่จัง แม่ก็เลยแปลกใจ เพราะพ่อเป็นคนเจ้าชู้อยู่แล้ว ตัวหนูเองก็เลยเปิดกล้องวงจรปิดดูว่าพ่อทำอะไรอยู่ เขาอยู่บ้านใช้ชีวิตยังไง ปกติดีมั้ย? หนูก็บังเอิญไปได้ยินว่าพ่อกำลังจะไปรับแม่ของแฟน จะออกไปข้างนอกกัน หนูเลยตัดสินใจว่ายังไงวันนี้ก็จะบอกพ่อว่าคบกับคนนี้ จะบอกว่าคนนี้คือแม่แฟน จะได้ไม่เกิดอะไรขึ้น เขาจะได้วางตัวกันถูก หนูก็เลยโทรไปบอกพ่อ แต่พ่อบอกว่าไม่มีอะไร ตอนแรกเขายังไม่ยอมรับ หนูก็เลยชวนแม่กลับไปอยู่บ้าน เพราะเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตอนนั้นหนูก็ยังคิดว่าคงไม่มีอะไรหรอก เขาคงเป็นเพื่อนกัน พอกลับมาถึงบ้านหนูก็เลยไปคุยส่วนตัวกับพ่อ หนูบอกพ่อว่า หนูขอร้องได้มั้ย กับคนนี้อย่าไปยุ่งได้มั้ย เขาเป็นแม่แฟนหนู ให้หนูได้ใช้ชีวิตต่อไป หนูคบกันมา 10 ปีแล้ว ถ้าเกิดพ่อไปยุ่งกับเขา ชีวิตหนูจะพังเลยนะ หนูไม่รู้จะก้าวต่อไปยังไง หนูก็ขอร้องเขา เขาก็พูดกลับมาว่า แกไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีสามีหรอกนะ แล้วแกอย่าไปบูลลี่เขา อย่าไปใส่ร้ายเขา เขาบอกว่าแม่แฟนบอกว่าเขาไม่รู้เลยว่าลูกคบกันอยู่ หนูก็เสียใจว่าทำไมพ่อถึงพูดกับเราแบบนั้น ที่ผ่านมาหนูมองว่า การที่หนูไม่ได้บอกพ่อ คือ เหมือนเราอยากจะไปบอกเขาตอนที่เราตกลงปลงใจว่าจะแต่งงานกับคนนี้ พ่อจะได้ไม่ต้องรู้สึกแย่ เพราะพ่อหวงหนูมาก อยากให้เขารับรู้ว่าลูกฉันมีแฟน แต่งงานไปเลยทีเดียว จบ! หลังจากนั้นก็เริ่มมีคนมาพูดว่า เขาทั้งสองคนไปอย่างนั้นอย่างนี้กันนะ หนูก็เริ่มมีเซ้นส์แล้วด้วย ก็เลยแอบติด GPS ที่รถของพ่อ และหนูกับแม่ก็ไปจับได้ที่โรงแรมว่าเขาอยู่ด้วยกัน หนูเจอเขาอยู่ในห้อง พอเราเคาะประตูเหมือนเขารีบแต่งตัวมาเปิดประตู เขาอ้างว่ามาคุยกันเฉยๆ คุยกันเรื่องเงิน เพราะเขามีการยืมเงินกัน แม่ก็เสียใจ และไม่ได้รู้สึกเซอร์ไพร์สเลย เพราะแม่เจอเรื่องแบบนี้มาตลอด ตอนแรกที่เจอ แม่ก็โมโห จะเลิกเลย พ่อก็หลบไปอยู่บ้านเพื่อน คือพ่อกับแม่เป็นเพื่อนกันมาก่อน พ่อก็คุยกับเพื่อนแล้วให้เพื่อนช่วยเป็นคนกลางมาไกล่เกลี่ยให้กลับมาดีกัน ตอนนี้พ่อกับแม่กลับมาดีกันได้แค่ 1 อาทิตย์ ความรู้สึกของหนูยังรู้สึกตกใจ เสียใจ ยังทำตัวไม่ถูกกับเหตุการณ์นี้ แต่พ่อก็กลับมาอยู่ในบ้านแล้วเรียบร้อย ปฎิกิริยาของแม่แฟน เขาก็ด่าหนู เอาบ้านหนูไปนินทาให้คนอื่นในหมู่บ้านฟัง เหมือนมีคนมาเล่าให้ฟังว่า อีกคนพูดว่า ลูกชายเธออ่ะ ชะตาอวัยวะเพศขาดมากเลยนะที่ได้ E คนนี้เป็นแฟน พูดเหมือนหนูเป็นคนไม่ดี เป็นผู้หญิงไม่ดี หนูไม่รู้เลยว่าหนูไปทำอะไรให้เขา แล้วเขาก็พูดว่า ยังไงพ่อ E นี้ก็เลิกกับฉันไม่ได้หรอก จะต้องเลี้ยงฉันไปจนตาย ฉันจะเอาให้หมดตัวเลย ตอนนี้หนูกับแฟนไม่รู้จะทำยังไงกัน ความสัมพันธ์ก็ยังปกติมาก ยังรักกันปกติ แฟนรู้ แต่เขาไม่รู้จะทำยังไงกับแม่เขาแล้ว แม่หนูไม่ได้บังคับให้ต้องเลิกกัน แม่หนูก็บอกว่า แม่เข้าใจ แม่รู้ว่ามันคนละคนกัน ความผิดนี้มันไม่ใช่ความผิดของเด็ก ผู้ใหญ่เป็นคนทำเรื่องนี้เอง ฝากบอกแฟนด้วยว่า แม่เหมือนเดิมกับเขาทุกอย่าง ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องเกร็งแม่เลย หนูดีใจมากที่แม่เข้าใจ แต่แม่ก็ยังไม่ได้เลิกกับพ่อ หนูก็เลยไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี หนูเคยคิดกันว่าเก็บเงินทำงานกัน จนอายุ 30 ค่อยลงหลักปักฐานกัน เราคงได้มีครอบครัวแล้ว แต่ตอนนี้ที่เราฝันไว้ ตั้งใจไว้ มันไม่สามารถเป็นจริงได้แล้ว เพราะทุกคนเข้าหน้ากันไม่ติด ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับพี่ๆ พี่ๆจะทำยังไงต่อไป..? งานนี้ 3 ดีเจก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เข้าใจความรู้สึกคุณหนูนะ แต่ถ้าฟังจากบุคคลภายนอก มันดูไม่เป็นอุปสรรคในความรักของคุณหนูกับแฟนเลย เรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเราสองคนเลย มันเป็นสิ่งที่พ่อกับแม่เราทำ เขาโตขนาดนั้นแล้ว ซึ่งเราก็ได้บอกเขาไปแล้วด้วย แต่เขาไม่ฟัง เราก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว หลังจากนี้โฟกัสกับแม่ให้มากกว่า จับแม่มานั่งคุยเลยว่า ถ้าแม่ทนไหวแม่ก็ทนไป แต่ถ้าทนไม่ไหว ก็แนะนำให้แม่เลิกกับพ่อเลย แต่ถ้าแม่ไม่ยอมเลิก ก็บอกเขาว่าแม่ต้องยอมรับว่าพ่อจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ แม่ก็จะมีชีวิตแบบนี้ไปเรื่อยๆนะ จนกว่าพ่อจะตายหรือแม่จะเลิกกับเขาอ่ะ ส่วนพ่อกับแม่ของแฟน จะไม่ยุ่งกับเขาเลย เราได้บอกเขาไปแล้ว จากนี้ไปเขาจะทำดีทำชั่วก็เรื่องของเขาแล้ว ตราบใดที่เขาไม่มายุ่งกับเรา เขาจะทำไรทำ จะลงนรก ขึ้นสวรรค์ก็ตามใจเลย’ และถ้าพวกพี่เป็นหนู พี่คงจะไม่สูญเสียความมั่นใจ ไม่นึกถึงขั้นที่ว่าชีวิตจะไปต่อไม่ได้ แต่มานั่งคุยกับแฟนว่างานแต่งงานของเราจะเอายังไง จะเชิญใคร จะจัดรูปแบบไหน ให้ปัญหาน้อยที่สุด 2 คนนี้ที่เขาไปได้กัน มันคือศีลเสมอกัน ถ้าเราศีลไม่เสมอกับเขา เราก็อย่าไปสนใจอะไรมาก ถึงแม้เขาจะเป็นพ่อบังเกิดเกล้าก็ตาม’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูโตแล้ว แค่อยากได้พื้นที่ส่วนตัวคืน... ตั้งแต่เด็กแม่มีรหัส Facebook ของหนู แม่สวมรอย คอมเมนต์ ตอบเพื่อน ทักหาผู้ชายไปทั่ว ขอร้องหนูให้ช่วยวิดีโอคอลกับผู้ชาย 5 นาที ให้ผู้ชายมั่นใจว่าคือหนูจริงๆ

29 มี.ค. 2024

หนูโตแล้ว แค่อยากได้พื้นที่ส่วนตัวคืน... ตั้งแต่เด็กแม่มีรหัส Facebook ของหนู แม่สวมรอย คอมเมนต์ ตอบเพื่อน ทักหาผู้ชายไปทั่ว ขอร้องหนูให้ช่วยวิดีโอคอลกับผู้ชาย 5 นาที ให้ผู้ชายมั่นใจว่าคือหนูจริงๆ

หนูโตแล้ว แค่อยากได้พื้นที่ส่วนตัวคืน... ตั้งแต่เด็กแม่มีรหัส Facebook ของหนูแม่สวมรอย คอมเมนต์ ตอบเพื่อน ทักหาผู้ชายไปทั่ว ขอร้องหนูให้ช่วยวิดีโอคอลกับผู้ชาย 5 นาทีให้ผู้ชายมั่นใจว่าคือหนูจริงๆ พีคสุด นัดครอบครัวผู้ชายมากินข้าวด้วยกัน ตอนนั้นหนูยังเด็ก ทำตัวไม่ถูกเลย “คุณน้ำ(นามสมมติ)” อายุ 22 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (27 มี.ค. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาแม่สวมรอยเป็นเราไปคุยกับผู้ชายในเฟสบุ๊คจนได้คบกัน ถึงขั้นนัดกันไปกินข้าวกับครอบครัวผู้ชายคนนั้น! โดย ​“คุณน้ำ(นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘มันเริ่มมาจากหนูมีเฟซบุ๊ก น่าจะช่วงวัยประถม ประมาณ ป.4-ป.5 และไม่ได้รู้สึกว่าการที่แม่รู้พาสเวิร์ดหรือเข้าไปอ่านแชทเวลาเราคุยกับเพื่อนเป็นเรื่องผิดปกติ เพราะตอนนั้นเด็กมาก ๆ เลยคิดว่าแม่คงเป็นห่วง แต่มันกลายเป็นว่าคุณแม่ตอบแชท ตอบคอมเมนท์แทน โดยที่ทำตัวเป็นเราและเป็นอย่างนี้มาเรื่อย ๆ จนประมาณช่วง ม.1 โรงเรียนไม่ให้เอาโทรศัพท์ไป เพราะฉะนั้นหนูจะเล่นโทรศัพท์ได้ตอนที่อยู่บนรถ ก่อนจะลงจากรถเข้าโรงเรียน และตอนเลิกเรียน ทีนี้หนูก็ทิ้งโทรศัพท์ไว้ให้แม่ก่อนที่จะเข้าโรงเรียน หนูเห็นแล้วว่ามีผู้ชายคนนึงแอดเฟซบุ๊กหนูมา แต่หนูไม่ได้สนใจอะไรคิดว่าเป็นเรื่องปกติ แต่พอหนูกลับมา เฟซบุ๊กผู้ชายคนนั้นหายไป แต่มีแชทที่แบบถามต่อว่า เธอชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ คุณแม่ก็ตอบแทนปกติ แต่หนูมารู้ทีหลังว่า... จริง ๆ แล้วคุณแม่เอาไอดีไลน์ของคุณแม่ให้เขาไป แล้วเขาก็ไปคุยกันในไลน์ โดยที่คุณแม่หลาย ๆ คนอาจจะชอบเอารูปลูกสาวหรือลูกชายตั้งเป็นโปรไฟล์ เขาอาจจะรู้สึกว่าไม่ได้แปลกอะไร แต่ว่านั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความรู้สึกที่ไม่ปลอดภัย แล้วมันก็เกินเลยมาเรื่อย ๆ หนูแอบเห็น message ที่เด้งมา ตอนแรกเข้าใจว่าคงคุยกันปกติ แต่ไป ๆ มา ๆ มันเป็นการคุยเหมือนจีบกันเชิงชู้สาว จนมารู้ทีหลังว่าเขาคบกัน คุณแม่ก็มาพูดประมาณว่า ช่วยวิดีโอคอลคุยกับเขาให้หน่อยซัก 5-10 นาทีได้ไหม? ทั้ง ๆ ที่หนูไม่ได้รู้จัก ไม่ได้คุยกับเขาเลย แต่ให้หนูตีหน้าซื่อคุยวิดีโอคอลกับเขา หนูก็คุย ๆ ไปให้มันหมดเวลา แล้วก็วางสาย คุณแม่ก็คุยกันต่อในแชท คุณพ่อทำงานอยู่ต่างจังหวัดกลับมาอาทิตย์ละ 1 ครั้ง แต่คุณพ่อจับไม่ได้เพราะอาจจะเป็นคนไม่ค่อยเล่นโซเชียล และไม่ค่อยสนใจอะไร เขาก็ดูอินโทรเวิร์ตหน่อย ๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่คุยกับคุณแม่เลย ตอนหนูอายุ 15 ปี เป็นวันที่หนูต้องเปลี่ยนบัตรประชาชน หนูก็ถ่ายรูปลงมาจากอำเภอปุ๊บ แล้วคุณแม่ก็บอกว่า เดี๋ยวเราไปสยามกัน เนี่ยไปกินข้าวกัน นัดไว้แล้ว หนูก็ถามว่า ไปกินข้าวอะไร เขาก็เลยบอกว่า เขานัดผู้ชายคนนั้นกับครอบครัวเขาไว้แล้ว ต้องไปนะ เพราะว่าเขามาแล้ว หนูก็รู้สึกเหมือนโดนมัดมือชก ตอนนั่งกินอาหารก็คุยกันปกติ หนูอึดอัดมาก จนแบบหนูจะลุกไปเข้าห้องน้ำ แล้วแม่ของผู้ชายก็บอกผู้ชายคนนั้นว่า เนี่ย ไปกับน้องสิลูก จนหนูคิดว่าไม่ไปดีกว่ารู้สึกไม่ปลอดภัย หลังจากเหตุการณ์วันนั้น หนูก็พยายามที่จะบอกผู้ชาย โดยใช้แอคหลุมไอจีของหนูทักไปเลยว่า เธอรู้ไหมที่คุยกันมาตลอด 4-5 ปี แล้วที่นัดไปเจอเรื่องมันเป็นแบบนี้ ๆ ผู้ชายก็ไม่เชื่อ หนูก็ตั้งกล้องอัดหน้าตัวเองพูดว่า เนี่ย ดูหน้าเอาไว้ แล้วก็จำเสียงไว้ เสียงเราเป็นแบบนี้ พอเขาไม่เชื่อ หนูก็ไม่รู้จะทำยังไงหนูก็ปล่อยเขาไป แล้วเหมือนผู้ชายเริ่มจะรู้ว่านี่คือแอคหลุมของหนู แต่หนูไม่แน่ใจว่าเขาจะเข้าใจว่าแอคหลุมเป็นของแม่ไหม เพราะหนูคิดว่าผู้ชายมันก็ต้องแคปแชทที่หนูคุยส่งไปให้แม่ แม่ก็คงน่าจะบอกว่า นั่นแม่เราอย่าไปสนใจเลย ฟีลแบบสลับกัน และหนูพยายามหาว่าแม่กำลังจะทำอะไร ก็เลยเริ่มรู้ว่าแม่มีอีกเฟซบุ๊ก มีอีกไอจีนึงที่แม่สร้างเอง เหมือนเป็นอีกโลกที่เอาไว้คุยกับผู้ชายคนนั้น ด้วยความที่อยู่กับแม่ที่บ้าน 2 คน ก็เลยไปบอกเขาว่า แม่ทำแบบนี้ไม่โอเคเลยนะ เลิกได้ไหม เขาก็ขำแล้วบอกว่า จะอะไรนักหนาก็คุยกันผ่านแชท ไม่ได้ไปหาเขาสักหน่อย หนูก็เคย message ไลน์ไปบอกคุณพ่อ คุณพ่อก็อ่านแต่ไม่ตอบ แต่พอเวลาผ่านไปเหมือนคุณแม่ทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ หนูก็บอกว่า หนูทนไม่ไหวแล้วนะ หนูจะต้องบอกพ่อแล้วนะ เขาก็บอกว่า ครั้งที่แล้วก็บอกไปแล้วไม่ใช่หรอ ถ้าบอกอีกจะเลิกกันแล้วนะ จนปัจจุบันหนูเริ่มมีสังคม มีแฟน หนูควรจะทำยังไง หนูถึงจะเอาพื้นที่ส่วนตัวคืนมา หรือหนูควรจะเปิดเฟซบุ๊กใหม่ไปเลย? ซึ่ง “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘หนูต้องเรียกแม่มาคุย แล้วการคุยของหนูไม่ได้ถามว่าแม่โอเคไหม หนูต้องบอกโหมดที่แม่จะใช้ชีวิตอยู่กับหนูให้แม่รับทราบ หนูเปลี่ยนพาสเวิร์ดเฟซบุ๊กก่อนที่จะเรียกแม่เข้ามาคุย ให้ทุกอย่างมันเป็นไพรเวทอะไรที่เป็นเรื่องส่วนตัวของเรา คนอื่นจะเข้ามาก้าวก่ายไม่ได้ เรียกแม่มาคุยเลยว่า... 1. รับรู้เรื่องความเป็นส่วนตัวของเรา แล้วก็เราไม่ยุ่งเรื่องแม่ แม่ไม่ยุ่งเรื่องเรา อะไรที่เราอยากให้แม่รับรู้หรืออยากให้แม่แสดงความคิดเห็นเราจะบอก 2. เรื่องที่แม่แอบอ้างเป็นตัวตนของเราอันนั้นผิด อย่าทำอีก เพราะมันทำให้เรารู้สึกว่าถูกคุกคามแล้วไม่ปลอดภัย ถ้าทำทั้งหมดแล้วแม่ยังเป็นแบบนี้อยู่ เรื่องนี้จะเรียกพ่อมาคุย แล้วจะถามความคิดเห็นจากพ่อด้วย และถ้าพ่อกับแม่จะเลิกกัน ไม่ใช่ตัวหนูที่เอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อ แต่เป็นเพราะแม่ทำตัวแบบนี้ แล้วก็เราจะไม่คอลไลน์กับผู้ชายโดยที่เราหลอกเขา เพราะเท่ากับเราสมรู้ร่วมคิดกับแม่ ถ้าแม่อ้างเหตุผลอะไร ให้พูดไปเลยว่า ไม่ ก่อนที่แม่จะทำอะไร อยากให้แม่ใช้ความคิดมากกว่านี้ อีกนิดแม่จะเข้าข่ายไม่ปกติแล้ว ถ้าแม่ยังเป็นอย่างนี้หรือไม่สามารถขจัดนิสัยแบบนี้ออกไปได้ แม่ต้องปรึกษาแพทย์แล้ว’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘การปลอมตัวเพื่อสวมรอยเป็นใครสักคนเพื่อคุยมันคือการหลอก ผู้ชายโดนเต็ม ๆ พี่ดูสารคดีของเมืองนอกเยอะเกี่ยวกับพวกหลอกลวง สวมรอย แล้วจุดจบมันไม่ค่อยดีทั้งนั้นเลยที่พี่ดู พี่เลยค่อนข้างตกใจ พอคิดตาม ที่มันรู้สึกไม่ปลอดภัยถูกต้องแล้วน้ำ เพราะฉะนั้นถ้าจะคุยกับแม่ น้ำต้องเด็ดขาดว่านี่มันไม่ใช่แล้ว สิ่งที่แม่ทำ มันอาจจะทำให้เกิดอันตรายกับลูกสาวตัวเองได้ ถ้าคิดว่าคุยไม่รู้เรื่องก็ปิดเฟสบุ๊คไปเลย ให้เขารู้ว่าเราไม่เอาแล้ว’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘ก็ต้องปิดเฟสบุ๊ค ปิดช่องทางทุกอย่างที่เขาจะเป็นหนูได้ แม่ต้องไม่มีตัวตนของหนูอีกต่อไปแล้ว ต้องดูว่าเขาทนได้ไหม ถ้าเขาไม่ไหวต้องพาเขาไปหาหมอ แต่ถ้าไปหาหมอแล้วเขาทำไม่ได้ เขาก็ต้องหย่ากับพ่อ ตอนนี้เขามีพ่อเป็นสามี เขาไม่สามารถไปคุยกับคนอื่นได้ นอกจากเขาต้องหย่า ทีนี้เขาจะคุยกับคนอื่นไม่ว่า แต่เขาก็ต้องห้ามสวมรอยเป็นคนอื่น เขาต้องคุยในฐานะเป็นเขาเอง ถ้าเราอยากให้ปัญหานี้ยุติ ต้องถอนรากถอนโคน’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1
Contact usGreenwave02-665-8377EFM02-665-8373
Advertise with usมัลลิกา ปราบอริพ่าย (กบ)(Atime Showbiz, Online Content)063-282-6915จุฑา วนศานติ (บี) (EFM)02-669-9512, 081-923-9823
อังคณา พองาม (นุก) (Greenwave)02-669-9444-7
ดาวน์โหลด Application ได้แล้ววันนี้ที่atime online application download from app storeatime online application download from play storeติดต่อสอบถาม / แจ้งปัญหาการใช้งานatimeplatform@atimemedia.com
บริษัท จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด (มหาชน)เลขที่ 50 อาคาร จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เพลส ถนนสุขุมวิท21 (อโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขต วัฒนา กรุงเทพ 10110