ผมมีปมเรื่องความรัก เพราะเคยโดนเทคืนข้ามปี และ คืนฮาโลวีน พอถึงเทศกาลฮาโลวีน และ เทศกาลปีใหม่แต่ละปี ผมจะรู้สึกนอยด์ๆ ไม่ครื้นเครงแบบคนอื่น จะทำยังไงให้ก้ามข้ามความรู้สึกนี้ไปได้ดีครับ ?

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ผมมีปมเรื่องความรัก เพราะเคยโดนเทคืนข้ามปี และ คืนฮาโลวีน พอถึงเทศกาลฮาโลวีน และ เทศกาลปีใหม่แต่ละปี ผมจะรู้สึกนอยด์ๆ ไม่ครื้นเครงแบบคนอื่น จะทำยังไงให้ก้ามข้ามความรู้สึกนี้ไปได้ดีครับ ?

01 พ.ย. 2024

          “คุณเต้ (นามสมมติ)” อายุ 27 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ [30 ต.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับการโดนเทช่วงเทศกาล แล้วกลายเป็นปมในชีวิตตัวเอง

            “คุณเต้ (นามสมมุติ)” โทรมาเล่าสั้นๆว่า ‘จริงๆไม่มีอะไรมาก แต่เห็นว่าพรุ่งนี้เป็นคืนวันฮาโลวีน ก็เลยอยากจะโทรมาเล่าปมเล็กๆในใจว่าตัวเองเคยโดนเท ตอนคืนวันเทศกาล ทั้งฮาโลวีน และปีใหม่ พรุ่งนี้เพื่อนๆก็นัดผมไปเที่ยวฮาโลวีน แต่ผมกลับยกเลิกนัดเพื่อน เพราะว่าไม่อยากไปแล้ว นอยด์ ตอนนั้นที่โดนเทวันฮาโลวีนคือเหตุการณ์ล่าสุดเมื่อ 2 ปีที่แล้ว แต่ที่โดนคืนข้ามปีนั้นสมัยเด็กๆ ก็ไม่รู้จะก้าวข้ามไปยังไงดี?’

             งานนี้ “ดีเจต้นหอม” ให้ความคิดเห็นว่า ‘ดีแล้วที่เขาเทเราคืนวันฮาโลวีน คิดซะว่าเป็นคืนปล่อยผี แล้วไปหาคนใหม่ซะ!!’

           ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ก็แชร์ประสบการตัวเองสั้นๆว่า ‘เคยโดนคนคนนึงเทมาคืนข้ามปีเหมือนกัน แต่ขอเขาว่า อย่า ไม่ให้เลิกคืนนี้ หลังจากนั้น 2-3 วันก็เลิกกัน’

          ส่วน “ดีเจเผือก” ก็แนะนำว่า ‘ให้ไปหาคนใหม่ คุยกันแต่แรกเลยว่าถ้าวันใดวันนึงจะเลิกกัน อย่ามาเลิกกันช่วงเทศกาล ตกลงกันตั้งแต่แรกเลย สุดท้ายยังไงเราก็ต้องมีคนใหม่’

            และทั้งสามดีเจก็แซวๆว่า ‘ตอนนี้ในไลฟ์สด แชทจากแฟนๆ ชมว่าเต้เสียงหล่อ พร้อมดามใจเต้เลยทันที’

         หลังจากนั้น “คุณเต้ (นามสมมุติ)” บอกว่าพอฟังพี่ๆแล้วมีกำลังใจเลย พรุ่งนี้ผมจะไปเที่ยวที่ข้าวสารกับเพื่อนเหมือนเดิม ไทป์ของผม ได้หมดเลย ใครก็ได้ เพศไหนก็ได้ครับ เรื่องอายุผมก็ไม่ติด วิธีสังเกตผมก็เป็นผู้ชาย สูง 170 กว่าๆ น้ำหนัก 60 ใส่แว่นกลม แล้วก็สวมแหวนนิ้วที่นิ้วโป้งข้างขวานะครับ

งานนี้ทำเอาชาวพุธโทรเรี่ยนที่โสดอยู่ ถึงกับแซวๆมาในคอมเม้นต์ไลฟ์สดว่า ‘จะออกไปตามล่าหาคุณเต้กันที่ข้าวสารเลยจ้า’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

สามีเลี้ยงลูกคนละแบบกับเรา เราอยากเลี้ยงแบบให้ลูกสนิทเหมือนเพื่อน มีอะไรก็พูด แต่สามีระเบียบจัด ทุกอย่างต้องเป็นไปตามแผนที่วางไว้ จนตอนนี้ ลูกคนโต อายุ 12 เริ่มเลียนแบบ พูดจารุนแรง และ คนเล็ก อายุ 5 ขวบ

05 ก.ค. 2024

สามีเลี้ยงลูกคนละแบบกับเรา เราอยากเลี้ยงแบบให้ลูกสนิทเหมือนเพื่อน มีอะไรก็พูด แต่สามีระเบียบจัด ทุกอย่างต้องเป็นไปตามแผนที่วางไว้ จนตอนนี้ ลูกคนโต อายุ 12 เริ่มเลียนแบบ พูดจารุนแรง และ คนเล็ก อายุ 5 ขวบ

สามีเลี้ยงลูกคนละแบบกับเรา เราอยากเลี้ยงแบบให้ลูกสนิทเหมือนเพื่อนมีอะไรก็พูด แต่สามีระเบียบจัด ทุกอย่างต้องเป็นไปตามแผนที่วางไว้จนตอนนี้ ลูกคนโต อายุ 12 เริ่มเลียนแบบ พูดจารุนแรง และ คนเล็ก อายุ 5 ขวบเริ่มกลายเป็น Perfectionist ไม่กล้าทำอะไรผิด ตอนนี้เราเครียดมาก “คุณเกด (นามสมมติ)” อายุ 38 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (26 มิ.ย. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับสามีเลี้ยงลูกด้วยอารมณ์รุนแรงจนลูกคนโตเริ่มทำตาม ส่วนลูกคนเล็กไม่กล้าทำผิด โดย “คุณเกด (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘ตอนนี้มีปัญหากับสามี เพราะเรื่องวิธีการดูแลลูกต่างกันมาก สามีอายุ 48 ปีเรามีลูก 2 คน คนโตอายุ 12 ขวบและคนเล็ก 5 ขวบ คือเราจะเลี้ยงลูกเป็นเพื่อน เป็น Safe zone ให้เขา แต่สามีเวลาอยู่บ้านจะหงุดหงิด ฉุนเฉียว จนตอนนี้ลูกคนโตเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ก็ซึมซับพฤติกรรมมาจากพ่อ มีอาการฉุนเฉียวกับเราและน้อง คือถอนหายใจใส่ ขึ้นเสียง ดุน้องด้วยประโยคที่เขาที่โดนพ่อดุ แต่ถ้าพ่ออยู่เขาจะเรียบร้อย เพราะเขากลัวพ่อมาก ส่วนคนเล็กเริ่มติดนิสัยต้องสมบูรณ์แบบเพราะเวลาเขาทำการบ้านนาน อ่านหนังสือผิดเขาก็จะโดนพ่อดุ จนครูมี Feedback กลับมาว่าเวลาที่เขาทำผิดหรือทำไม่ทันเพื่อน เขาจะร้องไห้ ผิดหวังในตัวเอง แล้วก็จะกลายเป็นว่าเขาไม่อยากทำอะไรเลย เพราะกลัวว่าจะทำผิด หรือเวลาครูเข้าไปทักเรื่องนี้ หรือตอนที่เขาไม่ทันเพื่อน ก็จะร้องไห้เลย เราเคยพยายามลองคุยเรื่องการเลี้ยงลูกหลายครั้ง แต่เขาก็จะว่าเรากลับว่าเราเลี้ยงลูกตามใจ แล้วก็ทะเลาะกันทุกครั้ง จนตอนหลังเวลาเขาเริ่มหงุดหงิดเราจะใช้วิธีดึงลูกออกมาแล้วไปที่อื่น สามีเขาทำงานตำแหน่งระดับผู้บริหาร เขาจะสั่งทุกคน อยากให้ทุกคนทำตามที่เขาคิด เรารู้สึกว่าเขาเอานิสัยที่ทำงานมาใช้ที่บ้าน ยกตัวอย่าง ลูกคนโตเขายกนมแกลลอนกระดกกิน (ไม่ใช้แก้ว) พ่อก็จะว่าเลยว่าทำแบบนี้ไม่ได้ นมจะบูด แล้วบังคับให้ลูกนั่งกินนมให้หมดตรงนั้นวันนั้น เราไม่ได้อยู่ตรงนั้น เราเห็นแค่ทำไมลูกไปอยู่ตรงนั้น เลยไปเปิดกล้องดูแล้วได้ยินบทสนทนา เราเลยไปปลอบลูกแล้วก็เอานมไปเก็บ แล้วเราก็ไปคุยกับสามีที่หลัง หลังจากส่งลูกเข้านอน จนตอนนี้เราแทบไม่กล้าปล่อยให้ลูกอยู่กับสามีตามลำพังโดยที่เราไม่อยู่บ้านเลย เวลาเสาร์อาทิตย์เราพยายามลูกไปเรียนพิเศษข้างนอก เช่นดนตรี กีฬา แต่พ่อเขามองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ มีอยู่วันหนึ่งพ่อเขาอยู่ที่โรงเรียนสอนพิเศษด้วย แล้วมีคุณครูมา Feedback ว่าวันนี้น้องทำอย่างนี้อย่างนั้น เขาก็บอกว่า “กลับไปบ้านผมไม่รู้หรอกนะ ว่าลูกผมได้หรือไม่ได้ เพราะผมก็ไม่รู้ว่าเรียนยังไง เล่นยังไง” แถมลูกก็อยู่ตรงนั้น พอกลับมาบ้านลูกมาพูดกับเราว่า เขาไม่อยากทำแล้ว เขาไม่อยากเล่นแล้ว เพราะกลัวพ่อ คือตอนที่มีลูกคนแรกคนเดียวสามีไม่ได้เป็นขนาดนี้ ซึ่งเราก็มองว่ามันก็ดีนะ คนนึงเป็นระเบียบ อีกคนนึงคอยดูลูก มันจะได้บาลานซ์กัน อีกมุมนึงเราก็ไม่รู้ว่าวัยทองของเขาหรือป่าว ตอนเป็นแฟนกัน เขาก็มีหงุดหงิดบ้าง แต่ไม่ได้ขนาดนี้ เรารู้สึกว่าเขาจะเคร่งกับลูกมาก อาจจะเป็นเพราะเขาเป็นพี่คนโต แล้วเป็นครอบครัวคนจีน มีครั้งหนึ่งเขาพูดกับลูกคนโตว่า “ถ้าเรียนจบก็หาเงินส่งน้องเรียนด้วยนะ” ตอนนั้นเราโกรธมาก เราโพล่งออกมาว่า “จะปลูกฝังความคิดแบบนี้กับลูกไม่ได้ เรามีลูกเองเราอย่าไปฝากภาระให้ลูก” เขาก็สวนมาว่า “ก็เขาเป็นแบบนั้น ถูกเลี้ยงมาแบบนั้น” จริงๆเขาแทบจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับลูกเลย ปกติจะเป็นหน้าที่หลักของเรา ที่จะจัดการเรื่องลูก ส่วนเขามีหน้าที่แค่หาเงิน ช่วยรับส่งลูก เราเลยคิดว่าถ้ามีหน้าที่แค่นี้แล้วทำให้สภาพแวดล้อมลูกแย่ลง มันไม่มีดีกว่าไหม เราอยากปรึกษาว่า อย่างแรกเราจะปรับความคิด พฤติกรรมลูกยังไงดี เพราะในมุมเรา ปรับกับสามีคงยากเกินไปแล้ว อีกอย่างหนึ่งคือ ถ้าเราแยกกันอยู่มันจะดีกับลูกมากกว่าไหม’ ซึ่ง “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘เด็กในช่วงอายุ 3-5 ขวบ คือช่วงที่หล่อหลอมเลย เพราะยิ่งอยู่ในวับที่มีพฤติกรรมเลียนแบบ เห็นพ่อแม่ทำยังไง เขาก็จะทำแบบนั้น ถ้าพ่อแม่อารมณ์รุนแรงทะเลาะกัน เขาจะมีพฤติกรรมตวาด อาละวาดแน่นอน ต่อให้พ่อแม่ไม่ทะเลาะกัน เป็นครอบครัวที่อบอุ่นมากๆ เขาก็ยังอยู่ในวัยที่จะปลดปลอล่อยอารมณ์ของเขา โรวเรียนที่ลูกผมอยู่เขาสอนว่า “คุณต้องยอมรับอารมณืตัวเอว และรู้ว่าตัวเองกำลังรู้สึกอะไรอยู่ ถ้าเสียใจบอกว่าเสียใจ ถ้าโมโหบอกว่าโมโห” เขาอยู่ในวัยที่กำลังแสดงออกทางอารมณ์ของเขามันคือวัยที่บ่งบอกตัวตน ส่วนสามีผมว่าเปลี่ยนเขายาก แต่ทางนึงที่ผมคิดออกคือพากันไปหาจิตแพทย์เด็ก ไม่รู้ว่าสามีจะเปิดใจยอมรับหรือป่าว เพราะแม้กระทั่งกับครู่สอนพิเศษยังพูดแบบนั้น ผมว่ามันเป็น Mindset ที่อาละวาดทุกคนรอบตัวไปหมด ถ้าเป็นเมืองนอกจะเรียกว่า ”Karen “คืออยู่ดีๆก็เดินมาด่าแบบไม่มีเหตุผล ถ้าเป็นเมืองไทย ก็ “มนุษย์ป้า มนุษย์ลุง” มองลบทุกอย่าง ด่า มีปัญหา การไปพบจิตแพทย์เด็กคือ เขาจะให้คำแนะนำจี้จุด แล้วให้พ่อแม่ไปแก้ไข พฤติกรรมลูกก็จะเปลี่ยน เพราะหายทัน 4-5 ขวบ แต่ลูกที่อายุ 12 ขวบแล้ว ก็พอจะมีวิธีเปลี่ยน ถ้าคุณพ่อไม่ให้ความร่วมมือ คุณแม่ก็จะเหนื่อนิดนึง ต้องคอยอธิบายกับลูก เช่น ”พ่อเขาเหนื่อย เวลาคนเราเหนื่อยก็จะหงุดหงิดง่ายก็เลยเสียงดังออกมา การที่คุณพ่อเหนื่อยเป็นเพราะเขาพยายามหาเงินมาให้ลูกเรียน“ นี่คือวิธีการที่จะประคับประคองอีกฝ่ายหนึ่ง หรือใช้วิธี Good cop - Bad cop คอยช่วยเหลือกัน ถ้าคุณแม่ดุ พ่อก็คุยกับลูกว่า “รู้มั้ยว่าคุณเเม่เขารัก ทำไมเขาถึงดุ“ ถ้าพ่อดุ คุณแม่ก็ต้องทำเหมือนกัน ต้องช่วยกันแบบมากๆ แล้วที่คุณเกดถามว่ายังต้องมีสามีอยู่มั้ย ผมตอบไม่ได้จริงๆ ว่าการที่มีหรือไม่มี สุดท้าย ปลายทางมันจะดีหรือไม่ดี แต่อยู่ที่ว่า คุณเกดต้องการพาครอบครัวไปที่ปลายทางจำนวนเท่าไหร่ ถึงแม้เราจะรู้ว่าที่พ่อทำไปมันแค่หงุดหงิดและอยากระบายอารมณ์ใส่ลูก แต่เราก็ยังพอมีวิธีที่จะช่วยกันให้กลายมาเป็นพ่อแม่ที่ดีของลูกได้ อย่างบ้านของผม จะไม่คุยกันต่อหน้าลูกทั้งสิ้น ลูกขึ้นนอนแล้วเราจะมาทบทวนกัน ปรึกษากัน ในสิ่งที่เราปฏิบัติต่อลูก ต้องบาลานซ์ทุกวัน และที่สำคัญคือต้องฟังกันและกัน วิธีการเลี้ยงลูกในทุกวันนี้ เราต้องรู้ว่าเด็กโตมาในสังคมที่ไม่เหมือนกับตอนที่เราโต เป็นไปไม่ได้ที่คุณจะใช้วิธีการแบบที่คุณโตมา เพราะสังคมมันเปลี่ยนไปเเล้วจากหน้ามือเป็นหลังมือ มีคนบอกว่าการเลี้ยงลูกคืองานศิลปะที่ต้องค่อยปั้นช้าๆตั้งแต่เป็นดิน มันจึงต้องให้ความร่วมมือกันมากๆระหว่างพ่อและแม่ ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ให้ความร่วมมือ ผมก็เห็นด้วยกับคำที่ว่า “ไม่มีน่าจะดีกว่า” ในบางครั้งมันก็อาจจะเป็นจริง ถ้าเขาเปิดใจรับทุกอย่างยังพอช่วยได้ แต่ถ้าไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณเกด’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ให้คำแนะนำต่อว่า ‘หอมจะเรียกสามีมาคุย แล้วก็บอกว่าลูกคนโตมีพฤติกรรมแบบนี้ แล้วคุยครูก็บอกอีกว่าลูกคนเล็กมีพฟติกรรมแบบนี้ทนั่นแปลว่าตอนนี้มีปัญหา แล้วปัญหาจะมาจากพ่อแม่ ฉนั้นวันนี้เราจะจูงมือกันไปหาจิตแพทย์เด็ก แต่ถ้าเขาไม่ไป หอมก็จะปกป้องลูกทุกวิธี บอกเขาไปว่า ถ้าไม่ไปก็ต้องเปลี่ยนตัวเอง แล้วเราจะไม่ทะเลาะต่อหน้าลูก เวลาอยู่ต่อหน้าลูกเราจะพูดถึงพ่อในทางที่ดี ไม่ว่าพ่อจะดุ หรือหงุดหงิด เราจะบอกกับลูกว่า “ลูก วันนี้พ่อทำงานเหนื่อยนะเลยเป็นแบบนี้” แล้วเราจะมาด่าพ่อทีหลัง พอมาอยู่ในห้องสองคน พูดไปเลยว่า “คุณไม่ควรพูดกับติวเตอร์แบบนี้” จะทะเลาะก็ทะเลาะ เราจะทะเลาะจนกว่าคุณจะรำคาญ วันนึงเขาจะรำคาญ เขาจะไม่อยากทะเลาะกับเรา เพราะฉะนั้นจะมีทางเลือก 2 ทาง 1. คุณเปลี่ยนตัวเอง หรือ 2.ให้ฉันเปลี่ยนคุณ แล้วถ้าเขาไม่เปิดใจที่จะเรียนรู้อะไรใหม่ๆ กับความคิดเด็กชุดใหม่ของเด็กยุคนี้ ปกป้องลูก โดยการเปลี่ยนพ่อ บอกเขาไปแบบนี้เลย ว่าเราไม่อยากให้ลูกเหมือนเขา แล้วถ้าเขาบอกว่าเราเลี้ยงลูกตามใจเกินไป เราก็บอกไปเลยว่า “งั้นไปพบจิตแพทย์ด้วยกัน ไปดูว่าวิธีเลี้ยงลูกที่ถูกต้องเลี้ยงยังไง ฉันยินดีจะปรับตัว แล้วคุณยินดีจะปรับตัวหรือป่าว” ถ้าเขาบอกว่าเขาเป็นแบบนี้อยู่แล้ว งั้นก็แปลว่าลูกไม่ได้เหมาะกับคุณ คุณไม่เหมาจะมีลูก อย่ามีลูกเลย ไปคุมลูกน้องนั่นแหล่ะดีแล้ว’ สุดท้าย “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘ต้องหาคนกลางมาตัดสิน เพราะเถียงกันไปเกียงกันมา เขาไม่ฟังเราหรอก ให้หมอบอกตัดสินว่าอะไหนทำถูกหรือผิด ถ้าเขายอมฟัง สิ่งที่เขาทำผิด คือต้องปรับตัว แต่ถ้าไม่ปรับตัว งั้นก็ไม่ต้องยุ่งกับการเลี้ยงลูก เดี๋ยวฉันทำหน้าที่นี้แทน แล้วถ้ายังมายุ่งกับลูกอีก ก็จะส่งลูกไปโรงเรียนประจำ คือทำยังไงก็ได้ให้ลูกไม่ต้องอยู่กับเขา เพราะเห็นใจ มันยากมากถ้าใช้วิธีอธิบายว่าทำไมพ่อถึงหงุดหงิดใส่ แล้วก็ไม่ได้การันตีว่าลูกจะเข้าใจในสิ่งที่เราพูด’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

อยากผ่านช่วงเวลาอ่อนแอและเสียใจนี้ไปไวๆ ทุกคนมีวิธีการ หรือ วิธีคิดยังไงในการฮีลตัวเองคะ ? หนูเลี้ยงน้องหมา โตมาด้วยกัน อยู่ด้วยกันมา 15 ปี เค้าเหมือนสมาชิกคนนึงในครอบครัวเลย

02 ก.พ. 2024

อยากผ่านช่วงเวลาอ่อนแอและเสียใจนี้ไปไวๆ ทุกคนมีวิธีการ หรือ วิธีคิดยังไงในการฮีลตัวเองคะ ? หนูเลี้ยงน้องหมา โตมาด้วยกัน อยู่ด้วยกันมา 15 ปี เค้าเหมือนสมาชิกคนนึงในครอบครัวเลย

อยากผ่านช่วงเวลาอ่อนแอและเสียใจนี้ไปไวๆ ทุกคนมีวิธีการ หรือ วิธีคิดยังไงในการฮีลตัวเองคะ ?หนูเลี้ยงน้องหมา โตมาด้วยกัน อยู่ด้วยกันมา 15 ปี เค้าเหมือนสมาชิกคนนึงในครอบครัวเลยแต่อาทิตย์ก่อนน้องเพิ่งจากไปด้วยอุบัติเหตุที่มาจากความประมาทของคนอื่น เสียใจที่สุดเลยค่ะ “คุณบี (นามสมมุติ)” อายุ 26 ปี สายที่ 2 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [31 ม.ค. 67] ได้โทรมาขอกำลังใจ ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับน้องหมาที่เพิ่งเสียชีวิตไป โดย “คุณบี (นามสมมุติ)” เริ่มเล่าว่า ‘หนูเพิ่งสูญเสียน้องหมาที่อยู่ด้วยกันมา 15 ปีจากอุบัติเหตุ น้องหมาอยู่กับหนูมาตั้งแต่เด็ก เพิ่งผ่านมาอาทิตย์นึงเอง ครั้งนี้เหมือนหนูสูญเสียคนสำคัญของหนูครั้งแรกในชีวิตเลย หนูอยากจะขอกำลังใจจากพี่ทั้ง 3 คน นอกจากกำลังใจที่หนูอยากได้ ความเสียใจมันมีอยู่แล้วเพราะด้วยความที่น้องอยู่กับหนูมานาน น้องจากไปด้วยอุบัติเหตุ เลยทำให้อีกความรู้สึกนึงที่มันเกิดขึ้นในใจหนูคือ ความโกรธ ความโมโห คนที่มันทำ มันทำให้หนูย้ำคิดย้ำทำ ปล่อยว่างไม่ได้ ว่าเราจะโกรธเขาตลอดเวลาเลย’ ซึ่ง “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้กำลังใจว่า ‘การจากไปด้วยอุบัติเหตุ เป็นอะไรที่สถานการณ์ยากลำบากที่สุด เพราะว่าเราไม่มีเวลาเตรียมตัว ให้นึกถึงว่า ไม่ช้าก็เร็ว เราทุกคนก็ต้องจากกัน จะจากเป็นหรือจากตายมันเป็นเรื่องธรรมชาติ ถึงเวลานั้นเราต้องเข้มแข็ง เวลาของความเสียใจมันใช้เวลา ยิ่งผูกพันมาก ๆ พี่ก็ใช้เวลาเป็นปี เป็นเรื่องที่ทำใจค่อนข้างยาก ให้เวลาเยียวยา จะไม่บอกว่าอย่าเสียใจนะ ยังไงมันก็เสียใจอยู่แล้ว ถือว่าที่โทรมาในพุธทอล์ควันนี้ พวกพี่กำลังกอดอยู่แล้วกัน เป็นกำลังใจให้นะ’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้กำลังใจว่า ‘พี่อยากบอกน้องบีว่า น่าอิจฉามากเลย หนูเหมือนมีพี่ชายที่รักหนูมากแล้วอยู่กับหนูมา 15 ปี บางคนเขาอาจจะไม่เคยเจออะไรแบบนี้ในชีวิตเลยก็ได้ เขาแค่นำไปอยู่ดาวหมาก่อน เดี๋ยววันนึงมันก็เป็นคิวของพวกเราเอง แล้ววันนั้นเราก็จะไปเจอกับเขาบนดาวดวงนั้น แต่ว่าถ้าคิดถึง พี่ว่ามองอะไรที่นึกถึงแล้วทำให้ยิ้ม นึกถึงภาพที่อยู่กับเขา โตมากับเขาหรืออื่น ๆ ให้มีความสุขแล้วก็คิดว่าสักวันหนึ่งเราก็จะไปเจอกับเขาบนนั้น เป็นกำลังใจให้นะ... สำหรับพี่ ทุกอย่างมันมีเหตุผลของมันหมด มันเหมือนถูกวางไว้แล้ว เหมือนว่าการที่เราต้องซวยเจอเรื่องแบบนี้ เพราะว่าถ้าคนนี้ไม่มาจังหวะนี้ มันก็จะไม่มาชนน้องหมาของเรา แต่พี่รู้สึกว่าทุกอย่างเหมือนเราเลี่ยงไม่ได้เลย โดยเฉพาะมันเป็นอุบัติเหตุ เราไม่ใช่คนบนฟ้าที่มองลงมาแล้วเห็นว่า ถ้าเราไม่ออกไปตอนนี้ เราจะเจอใครอะไรแบบนี้ มันเป็นอุบัติเหตุตามชื่อของมัน เราไม่สามารถควบคุมมันได้ พี่ว่าต้องยอมรับแล้วก็เข้าใจมัน การที่เราไปผูกใจเจ็บ มันจะทำให้ตัวเราเองนั่นแหละจะเจ็บไปต่อเรื่อย ๆ และก็ไม่รู้ว่ามันจะจบเมื่อไหร่ ถ้าพี่ตอบเร็ว ๆ แบบนี้นะ น้องหมาเขาเสียไปแล้ว เสียเพราะคนใจร้าย แต่สุดท้ายเขาโชคดีมาก ๆ ที่ได้เจอคุณ ก่อนที่เขาจะจากไป การผูกใจเจ็บมันทำให้หนูไม่มีความสุข และถ้าน้องหมาเขามองลงมา เขาเห็นบีไม่มีความสุขเขาก็ไม่มีความสุข เพราะตอนนี้เขาอยู่กับหนูไม่ได้อีกแล้ว นึกถึงแต่เรื่องดี ๆ ไว้ดีกว่า สำหรับพี่นะ’ สุดท้าย “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้กำลังใจว่า ‘ยอมรับก่อนว่าพี่ไม่เคยมีสัตว์เลี้ยงแบบอยู่ด้วยกันยาว ๆ แต่ 15 ปี ที่อยู่ด้วยกันพี่ว่าก็คงไม่ต่างอะไรกับเราเสียคนในครอบครัวคนนึงไป สิ่งนึงที่พี่คุยกับลูกชายของพี่ 4 ขวบ เมื่อมีการศูนย์เสียเกิดขึ้นคือ เขาจะย้ายไปอยู่ในสมองของเรานะ คนที่จากไปเราจะเจอกับเขาได้แค่เราหลับตา เขาจะมาอยู่ในสมองของเรา จดจำเขาไว้ในความทรงจำของเรา อย่าลืมเขาแค่นั้น เขาจะอยู่กับเราไปตลอด พี่รู้สึกว่า คนเรามันมีอายุไข ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุนี้วันนึงเราก็ต้องจากกัน พอวันนี้มันเกิดเหตุนี้ขึ้นมา มันกะทันหัน มันทำใจยาก มันทำให้บีเกิดความโกรธ ซึ่งถ้าเป็นพี่ก็คงโกรธมาก ๆ แต่มันเป็นเรื่องปกติที่เราโกรธ ถ้ามันเกิดขึ้นกับคนที่เรารัก ความประมาทจากบุคคลที่ 3 มันยิ่งทำให้เราโกรธ แต่หลังจากความโกรธนั้นสิ่งที่จะทำร้ายจริง ๆ คือทำร้ายเรา น้องไปแล้วคนที่เขาทำเขาอาจจะแคร์หรือไม่แคร์ก็ไม่รู้ แต่คนที่ยังรับความโกรธ ความโมโหอยู่ข้างใน คนที่โดนทำร้ายแน่ๆ คือเรา สุขภาพจิตเสีย พอเราอยู่กับความเครียด ความโกรธ ความเศร้ามาก ๆ เคมีในสมองก็จะหลั่งออกมาอีกแบบนึง สุดท้ายแล้วมันจะกระทบกับร่างกายเรา คนที่รับผลกระทบคือเรา เพราะฉะนั้นไม่มีประโยชน์ที่จะไปจมกับความโกรธ พี่ก็เลยเลือกที่จะให้อภัย ถ้าวันนั้นคนนั้นเลือกที่จะหยุดเวลาสั้น ๆ ได้ก็คงไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้น สุดท้ายมันก็กลับมาที่ประโยคที่ว่าต้องใช้เวลา จนกว่าเราจะเห็นด้วยกับประโยคนี้ได้จริง ๆ ว่า เขาคงไม่อยากให้เกิดขึ้นหรอก’ พี่ ๆ ดีเจทั้ง3 คนเพิ่มเติมว่า ‘15 ปี คิดถึงช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกันมา 15 ปี บีคิดว่า 15 ปี มันต้องใช้เวลาทำใจเท่าไหร่ อาจจะต้องให้เวลามันหน่อย ช่วงนี้ก็เศร้าได้แค่เรารู้ตัวว่าก็เศร้า ไม่เป็นไรหรอกให้เวลา ให้ร่างกาย ให้ชีวิตเราเจอกับความเศร้า ในมุมของผู้ใหญ่ที่อายุ 40 กว่า คิดว่า อันนี้ก็ฝึกบีนะ เพราะเดี๋ยวบีก็ต้องเจอการศูนย์เสียอีกเต็มไปหมด อันนี้เหมือนเป็นเคสนึง ว่าบีจะผ่านไปได้เท่าไหร่ ต้องยอมรับว่า ไม่มีใครรู้เลยว่าจะเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่ จะช้าจะเร็วเดี๋ยวมันต้องมาแน่ ๆ บีต้องเจอพวกพี่ทุกคนก็ต้องเจอหมด แต่เราจะอยู่อย่างไรให้มีชีวิตอยู่ต่อได้จากการศูนย์เสียคนที่รักไป ให้เวลาเยียวยา’ ก่อนวางสายไป “คุณบี(นามสมมุติ)” ขอฝากถึงแฟนๆ รายการ พุธทอล์ค พุธโทร ว่า ‘บางคนอาจจะบอกว่า แค่หมาตัวนึง ทำไมจะต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ แต่หนูอยากบอกว่า ทุกชีวิตมันมีค่าเท่ากัน แค่หมาตัวนึงของคุณแต่ว่าเขาคือโลกทั้งใบหรือคนในครอบครัวของเราเลย หนูอยากให้ทุกคนเลิกมองว่าชีวิตคนกับชีวิตสัตว์มันมีค่าไม่เท่ากันสักที’ สุดท้ายนี้พี่ ๆ ดีเจทั้ง 3 คน ให้กำลังใจกอด “คุณบี(นามสมมุติ)” แน่น ๆ น้าาาเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางhttps://www.youtube.com/watch?v=SZ-XdtFvSHUt=646sใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

คนคุยมีสิทธิ์ไหมคะ? เราคุยกับผู้ชายคนนึงได้ 9 เดือนกว่า ทำทุกอย่างเหมือนแฟนเลย อาทิตย์นึงนอนกับเขา 5 วัน แต่เพิ่งมาเจอว่าห้องเขามีชุดชั้นในผู้หญิงในห้อง แต่ไม่ใช่ของเรา เราไม่ได้เป็นอะไรกับเขา มีสิทธิ์ถามไหมคะว่าชุดชั้นในปริศนานั้นเป็นของใคร?

08 ก.ค. 2024

คนคุยมีสิทธิ์ไหมคะ? เราคุยกับผู้ชายคนนึงได้ 9 เดือนกว่า ทำทุกอย่างเหมือนแฟนเลย อาทิตย์นึงนอนกับเขา 5 วัน แต่เพิ่งมาเจอว่าห้องเขามีชุดชั้นในผู้หญิงในห้อง แต่ไม่ใช่ของเรา เราไม่ได้เป็นอะไรกับเขา มีสิทธิ์ถามไหมคะว่าชุดชั้นในปริศนานั้นเป็นของใคร?

“คุณอาย (นามสมมติ)” อายุ 28 ปี สายที่ห้าในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [3 ก.ค.67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาเจอชุดชั้นในในห้องของคนคุย โดย “คุณอาย (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘พอดีว่าหนูคุยกับผู้ชายคนหนึ่งที่เราไม่ได้ให้สถานะแฟนตั้งแต่แรกมา 9 เดือน และอาทิตย์นึงจะเจอกันประมาณ 5 วัน แต่เราทำทุกอย่างเหมือนแฟน แต่ไม่ได้เป็นแฟนกัน มีอยู่วันหนึ่งหนูไปเจอชุดชั้นในของคนอื่นที่ไม่ใช่ของหนูในคอนโดของเค้า และหนูเคยพูดกับเค้าว่าขอให้คุยกับหนูแค่คนเดียว ถ้าวันหนึ่งมีคนคุยคนอื่นแล้วให้บอก ซึ่งเค้าหัวเราะและไม่ได้พูดอะไร หนูก็อยากถามว่าหนูมีสิทธิ์ถามเค้าไหมว่าชุดชั้นในนั้นเป็นของใคร?’ โดย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ความคิดเห็นพี่พี่คิดว่าหนูควรถามไปเลย หนูมีสิทธิ์ถาม แล้วอยู่กับเค้า 9 เดือน ละอาทิตย์นึง 5 วันสะขนาดนั้นหนูก็ถามเรื่องสถานะไปด้วยเลย’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่าถามได้เพราะเราก็คุยกับเค้ามา 9 เดือน และอยู่คอนโคเค้า 5 วันสะขนาดนั้น แต่ไม่ใช่ถามเชิงหึงหวงนะ แค่ถามว่ามันเป็นของใคร แล้วก็ดูว่าเค้าจะตอบยังไง’ และสุดท้าย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถามได้เลย แต่ว่าอย่าคาดหวังคำตอบ เพราะเราไม่รู้หรอกว่ามันจริงหรือไม่จริง แต่มันก็จะได้วัดไปเลยถ้าเราสามารถจับอากัปกิริยาของคนเป็น แต่วิธีถามมันจะละม่อมขนาดไหน จะอ้อม ๆ ก็ได้ เพราะฉะนั้นก็เตรียมใจกับคำตอบไว้นิดนึง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

สาววัย 20 กลุ้มใจ ทะเลาะแฟนโดนบีบคอ จนหายใจไม่ออก ตอนนี้ตัดสินใจจะยุติความสัมพันธ์ แต่พ่อแม่เค้าบอกว่า "ระวังจะเป็นฝ่ายแพ้นะ ถ้าเลิกกับลูกเค้า"

01 ธ.ค. 2023

สาววัย 20 กลุ้มใจ ทะเลาะแฟนโดนบีบคอ จนหายใจไม่ออก ตอนนี้ตัดสินใจจะยุติความสัมพันธ์ แต่พ่อแม่เค้าบอกว่า "ระวังจะเป็นฝ่ายแพ้นะ ถ้าเลิกกับลูกเค้า"

“คุณจี (นามสมมติ)” อายุ 20 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (29 พ.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาที่ทะเลาะกับแฟนรุนแรง จนถึงขั้นโดนเขาทำร้ายร่างกาย แต่ครอบครัวแฟนกลับบอกให้เราอยู่ต่อ โดย “คุณจี (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เพิ่งทะเลาะกับแฟนมา แล้วโดนบีบคอ แต่ทางฝั่งครอบครัวแฟนบอกให้อยู่ต่อ เพราะกลัวเราจะแพ้ คือเราเป็นเมียหลวง แต่ทีนี้แฟนหนูเขาไปมีมือที่สาม เรื่องราวเกิดขึ้นมาหลายครั้ง แต่ว่าครั้งนี้หนักที่สุด เราอยู่กับแฟนมา 3 - 4 ปี แล้วก็มีเรื่องมือที่สามมาตลอด โดยที่เขาไม่ได้มีคนเดิมแต่เปลี่ยนคนไปเรื่อย ๆ เวลาเราจับได้ เขาก็จะยอมเลิกแล้วเลือกเรา เหมือนว่าพอต่างคนต่างตัดสินใจไปมีคนอื่น สุดท้ายก็กลับมาหากันอยู่ดี หนูตัดสินใจมาอยู่กับเขาตั้งแต่เรียนอยู่ จนตอนนี้ก็ทำงานไปด้วย เรียนมหาลัยไปด้วย เขาก็คะยั้นคะยอตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงปีนี้ว่าให้เรามาอยู่ด้วยกับเขา ถ้าเรามาอยู่กับเขา เขาจะปรับปรุงตัว ก็ทำให้เราเชื่อ แต่หนูก็พยายามปฏิเสธมาตลอด จนกระทั่งสุดท้ายหนูตัดสินใจมา เพราะว่าทางครอบครัวหนูเองก็มีปัญหาเลยตัดสินใจมาอยู่กับเขา พอมาอยู่ ก็ทะเลาะกับเขา เรื่องที่ว่าก่อนหน้านี้เราเลิกกันไปแล้ว หนูก็มีผู้ชายคนอื่น แต่เราก็เคลียร์กันไปหมดแล้วก่อนที่จะมาอยู่กับเขา แต่เขาก็มาเห็นแชทที่เราคุยกับผู้ชายพวกนั้น จนเกิดการทะเลาะกันขึ้นมา เขาโมโหเรา แย่งโทรศัพท์กัน แล้วเขาก็บีบคอเรา คือเขาบีบคอเหมือนเราใกล้จะตาย บีบทั้งหมดสามรอบ โดยรอบแรกบีบเบา ๆ รอบสองหนักขึ้นเรื่อย ๆ พอมารอบที่สามหนูหายใจไม่ออกแล้ว ไม่มีใครห้ามเพราะไม่มีใครเห็น ที่เขาหยุดเพราะหนูพูดเบา ๆ ว่า “มึงบีบกูให้ตายไปเลย ให้ตายคามือมึงไปเลย” เขาเลยค่อย ๆ คลายมือเขาออก พอหนูเล่าเรื่องนี้ให้ครอบครัวแฟนฟัง ตอนแรกเขาก็จะให้หนูกลับไปอยู่บ้านหนู แต่สุดท้ายเขาไม่ให้หนูกลับ เพราะเขากลัวว่าหนูจะแพ้ผู้หญิงที่เป็นมือที่สาม คำถามที่อยากถามพี่ๆวันนี้ก็คือ หนูจะทำยังไงต่อไปดี ในเมื่อฝั่งทางแฟนไม่ให้หนูไปไหน...’ ซึ่ง “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ผู้ชายแบบนี้น่ากลัวที่สุด ไอพวกเลิกยาก ต้องหนีเท่านั้น กลับไปอยู่บ้านพ่อแม่ก็โดนตาม แล้วทรงหนูดูใจอ่อนด้วย เขาทำหนูตั้งกี่ครั้งแล้วหนูยังทนได้เลย ฉะนั้นหนูมีทางเดียวคือ บล็อคทุกอย่างแล้วก็หนี หนีไปอยู่กับใครสักคนนึงที่เขาไม่รู้จักแล้วตามไม่ได้ โทรศัพท์ก็เปลี่ยนเบอร์เลย ไม่งั้นชีวิตพ้นน้ำยากมาก อีนี่จะตามอยู่เป็นปีบอกเลย ยกเว้นอีตัวเมียใหม่มันดี แต่คือถ้าเขายังหึงขนาดบีบคอหนูได้ แบบนี้พี่ว่าตามแน่นอน แล้วอีกอย่างนึงก็คือการมีหนูอยู่เขาไม่ได้เสียอะไรเลยนะ เขาสามารถมีคนอื่นก็ได้ ซึ่งผู้หญิงฉลาด ๆ จะไม่ทน ฉะนั้นพี่แนะนำให้หนูไปอยู่กับใครสักพักนึง แล้วก็ค่อยหางานทำ แต่ใจต้องแข็งต้องบล็อก บล็อกทุกอย่างเลย ส่วนพ่อแม่เขาก็ช่าง ไม่ใช่พ่อแม่เรา ไม่ใช่เรื่องที่จะมาให้กูไปทนทุกข์ บ้าหรือเปล่า การที่เราได้ลูกเขาคือการแพ้ ใครได้ผู้ชายแบบนี้เป็นผัวคือแพ้กว่า ห่วงอีมือที่สามเหอะอีนั่นอะซวย’ ต่อมาเป็น “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘หนีไปที่ ๆ เขาไม่รู้ แต่ว่าเราก็ต้องบอกคุณพ่อคุณแม่ไว้ แล้วหนูก็ลบทุกอย่างที่จะตามได้ โซเชียลทุกอย่างหนูลบไปก่อนให้หายไปก่อน ไปเริ่มชีวิตใหม่ไปหางานใหม่ทำ แล้วก็พี่อยากเสริมว่าอย่าคิดว่าเป็นคู่แท้ อันนี้คือคู่ดันทุรังนะ คู่กรรมคูเวร ที่เหมือนหนูไม่รู้กันสักทีว่าจริง ๆ มึงไม่ควรอยู่ด้วยกันได้แล้ว แต่มึงยังหากลับมาเพื่อวันนี้มาบีบคออีก แล้วบีบครั้งนึงได้แล้วพี่ว่านางทำได้อีกแหละ’ และสุดท้ายเป็น “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘จริง ๆ มันหมดคำถามตั้งแต่บีบคอแล้ว ไม่ต้องฟังอะไรอื่นเลย คืออย่างที่หอมบอกแค่มีชู้มันก็ควรจะเลิกละ แล้วแบบบีบคอกันมันไม่มีอะไรจะต้องฟังต่อแล้ว นอกจากเลิกซะ ไอที่เขาบีบคอเราเนี่ยถ้ามันเลยกว่านั้นอีกสักเท่าไหร่หนูก็คงไม่มีโอกาสโทรมาแล้ว การที่คนเรามันจะทำร้ายคนอื่นได้ มันไม่เหลือความชอบธรรมที่จะอยู่ด้วยกันแล้วแหละ ส่วนคำพูดจากพ่อแม่ พ่อแม่ก็ไม่ต่างจากลูกเขาเลย ตรรกะประหลาดมาก คนที่ได้ลูกเขาไปนั่นแหละคือคนที่พ่ายแพ้ในชีวิตนี้ อย่าคิดว่าไอคนที่เราคบมาตั้งแต่มัธยม จะกี่ปี ๆ ก็เหอะ มันเป็นความคิดที่ผิด คือคนที่คิดแบบนี้โทรมารายการเราเยอะมาก ว่าแบบนี่คือแฟนคนแรก ก็เพราะมันเป็นแฟนคนแรกและหนูยังไม่เห็นคนที่ดีกว่าไง หนูถึงคิดว่านี่คือรักแท้ ถ้าหนูแค่ปิดประตูบ้านออกไปมองซ้ายมองขวาบางคนเดินผ่านไปผ่านมา ไอนี่ก็ดีกว่าผัวหนู ไอนี่ก็ดีกว่าแฟนหนู คนที่ดีกว่าแฟนหนูเยอะแยะไปหมด แต่เขาก้ไปมีคู่ดี ๆ แล้วแหละ ยิ่งหนูเสียเวลากับคนนี้ หนูก็จะไม่มีโอกาสเจอคนดี ๆ เพราะว่าเปิดประตูออกไป อ่อ...คนนั้นก็มีแฟน คนนั้นเขาก็เพิ่งแต่งงาน คนนั้นเขามีครอบครัวที่ดีไปแล้ว สุดท้ายจะเหลือแต่คนไม่ดีให้หนูเลือก เลือกหน่อย แล้วก็ครั้งแรกไม่จำเป็นต้องดีที่สุดลูก แล้วมันน้อยมากเท่าที่พี่เจอมาที่รักครั้งแรกจะเป็นรักครั้งสุดท้าย มันต้องโป๊ะเชะ มันต้องคนดีเจอคนดี ไม่แน่คนดีเจอคนดียังเลิกกันก็มี เพราะมันเจอกันเร็วไป หรือมันคบกันนานไป มันไม่มีความเชื่อมโยงอะไรเลยกับรักครั้งแรก กับคู่ชีวิต ไม่เกี่ยวเลย แล้วก็การที่เขามาบรรจงบีบคอเราสามสเต็ปเนี่ย มันไม่ต้องมีคำถามอะไรอีกแล้ว จริง ๆ จีไม่ต้องโทรมาถามก็ได้ ถ้าจีรักตัวเองมากพอ มันไม่ควรมีใครทั้งนั้นมาบีบคอเรา จงรักตัวเองให้มาก แล้วจีจะรู้ว่าจีต้องทำยังไง มันเป็นสัญชาตญาณการเอาตัวรอด สัญชาตญาณการหนีตายของสิ่งมีชีวิตพื้นฐานเลย เราไม่อยู่กับสิ่งที่เป็นอันตรายกับชีวิตเรา นี่คือพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตไม่นับมนุษย์ด้วยซ้ำ สัตว์เดรัจฉานยังหนีสิ่งที่เป็นภัยต่อชีวิตมันเลย แล้วทำไมมนุษย์เราที่มีมันสมองมีความคิดขนาดนี้ ถึงยอมที่จะอยู่กับคนที่เป็นอันตรายกับชีวิตเราหล่ะ ม้าลายมันยังวิ่งหนีสิงโตเลย รักชีวิตเราให้มากลูกแล้วก็เด็ดขาด ต้นหอมอาจจะคิดว่าเขาจะตามไป แต่ถ้ามันไม่มีหนทางแล้วจริง ๆ อย่างน้อยก็ไปอยู่กับพ่อแม่ให้พ่อแม่คุ้มครองเรา’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1