ผมเป็นรุก คบกับแฟนรุกเหมือนกันพอจะมีอะไรกัน ผมไม่ยอมให้เขา ผมบอกเลิกเขา ทั้งๆที่เขายังรักผมอยู่ ผมบอกเขา “ไม่ต้องรอนะ จะมีใครก็มีได้เลย” แล้วผมก็เปิดตัวคบแฟนใหม่ บทบาทบนเตียงลงตัว แต่เขาไม่ดีเท่าคนก่อน

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ผมเป็นรุก คบกับแฟนรุกเหมือนกันพอจะมีอะไรกัน ผมไม่ยอมให้เขา ผมบอกเลิกเขา ทั้งๆที่เขายังรักผมอยู่ ผมบอกเขา “ไม่ต้องรอนะ จะมีใครก็มีได้เลย” แล้วผมก็เปิดตัวคบแฟนใหม่ บทบาทบนเตียงลงตัว แต่เขาไม่ดีเท่าคนก่อน

21 มิ.ย. 2024

ผมเป็นรุก คบกับแฟนรุกเหมือนกันพอจะมีอะไรกัน ผมไม่ยอมให้เขา

ผมบอกเลิกเขา ทั้งๆที่เขายังรักผมอยู่ ผมบอกเขา “ไม่ต้องรอนะ จะมีใครก็มีได้เลย”

แล้วผมก็เปิดตัวคบแฟนใหม่ บทบาทบนเตียงลงตัว แต่เขาไม่ดีเท่าคนก่อน

กลับไปหาคนเก่าเขาบอก “เราพูดเองนะว่าไม่ต้องรอ ตอนนี้มีคนใหม่แล้ว”

            “คุณบิว (นามสมมติ)” อายุ 19 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [19 มิ.ย.67] ได้โทรเข้ามาขอคำปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหา Position เรื่องเซ็กส์ที่ไม่ตรงกับแฟนเก่า

            โดย “คุณบิว (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เมื่อประมาณ 3 เดือนก่อน ผมตัดสินใจบอกเลิกแฟนเก่าไป ซึ่งเหตุผลที่ผมบอกเลิกเค้า มันเป็นเหตุผลที่ไม่น่าเอามาเป็นข้ออ้างในการบอกเลิก ผมกับแฟนเราเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ และ Position ของเราคือเราเป็นรุกด้วยกันทั้งคู่ เวลาที่เค้าขอมีอะไรด้วยผมก็จะรู้สึกอึดอัดและไม่อยากมีอะไรด้วย ผมก็เลยคิดว่าถ้ามันเป็นแบบนี้ต่อไปเราจะไปด้วยกันได้มั้ย ผมก็เลยตัดสินใจบอกเลิกเค้าไปทั้ง ๆ ที่เค้ายังรักผมมาก ตัวเค้าเองก็งงว่าเพราะอะไร แล้วเค้าก็ยื้อผมและว่าจะไม่ทำแล้วก็ได้ แต่ ณ ตอนนั้นผมเองก็มั่นใจว่าจะเลิก ผมก็เลยบอกเลิกเค้าไป

            จนผ่านมา 1 เดือน ผมก็ไปคุยกับคนใหม่ที่ Position ตรงข้ามกัน ซึ่งในส่วนนี้ผมก็โอเคแล้ว แต่ในเรื่องของความรัก การเอาใจใส่ การดูแล ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่ และไม่เหมือนกับคนเก่า ผมก็รู้สึกว่าไม่ใช่ และบอกเลิกกับคนใหม่ เลยทำใจอยู่พักหนึ่งและทักไปหาคนเก่าเพื่อบอกขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ตอนนั้น และขอโอกาสในการกลับไปคบกันได้มั้ย แต่คำตอบที่ได้กลับมาคือเค้ามีคนคุยใหม่ไปแล้ว เพราะตอนนั้นผมบอกเค้าว่าไม่ต้องรอ ยังไงผมก็ไม่กลับ ซึ่งตอนที่เค้าบอกว่ามีคนใหม่ไปแล้วผมรู้สึกจุกมาก ทำอะไรไม่ถูก นึกสงสารเค้าตอนที่เราไปทำกับเค้า คือการไปมีคนใหม่ ตอนที่เค้ารู้ เค้าต้องเสียใจมากกว่าเราอีกกี่เท่า เค้าต้องนั่งร้องไห้คนเดียว พอเรามาเจอเองเลยรู้สึกอยากกลับไปรักเค้าอีกสักครั้ง ผมยอมที่จะเปลี่ยนตัวเองในเรื่องของ Position เพราะผมพึ่งมาตระหนักได้ว่าสิ่งที่เค้าทำมันมีค่ามากแค่ไหน

            ณ ตอนนั้นผมเอาเรื่อง Position มาตัดสินความรักที่เค้ามีให้ผม ซึ่งมันไม่ควรเลย และตอนที่เค้ามีคนใหม่ไปแล้วเค้าบอกกับผมว่า “ถ้าวันไหนที่เราและเค้าโสด เราอาจจะกลับมาคบกันก็ได้” ผมเลยบอกเค้าว่าจะรอ แต่ผมก็คิดในใจว่าสิ่งที่ผมทำมันไม่น่าให้อภัยเลย ผมอยากถามพี่ๆดีเจว่า ผมควรจะรอเค้าหรือหายไปจากเค้าดี...?’

            โดย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘อกหักครั้งแรกมันจะเจ็บมากอยู่แล้ว ตอนนี้บิวแค่ต้องยอมรับความจริง พี่มองว่าบางอย่างมันเกิดขึ้นก็เพื่อให้เรารู้ตัว หรือทำให้เราได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง และบางครั้งการที่คนเราจะเรียนรู้อะไรบางอย่างมันจะต้องเสียไปก่อน บางครั้งเราต้องเก็บมันเป็นประสบการณ์ และยอมรับความจริง บางอย่างไปแล้วไปเลย ไม่ใช่ว่าเราจะฟูมฟาย โวยวาย เพื่อเรียกร้องโอกาสกลับมา และถ้าเรารักเค้าจริง สิ่งที่เราควรจะคิดคืออย่างที่พี่เติ้ลบอกว่าชีวิตของเค้าไม่ได้ต้องการการรักษาอะไร เค้าอาจจะได้ไปพบกับความรักที่ดีและเหมาะสมกับเค้า แล้วที่เค้าบอกว่า “ถ้าวันใดวันหนึ่งเราโสดทั้งคู่ เราอาจจะกลับมาคบกันก็ได้” พี่ไม่อยากดับฝันนะบิว ประโยคนี้คือประโยคพื้นฐานในการบอกเลิกสำหรับวัยรุ่น แล้วอยากให้การเลิกกันครั้งนี้มันไม่ทำร้ายจิตใจกันมาก สิ่งที่บิวต้องทำตอนนี้คือยอมรับความจริง ว่าตัวเราเคยเสียคนรักไปคนหนึ่งไปด้วยเรื่องนี้นะ เอาไว้เป็นประสบการณ์ และถ้าจะรอ รอได้ครับ แต่ต้องรอเงียบ ๆ รอแบบที่ไม่ได้ไปวุ่นวายกับเค้า ซึ่งบิวจะทำได้จริงรึป่าว มันทรมาน เพราะงั้นถ้าบิวเอาเรื่องนี้เป็นประสบการณ์แล้วไปหาคนรักที่เหมาะสมกับบิวจริง ๆ ไม่ใช่ว่าชีวิตนี้จะไม่เจอใครอีก เพราะบิวพึ่ง 19 และนี้มันคือการอกหักครั้งแรก ซึ่งครั้งแรกมันเจ็บเสมอ’

            ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ด้วยความที่ประสบการณ์บิวน้อยมากในการมีแฟน คนแรกก็คือคนที่คบกัน 9 เดือน ซึ่ง 9 เดือนยังไม่รู้จักกันดีพอเลย โดยเฉลี่ย 2 ปีที่จะเริ่มเป็นตัวของตัวเอง ความหลงความวาบหวิวมันจะค่อย ๆ ละเลือนหายไป ง่าย ๆ เลยนะคะ มันเหมือนแก้วที่มีฝุ่นอยู่แล้วยังไม่ตกตระกอน และบิวกำลังเปรียบเทียบระหว่างคนเก่ากับคนใหม่แค่ 2 คนเอง คือถ้าพี่มองพี่ก็ไม่รู้ว่ารุก-รับ มันสามารถเปลี่ยนกันได้ไหม และประเด็นคือบิวยังไม่เคยลองมาก่อนบิวจะไม่รู้ว่ามันโอเครึป่าว พี่มองว่าปัญหาเรื่องเซ็กส์เป็นปัญหาใหญ่เหมือนกัน คนเก่ากลับมาก็ยังเป็นปัญหาเหมือนเดิม แล้วจะแก้ไขได้รอดไหมก็ยังไม่รู้

            ฉะนั้นถ้าเป็นรุกเหมือนกัน พี่ก็จะตอบเลยว่าคนนี้ยังไม่ใช่ แล้วคนที่เลิกกันไปก็ยังไม่ใช่ คือวันนี้ที่คบกันไป 2 คน คือยังไม่ใช่ทั้ง 2 คนเลย บิวแค่เปรียบเทียบว่าคนไหนดีกว่ากัน แต่ถ้าบิวใช้ชีวิตตามหาคนที่ใช่จริง ๆ มันจะไม่มีข้อเสียที่เป็นข้อใหญ่ขนาดนี้ เรื่องเซ็กส์สำหรับเด็ก 19 ไม่เราก็เค้าเดี๋ยวจะต้องมีปัญหาแน่นอน แต่ถ้าอยากจะรอเพราะรู้สึกว่าคนนี้ใช่แล้ว ก็รอได้ไม่เสียหาย เพราะคนที่เจ็บไม่ใช่ใคร มันคือบิว และการรอก็ต้องเผื่อใจว่าถ้ากลับมาแล้วก็อาจจะเลิกกันอีกก็ได้ ถ้าเลิกกันอีกครั้งบิวก็ต้องแข็งแรงขึ้นกว่าครั้งแรก เพราะครั้งนี้บิวดูเจ็บหนักมากด้วยประสบการณ์ที่ยังน้อยอยู่ เหมือนกับโดนมีดบาดครั้งแรกที่มันโคตรจะเจ็บเลย มันเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าให้พี่แนะนำว่าเราควรจะหายไปจากชีวิตเค้าเลยไหม คือ ณ วันนี้เราไปยุ่งกับเค้าไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเค้ามีแฟนแล้ว เราต้องให้เกียรติคนที่เค้าคุยด้วย และการที่เราเข้าไปวุ่นวายกับแฟนเก่ามาก ๆ เราไม่รู้ว่าเค้ารู้สึกยังไง ให้หาใครสักคนคุยไปด้วยหรือตามหาคนที่ใช่ อย่าเสียเวลา และจะได้เรียนรู้ด้วยว่าคนที่ใช่เป็นแบบไหน เข้ากับเราได้ไหม หาไปเรื่อย ๆ มันคือเรื่องของชั่วโมงบิน’

            สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่แยกเป็น 2 อย่างนะบิว อย่างแรกเรื่องที่น้องบิวอกหักตอน อายุ 19 พี่เติ้ลว่านี่คือเรื่องปกติ เพราะถ้าอย่างพวกพี่ย้อนกลับไปตอนอายุ 19 พวกพี่ก็ทำอะไรผิดพลาดมาเยอะ พี่ว่าดีที่สุดคือการเอามันมาเป็นบทเรียน ว่าเราเคยเลิกรากับคนหนึ่งไป ในกรณีคนแรกเราอาจจะยังพยายามไม่พอ หรือถ้าเราลองพยายามเปิดใจมากกว่านั้น เราลองดูแล้วมันไม่ใช่แล้วเราเลิกกันก็อาจจะสบายใจกว่า ณ ตอนนี้ ทั้งหมดทั้งมวลพี่ว่าต้องเอามาเป็นบทเรียน ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติมาก ถ้าพี่ย้อนกลับไปก็อยากไปตบกระบาลตัวเองเหมือนกัน แต่เรื่องบางเรื่องมันผ่านมาแล้ว เราก็แค่ต้องไปต่อ และพี่ไม่อยากให้บิวคิดว่าผู้ชายคนแรกนั้นดีสุด ๆ จนคิดว่าตัวเองไม่สามารถหาได้ดีกว่านี้อีกแล้ว มันไม่จริงหรอกบิว หนูพึ่งผ่านมาแค่ 2 คน  พี่เชื่อว่าบิวทนอีกหน่อยรอให้เวลามันผ่านพ้นไป เดี๋ยวมันจะมีคนที่ทั้งดูแลบิวและเค้าก็จะมีรสนิยมเป็นรับที่ดูโอเคมาก ๆ ก็ได้

            อันที่สองเรื่องรสนิยมทางเพศ การที่บิวบอกว่าถ้าเค้ากลับมาผมพร้อมที่จะเปลี่ยนทุกอย่าง พี่อยากจะบอกว่าบิวใช้อารมณ์ในการตัดสินใจเกินไป เพราะ มันอาจจะเป็นไปได้ถ้าบิวรองเป็นโพซิชั่นรับ แล้วบิวโอเคกับมัน และไปต่อได้อย่างเพอร์เฟค แต่พี่เห็นหลายคู่มากที่มีการพยายามแบบนี้ แต่สุดท้ายมันไม่สามารถไปได้จริง ๆ เพราะถ้าเค้าไม่แฮปปี้แบบสุด ๆ ที่จะทำ สุดท้ายเค้าก็อยากนะกลับไปเป็นแบบเดิมที่เค้าเป็น ซึ่งพี่ว่าเรื่องแบบนี้ในวัยเท่านี้มันค่อนข้างเป็นปัจจัยหนึ่งที่เค้าจะเลือกคู่ของกันและกัน หรือบางคนที่เค้าไม่ต้องการเซ็กส์มันก็จะไม่มีปัญหาเลย แต่ถ้าถ้าเป็นคนที่ยังมีความต้องการทางเพศอยู่ แล้วต้องการให้อีกฝ่ายสนองความต้องการของตัวเอง พี่ว่าเรื่องนี้มันสำคัญ  ถ้าเราต้องหักความต้องการของตัวเองขนาดนั้นแล้วเราไม่ได้แฮปปี้ขนาดนั้น พี่ว่ามันจะไม่รอดในระยะยาว ตอนนี้บิวแค่เอาใจไปยึดติดกับคนแรกมาก ๆ จนไม่เหลือพื้นที่ให้กับตัวเองในอนาคตเลย ซึ่งถ้าตอนนี้เค้ามีคนใหม่แล้ว บิวต้องไปมีชีวิตของตัวเอง’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

คบแฟนมา 6-7 ปี ไม่เคยไปบ้านเค้าเลย เพราะแฟนบอก 'พ่อไม่ชอบทอม' เราไม่เคยเจอสังคมอะไรของแฟนเลย มีแต่แฟนที่รู้ฝั่งเรา พีคสุด แฟนจดทะเบียนสมรสกับผู้ชายอีกคนอยู่แล้วแต่แยกกันอยู่ ตอนนี้เราเลิกกันแล้วแต่แฟนขอให้กลับไปคบกันเหมือนเดิม

02 ก.พ. 2024

คบแฟนมา 6-7 ปี ไม่เคยไปบ้านเค้าเลย เพราะแฟนบอก 'พ่อไม่ชอบทอม' เราไม่เคยเจอสังคมอะไรของแฟนเลย มีแต่แฟนที่รู้ฝั่งเรา พีคสุด แฟนจดทะเบียนสมรสกับผู้ชายอีกคนอยู่แล้วแต่แยกกันอยู่ ตอนนี้เราเลิกกันแล้วแต่แฟนขอให้กลับไปคบกันเหมือนเดิม

“คุณยีนส์ (นามสมมติ)” อายุ 41 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (31 ม.ค. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาที่มารู้ทีหลังว่าแฟนยังไม่หย่ากับสามี โดย “คุณยีนส์ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ขอเกริ่นก่อนว่าเราเป็น LGBTQ คบกับแฟนมาประมาณ 6 - 7 ปีแล้ว ซึ่งตลอดเวลาที่คบกัน เรารู้แค่ว่าทางบ้านเขาไม่ชอบเรา และเราก็ไม่เคยรับรู้เรื่องทางบ้านเขาเลย ไม่เคยรู้เลยว่าบ้านเขาเป็นยังไง หรือแม้กระทั่งบ้านเขาอยู่ที่ไหน จนคบกันมาเข้าปีที่ 6 เป็นครั้งแรกที่เราได้มีโอกาสไปบ้านเขาใน ‘ฐานะเพื่อน’ หลังจากกลับมาจากบ้านเขา เราก็ได้รู้เรื่องต่าง ๆ จากปากเพื่อนเขาว่า ‘เขาแต่งงาน เคยจดทะเบียนสมรส แล้วยังคงคาทะเบียนสมรสกันอยู่ด้วย’ เราต้องไปคาดคั้นความจริงจากเขา เขาถึงยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง... ที่ผ่านมา เราไม่เคยมีตัวตนในชีวิตเขาเลย ไม่ว่าจะเป็นในโซเชียล ทางบ้านหรือทางสังคมของเขา คือเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเขาเลย แต่เขากลับรู้เรื่องเราทุกอย่าง เพราะว่าตอนที่คบกัน เขามาอยู่บ้านเราตลอด 24 ชม. แต่ในช่วงที่เขาอยู่บ้านเรา เขาก็จะมีกลับบ้านเขาไปบ้าง ซึ่งตอนที่เขากลับบ้าน เราจะไม่สามารถติดต่อเขาได้เลย เขาจะพูดกับเราเสมอว่า “ครอบครัวเขาเกลียดมาก” ไม่ให้รับโทรศัพท์ ไม่ให้ทำอะไรเลย แล้วพอมารู้เรื่องนี้ เราก็เหมือนตัดสินใจแล้วว่า “ฉันไม่เอาละ ฉันเลิกดีกว่า” ที่อยากเลิกเพราะรู้สึกว่าเขาเหมือนโกหกเรามาตลอด เพราะเราเองก็ถามมาตลอดเหมือนกัน ณ ตอนนี้ หลังจากที่เลิกกันแล้ว ก็ยังรู้สึกว่าคาราคาซังอยู่ เราก็คิดว่าเราไม่เอาแล้ว แต่ทางเขาก็ไม่ยอมเลิก จริง ๆ ก็เคยถามเขาเรื่องหย่า เขาก็บอกว่า “เดี๋ยวจะทำเรื่องหย่าให้” แต่พอถามเขาอีกรอบ เขาก็ยังตอบเหมือนเดิม โดยที่ไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย เหมือนเขาแค่ตอบให้ผ่านๆ ไป วันนี้จึงอยากจะถามพี่ๆดีเจว่า “เราควรจะไปต่อดีไหม ถ้าเรามองข้ามเรื่องนั้นไป หรือเราจะเข้าไปคุยกับพ่อแม่เขาดี หรือจริงๆ ควรจะจบแค่เพียงเท่านี้ ?”’ ซึ่งทาง “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าคนของเราโอเค มันจะแบ่งเบาภาระไปได้เยอะ ถ้าครอบครัวเขาไม่ชอบ อันนี้ก็จะเป็นอีกหนึ่งความลำบาก ซึ่งจะขึ้นอยู่กับคนกลางที่เป็นคนของเราเหมือนกัน เขาพร้อมที่จะเสียสละเพื่อที่จะอยู่กับเราไหม? ผมว่า 6 - 7 ปีที่ผ่านมา คุณยีนส์กำลังเข้าสู่ช่วงอยากมีตัวตน มันถึงวัยที่คุณยีนส์อยากได้รับการยอมรับ อยากเริ่มสร้างครอบครัวจริงจัง รวมถึงเริ่มรู้สึกเสียเวลาถ้าอยู่โดยไม่มีปลายทาง พอมาดูความรักของคุณยีนส์ มันก็ยังคงมีคำถามมากมาย ครอบครัวเขาจะรับเราได้ไหม? หรือเขาเองนี่แหละพร้อมที่จะเปิดตัวเรารึเปล่า? ซึ่งมันเป็นคำถามมากเลย สมมติว่าถ้าผมซี้กับคุณยีนส์ ผมก็จะแนะนำว่า “เราเคยเห็นคนที่มันชัดเจน เป็นความรักของ LGBTQ ที่เปิดตัว สร้างครอบครัวไปด้วยกัน ซึ่งมันดี” ไม่อยากให้คุณยีนส์เสียเวลา ถ้าต้องเลือกทางใดทางหนึ่ง อายุเราก็เดินทางมาถึงเลขสี่แล้ว การที่เราจะต้องซื้อเวลาไปข้างหน้า เพื่อความขมุกขมัวที่ไม่แน่นอน ผมไม่ค่อยสนับสนุน มันอาจจะต้องมองหาสิ่งที่มันแน่นอน และเริ่มสร้างครอบครัวด้วยกันได้แล้ว ถ้ามันต้องเลือก ผมอยากให้คุณยีนส์มองหาสิ่งที่ทำให้คุณยีนส์มีความสุขจริง ๆ ได้สักที’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘การที่เรามีทะเบียนสมรสอยู่ แล้วเราอยู่กับใครคนนึงมา 6 ปี โดยที่ไม่บอกเรื่องนี้ หอมว่ามันใจดำไปนิดนึง เพราะมันผิดกฎหมายด้วย ถ้าอีกฝ่ายจะฟ้อง เราแย่แน่ 6 - 7 ปี ที่อยู่ด้วยกันมา เขาไม่คิดจะบอกคนที่อยู่ข้าง ๆ เลยเหรอ? ถ้าเกิดผู้ชายคนนั้นไม่มีตัวตน อันนี้มันพูดง่ายมาก แค่บอกว่ายังไม่หย่า มันได้ใจเรามากกว่าอีก แล้วการปกปิดนี้มันเป็นเราที่มารู้เอง อีกเรื่องคือ เขาไม่เคารพ ไม่ให้เกียรติเราเลย อายุ 42 แล้ว ยังกลัวพ่อด่าเรื่อง LGBTQ อยู่อีกเหรอ? สมมติว่าการเลิกราเกิดขึ้น แล้วอีกฝ่ายไม่อยากเลิก สิ่งที่ยื้อคุณยีนส์กลับมาได้คือ การกระทำ เช่น 1. เดี๋ยวหย่าให้ 2. คือการพาไปไหว้พ่อ เปิดตัวให้รู้เลยว่าฉันจริงจัง มันต้องแสดงด้วยการกระทำ แต่นี่... ป่านนี้ยังไม่ทำอะไรเลย แล้วคือคุณยีนส์จะต้องรอคน ๆ นึงที่ไม่เคยให้เกียรติคุณยีนส์มาตลอด 6 ปี เลยเหรอ? เขามีราคาอะไรที่เราจะต้องจ่ายขนาดนั้น ความดีนี้ต้องซื้อด้วยอะไร ในเมื่อมันไม่มี ถ้าเขาอยากตื๊อก็ตื๊อได้ แต่ต้องอยู่กับปัจจุบัน ถ้าวันนี้ไม่เห็นอะไรที่น่ากลับไปก็ไม่ต้องกลับ แล้วยีนส์เปิดโอกาสให้ตัวเองเลย ใครสักคนที่ดีกว่านี้ ใครสักคนที่ไม่โกหกเรา ถ้าวันนี้คนเก่ายังทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องกลับ’ และสุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ดูที่พฤติกรรม ถ้าเกิดว่าพฤติกรรมเขาสวนทางกับคำพูด คือถ้ามันเป็นคนที่ใช่ มันจะไม่ยากลำบากขนาดนี้ แล้วสำหรับคู่คุณยีนส์มันหลายปีแล้ว มันควรจะต้องใช่ได้แล้ว มันไม่ควรจะมาตั้งคำถามในตอนนี้แล้ว มันเสียเวลาชีวิต 6 – 7 ปี มันพิสูจน์มามากพอแล้วว่าคุณยีนส์รักเขา และยอมขนาดไหน ขนาดให้เขาปกปิดโลกของเขาแล้วไม่งี่เง่าอะไรเลย วันนี้ถึงเวลาที่เขาจะทำให้เราเห็นแล้วว่า เขาอยากให้เราอยู่ ไม่ใช่แค่ปากที่มาง้อ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูเดินกลับห้องหลังเลิกงานช่วงหลังสี่ทุ่ม บางวันก็เที่ยงคืน จะมีผู้ชายกลุ่มนึงนั่งดื่มเหล้าหน้าบ้าน เขาชอบมาแซว “น่ารักจังเลยน้องสาว มีแฟนหรือยังจ๊ะ ?? ถ้าพี่มีแฟนแบบนี้รักตายเลย” ที่ผ่านมาหนูรับมือด้วยการพยายามไม่ไปสนใจ แต่ปัญหาคือหลังๆมานี้

16 ก.ย. 2025

หนูเดินกลับห้องหลังเลิกงานช่วงหลังสี่ทุ่ม บางวันก็เที่ยงคืน จะมีผู้ชายกลุ่มนึงนั่งดื่มเหล้าหน้าบ้าน เขาชอบมาแซว “น่ารักจังเลยน้องสาว มีแฟนหรือยังจ๊ะ ?? ถ้าพี่มีแฟนแบบนี้รักตายเลย” ที่ผ่านมาหนูรับมือด้วยการพยายามไม่ไปสนใจ แต่ปัญหาคือหลังๆมานี้

หนูเดินกลับห้องหลังเลิกงานช่วงหลังสี่ทุ่ม บางวันก็เที่ยงคืน จะมีผู้ชายกลุ่มนึงนั่งดื่มเหล้าหน้าบ้านเขาชอบมาแซว “น่ารักจังเลยน้องสาว มีแฟนหรือยังจ๊ะ ?? ถ้าพี่มีแฟนแบบนี้รักตายเลย”ที่ผ่านมาหนูรับมือด้วยการพยายามไม่ไปสนใจ แต่ปัญหาคือหลังๆมานี้ จะมีคนนึงเขามาประชิดตัวเราเดินตามติดๆ แล้วหันไปคุยโม้กับเพื่อน ทำเหมือนเราเป็นแฟนเขาหนูรู้สึกไม่ปลอดภัย ซอยที่อยู่ก็เป็นทางเข้าออกทางเดียว ไม่อยากเจอปัญหานี้แล้ว หนูจะทำยังไงดี?? “คุณน้ำ (นามสมมติ)” อายุ 25 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [10 ส.ค 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาโดนแซวจากกลุ่มผู้ชายที่ไม่รู้จักขณะที่เดินกลับห้องหลังเลิกงาน โดย “คุณน้ำ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ทุกวันหลังเลิกงานจะต้องเดินผ่านซอยหนึ่งกลับบ้าน แล้วจะมีคนกลุ่มนึงชอบนั่งสังสรรค์กินดื่มกันทุกวันด้วยเสียงที่ดังมาก ก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์ตื่นเช้ามาเราต้องเดินออกไปซื้อของกินที่เซเว่นอยู่แล้ว เขาก็จะแซวว่าน่ารักจังเลย มีแฟนหรือยัง ขยันทำงานจังเลย มีแฟนแบบนี้รักตายเลย ทุกครั้งที่เขาเห็นหนูเวลาเดินผ่าน เราต้องเดินก้มหน้า เพราะเราไม่อยากเห็น ไม่อยากมอง รู้สึกกลัวไปแล้วว่าเขาจะพูด จะทักอะไรหรือเปล่า เราก็ไม่ได้สนใจตรงนี้เพราะเป็นแค่คำพูด ยังทำเป็นไม่สนใจได้ แต่ที่เป็นปัญหาก็คือเขามาประชิดตัวเราและเดินตาม และหันไปพูดกับเพื่อนว่า “กลับบ้านก่อนนะ กลับบ้านแล้วนะ” อารมณ์เหมือนแฟนมาแล้ว และเขามาเดินติดกับเราเลย เราก็ไม่พูดอะไร รีบเดินอย่างเดียว พอถึงที่พักก็รีบวิ่งเลย เพราะทางเดินกลับมันคั่นกันแค่คูหาเดียว และเป็นซอยที่เข้าออกทางเดียว เขานั่งรวมตัวกัน 7-8 คน ทุกวันเลยยกเว้นวันที่ฝนตก เขาอายุก็กลางคน ประมาณ 30 - 50 ปี เป็นแก๊งพวกชอบนั่งกินเหล้าหน้าบ้าน น้ำอยู่หอคนเดียว แต่ว่ามีแฟนมาหาเดือนหนึ่งก็ 4 - 5 ครั้ง เราเคยเดินมากับแฟนแต่พวกเขาน่าจะไม่เห็น เพราะบางทีเรากลับดึก ถ้าแฟนมา กลุ่มนั้นก็เลิกกินกันแล้ว เราก็บอกแฟนนะเพราะมันเป็นเหตุการณ์ที่ 2 แล้วและเราก็กลัว แฟนก็บอกว่าจะเคลียร์งานและมาหาเราพรุ่งนี้ ช่วงกลางคืนแก๊งนี้เขาก็จะนั่งถึงเที่ยงคืนตีหนึ่ง ร้านค้าแถวนั้นก็จะปิดหมดแล้ว ในซอยก็เลยจะมีแต่คนกลุ่มนี้ที่นั่งอยู่ เราอยู่ที่ห้องเช่านี่มาได้ 4 - 5 ปีแล้ว และตอนนี้ก็ยังไม่เคยคิดที่จะย้ายเพราะตึกที่อยู่ตอนนี้ก็ราคาสอดคล้องกับรายได้ของเรา แต่แก๊งนี้เขาก็อยู่มานานกว่าเราอีก เราเคยคุยกับเพื่อน เพื่อนก็บอกว่าไม่เคยมีใครโดนแบบนี้ ปัญหาของน้ำวันนี้ที่อยากจะปรึกษาดีเจทั้ง 3 คนคือ เราจะรับมืออย่างไรดี? อยากได้ทางออกจากพี่ ๆ ดีเจทั้ง 3 คน’ เริ่มด้วย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าพวกเขานั่งกันอยู่ตรงนั้น แล้วถึงขั้นเดินตามแบบนี้ค่อนข้างน่ากลัว ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเรา การเข้าออกซอยถ้ามันดึก หนูอาจจะเลี่ยงด้วยการไม่เดินเข้า หรือนั่งมอเตอร์ไซค์เข้ามา แบบนี้น่าจะเลี่ยงได้ เราไม่ต้องไปปะทะ ไม่ต้องไปอยู่ให้เขาทำจนเคยชิน จนรู้สึกว่าสามารถทำอะไรกับเราได้แบบไม่ขัดขืน หรือเราเปิดอกคุยกับเขาไปเลยว่า “ขอโทษนะคะ อย่าทำแบบนี้เลยหนูเป็นผู้หญิงคนเดียวแบบนี้มันตราย หนูไม่สบายใจเลย” การที่แฟนหนูมาพรุ่งนี้ เราอาจจะขอให้เขาอยู่หลายวันนิดนึง ให้ผู้ชายกลุ่มนั้นรู้ว่าหนูมีแฟนอยู่’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เราคงต้องให้แฟนมาส่ง ถ้าเกิดเราอยู่คนเดียว ก่อนที่หนูจะเข้าไปคุยกับเขา อาจจะถามดีๆ เพื่อดูท่าทีและประเมินสถานการณ์ก่อน ถ้าเป็นคนดี เราก็พูดบอกไปว่า “หนูค่อนข้างไม่สบายใจเวลาเดินแล้วมีคนมาแซว ขอโทษจริงๆ นะคะ” แต่ถ้าคนกลุ่มนี้พูดไม่ดีเราก็หันหลังเดินกลับเลย คนพวกนี้สื่อสารด้วยไม่ได้ คุยช่วงหัวค่ำยังได้แต่ช่วงดึกไม่แนะนำ หลังจากนั้นก็เดินกับแฟนบ่อยๆ ธงสุดท้ายของเราคือการย้ายออก’ สุดท้าย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘อันดับแรกเราต้องเลี่ยงเองก่อน นั่งมอเตอร์ไซค์ตรงเข้าไปเลย หรือเลี่ยงเดินผ่านเวลาที่เขานั่งกินเหล้า ถ้าเลี่ยงไม่ได้ แนะนำธงสุดท้ายคือการย้าย ถ้าเราต้องนั่งมอเตอร์ไซค์ทุกวัน เอาส่วนต่างมาเทียบกันในแต่ละเดือนที่จะต้องจ่ายเพิ่ม 500 - 1,000 บาท หรือหาห้องดีๆ ที่ราคาใกล้เคียงกัน’เรื่องราวทั้งหมดนี้จะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App AtimeFung Fin

หนูเลิกกับแฟนมาแล้ว 3 ปี แต่ 3 ปีที่ผ่านมา เขาตามหนูไปแทบทุกที่ หนูจะไปไหน ทำอะไร ก็จะเจอเขา ไปเที่ยวกับเพื่อน เขาก็จะมาตามที่ร้าน เดินหนีไปห้องน้ำ เขาก็จะเดินตามไปดักรอหน้าห้องน้ำ บางวันมายืนรอหน้าหอ เขามาบ้านหนูจนเป็นเรื่องปกติ มาทักทายแม่

25 ก.ค. 2025

หนูเลิกกับแฟนมาแล้ว 3 ปี แต่ 3 ปีที่ผ่านมา เขาตามหนูไปแทบทุกที่ หนูจะไปไหน ทำอะไร ก็จะเจอเขา ไปเที่ยวกับเพื่อน เขาก็จะมาตามที่ร้าน เดินหนีไปห้องน้ำ เขาก็จะเดินตามไปดักรอหน้าห้องน้ำ บางวันมายืนรอหน้าหอ เขามาบ้านหนูจนเป็นเรื่องปกติ มาทักทายแม่

หนูเลิกกับแฟนมาแล้ว 3 ปี แต่ 3 ปีที่ผ่านมา เขาตามหนูไปแทบทุกที่ หนูจะไปไหน ทำอะไร ก็จะเจอเขาไปเที่ยวกับเพื่อน เขาก็จะมาตามที่ร้าน เดินหนีไปห้องน้ำ เขาก็จะเดินตามไปดักรอหน้าห้องน้ำบางวันมายืนรอหน้าหอ เขามาบ้านหนูจนเป็นเรื่องปกติ มาทักทายแม่ ทำเป็นซื้อของมาฝากอ้างว่ามาเพราะมีแมวที่เลี้ยงด้วยกัน มาหาแมวด้วย ตอนที่เรามีแฟนใหม่ แฟนใหม่เราก็เป็นคนใจเย็นไม่ได้ว่าอะไรแฟนเก่าเราคนนี้ ตอนนี้เรากลับมาโสดอีกครั้ง แฟนเก่าเราคนนี้ยิ่งเข้ามาวนเวียนในชีวิตบ่อยเกินรู้สึกไม่โอเคเลย หนูควรจะทำยังไงดีคะ? “คุณนิว (นามสมมติ)” อายุ 24 ปี เป็นสายที่ 2 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [23 ก.ค 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล - ดีเจเผือก” เกี่ยวกับปัญหาแฟนเก่าที่ตามง้อไม่เลิกแถมยังมาคุกคามถึงบ้าน อยากรู้ว่าเราควรจะรับมือกับเขายังไงดี? โดย “คุณนิว (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘แฟนเก่ายังตามง้อไม่เลิกและไม่ให้เกียรติเราเลย เราเลิกกันได้ 3 ปีแล้ว ตลอดเวลาที่เลิกกันเขาก็จะตามมาหาเราที่หอบ้าง ที่บ้านบ้าง โดยอ้างว่าซื้อของมาให้คุณแม่ คือเราคบกันแบบเปิดเผย ตอนเลิกกันก็บอกแม่ว่าเลิกกัน แต่แม่เอ็นดูเขา ช่วงเทศกาลเขาก็มาหาคุณแม่ เราก็เคยเลี้ยงแมวด้วยกัน เขาอ้างว่ามาหาแมว และก่อนหน้าที่เราจะกลับมาอยู่บ้าน ตอนนั้นเขาก็มายืนรอหน้าหอพักหลังเลิกงาน แล้วก็บอกว่า ขอเข้าไปในห้องด้วยได้ไหม เขาขอร้องเราแต่เราก็ปฏิเสธไป เหตุผลที่เราเลิกกันเพราะความ TOXIC มีปัญหาทะเลาะกัน แล้วเขาก็ขู่จะทำร้ายเราด้วย ปีแรกที่เลิกกันไป เราก็มีแฟนใหม่ แต่เขาก็ยังตามเราอยู่ แฟนใหม่เราก็ไม่โอเค แต่แฟนใหม่เราเป็นคนใจเย็น เวลาเราออกไปดื่มก็เจอแฟนเก่า ออกกี่รอบก็เจอตลอด ไม่ว่าจะกี่ร้าน บางทีเราไม่ได้เจอกับเขาโดยตรง แต่เราดันไปเจอคนรู้จักของเขา คนนั้นก็เขาก็เอาไปบอกแฟนเก่าว่าหนูอยู่ที่นี่ ในโซเชียลเขาก็จะชอบแชร์เหมือนเรายังคบกันอยู่ ทำตัวเป็นเจ้าของ หนูเลยมองว่าเขาไม่ให้เกียรติเรา แม่เราก็ไม่กล้าบอกให้เขาออกไปจากเรา เพราะเขาดีต่อกันและไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน ตอนไปเที่ยวสงกรานต์เจอคนรู้จักของเขาก็ถามถึงแฟนเก่าหนู เหมือนเขาไม่รู้ว่าเราเลิกกันแล้ว เราเจอแฟนเก่าที่ร้านเหล้าประมาณอาทิตย์ละครั้ง พอเจอกันเขาก็เดินเข้ามาในร้าน แล้วมานั่งจ้อง เพื่อนในกลุ่มก็ไม่รู้จะทำยังไงกัน เพราะเขาก็เป็นรุ่นพี่ เคยลงสตอรี่ว่าเราจบกันไปแล้วด้วย แต่เขาก็ยังชอบลงอะไรเกี่ยวกับหนู พฤติกรรมก็แปลกขึ้นเรื่อย ๆ เหตุการณ์ล่าสุด คือ ตอนเราไปดื่มกับเพื่อน เขาก็มาช่วงร้านจะปิด เขามานั่งข้างเราแล้วพยายามจะจับมือ จับแขนเรา เราก็แสดงอาการขัดขืนแต่ไม่อยากพูดหักหน้าเขา เราเลยลุกหนีแล้วเข้าห้องน้ำ ซึ่งเวลาหนูเข้าห้องน้ำ เขาก็จะตามไปยืนรอหน้าห้องน้ำ แล้วบอกว่าให้เคลียร์กันก่อน แรก ๆ เขาเคยขู่ว่าจะทำร้ายตัวเองด้วยถ้าเราไม่คืนดี เพื่อน ๆ ก็แนะนำว่าให้ลองไปบอกที่บ้านของแฟนเก่าดู เราอยากขอวิธีรับมือจากพี่ๆดีเจว่า เราควรทำยังไงอีกดี?’ โดย “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่าลองคุยกับที่บ้านเขาก่อนได้ ถ้าที่บ้านเขารับฟังเขาก็จะรู้ว่ามันเป็นปัญหา แต่ถ้าที่บ้านเขาบอกว่าจะไม่ยุ่ง สิ่งที่ต้องทำคือต้องเก็บหลักฐานการตามของเขาให้ตำรวจไว้ก่อน หรือบอกกับที่บ้านเลยว่าไม่ต้องให้เขามาแล้ว ถ้ายังเข้ามาในบ้านเราอีกก็แจ้งความ แต่ต้องเป็นช่วงที่มีคนในบ้านเยอะหน่อย เพราะเราไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรเราบ้าง’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ได้คำคำปรึกษาว่า ‘อยากจะบอกน้องผู้ชายว่ามันไม่ใช่ที่ของเราอีกแล้ว จงเป็นผู้แพ้ที่และจงเป็นอดีตที่ดีของใครสักคน ดีกว่าเราฝืนทำอะไรไม่รู้ที่ไปทำลายช่วงเวลาดี ๆ ที่เคยคบกันทำไมถึงดิ้นรนที่จะทำลายช่วงเวลาดี ๆ เหล่านั้น แล้วเราจะกลายเป็นใครสักคนที่นิวไม่อยากจะจำ บางครั้งการรออยู่เงียบ ๆ มันดีกว่า และถ้าชีวิตมันจะพัดพาให้มาเจอกันอีกก็ค่อยว่ากัน’ และสุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้คำคำปรึกษาว่า ‘คำว่าตื้อเท่านั้นที่ครองโลก ใช้ไม่ได้กับทุกคนนะ ถ้าคนที่มันเลิกแล้วผู้หญิงจะไม่ชอบผู้ชายที่ทำอะไรแบบนี้ เหมือนเป็นแม่เหล็กขั้วเดียวกันแล้วผู้หญิงจะรู้สึกว่าอยากผลักผู้ชายออกไป ถ้านิวไม่รู้จะทำยังไงให้หาใครสักคนมาเป็นแฟนใหม่ แล้วลงรูปให้รู้ว่าเรามีแฟนแล้ว ถ้าเขายังตามอีกก็แจ้งความเลย เก็บหลักฐานให้เยอะพอที่ตำรวจจะเห็นว่าเราโดนคุกคาม ไม่งั้นเขาจะไม่ตามเรื่องให้เรา หรือลองคุยกับเขาตรง ๆ เลยว่าถ้ายังไม่หยุดจะแจ้งความแล้วนะ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin#พุธทอล์คพุธโทร #พุธทอล์คพุธโทรRECAP #ดีเจเผือก #ดีเจเติ้ล #ดีเจต้นหอม #EFM94

รักแรกของหนูคบกันมา 14 ปี ดีทุกอย่างแต่จับได้ว่าเขานอกใจ เลยกลัวความรักที่ต้องหวาดระแวงเรื่องนอกใจ จนมาเจอคนใหม่ คนนี้ไม่นอกใจเลย คบมา 8 ปี มีปัญหาแต่เรื่องเงิน แฟนใหม่เหมือน มิจฉาชีพในคราบของแฟน เริ่มจาก ขโมยเงินสดในกระเป๋า แอบเข้ามือถือเข้าแอปธนาคาร

11 ก.ค. 2025

รักแรกของหนูคบกันมา 14 ปี ดีทุกอย่างแต่จับได้ว่าเขานอกใจ เลยกลัวความรักที่ต้องหวาดระแวงเรื่องนอกใจ จนมาเจอคนใหม่ คนนี้ไม่นอกใจเลย คบมา 8 ปี มีปัญหาแต่เรื่องเงิน แฟนใหม่เหมือน มิจฉาชีพในคราบของแฟน เริ่มจาก ขโมยเงินสดในกระเป๋า แอบเข้ามือถือเข้าแอปธนาคาร

รักแรกของหนูคบกันมา 14 ปี ดีทุกอย่างแต่จับได้ว่าเขานอกใจ เลยกลัวความรักที่ต้องหวาดระแวงเรื่องนอกใจจนมาเจอคนใหม่ คนนี้ไม่นอกใจเลย คบมา 8 ปี มีปัญหาแต่เรื่องเงิน แฟนใหม่เหมือน มิจฉาชีพในคราบของแฟนเริ่มจาก ขโมยเงินสดในกระเป๋า แอบเข้ามือถือเข้าแอปธนาคาร โอนเงินไปบัญชีเขาจนหมดบัญชีและที่ทำให้ตัดสินใจเลิก คือเรานั่งแต่งตัวอยู่ แฟนเดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วบอกว่า ขอนะ จากนั้นเขาก็ปลดสร้อยทองและจี้ 50 สตางค์ที่เราใส่ ไปจำนำ ทั้งๆที่สร้อยทองเส้นนี้เราเก็บไว้เป็นของมีค่าชิ้นสุดท้ายเผื่อเอาไว้ใช้ในยามจำเป็น ตอนนี้จะมีรักใหม่ ก็กลัวความรักเลย “คุณซี (นามสมมติ)” อายุ 33 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [9 ก.ค 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล - ดีเจเสนาหอย” เกี่ยวกับปัญหาเจอมิจฉาชีพในคราบคนรัก จนไม่กล้ามีความรักอีก โดย “คุณซี (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ที่ผ่านมาหนูมีความรักมาทั้งหมด 2 ครั้ง ครั้งแรกยาวนานถึง 14 ปี เริ่มตั้งแต่ช่วงม.ปลาย แต่สุดท้ายก็ดันจับได้ว่าผู้ชายคบซ้อนจึงเลิกไป ผ่านไป 4 เดือนหนูก็มีรักครั้งที่ 2 หนูได้เจอกับผู้ชายคนนึงเป็นเพื่อนของเพื่อนหนู เรามีการคุยกันแล้วถูกชะตาเลยตัดสินใจคบกัน รักครั้งนี้ก็ยาวนานถึง 8 ปีเลยค่ะ ไม่มีปัญหาเรื่องนอกใจเลย ช่วงปีที่ 1-6 เราทั้งคู่ใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างจังหวัด บ้านไม่ไกลกันมาก ต่างคนต่างอยู่ แต่เมื่อเข้าสู่ปีที่ 7 เราต่างก็อยากเติบโตในหน้าที่การงาน อยากสร้างครอบครัวด้วยกัน จึงย้ายเข้ามาอยู่ในกรุงเทพ จะได้ใช้ชีวิตด้วยกัน 24 ชั่วโมงเลย แรก ๆ เราทั้งคู่มีงาน ค่าใช้จ่ายทุกอย่างจึงหารกันไม่ได้มีปัญหา จนกระทั่งฝ่ายชายตกงาน และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาที่เกิดขึ้น เมื่อภาระทางด้านการเงินทุกอย่างตกมาอยู่ที่ตัวหนู ด้วยความที่หน้าที่การงานของหนูมั่นคงยังพอช่วยเหลือในส่วนนี้ได้ แต่หลัง ๆ หนูเริ่มสังเกตว่าเงินในกระเป๋าของหนูหายบ่อย ซึ่งก็คิดแค่ว่าอาจจะใช้จ่ายไปเองเพราะปกติไม่ค่อยนับเงินอยู่แล้ว จนได้มารู้ว่าแฟนหนูเป็นคนหยิบเงินในกระเป๋าไป แรก ๆ ก็ 2-3 พัน แต่มากสุดก็เกือบ 7 พัน หนูเลยจับเข่าคุยกันเพื่อถามถึงเหตุผล แฟนก็บอกกับหนูว่ามีหนี้สินก่อนที่เราจะคบกัน เขาพยายามหายืมทุกทางแล้วแต่ก็หายืมไม่ได้ เลยมาเลือกเราเป็นคนสุดท้าย เขาสัญญาว่าจะไม่ทำอีก ด้วยความรักก็เลยปล่อยไป เวลาผ่านไปสักใหญ่ ๆ เงินเดือนหนูออกก็เลยจะไปเปิดบัญชีดู พบว่าเงินมันหายไป จึงไล่ดูว่าเงินโอนออกไปที่ใคร กลายเป็นว่าโอนไปที่แฟนหนูเอง หนูก็ต่อว่าเขาไปเพราะเดือนนี้หนูค่อนข้างมีรายจ่ายที่รัดตัวไม่สามารถซัพพอร์ตเขาได้ เราก็พูดคุยกัน เขาบอกว่าตอนแรกเขาหาเงินมาคืนหนูได้แล้ว แต่เนื่องจากที่หนูไประบายกับเขา เขาจึงโกรธแล้วเอาเงินนั้นไปใช้ต่อ หนูก็บอกเขาไปว่าหนูไม่ไหวแล้ว เพราะเหมือนเป็นการซ้ำเติมหนูมากเกินไป หนูต้องการความไว้ใจ ครั้งแรกที่เขาเอาเงินไป หนูก็พยายามสร้างความไว้ใจขึ้นมาใหม่ แล้วมันก็พังลงไปอีกรอบ หนูก็เลยคุยกับเขาว่า “เราน่าจะอยู่ด้วยกันไม่ได้” หนูจะย้ายออกจากที่นี่ ซึ่งเขาก็ตอบกลับมาว่า “ไม่ดูการกระทำตัวเองบ้างเลยหรอ” หนูก็ย้อนคิดเลยว่าหนูทำอะไรลงไป หนูว่าหนูไม่ได้ทำอะไรผิด ค่าใช้จ่ายหนูออกคนเดียวทุกอย่าง งานบ้านอาจจะบกพร่องแต่ก็ทำดีที่สุดแล้ว เช้าวันต่อมาระหว่างที่หนูกำลังแต่งตัว เขาก็เดินมาประชิดตัวหนูแล้วบอกว่า “ขอเอาสร้อยทองหนูไปจำนำเพื่อแก้ปัญหาเรื่องเงินของเขาได้มั๊ย?” สร้อยของหนูประมาณ 50 สตางค์ หนูก็บอกว่าไม่ได้เพราะจำเป็นต้องใช้ แต่เขาก็ไม่ฟัง ถอดสร้อยหนูไป หนูร้องไห้พยายามขัดขืน แต่จู่ ๆ นึกถึงเรื่องความปลอดภัยก็เลยให้เขาถอดไป พอเขาลงไปข้างล่างหนูก็วิ่งลงไปเพื่อขอคืน แต่เขาก็ไม่ฟัง หนูกลับเข้ามาในห้อง เขาก็เดินกลับมาพร้อมกับคืนสร้อยแล้วบอกว่าขอเอาไปแค่จี้นะ เดี๋ยวส่วนต่างที่เหลือจากหนี้จะเอามาคืน หนูเลยยื่นคำขาดว่าเอาจี้ไปเลย หนูไม่เอาแล้ว และหลังจากนี้เราขาดกัน วันนี้หนูได้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่างแล้ว หนูจึงอยากจะถามพี่ ๆ ดีเจว่า หนูจะย้ายที่อยู่ไปอยู่อีกที่นึง ซึ่งต้องอยู่ตัวคนเดียวในกรุงเทพ อยากขอคำแนะนำหรือวิธีฮีลใจจากพี่ ๆ เพราะหนูก็แอบกลัวการอยู่คนเดียว กับตอนนี้หนูกลายเป็นคนกลัวความรักไปแล้ว แต่ก็ยังอยากจะมีอยู่ จะเลือกดูผู้ชายยังไงดี’ เริ่มจาก “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘การเลิกกับแฟนแล้วเฮิร์ตมันปกติมาก ๆ ถ้าไม่เจ็บสิแปลก พี่แนะนำว่าให้เปลี่ยนจุดสนใจเป็นความตื่นเต้นที่จะได้แต่งห้องใหม่ เช่น จะเอาอันนี้ไว้ตรงไหนดี? จะเอาผ้าห่มลายอะไรดี? ห้องเราไม่ต้องแชร์กับใครแล้ว อะไรที่เรารู้สึกว่าตอนใช้ชีวิตกับเขาแล้วหงุดหงิด ให้เรามองในมุมที่ดีเลยว่าจะไม่มีสิ่งนี้อีกแล้ว ลองใช้เทียนหอม ใช้โคมไฟ สร้างบรรยากาศให้ในห้องมันน่าอยู่จนเราไม่รู้สึกเหงา ให้เราใช้ชีวิตอยู่ได้ และวิธีการดูผู้ชายยังไงพี่แนะนำว่าลองจดใส่กระดาษว่าผู้ชายแบบไหนที่เราจะไม่เอา แล้วถ้าเจอใครสักคนก็ให้ใช้เวลาค่อย ๆ ศึกษาเรียนรู้ แล้วดูว่ามีข้อไหนที่ไปแตะข้อเสียของเราบ้างมั๊ย ถ้ามีก็ตัดคนนี้ออกเลย ไม่ต้องกลัวเจ็บกับความรัก มันต้องสะสมชั่วโมงบิน ให้อยู่กับปัจจุบัน ถ้ามีความสุขก็คบต่อ ถ้าไม่ใช่ก็แค่เลิก อย่ายึดติดว่าต้องแต่งงานหรือต้องมีลูกตอนอายุเท่าไหร่ คนที่ชั่วโมงบินเยอะก็สามารถล้มเรื่องความรักได้ทั้งนั้น ความรักเป็นบทเรียนที่ไม่เคยตายตัว แต่จงสนุกกับมันแต่ถ้ากลัวมากก็ลองใช้ชีวิตกับตัวเองสักพักก่อน ถึงจะเหงาแต่ก็ไม่ทำให้เราทุกข์’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่อยากให้หนูลองออกกำลังกายดู ถ้าไม่วิ่งตามสวนสาธารณะก็ลองสมัครฟิตเนสเผื่อจะได้สังคมเพื่อน หนูจะเสียเหงื่อตลอดเวลา การไปโฟกัสตรงนั้นอาจจะทำให้ลืมแฟนเก่าไปได้ อยากให้ลอง อย่างน้อย ๆ หนูก็จะสุขภาพดี แถมได้ออกมาจากสถานที่ที่ทำให้เราฟุ้งซ่านด้วย และการดูคนมันไม่มีใครรู้หรอก คนไม่ใช่สินค้า ใจคนคือที่สุดของความยากแท้อย่างถึงเลย เราไม่รู้ว่าคนที่เราเห็นตอนนี้ผ่านไปอีก 10 ปีจะยังเป็นคนดีอยู่หรือเปล่า แต่สำหรับพี่รักใครก็แค่เผื่อใจ อย่าไปคิดว่าคนนี้จะต้องตลอดไป ลองโสดดูมั๊ย มันไม่ได้แย่นะ หนูใช้ชีวิตแบบมีความรักมาโดยตลอดจนไม่รู้ว่าตัวตนเวลาโสดของเราจริง ๆ เป็นแบบไหน ซึ่งพี่ว่ามันไม่ดีเพราะมันทำให้หนูอยู่กับตัวเองไม่ได้เลย หนูไม่รู้จักตัวเองเลย’ และสุดท้าย “ดีเจเสนาหอย” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ผ่านประสบการณ์อกหักมามากมาย อาการอกหักใหม่ ๆ มันจะเหมือนการดูหนังฉายซ้ำ ภาพความทรงจำจะยังคงวนเวียนตั้งแต่เราเริ่มรักกัน ลองหาอะไรผ่อนคลายทำเช่น ฟังเพลง แต่ฟังเพลงช้าอาจจะยังไม่ได้ จะเศร้ากว่าเดิม หรือลองใช้ชีวิตกับตัวเองไปก่อน แล้วสักวันถ้ามันจะมีก็ต้องมี อย่าไปคิดว่าจะต้องเจอผู้ชายแบบไหน ลองหาแพชชั่น ทำตามแพชชั่น หันมาดูแลตัวเองให้ดูดี สร้างชีวิตที่ดี แล้วสิ่งดี ๆ จะตามเข้ามาเอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1