ผมลองย้ายมาใช้ชีวิตร่วมกันกับแฟน แต่พออยู่กันไปเรื่อยๆ ก็เข้ากันไม่ได้ จนผมได้ไปคุยกับผู้หญิงคนอื่น พอแฟนจับได้เลยบอกเลิก แต่สิ่งที่ยังติดอยู่คือ คำพูดของแฟนที่บอกว่า ข้อดีข้อเดียวของเราคือ เราไม่เจ้าชู้ ตอนนี้ Move on จากคำพูดเขาไม่ได้เลย..

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ผมลองย้ายมาใช้ชีวิตร่วมกันกับแฟน แต่พออยู่กันไปเรื่อยๆ ก็เข้ากันไม่ได้ จนผมได้ไปคุยกับผู้หญิงคนอื่น พอแฟนจับได้เลยบอกเลิก แต่สิ่งที่ยังติดอยู่คือ คำพูดของแฟนที่บอกว่า ข้อดีข้อเดียวของเราคือ เราไม่เจ้าชู้ ตอนนี้ Move on จากคำพูดเขาไม่ได้เลย..

29 เม.ย. 2025

            “คุณเอ็กซ์(นามสมมติ)” อายุ 31 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา[23 เมษายน 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหา ยังรู้สึกผิดที่นอกใจแฟน เพราะข้อดีของเราข้อเดียวที่เขาบอกคือ เราไม่เจ้าชู้

            โดย “คุณเอ็กซ์(นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ผมคบกับแฟนได้ประมาณ 6 เดือน เขาอายุประมาณ 24 ปี ในช่วง 4 เดือนแรกผมกับเขาแทบจะไม่มีปัญหาอะไร เจอกันตลอด มีไปรับไปส่งกันบ้าง จนวันหนึ่งผมรู้สึกว่าเราน่าจะย้ายมาอยู่ด้วยกัน เพราะผมอยากลองใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน และผมเองก็ยังไม่เคยได้ย้ายมาอยู่กับแฟนสักครั้ง เลยลองปรึกษาแฟนดู ซึ่งแฟนก็ตกลง เราเลยได้เลือกคอนโดที่จะไปอยู่ด้วยกัน

            แต่หลังจากนั้น 2 เดือน เหมือนเราทั้งสองคนก็ได้เห็นข้อดีข้อเสียของกันและกัน ซึ่งก่อนที่ผมจะคบกับแฟน เขาเคยพูดประมาณว่า “เขาเป็นคนพูดตรง พูดแรงนะ เธอจะรับได้ไหม” ตอนนั้นผมก็ตอบโอเคไป พอผมได้มาอยู่กับเขา ผมเจอคำพูดที่ทำให้ผมรู้สึกว่า ‘ผมไม่สมบูรณ์แบบขนาดนั้นเลยหรอ’ เช่น ผมกำลังจะย้ายงาน แล้วผมต้องการคำปรึกษา เลยไปถามเขาว่า ”เธอ เรากำลังจะย้ายงาน เรารู้สึกไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเลย รู้สึกว่าที่นี่ให้เงินเดือนประมาณหนึ่ง อีกที่ก็ให้ประมาณนี้ เราจะไปสัมภาษณ์ดีไหม“ ตอนนั้นผมก็ไม่รู้ว่าเขาอารมณ์เสียอยู่หรือเปล่า เขาก็พูดมาว่า “ทำไมเธอดูเป็นคนไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเลยเนาะ“ เขาก็พูดด้วยอารมณ์นิ่งๆ เงียบๆ ผมก็แบบงง กับคำพูดของเขา และก็รู้สึกแย่ประมาณหนึ่ง 

            แล้วผมก็จะเจอกับเหตุการณ์ประมาณนี้เรื่อยๆ เหมือนอยู่ในกรอบ มีครั้งหนึ่งที่ผมตัดสินใจที่จะซื้อโต๊ะเพื่อจะใช้วางคอมพิวเตอร์ในการทำงาน เขาก็พูดประมาณว่า “เขาไม่ชอบโต๊ะนี้ เธอพอจะเปลี่ยนโต๊ะได้ไหม” ผมก็อธิบายเหตุผลของผม เขาก็มีเหตุผลของเขา เหมือนเราหาตรงกลางกันไม่ได้ เขาก็จะพูดต่อว่า “เอางี้ไหม เดี๋ยวเขาไปอยู่ห้องอื่น เธอก็อยู่ห้องของเธอไป” หลังจากนั้นผ่านไป 2 อาทิตย์ ผมก็ได้เจอกับผู้หญิงคนหนึ่ง ผมก็ไป repire story ผู้หญิงคนนั้น แล้วก็มีการพูดคุยกันบ้าง เหมือนได้ปรึกษาเรื่องทัศนคติ ตอนแรกผมก็ตั้งใจไว้ว่าจะเป็นแค่เพื่อนกัน แต่ความรู้สึกก็เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เราก็ยังไม่เคยเจอกันเลย 

            จนมาวันหนึ่งแฟนผมก็จับได้ว่าผมนอกใจ เพราะผมเองก็ไม่ได้คิดที่จะลบแชทที่คุยกับผู้หญิงคนนั้น ซึ่งแฟนผมก็ได้ตัดสินใจที่จะบอกเลิกผม ผมก็ง้อเขาประมาณ 3 อาทิตย์ เขาก็บอกว่า เขาไม่สามารถที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม เพราะเขาไม่สามารถที่จะหาสาเหตุที่ผมนอกใจเขาได้ และคำพูดที่เขาพูดมาแล้วผมรู้สึกแย่เลยคือ “เธอรู้ไหมว่า เธอไม่ได้อยู่ในสเปคเขาสักข้อเลย แต่มันมีสิ่งหนึ่งที่เขาสามารถเอาไปบอกคนอื่นๆ ได้ ก็คือ การที่เธอมีเขาแค่คนเดียว” มันทำให้ผมรู้สึกผิด และก็ไม่ move on กับคำพูดนี้สักที 

            ผมยังรู้สึกผิดกับสิ่งที่ผมทำลงไป ผมก็รู้ว่าการนอกใจเป็นเรื่องที่ผิดมาก แล้วผมก็รู้สึกแย่ที่ผมไม่สามารถแก้ไขคำพูดของเขา หรือกลับไปเป็นคนใหม่ให้เขาเห็นได้แล้ว เพราะเราก็เลิกกันมาได้เกือบเดือนแล้ว แต่ผมก็ยอมรับกับผลรับที่ผมทำลงไป ตอนนี้ผมเลยอยากปรึกษาพี่ๆ ดีเจว่า ผมต้อง move on ยังไงกับความรู้สึกนี้ดี ที่ยังยึดติดกับเขาอยู่ครับ?

            เริ่มที่ “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ต้องใช้เวลา เพราะเพิ่งเดือนเดียวเอง ผมว่าคำหนึ่งที่ผมคิดว่ามันใช่ คือ ช่วงเวลาที่เรามีสิทธิ์ที่จะดูแล เราก็ควรที่จะใช้สิทธิ์ในการดูแลนั้นให้ดีที่สุดในฐานะคนคบกัน เมื่อไหร่ที่มันจบแล้วบางคนเขาไปเลย เขาไม่ได้ต้องการคำแก้ตัวอะไร ในคำพูดที่เขาพูด ผมคิดว่าเขามีอะไรที่ไม่ชอบในตัวคุณเอ็กซ์เยอะมาก พอได้อยู่ด้วยกัน ซึ่งเพิ่งอยู่ด้วยกันมาแค่ 2 เดือน นั้นแปลว่าในมุมของเขา เขาไม่ถูกใจในตัวคุณเอ็กซ์หลายอย่าง นั้นอาจทำให้เขาพูดจาไม่รักษาน้ำใจหรือเปล่า แต่อย่างน้อยคุณเอ็กซ์ก็เป็นแฟนที่ซื่อสัตย์ พอตรงนี้มันไม่เหลือแล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าต้องทนกับผู้ชายคนนี้ทำไม ในเมื่ออย่างอื่นก็ไม่ได้ถูกใจ สมมติในเรื่องความมั่นใจ เขาอาจจะไม่ชอบผู้ชายแบบนี้ เขาอาจจะชอบผู้ชายที่เป็นผู้นำ แต่ถ้าถามว่ามันผิดไหม มันก็ไม่ผิด บางทีถ้าคุณเอ็กซ์เจอผู้หญิงที่ชอบเป็นผู้นำ มันก็อาจจะไปด้วยกันได้ แค่ชีวิตที่ลองใช้ร่วมกันมันไม่เข้ากัน และเรื่องเดียวที่เขาคิดว่ามันดี ดันมาเจอแบบนี้ เขาก็เลยไปเลย ส่วนจะ move on ยังไง มันต้องใช้เวลา มันแล้วแต่คน บางคนอาจไปหาอะไรใหม่ๆ หรืออาจหาคนใหม่ๆ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับเวลา เวลามันก็จะค่อยๆ เยี่ยวยาไปตามสเต็ปของมัน’

            ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ที่ผ่านมามันก็เป็นแค่ช่วงหนึ่งของชีวิต มันไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต สิ่งที่คุณเอ็กซ์เจอก็ต้องรับบทเรียนไป ซึ่งมันมีราคาที่จะต้องจ่าย ของชิ้นนี้มันหลุดมือเราไปแล้ว มันไกลเกินกว่าที่มือเราจะเอื้อมถึงแล้ว ฉะนั้นอยากจะ move on  ก็ต้องทิ้งอดีต ไม่ต้องไปคิดถึงว่าทำไมเราทำแบบนั้น ทำไมวันนั้นไม่ทำแบบนี้ ซึ่งมันผ่านไปแล้ว ให้มองหาทางเลือกใหม่ที่จะเข้ามาในชีวิตเรา และถ้ามันยังเจ็บปวดอยู่ มันเป็นเรื่องของเวลา และราคาที่ต้องชดใช้ มีหนึ่งคำคมสำหรับคนที่ต้องการ move on  ถ้าเรามั่วแต่ร้องไห้ น้ำตาทุกหยด เราเป็นคนเช็ดมันเอง’

            สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เอ็กซ์ต้องยอมรับก่อนว่าสิ่งที่ตัวเองทำตอนนี้มันผิด ซึ่งมันก็มีทั้งคนผิดที่ได้รับโอกาส กับคนผิดที่ไม่ได้รับโอกาสแก้ไข ซึ่งในกรณีของแฟนคนนี้ พี่ว่าเอ็กซ์จะไม่ได้รับโอกาสแก้ไข จากนั้นก็ต้องให้อภัยตัวเอง เพื่อที่เราจะไปต่อให้ได้ ไม่งั้นเราก็นอนจมอยู่กับความรู้สึกผิดอย่างนี้ไปจนวันตาย มันไม่มีประโยชน์ ให้อภัยตัวเองเสร็จแล้วไปต่อ ถ้ามีโอกาสได้สร้างความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนใหม่ก็ต้องไม่ทำแบบนี้อีก แค่นี้พอ เอาความผิดพลาดนี้เป็นบทเรียน มีชีวิตต่อไป และทำดีกับแฟนคนต่อๆ ไป มีปัญหาก็เคลียร์กันให้จบ ไม่ใช่มีปัญหาแล้วเอาใจไปคุยกับคนอื่น’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ก่อนคบสามีเราพอรู้นิสัยว่าแม่เขาเป็นคนยังไง พอแต่งงานเข้าไปอยู่บ้านเขาได้ 1 เดือน หนูท้อง แม่สามีจับผิดทุกอย่าง ห่วงเราเกินเหตุ อึดอัดจนหนูเก็บเสื้อผ้าหนีออกจากบ้าน สามีพาแม่มาขอโทษขอให้กลับไป ตอนนี้หนูย้ายออกมาอยู่บ้านหนูแล้ว

25 เม.ย. 2025

ก่อนคบสามีเราพอรู้นิสัยว่าแม่เขาเป็นคนยังไง พอแต่งงานเข้าไปอยู่บ้านเขาได้ 1 เดือน หนูท้อง แม่สามีจับผิดทุกอย่าง ห่วงเราเกินเหตุ อึดอัดจนหนูเก็บเสื้อผ้าหนีออกจากบ้าน สามีพาแม่มาขอโทษขอให้กลับไป ตอนนี้หนูย้ายออกมาอยู่บ้านหนูแล้ว

ก่อนคบสามีเราพอรู้นิสัยว่าแม่เขาเป็นคนยังไง พอแต่งงานเข้าไปอยู่บ้านเขาได้ 1 เดือนหนูท้อง แม่สามีจับผิดทุกอย่าง ห่วงเราเกินเหตุ อึดอัดจนหนูเก็บเสื้อผ้าหนีออกจากบ้านสามีพาแม่มาขอโทษขอให้กลับไป ตอนนี้หนูย้ายออกมาอยู่บ้านหนูแล้วแต่แม่เขาอยากให้หนูจดทะเบียนสมรสกับลูกเขา “คุณเเพรว (นามสมมติ)” อายุ 28 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [23 เม.ย. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาระหว่างตัวเองกับเเม่ของสามี โดย “คุณเเพรว (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เหตุการณ์ที่หนูเจอคือปัญหาโลกเเตกระหว่างหนูกับเเม่ผัว จนตอนนี้ทำให้หนูต้องออกจากบ้านของเเฟน เเละหนีกลับมาอยู่กับครอบครัวของตัวเอง มันทำให้หนูคิดว่าหนูจะต้องกลายเป็นเเม่เลี้ยงเดียวเลยหรือป่าว ปัญหาในตอนนี้เกิดขึ้นตอนที่หนูพึ่งจะเเต่งงานกับเเฟนได้เเค่ 4 เดือน เเต่ว่าหนูท้องตั้งเเต่เดืิอนเเรกที่เเต่งงาน ช่วงเเรกๆ ความสัมพันธ์ของหนูกับเเม่เเฟนก็ยังดีอยู่เพราะหนูไม่ค่อยได้ไปนอนที่บ้านของเขา ส่วนมากจะเป็นการไปๆมาๆ มากกว่า จนเเต่งงานในเดือนเเรก เเม่ของเเฟนจะจ้องจับผิดหนูเเทบจะตลอดเวลา เช่น การหยุดงานของที่ทำงานหนู เขาจะไม่ได้มีวันหยุดเเบบตายตัว เเล้ววันไหนที่หนูหยุดเเล้วไม่ได้บอกเขา เขาก็จะเเสดงออกว่าโกรธ งอน เเต่หนูก็ไม่รู้ว่าการที่หนูหยุดงานเเล้วไม่ได้บอก มันส่งผลอะไรกับเขา เขาก็จะเป็นเเบบนี้กับหนูเเค่คนเดียว เเล้วหนูก็ไม่สามารถบอกเเฟนได้ทุกครั้ง เพราะเขาจะเอาเรื่องที่หนูบอกไปคุยกับเเม่ ทำให้เขาก็จะทะเลาะกัน เเต่ว่าก็ไม่ได้มีเเค่เรื่องนี้ อีกเรื่องนึงคือ เเม่ของเเฟนเขาจะชอบทำกับข้าวให้หนูไว้ไปกินที่ทำงาน เวลาเลิกงานกลับมาหนูก็จะบอกเขาว่า เอ่อ วันนี้อร่อยนะ วันนี้เเซ่บมาก เเต่ครั้งไหนที่หนูเหนื่อยๆเเล้วกลับมาเข้าห้องนอนเลยเเล้วไม่ได้บอกเขา เขาก็จะมาพูดกับหนูว่า วันหลังจะไม่ทำให้กินเเล้ว พอหนูเล่าให้เเฟนฟัง เเม่ของเเฟนก็จะพูดว่า ก็ไม่เห็นบอกเลยว่าอร่อยไม่อร่อยใครจะไปรู้ ใครจะไปอยากทำให้กิน เเละอีกเรื่องนึงคือ เวลาที่เป็นวันหยุด บางครั้งหนูก็จะกลับบ้านไปหาพ่อ เพราะบ้านหนูกับบ้านเเฟนอยู่ไม่ได้ห่างกันมาก เเค่ประมาณ 10 นาที เขาก็จะพูดว่า ไปอีกเเล้ว คือไปอีกละ หรือบางทีที่หนูหยุดงานนานๆ หนูจะจองตั๋วเครื่องบินเพื่อจะไปหาเเม่ ตอนเเรกเขาก็บอกว่าไปได้ เเต่พอวันถัดมา เขาก็จะมาบอกให้หนูยกเลิกเพราะเขาไปหาข้อมูลมาว่า เราท้องอยู่ไม่อยากให้ไป มันไม่ดีอะไรเเบบนั้น จนมาถึงเรื่องล่าสุดที่ทำให้หนูทนไม่ไหวคือเรื่อง ในช่วงวันสงกรานต์ หนูก็บอกเขาว่า เอ่อ หนูขอเวลาสัก 3 วันนะ หนูจะกลับไปนอนกับพ่อ ตอนเเรกเขาก็เหมือนเดิมคือ บอกว่า โอเค อยากไปก็ไปสิ พอวันถัดมา เขาก็บอกว่า เเม่ว่าหนูไม่ต้องไปดีกว่า เเม่ว่ามันนานเกินไป เเละก็จะได้ใช้เวลาครอบครัวกับบ้านนี้ด้วย เเต่คือหนูก็บอกพ่อไปเเล้ว ในความคิดของหนูคือ ถ้าเขาจะไม่ให้เราไป ทำไมเขาไม่บอกเราตั้งเเต่เเรก อีกอย่างนึงคือ ทำไมเขาไม่บอกเราเลยว่าเขาไม่ชอบอะไร ทำไมต้องให้หนูทำก่อนเเล้วค่อยมางอน ในเมื่อเขาก็เป็นผู้ใหญ่เเล้ว ในวันเเรกที่หนูหนีออกมาจากบ้านเขา เเม่เเฟนถึงขั้นที่ ตามไปดักรอหนูถึงที่ทำงานเเล้วถามว่า ทำไมหนูถึงไม่บอกเเม่ว่าจะย้ายไป จะให้เเม่ปรับตัวยังไงหนูก็บอกเเม่สิ เเต่หนูก็คือรู้ว่าเเม่เขาปรับไม่ได้เเล้ว เเละหนูก็ไม่ได้ต้องการอะไร เเค่ต้องการใช้ชีวิตคู่ของหนู หนูอยากอยู่กับเเฟน เเต่ต้องเล่าย้อนกลับไปอีกเรื่องนึง คือตอนเเรกเเม่ของเเฟนจะ บังคับให้หนูจดทะเบียนสมรสด้วย เเต่หนูก็ไม่ได้จดทะเบียน อีกเหตุผลนึงคือไม่ใช่เเค่เรื่องนิสัยของเขา เเต่เป็นเรื่องสภาพเเวดล้อมภายในบ้านด้วย คือที่บ้านจะมีกลิ่นทีิ่่อับ เหม็นสาบ เเละเขาก็จะชอบตะโกนเสียงดัง ด่ากันด้วยซึ่งมันทำให้หนูคิดภาพไม่ออกว่า เราจะเลี้ยงลูกของเราในสภาพเเวดล้อมในบ้านเเบบนี้ได้ยังไง จนในตอนที่หนูย้ายกลับมาบ้านตัวเอง เเฟนหนูก็เงียบๆไปเลย เเต่จะมีทักมาถามเรื่องลูกบ้าง ว่าถ้าเราเเยกกันอยู่เเบบนี้เราจะเเบ่งกันเลี้ยงลูกยังไง หนูก็ได้เเต่คิดว่าทำไมต้องเเบ่งกันเลี้ยงละ ลูกไม่ใช่สิ่งของ หนูสามารถที่จะเลี้ยงลูกด้วยตัวหนูเองได้ในตอนนี้ปัญหาที่หนูเจอหนูคิดว่า อาจจะเพราะเขาเเค่อยากจะเลี้ยงหลาน เพราะลูกหนูเป็นหลานคนเเรกของเขา ในส่วนของพ่อหนู เขาก็โอเคที่เราย้ายกลับมาที่บ้าน ตอนเเรกที่หนูได้เจอที่บ้านเขา ในตอนที่คบกัน 6 ปี ก่อนที่จะมาเเต่งงาน หนูคิดว่าหนูสามารถที่จะทนได้ อยากลองที่จะเปิดใจ จน 4 เดือนที่ผ่านมา หนูเริ่มท้อง หนูก็ต้องรองรับอารมณ์ตัวเอง เเต่พอมาเจออารมณ์ของเเม่เเฟนเเบบนี้หนูก็เหนื่อย หนูเลยอยากที่จะปรึกษาพี่ๆดีเจว่า คือหนูใจร้ายกับลูกหรือเเฟนมากกว่าเกินไปหรือป่าวที่ทำเเบบนี้?’ เริ่มที่ “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คือด้วยความที่ว่า พี่เอาตัวเองเป็นที่ตั้งยิ่งเป็นลูกเรา เราต้องการที่จะเลี้ยงเองในเเบบของเรา ยิ่งเป็นเเม่ผัวคือยิ่งห้ามมาวุ่นวายเลย ถ้าฉันจะให้เล่น ฉันจะให้เล่นเอง เเละถ้าฉันจะสอนลูกเเบบนี้คืออย่ามาขัด อันนี้คือตัวของพี่เพราะพี่ก็เป็นเเม่เลี้ยงเดี่ยว เเต่คือการที่มีพ่อเเม่เป็นคนเลี้ยงลูกก็จะดีอีกเเบบเพราะมี 2 ความคิดในการเลี้ยงดูเด็ก ฉะนั้นสำหรับพี่ ถ้าใครที่ทำให้เราอึดอัด เราก็จะออกมาเลย อีกอย่างเด็กอ่อนไม่ควรที่จะอยู่ในสภาพเเวดล้อมที่ไม่ดี เเละบอกกับเเฟนว่าถ้าอยากเลี้ยง ก็มาที่บ้านนี้ เอาตัวของลูกกับสุขภาพจิตของตัวเองไว้ก่อน’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘อันนี้ก็เป็นหนึ่งในสายที่ทำให้รู้ว่า เราอาจจะต้องลองใช้ชีวิตด้วยกันเเบบ 24 ชม. ก่อนที่จะเเต่งงาน ลองเรียนรู้การใช้ชีวิตคู่ก่อนที่จะตกลงเป็น สามี - ภรรยา กัน ถ้าถามว่าใจร้ายไหม สำหรับผม ผมว่าไม่ ถ้าเรามองในมุมของเเม่คนนึงที่จะปกป้องลูกในท้องจากปัจจัยหลายๆอย่างที่จะกระทบต่อการตั้งท้อง อย่างบ้านของพี่ ตอนที่กำลังตั้งท้องอยู่คนทั้งบ้านก็คือสามัคคีกันมาก เพราะไม่อยากให้มีอะไรมากระทบต่อเด็กในท้อง เพราะฉะนั้นถือว่าเเพรว เก่งมากเเละน่านับถือในความเป็นเเม่มากๆ สนับสนุนการตัดสินใจทุกอย่าง เเละที่สำคัญตัวของเเฟนคุณเเพรวก็ต้องทำอะไรสักอย่างนึงเพราะเขาก็เป็นคนกลาง’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ใจร้ายไหมกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทุกคนพูดชัดเจนได้เลยกับสิ่งที่เกิดขึ้นว่า ไม่ใจร้าย เพราะเเพรวทำเพื่อลูก เพราะลูกคือสิ่งสำคัญที่สุด ในตอนนี้ยังไม่ใจร้าย เเต่ในอนาคตที่เเฟนคุณเเพรวเริ่มพยายามที่จะจัดการ หรือเเก้ปัญหา เช่นพยายามที่จะมาหา จัดการด้วยการที่มาอยู่กับเเพรวด้วย เเละเเม่เขาก็ยังโอเค ถ้าเขาทำเเบบนี้เเล้วในตอนนั้นเเพรวยังยืนยันที่จะเป็นเเม่เลี้ยงเดี่ยว สำหรับพี่ก็อาจจะดูใจร้ายนิดนึง เเต่ถ้าเขาไม่ทำอะไรเลย เเพรวก็มีสิทธิ์เต็มที่ เพราะเขาไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ลูกเรียนอนุบาล ร้องไห้บ่อย ครูประจำชั้นเลยไลน์มารายงานความคืบหน้า คุยไปคุยมา คุณครูขอยืมแม่ 5,000 แม่เกรงใจเพราะลูกอยู่ในความดูแลของครูเลยโอนให้ และขอเพิ่มอีก 10,000 แม่บอกไม่มีแล้ว แต่จะกดบัตรเครดิตรให้

05 เม.ย. 2024

ลูกเรียนอนุบาล ร้องไห้บ่อย ครูประจำชั้นเลยไลน์มารายงานความคืบหน้า คุยไปคุยมา คุณครูขอยืมแม่ 5,000 แม่เกรงใจเพราะลูกอยู่ในความดูแลของครูเลยโอนให้ และขอเพิ่มอีก 10,000 แม่บอกไม่มีแล้ว แต่จะกดบัตรเครดิตรให้

ลูกเรียนอนุบาล ร้องไห้บ่อย ครูประจำชั้นเลยไลน์มารายงานความคืบหน้าคุยไปคุยมา คุณครูขอยืมแม่ 5,000 แม่เกรงใจเพราะลูกอยู่ในความดูแลของครูเลยโอนให้และขอเพิ่มอีก 10,000 แม่บอกไม่มีแล้ว แต่จะกดบัตรเครดิตรให้ ขอผ่อนเดือนละพันครูบอก OK แต่สิ้นเดือนมาเงียบกริบ ทำไงดีคะ? “คุณนุ๊ก(นามสมมติ)” อายุ 29 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [3 เมษายน 67] ได้โทรมาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับคุณครูที่โรงเรียนของลูกมาขอยืมเงิน ด้วยความเป็นห่วงลูกเลยให้ยืมไป... โดย “คุณนุ๊ก(นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคมปี 66 ลูกชายได้เข้าเรียนชั้นอนุบาล 1 ที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง เปิดเทอมไปได้ประมาณ 2 สัปดาห์ คุณครูประจำชั้นก็ทักมาบอกว่า “ลูกชายงอแง ร้องไห้ อยากกลับบ้าน” เป็นแบบนี้ประมาณ 1 สัปดาห์ นุ๊กก็ได้มีการปรึกษากับคุณครู คุยกันปกติว่าลูกเป็นยังไง ยังร้องไห้อยู่ไหม นุ๊กก็คุยกับคุณครูไปเรื่อย ๆ จนคุณครูจับทางเราได้ว่า เราเป็นคนที่ค่อนข้างอ่อนไหวและใจอ่อน ถ้าเป็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับลูกก็จะยอมทุกอย่าง อยู่มาวันหนึ่งคุณครูก็ทักมาว่า “คุณครูขอรบกวนหน่อยได้ไหม ครูขอยืมเงินสัก 5,00 บาท พอดีครูต้องกลับต่างจังหวัดไปทำธุระ เดี๋ยวสิ้นเดือนคืนให้” ก่อนที่จะให้ยืม นุ๊กก็มีการไปถามกับแม่ว่าจะให้คุณครูยืมดีไหม เพราะนุ๊กก็ไม่รู้ว่าคุณครูเป็นคนยังไง แม่ก็บอกว่า “คุณครูคงเดือดร้อนจริง ๆ ไม่งั้นเขาคงไม่แบกหน้ามายืมผู้ปกครองหรอก จะมีคุณครูที่ไหนมายืมผู้ปกครองเด็ก” คุณครูก็บอกให้เก็บดอกได้ แต่นุ๊กก็บอกว่าไม่เอา ขอแค่คืนตรงเวลาก็พอ แล้วนุ๊กก็โอนเงินให้ พอถึงสิ้นเดือน คุณครูก็เงียบ แต่ด้วยความที่คุณครูเป็นครูประจำชั้นของลูกชาย นุ๊กก็เกรงใจคุณครูด้วย ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงก็เลยปล่อยผ่าน นุ๊กก็คิดแค่ว่าถ้าคุณครูเขามี เขาคงคืนเอง แต่ทุกครั้งที่นุ๊กไปรับลูก ก็เจอคุณครูทุกวัน เขาก็ทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากนั้นผ่านมา 1 เดือน คุณครูก็ทักมาอีกว่า “น้องชายจะโดนยึดรถ คุณแม่ช่วยหน่อยได้ไหม 10,000 บาท” นุ๊กก็บอกว่าเงินเยอะขนาดนี้ไม่มีให้ เพราะนุ๊กรู้ว่าถ้าให้ไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะได้คืนไหม นุ๊กก็ปฏิเสธแต่คุณครูก็ไม่หยุดทักมา ทักมาทั้งวันบอกว่า คุณครูเครียด ทำไมเขาต้องเป็นแบบนี้ ทำไมเขาต้องมาเจอปัญหาแบบนี้ ซึ่งนุ๊กก็ไม่อยากมานั่งฟังปัญหาของใคร ในแต่ละวันเลี้ยงลูกกับทำงานก็เหนื่อยมากแล้ว นุ๊กก็ได้แต่บอกว่า “ไม่รู้จะช่วยยังไง ไม่รู้จะหาที่ไหน” ซึ่งนุ๊กก็หงุดหงิดตัวเองด้วยที่ต้องมาฟังอะไรแบบนี้ แต่คุณครูก็ยังไม่เลิกทักมา เหมือนกับว่าถ้านุ๊กไม่มีให้ เขาก็จะไม่เลิกทักมา ด้วยความที่เป็นครูประจำชั้นจะบล็อกก็ไม่ได้ เพราะจะต้องส่งความเคลื่อนไหวลูกชายให้เราตลอด นุ๊กก็อยากลองคุยกับคุณแม่ของเด็กร่วมห้องของลูกชาย แต่ก็ได้ไปปรึกษากับแม่ แม่ก็บอกว่าให้นุ๊กคิดดี ๆ ถ้าเอาเรื่องนี้ไปคุยกับคุณแม่ของเด็กคนอื่นจะเป็นยังไง เพราะลูกชายยังอยู่ในความดูแลของคุณครูคนนี้ มันเลยทำให้นุ๊กกลัว กลับมาคิดทบทวนอีกครั้ง แต่สุดท้ายเราก็โอนเงินให้คุณครูไปเหมือนเดิม นุ๊กก็ยอมรับว่าเป็นการซื้อความสบายใจของเรา เพราะนุ๊กก็ไม่ได้อยากมานั่งเครียดกับปัญหาชีวิตใคร แต่นุ๊กก็ได้มีการยื่นข้อเสนอไปว่า คุณครูต้องผ่อนคืนเดือนละ 1,000 บาท เพราะเงินก้อนนี้กดออกมาจากบัตรเครดิต คุณครูก็รับปาก แต่จนถึงทุกวันนี้นุ๊กก็ยังต้องมารับผิดชอบจ่ายดอกเบี้ยบัตรเครดิตอยู่ พอนุ๊กโอนเงินให้คุณครูไปแล้ว คุณครูก็จะมีการไลน์มาบอกพฤติกรรมของลูกชายเป็นการส่วนตัว แต่นุ๊กก็ไม่ต้องการให้คุณครูมาดูแลลูกเราเป็นพิเศษ อยากให้ดูแลเหมือนกับเด็กทุกคน ขอแค่ไม่ละเลยหน้าที่ความเป็นครูจากลูกเราก็พอ ระหว่างนั้นคุณครูก็ไลน์มาขอยืมเงินอยู่เรื่อย ๆ ทีละเล็กละน้อย นุ๊กก็โอนให้ แต่ก็มีที่นุ๊กลองเอาบัญชีที่เป็นชื่อของคนอื่นโอนไป และบอกกับคุณครูว่า “แม่ไม่มีแล้ว แม่หามาให้ครูได้เท่านี้ คุณครูก็ต้องคืน” เพราะยืมมาจากคนอื่น คุณครูก็คืนเงินในส่วนนี้ แต่ก็ยังไม่คืนยอดเก่าที่ยืมไป จนตอนนี้ยอดเงินที่คุณครูยืมไปทั้งหมด 30,000 บาท นุ๊กอยากจะมาระบายและอยากได้คำปรึกษาเพราะเรื่องนี้มีแค่นุ๊กกับแม่ที่รู้อยู่สองคน แต่นุ๊กพูดกับแม่มากไม่ได้เพราะว่านุ๊กรู้ว่าตัวเองเป็นคนให้เขายืมเอง จะบอกใครก็ไม่ได้ ถ้าบอกสามีเขาคงอาละวาด นุ๊กก็กลัวลูกชายมีปัญหา อยากให้ลูกเรียนอย่างมีความสุข อยากขอคำปรึกษากับพี่ ๆ ดีเจว่า จะคุยกับคุณครูยังไง จะมีวิธียังไงบ้าง? เพราะนุ๊กยังมีความเกรงใจคุณครู เรื่องที่เขาเป็นครูคนแรกที่ทำให้ลูกชายนุ๊กเขียน ก.ไก่ และอ่านออกได้ ซึ่ง “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ต่อให้คุณครูเป็นคนจับมือลูกคุณนุ๊กเขียน ก.ไก่ ได้ ก็เป็นคนละเรื่องกับการยืมเงินผู้ปกครอง ต้องบอกสามีให้ลุยแทน ถ้าเราต่อสู้ไม่ไหวก็ให้สามีไปคุย ถ้าคุยกับคุณครูไม่รู้เรื่องก็บอกว่า “ถ้าไม่อยากให้เรื่องนี้ไปถึงคุณครูคนอื่น หรือถึงผู้บริหารโรงเรียนก็เคลียร์หนี้มา แล้วมันก็จะจบอยู่แค่นั้น” เท่าที่คุณนุ๊กบอกว่าถ้าสามีรู้ บ้านแตกแน่นอน สามีคงมีพลังพอที่จะต่อสู้ได้’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คุณครูโรงเรียนอนุบาลทุกคนประเทศนี้ ในโลกนี้ ทำให้นักเรียนเขียนหนังสือและอ่านอออกได้ มันเป็นหน้าที่ที่คนเป็นคุณครูต้องทำให้นักเรียน เขาถูกจ้างมา เขาไม่ได้ทำฟรีเพื่อคุณธรรมค้ำจุนโลก คุณนุ๊กแคปหลักฐานการยืมเงินไว้แล้วให้ผอ.ดู ให้ผอ.ช่วย คุณนุ๊กยังต้องจ่ายค่าหนี้บัตรเครดิตเองก็ยื่นหลักฐานให้ผอ.ช่วยเคลียร์ เพราะคุณนุ๊กได้มีการคุยกับคุณครูแล้ว แต่ไม่มีท่าทีว่าจะคืน หรือถ้าผอ.ไม่ช่วย คุณนุ๊กก็บอกสามีและบอกกับผอ.ไปว่าถ้าเรื่องนี้ถึงสามีก็คงมาในอีกเวอร์ชั่นหนึ่ง คุณนุ๊กต้องไม่ยอมเพราะคุณนุ๊กต้องจ่ายดอกเบี้ยของบัตรเครดิต ซึ่งมันเยอะมาก แล้วทำไมเราต้องมาจ่ายให้เขาไปเรื่อย ๆ ทั้งที่คุณครูเป็นคนยืม แต่ตอนนี้เป็นห่วงทัศนคติของคุณนุ๊กมาก ๆ อยากให้คิดดี ๆ ว่าการช่วยคนอื่น เกรงใจคนอื่น จนตัวเองถูกทำร้ายเอง มันสมควรแล้วจริง ๆ หรอ ที่เราต้องเจอแบบนี้เพียงเพราะเราเป็นใจอ่อน ในสิ่งที่เราไม่ได้ทำผิด เรื่องบางเรื่องเราต้องปรึกษาคนรอบด้าน เรื่องบางเรื่องมันอาจจะไม่เกิดขึ้นตั้งแต่แล้วก็ได้’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ไลน์บอกคุณครูว่าสามีรู้เรื่องแล้ว คุณครูอาจต้องผ่อนจ่ายหรือคุณครูอาจจะต้องหาเงินก้อนมาคืน เพราะถ้าไม่ได้คืน สามีจะเอาเรื่องนี้ไปบอกผอ.ให้จัดการ ต้องเอาเรื่องให้ได้ และที่สำคัญคุณนุ๊กอย่าทำแบบนี้อีก ตรรกะผิดที่มองว่า คนไม่ดีแต่เราฝากลูกไว้กลับคนแบบนี้ ครูคนนี้ไม่ใช่ครูที่ดี ครูไม่ใช่แค่สอนเด็กในตำรา ครูต้องสอนการใช้ชีวิตเด็ก ฉะนั้นครูต้องมี Mindset ที่ดีก่อน ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้กับพี่ พี่ก็จะให้ลูกย้ายห้อง และจะบอกกับผอ.ว่าครูคนนี้มีพฤติกรรมแบบนี้ ยืมเงินผู้ปกครอง พี่จะไม่มีทางฝากลูกไว้กับครูแบบนี้แน่นอน’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

แฟนหนูคลั่งรักหนูมากเกินไป จนรู้สึกว่ารักครั้งนี้ของเราไม่เท่ากันแฟนติดสกินชิพ ตัวติดหนูตลอด แต่หนูต้องการพื้นที่ส่วนตัวบ้าง เขาก็ทำหน้าที่แฟนได้ดีไม่มีบกพร่อง ชีวิตหนูโฟกัสหลายอย่าง หนูรู้สึกผิดว่า บางทีถ้าเขาไปเจอคนที่รักเขาเท่าๆกัน

01 พ.ย. 2024

แฟนหนูคลั่งรักหนูมากเกินไป จนรู้สึกว่ารักครั้งนี้ของเราไม่เท่ากันแฟนติดสกินชิพ ตัวติดหนูตลอด แต่หนูต้องการพื้นที่ส่วนตัวบ้าง เขาก็ทำหน้าที่แฟนได้ดีไม่มีบกพร่อง ชีวิตหนูโฟกัสหลายอย่าง หนูรู้สึกผิดว่า บางทีถ้าเขาไปเจอคนที่รักเขาเท่าๆกัน

แฟนหนูคลั่งรักหนูมากเกินไป จนรู้สึกว่ารักครั้งนี้ของเราไม่เท่ากันแฟนติดสกินชิพ ตัวติดหนูตลอดแต่หนูต้องการพื้นที่ส่วนตัวบ้าง เขาก็ทำหน้าที่แฟนได้ดีไม่มีบกพร่อง ชีวิตหนูโฟกัสหลายอย่างหนูรู้สึกผิดว่า บางทีถ้าเขาไปเจอคนที่รักเขาเท่าๆกัน อาจจะดีกว่าคบกับเราก็ได้ “คุณเค (นามสมมติ)” อายุ 22 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ [30 ต.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาที่แฟนเป็นคนที่คลั่งรักเรามาก แต่เรารู้สึกว่าเราไม่ได้รักเขาขนาดนั้น เหมือนรักเรามันไม่เท่ากัน “คุณเค (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘แฟนหนูเป็นคนที่คลั่งรักหนูมาก แต่หนูไม่เคยมีแฟนมาก่อน คนนี้เป็นแฟนคนแรกของหนู แล้วหนูก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้โฟกัสเรื่องรักเท่าเขาขนาดนั้น หนูคบกับแฟนคนนี้มา 1 ปี แฟนชอบสกินชิพ ตามใจเราทุกอย่าง ไม่ว่าเราจะทำอะไร เขาไม่ต้องการอะไรจากหนูเลย เขาต้องการแค่หนูเท่านั้น หนูชอบคนดีที่ไม่เจ้าชู้ เขาก็ตรงสามสเป็คเราทุกอย่าง แต่ด้วยความที่เราติดนิสัยอยู่คนเดียว เป็นลูกคนเดียวมาตลอด รู้สึกอยากมีพื้นที่ส่วนตัวบ้าง แต่แฟนเป็นคนที่มีแฟนมาตลอด แฟนก็พยายามปรับมาตลอด เราคุยกันตลอด ส่วนตัวหนูก็ทำตัวดี ไม่ได้เจ้าชู้ ไม่ได้ไปนอกใจอะไรเขา ซึ่งนิสัยส่วนตัวเป็นคนที่ขี้รำคาญด้วย อาทิตย์นึงถ้าเขาว่าง เขาจะมาอยู่กับหนูตลอด บางทีก็จะมีจังหวะที่เวลาเราอยู่ด้วยกัน เราก็ไม่ได้คุยอะไรกันขนาดนั้น แค่รู้สึกว่ามีเขาอยู่ข้างๆก็พอ ปัญหาเล็กๆที่เกิดก็จะมีว่า เวลาเขาขอให้เราบอกรักเขาบ่อยๆ บอกรักเยอะๆ แต่หนูก็ไม่ได้อยากบอกรักบ่อยๆขนาดนั้น หนูมีความฝันเรื่องอนาคต หนูก็ยังเรียนไม่จบ ยิ่งตอนนี้ทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย มันโฟกัสหลายอย่างเกิน กลัวว่าจะมาหงุดหงิดใส่เขา เวลาที่เราเครียด ส่วนเหตุผลที่หนูเป็นคนขอเค้าเป็นแฟนก่อนก็เพราะว่า อยากรู้ว่าคนรักกันเขาเป็นยังไง? ตอนนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองก็น่าจะเป็นคนรักที่ดีได้ ก็เลยลองคบกันดู แต่พอผ่านมาก็ทำให้รู้สึกว่าหรือว่าเราควรอยู่กับตัวเอง และไปโฟกัสในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ มันเป็นความกังวลอยู่ตลอดเวลาว่าอยากจะเลิกกับเขา ถามตัวเองอยู่เรื่อยๆ ตอนที่หนูไม่สบายเขาก็ดูแลดี คือเขาดีมากๆ ไม่มีอะไรผิดพลาดเลยตอนที่เราคบกัน ถ้าให้เทียบว่าอันไหนมีความสุขกว่ากัน ระหว่างตอนที่มีเขา กับ ตอนที่คบกันอยู่แบบนี้ มันก็ได้คำตอบว่า มันมีความสุขคนละแบบ ตอนโสดมันก็อิสระดี ได้ทำอะไรในสิ่งที่อยากทำ แต่พอมีแฟน เราก็ทำหน้าที่ของเราตามปกติ ถามว่าเสียใจไหมถ้าต้องเลิกกับเขา จะตอบว่า เสียดายมากกว่า เพราะอาจจะไม่ใช่เวลาของเราก็ได้ จริงๆในความสัมพันธ์ครั้งนี้ที่คบกัน มีการคุยกันมาตลอด สื่อสารกันมาตลอดว่าตอนนี้รู้สึกยังไง แฟนก็พยายามปรับตัวเอง เพิ่ม Space ให้กันมากขึ้น เคยเลิกกันไปแล้วรอบนึง แต่ตัวเคเองก็ยังกลับมารู้สึกเหมือนเดิม ก็เลยเกิดคำถามว่า หนูควรเลิกกับเขาไหม? ในเมื่อเขาทุ่มเทให้เราขนาดนี้ แต่เรากลับไม่ได้เต็มที่ขนาดเขา อยากให้เขาไปเจอคนที่เขาให้ แล้วเขาก็ได้รับกลับ ให้เขาไปเจอคนที่ดีกว่าเราดีไหม? หลังจบคำถาม สามดีเจได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “บางทีเขาอาจจะแค่คนที่ไม่ใช่ ไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนที่ไม่ดี” เริ่มที่ “ดีเจเผือก” ให้ความคิดเห็นว่า ‘อันดับแรก ลองจับจังหวะตัวเองดีๆว่า ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนี้เป็นฮอร์โมน หรือ PMS อยู่รึเปล่า ลองไปเช็คดู ถ้ามันเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นจริงแล้วตอนนี้ แล้วยังสับสนว่าตัวเองยังมีแฟนดีไหม? แฟนคนนี้จะใช่ไหม? สิ่งที่เราทำจะทำร้ายเขาไหม? เราจะมีเวลาให้เขาพอไหม? เราจะไปหงุดหงิดใส่เขาไหม? พี่ๆดีเจทุกคนถึงบอกว่า “คนนี้เขายังไม่ใช่” เพราะถ้าใช่จริงๆ คำถามเหล่านี้ จะมีคำตอบ ซึ่งไม่มีใครรู้หรอกว่าสุดท้ายแล้วเขาใช่ไหม? บางทีเราอาจจะมารู้ตัวแล้วตอนที่เสียเขาไป ว่าจริงๆแล้วเราต้องการเขา เหมือนการทดลงคบกันครั้งนี้ พอได้มาคบกันจริงๆ มากลับกลายเป็นภาระในความสัมพันธ์ ไม่ได้มาเติมเต็มในแบบที่เคต้องการ และตัวเคเองก็ไม่ได้ทุ่มเทให้กับเขาได้ขนาดนั้น โดยสรุปก็คือควรจะคุยกับเขาแบบจริงๆจังๆ อธิบายเหตุผลเขาให้เขาใจในความรู้สึกเคทั้งหมด เคกำลังคิดในมุมของตัวเอง ยังไม่ได้ถามความคิดเห็นเขาเลย เป็นการตัดสินใจแทนเขา ซึ่งถ้าเค้าได้รับรู้ปัญหาจริงๆ มันอาจจะเจอจุดสมดุลบางอย่างที่เค้าอาจจะพร้อมปรับตัวเข้ากับเราก็ได้ ถ้าพี่พูดแบบนี้แล้วเคเองยังรู้สึกว่าเขาไม่น่าจะทำให้ได้ เคก็ต้องกลับไปถามตัวเองจริงๆแล้วว่าตัวเองพร้อมกับความสัมพันธ์ครั้งนี้จริงๆแล้วหรือไม่ ? ถ้าเปิดใจคุยกันแล้วยังไม่ใช่ ก็แสดงว่ารักครั้งนี้มันยังไม่ใช่ ลองไปคุยกันดูก่อน ไม่อยากให้มันจบด้วยการตัดสินใจเพียงฝ่ายเดียวโดยไม่ได้คุยกับเขา เพราะเขาก็เป็นคนที่มีสิทธิ์ในการรับรู้ปัญหาครั้งนี้ ความสัมพันธ์นี้ไม่มีใครผิด แค่เคลียร์ให้ชัดว่ามันคืออะไรกันแน่’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ให้ความเห็นว่า ‘เรื่องที่ว่าเขาคลั่งรัก เรื่องที่เขาชอบสกินชิพ มันคือปัญหาปลายภูเขาน้ำแข็ง พี่เพิ่งอ่านบทความเกี่ยวกับ Love Language มา เขาบอกว่า วิธีแสดงความรักของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เช่น 1.คำพูด ชอบชมแฟน 2.ทำการกระทำ 3.ให้ของ ซื้อของให้ 4.มีเวลาให้ 5.สกินชิพ ซึ่งข้อที่ 5 คือ แฟนเคกำลังทำอยู่ แต่สำหรับพี่ แต่ละคนไม่จำเป็นจะต้องมี Love Language ที่เหมือนกัน เพียงแต่ว่าถ้าเรารู้ว่าแฟนเราเป็นแบบนี้ ถ้าเรายังมีความเข้าใจซึ่งกันและกันเราก็จะไปต่อกันได้ แต่เท่าที่ดีเจเติ้ลฟังคุณเคเล่ามา รู้สึกว่าเคอาจจะมีความสุขกับการอยู่ด้วยตัวเองมากกว่า เคอาจจะไปเจอคนที่มีความรักใกล้เคียงกันกว่านี้ มันอาจจะทำให้เคมีความสุขกว่าคนนี้ เรื่องนี้ถ้าหนูรักเขามาก อินกับเขามากจริงๆ ปัญหาที่เคเล่ามา มันแทบจะไม่ใช่ปัญหาเลย มันก็เลยสรุปเป็นประโยคได้ว่า เรื่องนี้ เธอไม่ผิด แต่เธอไม่ใช่’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ก็ให้ความคิดเห็นว่า ‘รู้สึกเหมือนกับทั้งดีเจเผือก และ ดีเจเติ้ลว่า คนนี้ไม่ใช่ไม่ดี แค่เขาไม่ใช่ ดีเจต้นหอมก็แนะนำว่า ถ้าเขากำลังพยายามปรับตัวอยู่ ลองไปดูเขาในเวอร์ชั่นนี้ว่าดีไหม? แต่ถ้ายังไม่ใช่อยู่ดี ก็บอกกับเขาตรงๆ คุยกันเยอะๆ อยากอยู่ หรือไม่อยากอยู่เป็นตัวเราเอง ลองทำชีวิตให้มันง่ายขึ้น ใช่ก็คบต่อ ไม่ใช่ก็เลิกกันไป แค่นั้นเอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ผมไม่เข้าใจ! เวลาไปซื้อของที่ห้าง / สะดวกซื้อ ทีไร สิ่งที่ผมเจอคือ เวลาคนหน้าผมคิดเงินนาน – ของเยอะ พนักงานจะเปิดเค้าเตอร์คิดเงินใหม่ แต่เขาจะเรียกคนที่ 3 คนต่อคิวหลังผมขึ้นไปคิดเงินก่อน แต่ผมที่ยืนเป็นคนที่ 2 มาก่อน กลับต้องรอ เจอแบบนี้บ่อยมาก

06 มิ.ย. 2025

ผมไม่เข้าใจ! เวลาไปซื้อของที่ห้าง / สะดวกซื้อ ทีไร สิ่งที่ผมเจอคือ เวลาคนหน้าผมคิดเงินนาน – ของเยอะ พนักงานจะเปิดเค้าเตอร์คิดเงินใหม่ แต่เขาจะเรียกคนที่ 3 คนต่อคิวหลังผมขึ้นไปคิดเงินก่อน แต่ผมที่ยืนเป็นคนที่ 2 มาก่อน กลับต้องรอ เจอแบบนี้บ่อยมาก

ผมไม่เข้าใจ! เวลาไปซื้อของที่ห้าง / สะดวกซื้อ ทีไร สิ่งที่ผมเจอคือ เวลาคนหน้าผมคิดเงินนาน – ของเยอะพนักงานจะเปิดเค้าเตอร์คิดเงินใหม่ แต่เขาจะเรียกคนที่ 3 คนต่อคิวหลังผมขึ้นไปคิดเงินก่อน แต่ผมที่ยืนเป็นคนที่ 2 มาก่อนกลับต้องรอ เจอแบบนี้บ่อยมาก จนถามพนักงานว่า ทำไมผมได้ทีหลัง ทั้งๆที่ผมมาก่อน แล้วพนักงานก็เรียกผมไปคิดเงินแต่ช้าคนอื่นๆไปเลย “คุณนาย (นามสมมติ)” อายุ 34 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [4 มิ.ย. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาเรื่องการต่อคิวเข้าแถวเพื่อชำระเงินสินค้า โดย “คุณนาย (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ผมได้ไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าห้างหนึ่งที่ขายเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้าง แล้ววันนั้นมีคนมาต่อคิวหน้าผม 1 คน และต่อหลังผมอีก 3 คน แล้วคนข้างหน้ามีของค่อนข้างเยอะที่เขาต้องจ่าย พวกจาน แก้ว ประมาณ 20 ใบที่มันต้องห่อและระมัดระวัง ทีนี้คนด้านหลังผมอีก 3 คน โดนพนักงานเรียกไปให้เข้าแถวจ่ายเงินอีกเคาน์เตอร์นึง ซึ่งผมก็งงว่าทำไมไม่เรียกผม เพราะผมมาก่อน มันควรจะเรียกหัวแถวก่อนไหม ด้วยความที่ตอนนั้นผมค่อนข้างรีบ แล้วเคาน์เตอร์หลักดันมีแค่เคาน์เตอร์เดียวที่เขาเปิด เพราะเคาน์เตอร์ที่เขาเปิดเพิ่มคือเคาน์เตอร์รอง คนหลังผมมีของไม่เยอะ มีแค่ 3 - 4 ชิ้น ผมเลยสงสัยว่าแบบนี้ปกติไหม? ผมก็เลยถามพนักงานว่า “ทำไมผมได้ทีหลังครับ ทั้งๆที่ผมมาก่อน?” หลังจากผมถามเสร็จ เขาถึงเรียกผมไป แต่ก็ช้ากว่า 3 คนที่ต่อหลังผม จน 3 คนที่ต่อหลังผมเขาขึ้นรถกลับบ้านไปแล้ว บางครั้งผมก็เจอตามร้านสะดวกซื้อด้วยเหมือนกัน แล้วพนักงานเขาก็เรียกคนข้างหลังไปก่อน เท่าที่สังเกตมา ผมเจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อยมาก แล้วเป็นช่วงที่รีบด้วย มันก็อารมณ์เสียนิดนึง ผมเลยอยากถามและปรึกษาพี่ๆ ดีเจทั้ง 3 คนว่า ถ้าเราไม่มีน้ำใจเราผิดไหมครับ?’ หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวของคุณนายแล้ว ดีเจทั้ง 3 คน (ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม) ก็ให้ความคิดเห็นและคำปรึกษาไปในทางทิศเดียวกันว่า ‘ส่วนมากที่เจอพนักงานก็จะตัดท้ายแถว เพราะคนท้ายสุดรอนานแล้ว แต่จริง ๆ มันก็ผิดหลัก มันควรเอาคนที่สองมาเลย ซึ่งมันก็เป็นแบบนี้ทุกที่ ฉะนั้นเราก็ควรจะรณรงค์ว่าควรเรียกคนที่มาก่อน อย่าตัดท้ายแถว’ ทางด้าน “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมอีกว่า ‘สิ่งที่คุณนายพูดดูมีเหตุและผล มันไม่เคยมีใครรู้สึกเสียเปรียบกับเรื่องพวกนี้ ใครที่ทำงานด้านบริการ แล้วกำลังจะเปิดอีกเคาน์เตอร์นึงเพื่อให้ลูกค้ามาชำระสินค้า ให้เรียกคนที่มาก่อน “First come First Serve ใครมาก่อนต้องได้รับบริการก่อน” สุดท้ายคือ จริง ๆ แล้วเขาก็ไม่ได้ผิดหรอก แต่มันคือวิถีที่ทำตามกันมา มันไม่มีใครลุกขึ้นมาบอก ซึ่งรวมถึงการที่เราไม่มีน้ำใจมันก็ไม่ใช่สิ่งผิดเหมือนกัน เพราะมันคือการรักษาสิทธิ์ตัวเองตามลำดับก็เท่านั้นเอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1