ผมตาม Onlyfans อยู่ช่องนึง เค้าลงคลิป Collab กับอีก Channel เห็นภาพปกคลิปแล้ว เอ๊ะ... หน้าคุ้นๆ จมูกเอย ทรงผมเอย ทำไมเหมือนหัวหน้าเลย พอเขาหันหน้ามา สรุปใช่เลย! เลื่อนๆดูจนจบแล้วรีบปิด ตอนนี้กลัวเจอหน้าหัวหน้าแล้วจะโป๊ะ ทำตัวเลิ่กลัก

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ผมตาม Onlyfans อยู่ช่องนึง เค้าลงคลิป Collab กับอีก Channel เห็นภาพปกคลิปแล้ว เอ๊ะ... หน้าคุ้นๆ จมูกเอย ทรงผมเอย ทำไมเหมือนหัวหน้าเลย พอเขาหันหน้ามา สรุปใช่เลย! เลื่อนๆดูจนจบแล้วรีบปิด ตอนนี้กลัวเจอหน้าหัวหน้าแล้วจะโป๊ะ ทำตัวเลิ่กลัก

24 พ.ค. 2024

            “คุณเบล (นามสมมติ)” อายุ 38 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [22 พ.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาเจอคลิป OnlyFans ของหัวหน้าโดยบังเอิญ

            โดย “คุณเบล (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ผมพึ่งย้ายที่ทำงานมา ตอนนี้กำลังฝึกงานอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่งอยู่ และทางบริษัทก็ให้หยุดงาน 2 วัน ซึ่งวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะได้หยุด ผมเป็นคนที่ชอบเล่นแอป x มาก ก็คือจะเล่นเป็นประจำ ชอบดูชอบเสพคลิป 18+ ในแอปนี้นิดนึง ผมจะมีหลายแอคเค้าท์ที่ชื่นชอบ แต่ก็จะมีแอคเคาท์หนึ่งที่จะชื่นชอบมากเป็นพิเศษ ผมติดตามผลงานของแอคเค้าท์นี้มาตลอด

            แต่ว่าล่าสุด แอคเค้าท์นี้ได้ปล่อยคลิปวิดีโอ 18+ คลิปหนึ่ง ลงแอป x สิ่งที่ผมเห็น ณ ตอนนั้นก็คือเป็นภาพนิ่ง เพราะยังไม่ได้กดให้คลิปวิดีโอเล่น จะเรียกว่าเป็นปกคลิปวิดีโอก็ได้ แล้วก็จะมีคำบรรยายข้างบน ตาสองข้างของผมได้ไปสะดุดตากับผู้ชายคนหนึ่ง ที่อยู่ในรูปปกคลิปวิดีโอนั้น ผมก็รู้สึกคุ้นหน้าผู้ชายคนนั้นมากๆ ทรงผมก็ใช่ จมูกก็ใช่ มันเหมือนกับคนๆ หนึ่งที่ผมรู้จัก ผมก็เลยกดเข้าไปดูที่คลิปวิดีโอนั้น พอเปิดดูคลิปเท่านั้นแหล่ะ!! ผู้ชายที่อยู่ในคลิปนั้นคือ “หัวหน้าผม” ซึ่งหัวหน้าผมเขามี OnlyFans อีกอันหนึ่ง แต่คลิปวิดีโอนี้หัวหน้าผมน่าจะมา Collabs กับคนที่ผมชื่นชอบและติดตามอยู่

            ต้องขอบอกเลยว่า ผมดูคลิปวิดีโอนั้นจนจบแต่เป็นการดูแบบ เขยิบๆ ปกติเวลาดูคลิปพวกนี้ผมก็จะมีการทำกิจกรรมบนเตียงต่อ แต่พอดูคลิปนี้เสร็จผมงงมาก จนถึงเมื่อเช้าทำให้กิจกรรมบนเตียงของผมไม่เคลื่อนที่เลย ซึ่งผมก็เข้าใจเพราะมันเป็นเรื่องปกติมาก แล้วมันก็เป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคล ผมแค่รู้สึกไม่มั่นใจว่า ถ้าพรุ่งนี้ผมเจอเขาหลังจากที่หยุดงานมา 2 วัน กลัวว่าตัวเองจะทำหน้าเลิ่กลั่ก และกลัวตัวเองไม่เหมือนเดิม เพราะว่าผมเคยมีประสบการณ์คลิปวิดีโอหลุดของเพื่อนเมื่อสมัยเรียน พอผมได้เห็นผมก็รู้สึกว่าสิ่งที่เราเคย มองคนๆ หนึ่งไว้ ก็คือคนนี้เป็นเพื่อนเรา คนนี้เป็นหัวหน้างานเรา พอเราไปเห็นมุมมืดของเขา เราก็เลยรู้สึกดิ่งกลัวว่าตัวเองจะมีอาการเปลี่ยนไป?

            ซึ่ง “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่าต้องถามตัวเบลเอง ว่าเบลรู้สึกยังไง เหมือนเบลก็ยังตอบไม่ถูกว่าตัวเองรู้สึกยังไง พี่ว่า ไม่ควรรู้สึกอะไรมากมาย แล้วไอ่ความตกใจ! ไอ่ความเฮ้ยยย! มันก็คงจะมีบ้าง เวลาเจอกันก็ทำตัวปกติ นิ่งๆ ไว้ เพราะเราก็ดันดูคลิปวิดีโอนั้นจนจบด้วย คือถ้าช็อกตกใจจริงก็คงไม่ดูจนจบหรอก’

            ต่อด้วย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ปีนี้ 2024 แล้ว เบลไม่ต้องอะไรทั้งสิ้น เพราะว่าถ้าเบลบอกว่าเห็นคลิปวิดีโอนั้น แล้วมันจะทำให้เบลรู้สึกว่า เฮ้ยยยย! คุณค่าของเขาลดลงมันก็ไม่เกี่ยวกัน อันนี้พี่บอกในบริบทที่มันเป็นปี 2024 แล้ว มันไม่เกี่ยวแล้วอ่ะ แล้วพี่ก็รู้สึกว่า ถึงแม้ว่าเบลจะเก็บอาการไม่อยู่ ทำหน้าเลิ่กลั่ก เขาก็ไม่มีปัญหาหรอก เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าฟีดแบคจะเป็นยังไงถ้ามีคนไปเห็น อันนี้มันคือ OnlyFans เขายินดีที่จะให้คนเห็น เพราะฉะนั้นเบลจะเป็นยังไงมันก็เป็นเรื่องของเบล เขาไม่แคร์อยู่แล้วพี่ว่า’

            สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่เผือก พี่เติ้ล พูดเหมือนกันไปหมดแล้ว ว่าเฉยๆ  ไม่มีผลอะไรทั้งนั้น แต่ขอไว้อย่างหนึ่งนะเบล อย่าเอาเขาไปจินตนาการแล้วไปทำกิจกรรมบนเตียงมันใกล้ตัวเกินไป อันนี้มันจะทำให้มองหน้ากันไม่ติดยิ่งกว่าเดิมอีก’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

มันปกติไหมคะ? การที่ HR บริษัทใหม่ที่เราไปสัมภาษณ์ ขอสลิปเงินเดือนที่เก่าเรา เพื่อเทียบดูว่าจริงตามที่เราสัมภาษณ์ไหม พอดีว่าตอนสัมภาษณ์หนูพูดโกหกอัพเงินเดือนตัวเองให้สูงขึ้น เพื่อให้ที่ใหม่ให้สูงกว่า สัมผ่าน 2-3 รอบแล้ว

11 ต.ค. 2024

มันปกติไหมคะ? การที่ HR บริษัทใหม่ที่เราไปสัมภาษณ์ ขอสลิปเงินเดือนที่เก่าเรา เพื่อเทียบดูว่าจริงตามที่เราสัมภาษณ์ไหม พอดีว่าตอนสัมภาษณ์หนูพูดโกหกอัพเงินเดือนตัวเองให้สูงขึ้น เพื่อให้ที่ใหม่ให้สูงกว่า สัมผ่าน 2-3 รอบแล้ว

มันปกติไหมคะ? การที่ HR บริษัทใหม่ที่เราไปสัมภาษณ์ ขอสลิปเงินเดือนที่เก่าเราเพื่อเทียบดูว่าจริงตามที่เราสัมภาษณ์ไหม พอดีว่าตอนสัมภาษณ์หนูพูดโกหกอัพเงินเดือนตัวเองให้สูงขึ้นเพื่อให้ที่ใหม่ให้สูงกว่า สัมผ่าน 2-3 รอบแล้ว สุดท้ายแล้วหนูก็ตัดสินใจทำงานที่เก่า “คุณกิ่ง (นามสมมติ)” อายุ 26 ปี สายที่สองในรายการพุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [8 ต.ค.67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาออฟฟิศ ทำงาน โดย “คุณกิ่ง (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ตอนนี้กิ่งมีงานปัจจุบันทำเกี่ยวกับโปรเจกต์ ควบคู่กับเซลล์ รับลูกค้าด้วย ซึ่งทำงานที่นี่มา 2 ปีกว่าแล้ว ก่อนหน้านี้กิ่งเคยทำ marketing มาก่อน ในตอนที่สัมภาษณ์งานที่นี่ ตอนนั้นกิ่งอายุ 24 ปี และขอฐานเงินเดือนไปก็ได้ตามที่คาดหวังไว้ จนเวลาผ่านไปเราคิดว่าทักษะการทำงานเรามากขึ้น ได้รับลูกค้าหลายเจ้า ได้ประสบการณ์มากขึ้น เลยรู้สึกว่าตัวเราเองเริ่มทำงานเกินเงินเดือนแล้ว ควรได้รับค่าตอบแทนที่มากกว่านี้หน่อย ด้วยงานที่มันเริ่มโหลด และภาระการเดินทางจากบ้านไปที่ทำงานวันละ 70 กิโล ด้วยระบบองค์กรที่บริษัทเราที่มีการปรับเงินเดือนรอบละไม่เกิน 3 – 5 % ในการปรับเงินเดือน มันเล็กน้อยมาก เลยรู้สึกว่าไม่พอสำหรับค่าครองชีพที่เป็นอยู่ จนเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมามี HR บริษัทที่ใหม่ ซึ่งองค์กรนั้นเป็นองค์กรลักษณะเดียวกันกับที่เราทำอยู่ปัจจุบัน เขาโทรมาแล้วบอกว่าเห็น RESUME ของเราในเว็บออนไลน์ เขาแจ้งว่า พวกคุณสมบัติ ประสบการณ์เราดูตรงกับตำแหน่งที่เขาต้องการอยู่ เราก็ตอบตกลงสัมภาษณ์กับทางบริษัทนั้นไป หลังจากนั้นทาง HR คนนั้นเขาก็ขอให้เราอัปเดตเอกสาร RESUME โดยให้ระบุเงินปัจจุบัน แล้วก็เงินเดือนที่คาดหวัง เราก็เอ๊ะนิดนึง ด้วยความที่เราไปสัมภาษณ์มาหลายที่แล้ว สิ่งที่เราเจอมาตลอดคือเขาจะถามแค่เงินเดือนที่เราอยากได้ ไม่เคยเห็นที่ถามเงินเดือนปัจจุบันมาก่อน เราคิดว่ามันมีข้อเสียที่ว่าถ้าเราบอกเงินเดือนจริงเขาไปแล้ว เขาจะกดเงินเดือนที่เราเรียกกับที่ใหม่ไปมั้ย? เราก็กลัวว่าไปทำงานที่ใหม่ เงินก็จะขยับไม่เยอะ ปกติสมัยนี้ถ้าเราย้ายที่ทำงานใหม่ ถ้าไม่ได้มี skill จริงๆ เขาคงไม่ได้ให้มากกว่าที่เดิม แต่ทางบริษัทใหม่เขาเสนอกับเราว่าอยากให้เงินเดือนเรามากกว่าที่เราต้องการ แต่เขาขอเอกสารเงินเดือนเก่าไปรีเช็คก่อน ซึ่งตอนที่เราโกหกเงินเดือนปัจจุบันของเรากับเขาไปตั้งแต่แรกแล้ว สุดท้ายเราก็โทรหา HR คนนั้นว่าเราขอปฏิเสธไป เพราะคิดว่าตัวเองยังไม่พร้อมกับที่ใหม่ ยังอยากอยู่กับที่เก่า ตัวเรายังไม่เหมาะด้วย เลยอยากรู้ว่าถ้าจะไปทำงานที่ใหม่ เราต้องยื่นฐานเงินเดือนที่เก่าด้วยมั้ย?เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย... สาวออฟฟิศอึดอัดใจ เพื่อนร่วมงานนับสิบ ทำตัวแปลกๆ ชอบ ‘จับจิ้น’ ให้คนนี้คู่กับคนนู้น คนนู้นคู่กับคนนี้ โดยไม่สนเลยว่า ‘ทั้งคู่ก็ต่างคนต่างมีครอบครัวแล้ว’ ชงไปมา สุดท้ายลงเอยด้วยการนอกใจ แอบคบกัน

11 ก.ย. 2023

ไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย... สาวออฟฟิศอึดอัดใจ เพื่อนร่วมงานนับสิบ ทำตัวแปลกๆ ชอบ ‘จับจิ้น’ ให้คนนี้คู่กับคนนู้น คนนู้นคู่กับคนนี้ โดยไม่สนเลยว่า ‘ทั้งคู่ก็ต่างคนต่างมีครอบครัวแล้ว’ ชงไปมา สุดท้ายลงเอยด้วยการนอกใจ แอบคบกัน

ไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย... สาวออฟฟิศอึดอัดใจ เพื่อนร่วมงานนับสิบทำตัวแปลกๆ ชอบ ‘จับจิ้น’ ให้คนนี้คู่กับคนนู้น คนนู้นคู่กับคนนี้โดยไม่สนเลยว่า ‘ทั้งคู่ก็ต่างคนต่างมีครอบครัวแล้ว’ ชงไปมาสุดท้ายลงเอยด้วยการนอกใจ แอบคบกัน พอเราเห็นแบบนี้แล้วอึดอัดรู้ว่าเป็นคนนอก แต่จะมองข้ามเรื่องนี้ยังไงดี? เพราะต้องทำงานร่วมกัน “คุณเตย (นามสมมุติ)” อายุ 30 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (6 ก.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก -ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอมกับปัญหาที่ทำงานชอบจับคู่จิ้นให้คนอื่น โดย “คุณเตย (นามสมมุติ)” เริ่มเล่าว่า ‘ตอนนี้เป็นพนักงานบริษัท แล้วต้องย้ายสาขาไปอยู่อีกที่สาขานึง พอเราย้ายเข้าไปก็เจอวัฒนธรรมการจับคู่จิ้น แซว ชง โดยที่คนแซวก็ไม่ได้สนว่าคนที่จับคู่ เค้าจะแต่งงานแล้ว มีครอบครัว หรือแบบว่ามีแฟนอยู่แล้ว อย่างล่าสุด มีน้องผู้ชายคนนึงเพิ่งเข้ามาใหม่ คนในบริษัทก็ถามน้องผู้ชายว่า ‘น้องผู้หญิงคนนี้น่ารักไหม? ถ้าน่ารักก็จีบสิ’ แต่คนในบริษัทก็รู้ว่าน้องทั้ง 2 คนต่างก็มีแฟนกันอยู่แล้ว และไม่ได้เป็นคนเดียวที่ชอบชง ชอบแซว แต่เป็นกันทั้งแผนก ส่วนน้องที่ถูกชงตอนแรก ๆ ก็ปฏิเสธ ‘พี่ก็อย่าแซวสิ’ สุดท้ายไม่รู้ว่าไปชงกันถูกมุมหรืออะไรยังไง จนน้องทั้งคู่ลงเอยด้วยการนอกใจแฟนของตัวเอง มามีความสัมพันธ์กันจริง แต่เราเองก็ไม่รู้ว่าคนที่ชงรู้สึกยังไงกัน รู้แต่ว่าตอนนี้สถานการณ์พวกเค้าก็เฮฮา ยังชง ยังแซวกันอยู่เรื่อย ๆ เราก็ไม่ได้ไปสุงสิงอะไรกับพวกเค้า แต่เวลาทำงานมันต้องอยู่ในห้องเดียวกัน ก็จะมีพวกคำทะลึ่ง คำส่อเสียดที่แบบว่า พูดกันไปไม่คิดถึงจิตใจแฟนของคนที่โดนแซว โดนจิ้นบ้างเลย คือในสถานการณ์นี้เรารู้ว่าเราเป็นคนนอก แต่เราก็มีความรู้สึกที่ควรจะให้เกียรติถึงแม้จะเป็นคนไม่รู้จักกันก็ตาม อยากจะได้คำแนะนำว่าเราจะมองข้ามเรื่องนี้ยังไง คือเราต้องทำงานในห้องเดียวกับพวกเค้า ทุกวันนี้พยายามแล้วที่จะช่างมัน คิดว่าเรามาทำงานหาเงิน แต่มันก็อึดอัดที่ต้องอยู่ท่ามกลางคนพวกนี้…. งานนี้ “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘มันอยู่ที่ความอึดอัดนั้นมันทำให้เรายังมีแรงลุกไปทำงานหรือเปล่า? คือเรื่องพวกนี้มันส่งผลกระทบต่อจิตใจแต่ละคนไม่เท่ากันนะ บางทีคนนึงฟังอาจจะรู้สึกก็ช่างมันดิ ใครมันจะบิ้ว จะปีนต้นงิ้วก็ไปเถอะ เราก็ก้มหน้าก้มตาทำงาน หาหูฟังสักอัน ฟังเพลงไป บางคนอาจจะรู้สึกแค่นั้นก็พอแล้ว แต่กับเตยอาจจะรู้สึกว่า คำพูดคำจาที่บิ้วกันมา ไม่ได้แคร์ศีลธรรมเลย มันทำให้เตยอึดอัดถึงขนาดที่ว่าไม่มีสมาธิทำงานเลยหรือเปล่า หรือกระทบอะไรขนาดไหน อันนี้เตยก็ต้องตอบตัวเองก่อน ถ้าถึงขั้นทำให้อึดอัดแล้วก็ไม่มีความสุขเลย กับการที่ต้องไปนั่งในแผนกนั้นก็หางานใหม่ สุดท้ายแล้วเราไม่ได้ศีลเสมอหรือมีภูมิต้านทานเรื่องตรงนี้ไม่พอ หรือถ้าเรื่องเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับชีวิตเรา ก็รู้สึกว่าช่างเค้า ใครจะดีจะชั่วก็ดูไว้ แล้วเราก็อย่าไปเป็นแบบคนพวกนั้น หน้าที่ของการไปทำงาน พื้นฐานก็คือ การไปทำงาน หารายได้เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง อันดับที่สองก็คือการเข้าสังคม ซึ่งถ้าสังคมนั้นมันไม่ใช่สังคมที่เราอยากจะไปเข้า เราก็จงหาแต่เงินแล้วก็กลับบ้าน’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘สำหรับพี่ หนึ่งอดทน สองหางานใหม่ อะไรง่ายกว่ากันก็เลือกอันนั้นเลย ถ้ารู้สึกหางานใหม่ยาก แล้วหางานใหม่มีโอกาสที่จะเจอคนไม่ชอบด้วยนะ พี่ยังรู้สึกว่าเคสนี้ยังเบานะ เคสอื่นๆ คือกระทบเข้ามาสู่ตัวเองเลย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ได้กระทบเตย เค้าแค่เป็นคนอีกประเภทที่เตยไม่ชอบ วิธีการยังพอใส่หูฟังได้ แล้วก็คนเราเจอคนร้อยพ่อพันแม่ตลอด ที่เข้ามาแล้วทำอะไรไม่ถูกใจเรา มันคือความแตกต่าง ซึ่งการที่เราไม่ชอบ เราสามารถละได้โดยการช่างมัน สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ชีวิตใครชีวิตมัน ส่วนคู่นั้นที่นอกใจแฟน เดี๋ยวชีวิตมันพังเอง ชีวิตรักที่มันไม่ซื่อสัตย์โอกาสที่จะได้รักที่ดีมันยากอยู่แล้ว มันคือชีวิตเขา แค่เขาไม่มายุ่งกับเราคือพอแล้ว ต่อให้ลาออกไป ก็ตอบไม่ได้ว่าเราจะเจอใครที่ไม่ชอบอีก ฉะนั้นสิ่งที่ฝึกเราได้ก็คือ พวกนี้ยังเบา ช่างมัน ปล่อยวาง อยู่ห่างๆ ไม่ชอบก็คือไม่คบ คุยได้แต่ไม่คบ ไม่ต้องถึงขั้นไม่คุย โกรธเขา เพราะจะทำให้เราเครียดแทน’ ปิดจบกันที่ “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่เพิ่งไปอ่านหลักที่จะทำให้ชีวิตมีความสุขแบบง่าย ๆ เค้าบอกถ้าเจอเหตุการณ์ที่ไม่ถูกใจ หนึ่งเปลี่ยนเค้า เปลี่ยนสิ่งที่เราไม่ถูกใจ ซึ่งในกรณีนี้เตยเปลี่ยนเค้าได้ไหม? ก็ไม่ได้เพราะเราไม่สามารถไปบอกเค้าได้ว่า “พี่คะรณรงค์อย่าพูดเรื่องที่ทำให้ทุกคนผิดศีลธรรม น้องเค้ามีแฟนอยู่แล้วทำแบบนี้ไม่ดี” เราพูดไม่ได้ แต่กรณีนี้เราทำได้คือ ปรับตัวเอง เตยต้องช่างมัน แต่พี่เข้าใจนะแง่ศีลธรรม แต่ถ้ามันยังไม่ได้มาลุกลามพื้นที่สิทธิของเรา ลองพิจารณาพวกเค้าเป็นบัว 4 เหล่าไปเลย มันต้องมีคนที่ไม่รู้อยู่แล้ว ลองพิจารณาว่าคนเรามันก็แค่นี้ เราก็อย่าไปทำเหมือนเค้า เราดูเป็นเยี่ยงอย่าง ถ้าเป็นเราจะไม่ทำแบบนี้ แต่ถ้าสุดท้ายยังทนไม่ไหว มันก็ยังมีข้อสุดท้ายคือ เดินออกมา แค่นี้ชีวิตจะมีความสุขได้ง่ายขึ้นเมื่อเจอปัญหา….’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

เมื่อก่อนผมไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง จนผมเล่นฟิตเนสแล้วภูมิใจกับหุ่นตัวเองตอนนี้มากๆ เลยถ่ายรูปลงโซเชียล แต่แฟนผมไม่เข้าใจ เหมือนเขาบอกเราโพสเรียกแขก จะทำยังไงให้แฟนเข้าใจดีครับ? ที่ถ่ายลงก็อยากสร้างแรงบัลดาลใจให้คนอื่นๆด้วย

27 ก.พ. 2024

เมื่อก่อนผมไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง จนผมเล่นฟิตเนสแล้วภูมิใจกับหุ่นตัวเองตอนนี้มากๆ เลยถ่ายรูปลงโซเชียล แต่แฟนผมไม่เข้าใจ เหมือนเขาบอกเราโพสเรียกแขก จะทำยังไงให้แฟนเข้าใจดีครับ? ที่ถ่ายลงก็อยากสร้างแรงบัลดาลใจให้คนอื่นๆด้วย

“คุณแบงค์ (นามสมมติ)” อายุ 29 ปี สายสุดท้ายในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [21 ก.พ 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจอ้อย นภาพร เกี่ยวกับปัญหาชีวิตคู่ โดย “คุณแบงค์(นามสมติ)” ได้เล่าว่า ‘ผมกับแฟนเป็นคู่รัก LGBTQ+ ที่คบกันมาประมาณ 3 ปีกว่า ๆ ซึ่งตอนแรกที่ผมคบกับแฟน ผมเป็นคนออกกำลังกายอยู่แล้ว แต่ไม่มั่นใจในตัวเอง เลยไม่ค่อยได้ลงรูปอวดหุ่นลงโซเชียล จนมาถึงช่วงหลัง ๆ ผมเริ่มมีความมั่นใจในหุ่นตัวเอง ก็ได้มีการลงรูปอวดหุ่นบนโซเชียลมากขึ้น จึงทำให้แฟนผมมองว่า ผมเริ่มเปลี่ยนไปจากช่วงแรกที่คบกัน เป็นการลงโปรโมทตัวเองหรือเปล่า ผมก็ได้มีการถามกับแฟนไปว่า “จะให้ผมเลิกเล่นโซเชียลเลยหรือเปล่า” แต่แฟนผมก็มองว่า “มันคงเป็นการจำกัดสิทธิ์ผมเกินไป” ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะต้องทำยังไง ซึ่งผมก็เอาชื่อแฟนมาใส่บนไบโอไอจี และลงรูปกับแฟนในสตอรี่ปกติ แต่รูปที่ผมลงอวดหุ่นก็จะมีคนอื่นมาแซว และส่งข้อความมาหา แฟนผมเห็นแล้วก็จะมาถามผมว่า คนนี้ใคร เวลาที่แฟนหึงก็จะนิ่งไป ผมจึงอยากถามว่า ผิดไหมที่ผมลงรูปอวดหุ่นบนโซเชียล?’ งานนี้ “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาเป็นคนแรกว่า ‘ต้องให้แฟนทำความเข้าใจก่อนว่า เป็นเรื่องธรรมชาติของคนที่ออกกำลังกาย ที่จะหลงใหลในการเปลี่ยนแปลงของร่างกายตัวเอง อุส่าห์มีวินัยในการออกกำลังกายกี่วันต่ออาทิตย์ วินัยในการเลือกกิน เมื่อส่งผลดีต่อร่างกาย มีกล้ามก็จะส่องกระจกบ่อยขึ้น และจะถ่ายรูปลงโซเชียลมากขึ้น เพราะนั้นคือผลลัพธ์ของการพยายาม ก็อยากให้แฟนคุณแบงค์เบาใจขึ้นนิดนึง เพราะคนส่วนใหญ่เขาก็เป็น ส่วนปัญหาที่ว่าคุณแบงค์ลงรูปกับแฟนแค่ในสตอรี่ ก็อยากให้ลงเป็นโพสต์มากขึ้น ทำให้แฟนรู้สึกว่ามีเขาอยู่ ที่ยังเป็นเจ้าของกล้ามอันนี้อยู่ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ที่จริงแล้วมันเป็นสิทธิ์ของคุณแบงค์ ที่จะลงหรือไม่ลง ส่วนคนที่จะนอกใจ จะลงรูปหรือไม่ลงรูป ยังไงก็นอกใจ ด้วยความที่คุณแบงค์มีกล้ามแล้วดูดีขึ้น ก็อาจจะทำให้แฟนหวง ยิ่งพอลงรูปแล้วมีคนส่งข้อความมาหา คนที่เป็นแฟนคงรู้สึกว่ามันจะยังไงและยังคงเป็นเหมือนเดิมไหม หรือยังจะรักกันเหมือนเดิมหรือเปล่า สิ่งที่จะทำให้แฟนรู้สึกสบายใจขึ้นก็คือ ต้องลงรูปคู่กับแฟนบ้าง เพราะอย่างน้อยจะได้บอกกับชาวโลกว่า คุณแบงค์ไม่ได้โสด ถ้าทำแบบนี้ก็อาจจะทำให้แฟนรู้สึกสบายใจขึ้น ถ้านอกเหนือจากนี้คุณแบงค์ก็ต้องทำให้แฟนเห็นว่าจะลงรูปยังไง คุณแบงค์ก็ไม่มีทางนอกใจแฟนแน่นอน สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับการกระทำด้วยว่า ยังไงก็ไม่นอกใจเขาแน่นอน’ สุดท้าย “ดีเจพี่อ้อย” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เราต้องมีทัศนคติอันนี้ก่อนว่า ดีจังเลยที่แฟนยังหึงเราอยู่ เพราะถ้าเราไม่มีความสำคัญต่อใจเขาแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องหึง จะทำอะไรก็ทำเลย เพียงแต่ตอนนี้พี่อ้อยอยากให้แบงค์แก้ปัญหาให้ตรงปัญหา อย่าแก้ปัญหาด้วยการไปตีฟูปัญหา เช่น “งั้นจะไม่ให้ลงเลยไหมละ” ซึ่งมันไม่ถึงขั้นนั้น แฟนก็อยากให้คุณแบงค์มีความสุขในการใช้โซเชียล แต่แฟนคงเป็นห่วงว่าจะมีคนอื่นเข้ามายุ่งในความสัมพันธ์เราไหม วิธีเดียวที่จะแก้ปัญหาได้ คือคุณแบงค์ต้องสร้างความมั่นใจให้กับแฟน เช่น เวลาลงรูปก็ถามแฟนว่า “แฟนไม่สบายใจกับรูปไหนหรือเปล่า ทำไมหรอ แต่เราภูมิใจนะที่เธอหวง จริง ๆ แล้วที่เราลงรูปไปเพราะเป็นความภาคภูมิในตัวเรา และเธอภูมิใจเถอะ เพราะฉันเลือกเธออยู่แล้ว” พี่อ้อยมองว่าถ้าเราสื่อสารกันทางบวกก็เป็นเรื่องที่ดี คุณแบงค์ยังมีความสุขในการลงรูปในโซเชียลเหมือนเดิม แต่ต้องสร้างความเชื่อใจให้แฟนมากขึ้น ว่าที่สุดแล้วเราเลือกเขา เพราะนี่คือปัญหาความรักที่อาจจะห่วงมากไปหน่อย แต่ถ้าเป็นปัญหาเรื่องของไม่รัก อันนี้พี่ว่าแก้ยากมากกว่า’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

เพื่อนหนูเปิดร้านอาหารตามสั่ง ลูกค้าออเดอร์ "กะเพราไม่เผ็ด" คนในครัวเสียงแตก คนนึงบอกไม่เผ็ดคือต้องใส่พริกนิดเดียว อีกคนบอก ไม่เผ็ดคือไม่ใส่พริกเลย สุดท้ายทำไม่ใส่พริกไปส่งลูกค้า ลูกค้าบอกอยากได้แบบใส่พริกนิดนึง

25 มี.ค. 2024

เพื่อนหนูเปิดร้านอาหารตามสั่ง ลูกค้าออเดอร์ "กะเพราไม่เผ็ด" คนในครัวเสียงแตก คนนึงบอกไม่เผ็ดคือต้องใส่พริกนิดเดียว อีกคนบอก ไม่เผ็ดคือไม่ใส่พริกเลย สุดท้ายทำไม่ใส่พริกไปส่งลูกค้า ลูกค้าบอกอยากได้แบบใส่พริกนิดนึง

เพื่อนหนูเปิดร้านอาหารตามสั่ง ลูกค้าออเดอร์ "กะเพราไม่เผ็ด"คนในครัวเสียงแตก คนนึงบอกไม่เผ็ดคือต้องใส่พริกนิดเดียวอีกคนบอก ไม่เผ็ดคือไม่ใส่พริกเลย สุดท้ายทำไม่ใส่พริกไปส่งลูกค้าลูกค้าบอกอยากได้แบบใส่พริกนิดนึง ทุกคนคิดว่า กะเพราไม่เผ็ด สรุปต้องใส่พริกไหมคะ?? “คุณกิ๊ฟ(นามสมมติ)” สายสุดท้ายในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (20 มี.ค. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหากะเพราไม่เผ็ด... โดย ​“คุณกิ๊ฟ(นามสมมติ)” เริ่มเล่าว่า ‘เพื่อนหนูเปิดร้านอาหาร มีออเดอร์เข้ามาว่ากะเพราไม่เผ็ด แม่ของเพื่อนเห็นออเดอร์ปุ๊บ เขาก็เลยบอกว่าให้ใส่พริกไป แต่เพื่อนตัดสินใจไม่ใส่เพราะเขามีความรู้สึกว่า ถ้าเกิดใส่พริกยังไงมันก็ต้องเผ็ด แต่อาจจะเผ็ดน้อย เขาก็เลยไม่ใส่ พอเอาไปให้ลูกค้า ปรากฏลูกค้าบอกว่า...ใส่ ทีนี้เขาก็เลยกลับมาบ้าน แล้วเหมือนเขาโทรไปถามยายกับสามีของเขา สามีกับยายเขาก็เลยบอกว่า ต้องใส่ เขาก็โทรมาถามกิ๊ฟ ก็เลยบอกว่าถ้าเป็นเรา เราก็ไม่ใส่ เพราะว่าถ้าใส่ยังไงมันก็ต้องมีความเผ็ดนิดนึง สามีเขาก็ประมาณว่า ทำไปให้เขาใหม่เลยนะ เดี๋ยวเสียลูกค้า เพื่อนเขาก็มองว่าไม่ได้ผิด ไม่เผ็ด มันก็แปลว่าไม่ใส่พริกก็ได้ ซึ่งกิ๊ฟกับเพื่อนมองว่า ไม่ใส่ มันน่าจะโอเค เพราะเผื่อเขาเอาไปให้เด็กกิน อยากถามพี่ ๆ ว่า ถ้าสมมติสั่งกะเพราไม่เผ็ด คือใส่พริก หรือไม่ใส่พริก? ซึ่ง “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘ผมว่าอยู่ที่ออเดอร์ไม่ชัดเจน คือคำว่าไม่เผ็ด ถ้าสำหรับความหมายของผม ไม่เผ็ดคือไม่ใส่พริก ต้องเปลี่ยน ถ้าอย่างงั้นต้องบอกว่ากะเพราไม่ใส่พริก เพราะว่าปลายพริกนิดเดียวกับบางคนก็เผ็ด’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าของดิฉันที่กินกะเพราแล้วก็เป็นคนไม่กินเผ็ด ถ้าบอกว่าไม่เผ็ด คือใส่ แต่ใส่นิดเดียว ต้องบอกให้เพื่อนใส่ในช้อยส์ให้เคลียร์ไปเลยว่า ไม่ใส่พริก เผ็ดน้อย เผ็ดมาก รณรงค์คนไทยสั่งกะเพราครั้งต่อไป ถ้าจะเอาไม่เผ็ด ต้องบอกว่าไม่ใส่พริก’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘คือหอมรู้สึกว่า Wording คำว่าไม่เผ็ด หมายถึงเผือกที่ถูกต้อง แต่เราส่วนใหญ่ใช้ผิดกันมาโดยตลอด จนมันกลายเป็นบรรทัดฐานของสังคมที่ใช้ผิดไปแล้วว่าไม่เผ็ดคือพริกน้อย ระดับเผ็ดไม่เผ็ด สุกไม่สุก แม้กระทั่งไข่ดาวยังยากเลย เราว่าน่าจะเป็นปัญหากับหลาย ๆ ร้านเหมือนกัน บางร้านเลยมีเป็นช้อยส์ให้ว่า เผ็ดน้อย เผ็ดกลาง ผิดมาก ไม่ใส่พริก ต้องมีช้อยส์แบบนี้’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1