ผ่านมา 14 ปี ผมมีเรื่องสารภาพ ผมปิ๊งสาวเฝ้าร้านเกมเชียงใหม่ วันนั้นเข้าห้องน้ำ แต่ทำสายฉีดตกพื้น หัวฉีดหลุดน้ำสะบัดทั้งห้อง ตกใจจนลืมเช็ดตูด หันไปเห็นฟองน้ำล้างจานเลยหยิบมาเช็ด เช็ดเสร็จ ล้างวางที่เดิม กดชักโครก อ้าว ส้วมเต็ม

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ผ่านมา 14 ปี ผมมีเรื่องสารภาพ ผมปิ๊งสาวเฝ้าร้านเกมเชียงใหม่ วันนั้นเข้าห้องน้ำ แต่ทำสายฉีดตกพื้น หัวฉีดหลุดน้ำสะบัดทั้งห้อง ตกใจจนลืมเช็ดตูด หันไปเห็นฟองน้ำล้างจานเลยหยิบมาเช็ด เช็ดเสร็จ ล้างวางที่เดิม กดชักโครก อ้าว ส้วมเต็ม

10 มิ.ย. 2024

ผ่านมา 14 ปี ผมมีเรื่องสารภาพ ผมปิ๊งสาวเฝ้าร้านเกมเชียงใหม่ วันนั้นเข้าห้องน้ำ

แต่ทำสายฉีดตกพื้น หัวฉีดหลุดน้ำสะบัดทั้งห้อง ตกใจจนลืมเช็ดตูด หันไปเห็นฟองน้ำล้างจานเลยหยิบมาเช็ด

เช็ดเสร็จ ล้างวางที่เดิม กดชักโครก อ้าว ส้วมเต็ม ไปบอกน้อง จากนั้นผมก็ไม่ได้ไปร้านนั้นอีกเลย

          “คุณเกม (นามสมมติ)” อายุ 36 ปี สายสุดท้ายในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [5 มิ.ย. 67] ได้โทรเข้ามาสารภาพความผิดกับ ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปแล้วในอดีต ซึ่งผ่านมา 14 ปีแล้ว และวันนี้ก็มาถึง… วันที่คุณเกมได้ตัดสินใจอยากที่จะสารภาพความผิด!

            โดย ​“คุณเกม (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เมื่อ 14 ปีที่แล้ว ผมมักจะไปเล่นเกมที่ร้านหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งหนึ่งในเหตุผลที่ผมไปร้านนี้เป็นประจำ เพราะผมแอบชอบน้องผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นคนดูแลร้าน และในทุกครั้งที่ผมจะเข้าไปเล่นเกม ผมมักจะซื้อขนมขบเคี้ยวติดไม้ติดมือเข้าไปด้วยอยู่เสมอ ผมเป็นคนที่เมื่อกินเสร็จก็จะถ่ายเลยทันที เป็นเหมือนภารกิจประจำวันที่ผมจะทำทุกครั้งเมื่อมาที่ ‘ร้านเกม’ แห่งนี้

            จนมีวันหนึ่งผมก็เข้ามาเล่นเกมตามปกติ ผมก็ปวดท้องจึงลุกไปเข้าห้องน้ำ หลังทำภารกิจเสร็จสิ้น ผมก็เอื้อมมือไปหยิบสายฉีดชำระ จังหวะที่หยิบขึ้นมา มือของผมดันไปปัดชนกับขอบผนัง สายฉีดชำระจึงหล่นลงพื้นเสียงดัง ปั๊ก… ทำให้ตัวจับของสายฉีดชำระแตก สายฉีดชำระจึงสะบัดน้ำกระจายไปทั่วทั้งห้องน้ำ ซึ่งน้ำมันแรงมาก ทำให้ความเปียกครอบคลุมทุกพื้นที่ ทั้งพื้นกระเบื้อง พื้นผนัง พื้นเพดาน รวมถึงตัวผมด้วย เปียกตั้งแต่เส้นผมจดถึงเท้า

            ในใจผมก็คิดว่า ผมควรจะทำยังไงดี ? เพราะผมยังไม่เสร็จธุระ และเท่าที่สมองผมจะคิดได้ ผมก็พยายามมองหาวาล์วปิดน้ำ แต่มันไม่มี! ผมเลยเลือกที่จะทนเปียก และลากสายอ้อมทางด้านหลังจากฝั่งขวามาฝั่งซ้าย เพราะทางฝั่งซ้ายมีรูท่อระบายน้ำอยู่ ผมจึงตัดสินใจ จุ่มหัวของสายฉีดชำระลงไปในรูท่อระบาย และใช้เท้าเหยียบสายกดเอาไว้ หลังจากนั้นผมก็สบายใจขึ้นที่จะไม่ต้องเปียกเพิ่ม แต่ผมลืมคิดไปว่า ผมยังไม่ได้ล้างก้น !?

            ซึ่งผมไม่สามารถใช้น้ำตรงนั้นได้เลย เพราะน้ำมันแรงมาก ทำได้เพียงแต่กดเท้าซ้ายไว้ ในใจก็ค่อนข้างกระวนกระวายมาก แต่ก็ต้องทำอะไรสักอย่าง เมื่อเงยหน้าขึ้นมา ผมก็เห็นอ่างล้างหน้าที่มีสก็อตไบรท์วางอยู่ ด้วยสถานการณ์ที่ผมเลือกอะไรไม่ได้ ผมคิดว่าจะต้องจัดการปัญหาให้เร็วที่สุด ผมจึงเอี้ยวตัวพยายามเอื้อมมือไปหยิบ ‘สก็อตไบรท์’ และพยายามที่จะเปิดน้ำที่อ่าง ทั้งที่ธุระของผมก็ยังค้างอยู่ ผมจึงเอาสก็อตไบรท์ชุบกับน้ำมาเช็ดก้น ซึ่งหลังจากเช็ดเสร็จ ผมก็ล้างทำความสะอาดสก๊อตไบรท์ และวางมันไว้ที่เดิม…

            หลังจากนั้นผมก็คิดว่า ผมจะทำอะไรต่อไปดี ? แม้ว่าผมจะทำธุระล้างก้นเสร็จแล้ว ผมก็ยังไม่สามารถลุกขึ้นได้ เพราะเท้าของผมยังเหยียบกับสายฉีดชำระอยู่ ผมจึงตัดสินใจถอดถุงเท้าข้างหนึ่ง และยัดอุดเข้าไปในรูท่อ เพื่อที่จะล็อคสายฉีดชำระกับรูท่อระบายไว้ด้วยกันได้ ซึ่งมันก็ได้ผล ! ผมจึงสามารถลุกขึ้นเพื่อที่จะแต่งตัว และทำการกดชักโครก เพื่อที่จะเคลียร์กับปัญหาตรงนี้ให้หมดไปได้สักที แต่เหมือนผมมีเคราะห์ซัดกรรมซัด… เพราะชักโครกมันตัน

            ซึ่งหลังจากที่ผมกดชักโครก ทำให้น้ำและสิ่งปฏิกูลตรงนั้นมันเอ่อล้นขึ้นมา ผมจึงรีบปิดฝาชักโครก และตั้งสติใหม่อีกครั้ง ผมเลือกที่จะไม่กดน้ำซ้ำ เพราะกลัวว่าครั้งนี้มันจะล้นออกมาข้างนอก หลังจากนั้นผมจึงจัดการกับตัวเอง สะบัดผมให้แห้ง รวมถึงบิดเสื้อผ้าให้หมาด ทำให้ทุกอย่างดูเป็นปกติที่สุด แต่เมื่อผมเดินเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ… ผมก็เจอกับน้องผู้หญิงคนนั้น ผมบอกกับเธอว่า ขอโทษครับ ห้องน้ำพัง… น้องผู้หญิงคนนั้นก็ทำหน้างุนงงใส่ผม แล้วก็เดินตรงไปเช็คที่ห้องน้ำ ด้วยความที่ผมกลัวความผิดและอับอาย จึงรีบเก็บของและออกไปทันที

            จากนั้นผมก็นำเหตุการณ์นี้มาเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนก็ถามผมว่า แล้วทำไมถึงไม่เอาสก็อตไบรท์ทิ้งไปใส่ถังขยะ !? ผมจึงตอบว่า ก็ตอนนั้นมันคิดไม่ทัน แล้วผมก็นึกขึ้นได้ว่า สก็อตไบรท์อันนั้น โดยปกติแล้ว น้องผู้หญิงคนนั้นน่าจะเอาไว้ใช้ล้างแก้วและจาน เพราะมันเป็นที่เดียวที่เธอสามารถจัดการกับภาชนะได้ ซึ่งหลังเหตุการณ์นั้นมันทำให้ผมรู้สึกผิดและฝังใจกับเรื่องนี้มาก ๆ เพราะผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่า ทำไมถึงไม่ทิ้งสก็อตไบรท์ไป ทำไมถึงเลือกที่จะทำความสะอาด เพื่อที่จะทำลายหลักฐาน หรือมันเป็นเพราะว่า ผมรนที่จะแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้า’

            งานนี้ 3 ดีเจก็ให้ความคิดเห็นคล้ายกันว่า ‘เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคุณเกม มันทรหดและเป็นปัญหาเฉพาะหน้าจริง ๆ ซึ่งคนที่น่าสงสารที่สุดสำหรับเรื่องนี้ ก็คือ น้องผู้หญิงคนนั้น ไม่รู้ว่าตอนนั้นเธอได้ใช้สก็อตไบรท์ไปหรือเปล่า ?’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

คบกับแฟนมา 8 เดือน ล่าสุดแพลนทริปไปเที่ยวตปท. ด้วยกัน แต่กลับโดนแม่แฟนว่า ไปเที่ยวกัน แต่ไม่ให้เงินพ่อ-แม่ใช้ แฟนน้อยใจให้เราไปคุยแทน เลยบอกไปว่า คนอื่นเขายังขอเงินพ่อแม่ใช้อยู่เลยนะ แม่แฟนสวนกลับมาว่า คิดได้แค่นี้เองหรอ สมองหมาปัญญาควาย

01 มี.ค. 2024

คบกับแฟนมา 8 เดือน ล่าสุดแพลนทริปไปเที่ยวตปท. ด้วยกัน แต่กลับโดนแม่แฟนว่า ไปเที่ยวกัน แต่ไม่ให้เงินพ่อ-แม่ใช้ แฟนน้อยใจให้เราไปคุยแทน เลยบอกไปว่า คนอื่นเขายังขอเงินพ่อแม่ใช้อยู่เลยนะ แม่แฟนสวนกลับมาว่า คิดได้แค่นี้เองหรอ สมองหมาปัญญาควาย

คบกับแฟนมา 8 เดือน ล่าสุดแพลนทริปไปเที่ยวตปท. ด้วยกัน แต่กลับโดนแม่แฟนว่า ไปเที่ยวกัน แต่ไม่ให้เงินพ่อ-แม่ใช้แฟนน้อยใจให้เราไปคุยแทน เลยบอกไปว่า คนอื่นเขายังขอเงินพ่อแม่ใช้อยู่เลยนะแม่แฟนสวนกลับมาว่า คิดได้แค่นี้เองหรอ สมองหมาปัญญาควาย ได้ยินปุ๊บน้ำตาไหลปั๊บที่บ้านไม่เคยใช้คำพูดรุนแรงแบบนี้กับเราเลย ถ้าเจอแบบนี้อีก ควรรับมือยังไงดี? “คุณจี (นามสมมติ)” อายุ 33 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [28 ก.พ. 67] ได้โทรมาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาแม่แฟนไม่พอใจและชอบใช้คำพูดรุนแรง “คุณจี (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘พอดีหนูมีเรื่องไม่สบายใจ โดนว่าด้วยคำพูดที่ไม่โอเค คือหนูเพิ่งคบกับแฟนมาประมาณ 8 เดือน แฟนหนูอายุ 29 ปี ซึ่งแฟนก็ซื้อบ้านเป็นของตัวเองแล้ว แยกออกมาอยู่ด้วยกัน 2 คน ขอเกริ่นก่อนว่าทางแม่ของแฟนค่อนข้างเป็นห่วงลูกชายมาก เพราะเขากลัวคนจะมาหลอกลูกเขา ครั้งแรกที่หนูโดนแม่แฟนว่าคือตอนที่เพิ่งคบกัน แล้วแม่เขาก็มาว่าหนู พูดให้ลูกเขาฟังว่าหนูอายุเยอะกว่า จะมาหลอกลูกเขาหรือเปล่า? ทำงานอะไรก็ยังไม่รู้ แล้วก็ได้เคลียร์กันไปรอบนึง บางทีเขาก็มาว่าหนูตอนที่ลูกชายเขาไปทำงาน เขาเข้ามาถามว่า หนูทำงานอะไร รู้จักกันได้ยังไง มีแพลนอะไรต่อในชีวิต แล้วก็ถามว่าไม่เคยแต่งงานใช่ไหม? อายุก็ขนาดนี้แล้ว หนูก็เลยบอกเขาไปว่าหนูยังไม่เคยแต่งงาน เพื่อนๆของหนูก็ยังโสดกันอยู่เลย แล้วเขาก็บอกมาอีกว่า ไม่ได้มาชุบมือเปิบใช่ไหม หนูก็ไม่ตอบโต้อะไร แล้วก็ไปบอกแฟน แฟนหนูเลยบอกว่า ขอโทษนะแม่เราเป็นแบบนี้ตลอดเลย แต่ถ้ามีอะไรให้บอกนะ เดี๋ยวเขาจะคุยกับแม่เขาเอง ต่อมาอีก 4 เดือน หนูก็กำลังจะมีทริปไปเที่ยวต่างประเทศกัน แล้วแฟนหนูเป็นคนที่ถ้ามีอะไรก็จะบอกแม่ทุกอย่าง ตอนที่อยู่ต่อหน้ากันแม่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร พอตกเย็น แม่เขาก็โทรมาหาแฟน หนูก็ไม่รู้ว่าเขาคุยอะไรกันเพราะหนูเห็นแฟนหนูหน้าเครียด ๆ แล้วเขาก็เอาโทรศัพท์มาให้หนูคุยกับแม่เขา แม่เขาก็พูดมาว่า จะไปเที่ยวกัน ทำไมไม่เก็บเงินไว้จ่ายหนี้ บ้านเป็นหนี้แล้วนะ หนูก็บอกอธิบายไปว่า แบ่งเงินไว้แล้ว แต่อันนี้ขอไปเที่ยวหน่อย ทำงานหนักมาทั้งปี พอคุยจบก็วางสายไปและคิดว่าไม่น่ามีอะไร จนเช้ามาแม่เขาก็ส่งข้อความมาหาหนูว่า เมื่อวานไม่โอเคเลยนะ ดูไม่มีมารยาททางสังคมเลย แม่ลูกเขาคุยกันอยู่มาคุยแทรกทำไม หนูก็บอกว่า ไม่ได้คุยแทรก แฟนหนูอะเป็นคนยื่นโทรศัพท์มาให้ แม่เขาก็ส่งมาอีกว่า ฉันไม่รู้หรอกนะเพราะฉันไม่ได้ไปอยู่ตรงนั้นด้วย หนูก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร แล้วก็ไปบอกแฟนว่าแม่เธอส่งข้อความมานะ แม่ไม่โอเค แฟนก็บอกหนูว่า งั้นเดี๋ยวเย็นนี้เข้าไปคุยกัน คุยต่อหน้าจะได้ไปอธิบายด้วย พอตอนเย็นเราก็ไปหาแม่แฟนกัน แฟนหนูก็บอกแม่เขาว่า เนี่ยเมื่อวานนี้หนูอะไม่ได้แย่งโทรศัพท์ไป เพราะแฟนเริ่มอารมณ์ร้อนแล้ว เลยให้หนูคุยแทนเพราะหนูเป็นคนอารมณ์เย็น แม่เขาก็บอกว่า ฉันไม่รู้หรอก แต่ว่าพวกเธอก็เข้าข้างกันอยู่แล้ว อะไรก็ไม่เห็นหัวแม่ ทำงานได้ดิบได้ดีอะไรฉันก็ไม่รู้หรอก ไม่เห็นให้เงินแม่เลย เอาแต่ไปเที่ยว คือ บ้านแฟนหนูมีลูก 2 คน แฟนหนูเป็นลูกคนเล็ก พ่อเขาอยู่ต่างประเทศ แล้วเหมือนแม่จะคาดหวัง วันนั้นที่ไปคุยก็เกิดถกเถียงกัน แล้วเขาก็พูดประมาณว่า ทำไมลูกคนอื่นให้เงินพ่อแม่ ลูกฉันเป็นลูกอกตัญญูนะ ไม่ให้เงินพ่อแม่ใช้ แฟนหนูก็บอกว่า เดี๋ยวจะให้เงินนะ แล้วแฟนหนูก็มาบ่นตลอดเลยว่า แม่ไม่เคยภูมิใจในตัวเขาเลย ทั้ง ๆ ที่เขาก็ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนเลย หนูก็ให้กำลังใจเขาไปว่า เธอก็ดีกว่าคนอื่นตั้งเยอะนะ คนอื่น ๆ รอบตัวเราบางคนยังขอเงินพ่อแม่อยู่เลย ไปเที่ยวไหนเราก็เลี้ยงพ่อแม่ตลอดเลยนะ แฟนหนูก็บอกว่า เธอไปพูดให้แม่เขาฟังหน่อยว่าคนอื่นๆ เขาเป็นยังไงกัน หนูเลยยกตัวอย่างไปว่า เนี่ยคนอื่น ๆ เขายังไปขอเงินพ่อแม่อยู่เลยนะ เขาก็สวนมาเลยว่า โอ้โห!! เธอคิดได้แค่นี้เองหรอ สมองหมาปัญญาควาย หนูช็อคตรงนั้นเลย ทำอะไรไม่ถูก น้ำตาไหลออกมา แล้วเขาก็พูดมาอีกว่า ก็คิดกันแบบนี้ไง มันถึงได้ต่ำ มันมีที่ไหนเอาไปเทียบกับคนที่ต่ำกว่า เขามีแต่เทียบกับคนที่สูงกว่า แฟนหนูก็เลยบอกว่า แม่ มันก็แรงไป มันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น... หนูก็เฟลไปเลย แฟนหนูก็บอกว่า อย่าไปโกรธแม่เลย เพราะแม่เขาเป็นคนปากร้ายใจดี เดียวเขาก็หาย แต่หนูเสียความรู้สึกไปแล้วแล้วก็กลัวว่าวันไหนจะโดนอีกหนูอยากจะถามพี่ๆดีเจว่า หนูควรจะรับมือยังไง ถ้าเจอแบบนี้อีก?’ โดย “ดีเจเติ้ล” ให้คำแนะนำว่า ‘พี่มีคำเดียวให้น้องจี คือคำว่าอดทน เพราะพี่รู้สึกว่าแม่เขาตั้งแง่ หรือว่าเขาเห็นว่าน้องจีไม่ดีพอสำหรับลูกเขา พี่ว่าที่เขาพูดมาตอนนี้มันดูไม่มีเหตุผล เหมือนเขาแค่งองแง เอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง เหมือนเรื่องที่จะไปเที่ยวเมืองนอก ว่าจริง ๆ แล้วเราไม่ได้เอาเงินทั้งหมดไปเที่ยวนะ เราแบ่งค่าบ้านไว้แล้ว เขาก็เปลี่ยนเรื่องไป เป็นแล้วทำไม่ไม่ให้เงินฉัน เอาเงินไปเที่ยวกันน่ะ ซึ่งก่อนหน้านี้ถ้าไม่มีจี หรือไม่มีเรื่องนี้เขาก็ไม่พูด เราก็รู้แค่ว่า เขาก็แค่หาเรื่องว่าเรา แต่เท่าที่ฟังมาพี่ว่าก็ยังดีนะที่เขาก็แค่นี้ หมายถึงว่าเขาไม่ได้เข้ามาแทรก ๆ ด้วยวิธีอื่น เต็มที่ก็แค่โทรมาด่า มาคอมเม้นท์ เวลามีเรื่องมีราว พี่ก็รู้สึกว่ายังรับได้เหมือนแม่ผัวงี่เง่าที่ยังรับได้ แต่น้องจีก็ต้องอดทนและไม่เอาคำพูดเก็บมาคิดมาก พี่ว่าจีต้องอาจจะมองว่าเขาเป็นเด็กไปเลย คิดว่าสิ่งที่เขาพูดออกมามันมาจากอารมณ์เขา แล้วก็คิดไปเลยว่าเขางี่เง่า แล้วพี่คิดว่าแฟนน้องจีก็ทีมหนูนะ แม้ว่าเขาก็อาจจะสปอยแม่นิดนึง แต่ยังไงเขาก็รู้ว่าแม่เขาเป็นแบบนี้เลยไม่อยากให้ปะทะ เพราะฉนั้นรักษาความสัมพันธ์ไว้ อันไหนเลี่ยงได้เลี่ยง สำหรับพี่นะ’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ให้คำแนะนำว่า ‘เป็นเคสที่เราจะเปลี่ยนแปลงอะไรเขาได้ยากที่สุด แล้วก็ไม่เกี่ยวว่าจะเป็นจีหรือเป็นใคร หมายถึงใครที่เข้ามาก็ต้องเจอหมด ก็ต้องอดทน คนที่จะทำให้คลี่คลายได้ก็มีแค่ลูกชายเท่านั้น ไม่งั้นก็จะไม่มีปากมีเสียงถ้าลูกชายเอาอยู่ ก็ต้องทนอะถ้ารักลูกชายเขามากพอ เพราะทำอะไรไม่ได้ ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เขาอาจจะหวงลูกชายเขาเพราะเขาไม่ได้เป็นความสำคัญเบอร์หนึ่งแล้ว เขาอาจจะน้อยใจ แล้วมันอาจจะหนักขึ้นด้วยเพราะเขาอายุเยอะนิดนึง ก็ต้องทนแหละ’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ให้คำแนะนำว่า ‘แต่ถ้าทนไม่ไหว ลองบอกกับคุณแม่เขารู้สึกตัวว่า หนูไม่ได้มาให้เขาเลือกอย่างเดียว หนูก็มาดูลูกชายคุณแม่ด้วยว่าผ่านไหม แล้วแม่แบบนี้เขาจะมีความภูมิใจในลูกชายตัวเองมาก ถ้าเรารู้สึกว่าลูกเขาก็ยังไม่ผ่าน เพราะครอบครัวแบบนี้หนูก็ยังไม่อยากใช้ชีวิตอยู่ด้วย คุณแม่ไม่ต้องกังวลใจไปเพราะหนูเองก็อยู่ในช่วงศึกษา แสดงออกไปเลย เพราะแฟนมีหน้าที่เป็นกาวระหว่างคนสองคน ฉะนั้นเราให้เวลาเขาแต่เธอก็ต้องเด็ดขาดอะไรบ้าง แต่พี่รู้สึกว่าให้เว้นระยะไปเลยแล้วให้เขาไปคุยกับลูกเขา พอเขาจะวีนก็บอกไปเลยว่า แม่คุยกับลูกแม่ดีกว่า เพราะว่าลูกแม่เป็นคนตัดสินใจ ขอตัวไปนั่งรอที่อื่นดีกว่า แบบว่าให้เขาคุยกับรู้เขาดีกว่า อยู่กับปัจจุบัน ถ้าวันนี้มันยังดีอยู่ก็โอเค แต่ถ้ามาก้าวก่ายมาก็อาจจะต้องทบทวน และถามแฟนไปเลยว่า ที่เลิกกับแฟนเก่าเพราะเหตุผลอะไร นี่เป็นส่วนหนึ่งหรือป่าว เธอคิดที่จะแก้ไขไหม ถ้าเธอไม่แก้เราก็อาจจะมีจุดจบเหมือนแฟนเก่าเธอ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ลูกสาวม.1 อึดอัดใจ พ่อแม่แยกทางกัน พ่อให้เงินค่าขนมลูก อาทิตย์ละ 700 แม่ได้อาทิตย์ละ 1000 แต่พอได้เงินมา แม่ขอลูกอาทิตย์ละ 300-400 ยืมเงินค่าขนมลูกมาตั้งแต่ ป.5 ผ่านมา 3 ปี ยอดเป็นแสนแล้ว

03 พ.ค. 2024

ลูกสาวม.1 อึดอัดใจ พ่อแม่แยกทางกัน พ่อให้เงินค่าขนมลูก อาทิตย์ละ 700 แม่ได้อาทิตย์ละ 1000 แต่พอได้เงินมา แม่ขอลูกอาทิตย์ละ 300-400 ยืมเงินค่าขนมลูกมาตั้งแต่ ป.5 ผ่านมา 3 ปี ยอดเป็นแสนแล้ว

ลูกสาวม.1 อึดอัดใจ พ่อแม่แยกทางกัน พ่อให้เงินค่าขนมลูก อาทิตย์ละ 700แม่ได้อาทิตย์ละ 1000 แต่พอได้เงินมา แม่ขอลูกอาทิตย์ละ 300-400ยืมเงินค่าขนมลูกมาตั้งแต่ ป.5 ผ่านมา 3 ปี ยอดเป็นแสนแล้ว พอไม่ให้แม่ก็ร้องไห้ใส่ลูกสาวเผยความรู้สึก หนูอยากจบลูปนี้จะทำยังไงดีคะ? “คุณมีน (นามสมมติ)” อายุ 13 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [1 พ.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาที่ตัวเองโดนคุณแม่ยืมเงินตั้งแต่ ป.5 จนตอนนี้ขึ้น ป.1 แล้ว พฤติกรรมของแม่ก็ยังเหมือนเดิม โดย ​“คุณมีน (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ย้อนกลับไปสมัยที่ยังเป็นเด็ก แม่ของหนูมักจะถามย้ำมาตลอด และถามย้ำแทบจะทุกปีว่า ‘ถ้าแม่กับพ่อเลิกกัน หนูจะเป็นอะไรไหม?’ จนกระทั่งขึ้นชั้น ป. 5 หนูก็บอกกับแม่ไปว่า ‘ถ้าแม่เหนื่อย แม่ก็ออกมานะ’ แล้วแม่ก็ถามอีกว่า ‘แล้วเราจะยังอยู่กับแม่ไหม?’ ตอนนั้นเลยตอบแม่ไปว่า ‘อยู่ค่ะ’ เวลาผ่านไปไม่นานพ่อกับแม่ก็หย่ากัน พ่อจึงย้ายไปอยู่กับภรรยาใหม่ ส่วนหนูก็อยู่กับคุณแม่ หลังจากนั้นก็ขึ้นชั้น ป.6 หนูทำคะแนนสอบ O-Net ได้เต็ม จึงได้เงินสนับสนุนจากโรงเรียน 5,000 บาท พฤติกรรมของแม่ก็เริ่มเปลี่ยน แม่ก็เริ่มที่จะขอยืมเงินจากหนูทีละ 2,000 บาท โดยอ้างว่าจะเอาเงินไปเปิดบัญชีให้ หนูก็ไม่ได้คิดอะไร เอาเงินให้แม่ไป แล้วหนูก็มารู้ทีหลังว่า แม่เอาเงินไปลงทุนขายของ แต่ไม่ได้กำไรอะไรกลับคืนมาเลย ให้เหตุผลกับหนูว่า ‘แม่ขายไม่ดี’ ซึ่งตอนนั้นหนูก็ไม่รู้เลยว่า ‘แม่เอาเงินของหนูไปใช้เพื่อการลงทุนขายของจริงหรือเปล่า ?’ หลังจากนั้นก็ขึ้นชั้น ม.1 หนูก็ได้เงินค่าขนมเพิ่มจากพ่อ เป็นรายอาทิตย์ครั้งละ 700 บาท แม่ก็เริ่มที่จะขอยืมเงินอีกครั้ง ซึ่งขอยืมทีละ 300 - 400 บาท หนูก็ถามหาเหตุผลจากแม่ แม่ก็ให้เหตุผลว่า ‘เอาไว้ใช้ซื้อข้าวให้หนู’ หนูอยากจะถามแม่ว่า ‘แล้วเงิน 1,000 ที่พ่อให้แม่เอาไว้ซื้อข้าวให้หนูมันหายไปไหน ?’ แต่หนูก็ไม่ได้ถามออกไป ทำได้แค่ให้เงินแม่ไป รวมถึงช่วงปิดเทอมด้วย หนูได้เงินค่าขนม 500 บาท แม่ก็จะมาขอยืมทีละ 200 - 300 บาท แล้วมันก็เป็นแบบนี้มาเรื่อย ๆ จนเคยมีครั้งหนึ่ง หนูลองปฏิเสธแม่ แม่เขาก็ร้องไห้ บอกกับหนูว่า ‘ทำไมหนูถึงไม่ช่วยเขาเลย หนูไม่รักเขาแล้ว’ ทุกครั้งที่ยืมเขาจะคืนบ้าง ไม่คืนบ้าง แต่จะขอยืมทุกครั้งเมื่อหนูได้เงิน ซึ่งหนูให้เกือบทุกครั้ง หนูก็ปล่อยเลยตามเลยไป โดยหลังจากที่แม่เลิกลงทุนขายของ แม่ก็ไปเป็นลูกจ้างขายของในตลาดหน้าโรงเรียน และตอนนี้แม่ก็ทำงานอยู่ในสถานบันเทิง ซึ่งแม่ก็ไม่ได้มีครอบครัวใหม่ ปัจจุบันแม่อายุ 46 ปีแล้ว หนูเคยถามว่า ‘แม่เอาเงินไปใช้ทำอะไร?’ แม่เคยให้เหตุผลว่าเอาไปเลี้ยงแมว เพราะหนูเคยเลี้ยงแมว ที่บ้านของแม่ ซึ่งแมวพวกนั้นก็ไม่ได้ทำหมัน ทำให้มีแมวเยอะ ภาระของแม่ก็เลยเยอะขึ้น ทั้งค่าอาหาร และค่าดูแลรักษา ในหลายครั้งที่แม่ยืมเงินหนู แต่ละอาทิตย์ หนูจะต้องบริหารเงินใช้เอง โดยการขอค่าขนมหรือค่าข้าวเพิ่ม จากคนอื่นในครอบครัว ซึ่งตอนนี้หนูขึ้น ม.2 แล้ว ตลอดระยะเวลา 4 ปี ตั้งแต่ ป.5 ถึง ม.2 แม่ก็จะขอยืมเงินมาตลอด จากการคาดการณ์จำนวนเงินที่แม่ยืมก็น่าจะถึง 10,000 กว่า แม้ในตอนที่หนูชวนเขาไปเที่ยว หนูก็ต้องเป็นคนออกค่ากิน ค่าเดินทางให้เขาทั้งหมดเลย พ่อรับรู้เรื่องนี้ แต่พ่อไม่รู้ว่า ทุกวันนี้แม่ก็ยังยืมอยู่ ก่อนหน้านี้เคยมีเหตุการณ์ที่พ่อให้เงินหนูเพิ่ม เพื่อเอามาให้แม่ แต่แม่ก็ไม่รับเงินนั้น แต่ก็มาเอาเงินของหนูแทน พ่อกับแม่เคยทะเลาะกันเพราะเรื่องเงิน เพราะจริง ๆ แล้ว แม่ก็ทำงานมีเงินหลักหมื่น พอเขาทะเลาะกัน แม่ก็มาคุยกับหนูว่า ‘ทำไมถึงไปบอกพ่อ ทำไมหนูถึงไม่ช่วยเขาเลย’ แม่มักพูดประโยคเดิม ๆ ซ้ำ ๆ จนหนูจำได้ขึ้นใจ ตอนช่วงหลังๆ เวลาที่พ่อถามหนูก็ต้องแก้ต่างให้แม่ หลังจากเหตุการณ์ที่แม่บอกว่า ‘หนูไม่รักเขา’ ทุกครั้งที่แม่ขอยืม หนูก็จะปฏิเสธ แต่แม่ก็ยังทำเหมือนว่าเสียใจ จนหนูต้องเป็นคนรู้สึกผิด เพราะหนูถูกปลูกฝังมาโดยตลอดว่า ‘คนเป็นลูกต้องกตัญญู’ แม้ว่าแม่จะไม่เคยทวงบุญคุณ แต่หนูก็จะรู้สึกแปลก แม่ของหนูเป็นคนที่ชอบดูดวง จนมาพูดกรอกหูกับหนูตลอดเลยว่า ‘เขามีดวงที่มีคนเข้าอุปถัมภ์ เหมือนว่าเดี๋ยวเขาก็จะรวยขึ้น เขาจะมีเงินเยอะ แล้วหนูจะไม่มีวันทิ้งเขา’ เหมือนกับว่า ‘ให้แม่มาก่อน เดี๋ยวแม่ก็รวย แม่ก็จะใช้เงินดูแลมีน’ หนูอยากถามว่า ‘หนูควรจะทำอย่างไร ให้แม่หยุดยืมเงิน โดยที่ไม่ต้องมีปัญหาต่อ เพราะว่าหลังจากนี้ แม่คงไม่ได้มีบทบาทของความเป็นแม่อีกแล้วค่ะ’ ​ซึ่ง “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คงต้องบอกปัญหานี้กับพ่อ เพื่อให้พ่อเป็นคนจัดการปัญหาให้ เพราะแม่เขาคงคิดว่าเงินจำนวนนี้เป็นเงินของพ่อ เป็นเงินที่พ่อให้มา ไม่ใช่เงินของหนู เขาคิดว่านี่คือเงินที่พ่อ หรือญาติ ๆ ให้ เขาไม่ได้มองว่านี่คือเงินของมีน การที่เขามาเอาเงินจากมีน ก็เหมือนว่าเขาเอาเงินพ่อ ที่บางทีเขาอาจจะไปขอที่พ่อแล้ว แต่พ่อก็ไม่ให้ หรือมันอาจจะเป็นเงินที่เขาจำเป็นต้องใช้เพิ่มเติม ซึ่งถ้าหนูบอกว่าอยากให้เรื่องนี้จบ หนูก็ต้องบอกพ่อ ให้พ่อจัดการกับเรื่องนี้ แล้วหนูก็ต้องเลือกสักฝั่ง ต้องไม่ปกป้องแม่ ต้องเลือกทำสิ่งที่ถูก แล้วเรื่องนี้ก็จะจบ เพราะจุดเริ่มต้นมันมาจากเงินที่พ่อให้ หนูไม่สามารถจัดการกับเรื่องนี้เองได้ ต้องให้ผู้ใหญ่เป็นคนจัดการ แล้วก็เล่าเหตุการณ์ทุกอย่างให้พ่อฟังเหมือนที่โทรมาเล่าให้พวกพี่ฟัง’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘ข้อหนึ่ง น้องมีนต้องเรียกแม่มาคุย ถ้าไม่กล้าก็ข้ามข้อนี้ไป แต่ถ้ากล้าก็บอกแม่เลยว่า ที่มีนเรียกแม่มาคุย เพราะต่อจากนี้มีนจะไม่ให้แม่ยืนเงินแล้ว เพราะมีนก็ยังไม่มีรายได้ แล้วปัญหาของแม่ก็คือ มันดีแค่ไหนแล้วที่แม่ไม่ต้องออกค่าเทอม ทั้ง ๆ ที่แม่ควรจะมีส่วนในการดูแลมีนด้วยซ้ำ แล้ววันนี้มินก็ไม่ได้เรียกร้องให้แม่ทำหน้าที่แม่ด้วยซ้ำ มีนก็แค่อยากจะบอกแม่ว่าปัญหาของแม่ แม่ก็ต้องแก้เอง และถ้าแม่มีปัญหาเรื่องเงินอีก มีนจะต่อสายให้คุยกับพ่อ เพราะนั่นเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ข้อสอง อาจจะแก้ว่าพ่อมีปัญหาเรื่องเงิน แม่ขอค่าเทอมหน่อย เพื่อให้แม่รู้ว่า นี่ก็เป็นหน้าที่แม่เหมือนกัน กับข้อสาม… วิธีของพี่เผือก… ให้ผู้ใหญ่จัดการปัญหานี้แทนเรา แล้วก็อยากให้มีนเข้มแข็งในการปฏิเสธ ต้องมีเด็ดเดียว ! สมมติว่าเขามาขออีก ก็บอกเขาไปเลยว่า ดีแค่ไหนแล้วที่แม่ไม่ต้องมาออกค่าเทอมให้มีน แม่รู้ใช่ไหมว่าการที่ทำให้เด็กคนนึงเกิดมา คนที่ทำให้เกิดมาจะต้องรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่าย อันนี้มันกลับตาลปัตรไปหมดเลย มีนต้องเข้มแข็ง ไม่ให้ก็คือไม่ให้ ! ถ้าแม่ร้องไห้ก็คือต้องยื่นทิชชูให้แม่ แล้วก็บอกว่าจะร้องอีกแค่ไหน ให้กลับไปร้องที่บ้าน อันนี้ยากไปไหมคะ ถ้ายากพี่จะบอกวิธีที่ง่ายกว่านี้… บอกแม่ว่า มีนก็ไม่มีเหมือนกัน แล้วถ้าแม่อยากได้จริง ๆ มีนจะให้แม่คุยกับพ่อนะ แล้วมีนก็ต่อสายโทรศัพท์ตรงนั้นเลย ทำยังไงก็ได้ แต่หนูต้องไม่ให้เขายืม เพราะเขาจะติดนิสัยแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เป้าหมายคือไม่ให้ยืมอีกแล้ว มีนต้องเก็บเงิน หรือบริหารเงินด้วยตนเอง เพราะตอนนี้มีนก็ 13 แล้ว เราต้องดูแลตัวเอง ! พี่ก็เห็นด้วย ที่คุณพ่ออาจจะต้องลงมาแก้ปัญหาเรื่องนี้ แล้วไม่ว่าแม่จะว่าเรายังไงก็ตาม ก็ไม่ต้องสนใจ ถ้าแม่เป็นแบบนี้อยู่ พ่อก็ต้องลงมาจัดการ’ และสุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘วิธีแรก แบบประนีประนอมที่พี่คิดได้ตอนนี้ ลองบอกแม่ว่าพ่อให้เงินใช้รายวัน ถ้าจะมาขอยืมต้องไปเอากับพ่อ หนูใช้วันละ 100 ก็ไม่พอแล้ว ถ้าแม่ต้องการเงินเพิ่ม ก็ไปเอากับพ่อเลย หนูไม่มี ! วิธีสอง ก็คือการคุยกับคุณพ่อว่าแม่ยืมเงินหนู แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม พี่อยากบอกกับมีนว่า ถ้าแม่เขาพูดว่า ทำแบบนี้คือลูกอกตัญญู พี่ว่าตัวพี่และคนอื่น ๆ ที่ฟังอยู่ อยากบอกหนูว่าหนูไม่ใช่เด็กอกตัญญู อย่างที่หนูบอก คุณแม่เขาต้องดูแลหนูด้วยซ้ำ แต่นี่หนูเอาค่าขนมของตัวเองไปให้เขาตั้ง 3 ปี มันไม่ใช่สิ่งที่หนูจำเป็นต้องทำด้วยซ้ำ แต่นี่คือหนูก็รักเขา อยากช่วยเหลือเขา แต่บางครั้งเราต้องรู้ว่า ถ้าเราต้องช่วยเหลือคนอื่น เราต้องไม่ลำบากด้วย แต่ตอนนี้มันชัดเจนว่า ตัวหนูลำบากและหนูมีใช้ไม่พอ หนูต้องไปขอเพิ่ม หนูจึงไม่สบายใจ เขาจำเป็นต้องรู้ผิดชอบชั่วดี ว่าการที่เขามายืมเงินลูกที่ลูกได้อาทิตย์ละ 700 แสดงว่าเขาก็ไม่ได้คิดเลยว่ามีนจะกินอยู่ยังไง หรืออาจเป็นเพราะว่าเค้ามั่นใจ ว่ามีนจะรอด เพราะว่ามีนยังมีพ่อกับป้าคอยดูแล แต่ถ้าเราทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เขาก็จะเป็นผู้ใหญ่ที่เสียคน !’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

คบแฟนมา 6-7 ปี ไม่เคยไปบ้านเค้าเลย เพราะแฟนบอก 'พ่อไม่ชอบทอม' เราไม่เคยเจอสังคมอะไรของแฟนเลย มีแต่แฟนที่รู้ฝั่งเรา พีคสุด แฟนจดทะเบียนสมรสกับผู้ชายอีกคนอยู่แล้วแต่แยกกันอยู่ ตอนนี้เราเลิกกันแล้วแต่แฟนขอให้กลับไปคบกันเหมือนเดิม

02 ก.พ. 2024

คบแฟนมา 6-7 ปี ไม่เคยไปบ้านเค้าเลย เพราะแฟนบอก 'พ่อไม่ชอบทอม' เราไม่เคยเจอสังคมอะไรของแฟนเลย มีแต่แฟนที่รู้ฝั่งเรา พีคสุด แฟนจดทะเบียนสมรสกับผู้ชายอีกคนอยู่แล้วแต่แยกกันอยู่ ตอนนี้เราเลิกกันแล้วแต่แฟนขอให้กลับไปคบกันเหมือนเดิม

“คุณยีนส์ (นามสมมติ)” อายุ 41 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (31 ม.ค. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาที่มารู้ทีหลังว่าแฟนยังไม่หย่ากับสามี โดย “คุณยีนส์ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ขอเกริ่นก่อนว่าเราเป็น LGBTQ คบกับแฟนมาประมาณ 6 - 7 ปีแล้ว ซึ่งตลอดเวลาที่คบกัน เรารู้แค่ว่าทางบ้านเขาไม่ชอบเรา และเราก็ไม่เคยรับรู้เรื่องทางบ้านเขาเลย ไม่เคยรู้เลยว่าบ้านเขาเป็นยังไง หรือแม้กระทั่งบ้านเขาอยู่ที่ไหน จนคบกันมาเข้าปีที่ 6 เป็นครั้งแรกที่เราได้มีโอกาสไปบ้านเขาใน ‘ฐานะเพื่อน’ หลังจากกลับมาจากบ้านเขา เราก็ได้รู้เรื่องต่าง ๆ จากปากเพื่อนเขาว่า ‘เขาแต่งงาน เคยจดทะเบียนสมรส แล้วยังคงคาทะเบียนสมรสกันอยู่ด้วย’ เราต้องไปคาดคั้นความจริงจากเขา เขาถึงยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง... ที่ผ่านมา เราไม่เคยมีตัวตนในชีวิตเขาเลย ไม่ว่าจะเป็นในโซเชียล ทางบ้านหรือทางสังคมของเขา คือเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเขาเลย แต่เขากลับรู้เรื่องเราทุกอย่าง เพราะว่าตอนที่คบกัน เขามาอยู่บ้านเราตลอด 24 ชม. แต่ในช่วงที่เขาอยู่บ้านเรา เขาก็จะมีกลับบ้านเขาไปบ้าง ซึ่งตอนที่เขากลับบ้าน เราจะไม่สามารถติดต่อเขาได้เลย เขาจะพูดกับเราเสมอว่า “ครอบครัวเขาเกลียดมาก” ไม่ให้รับโทรศัพท์ ไม่ให้ทำอะไรเลย แล้วพอมารู้เรื่องนี้ เราก็เหมือนตัดสินใจแล้วว่า “ฉันไม่เอาละ ฉันเลิกดีกว่า” ที่อยากเลิกเพราะรู้สึกว่าเขาเหมือนโกหกเรามาตลอด เพราะเราเองก็ถามมาตลอดเหมือนกัน ณ ตอนนี้ หลังจากที่เลิกกันแล้ว ก็ยังรู้สึกว่าคาราคาซังอยู่ เราก็คิดว่าเราไม่เอาแล้ว แต่ทางเขาก็ไม่ยอมเลิก จริง ๆ ก็เคยถามเขาเรื่องหย่า เขาก็บอกว่า “เดี๋ยวจะทำเรื่องหย่าให้” แต่พอถามเขาอีกรอบ เขาก็ยังตอบเหมือนเดิม โดยที่ไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย เหมือนเขาแค่ตอบให้ผ่านๆ ไป วันนี้จึงอยากจะถามพี่ๆดีเจว่า “เราควรจะไปต่อดีไหม ถ้าเรามองข้ามเรื่องนั้นไป หรือเราจะเข้าไปคุยกับพ่อแม่เขาดี หรือจริงๆ ควรจะจบแค่เพียงเท่านี้ ?”’ ซึ่งทาง “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าคนของเราโอเค มันจะแบ่งเบาภาระไปได้เยอะ ถ้าครอบครัวเขาไม่ชอบ อันนี้ก็จะเป็นอีกหนึ่งความลำบาก ซึ่งจะขึ้นอยู่กับคนกลางที่เป็นคนของเราเหมือนกัน เขาพร้อมที่จะเสียสละเพื่อที่จะอยู่กับเราไหม? ผมว่า 6 - 7 ปีที่ผ่านมา คุณยีนส์กำลังเข้าสู่ช่วงอยากมีตัวตน มันถึงวัยที่คุณยีนส์อยากได้รับการยอมรับ อยากเริ่มสร้างครอบครัวจริงจัง รวมถึงเริ่มรู้สึกเสียเวลาถ้าอยู่โดยไม่มีปลายทาง พอมาดูความรักของคุณยีนส์ มันก็ยังคงมีคำถามมากมาย ครอบครัวเขาจะรับเราได้ไหม? หรือเขาเองนี่แหละพร้อมที่จะเปิดตัวเรารึเปล่า? ซึ่งมันเป็นคำถามมากเลย สมมติว่าถ้าผมซี้กับคุณยีนส์ ผมก็จะแนะนำว่า “เราเคยเห็นคนที่มันชัดเจน เป็นความรักของ LGBTQ ที่เปิดตัว สร้างครอบครัวไปด้วยกัน ซึ่งมันดี” ไม่อยากให้คุณยีนส์เสียเวลา ถ้าต้องเลือกทางใดทางหนึ่ง อายุเราก็เดินทางมาถึงเลขสี่แล้ว การที่เราจะต้องซื้อเวลาไปข้างหน้า เพื่อความขมุกขมัวที่ไม่แน่นอน ผมไม่ค่อยสนับสนุน มันอาจจะต้องมองหาสิ่งที่มันแน่นอน และเริ่มสร้างครอบครัวด้วยกันได้แล้ว ถ้ามันต้องเลือก ผมอยากให้คุณยีนส์มองหาสิ่งที่ทำให้คุณยีนส์มีความสุขจริง ๆ ได้สักที’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘การที่เรามีทะเบียนสมรสอยู่ แล้วเราอยู่กับใครคนนึงมา 6 ปี โดยที่ไม่บอกเรื่องนี้ หอมว่ามันใจดำไปนิดนึง เพราะมันผิดกฎหมายด้วย ถ้าอีกฝ่ายจะฟ้อง เราแย่แน่ 6 - 7 ปี ที่อยู่ด้วยกันมา เขาไม่คิดจะบอกคนที่อยู่ข้าง ๆ เลยเหรอ? ถ้าเกิดผู้ชายคนนั้นไม่มีตัวตน อันนี้มันพูดง่ายมาก แค่บอกว่ายังไม่หย่า มันได้ใจเรามากกว่าอีก แล้วการปกปิดนี้มันเป็นเราที่มารู้เอง อีกเรื่องคือ เขาไม่เคารพ ไม่ให้เกียรติเราเลย อายุ 42 แล้ว ยังกลัวพ่อด่าเรื่อง LGBTQ อยู่อีกเหรอ? สมมติว่าการเลิกราเกิดขึ้น แล้วอีกฝ่ายไม่อยากเลิก สิ่งที่ยื้อคุณยีนส์กลับมาได้คือ การกระทำ เช่น 1. เดี๋ยวหย่าให้ 2. คือการพาไปไหว้พ่อ เปิดตัวให้รู้เลยว่าฉันจริงจัง มันต้องแสดงด้วยการกระทำ แต่นี่... ป่านนี้ยังไม่ทำอะไรเลย แล้วคือคุณยีนส์จะต้องรอคน ๆ นึงที่ไม่เคยให้เกียรติคุณยีนส์มาตลอด 6 ปี เลยเหรอ? เขามีราคาอะไรที่เราจะต้องจ่ายขนาดนั้น ความดีนี้ต้องซื้อด้วยอะไร ในเมื่อมันไม่มี ถ้าเขาอยากตื๊อก็ตื๊อได้ แต่ต้องอยู่กับปัจจุบัน ถ้าวันนี้ไม่เห็นอะไรที่น่ากลับไปก็ไม่ต้องกลับ แล้วยีนส์เปิดโอกาสให้ตัวเองเลย ใครสักคนที่ดีกว่านี้ ใครสักคนที่ไม่โกหกเรา ถ้าวันนี้คนเก่ายังทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องกลับ’ และสุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ดูที่พฤติกรรม ถ้าเกิดว่าพฤติกรรมเขาสวนทางกับคำพูด คือถ้ามันเป็นคนที่ใช่ มันจะไม่ยากลำบากขนาดนี้ แล้วสำหรับคู่คุณยีนส์มันหลายปีแล้ว มันควรจะต้องใช่ได้แล้ว มันไม่ควรจะมาตั้งคำถามในตอนนี้แล้ว มันเสียเวลาชีวิต 6 – 7 ปี มันพิสูจน์มามากพอแล้วว่าคุณยีนส์รักเขา และยอมขนาดไหน ขนาดให้เขาปกปิดโลกของเขาแล้วไม่งี่เง่าอะไรเลย วันนี้ถึงเวลาที่เขาจะทำให้เราเห็นแล้วว่า เขาอยากให้เราอยู่ ไม่ใช่แค่ปากที่มาง้อ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูหมั้นกับแฟน มั่นใจในรักครั้งนี้ ก็ตัดสินใจท้องกับแฟน แต่เพิ่งรู้ว่ามีผู้หญิงอีกคนก็ท้องกับแฟนหนูเหมือนกัน พอถามแฟน แฟนบอกว่าถ้าจะต้องเลือกคนใดคนนึง ขอเลือกตัวเองดีกว่า หนูจะทำยังไงต่อไปดีคะ?

13 ก.ย. 2024

หนูหมั้นกับแฟน มั่นใจในรักครั้งนี้ ก็ตัดสินใจท้องกับแฟน แต่เพิ่งรู้ว่ามีผู้หญิงอีกคนก็ท้องกับแฟนหนูเหมือนกัน พอถามแฟน แฟนบอกว่าถ้าจะต้องเลือกคนใดคนนึง ขอเลือกตัวเองดีกว่า หนูจะทำยังไงต่อไปดีคะ?

“คุณตาล (นามสมมติ)” อายุ 23 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (11 ก.ย. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาหมั้นกับแฟนเลยปล่อยท้อง แต่จับได้ว่าแฟนไปทำผู้หญิงคนอื่นท้องเหมือนกัน โดย “คุณตาล (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘หนูคบกับแฟนมาเกือบ 3 ปี เขาดีกับหนูทุกอย่างจนทำให้หนูไว้ใจเขา และช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมาเขาบอกหนูว่า เขาอยากมีลูก ด้วยความที่พวกเรามีแพลนที่จะหมั้นกัน หนูจึงตัดสินใจว่า ถ้าอยากมีหนูก็จะมีให้ พอผ่านมาไม่กี่เดือน ก็รู้ว่าตัวเองท้องตามที่อยากได้ เราดีใจมากบอกพ่อแม่เขา แล้วก็พาหนูไปฝากครรภ์ พอหลังจากนั้นประมาณ 2 - 3 วัน ก็มีผู้หญิงคนหนึ่ง แอดเฟซบุ๊กหนูมา หนูจึงเข้าไปดูด้วยความสงสัยว่าเป็นใคร ทำไมถึงแอดมา พอเข้าไปดูสตอรี่ที่เขาตั้งเอาไว้ ก็ได้เห็นว่าเขาอยู่กับแฟนเรา ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยมาๆ เป็น 10 อัน หนูจึงไปถามแฟนว่า “คนนี้คือใคร ทำไมถึงอยู่ด้วยกัน” แฟนหนูก็ยอมรับแต่โดยดีว่า “เขาคุยกับผู้หญิงคนนี้อยู่” หนูทั้งโกรธ และตกใจ คือเขามีคนอื่นก่อนหนูท้องอยู่แล้ว แต่ที่ให้หนูตั้งท้องเพราะเขารู้ว่า ถ้าหนูท้องแล้วจับได้ว่าเขามีคนอื่น หนูก็ต้องให้อภัยเขาอยู่แล้ว หลังจากนั้นหนูก็คุยกับเขา หนูก็ให้โอกาสเขาปรับปรุงตัว แล้วก็เลิกกับผู้หญิงคนนั้น พอหลังจากนั้น 3 - 4 เดือน หนูเข้าไปส่องเฟซของผู้หญิงคนนั้น ก็เห็นว่าเขาโพสต์ว่าเขาท้อง หนูก็สงสัยว่าเขาท้องกับใคร ก็เลยไปถามแฟน ตอนแรกแฟนไม่ยอมรับ พอหนูเค้นถามไปเรื่อย จนเขายอมรับว่า “เขากำลังไปคุยกัน เพราะผู้หญิงคนนั้นขู่ว่า ถ้าแฟนของหนูไม่กลับไปคบกับเขา เขาจะฆ่าตัวตาย” แฟนหนูเลยยอมกลับไปคบกับผู้หญิงคนนั้น ซึ่งผู้หญิงคนนั้นที่ท้อง ก็ท้องกับแฟนหนู ตอนนี้ท้องประมาณ 2 - 3 เดือน หลังจากนั้น แฟนก็มาขอโอกาสหนู เขาบอกว่า “ถ้าให้เลือก เขาเลือกหนู เขาตัดขาดกับผู้หญิงคนนั้นได้ แต่เขาตัดขาดจากลูกไม่ได้” ซึ่งหนูเลยบอกว่า “ถ้าให้อยู่แบบนั้น หนูไม่โอเค” แล้วคำตอบที่ได้มาจากเขาคือ “งั้นขอไม่เลือกใคร จะอยู่คนเดียวเอง” ตอนนี้คือพ่อแม่ของหนูอยากให้หนูกลับไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด หนูคิดว่าจะกลับบ้าน แล้วหนูก็คิดว่า ต่อให้กลับไปคืนดีกับเขาก็คงทำไม่ได้ เพราะหนูหมดความเชื่อใจเขาไปหมดแล้ว หนูอยากถามพี่ๆดีเจว่า หนูควรมูฟออนจากตรงนี้ยังไงดีคะ?’ เริ่มจาก “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘ในภาวะของคนเป็นแม่จะมีฮาร์โมนอะไรบางอย่างที่ฟุ้งซ่าน และเป็นความกังวล พอเป็นลูกคนแรกตาลอาจจะคิดว่า เวลานี้เราไม่ควรอยู่คนเดียว แต่ในการที่พี่ได้คุยกับตาล ตาลเป็นคนที่เข้มแข็งมาก ค่อนข้างแน่วแน่ ซึ่งตอนนี้เหมือนตาลได้ตัดแฟนที่เป็นเนื้อร้ายอออกไปได้ 1 ก้อนแล้ว ทีนี้เราต้องอยู่กับสิ่งมีชีวิตที่กำลังจะเกิดซึ่งคือลูกของเรา พี่อยากให้ตาลมีความสุขและสนุกกับสิ่งมีชีวิตที่กำลังจะเกิดมา ให้มีความสุขกับการรอคอยว่าเมื่อไหร่เขาจะเกิด ตัดไปเลยว่าการมีความสุขไม่ต้องมีผู้ชายคนนั้น ยิ่งตัดผู้ชายคนนั้นออกไปได้เท่าไหร่จะยิ่งดี ความสุขของตาลจะหดหายก็ต่อเมื่อตัดเขาไม่ขาด เขาจะวุ่นวายจนทำให้ตาลรู้สึกลังเล ในมุมของพี่ พี่อยากให้ตาลกลับไปอยู่กับที่บ้านกับพ่อแม่ แล้วรู้สึกว่า ”เราไม่ได้อยู่คนเดียวนะ ตอนนี้เราอยู่กับคนที่รักเราทั้งหมดเลย คนที่ไม่รักเรา คนที่เห็นแก่ตัว คนที่พูดจาโกหกใส่เรา มันออกไปแล้ว” แล้วถ้าระหว่างนี้ตาลรู้สึกว่าเหงา ฟุ้งซ่าน หรืออยู่คนเดียว ตาล Direct มาหาพี่เลย เดี๋ยวพี่จะเป็นเพื่อนคุยกับตาล ทำยังไงก็ได้พี่หอมไม่อยากให้ตาลกลับไป พี่อยากให้ตาลมีความสุข อีกไม่กี่เดือนน้องจะเกิดมาแล้ว ”เราจะซื้อของอะไรไว้ดี เราจะสอนอะไรเขาดี” อย่าให้ใครมาทำลายความสุขเรา คนที่เขามาเพื่อทำร้ายเรามันจะออกไปแล้ว อดทนอีกนิดนึง เมื่อไหร่ที่มันออกไป วันนั้นจะไม่มีอะไรกวนใจตาลได้เลย’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘วิธีที่ตาลจะมูฟออนคือโฟกัสกับตัวเองและลูกเลย หลังจากที่เราโชคร้ายเจอคนที่ไม่ดีคนนี้ จากนี้ไปมีจะดีขึ้นเรื่อยๆ ตาลจะตั้งใจเลี้ยงลูกโดยมีคุณตาคุณยายช่วยเลี้ยงเขามาให้ดีที่สุด แล้วลูกก็จะออกมาเป็นคนดีที่ไม่ทำตัวเหมือนพ่อ ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีที่คุณพ่อคุณแม่เข้าใจ และพร้อมรับให้ตาลกลับบ้านเสมอ กลับไปอยู่กับคุณพ่อคุณแม่เริ่มใหม่ ดูแลตัวเอง อีก 3 เดือนก็จะได้เจอเขาแล้ว ถ้าเป็นพี่พี่จะเลี้ยงเขาให้ดีที่สุด ให้เขาไม่ทำผู้หญิงคนไหนเสียใจ เขาจะไม่มีวันทำแบบนี้กับสิ่งที่พ่อทำกับแม่เขา เอาให้พ่อในอนาคตมาเห็น มันละอายใจตัวเอง เราต้องยืนอย่างสง่า กับลูก กับตา กับยาย’ สุดท้าย “ดีเจเผือก” ให้ความคิดเห็นต่อว่า “ผู้ชายคนไหนที่ทำร้ายภรรยาในขณะที่ท้องอยู่ ไม่ว่าจะทางร่างกายหรือจิตใจ พี่ให้เป็น 1 ในเคสที่ไม่น่าคบหามากที่สุด พี่ว่ามันเกิดกว่าจะให้โอกาส ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะให้โอกาส หรืออยู่กับเขาต่อ แถวเขายังหลอกให้ตาลท้องอีก ใจร้ายมาก เห็นด้วยกับพี่หอมเลยว่า การเปลี่ยนสภาพแวดล้อม เปลี่ยนบรรยากาศ กลับไปอยู่กับคุณพ่อคุณแม่น่าจะดีที่สุด อย่างน้อยยังมีคนที่ช่วยเลี้ยงน้อง แล้วอยากให้ตาลรู้เสมอว่า ด้วยฮอร์โมนจากการคลอด ไม่ว่าจะเศร้าอยู่ หรือปกติ ก็มีโอกาศที่จะเป็นซึมเศร้าหลังคลอด แต่ให้คิดว่า ถ้ามีผู้ชายคนนี้อยู่อาจจะหนักกว่านี้ก็ได้ พี่คิดว่าตาลเป็นคนฉลาด และรู้ว่าควรเลือกสิ่งไหนให้ตัวเองและลูก แล้ววันนี้ตาลได้เลือกแล้ว ด้วยความมั่นใจและเด็ดขาดในการตัดสินใจครั้งนี้ ขอเป็นคนที่สนับสนุนการตัดสินใจครั้งนี้ของตาล หลังจากนั้นไม่ต้องกังวลอะไรมาก แม่เลี้ยงเดี่ยวเก่งๆมีเยอะมากมากในวยุค จงเชื่อว่าเราได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเราและลูกแล้วในวันนี้ คนบางคนไม่มีดีกว่ามี และดูแลสุขภาพให้ดีนอนให้ดี กินให้ดี รู้สึกอุ่นใจที่ตาลตัดสินใจแบบนี้นะ ตาลเด็ดเดี่ยวมาก พวกพี่ขอส่งกำลังใจให้’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1