เมื่อก่อนผมไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง จนผมเล่นฟิตเนสแล้วภูมิใจกับหุ่นตัวเองตอนนี้มากๆ เลยถ่ายรูปลงโซเชียล แต่แฟนผมไม่เข้าใจ เหมือนเขาบอกเราโพสเรียกแขก จะทำยังไงให้แฟนเข้าใจดีครับ? ที่ถ่ายลงก็อยากสร้างแรงบัลดาลใจให้คนอื่นๆด้วย

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

เมื่อก่อนผมไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง จนผมเล่นฟิตเนสแล้วภูมิใจกับหุ่นตัวเองตอนนี้มากๆ เลยถ่ายรูปลงโซเชียล แต่แฟนผมไม่เข้าใจ เหมือนเขาบอกเราโพสเรียกแขก จะทำยังไงให้แฟนเข้าใจดีครับ? ที่ถ่ายลงก็อยากสร้างแรงบัลดาลใจให้คนอื่นๆด้วย

27 ก.พ. 2024

          “คุณแบงค์ (นามสมมติ)” อายุ 29 ปี สายสุดท้ายในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [21 ก.พ 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจอ้อย นภาพร เกี่ยวกับปัญหาชีวิตคู่

            โดย “คุณแบงค์(นามสมติ)” ได้เล่าว่า ‘ผมกับแฟนเป็นคู่รัก LGBTQ+ ที่คบกันมาประมาณ 3 ปีกว่า ๆ ซึ่งตอนแรกที่ผมคบกับแฟน ผมเป็นคนออกกำลังกายอยู่แล้ว แต่ไม่มั่นใจในตัวเอง เลยไม่ค่อยได้ลงรูปอวดหุ่นลงโซเชียล จนมาถึงช่วงหลัง ๆ ผมเริ่มมีความมั่นใจในหุ่นตัวเอง ก็ได้มีการลงรูปอวดหุ่นบนโซเชียลมากขึ้น จึงทำให้แฟนผมมองว่า ผมเริ่มเปลี่ยนไปจากช่วงแรกที่คบกัน เป็นการลงโปรโมทตัวเองหรือเปล่า

            ผมก็ได้มีการถามกับแฟนไปว่า “จะให้ผมเลิกเล่นโซเชียลเลยหรือเปล่า” แต่แฟนผมก็มองว่า “มันคงเป็นการจำกัดสิทธิ์ผมเกินไป” ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะต้องทำยังไง ซึ่งผมก็เอาชื่อแฟนมาใส่บนไบโอไอจี และลงรูปกับแฟนในสตอรี่ปกติ แต่รูปที่ผมลงอวดหุ่นก็จะมีคนอื่นมาแซว และส่งข้อความมาหา แฟนผมเห็นแล้วก็จะมาถามผมว่า คนนี้ใคร เวลาที่แฟนหึงก็จะนิ่งไป ผมจึงอยากถามว่า ผิดไหมที่ผมลงรูปอวดหุ่นบนโซเชียล?’

            งานนี้ “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาเป็นคนแรกว่า ‘ต้องให้แฟนทำความเข้าใจก่อนว่า เป็นเรื่องธรรมชาติของคนที่ออกกำลังกาย ที่จะหลงใหลในการเปลี่ยนแปลงของร่างกายตัวเอง อุส่าห์มีวินัยในการออกกำลังกายกี่วันต่ออาทิตย์ วินัยในการเลือกกิน เมื่อส่งผลดีต่อร่างกาย มีกล้ามก็จะส่องกระจกบ่อยขึ้น และจะถ่ายรูปลงโซเชียลมากขึ้น เพราะนั้นคือผลลัพธ์ของการพยายาม ก็อยากให้แฟนคุณแบงค์เบาใจขึ้นนิดนึง เพราะคนส่วนใหญ่เขาก็เป็น ส่วนปัญหาที่ว่าคุณแบงค์ลงรูปกับแฟนแค่ในสตอรี่ ก็อยากให้ลงเป็นโพสต์มากขึ้น ทำให้แฟนรู้สึกว่ามีเขาอยู่ ที่ยังเป็นเจ้าของกล้ามอันนี้อยู่

            ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ที่จริงแล้วมันเป็นสิทธิ์ของคุณแบงค์ ที่จะลงหรือไม่ลง ส่วนคนที่จะนอกใจ จะลงรูปหรือไม่ลงรูป ยังไงก็นอกใจ ด้วยความที่คุณแบงค์มีกล้ามแล้วดูดีขึ้น ก็อาจจะทำให้แฟนหวง ยิ่งพอลงรูปแล้วมีคนส่งข้อความมาหา คนที่เป็นแฟนคงรู้สึกว่ามันจะยังไงและยังคงเป็นเหมือนเดิมไหม หรือยังจะรักกันเหมือนเดิมหรือเปล่า

            สิ่งที่จะทำให้แฟนรู้สึกสบายใจขึ้นก็คือ ต้องลงรูปคู่กับแฟนบ้าง เพราะอย่างน้อยจะได้บอกกับชาวโลกว่า คุณแบงค์ไม่ได้โสด ถ้าทำแบบนี้ก็อาจจะทำให้แฟนรู้สึกสบายใจขึ้น ถ้านอกเหนือจากนี้คุณแบงค์ก็ต้องทำให้แฟนเห็นว่าจะลงรูปยังไง คุณแบงค์ก็ไม่มีทางนอกใจแฟนแน่นอน สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับการกระทำด้วยว่า ยังไงก็ไม่นอกใจเขาแน่นอน’

            สุดท้าย “ดีเจพี่อ้อย” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เราต้องมีทัศนคติอันนี้ก่อนว่า ดีจังเลยที่แฟนยังหึงเราอยู่ เพราะถ้าเราไม่มีความสำคัญต่อใจเขาแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องหึง จะทำอะไรก็ทำเลย เพียงแต่ตอนนี้พี่อ้อยอยากให้แบงค์แก้ปัญหาให้ตรงปัญหา อย่าแก้ปัญหาด้วยการไปตีฟูปัญหา เช่น “งั้นจะไม่ให้ลงเลยไหมละ” ซึ่งมันไม่ถึงขั้นนั้น แฟนก็อยากให้คุณแบงค์มีความสุขในการใช้โซเชียล แต่แฟนคงเป็นห่วงว่าจะมีคนอื่นเข้ามายุ่งในความสัมพันธ์เราไหม

            วิธีเดียวที่จะแก้ปัญหาได้ คือคุณแบงค์ต้องสร้างความมั่นใจให้กับแฟน เช่น เวลาลงรูปก็ถามแฟนว่า “แฟนไม่สบายใจกับรูปไหนหรือเปล่า ทำไมหรอ แต่เราภูมิใจนะที่เธอหวง จริง ๆ แล้วที่เราลงรูปไปเพราะเป็นความภาคภูมิในตัวเรา และเธอภูมิใจเถอะ เพราะฉันเลือกเธออยู่แล้ว” พี่อ้อยมองว่าถ้าเราสื่อสารกันทางบวกก็เป็นเรื่องที่ดี คุณแบงค์ยังมีความสุขในการลงรูปในโซเชียลเหมือนเดิม แต่ต้องสร้างความเชื่อใจให้แฟนมากขึ้น ว่าที่สุดแล้วเราเลือกเขา เพราะนี่คือปัญหาความรักที่อาจจะห่วงมากไปหน่อย แต่ถ้าเป็นปัญหาเรื่องของไม่รัก อันนี้พี่ว่าแก้ยากมากกว่า’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ตัดสินใจแบบนี้ถูกไหม? หนุ่มโทรปรึกษา 3 ดีเจในรายการ... ล่าสุด มูลนิธิผู้ยากไร้ ติดต่อมาบอกว่า พี่สาวต่างพ่อที่ไม่ได้เจอกัน มาเป็น 10 ปี เป็นมะเร็งตับ ป่วยติดเตียง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เขาอยากให้ไปเคลียร์กันก่อนถึงวาระสุดท้าย แต่ผมจะยังไม่บอกแม่...

11 ส.ค. 2023

ตัดสินใจแบบนี้ถูกไหม? หนุ่มโทรปรึกษา 3 ดีเจในรายการ... ล่าสุด มูลนิธิผู้ยากไร้ ติดต่อมาบอกว่า พี่สาวต่างพ่อที่ไม่ได้เจอกัน มาเป็น 10 ปี เป็นมะเร็งตับ ป่วยติดเตียง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เขาอยากให้ไปเคลียร์กันก่อนถึงวาระสุดท้าย แต่ผมจะยังไม่บอกแม่...

ตัดสินใจแบบนี้ถูกไหม? หนุ่มโทรปรึกษา 3 ดีเจในรายการ...ล่าสุด มูลนิธิผู้ยากไร้ ติดต่อมาบอกว่า พี่สาวต่างพ่อที่ไม่ได้เจอกันมาเป็น 10 ปี เป็นมะเร็งตับ ป่วยติดเตียง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เขาอยากให้ไปเคลียร์กันก่อนถึงวาระสุดท้าย แต่ผมจะยังไม่บอกแม่เพราะกลัวแม่จะเครียด ผมควรทำยังไง จะบอกหรือไม่บอกแม่ดี? “คุณเค (นามสมมุติ)” อายุ 36 ปี สายที่สามของรายการ “พุธทอล์ค พุธโทร” เมื่อคืนวันพุธที่ผ่าน (2 ส.ค.66) ได้โทรเข้ามาปรึกษาพี่ๆดีเจ ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาชีวิตว่าคิดถูกไหมที่ไม่ได้บอกแม่ว่าพี่สาวป่วยติดเตียง โดย “คุณเค (นามสมมุติ)” อายุ 36 ปี เล่าว่า ‘ผมมีพี่สาวต่างพ่อที่ไม่ได้เจอกันมา 10 ปีแล้ว จนมีมูลนิธิผู้ยากไร้ได้ติดต่อมาหาผม แล้วบอกว่าพี่สาวเป็นผู้ป่วยติดเตียงและมองไม่เห็น ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิก็แจ้งกลับมาว่าพี่สาวผมเป็นมะเร็งตับอยู่ในระยะสุดท้าย ไม่สามารถที่จะรักษาได้เเเล้ว ซึ่งพี่สาวคนนี้เป็นพี่สาวคนละพ่อกัน ก่อนหน้านี้แม่กับพี่สาวก็เจอกัน พี่สาวเป็นคนมาหา ปกติแม่ไม่เคยมีการพูดถึงพี่สาวเลย นอกจากจะหลุดพูดมาจริงๆ แต่นานๆที เขาจะหลุดมาสักครั้งสองครั้ง ทางพี่สาวก็ไม่มีญาตินอกจากลูกของเขาที่อยู่สถานกำพร้า ผมได้เจอกันครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะเป็นแบบนี้ก็ปี 2550 ล่าสุดผมก็ไปเยี่ยมเขามาแต่ตอนนั้นเขาพึ่งได้รับยานอนหลับไป ได้เจอตอนเขานอนหลับอยู่ก็เลยไม่ได้คุยกัน สำหรับสติของพี่สาวการรับรู้ไม่ได้ 100% เดี๋ยวผมจะลองหาเวลาไปเจอเขาในช่วงที่เขาไม่ได้หลับ อาจจะลองพูดคุยดูถ้าเขาพอที่จะพูดคุยได้ ณ ตอนนี้ทางมูลนิธิเหมือนเขาอยากให้ไปเคลียร์กันก่อนจะถึงวาระสุดท้าย แต่ทีนี้ผมตัดสินใจว่า จะยังไม่บอกคุณแม่จนกว่าไฟนอลหรือแย่สุดคือตอนเขาไม่อยู่เเล้ว ใจผมคือ...ไม่อยากบอกแม่ เลยตัดสินใจที่จะไม่บอก ผมประเมินสภาพจิตใจของแม่น่าจะรับไม่ไหว เพราะเขาก็อายุเยอะ เดี๋ยจะมีรักษาดวงตาด้วย แล้วแม่ก็เป็นคนที่ชอบคิดมาก ย้ำคิดย้ำทำ ช่วงนี้ก็ใกล้ผ่าตัดผม ผมก็กลัวว่าแม่จะเครียด ผมอยากปรึกษาพี่ๆดีเจว่า ‘ถ้าผมตัดสินใจในวันนี้มันโอเคไหมหรือว่ามันมีทางอื่นที่พวกพี่ๆคิดว่ามันดีกว่านี้มั้ย?’ ซึ่ง “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าเป็นหอมจะแกล้งๆถามแม่แบบสมมติเหตุการณ์ ถามว่า พี่คนนี้เป็นไงบ้าง แม่ได้ติดต่อมั้ย แม่คิดถึงมั้ย? แล้วถ้าเขาไม่อยู่แม่จะว่าไง ค่อยๆประเมินไป ถ้าเเม่บอกว่าถ้าเขาจะไปก็อยากเจอนะ ก็ต้องทำให้ตามนั้น เพราะว่ามันก็เป็นสิทธิของคุณแม่เหมือนกันที่จะได้บอกลาลูกสาวของเขา เเต่ถ้าเเม่คิดว่าก็ไม่ได้เจอกันแล้ว ไม่สนใจมันจะตายก็ชั่งมันอะไรแบบนี้ เราก็ไม่ต้องบอก เคน่าจะรู้ว่าจะแกล้งถามยังไงเพราะเเม่ของเค เคน่าจะรู้ดีสุด’ ทางด้าน “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าระหว่างรู้กับไม่รู้ คุณแม่จะเจ็บปวดอันไหนมากกว่ากัน ณ ตอนนี้ทำไมเราถึงไปคิดแทนเขา ในมุมที่ถ้าเขามีอะไรกันจริงๆนะ ถ้าคุณแม่ได้กลับเพื่อไปอโหสิกรรมมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้อววิตกกังวล การที่เขาจะได้รู้ว่าลูกสาวเขากำลังจะเสียชีวิตแล้วเขาอยากจะมีอะไรที่พูดกัน พี่คิดว่าการที่หลานเอาเบอร์คุณเคให้ทางเจ้าหน้าที่แล้วบอกว่าจะให้เคลียร์ใจกัน มันก็น่าจะมาจากฝั่งพี่สาวว่าเขาอยากจะเจอคุณแม่ของเขานะ เข้าใจในความหวังดีของคุณเค แต่สำหรับคุณแม่มันจะโอเคไหม ถ้าสุดท้ายเขารู้ว่าลูกจะเสียชีวิตเเล้ว เขาอยากจะไปส่งเเล้วการที่คุณเคไปตัดตรงนี้ออกบางทีอาจจะไม่ใช่ในสิ่งที่เขาต้องการ’ ส่วน “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘รู้สึกว่าพี่สาวคุณเคชีวิตเขาน่าสงสาร ทั้งโรคภัยหรือแม้กระทั่งญาติใกล้ชิดก็ไม่มี ผมเคารพการตัดสินใจของคุณเคอยู่ในระดับหนึ่ง อยากให้ลองทบทวนดูอีกสักที อย่างน้อยคุณเคไปอยู่กับเขาในวาระสุดท้ายในสถานะลูกพี่ลูกน้องก็ยังดีกว่าปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวนะ ไม่ช้าหรือเร็วคุณแม่ก็อาจจะรู้เรื่องนี้ คุณเคลองคิดดูว่าเวลาไหนที่เหมาะกับการบอก อย่าปล่อยให้พี่สาวโดดเดี่ยวไปมากกว่านี้เลย’ สุดท้ายนี้...พี่ๆดีเจยังบอกอีกว่า ‘พี่สาวเขายังมีแม่อยู่นะ เขาเป็นสายเลือดเดียวกัน แม่คุณเคมีคุณเค แต่พี่สาวไม่มีใครเลยนะ เขาอาจจะเหลือแม่แค่คนเดียว เเล้วก็เป็นกำลังใจให้กับคุณเคและขอให้ทุกการตัดสินใจส่งผลดีกับคุณเคด้วย’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ตอนนี้อายุ 17 แต่ลังเลกับชีวิต... จะเลือก 'ลาออก' จากโรงเรียน แล้วไปหางานทำ หรือ 'เรียนต่อ' จนจบดี ตัดสินใจไม่ได้ รู้สึกเหมือนเปลืองเงินพ่อแม่ไปวันๆ

01 ธ.ค. 2023

ตอนนี้อายุ 17 แต่ลังเลกับชีวิต... จะเลือก 'ลาออก' จากโรงเรียน แล้วไปหางานทำ หรือ 'เรียนต่อ' จนจบดี ตัดสินใจไม่ได้ รู้สึกเหมือนเปลืองเงินพ่อแม่ไปวันๆ

“คุณชาเย็น (นามสมมติ)” อายุ 17 ปี สายที่สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (29 พ.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม กับปัญหาที่ว่าจะเรียนต่อหรือลาออกมาทำงานดีเพราะว่าสงสารพ่อแม่ที่ทำงานลำบากมาส่งตัวเองเรียน โดย “คุณชาเย็น (นามสมมติ)” ได้เริ่มปรึกษาว่า ‘หนูเลือกที่จะเรียนต่อ หรือว่าเลือกที่จะออกจากโรงเรียนดี หนูสงสารพ่อแม่ที่ต้องทำงานส่งหนูเรียนเพราะว่าหนูเป็นคนที่ไม่เข้าเรียน ชอบโดดเรียน เพราะในห้องหนูไม่มีเพื่อนเลย ก็จะโดดเรียนไปนั่งที่โรงอาหารกับเพื่อนห้องอื่น เพื่อนในห้องเดียวกันก็ไม่มีใครพูดกับหนู เพราะเขาเห็นหนูเป็นคนไม่ดีกันไปหมดแล้ว หนูเคยขึ้นไปเรียนครั้งนึง เรียนไปหนูก็ไม่มีความสุข หนูสงสารพ่อแม่ที่ต้องทำงานหาส่งหนูเรียน หนูเห็นท่านทำงานลำบากแล้วสงสาร หนูเลยคิดว่า ออกทำงานดีไหมเพื่อหาเงินให้พ่อแม่บ้าง อยากหาเงินมีอะไรเป็นของตัวเองบ้าง ตอนนี้หนูอยู่ ม.4 หนูคิดว่าจะไปทำเป็นเด็กเสิร์ฟแล้วก็ไปเรียน กศน. เอาวุฒิม.6 ไปต่อมหาวิทยาลัยหนูคิดไว้ว่าอย่างนี้ หนูอยากปรึกษาว่าหนูควรลาออกมาทำงานหรือว่าควรจะเรียนต่อดี’ โดยเริ่มที่ “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่เป็นคนที่อยู่ในกลุ่มเก ไม่เรียนหนังสือ ไม่ตั้งใจ เพื่อนพี่ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน พี่มีทั้งกลุ่มที่เป็นเด็กเรียน และไม่เรียน แต่พี่ชอบเอาตัวเองไปอยู่ในกลุ่มเด็กเกเร เพราะพี่มีปัญหาทางบ้าน บ้านพี่ไม่ค่อยอบอุ่นพี่ก็เลยไปทำอะไรแบบนั้น แต่คนที่เป็นรุ่นราวคราวเดียวหรือกลุ่มเกเรของพี่ ไม่ตายก็ติดคุก ไม่ติดคุกก็ติดยาแล้วก็เป็นบ้า ทั้งหมด 30 กว่าคน มีพี่รอดคนเดียว พี่เลยไม่แน่ใจว่าชาเย็นจะเป็น 1 ในคนที่รอดไหม ที่พี่รอดเพราะพี่หันกลับมาเรียนในวันหนึ่ง พี่เลือกที่จะไม่ติดยาแล้วก็ตายไปกับเพื่อน พี่เลือกวกกลับมา แล้วพี่รู้สึกเสียดายเวลาที่ ณ เวลานั้น กูไปทำอะไรอยู่วะ พี่ก็คิดแบบนี้ พี่อยากได้เงิน แต่การอยากได้เงินของพี่ พี่มีเป้าหมายในชีวิต ก็คือหาเงินเรียนในสิ่งที่ต้องการ พี่ฟังชาเย็น พี่ไม่เห็นเป้าหมายที่มันแข็งแรง เป็นเป้าหมายระยะสั้นๆ จะไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟแบบนี้ พี่ว่าความทะเยอทะยานมันน้อยไปหน่อย ถ้าเป็นเด็กเสิร์ฟแล้วต้องไปเรียนต่อ สุดท้ายมันก็ต้องไปเรียนต่อ แล้วปัญหาที่เพื่อนไม่คุยกับเรา มันไม่แปลกหรอกเพราะเราไปอยู่กลุ่มที่มันคนละเคมีกับเขา ถ้าวันนี้เราอยากกลับไปอยู่ ในสังคมที่เพื่อนเขาคุยกับเรา เราก็ลองคุยกับเขาก่อน เราไปตั้งใจเรียนไปอยู่ในกลุ่มของเขา มันมีวิธีในการเขาหาเพื่อนได้เยอะแยะ พี่ว่าโลกข้างนอกอันตรายเกินไป แต่มันก็อยู่ที่ใจชาเย็นนะ ถ้าอยากออกมาหาเงินจริง ๆ อันนี้ต้องคุยกับพ่อแม่ เราก็ลองปรึกษาเขาว่าให้หนูออกมาทำงานดีไหม หนูอยากหาเงิน แต่เป้าหมายต้องแข็งแรงกว่านี้หน่อยว่าทำงานอะไร ต้องการเงินเท่าไหร่ พี่ว่าการเรียนหนังสือมันก็ให้อะไรมากกว่าที่เราคิด วุฒิการศึกษามันสามรถทำให้ง่ายกับการเปลี่ยนอาชีพ สมมติว่าอยากไปทำธุรการ ไปเรียนคุณครู แบบนี้เขาดูวุฒิการศึกษา ยกเว้นชาเย็นจะบอกว่าหนูอยากจะไปเป็นเน็ตไอดอล หนูสามารถทำเงินได้ 100 ล้าน ไม่ต้องใช้วุฒิการศึกษา แต่ต้องถามตัวเองว่าแล้วเราชอบทางนี้ไหม หรือเรามีความสามารถทางนี้ไหม ถ้าวันนี้เรายังไม่รู้ตัวเองว่าต้องการอะไรหรือชอบอะไร พี่ว่าการเรียนไปก่อนเป็นสิ่งที่ดี พี่แนะนำแบบนี้ แต่ถ้าอยากจะออกจริงๆ ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนว่า เราต้องการเงินนี้ไปทำอะไร เพื่ออะไรแล้วเลือกอาชีพที่เหมาะกับเรา’ ต่อมาที่ “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘เราอยู่กับเพื่อนแบบไหนก็มีความเป็นไปได้ว่าเราจะกลายเป็นคนแบบนั้นเยอะมาก เลือกอยู่กับคนที่จะพาเราไปสู่สิ่งที่ดี พาเราเจริญขึ้น อันนี้คำแนะนำแรก คำแนะนำที่สอง ถ้าสงสารคุณพ่อคุณแม่จริงๆ สิ่งที่ง่ายที่สุดก็คือทำให้เงินที่เขาจ่าย กลับมามีค่ากลับมาคุ้มค่า ไม่ยากเลยแค่เดินขึ้นไปเรียน ขึ้นไปแล้วเขาไม่คุยด้วยไม่แปลกครับเพราะว่า ชาเย็นบอกเคยขึ้นไปครั้งเดียวแล้วใครจะคุยกับหนูล่ะลูก เพราะเขาเรียนกันมาไม่รู้เท่าไหร่แล้ว หนูเพิ่งเคยขึ้นไปครั้งเดียว ถ้าสมมติหนูเป็นคนที่นั่งเรียนอยู่ แล้วก็มีใครไม่รู้ที่โดดเรียนตลอดเลย แล้ววันหนึ่งมาเพิ่งขึ้นมา หนูจะไปสนิทกับเขาหรอ หนูจะอยากคุยกับเขาหรอ ต่อให้เขาไม่ได้มองว่าหนูเป็นคนดีหรือไม่ดีก็เถอะ เขาก็ไม่ได้สนิทพอที่จะเดินเข้ามาคุย ถ้าเขารู้ว่าใครดีใครไม่ดีแล้วไม่อยากจะมาอยู่กับคนไม่ดี ก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่ถ้าชาเย็นจะบอก ชาเย็นไม่ใช่เป็นคนไม่ดี ชาเย็นแค่ขึ้นไปเรียนอยู่กับเพื่อนมันก็จะค่อยๆ รู้จักกันไปเอง ทีนี้ทำไมถึงอยากให้กับไปเรียน การเรียนให้มันจบอย่างน้อยคือการศึกษาขั้นต่ำ วุฒิการศึกษาที่ชาเย็นจะได้มันทำให้ชาเย็นจะเอาไปยื่นทำงานในอนาคตได้มากกว่าเยอะเลย แล้วโรงเรียนที่มีกฎระเบียบครอบไว้ชาเย็นยังไม่อยู่ แล้วถ้าไปเรียน กศน. ที่ไม่มีอะไรมาครอบไว้ ชาเย็นจะบังคับตัวเองได้หรอ แล้วจะจบไหม กศน. แล้วคิดว่าตัวเองจะสอบผ่านไหม จะเรียนตามเขาได้ไหมในเมื่อกฎของโรงเรียนหนูยังทำไม่ได้เลย พี่บอกสั้นๆ ว่า เรียนให้จบม.6 นี่เป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดที่คนเราจะรับผิดชอบตัวเองได้’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘อยากให้เรียน เพราะว่าฟังจนถึงตอนนี้ พี่อาจจะรีบตัดสินเร็วเกินไปแต่พี่คิดว่าชาเย็นไม่น่ารอดในการออกไปทำงานและหาเลี้ยงชีพด้วยตัวเองแล้วจะกลับไปเรียน กศน. ไปต่อมหาวิทยาลัย พี่คิดแบบี้เลยนะ อย่างที่พี่เผือกถาม หนูเรียนตอนนี้ตามหลักสูตรปกติหนูยังทำไม่ได้ ที่มีเงินจากพ่อแม่ที่ส่งให้หนูไปเรียน แล้วการที่ต้องไปเรียนและทำงานไปด้วยพี่ว่ามันยากมากเลยนะ อันนั้นพี่จะเห็นในกรณีของคนที่เขาไม่มีโอกาส ไม่มีเงิน เขามีเป้าหมายว่า เขาทำงานเพื่อหาเงินเพื่อนส่งตัวเองเรียน กศน. อันนั้นพี่เข้าใจได้ และพี่เชื่อว่าแบบนั้นเขาจะประสบความสำเร็จ เขามีเป้าหมายในชีวิต แต่ตอนนี้ชาเย็นเหมือนเอาอันนี้มาแก้ปัญหาที่มันเป็นการแก้ปัญหาผิดวิธีมากเลย พวกพี่พยายามจะถามว่า การที่กลัวว่าพ่อแม่จะเสียใจที่ทำงานส่งหนูเรียน หนูก็แค่ไปตั้งใจเรียนให้มันจบ หนูบอกปัญหาเรื่องเพื่อน พี่บอกว่าปัญหาเรื่องเพื่อนแค่นี้หนูยังสู้มันไม่ได้ หนูยังกลัว โลกข้างนอกพี่ว่ามันเลวร้ายกว่านี้อีก หนูจะทำอย่างไรถ้าหนูไปเสิร์ฟแล้วโดนเจ้าของร้านโกง หนูจะทำอย่างไรถ้าโดนลูกค้าด่า เพื่อนร่วมงานไม่คบ หรืออะไรก็ตามมันเกิดขึ้นได้ทั้งหมด โลกข้างนอกพี่ว่ามันโหดกว่าในโรงเรียน เยอะ เพื่อนไม่คุยกับหนูเพราะคิดว่าหนูเกเร ปัญหาแบบนั้นสำหรับพี่ มันสามารถแก้ปัญหาได้ แต่หนูเลือกที่จะเอาตัวเองออกจากโรงเรียน กระโจนเข้าสู่สิ่งที่มันมันเยอะกว่านี้ถ้ามันจะเกิดปัญหาขึ้น แล้วสำหรับพี่ การเรียนมันทำให้พี่มีชีวิตที่ดีขึ้นได้ มันไม่ใช่แค่วิชาความรู้ที่เราจะได้จากโรงเรียน แต่มันยังหมายถึงการที่เราจะรู้จักการปรับตัวให้เข้ากับเพื่อน รู้จักการเข้าสังคม รู้จักการทำงานร่วมกับคนอื่น ซึ่งตอนนี้พี่คิดว่ามันเร็วมากเลยที่ชาเย็นจะตัดสินใจหันหลังให้มันเลย เพียงเพราะว่าเพื่อนไม่คุยกับเรา ชาเย็นแก้ปัญหาที่ผิดอยู่ตอนนี้ เพราะคุณพ่อคุณแม่ลำบากในการหาเงินมาให้หนู หนูก็ต้องเห็นคุณค่าของมัน โดยการไปเรียนหนังสือและตั้งใจเรียน ช่วงม.ปลาย มันจะเป็นช่วงที่ทำให้หนูได้รู้ว่าหนูอยากเรียนเพื่อไปเป็นอะไร จะทำให้หนูได้รู้ว่าหนูชอบอะไร โลกภายนอกมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ที่หนูพูดพี่ว่าหนูยังไม่เจออะไรมาเลย สำหรับพี่ยังไงการเรียนก็สำคัญและมันก็ทำให้พี่เป็นผู้เป็นคนก็เพราะการเรียนนี่แหละ ทั้งเพื่อน คุณครู กิจกรรม ถ้าหนูเลือกออกมาแล้ว มันกลับไปหาแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว คิดดีๆ นะ พี่อยากให้กลับไปเรียนหนังสือ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูถูกพี่เขย ชวนให้มีอะไรด้วยมา 5 ปีแล้ว หนูขับรถไม่เป็น ที่บ้านหนูจะต้องให้พี่เขยขับไปส่งหนู ไปหาแม่ที่โรงพยาบาลในเมืองตลอด บ้านหนูอยู่ต่างจังหวัด เรื่องนี้บอกพี่สาวไปแล้ว พี่สาวก็เข้าข้างพี่เขย ไม่สนใจอะไร เรื่องนี้แม่ก็รู้

20 มิ.ย. 2025

หนูถูกพี่เขย ชวนให้มีอะไรด้วยมา 5 ปีแล้ว หนูขับรถไม่เป็น ที่บ้านหนูจะต้องให้พี่เขยขับไปส่งหนู ไปหาแม่ที่โรงพยาบาลในเมืองตลอด บ้านหนูอยู่ต่างจังหวัด เรื่องนี้บอกพี่สาวไปแล้ว พี่สาวก็เข้าข้างพี่เขย ไม่สนใจอะไร เรื่องนี้แม่ก็รู้

หนูถูกพี่เขย ชวนให้มีอะไรด้วยมา 5 ปีแล้ว หนูขับรถไม่เป็น ที่บ้านหนูจะต้องให้พี่เขยขับไปส่งหนูไปหาแม่ที่โรงพยาบาลในเมืองตลอด บ้านหนูอยู่ต่างจังหวัด เรื่องนี้บอกพี่สาวไปแล้ว พี่สาวก็เข้าข้างพี่เขยไม่สนใจอะไร เรื่องนี้แม่ก็รู้ แม่บอกว่า “เขาคงแหย่เล่นๆ หยอกเฉยๆ” พอบอกพี่สาวคนโตพี่สาวคนโตก็เคยโดนแบบนี้เหมือนกัน แต่ตอนนี้ย้ายออกบ้านมาสร้างครอบครัวแล้วไม่ได้เจอพี่เขยตอนนี้หนูแต่งงานมีสามีแล้ว เขาชอบมาถามว่า “เวลามีอะไรกับสามีเป็นยังไงบ้าง สามีโอเคไหม?”หนูควรจะทำยังไงต่อดีคะ “คุณอัน (นามสมมติ)” อายุ 31 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อวันพุธที่ผ่านมา [18 มิ.ย. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาเรื่องพี่เขยที่ชอบมาขอมีอะไรกับเรา โดย “คุณอัน (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ตอนนั้นเรายังไม่ได้แต่งงาน คือบ้านเรากับพี่สาวอยู่ใกล้กัน เรามักจะโดนพี่เขยชวนมีอะไรด้วย ปกติเราเป็นคนที่ขับรถไม่เป็นเวลาไปต่างจังหวัด หรือพาแม่ไปหาหมอ เลยมักจะไปกับพี่คนนี้ และแม่จะวานให้พี่เขยคนนี้พาไป เวลาอยู่สองต่อสอง เขาชอบชวนเราประมาณว่า “ไปรีสอร์ทไหม มีรีสอร์ทอยู่ข้างหน้า” “ไปนอนกับเขาไหม เดี๋ยวเขาจะให้เงินจ่าย” คือให้เงินเราเพื่อให้เราเอาไปใช้จ่ายหรือช็อปปิง ซึ่งพี่สาวเรารับรู้มาตลอด แต่จนถึงปัจจุบันเขาก็ยังไม่เลิกกัน ปกติแล้วพี่เขยมักมีพฤติกรรมที่มีบ้านเล็กบ้านน้อยมาเรื่อย ๆ เสมอ ซึ่งเรื่องที่พี่สาวเราได้รู้คือ วันนึงพี่เขยได้นอกใจไปทำแบบนี้กับคนอื่นเหมือนกัน แต่ไม่ใช่เรานะ อยู่ ๆ มาวันนึง วันนั้นมีแม่ พี่สาวคนโต พี่คนนี้ที่เป็นพี่สาวเรา และเรา แม่ได้พูดเรื่องที่จับได้ว่าพี่เขยเราได้นอกใจพี่สาว เราจึงยอมเปิดใจพูดคุยว่า “จริง ๆ พี่เขยเขาก็มีพฤติกรรมที่พูดจา ชวนเราไปทำอะไรแบบนี้เหมือนกัน” และพี่สาวคนโตก็พูดเสริมขึ้นมาอีกว่า “ทำกับเขาเหมือนกัน แต่เขาก็ไม่เล่นด้วยเหมือนกัน” พอพี่สาวที่เป็นภรรยาพี่เขยรู้เขาก็นิ่งและไม่พูดอะไรต่อเลย แม่จึงพูดขึ้นมาว่า “เขาคงแหย่เล่น คงหยอกเฉย ๆ” ตอนนั้นไม่รู้ว่าแม่คิดอะไรอยู่ หรือพยายามที่จะให้กำลังใจเราไม่ให้เราคิดเยอะ จนจบบทสนทนานี้ก็ไม่มีใครพูดและถามอะไรต่ออีกเลย พี่เขยเขายังคงพยายามทำพฤติกรรมแบบนี้กับเรามาเรื่อย ๆ ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ที่เรายังไม่ได้แต่งงาน เรามักจะไปนอนกับหลานที่เป็นลูกของพี่สาวเราที่บ้าน บางทีนอนบนโซฟาเราจะใส่กางเกงขาสั้น อารมณ์เหมือนชุดบอลผู้ชาย แล้วเขาเข้ามามาจับตรงต้นขาเรา เหมือนจะปลุกเราให้ตื่น ๆ เรารับรู้ได้เลยว่าเหมือนมีอะไรมาไต่ที่ขาเรา จนเราแต่งงานมีแฟน เขายังคงชอบถามเราประมาณว่า “เวลามีเพศสัมพันธ์กับสามีเป็นยังไงบ้าง โอเคไหม ?” พยายามจะพูดกับเราแต่เรื่องอย่างว่าให้ได้ เราก็ตอบไปประมาณว่า “ทั่วไป ไม่มีอะไรก็เหมือนกับที่เขาทำ ๆ กันนั่นแหละ” ส่วนใหญ่ถ้าเลี่ยงไม่ได้เราจะตอบแบบนั้น ไม่ก็ตอบว่า “อะไรอะ” แล้วเดินหนีไปเลย ซึ่งแฟนเรารับรู้ทุกอย่าง เพราะเราก็เล่าให้เขาฟัง จริง ๆ เขาก็พยายามปลอบใจเรานะ แต่แฟนก็ไม่ได้พูดอะไรไป เหมือนกับที่บ้านทำอะไรไม่ได้เลย เพราะพี่เขยคนนี้เขาเป็นคนที่ดีในสายตาของทุกคนในบ้าน คือไม่ได้เกี่ยวอะไรในเรื่องเงินนะ แต่แม่เขาก็รักของเขา และพี่สาวเราก็รักเขามาก จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้เลิกกัน 5 ปีที่ผ่านมา เราพยายามที่จะพูดให้พี่สาวเลิก แต่พี่สาวไม่ยอมเลิก หลังจากที่พี่สาวจับได้เรื่องนอกใจ พี่เราร้องไห้นะ แต่อารมณ์เหมือนแค่อยากปรึกษา อยากระบายเฉย ๆ ไม่ได้อยากเลิก ขนาดพี่เขยเคยมีอะไรกับบ้านตรงข้าม พี่สาวยังไม่ยอมเลิกเลย แล้วรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนนอกไปแล้ว เพราะเขาเชื่อพี่เขยอย่างเดียว แล้วเหมือนพี่เขยบอกว่า “อย่าไปพูดคุยกับแม่กับน้องนะ” “อย่าไปหาแม่ที่บ้านนะ” อะไรแบบนี้ พี่สาวจะเชื่อและจะไม่มาเลยจริง ๆ บางที่สถานการณ์มันทำให้เราช็อค แล้วทำอะไรไม่ถูก จริง ๆ เราไม่ได้แคร์เขานะ แต่ยังไงคงต้องพึ่งพาเขาอยู่ดี บ้านเราอยู่ต่างจังหวัดมาก มันไม่ได้สามารถจ้างรถไรเดอร์ ไลน์แมนได้เหมือนในเมือง เราจะมีแค่คนในครอบครัว ส่วนแฟนเราก็ธุรกิจส่วนตัว บางทีเลยไม่สามารถช่วยเราในเรื่องนี้ได้ เราอยากปรึกษาดีเจทั้งสามคนว่า เรายังต้องเจอพี่เขยคนนี้อยู่ เพราะต้องพาแม่ไปหาหมอ แล้วไม่มีใครขับรถให้ หนูก็ยังต้องพึ่งเขา บางครั้งต้องอยู่กับเขาสองคนแล้วเขามักจะพูดจาสองแง่สองง่ามใส่ อยากถามว่าหนูควรรับมือ หรือพูดยังไงดีคะ?’ โดยดีเจทั้งสามคน (ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม) ได้ให้คำปรึกษาไปในทางเดียวกันว่า ‘ถ้าคุณอินพอมีพื้นฐานในการขับรถอยู่บ้าง ให้ไปเรียนขับรถ หรือจ้างให้คนมาขับรถให้ เพื่อที่จะไม่ต้องไปยุ่งกับเขาอีก นี่คือทางเลือกแรก แต่ถ้าในกรณีที่เลี่ยงไม่ได้ ยังต้องเจอกับพฤติกรรมนี้ของเขาอยู่ แนะนำให้แฟนคุณอันไปเปิดเลย เพราะว่านี่คือพฤติกรรมคุกคาม ถ้าทุกวันนี้ยังคงทำแบบนี้อยู่ พี่คงให้แฟนไปเปิดแล้ว เพราะยิ่งถ้าพี่สาวเราเมินเฉยขนาดนั้น ทำไมเราถึงยังเอาตัวเราไปตกเป็นเหยื่ออยู่ ถ้าวันใดวันนึงเขาหน้ามืด เกิดการเมาหรือทำอะไรไปมากกว่านี้ ไปทำกับคนอื่นในบ้านอีกจะทำยังไง รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ควรเป็นสิ่งที่ต้องยอม เพราะนี่คือการล่วงละเมิดทางเพศ และที่สำคัญคือทำกับคนในครอบครัวด้วยซ้ำ เราควรที่จะชัดเจนไปเลยว่าไม่ต้องแคร์ และบ้านนี้ควรมีใครสักคนต้อง Take Action อะไรสักอย่างให้เด็ดขาดในเรื่องนี้ ไม่ใช่ยอมรับไปเฉย ๆ ว่าคน ๆ นี้ทำแบบนี้ได้ และไม่มีใครทำอะไรกับเขาได้เลย พยายามคุยกับพี่สาวให้จริงจังไปเลย หรือพยายามเก็บหลักฐานเท่าที่จำเป็น เพราะเราควรทำอะไรสักอย่างเพื่อปกป้องตัวเราเอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

คบกับแฟนมา 10 ปี เพิ่งได้ฟังไฟล์เสียงบันทึกการโทรอัตโนมัติจากมือถือแฟนที่เขาคุยกับครอบครัว ครอบครัวแฟนไม่ชอบเราเลย ด่าเราว่า ... “ไม่ช่วยทำอะไรให้บ้านแฟนเลย ไม่ดูแลยาย มาอยู่เฉยๆ”

04 ก.ค. 2025

คบกับแฟนมา 10 ปี เพิ่งได้ฟังไฟล์เสียงบันทึกการโทรอัตโนมัติจากมือถือแฟนที่เขาคุยกับครอบครัว ครอบครัวแฟนไม่ชอบเราเลย ด่าเราว่า ... “ไม่ช่วยทำอะไรให้บ้านแฟนเลย ไม่ดูแลยาย มาอยู่เฉยๆ”

คบกับแฟนมา 10 ปี เพิ่งได้ฟังไฟล์เสียงบันทึกการโทรอัตโนมัติจากมือถือแฟนที่เขาคุยกับครอบครัวครอบครัวแฟนไม่ชอบเราเลย ด่าเราว่า ... “ไม่ช่วยทำอะไรให้บ้านแฟนเลย ไม่ดูแลยาย มาอยู่เฉยๆ”ทั้งๆที่หนูทำมาตลอด หนูเลยเปิดใจไปคุยกับผู้ชายอีกคน ที่มาเป็นที่ปรึกษาหัวใจให้กับหนูจนตอนนี้เริ่มรู้สึกดีต่อกันและกัน เขาอยากได้สถานะจากหนูแล้ว แต่หนูก็ยังไม่ได้เลิกกับแฟน เพราะคิดว่าแฟนไม่ได้ผิดอะไรถ้าหนูคบกับเขาต่อครอบครัวเขาก็ไม่ชอบหนูอยู่ดี หนูจะเลือกทางไหนดี ?? “คุณบี (นามสมมติ)” อายุ 31 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [2 ก.ค 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจก็อตจิ - ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับเรื่องครอบครัวแฟนไม่ชอบเรา โดย “คุณบี (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘บีกับแฟนคบกันมาประมาณ 8 – 9 ปี ครอบครัวเขาโอเคกับเรามาทุก ๆ อย่างในระยะเวลาที่คบกัน แต่มามีช่วงหนึ่ง คือ วันนั้นเหมือนที่บ้านเขาน่าจะพูดอะไรกับเขามา เขามีเกริ่น ๆ กับบีมาประมาณว่า “ไม่ช่วยอะไรที่บ้านเลยหรอ” แต่ตัวบีเองก็ไม่ได้พูดอะไรกับเขา แต่บีตงิดใจว่ “เอ๊ะ มันผิดสังเกตจัง” ในตอนนั้น บีจึงได้ไปดูในโทรศัพท์เขา ซึ่งโทรศัพท์เขาสามารถบันทึกเสียงการโทรเข้า – ออกได้ ทำให้บีได้เปิดฟังสายของแม่และน้องสาวเขา และได้ยินมาคำนึงประมาณว่า “ตอนที่อยู่ที่บ้านเขา เราไม่เคยช่วยอะไรที่บ้านเขาเลย’ แต่บีก็ไม่ได้อะไร เพราะบีรู้อยู่แล้วว่าความในใจเขาคืออะไร ปกติบีจะช่วยบ้านเขาทุกอย่าง แล้วพอวันหนึ่งที่บีไปเปิดบันทึกเสียงในโทรศัพท์เขา คือบีก็เปลี่ยนไป จากที่เคยทำทุกอย่างก็ไม่ทำ แม่เขาตำนิบีตั้งแต่ก่อนหน้านี้ที่บีช่วยเขาทำทุกอย่าง เขาน่าจะพูดไม่จริงกับลูกชายเขา จึงทำให้บีคิดว่า “เอ๋ ถ้าเกิดว่าจากที่เราเคยทำ ทำแล้วมันไม่ได้ดีอะ โอเค เราก็ไม่ทำเนอะ” บีได้บอกกับแฟนไปว่า “บีขอกลับไปทำบริหารธุรกิจ เพราะว่าตอนนี้ธุรกิจบีมีปัญหา” แต่จริง ๆ แล้วความจริงไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่บีอ้างไปแบบนี้ เพื่อที่จะได้กลับไปอยู่กับตัวเองก่อน คราวนี้เขาจึงมองว่าเราเปลี่ยนไป เช่น เราไม่กลับบ้านกับเขาเหมือนเดิม จริง ๆ แล้วบีกับเขายังไม่ได้แต่งงานกัน แต่ว่าไปอยู่บ้านเขาก่อนหน้านี้ช่วงระยะเวลา 3 เดือน เพราะว่าประจวบเหมาะกับแม่เขาป่วยพักฟื้นที่บ้านพอดี บีจึงได้ไปช่วยทางบ้านเขาในช่วงนั้น ทั้งงานบ้าน และอื่น ๆ ในบ้านเขาเลย กระทั่งเดินทางมาถึงจุดพีคคือ บีกับมาอยู่กับตัวเองประมาณหนึ่งอาทิตย์ แล้วดันมีคน ๆ หนึ่งเข้ามาในชีวิต ซึ่งคนนี้เขาก็รู้ว่าบีเริ่มมีปัญหากับแฟน เพราะเขาเป็นเพื่อนในแอป ๆ หนึ่งของบี และเขาก็รู้เรื่องที่บีกับแฟนไม่ได้แต่งงานกัน เหมือนเขาแอบดูเราอยู่ห่าง ๆ ตลอด จากนั้นเขาคนนี้เหมือนมาจีบบี มาหาบีที่ที่ทำงาน เขามาทำให้บีรู้สึกดี มาเป็นที่ปรึกษาได้ทุกอย่าง ทำให้บีรู้สึกดีกับเขา แต่ตอนนี้ติดตรงที่บีกับแฟนยังไม่ได้เลิกกัน พอเขาเข้ามา บีเหมือนอยู่ตรงกลาง บีจึงเริ่มถอยห่างกับเขา ตอนนี้บีสับสนว่าเราจะเอายังไงกับชีวิตตัวเองดี จริง ๆ ตอนนี้บีกับแฟนยังคงคุยกันตามปกติผ่านช่องทางออนไลน์ อีกทั้งถ้ามีไปออกงานแต่ง งานบวช หรืองานเลี้ยงที่ทำงานเขา บียังคงมีไปด้วยกันบ้าง แต่ทำเพราะหน้าที่เฉย ๆ ซึ่งถ้าถามว่าคนเก่าผิดตรงไหน บีคิดว่า ถ้าในวันหนึ่งต้องให้เขาเลือก บีคิดไว้เลยว่า ยังไงเขาคงต้องเลือกครอบครัวเขาก่อนอยู่แล้ว ไม่ได้เลือกบี ส่วนคนใหม่บีก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะเลือกเราไหมเพราะ อย่างแรกคือบีกับเขาพึ่งคุยกัน แล้วมันรู้สึกดีแค่นั้นเลย และตอนนี้บางทีบีก็อยากไปกับคนใหม่ แต่บางทีก็คิดว่าคนเก่าก็ไม่ได้มีนอกใจหรืออะไร บีเลยสงสัยว่าถ้าบีทำแบบนี้ บีจะผิดกับเขาไหม และคำถามของบีคือ ถ้าบีไม่เลือกใครสักคนแล้วกลับมาอยู่กับตัวเอง บีจะเห็นแก่ตัวไหม’ โดยดีเจทั้งสามคน (ดีเจเผือก - ดีเจก็อตจิ - ดีเจต้นหอม) ให้คำปรึกษาไปในทิศทางเดียวกันว่า ‘บีอยากเลิกกับคนเก่า แต่คนใหม่เข้ามาในจังหวะที่พอดีที่เรากำลังรู้สึกว่าเบื่อหน่าย แต่ที่เข้ามาใหม่ก็ยังไม่ถูกใจหรอก เพียงแค่ว่าไม่อยากอยู่คนเดียว อยากให้ทำเป็นสเต็ปก่อน เคลียร์ไปทีละคน ถ้ารู้ว่าคนเก่าเราไม่เอาแล้ว เราควรหาเหตุผลเคลียร์คนเก่าก่อน ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องนอกใจ แค่มีความรู้สึกว่าวันนี้เราไม่อยากอยู่ในฐานะนี้ ก็แค่แยกกัน ใครที่ไม่ใช่แน่ ๆ ก่อนแค่เคลียร์ออกไป และสุดท้ายคำถามที่ว่า “มันจะเห็นแก่ตัวไหม” คนเรามันก็ต้องรักตัวเองไหม ใครจะอยากทนอยู่ในบ้านที่เขาไม่ได้ต้อนรับเรา และในจังหวะที่เรายังศึกษา ยังคุย ยังเลือกหากันอยู่ ก็คงไม่แปลกที่เราจะทำเพื่อตัวเอง แต่ว่าการเห็นแก่ตัวแบบนี้ ถ้าจะทำให้มันแฟร์คือ อย่าไปเลี้ยงไข้ใครไว้ ถ้าคนใหม่ยังไม่ใช่ก็ไม่ควรไปให้ความหวังกับเขาว่า “เดี๋ยวฉันจะมาเป็นแฟนเธอ” ไม่งั้นจะกลับกลายเป็นว่าเราจะทำไม่ดีกับทั้งผู้ชายถึงสองคน’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1