มีพี่ที่ทำงานของแฟนคนนึง ชอบทำตัวสนิทสนม ไปรับไปส่งแฟนหนูตลอด เคยไปกินข้าวด้วยกัน พี่เขาก็เล่าว่า พี่เขาเคยนอกใจมาแล้วด้วย แล้วเค้าก็เคยพูดกับหนู “อะไรมันก็ไม่แน่ไม่นอนนะน้อง ระวังด้วยอยู่ที่ทำงาน แฟนน้องมีสาวๆเข้าหาเยอะ”

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

มีพี่ที่ทำงานของแฟนคนนึง ชอบทำตัวสนิทสนม ไปรับไปส่งแฟนหนูตลอด เคยไปกินข้าวด้วยกัน พี่เขาก็เล่าว่า พี่เขาเคยนอกใจมาแล้วด้วย แล้วเค้าก็เคยพูดกับหนู “อะไรมันก็ไม่แน่ไม่นอนนะน้อง ระวังด้วยอยู่ที่ทำงาน แฟนน้องมีสาวๆเข้าหาเยอะ”

26 ก.ค. 2024

            “คุณเกรท (นามสมมติ)” อายุ 26 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ [24 ก.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาพี่ที่ทำงานชอบมาเกาะแกะแฟน

            โดย “คุณเกรท (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘พี่ที่ทำงานของแฟนชอบมายุ่งกันหนูและแฟนหนู คือหนูกับแฟนไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันแต่แฟนก็จะมาเล่าเรื่องราวแต่ละวันให้ฟัง หนูก็จะได้ยินถึงพี่คนนี้ตลอดชื่อ พี่พลอย (นามสมมติ) แต่เค้าอยู่คนละแผนกกัน คือเค้ากับแฟนหนูจะอยู่แก้งที่ไปกินเหล้ากัน แต่ตัวหนูอะไม่กิน หนูก็ไม่เคยไปยุ่งเลยเพราะมันก็คือความสุขของแฟน และตัวแฟนก็ไม่ได้ทำอะไรนอกลู่นอกทาง มีอะไรก็โทรหากันตลอด และแฟนหนูก็จะบอกว่าวันนี้พี่พลอยจะไปส่งที่บ้านนะ ทั้ง ๆ ที่บ้านอยู่ไกลกันมาก แต่แฟนเค้าก็บอกจะได้ประหยัด แต่มาหลัง ๆ เริ่มบ่อยขึ้น และในระหว่างที่อยู่บนรถแฟนหนูก็จะโทรคุยกับหนูตลอดทาง แล้วก็จะส่งสายให้พี่คนนี้คุยด้วย และอีกเหตุการณ์นึงคือ มีวันหนึ่งที่เค้ามาทำงานใกล้บ้านหนูกับแฟน แฟนก็เลยชวนหนูทานข้าวด้วยกัน ซึ่งตอนนั้นหนูก็ไม่ได้ระแคะระคายอะไร เพราะว่าแฟนชอบชวนหนูไปทำความรู้จักกับพี่ที่ทำงาน ซึ่งวันนั้นพี่พลอยมาคนเดียว หนูก็ชวนเค้าคุยไปเรื่อย ๆ อยู่ดี ๆ  พี่เขาเริ่มมีอาการอวดรวยและใช้เงินนุ้นนี่นั่น

            ต้องบอกก่อนว่าแฟนหนูเหมือนเป็นที่จับจ้องของคนในบริษัท เพราะแฟนหนูจบนอกมา แต่ว่าเกรสกับแฟนรู้จักกันมาเป็น 10 ปีแล้ว เพราะเป็นเพื่อนกันมาก่อน ตัดกลับมาตอนที่กินข้าว จู่ ๆ พี่พลอยก็พูดกับหนูว่าตัวพี่เค้าเคยนอกใจแฟนเค้า แต่แฟนพี่พลอยรักพี่พลอยมากไม่ยอมเลิกขอร้องให้พี่พลอยอยู่ต่อ หนูก็เลยไม่รู้จะพูดอะไรต่อ และพอทานข้าวไปสักพักพี่พลอยก็บอกว่าจะแต่งงาน หนูก็บอกว่า “ยินดีด้วยค่ะ กับคนนี้รึป่าวคะที่นอกใจ” พี่เค้าก็บอกใช่แต่ว่าแฟนพี่เค้ารักพี่พลอยมาก หนูก็เลยพูดว่าเป็นหนูหนูไม่เอาแล้วนะ ถ้าแฟนหนูนอกใจ แล้วพี่พลอยเค้าคิดว่าหนูจะพูดว่า พี่ยอดเยี่ยมมาก เริสมาก แต่รีแอคชั่นหนูไปคนละทางเลย เพราะหนูเป็นคนตรง ๆ แล้วเหมือนพี่เค้าก็หน้าเสีย แต่หนูไม่ได้ตั้งใจหักหน้าเค้า จู่ ๆ เค้าก็พูดขึ้นมาว่า “เกรทต้องเผื่อใจไว้บ้างนะ อะไร ๆ มันไม่ได้เป็นเหมือนที่เราคิด” แล้วแฟนหนูก็หันมามองหน้าประมาณว่าอะไรวะเนี่ย จนตอนกลับบ้านด้วยความที่แฟนหนูเป็นคนไม่ขับรถและหนูจะเป็นคนขับ หนูเลยบอกเดี๋ยวให้แฟนกลับกับหนูเพราะบ้านเราใกล้กัน พี่คนนั้นก็หันมาหน้าเหวี่ยง ๆ และพูดว่า “ไม่กลับกับพี่หรอ” แฟนหนูก็แบบ “บ้าหรอ เกรทมาก็กลับกับเกรทสิ” และจากที่ก่อนหน้านี้ที่แฟนหนูเล่าคือพี่พลอยเค้าทำไมถึงคิดว่าแฟนหนูชอบเค้าตลอดเวลา มันมีเหตุการณ์ที่แฟนหนูไม่สามารถไปคุยกับเพื่อนผู้หญิงได้เลย หรือไปถามงานพูดคุยกับผู้หญิง พี่พลอยเค้าจะมีอารมณ์หึงหวง หนูไม่เคยบอกแฟนเลยว่าพี่คนนี้แปลก จนมีเหตุการณ์ที่ไปกินข้าวกันรอบ 2 คือหนูไปเข้าห้องน้ำแล้วเจอพี่เค้า พี่เค้ามองหนูผ่านกระจก แล้วพูดว่า “แฟนเราเนี่ยอยู่ที่ทำงานสาวเยอะนะ ระวังตัวไว้” หนูก็เลยมองกลับไปหน้ากระจกแต่ไม่พูดอะไรแค่ยิ้มไป แล้วหนูก็เดินออกไปเลย หนูเลยพูดกับแฟนว่าพี่คนนี้แปลก หลังจากที่หนูพูดแฟนหนูก็ไม่กลับกับพี่เค้าอีกเลย และไม่ไปกินข้าวกับพี่เค้าเลย ยกเว้นมีพี่คนอื่นที่สนิท หนูเลยอยากถามว่าหนูควรทำตัวกับเหตุการณ์นี้ยังไง เพราะการเกาะแกะของพี่เค้ามันน่ารำคาญ

            ซึ่ง “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘หนูไม่ต้องทำไรเลย หนูต้องให้แฟนหนูทำ เพราะว่าเค้ามาเป็นแมงวันแมงหวี่ได้เพราะแฟนหนูเป็นคนพาเค้ามาทั้งนั้นเลยนะ หนูรู้เรื่องเค้าเพราะแฟนมาเล่า หนูเจอเค้าเพราะแฟนพามา ถ้าพี่เป็นหนูพี่จะไม่ทำอะไร จะไม่ไปยืนด่าเค้าหน้าออฟฟิศ พี่จะให้แฟนหนูใจแข็ง ตัดบทเค้าออกไป พยายามเอาเค้าออกจากวงจรชีวิต เลิกไปส่ง เลิกไปกินข้าวด้วยกันบ่อย ๆ ต้องวางตัวว่าเราไม่โอเค และจะบอกให้แฟนเราไปบอกพี่เค้าว่าแฟนผมไม่ชอบ แฟนผมไม่โอเค พี่ต้องเลิกส่งข้อความส่วนตัวมาได้แล้ว’

            ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เราต้องทำตัวให้สวยแพง และให้เค้ารู้ว่าเธอยังห่างฉันอีกไกล ไม่ใช่ลดตัวลงไปกับเค้า มารยาทบนโต๊ะอาหารสำคัญ เราไม่สามารถโพล่งออกไปตัดบทของเค้าในครั้งแรกที่เจอกัน พี่ไม่ได้รู้สึกว่ามันตรง แต่บางอย่างไม่ควรพูดออกไป ซึ่งเรื่องการนอกใจเค้าอาจจะอยากเปิดใจคุยกับเรา เราไม่จำเป็นต้องเลวร้ายใส่เค้า แต่เค้าก็มีส่วนผิดที่พูดเรื่องให้ระวังแฟน แต่พี่ไม่ต้องการให้หนูโต้กลับในระดับเดียวกับเค้า ต้องทำน่ารักให้รู้สึกว่าเธอเทียบฉันไม่ได้ อยู่สวย ๆ และให้แฟนจัดการ จากที่หนูเล่าว่าแฟนก็ส่งแชทมาให้ดู คือพี่คนนี้น่าจะประสาท เราก็ไม่ควรประสาทกลับ เราควรออกห่าง’

            และสุดท้าย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่เห็นด้วยกับเติ้ล ว่าต้องดูพฤติกรรมของแฟน ไม่ต้องเอาตัวเข้าไปแลก มันอยู่ที่แฟนจะวางตัวยังไงมากกว่า ซึ่งก็ได้เห็นการพยายามวางตัวของแฟนนะ แต่ส่วนตัวพี่พี่ว่าทำได้เด็ดขาดกว่านั้น เช่นการปฏิเสธการตอบแชท แต่ตอนนี้แฟนหนูยังมีการรักษาน้ำใจอยู่ ถ้าเราไม่สบายใจก็สามารถคุยกับแฟนได้ ในเรื่องของการยกระดับการวางตัว หรือถ้าแค่นี้หนูสบายใจแล้วก็เป็นเรื่องของคู่หนู’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ผู้ชายออกตัวแรง จีบเก่ง ดูแลดี แค่ช่วงแรกๆ พอเราเริ่มจริงจัง คุยมาเดือนกว่าๆ เขาก็เทแรง ซ่อนสตอรี่IG บล็อกเบอร์ ติดต่อไม่ได้ หายไปเลย ครั้งหน้าถ้าเจอผู้ชายทรงนี้อีก จะทำยังไงดีคะ?

27 พ.ค. 2024

ผู้ชายออกตัวแรง จีบเก่ง ดูแลดี แค่ช่วงแรกๆ พอเราเริ่มจริงจัง คุยมาเดือนกว่าๆ เขาก็เทแรง ซ่อนสตอรี่IG บล็อกเบอร์ ติดต่อไม่ได้ หายไปเลย ครั้งหน้าถ้าเจอผู้ชายทรงนี้อีก จะทำยังไงดีคะ?

“คุณสอง (นามสมมติ)” อายุ 20 ปีกว่าๆ สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [22 พ.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาไม่เข้าใจผู้ชายที่เข้ามาจีบ ตอนจีบก็จีบแรง แต่พอจะเทก็เทแรงเหมือนกัน… โดย “คุณสอง (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูคุยกับผู้ชายคนหนึ่งมาได้ประมาณเดือนกว่าๆ ผู้ชายคนนี้เขาแก่กว่าหนู ประมาณ 3 ปี บุคลิกของเขาจะเป็นคนที่ขี้เล่น ขี้หยอด จีบแรง เหมือนเพลย์บอยคนนึง แต่เขาก็จะมีมุมที่จริงจังเหมือนกัน เขาบอกกับหนูว่า เขาอยากจะมองหาความสัมพันธ์ที่ระยะยาว คนที่จะสร้างอนาคตไปด้วยกันได้ แล้ว ณ ตอนนั้น เขาก็บอกกับหนูอีกว่า หนูตรงกับคนที่เขาวางเอาไว้มากๆ เป็นคนที่ใช่เลย แล้วเขาก็เคยเล่าให้ฟังว่า ถ้าเกิดว่าเขาเจอคนที่ไม่ตรงกับภาพในหัวของเขา เขาก็จะเทเลย ในช่วงที่คุยกันเหมือนเขาจะรู้สึกอินกับหนูมากๆ ทั้งเสมอต้นเสมอปลาย ทั้งดูแล้วเขาก็ดูแคร์หนูมากๆ เลยด้วย มีอยู่วันนึง หนูมีนัดกับเพื่อนตอนค่ำๆ แล้วสรุปเพื่อนเทหนู หนูก็เลยทักแชทไปหาเขาว่า ว่างมั้ย แล้วเขาก็ตอบกลับมาว่า เขามีนัดกินข้าวกับที่บ้านแล้ว หนูก็เลยบอกว่า ไม่เป็นไร งั้นไว้นัดกันวันหน้าก็ได้ แล้วหลังจากนั้นเขาก็ปกติดีทุกอย่าง จนกระทั่งช่วงเวลาดึกๆ ของวันนั้นหนูส่งข้อความไปเขา เขาก็ไม่ตอบ หนูก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ เพราะปกติเวลาแบบนี้เขาจะตอบแชทหนู วันถัดไปหนูก็เลยส่งข้อความไปหาเขาอีก สลับกับโทรหา พยายามติดต่อเขาทุกช่องทาง แต่เขาก็ไม่ตอบข้อความแล้วก็ไม่รับสายโทรศัพท์ด้วย แล้วทีนี้เหมือนใน IG เขาจะ Hide ไม่ให้หนูเห็น Story เขาด้วย ที่หนูรู้ว่าเขา Hide เพราะโปรไฟล์เขาเป็นสาธารณะ มันก็จะมีเว็บไซต์ที่เอาไว้ส่องโปรไฟล์สาธารณะได้ แล้วดูว่าเขาลง Story อะไร เราก็แค่พิมพ์ชื่อแอคเคาท์ไปก็สามารถรู้ได้เลย แล้ววันนั้นที่เขาไม่ตอบแชท ไม่รับสายหนู แต่ใน IG เขาลง Story เยอะมาก คือหลังจากนั้นหนูก็มีทักไปหาเขาประมาณว่า เราขอ Unfollow แล้วกัน จนถึงตอนนี้ก็ไม่ได้พยายามทักอะไรเขากลับไป ส่วนเขาก็ไม่ได้มีทักอะไรหนูกลับมาเหมือนกัน มันเป็นความคาใจมากๆ เพราะก่อนหน้านี้หนูก็เคยเล่าให้เขาฟังว่า เคยเจอคนที่นิสัยเหมือนเขามากๆ แล้วเราก็โดนเทแรง ซึ่งตอนนั้นเขาก็รับฟัง แล้วก็ให้คำแนะนำดีมากๆ ดูเข้าอกเข้าใจ แต่มันกลับกลายมาเป็นว่าเขาเป็นคนทำซะเอง หนูก็เลยไม่เข้าใจคนแบบนี้มากๆ หรือมันมีอะไรในตัวหนูที่ไปทำให้เขาตัดสินใจหายออกไปจากชีวิตได้ไวขนาดนี้ วันนี้หนูมี 3 คำถามที่อยากจะปรึกษาพี่ๆ ดีเจ คำถามที่ 1. อยากรู้ว่าคนแบบอะไรที่มันทำให้เขาเปลี่ยนไปได้ไวขนาดนี้ ? คำถามที่ 2. เขาไม่ละอายคำพูดตัวเองบ้างหรอ เพราะสิ่งที่เขาทำกับสิ่งที่เขาพูดมันคนละเรื่องกันเลย? คำถามที่ 3. ถ้าเราเจอคนที่นิสัยประมาณนี้อีก เราจะรู้ได้ยังไงว่าเขามาหลอกเรา? งานนี้ “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘อะไรที่ทำให้เขาเปลี่ยนพี่ไม่รู้หรอก มันสารพัดเหตุผลถ้าแค่รู้ว่าเรา ไม่ใช่สำหรับเขาอีกต่อไปแล้ว ส่วนคำถามกล้าพูดได้ยังไง คนบุคลิกแบบนี้ไม่ละอายคำพูดตัวเองหรอ ช่วงการทำความรู้จักกันกับใครสักคนในช่วงแรกๆ เราก็จะพยายามทำให้อีกฝ่ายประทับใจกับสิ่งที่เราพูดอยู่แล้ว เพราะงั้นคำพูดที่อยู่ในช่วงนี้ก็อย่าไปนับ อย่าไปเชื่อมันมาก ให้ดูยาวๆ แล้วถ้าเจอคนประมาณนี้อีกทำยังไง ก็อยู่ที่ตัวเราว่า พร้อมจะเจ็บมั้ย ความรักคือการเสี่ยงอยู่แล้ว เราไม่มีวันรู้หรอกว่า คนทรงเดิม หน้าตาแบบเดิม เขาจะทำกับเราแบบเดิมมั้ย มนุษย์ถูกออกแบบมาไม่เหมือนกัน คนเรามีวิธีชิ่งจากใครสักคนหนึ่งในแบบที่แตกต่างกัน จงคิดในแง่ดีว่า อย่างน้อยเขาเด็ดขาดพอที่จะชัดเจน ไม่ก็คือไม่ หายก็คือหาย เพราะฉะนั้นจงคิดว่าเขาแฟร์กับเราแล้วนะ อาจจะไม่ได้บอกลากันดีๆ ก็เถอะ แล้วพี่ว่า 3 คำถามที่สองถามมา ขีดฆ่าไปได้เลย มันเป็นแค่ความสัมพันธ์ครั้งหนึ่งที่คนเราทำความรู้จักกัน แล้วมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่อยากจะไปต่อแล้ว แต่มันดันซวยมาเกิดขึ้นกับสอง คล้ายๆ กันถึง 2 ครั้งแล้ว ทำให้สองเสียความมั่นใจในตัวเอง เราทำอะไรผิดมั้ย หรือในทางกลับกันไปโทษอีกฝั่งหนึ่งว่า ทำไมฉันต้องเจอคนอย่างเธอ แต่ทั้งหลายทั้งมวลแค่ ถ้าสองตั้งสติแล้วบอกกับตัวเองว่า คน 2 คนที่คุยกันแล้วมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตัดสินใจไม่เดินต่อ ก็คือจบ เราก็แค่เริ่มมองหาความสัมพันธ์ใหม่ แล้วก็เสี่ยงวัดดวงกันใหม่ ชีวิตมีเท่านี้เอง แค่ยอมรับความจริงว่า “เออเทก็เท” มันโชคร้ายที่คน 2 คนรู้สึกไม่เท่ากันแค่นั้นเอง เราเลยพยายามที่จะหาคำตอบแวดล้อมเพื่อให้การโดนเทครั้งนี้มันชอบธรรมสำหรับเรามากขึ้น สุดท้ายแล้วมันก็ไม่มีประโยชน์ ต่อให้มีความรักครั้งที่ 15 16 มันก็ยังต้องเสี่ยง ปัญหาบางอย่างอาจจะไปเกิดตอนคบกันก็ได้ สุดท้ายมันคือการเดิมพัน มันอีกเยอะอ่ะ เราอยู่แค่สเตจแรกแล้วมันไม่สมหวังแค่นั้นเอง มันยังเหลืออีกหลายสเตจเลยสอง ต่อให้ไม่ทิ้งไม่เทกันก็เถอะ อยู่กันไป แล้วเกิดการด่าทอ ตบสองทุกวัน อย่างงี้เอามั้ยล่ะ เทียบกับคนนี้ที่เขาชัดเจนว่า ไม่ใช่ก็ไป แยกย้ายจบ อย่าไปคิดว่าเราโชคร้าย อย่าไปคิดว่าฉันไม่ดี มีคนที่โชคร้ายในความรักหนักกว่าเราอีกเยอะเลยสอง ถ้าโชคดีแล้วล่ะที่ทุกอย่างมันจบภายในเดือนหนึ่งอ่ะ ให้เธอได้มีเวลา ให้เธอยังไม่ได้ผูกพันมาก แล้วก็ให้เธอได้ตั้งหลักพอที่จะหาใหม่’ ต่อด้วย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เท่าที่ฟังพี่ว่าสองเป็นคนที่อินกับคนง่ายมากเลยนะ ยิ่งถ้าหนูเจอในออนไลน์อีกก็คือไม่ต้องสงสัยเลย อะไรทำให้เขาเปลี่ยนไป อันนี้พี่ไม่รู้เลย คือเขาไม่ชอบหนู หนูไม่ใช่ไทป์เขาแล้ว เขามีอีกคนที่ดูไว้อยู่ อะไรก็เกิดขึ้นได้ ถ้าเขาคิดจะทิ้งหนู แต่พี่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่มันเป็นไปได้หมดทุกอย่าง คนที่บุคลิกแบบนี้ทำไมไม่ละอายคำพูดตัวเอง พี่ก็ไม่รู้อีก คนปกติก็มีแบบนี้ ยิ่งคนในออนไลน์เรื่องแบบนี้ยิ่งปกติสุดๆ มันอยู่ที่กมลสันดานของแต่ละคนด้วย บางคนก็อาจจะพูดไปเพราะเขาอยากได้เรา ให้เราชอบเขา เขาก็พูดไปก่อน สักพักไม่ชอบแล้วเขาก็เทเลย หรือบางคนอาจจะมีปมอะไรก็ได้หมดเลย เช่นเดียวกันพี่ก็ตอบไม่ได้ ถ้าเจอคนประมาณนี้อีกทำไง อย่างแรกที่พี่อยากจะแนะนำถ้าจะคุยผ่านออนไลน์ อย่าอินคนง่าย ต้องดูเขานานๆ มันมีคนดีแน่นอน แต่มันมีคนไม่ดีเยอะมาก อย่างแรกที่พี่ขอก็คือ 1.อย่าอินเกิน 2.ทำใจ เพราะว่าเจอแบบนี้ปกติสุดๆ 3.ถ้าอยากจะมีความรักก็ต้องยอมรับว่าเราต้องเจอคนแบบนี้เต็มไปหมดเลย ไม่ว่าจะออนไลน์หรือว่าจะในชีวิตจริง แต่ว่าถ้าวันหนึ่งมันมีคนดีจริง เดี๋ยวมันก็มีคนเข้ามาหาเราต้องรีบ อย่าไปลดคุณค่าตัวเอง อย่างที่พี่เผือกบอก ก็แค่หนึ่งคนที่คุยแล้ว มันไม่คลิกก็ไป ไม่ต้องไปตั้งคำถามมันเสียเวลา ยิ่งกับคนออนไลน์ เราหาใหม่ได้เลย’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ตอบคำถามแรกอะไรที่ทำให้เขาเปลี่ยนไป เขาอาจจะไม่ได้เปลี่ยนไปก็ได้ เขาอาจจะเป็นคนแบบนั้นอยู่แล้ว แล้วก็เขาก็ออกตัวแล้วนะว่า ถ้าไม่ใช่เขาก็เท แปลว่า ความสัมพันธ์ยังอยู่ในช่วงของการดูใจ แล้วก็สองแค่ไม่ใช่สำหรับเขาอีกต่อไป พอไม่ใช่เขาก็ไป คือเดือนหนึ่งโดนเทโดยที่ตัดขาดเลยอ่ะ ไม่น่าเกลียดนะเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าคุยกันมานานๆ แบบ 5 - 6 เดือนเกิดความผูกพันกัน แล้วเขาจะเทถ้าเป็นผู้ชายดีๆ เขาก็จะบอกเลยว่า ขอลดระดับความสัมพันธ์ ก็จะมีคำพูดดีๆ แบบนี้ แต่ถ้าแค่เดือนเดียวมันไม่ใช่แค่ผู้ชาย ถ้าเป็นพี่ พี่ก็เทเพราะมันไม่ใช่ มันเป็นช่วงเวลาที่ไม่จำเป็นต้องแคร์กัน ส่วนทำไมไม่ละอายคำตัวเอง ก็อย่างที่พี่เผือกบอกเลย มันเป็นช่วงเวลาของการทำคะแนน ช่วงนี้อะไรมันก็ดีไปหมดแหล่ะ มันอยากได้อ่ะเนอะ บางคนก็มาเพื่อแบบหลอกฟันก็มี พอได้แล้วก็เลิก หรือช่วงนั้นเขาอาจะรู้สึกแบบ แฮปปี้ฉันอยู่กับเธอแล้วมีความสุข เพราะมันเป็นช่วงของการหลงใหลอยู่ไง แล้วพออยู่ไปนานๆ แล้วมันไม่ใช่ พอไม่ใช่เขาก็ไม่จำเป็นต้องแคร์ ทำยังไงถ้าเจอคนประมาณนี้อีก เป็นสิ่งที่เราก็ต้องใช้เวลาในการเลือกเยอะๆ ไม่ให้ใจใครง่ายๆ วิธีการเช็คก็เข้าไปตรงแพลตฟอร์มเขา อย่างเช่นใน IG ผู้ชายคนนี้สนใจเรื่องอะไร ถ้าใน Followers มีแต่ผู้หญิงเซ็กซี่ๆ ก็มีความสุ่มเสี่ยงที่จะเป็นผู้ชายเจ้าชู้ หรือผู้ชายที่ชอบเซลฟี่หน้าตัวเองแล้วทำหน้าเซ็กซี่ๆ อันนี้ต้องการเรตติ้ง หรือถ่ายบอดี้ตัวเองที่แบบหุ่นดีๆ พยายามพรีเซ้นท์ความเซ็กซี่ของตัวเอง คนเหล่านี้มีความสุ่มเสี่ยง ไม่ได้บอกว่าเขาไม่ดี หรือไม่ได้บอกว่าเขาไม่ใช่ แต่ผู้ชายเหล่านี้สุ่มเสี่ยงที่จะบริหารเสน่ห์มีความเป็นไปได้ ฉะนั้นถ้าเราเจอคนประเภทนี้ เราอาจจะค่อยๆ ที่จะเรียนรู้กันไป ยังไม่ต้องรีบเท่านั้นเอง โดยสรุปเลยก็คือว่า สิ่งที่โดนเทมาไม่ใช่เรื่องแปลก แล้วตัวสองเองก็สามารถที่จะเลือกคนใหม่ได้ แล้วถ้ามันไม่ใช่ก็สามารถเทแบบนี้ได้เหมือนกัน ไม่น่าเกลียด ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันอย่าไปย้อนดูว่า ตอนนั้นทำไมเขาพูดดีกับเราจัง อันนั้นเป็นช่วงเวลาที่อยากได้ คือมันต้องเจอคนเยอะๆ เจอคนบ่อยๆ ถึงจะประเมินได้โดยเบื้องต้นว่า คนนี้ไม่ธรรมดา คนนี้เจ้าชู้ มันจะมีการกระทำอะไรบางอย่าง ให้วัดที่การกระทำ ไม่ใช่วัดที่คำพูด’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

เจตนายังไงกันแน่? สาวโทรปรึกษา อัดอัดใจมากตอนนี้ คบกับแฟนมา 2 ปีแล้ว แต่แฟนเก่าเค้ายังเข้าออกบ้านแฟน ทุกคนในบ้าน WELCOME ต้อนรับ ทักทายตลอด จนเราเป็นฝ่าย เข้าไปหลบในห้อง เพราะไม่อยากเจอ... ไม่ได้รบกวนกาย แต่มันกวนใจ

02 ต.ค. 2023

เจตนายังไงกันแน่? สาวโทรปรึกษา อัดอัดใจมากตอนนี้ คบกับแฟนมา 2 ปีแล้ว แต่แฟนเก่าเค้ายังเข้าออกบ้านแฟน ทุกคนในบ้าน WELCOME ต้อนรับ ทักทายตลอด จนเราเป็นฝ่าย เข้าไปหลบในห้อง เพราะไม่อยากเจอ... ไม่ได้รบกวนกาย แต่มันกวนใจ

เจตนายังไงกันแน่? สาวโทรปรึกษา อัดอัดใจมากตอนนี้คบกับแฟนมา 2 ปีแล้ว แต่แฟนเก่าเค้ายังเข้าออกบ้านแฟนทุกคนในบ้าน WELCOME ต้อนรับ ทักทายตลอด จนเราเป็นฝ่ายเข้าไปหลบในห้อง เพราะไม่อยากเจอ... ไม่ได้รบกวนกาย แต่มันกวนใจจนเกิดคำถามในหัวว่า ‘จะมาเพื่อ??’ หนูจะรับมือเรื่องนี้ยังไงดี... “คุณโอ (นามสมมุติ)” อายุ 21 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (27 ก.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก -ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอมเกี่ยวกับปัญหาแฟนเก่ามาที่บ้านแฟนเรา แต่คนในครอบครัวก็ต้อนรับอย่างดี จนเรารู้สึกอึดอัด โดย “คุณโอ (นามสมมุติ)” ได้เริ่มเล่าว่า ‘หนูมีปัญหากับแฟนคนเก่าของแฟนหนู เขายังมาบ้านแฟนหนูอยู่เรื่อย ๆแล้วทางบ้านแฟนก็ยังต้อนรับกันเป็นอย่างดี ปกติหนูไม่ได้อยู่ที่บ้านแฟนทุกวัน ตัวหนูจะไปบ้านแฟนช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ แล้วเวลาที่เขามาก็มักจะเป็นวันที่หนูอยู่ เขาก็จะเดินเปิดประตูเข้ามา ยิ้มร่าเริง ยกมือไหว้ทุกคน แล้วทุกคนในบ้านก็จะถามไถ่เป็นยังไงบ้าง มาได้ยังไง ตัวหนูเองกับเขาก็เคยเห็นหน้ากันแต่ไม่เคยทักหรือคุยกัน ส่วนกับแฟนหนู เขาก็ไม่ทัก ไม่คุยกันเพราะแฟนหนูเค้ารู้ว่าหนูไม่โอเค หนูก็อดคิดไม่ได้มันก็เกิดคำถามอยู่ตลอดว่า ‘มาทำไม’ ส่วนความสัมพันธ์ของหนูกับพ่อแม่แฟนก็ดีนะคะ โอเคเลยเหมือนกับว่าลูกเค้ามีแฟนใหม่แล้ว ก็ต้อนรับหนูที่เป็นแฟนใหม่เป็นอย่างดีเลยเหมือนกัน คือถ้าไม่มีเรื่องแฟนเก่าเกิดขึ้น ก็คือปกติไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย หนูก็พยายามเข้าใจนะว่าในมุมผู้ใหญ่เค้าคงมองว่าเป็นลูกหลานอีกคนนึง หนูขอเล่าย้อนไปตอนที่เค้ายังคบกันคือเค้าคบกันมาประมาณ 3 ปี ตอนที่เค้าคบกันแฟนเก่าก็ย้ายมาอยู่บ้านแฟนหนูถาวร บางทีที่เขามาที่บ้าน แฟนหนูก็จะออกไปบ้าง ไม่ออกบ้าง แต่เวลาออกไปคือไปทำกับข้าว ไม่ได้สนใจ แล้วตัวแฟนหนูก็คุยกับหนูว่า ‘เธอปล่อยให้มันเป็นอากาศไปเลยได้ไหม ไม่ต้องไปสนใจมัน’ แต่หนูพูดตรง ๆนะหนูทำไม่ได้ หนูเป็นแฟนใหม่นะ หนูอยู่ตรงนั้น แล้วหนูเป็นคนที่แสดงสีหน้าชัดเจนมาก พร้อมบวกตลอดเวลา แต่หนูเองก็ไม่ได้อยากทำให้เค้าเสียบรรยากาศกัน พวกน้า ๆ เค้าจะมีนั่งสังสรรค์กัน กลายเป็นว่าต้องมานั่งหยุมหยิมกันเรื่องเด็ก หนูก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่ เลยตัดปัญหาที่เวลาเขามาหนูไม่ออกไป นั่งอยู่ในห้องดีกว่า หนูไม่รู้ว่าจะออกไปทำไมด้วย เพราะออกไป เขาก็ยังนั่งอยู่ตรงนั้น แต่มันก็มีความรู้สึกที่เกิดขึ้นเอง เหมือนหนูรู้สึกว่าหนูเป็นคนนอกหรือเปล่า ระยะเวลาที่เขามาที่บ้านก็เฉลี่ย ๆ ประมาณ 2 เดือนครั้ง แม้เลิกกันไปแล้ว 2 ปีกว่าแล้วนะ อีกอย่างเขาก็เป็นฝ่ายบอกเลิกแฟนหนูด้วย อย่างในช่วงแรก ๆที่เขามาที่บ้านมันมีเหตุให้ต้องมาอย่างงานบวช งานศพ หนูก็รู้ว่าส่วนนี้หนูห้ามเขาไม่ได้เพราะเขาก็เหมือนเป็นคนในครอบครัวนี้ไปแล้ว แต่หลัง ๆเวลาที่เขามาด้วยความที่บ้านนี้ มีเด็ก ๆเยอะด้วยอายุก็ไล่ ๆกัน 17-18 พวกเด็ก ๆกับเขาก็จะเล่นเกมด้วยกันสนิทสนมกันมากกว่าหนู หนูรู้นะว่าเขาก็มีบ้านเขา แต่ว่าไม่ได้อยู่กับพ่อกับแม่ ในบางมุมหนูก็เห็นใจเขา แต่บางมุมมันก็อดคิดไม่ได้ว่า ก็เลิกไปแล้วไง วันนี้หนูเลยอยากปรึกษาว่าหนูต้องทำยังไง หรือหนูควรไปพูดกับเขาตรง ๆเลยไหม “ดีเจต้นหอม” เริ่มให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าเป็นพี่ พี่จะไม่ร้าย เพราะเราดูที่คนของเรา เค้าไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์หรืออะไร คือการที่เขามาบ้านแล้วเราดูแล้วว่าเค้าสนิทกัน แล้วเราก็มาที่หลังด้วย มันมีเหตุการณ์เกิดก่อนที่เราจะมา เราดูแค่คนกลางก็พอ ถ้าคนกลางไม่ไปยุ่ง แปลว่ามันไม่ได้มีอะไรที่ต้องระแวงหรือไม่มีอะไรที่ทำให้เราต้องร้าย แล้วการที่เราจะไปร้ายในบ้านแฟน ยิ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ และพี่ว่าเราต้องไม่เอาตัวเองไปเทียบกับเขาอะ เราไม่ได้อยู่ในจุดที่เราต้องแย่งชิง เพราะว่าคนกลางอยู่กับเรา เขาก็มีคนใหม่ แล้วถ้าสวย ๆเลยเดินเจอกันก็ทัก คือให้รู้ไปเลยว่าเขาไม่ใช่สิ่งที่เราต้องกังวล ไม่ต้องไปหาเรื่อง เพราะรู้สึกว่าเราอาจจะได้เพื่อนเพิ่มก็ได้ ซึ่งเขาอาจจะน่ารักก็ได้นะ เพราะส่วนของเขากับแฟนเรามันจบไปแล้ว แต่เข้าใจมันเป็นที่วัยด้วยว่าเรื่องแบบนี้ไม่ได้ มันมีเงื่อนไข แต่เวลาที่เจอกันแล้วเราต้องหลบ มันรู้สึกอึดอัด ใช้ชีวิตสบาย ๆดีกว่าไม่ต้องหลบเพียงแต่แฟนเราห้ามคุยนะ” ต่อมาที่ “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า “เอาความจริงก็เข้าใจได้ ถ้าคนที่เป็นแฟนเก่า แล้วรู้สึกไม่อยากมีปัญหาเค้าก็จะไม่ปรากฎตัวหรอก แต่ในเมื่อคนเนี่ยไม่ได้คิดแบบนั้น แต่ว่าเขามาแบบบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้มาระราน ที่มาก็เพราะความเคยชิน และยังคิดไม่ได้ว่าเอ้ยเราเป็นแฟนเก่าไม่ควรไปอยู่ในพื้นที่ของแฟนใหม่ ซึ่งพี่รู้สึกว่าถ้าแฟนเราไม่ได้ไปรู้สึกอะไรกับเขา แสดงว่าแฟนเราไม่ได้อะไรจริง ๆแต่โอก็ต้องเข้าใจว่าเขาสนิทกับคนในพื้นที่นั้นมาก่อนหน้าแล้ว ไม่ต้องไปสนใจ ใช้ชีวิตตามปกติไม่ต้องหลบ เขามาในฐานะแขกคนนึง เราอยู่แบบสันติของเรา ยิ่งเราอยู่ตรงนั้นให้รู้ว่ามีเราอยู่นะเขาเห็นเรา อาจจะทำให้เขามาที่บ้านน้อยลงก็ได้นะ เมื่อเราอยู่กับแฟนเรา ถึงวันนั้นสภาวะความที่เขารู้สึกไม่สบายตัว เขาก็คิดได้เอง ” ปิดจบกันที่ “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า “เห็นด้วยกับทั้งสองคนเลย โอฟังพี่เติ้ลพี่หอมแนะนำซ้ำ ๆเลยนะเราเป็นเจ้าถิ่น เจ้าบ้าน นิ่ง สยบความเคลื่อนไหว ให้เอาบารมีความเป็นสะใภ้คนใหม่ ขวัญใจคนใหม่ ผู้ซึ่งน่ารักใจกว้าง ต้อนรับแฟนเก่าอย่างดี จนเขาเกรงใจไปเอง มันต้องอย่างงั้น พี่หอมพูดถูกว่ามันคือชั้นเชิงยิ่งเราดีกับเขามากเท่าไหร่ ในแบบที่ยังรู้สึกได้บาง ๆว่าก็ไม่ได้ชอบสักเท่าไหร่ แล้วเดี๋ยวเขาจะไปเอง แล้วพ่อแม่จะรู้สึกว่าโอมันก็น่ารักเนอะ อย่าไปแบบเป็นตัวร้าย ตื้น ๆเปิดประตูออกมาจ้อง สะบัดหน้าคือชั้นเชิงหนูมันตื้นเขินเกินไป จากนางเอกหนูจะกลายเป็นตัวอิจฉาทันที แล้วเขาจะเป็นนางเอก ตอนนี้มุมนางเอกคือ 2 ปีแล้วแหละคงไม่มีใครคิดอะไรแล้วแหละ โต ๆกันแล้วแหละ เราก็ไปเยี่ยมผู้ใหญ่ได้ เขาอาจจะคิดแบบพี่แอฟ ทักษอรก็ได้นะตอนนี้ด้วยความใสเลย ตัวเขาก็มีแฟนใหม่แล้วด้วย ใครคิดอะไรก็บ้าแล้ว ไปสวัสดีพ่อแม่หน่อยคงไม่อะไรหรอกมั้ง ตอนนี้กลายเป็นโอเป็นตัวอิจฉาเลยนะ แล้วแฟนเราก็ประพฤติตัวดีด้วย ดังนั้นนิ่งไว้ลูก อย่าไปร้ายมากเก็บมันไว้กดความร้ายมันไว้”เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ลูกเรียนอนุบาล ร้องไห้บ่อย ครูประจำชั้นเลยไลน์มารายงานความคืบหน้า คุยไปคุยมา คุณครูขอยืมแม่ 5,000 แม่เกรงใจเพราะลูกอยู่ในความดูแลของครูเลยโอนให้ และขอเพิ่มอีก 10,000 แม่บอกไม่มีแล้ว แต่จะกดบัตรเครดิตรให้

05 เม.ย. 2024

ลูกเรียนอนุบาล ร้องไห้บ่อย ครูประจำชั้นเลยไลน์มารายงานความคืบหน้า คุยไปคุยมา คุณครูขอยืมแม่ 5,000 แม่เกรงใจเพราะลูกอยู่ในความดูแลของครูเลยโอนให้ และขอเพิ่มอีก 10,000 แม่บอกไม่มีแล้ว แต่จะกดบัตรเครดิตรให้

ลูกเรียนอนุบาล ร้องไห้บ่อย ครูประจำชั้นเลยไลน์มารายงานความคืบหน้าคุยไปคุยมา คุณครูขอยืมแม่ 5,000 แม่เกรงใจเพราะลูกอยู่ในความดูแลของครูเลยโอนให้และขอเพิ่มอีก 10,000 แม่บอกไม่มีแล้ว แต่จะกดบัตรเครดิตรให้ ขอผ่อนเดือนละพันครูบอก OK แต่สิ้นเดือนมาเงียบกริบ ทำไงดีคะ? “คุณนุ๊ก(นามสมมติ)” อายุ 29 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [3 เมษายน 67] ได้โทรมาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับคุณครูที่โรงเรียนของลูกมาขอยืมเงิน ด้วยความเป็นห่วงลูกเลยให้ยืมไป... โดย “คุณนุ๊ก(นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคมปี 66 ลูกชายได้เข้าเรียนชั้นอนุบาล 1 ที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง เปิดเทอมไปได้ประมาณ 2 สัปดาห์ คุณครูประจำชั้นก็ทักมาบอกว่า “ลูกชายงอแง ร้องไห้ อยากกลับบ้าน” เป็นแบบนี้ประมาณ 1 สัปดาห์ นุ๊กก็ได้มีการปรึกษากับคุณครู คุยกันปกติว่าลูกเป็นยังไง ยังร้องไห้อยู่ไหม นุ๊กก็คุยกับคุณครูไปเรื่อย ๆ จนคุณครูจับทางเราได้ว่า เราเป็นคนที่ค่อนข้างอ่อนไหวและใจอ่อน ถ้าเป็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับลูกก็จะยอมทุกอย่าง อยู่มาวันหนึ่งคุณครูก็ทักมาว่า “คุณครูขอรบกวนหน่อยได้ไหม ครูขอยืมเงินสัก 5,00 บาท พอดีครูต้องกลับต่างจังหวัดไปทำธุระ เดี๋ยวสิ้นเดือนคืนให้” ก่อนที่จะให้ยืม นุ๊กก็มีการไปถามกับแม่ว่าจะให้คุณครูยืมดีไหม เพราะนุ๊กก็ไม่รู้ว่าคุณครูเป็นคนยังไง แม่ก็บอกว่า “คุณครูคงเดือดร้อนจริง ๆ ไม่งั้นเขาคงไม่แบกหน้ามายืมผู้ปกครองหรอก จะมีคุณครูที่ไหนมายืมผู้ปกครองเด็ก” คุณครูก็บอกให้เก็บดอกได้ แต่นุ๊กก็บอกว่าไม่เอา ขอแค่คืนตรงเวลาก็พอ แล้วนุ๊กก็โอนเงินให้ พอถึงสิ้นเดือน คุณครูก็เงียบ แต่ด้วยความที่คุณครูเป็นครูประจำชั้นของลูกชาย นุ๊กก็เกรงใจคุณครูด้วย ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงก็เลยปล่อยผ่าน นุ๊กก็คิดแค่ว่าถ้าคุณครูเขามี เขาคงคืนเอง แต่ทุกครั้งที่นุ๊กไปรับลูก ก็เจอคุณครูทุกวัน เขาก็ทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากนั้นผ่านมา 1 เดือน คุณครูก็ทักมาอีกว่า “น้องชายจะโดนยึดรถ คุณแม่ช่วยหน่อยได้ไหม 10,000 บาท” นุ๊กก็บอกว่าเงินเยอะขนาดนี้ไม่มีให้ เพราะนุ๊กรู้ว่าถ้าให้ไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะได้คืนไหม นุ๊กก็ปฏิเสธแต่คุณครูก็ไม่หยุดทักมา ทักมาทั้งวันบอกว่า คุณครูเครียด ทำไมเขาต้องเป็นแบบนี้ ทำไมเขาต้องมาเจอปัญหาแบบนี้ ซึ่งนุ๊กก็ไม่อยากมานั่งฟังปัญหาของใคร ในแต่ละวันเลี้ยงลูกกับทำงานก็เหนื่อยมากแล้ว นุ๊กก็ได้แต่บอกว่า “ไม่รู้จะช่วยยังไง ไม่รู้จะหาที่ไหน” ซึ่งนุ๊กก็หงุดหงิดตัวเองด้วยที่ต้องมาฟังอะไรแบบนี้ แต่คุณครูก็ยังไม่เลิกทักมา เหมือนกับว่าถ้านุ๊กไม่มีให้ เขาก็จะไม่เลิกทักมา ด้วยความที่เป็นครูประจำชั้นจะบล็อกก็ไม่ได้ เพราะจะต้องส่งความเคลื่อนไหวลูกชายให้เราตลอด นุ๊กก็อยากลองคุยกับคุณแม่ของเด็กร่วมห้องของลูกชาย แต่ก็ได้ไปปรึกษากับแม่ แม่ก็บอกว่าให้นุ๊กคิดดี ๆ ถ้าเอาเรื่องนี้ไปคุยกับคุณแม่ของเด็กคนอื่นจะเป็นยังไง เพราะลูกชายยังอยู่ในความดูแลของคุณครูคนนี้ มันเลยทำให้นุ๊กกลัว กลับมาคิดทบทวนอีกครั้ง แต่สุดท้ายเราก็โอนเงินให้คุณครูไปเหมือนเดิม นุ๊กก็ยอมรับว่าเป็นการซื้อความสบายใจของเรา เพราะนุ๊กก็ไม่ได้อยากมานั่งเครียดกับปัญหาชีวิตใคร แต่นุ๊กก็ได้มีการยื่นข้อเสนอไปว่า คุณครูต้องผ่อนคืนเดือนละ 1,000 บาท เพราะเงินก้อนนี้กดออกมาจากบัตรเครดิต คุณครูก็รับปาก แต่จนถึงทุกวันนี้นุ๊กก็ยังต้องมารับผิดชอบจ่ายดอกเบี้ยบัตรเครดิตอยู่ พอนุ๊กโอนเงินให้คุณครูไปแล้ว คุณครูก็จะมีการไลน์มาบอกพฤติกรรมของลูกชายเป็นการส่วนตัว แต่นุ๊กก็ไม่ต้องการให้คุณครูมาดูแลลูกเราเป็นพิเศษ อยากให้ดูแลเหมือนกับเด็กทุกคน ขอแค่ไม่ละเลยหน้าที่ความเป็นครูจากลูกเราก็พอ ระหว่างนั้นคุณครูก็ไลน์มาขอยืมเงินอยู่เรื่อย ๆ ทีละเล็กละน้อย นุ๊กก็โอนให้ แต่ก็มีที่นุ๊กลองเอาบัญชีที่เป็นชื่อของคนอื่นโอนไป และบอกกับคุณครูว่า “แม่ไม่มีแล้ว แม่หามาให้ครูได้เท่านี้ คุณครูก็ต้องคืน” เพราะยืมมาจากคนอื่น คุณครูก็คืนเงินในส่วนนี้ แต่ก็ยังไม่คืนยอดเก่าที่ยืมไป จนตอนนี้ยอดเงินที่คุณครูยืมไปทั้งหมด 30,000 บาท นุ๊กอยากจะมาระบายและอยากได้คำปรึกษาเพราะเรื่องนี้มีแค่นุ๊กกับแม่ที่รู้อยู่สองคน แต่นุ๊กพูดกับแม่มากไม่ได้เพราะว่านุ๊กรู้ว่าตัวเองเป็นคนให้เขายืมเอง จะบอกใครก็ไม่ได้ ถ้าบอกสามีเขาคงอาละวาด นุ๊กก็กลัวลูกชายมีปัญหา อยากให้ลูกเรียนอย่างมีความสุข อยากขอคำปรึกษากับพี่ ๆ ดีเจว่า จะคุยกับคุณครูยังไง จะมีวิธียังไงบ้าง? เพราะนุ๊กยังมีความเกรงใจคุณครู เรื่องที่เขาเป็นครูคนแรกที่ทำให้ลูกชายนุ๊กเขียน ก.ไก่ และอ่านออกได้ ซึ่ง “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ต่อให้คุณครูเป็นคนจับมือลูกคุณนุ๊กเขียน ก.ไก่ ได้ ก็เป็นคนละเรื่องกับการยืมเงินผู้ปกครอง ต้องบอกสามีให้ลุยแทน ถ้าเราต่อสู้ไม่ไหวก็ให้สามีไปคุย ถ้าคุยกับคุณครูไม่รู้เรื่องก็บอกว่า “ถ้าไม่อยากให้เรื่องนี้ไปถึงคุณครูคนอื่น หรือถึงผู้บริหารโรงเรียนก็เคลียร์หนี้มา แล้วมันก็จะจบอยู่แค่นั้น” เท่าที่คุณนุ๊กบอกว่าถ้าสามีรู้ บ้านแตกแน่นอน สามีคงมีพลังพอที่จะต่อสู้ได้’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คุณครูโรงเรียนอนุบาลทุกคนประเทศนี้ ในโลกนี้ ทำให้นักเรียนเขียนหนังสือและอ่านอออกได้ มันเป็นหน้าที่ที่คนเป็นคุณครูต้องทำให้นักเรียน เขาถูกจ้างมา เขาไม่ได้ทำฟรีเพื่อคุณธรรมค้ำจุนโลก คุณนุ๊กแคปหลักฐานการยืมเงินไว้แล้วให้ผอ.ดู ให้ผอ.ช่วย คุณนุ๊กยังต้องจ่ายค่าหนี้บัตรเครดิตเองก็ยื่นหลักฐานให้ผอ.ช่วยเคลียร์ เพราะคุณนุ๊กได้มีการคุยกับคุณครูแล้ว แต่ไม่มีท่าทีว่าจะคืน หรือถ้าผอ.ไม่ช่วย คุณนุ๊กก็บอกสามีและบอกกับผอ.ไปว่าถ้าเรื่องนี้ถึงสามีก็คงมาในอีกเวอร์ชั่นหนึ่ง คุณนุ๊กต้องไม่ยอมเพราะคุณนุ๊กต้องจ่ายดอกเบี้ยของบัตรเครดิต ซึ่งมันเยอะมาก แล้วทำไมเราต้องมาจ่ายให้เขาไปเรื่อย ๆ ทั้งที่คุณครูเป็นคนยืม แต่ตอนนี้เป็นห่วงทัศนคติของคุณนุ๊กมาก ๆ อยากให้คิดดี ๆ ว่าการช่วยคนอื่น เกรงใจคนอื่น จนตัวเองถูกทำร้ายเอง มันสมควรแล้วจริง ๆ หรอ ที่เราต้องเจอแบบนี้เพียงเพราะเราเป็นใจอ่อน ในสิ่งที่เราไม่ได้ทำผิด เรื่องบางเรื่องเราต้องปรึกษาคนรอบด้าน เรื่องบางเรื่องมันอาจจะไม่เกิดขึ้นตั้งแต่แล้วก็ได้’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ไลน์บอกคุณครูว่าสามีรู้เรื่องแล้ว คุณครูอาจต้องผ่อนจ่ายหรือคุณครูอาจจะต้องหาเงินก้อนมาคืน เพราะถ้าไม่ได้คืน สามีจะเอาเรื่องนี้ไปบอกผอ.ให้จัดการ ต้องเอาเรื่องให้ได้ และที่สำคัญคุณนุ๊กอย่าทำแบบนี้อีก ตรรกะผิดที่มองว่า คนไม่ดีแต่เราฝากลูกไว้กลับคนแบบนี้ ครูคนนี้ไม่ใช่ครูที่ดี ครูไม่ใช่แค่สอนเด็กในตำรา ครูต้องสอนการใช้ชีวิตเด็ก ฉะนั้นครูต้องมี Mindset ที่ดีก่อน ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้กับพี่ พี่ก็จะให้ลูกย้ายห้อง และจะบอกกับผอ.ว่าครูคนนี้มีพฤติกรรมแบบนี้ ยืมเงินผู้ปกครอง พี่จะไม่มีทางฝากลูกไว้กับครูแบบนี้แน่นอน’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ทำไมกลายเป็นหน้าที่เรา?? พ่อสามีป่วย ตอนแรกไม่มีใครไปดูแลเราเลยอาสาช่วย หลังจากนั้นญาติสามีทุกคนคาดหวังให้เราดูแลทุกครั้ง ถึงขั้นขอให้เราลาออกจากงานประจำไปก่อน แต่เราออกไม่ได้เพราะมีภาระ เจอแบบนี้จะทำยังไงต่อไปดี...

05 เม.ย. 2024

ทำไมกลายเป็นหน้าที่เรา?? พ่อสามีป่วย ตอนแรกไม่มีใครไปดูแลเราเลยอาสาช่วย หลังจากนั้นญาติสามีทุกคนคาดหวังให้เราดูแลทุกครั้ง ถึงขั้นขอให้เราลาออกจากงานประจำไปก่อน แต่เราออกไม่ได้เพราะมีภาระ เจอแบบนี้จะทำยังไงต่อไปดี...

“คุณเจ(นามสมมติ)” อายุ 32 ปี สายที่ 2 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [3 เมษายน 67] ได้โทรมาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล และ ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับต้องดูแลพ่อแฟนที่ป่วยเป็นโรคร้าย จนตอนนี้กลายเป็นหน้าที่หลักไปแล้ว โดย “คุณเจ(นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เมื่อประมาณปลายปีที่แล้ว พ่อของแฟนตรวจพบว่าเป็นโรคร้าย หน้าที่พาไปหาหมอในช่วงแรกก็เป็นหนูที่พาไป โดยมีพี่ชายแฟนขับรถให้ เพราะแฟนต้องทำธุรกิจในตอนกลางคืน ส่วนตอนกลางวันก็จะเป็นเวลานอนของเขาและเขาก็ต้องดูแลลูกด้วย ในช่วงแรก ๆ หนูก็พาไปได้ แต่พักหลังมาหมอนัดเดือนนึงทีละครั้งสองครั้ง หนูก็ต้องไปทำงาน แล้วก็ต้องลางาน บางทีลามาก ๆ ก็เกรงใจหัวหน้า เหมือนหน้าที่ทั้งหมดกลายเป็นหนูที่ต้องทำพอไม่มีใครจะพาไป ญาติแฟนก็ให้หนูลาออกจากงานเพื่อมาดูแลพ่อก่อนแล้วค่อยกลับเข้าไปทำใหม่ แต่หนูก็บอกเขาไปแล้วว่า ถ้าหนูออก หนูก็กลับไปทำไม่ได้ออกแล้วออกเลย เพราะไม่มีใครที่จะสะดวกพาพ่อไปก็คงมีแค่หนู จะจ้างคนดูแลเขาก็ไม่เอา เขาอยากให้ลูกหลานดูแลมากกว่า แต่ถ้าหนูไม่ไปบ้างทีก็ต้องเป็นเมียของพี่ชายที่ต้องลางานมาพาไป เพราะเขาสามารถลางานได้ แต่หนูทำงานแบบรายวัน มันก็ลาลำบาก แต่ถ้าเขาไปไม่ได้ก็จะมีหลานชายพ่อที่ยังสามารถพึ่งพาได้ แต่ถ้าไม่ว่างจริง ๆ ก็ต้องเป็นหนูนี้แหละ เพราะหนูก็ไม่อยากให้ใครมาว่าแฟนหนูว่าดูแลพ่อไม่ได้ บางทีที่พ่อไปนอนโรงพยาบาล แล้วหนูไม่ได้ไป หนูก็จะโทรไปหาเขาวันละ 2 ครั้ง ซึ่งหนูก็ไม่รู้ว่าแฟนหนูกับพี่ชายเขาโทรไปบ้างไหม หนูก็เลยมารู้ทีหลังว่าไม่มีใครโทรไปเลย แล้วพวกอา ๆ ก็มาบอกว่า ลูกในไส้ไม่มีใครโทรไปเลย ก็มีแต่ลูกนอกไส้นั่นแหละที่โทรไป เหมือนแฟนกับพี่ชายเขาก็ไม่ค่อยคุยกัน หนูก็ยังพูดกับเขาว่าเป็นพี่น้องกันยังไง ถ้าหนูไม่ทำงานก็จะมีแค่แฟนที่ทำงานคนเดียวแล้วก็ต้องหาเลี้ยงทั้งบ้าน แถมยังมีลูกอีก 2 คนที่ต้องดูแล ช่วงนี้หมอก็นัดบ่อยด้วย และการไปหาหมอครั้งนึงคือ ต้องไปเจาะเลือดก่อน 1 วัน ถ้าบางทีผลเลือดไม่ดี หมอสั่งให้นอนโรงพยาบาลก็จะนอนยาวเลย หนูอยากถามพวกพี่ๆว่าหนูควรจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี? โดย “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘แบ่งเวรก็ควรที่จะทำ เพราะเดือนนึงก็จะประมาณ 2 - 3 วันต่อเดือน มันก็ไม่ใช่ทุกวัน มันควรจะแบ่งวันกันได้ หรือในกรณีที่ลูกหลานเขาไม่เอาอะไรเลย คือไม่มาแบ่ง ไม่มาช่วย ซึ่งคุณเจน่าจะตอบได้ว่าจริง ๆ เขาทำได้แต่เขาไม่ทำ หรือข้อจำกัดมันไม่ได้จริง ๆ แล้วมันไม่มีใครเลย เหลือคุณเจคนเดียว ถ้าเปลี่ยนกันบ้าง เป็นเดือนละวันก็แบ่งกันไป เพราะว่าการที่เราจะต้องหยุดทำงานไปมันก็มีกระทบรายได้ที่เราต้องเสีย ต่อเดือนมันก็หลายตัง แล้วอยู่ดี ๆ คนหาเงินหายไปคนนึงชีวิตครอบครัวมันก็เป๋นะ เราเองก็ยังต้องรักษาอาชีพเราไว้แหละ ผมคิดว่าเราต้องคุยต้องเคลียร์ว่า ให้แบ่งกันไปพี่ชายครึ่งนึง น้องชายครึ่งนึง ในกรณีที่เคลียร์ไม่ได้แล้วมันก็ยังไม่ให้ออกจากงานอยู่ดี อยากจะให้ลองไปคุยกับฝั่งที่ทำงานดูว่ามันจะพอหาทางออกอะไรกันได้ไหม? เมื่อลูกในไส้ เขาพึ่งไม่ได้ ก็ต้องเป็นหน้าที่ลูกนอกไส้อย่างหนู ก็ปรึกษาไปแบบนี้ ผมว่าใคร ๆ ก็เห็นใจนะ แล้วอาจจะขอลาแบบไม่รับเงินในช่วงที่ต้องลาไปดูแล เราลองเสนอความรับผิดชอบไปถ้าหัวหน้าเขาเมตตาเรา เขาก็อาจจะบอกว่าไม่เป็นไร คุณเจไปดูแลคุณพ่อเลย เวลาลาเราก็จะได้สบายใจว่าเราไม่ได้เอาเปรียบที่ทำงาน แต่ยังไงก็แล้วแต่ อย่าลาออกเลย ออกมามันมีราคาที่เราต้องจ่ายต้องเสียไป แล้วก็ให้สามีไปคุยแบ่งกับพี่ชายให้ลงตัว’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘เห็นด้วยกับพี่เผือกเรื่องที่ว่าคุณเจต้องให้สามีคุณเจไปคุยกับพี่ชาย เพราะเป็นเรื่องในครอบครัวเขา นี่คือสิ่งที่พี่และน้องต้องรับผิดชอบร่วมกัน คือแบ่งกันคนละ 1 ครั้งในแต่ละบ้าน ไม่ว่าจะเป็นคุณเจ แฟนคุณเจคือนับ 1 ไม่ใช่ว่าจะผลักภาระมาให้คุณเจทั้งหมดอันนี้ไม่ได้ ในแต่ละบ้านก็ต้องไปบริหารกันเอาเองว่าเขาจะรับผิดชอบหน้าที่นี้ยังไงถ้าเขาเป็นลูกที่อยากดูแลพ่อ สิ่งที่อยากจะบอกกับคุณเจว่า ที่คุณเจเล่ามาเขาก็ยังมีหลานที่ถ้าเขาว่างก็จะมาดูแลได้ มันก็จะใช้คำว่าถ้าเขาว่างไม่ได้เพราะมันเป็นหน้าที่ที่เขาต้องร่วมทำ เพราะตอนนี้คุณเจก็ไม่ว่าง แต่คุณเจก็ทำให้ทั้ง ๆ ที่คุณเจเป็นสะใภ้ด้วยซ้ำ คือรู้สึกว่าบ้านนี้กำลังอาศัยความใจดี ความเป็นคนดี ความเป็นสะใภ้ที่น่ารักของคุณเจมาเอาเปรียบคุณเจอยู่ เขาทำได้เพียงแต่เขารู้สึกว่า ทำทำไม เจมันทำให้อยู่แล้ว ไปพูดให้มันลาออกสิ เดี๋ยวมันก็ทำให้ สำหรับเติ้ลนะถ้าคุณเจไม่ยืนยันในเสียงของตัวเองว่าเจทำให้ได้ เจจะไม่ลาออก แต่เจจะทำให้ในวันที่สามารถลางานได้ แต่ไม่ใช่คุณเจจะแบกไว้ทั้งหมด ถูกแล้วแหละว่าคุณเจเป็นสะใภ้ที่ดี แต่จริง ๆ เขาไม่ใช่พ่อแม่เราที่เราจะต้องเอาตัวเข้าไปขนาดนั้น จริง ๆ มันก็มีทางเลือกอยู่สำหรับบ้านนั้นในการดูแลแต่แค่เขาผลักภาระมาให้คุณเจเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นคุณเจก็จะต้องให้คุณสามีไปคุย ถ้าสามีไปคุยแล้วเขายังไม่ว่างอยู่แล้วให้เราไปดู เรามีสิทธิ์ที่จะพูดได้ว่าเราไม่ว่างเราทำงาน มันอาจจะดูใจร้ายนะแต่จริง ๆ แล้วไม่ได้ใจร้ายเลยสิ่งที่คุณเจทำมามันก็ดีมาก ๆ อยู่แล้ว จริง แล้วคุณเจก็รักและอยากดูแลคุณพ่อแต่เราก็มีภาระที่จะต้องดูแล ทั้งดูแลตัวเอง ดูแลสามี ดูแลลูกอีก 2 คนของเราเหมือนกัน’ และ ดีเจต้นหอม ให้คำปรึกษาว่า ‘ไม่มีอะไรเสริมเลย เพราะ 2 คนพูดไปหมดแล้ว ต้องไปคุยกัน ลูกมี 2 คน 2 คนนั้นต้องเป็นคนแบ่งงาน แต่คุณเจก็ไปบอกแฟนหน่อยว่าเรียกพี่ชายมาคุยได้แล้วแค่นั้นเอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1