สามีเลี้ยงลูกคนละแบบกับเรา เราอยากเลี้ยงแบบให้ลูกสนิทเหมือนเพื่อน มีอะไรก็พูด แต่สามีระเบียบจัด ทุกอย่างต้องเป็นไปตามแผนที่วางไว้ จนตอนนี้ ลูกคนโต อายุ 12 เริ่มเลียนแบบ พูดจารุนแรง และ คนเล็ก อายุ 5 ขวบ

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

สามีเลี้ยงลูกคนละแบบกับเรา เราอยากเลี้ยงแบบให้ลูกสนิทเหมือนเพื่อน มีอะไรก็พูด แต่สามีระเบียบจัด ทุกอย่างต้องเป็นไปตามแผนที่วางไว้ จนตอนนี้ ลูกคนโต อายุ 12 เริ่มเลียนแบบ พูดจารุนแรง และ คนเล็ก อายุ 5 ขวบ

05 ก.ค. 2024

สามีเลี้ยงลูกคนละแบบกับเรา เราอยากเลี้ยงแบบให้ลูกสนิทเหมือนเพื่อน

มีอะไรก็พูด แต่สามีระเบียบจัด ทุกอย่างต้องเป็นไปตามแผนที่วางไว้

จนตอนนี้ ลูกคนโต อายุ 12 เริ่มเลียนแบบ พูดจารุนแรง และ คนเล็ก อายุ 5 ขวบ

เริ่มกลายเป็น Perfectionist ไม่กล้าทำอะไรผิด ตอนนี้เราเครียดมาก

            “คุณเกด (นามสมมติ)” อายุ 38 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (26 มิ.ย. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับสามีเลี้ยงลูกด้วยอารมณ์รุนแรงจนลูกคนโตเริ่มทำตาม ส่วนลูกคนเล็กไม่กล้าทำผิด

            โดย “คุณเกด (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘ตอนนี้มีปัญหากับสามี เพราะเรื่องวิธีการดูแลลูกต่างกันมาก สามีอายุ 48 ปีเรามีลูก 2 คน คนโตอายุ 12 ขวบและคนเล็ก 5 ขวบ คือเราจะเลี้ยงลูกเป็นเพื่อน เป็น Safe zone ให้เขา แต่สามีเวลาอยู่บ้านจะหงุดหงิด ฉุนเฉียว จนตอนนี้ลูกคนโตเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ก็ซึมซับพฤติกรรมมาจากพ่อ มีอาการฉุนเฉียวกับเราและน้อง คือถอนหายใจใส่ ขึ้นเสียง ดุน้องด้วยประโยคที่เขาที่โดนพ่อดุ แต่ถ้าพ่ออยู่เขาจะเรียบร้อย เพราะเขากลัวพ่อมาก

            ส่วนคนเล็กเริ่มติดนิสัยต้องสมบูรณ์แบบเพราะเวลาเขาทำการบ้านนาน อ่านหนังสือผิดเขาก็จะโดนพ่อดุ จนครูมี Feedback กลับมาว่าเวลาที่เขาทำผิดหรือทำไม่ทันเพื่อน เขาจะร้องไห้ ผิดหวังในตัวเอง แล้วก็จะกลายเป็นว่าเขาไม่อยากทำอะไรเลย เพราะกลัวว่าจะทำผิด หรือเวลาครูเข้าไปทักเรื่องนี้ หรือตอนที่เขาไม่ทันเพื่อน ก็จะร้องไห้เลย

            เราเคยพยายามลองคุยเรื่องการเลี้ยงลูกหลายครั้ง แต่เขาก็จะว่าเรากลับว่าเราเลี้ยงลูกตามใจ แล้วก็ทะเลาะกันทุกครั้ง จนตอนหลังเวลาเขาเริ่มหงุดหงิดเราจะใช้วิธีดึงลูกออกมาแล้วไปที่อื่น สามีเขาทำงานตำแหน่งระดับผู้บริหาร เขาจะสั่งทุกคน อยากให้ทุกคนทำตามที่เขาคิด เรารู้สึกว่าเขาเอานิสัยที่ทำงานมาใช้ที่บ้าน

            ยกตัวอย่าง ลูกคนโตเขายกนมแกลลอนกระดกกิน (ไม่ใช้แก้ว) พ่อก็จะว่าเลยว่าทำแบบนี้ไม่ได้ นมจะบูด แล้วบังคับให้ลูกนั่งกินนมให้หมดตรงนั้นวันนั้น เราไม่ได้อยู่ตรงนั้น เราเห็นแค่ทำไมลูกไปอยู่ตรงนั้น เลยไปเปิดกล้องดูแล้วได้ยินบทสนทนา เราเลยไปปลอบลูกแล้วก็เอานมไปเก็บ แล้วเราก็ไปคุยกับสามีที่หลัง หลังจากส่งลูกเข้านอน จนตอนนี้เราแทบไม่กล้าปล่อยให้ลูกอยู่กับสามีตามลำพังโดยที่เราไม่อยู่บ้านเลย เวลาเสาร์อาทิตย์เราพยายามลูกไปเรียนพิเศษข้างนอก เช่นดนตรี กีฬา แต่พ่อเขามองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ

            มีอยู่วันหนึ่งพ่อเขาอยู่ที่โรงเรียนสอนพิเศษด้วย แล้วมีคุณครูมา Feedback ว่าวันนี้น้องทำอย่างนี้อย่างนั้น เขาก็บอกว่า “กลับไปบ้านผมไม่รู้หรอกนะ ว่าลูกผมได้หรือไม่ได้ เพราะผมก็ไม่รู้ว่าเรียนยังไง เล่นยังไง” แถมลูกก็อยู่ตรงนั้น พอกลับมาบ้านลูกมาพูดกับเราว่า เขาไม่อยากทำแล้ว เขาไม่อยากเล่นแล้ว เพราะกลัวพ่อ

            คือตอนที่มีลูกคนแรกคนเดียวสามีไม่ได้เป็นขนาดนี้ ซึ่งเราก็มองว่ามันก็ดีนะ คนนึงเป็นระเบียบ อีกคนนึงคอยดูลูก มันจะได้บาลานซ์กัน อีกมุมนึงเราก็ไม่รู้ว่าวัยทองของเขาหรือป่าว ตอนเป็นแฟนกัน เขาก็มีหงุดหงิดบ้าง แต่ไม่ได้ขนาดนี้ เรารู้สึกว่าเขาจะเคร่งกับลูกมาก อาจจะเป็นเพราะเขาเป็นพี่คนโต แล้วเป็นครอบครัวคนจีน มีครั้งหนึ่งเขาพูดกับลูกคนโตว่า “ถ้าเรียนจบก็หาเงินส่งน้องเรียนด้วยนะ” ตอนนั้นเราโกรธมาก เราโพล่งออกมาว่า “จะปลูกฝังความคิดแบบนี้กับลูกไม่ได้ เรามีลูกเองเราอย่าไปฝากภาระให้ลูก” เขาก็สวนมาว่า “ก็เขาเป็นแบบนั้น ถูกเลี้ยงมาแบบนั้น” จริงๆเขาแทบจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับลูกเลย ปกติจะเป็นหน้าที่หลักของเรา ที่จะจัดการเรื่องลูก ส่วนเขามีหน้าที่แค่หาเงิน ช่วยรับส่งลูก เราเลยคิดว่าถ้ามีหน้าที่แค่นี้แล้วทำให้สภาพแวดล้อมลูกแย่ลง มันไม่มีดีกว่าไหม เราอยากปรึกษาว่า อย่างแรกเราจะปรับความคิด พฤติกรรมลูกยังไงดี เพราะในมุมเรา ปรับกับสามีคงยากเกินไปแล้ว อีกอย่างหนึ่งคือ ถ้าเราแยกกันอยู่มันจะดีกับลูกมากกว่าไหม’

            ซึ่ง “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘เด็กในช่วงอายุ 3-5 ขวบ คือช่วงที่หล่อหลอมเลย เพราะยิ่งอยู่ในวับที่มีพฤติกรรมเลียนแบบ เห็นพ่อแม่ทำยังไง เขาก็จะทำแบบนั้น ถ้าพ่อแม่อารมณ์รุนแรงทะเลาะกัน เขาจะมีพฤติกรรมตวาด อาละวาดแน่นอน ต่อให้พ่อแม่ไม่ทะเลาะกัน เป็นครอบครัวที่อบอุ่นมากๆ เขาก็ยังอยู่ในวัยที่จะปลดปลอล่อยอารมณ์ของเขา โรวเรียนที่ลูกผมอยู่เขาสอนว่า “คุณต้องยอมรับอารมณืตัวเอว และรู้ว่าตัวเองกำลังรู้สึกอะไรอยู่ ถ้าเสียใจบอกว่าเสียใจ ถ้าโมโหบอกว่าโมโห” เขาอยู่ในวัยที่กำลังแสดงออกทางอารมณ์ของเขามันคือวัยที่บ่งบอกตัวตน

            ส่วนสามีผมว่าเปลี่ยนเขายาก แต่ทางนึงที่ผมคิดออกคือพากันไปหาจิตแพทย์เด็ก ไม่รู้ว่าสามีจะเปิดใจยอมรับหรือป่าว เพราะแม้กระทั่งกับครู่สอนพิเศษยังพูดแบบนั้น ผมว่ามันเป็น Mindset ที่อาละวาดทุกคนรอบตัวไปหมด ถ้าเป็นเมืองนอกจะเรียกว่า ”Karen “คืออยู่ดีๆก็เดินมาด่าแบบไม่มีเหตุผล ถ้าเป็นเมืองไทย ก็ “มนุษย์ป้า มนุษย์ลุง” มองลบทุกอย่าง ด่า มีปัญหา การไปพบจิตแพทย์เด็กคือ เขาจะให้คำแนะนำจี้จุด แล้วให้พ่อแม่ไปแก้ไข พฤติกรรมลูกก็จะเปลี่ยน เพราะหายทัน 4-5 ขวบ แต่ลูกที่อายุ 12 ขวบแล้ว ก็พอจะมีวิธีเปลี่ยน ถ้าคุณพ่อไม่ให้ความร่วมมือ คุณแม่ก็จะเหนื่อนิดนึง ต้องคอยอธิบายกับลูก เช่น ”พ่อเขาเหนื่อย เวลาคนเราเหนื่อยก็จะหงุดหงิดง่ายก็เลยเสียงดังออกมา การที่คุณพ่อเหนื่อยเป็นเพราะเขาพยายามหาเงินมาให้ลูกเรียน“ นี่คือวิธีการที่จะประคับประคองอีกฝ่ายหนึ่ง หรือใช้วิธี Good cop - Bad cop คอยช่วยเหลือกัน ถ้าคุณแม่ดุ พ่อก็คุยกับลูกว่า “รู้มั้ยว่าคุณเเม่เขารัก ทำไมเขาถึงดุ“ ถ้าพ่อดุ คุณแม่ก็ต้องทำเหมือนกัน ต้องช่วยกันแบบมากๆ

            แล้วที่คุณเกดถามว่ายังต้องมีสามีอยู่มั้ย ผมตอบไม่ได้จริงๆ ว่าการที่มีหรือไม่มี สุดท้าย ปลายทางมันจะดีหรือไม่ดี แต่อยู่ที่ว่า คุณเกดต้องการพาครอบครัวไปที่ปลายทางจำนวนเท่าไหร่ ถึงแม้เราจะรู้ว่าที่พ่อทำไปมันแค่หงุดหงิดและอยากระบายอารมณ์ใส่ลูก แต่เราก็ยังพอมีวิธีที่จะช่วยกันให้กลายมาเป็นพ่อแม่ที่ดีของลูกได้

            อย่างบ้านของผม จะไม่คุยกันต่อหน้าลูกทั้งสิ้น ลูกขึ้นนอนแล้วเราจะมาทบทวนกัน ปรึกษากัน ในสิ่งที่เราปฏิบัติต่อลูก ต้องบาลานซ์ทุกวัน และที่สำคัญคือต้องฟังกันและกัน วิธีการเลี้ยงลูกในทุกวันนี้ เราต้องรู้ว่าเด็กโตมาในสังคมที่ไม่เหมือนกับตอนที่เราโต เป็นไปไม่ได้ที่คุณจะใช้วิธีการแบบที่คุณโตมา เพราะสังคมมันเปลี่ยนไปเเล้วจากหน้ามือเป็นหลังมือ มีคนบอกว่าการเลี้ยงลูกคืองานศิลปะที่ต้องค่อยปั้นช้าๆตั้งแต่เป็นดิน มันจึงต้องให้ความร่วมมือกันมากๆระหว่างพ่อและแม่ ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ให้ความร่วมมือ ผมก็เห็นด้วยกับคำที่ว่า “ไม่มีน่าจะดีกว่า” ในบางครั้งมันก็อาจจะเป็นจริง ถ้าเขาเปิดใจรับทุกอย่างยังพอช่วยได้ แต่ถ้าไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณเกด’

            ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ให้คำแนะนำต่อว่า ‘หอมจะเรียกสามีมาคุย แล้วก็บอกว่าลูกคนโตมีพฤติกรรมแบบนี้ แล้วคุยครูก็บอกอีกว่าลูกคนเล็กมีพฟติกรรมแบบนี้ทนั่นแปลว่าตอนนี้มีปัญหา แล้วปัญหาจะมาจากพ่อแม่ ฉนั้นวันนี้เราจะจูงมือกันไปหาจิตแพทย์เด็ก แต่ถ้าเขาไม่ไป หอมก็จะปกป้องลูกทุกวิธี บอกเขาไปว่า ถ้าไม่ไปก็ต้องเปลี่ยนตัวเอง แล้วเราจะไม่ทะเลาะต่อหน้าลูก เวลาอยู่ต่อหน้าลูกเราจะพูดถึงพ่อในทางที่ดี ไม่ว่าพ่อจะดุ หรือหงุดหงิด เราจะบอกกับลูกว่า “ลูก วันนี้พ่อทำงานเหนื่อยนะเลยเป็นแบบนี้” แล้วเราจะมาด่าพ่อทีหลัง พอมาอยู่ในห้องสองคน พูดไปเลยว่า “คุณไม่ควรพูดกับติวเตอร์แบบนี้” จะทะเลาะก็ทะเลาะ เราจะทะเลาะจนกว่าคุณจะรำคาญ วันนึงเขาจะรำคาญ เขาจะไม่อยากทะเลาะกับเรา

            เพราะฉะนั้นจะมีทางเลือก 2 ทาง 1. คุณเปลี่ยนตัวเอง หรือ 2.ให้ฉันเปลี่ยนคุณ แล้วถ้าเขาไม่เปิดใจที่จะเรียนรู้อะไรใหม่ๆ กับความคิดเด็กชุดใหม่ของเด็กยุคนี้ ปกป้องลูก โดยการเปลี่ยนพ่อ บอกเขาไปแบบนี้เลย ว่าเราไม่อยากให้ลูกเหมือนเขา แล้วถ้าเขาบอกว่าเราเลี้ยงลูกตามใจเกินไป เราก็บอกไปเลยว่า “งั้นไปพบจิตแพทย์ด้วยกัน ไปดูว่าวิธีเลี้ยงลูกที่ถูกต้องเลี้ยงยังไง ฉันยินดีจะปรับตัว แล้วคุณยินดีจะปรับตัวหรือป่าว” ถ้าเขาบอกว่าเขาเป็นแบบนี้อยู่แล้ว งั้นก็แปลว่าลูกไม่ได้เหมาะกับคุณ คุณไม่เหมาจะมีลูก อย่ามีลูกเลย ไปคุมลูกน้องนั่นแหล่ะดีแล้ว’

            สุดท้าย “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘ต้องหาคนกลางมาตัดสิน เพราะเถียงกันไปเกียงกันมา เขาไม่ฟังเราหรอก ให้หมอบอกตัดสินว่าอะไหนทำถูกหรือผิด ถ้าเขายอมฟัง สิ่งที่เขาทำผิด คือต้องปรับตัว แต่ถ้าไม่ปรับตัว งั้นก็ไม่ต้องยุ่งกับการเลี้ยงลูก เดี๋ยวฉันทำหน้าที่นี้แทน แล้วถ้ายังมายุ่งกับลูกอีก ก็จะส่งลูกไปโรงเรียนประจำ คือทำยังไงก็ได้ให้ลูกไม่ต้องอยู่กับเขา เพราะเห็นใจ มันยากมากถ้าใช้วิธีอธิบายว่าทำไมพ่อถึงหงุดหงิดใส่ แล้วก็ไม่ได้การันตีว่าลูกจะเข้าใจในสิ่งที่เราพูด’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

เอือมทั้งบริษัทแต่พูดอะไรไม่ได้! เจ้าของบริษัท มีลูกเมียแล้วแต่ชอบลวนลามพนักงานสาว แต่อ้างว่าทำเพราะเอ็นดู ทั้งจับขา เอามือล้วงเข้ามาในแมสก์แล้วหยิกแก้ม เคยทำท่าทีเล่นๆ ดึงคอพนักงานผู้หญิงให้เอาหน้ามาแนบตรงพุงเขา ตอนนี้ไม่มีใครกล้าพูดอะไรเลย จะทำยังไงดี?

10 มิ.ย. 2024

เอือมทั้งบริษัทแต่พูดอะไรไม่ได้! เจ้าของบริษัท มีลูกเมียแล้วแต่ชอบลวนลามพนักงานสาว แต่อ้างว่าทำเพราะเอ็นดู ทั้งจับขา เอามือล้วงเข้ามาในแมสก์แล้วหยิกแก้ม เคยทำท่าทีเล่นๆ ดึงคอพนักงานผู้หญิงให้เอาหน้ามาแนบตรงพุงเขา ตอนนี้ไม่มีใครกล้าพูดอะไรเลย จะทำยังไงดี?

“คุณหนู (นามสมมติ)” อายุ 20 ปลายๆ สายที่สี่ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (5 มิ.ย. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาโดนคุกคามทางเพศในที่ทำงาน ซึ่ง “คุณหนู (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูไม่ใช่เหยื่อ แต่เห็นเหตุการณ์ และเพื่อนมาปรึกษา ซึ่งเหยื่อคือเพื่อนในที่ทำงาน เหตุการณ์ คือ เพื่อนถูก CEO ที่เป็นผู้ชายมีอายุมากแล้ว เขาเป็นเจ้าของบริษัทเอกชนมาลวนลาม เช่น เดินเข้ามาจับเอว , เอามือสอดเข้ามาในแมสแล้วจับแก้ม , โอบไหล่ , ตอนที่พนักงานนั่งอยู่ก็ดึงมาซบพุง , เวลาเดินผ่านไปผ่านมาก็จับต้นคอ , ไปงานกินเลี้ยงก็แอบมาจับต้นขาแบบเนียนๆ สุดท้ายคนที่โดนลวนลามก็จะออกจากวงสนทนา หรือไม่ก็เดินหนี ซึ่งหนูเคยคิดกับเพื่อนที่ทำงานและเพื่อนที่โดนลวนลามว่า ควรพูดตรงๆไหม แต่สุดท้ายเขาก็จะมีข้ออ้างเสมอว่าที่ทำไปคือแค่ เอ็นดู และเหตุการณ์ที่เล่าไปข้างต้น ไม่ได้มีเหยื่อคนเดียว แต่มีเหยื่อหลายคน แล้วเหยื่อที่โดนก็ไม่ได้อยากหางานใหม่ เพราะถ้าตัดเรื่องนี้ออก สังคมในที่ทำงานก็คือดี อยากขอคำแนะนำจากพี่ๆดีเจว่าควรทำยังไงดี? ซึ่งดีเจทั้ง 3 ท่าน ให้คำแนะนำว่า ‘ทำอะไรไม่ได้ เขาเป็นเจ้าของบริษัท เพราะถ้าเราทำอะไรขึ้นมา ก็คงเป็นเราที่โดนไล่ออก แถมคนที่โดนก็ไม่อยากลาออกอีก งั้นก็ต้องอดทน จะแอบถ่ายคลิปไปฟ้อง เราก็จะโดนไล่ออกอยู่ดี ถ้าอยากแก้เผ็ดแบบมีศักดิ์ศรี ลองลาออกพร้อมกันทุกคนในทีม แล้วปล่อยคลิปที่ถูกลวนลามในโซเชียล ซึ่งคนที่พร้อมจะลาออกก็คงไม่ใช่ทุกคน ในตอนนี้เงื่อนไขคือ ไม่ลาออก ไม่ทน หรือจะลองสู้ดูมั้ย แต่ถ้าสู้ก็ต้องวนกลับมาที่ลาออกอยู่ดี ถ้าจะแจ้งตำรวจก็ต้องให้คลิปชัดเจน ถึงจะโดนตำรวจจับ บริษัทก็ต้องปิดตัวอยู่ดี เงื่อนไขเยอะขนาดนี้ ก็คือ ต้องเลี่ยง และให้ทุกคนรวมตัวรีแอ็คว่า ไม่ได้นะคะ ห้ามจับตัว หรือลองจัดงาน เอาท์ติ้งบริษัท ในธีม ห้าม Sexual Harassment สุดท้ายดีเจทั้ง 3 ท่าน ก็แนะนำว่าไม่อยากให้ทนกับการโดนลวนลามล่วงละเมิดสิทธิ์แบบนี้’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

เปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็นเหตุ! มี Social แฟนทุกแอป ยกเว้นไลน์ เลยขอให้แฟนเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ Line เป็นรูปคู่ สุดท้ายแฟนไม่เปลี่ยน แล้วบอกเลิก! ลั่น ทำนิสัยแบบนี้มัน Toxic บอกหนูคือต้นเหตุในการเลิกกันครั้งนี้ ตอนนี้รู้สึกผิดอยากขอกำลังใจค่ะ

07 พ.ค. 2024

เปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็นเหตุ! มี Social แฟนทุกแอป ยกเว้นไลน์ เลยขอให้แฟนเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ Line เป็นรูปคู่ สุดท้ายแฟนไม่เปลี่ยน แล้วบอกเลิก! ลั่น ทำนิสัยแบบนี้มัน Toxic บอกหนูคือต้นเหตุในการเลิกกันครั้งนี้ ตอนนี้รู้สึกผิดอยากขอกำลังใจค่ะ

“คุณใหม่ (นามสมมติ)” สายที่สามในรายการพุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (1 พ.ค. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาขอให้แฟนเปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็นรูปคู่ โดย “คุณใหม่ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูคบกับแฟนเก่ามาเกือบปี ประมาณ 11 เดือนได้ ขอเล่าก่อนว่าตอนที่คบกันได้ประมาณ 5 – 6 เดือน เราก็ไปมาหาสู่กันปกติ เป็นความรักระยะไกล เราอยู่คนละจังหวัดกัน แต่ไม่ไกลมาก ตอนนั้นหนูไปเที่ยวบ้านเขา และไปเล่นไอแพดของเขา หนูไปแอบนั่งอ่านแชทเขาแล้วอึ้งเลย! ทำให้หนูไปรู้ว่าเขาแอบไปมี Friends with benefits (FWB) แอบไปคุยกับรุ่นพี่คนสนิท เคยไปรับไปส่งกันหลายรอบ เคยไปมีซัมติงกัน 1 ครั้ง และไปเต๊าะผู้หญิงอีก 2 - 3 คน ชอบไปกด LOVE ในสตอรี่บลาๆ หนูเห็นปุ๊บก็ร้องไห้ แล้วเขาก็มาบอกว่าเขาเลือกหนูนะ จะให้เขาทำยังไงก็ได้ หนูก็เลยโอเค งั้นขอพิสูจน์หน่อย ก็เลยให้เขาทักไปบอกคนที่เต๊าะหรือคนที่มีอะไรด้วยว่าหนูจับได้แล้วนะ เธอเลือกหนู ก็เลยเป็นสาเหตุของการที่หนูได้รหัสเฟซบุ๊กกับไอจีเขามา หลังจากนั้นหนูอยู่กับความหวาดระแวงมาตลอด เขาไปไหน จะทำอะไร บางทีหนูก็อยากรู้ อยากเห็น อยากให้ถ่ายรูปส่งมาให้ดู แต่เขาก็ไม่ค่อยถ่าย ทำเป็นลืมบ้าง ถ่ายบ้าง ไม่ถ่ายบ้าง จนช่วงหลังๆหนูเริ่มมีความตะหงิดใจ รู้สึกถึงความเปลี่ยนไป หนูก็เลยขอให้เขาเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ในไลน์เป็นรูปคู่ แล้วเขารับปากว่า โอเค เดี๋ยวจัดการให้ แล้วเขาก็ทำเป็นลืม จนหนูเว้นระยะเวลาไว้ให้สัก 3 – 4 วัน หนูก็ไปถามเขาว่า ลืมหรือเปล่า ทำไมยังไม่เปลี่ยนให้ เขาก็ตอบกลับมาว่า ทำไมทำตัวน่ารำคาญจังเลย ทำไมถึงเยอะ ไม่อยากทำอะไรให้ใครอีกแล้ว ซึ่งเขาใส่รูปส่วนตัวของเขา เนื่องจากเฟซบุ๊กกับไอจีเขา เรามีรหัส เราก็เลยสามารถเข้าไปดูได้ว่าเขาเล่นอะไร หรือคุยกับใครหรือเปล่า เลยกลายเป็นจุดที่ทำให้เราต้องทะเลาะกัน ซึ่งพฤติกรรมของเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยใส่ใจในชีวิตประจำวันของเรา เมื่อก่อนตอนคุยกันแรกๆอาจจะมีใส่ใจบ้าง แต่หลังๆมาไม่ค่อยใส่ใจ ไม่ค่อยอยากรู้ว่าไปทำงาน ถึงที่ทำงานหรือยัง เที่ยงนี้กินข้าวอะไร เย็นนี้ไปไหนมั้ย? ล่าสุดหนูเป็นคนบอกเลิกเขา เพราะหนูรู้สึกว่าไม่อยากจะทนแล้ว เขาไม่ค่อยใส่ใจความรู้สึกเราเลย เวลาทะเลาะกันบางทีเขาเลือกที่จะไม่คุย หายไปเลย ไม่รับโทรศัพท์ ไม่อธิบายใดๆ อาจจะหายไปนอน ไม่คุยกัน 2-3 วัน แล้วก็ทักมาคุยปกติ เหมือนข้ามเรื่องที่ทะเลาะกันไปเลย ตอนที่หนูตัดสินใจเลิก หนูก็ได้ไปเที่ยวต่างจังหวัด เขาก็เลยทักมาว่าทำไมไม่ทักไปชวนกันเลย ไหนบอกจะพาไปเที่ยว เพราะมันเป็นที่ที่เคยคิดว่าจะไปด้วยกัน เขาก็ได้มีโอกาสตอบกลับมาเป็นเพราะหนูขี้ระแวงทำให้เขารู้สึกอึดอัดและเป็นตัวต้นเหตุของความสัมพันธ์เป็นพิษครั้งนี้ แล้วมันทำให้หนูรู้สึกว่าเราผิดหรือเปล่า เราแย่หรือเปล่า? และช่วงแรกๆที่เลิกกันไป เขายังไม่ได้เปลี่ยนรหัสผ่าน หนูก็เลยเข้าไปเห็นที่เขาคุยกับเพื่อนเขา ประมาณว่า กูเลิกแล้วนะ เบื่อมาก รำคาญ ไม่กลับไปแล้วเว้ย หนูว่าเขารู้ว่าหนูเข้าไปอ่าน เขาอาจจะอยากให้หนูเจ็บบ้าง หนูก็เลยอยากมาขอกำลังใจจากพี่ๆดีเจ’ โดย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ก็ดีแล้วที่หนูใจแข็ง หลายๆคนที่เจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้มักจะใจอ่อน ส่วนเรื่องที่เขามาโทษเรามันเป็นทรงเดิมๆของคนที่เขาทำผิดแบบนี้ ถ้ามันไม่มีเหตุมันจะระแวงกันทำไม ไม่ต้องคิดมาก มันเป็นคำตอบพื้นที่ข้อห้าประมาณนี้ คิดถึงวันที่เขาทำเราเจ็บไว้ เอาความรู้สึกนั้นอยู่กับตัวไว้ มันจะได้ไม่ใจอ่อน เมื่อไหร่ที่เราเริ่มเจ็บน้อยลงเราจะเริ่มใจแข็งมากขึ้น มันเป็นเรื่องปกติ’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘มันก็เข้าใจได้ว่าทำไมหนูถึงเป็นแบบนี้ พี่ว่ามันดีกับหนูนะการที่ใจเด็ดแบบนี้ อย่างน้อยการไปมีแฟนใหม่อาจจะทำให้หนูสบายใจกว่านี้ ไม่ต้องให้หนูมาระแวง ถ้าสมมติเขาเปลี่ยนโปรไฟล์เป็นรูปคู่ แล้วจากนั้นยังไงต่อ หนูคิดว่าหนูจะไว้ใจผู้ชายคนนี้ได้หรอ? กลายเป็นว่าเรื่องที่เขาไปนอกใจมันเป็นปมในใจหนูแล้ว หนูจะไม่มีทางเว้นว่างจากการเข้าไปดูของเขา เข้าไปสืบของเขา มันไม่สบายใจไปแล้ว การที่หนูบอกเลิกเขาแล้วเขาชัดเจน ไม่รั้งหนูไว้ ถ้าเขารักหนูจริงๆ เขาต้องพยายามเข้าใจหนูมากกว่านี้ พี่ว่าตัดสินใจแบบนี้ก็ดีแล้ว และต้องแข็งแรง อย่ากลับไป’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘หลายคนคงคิดว่าจะทะเลาะกัน เลิกกันเพราะเรื่องโปรไฟล์หรอ? เรื่องโปรไฟล์เป็นส่วนหนึ่งของการนอกใจ ชีวิตคู่ปิดตาข้างนึงได้ แต่ไม่ใช่เรื่องนอกใจ มันมีเรื่องที่ผู้หญิงยอมได้ และยอมไม่ได้ สำหรับผู้ชายคนนี้เลิกไปดีแล้ว ถ้าเขารักเราจริง แค่เปลี่ยนรูปโปรไฟล์เอง ขึ้นรูปคู่เพื่อความสบายใจของแฟน แล้วเขาก็เป็นคนมีประวัติ เพราะฉะนั้นหวังว่าใหม่จะไม่กลับไป ถ้าอยู่แล้วทำให้เราเจ็บปวด ก็ไม่เอา’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

คบแฟนได้ 6 เดือน แฟนบอกว่ามี FWB กับผู้หญิงอีกคน ตอนแรกคิดว่าพูดเล่น หลังๆเริ่มชวนไปกินข้าวกัน 3 คน แฟนหนูสั่งน้ำโปรดให้เขา ตักข้าวให้เขา จนหนูรู้สึกว่า "เรายังเป็นแฟนอยู่ไหม" พีคสุด เจอแชทเขาคุยเสียวกัน

10 พ.ค. 2024

คบแฟนได้ 6 เดือน แฟนบอกว่ามี FWB กับผู้หญิงอีกคน ตอนแรกคิดว่าพูดเล่น หลังๆเริ่มชวนไปกินข้าวกัน 3 คน แฟนหนูสั่งน้ำโปรดให้เขา ตักข้าวให้เขา จนหนูรู้สึกว่า "เรายังเป็นแฟนอยู่ไหม" พีคสุด เจอแชทเขาคุยเสียวกัน

คบแฟนได้ 6 เดือน แฟนบอกว่ามี FWB กับผู้หญิงอีกคน ตอนแรกคิดว่าพูดเล่นหลังๆเริ่มชวนไปกินข้าวกัน 3 คน แฟนหนูสั่งน้ำโปรดให้เขา ตักข้าวให้เขาจนหนูรู้สึกว่า "เรายังเป็นแฟนอยู่ไหม" พีคสุด เจอแชทเขาคุยเสียวกันตอนนี้เขาบอกไม่ได้ยุ่งกันแล้ว หนูควรเชื่อและคบแฟนต่อดีไหม? “คุณมน (นามสมมติ)” อายุ 32 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [8 พ.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหารักของเราสามคน เพราะแฟนของคุณมนแอบมี FWB ลับหลัง โดย ​“คุณมน (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘มนมีแฟนอยู่คนหนึ่ง ซึ่งก่อนที่จะคบกัน คู่ของเราก็มีการพูดคุยดูใจกัน เหมือนคู่อื่น ๆ แต่ช่วงที่เรายังคุยกันอยู่ ทางฝ่ายชายก็ชอบเอ่ยปากว่า เขาอยากมีภรรยาสองคน แต่มนก็คิดว่าที่เขา พูดมันเป็นเรื่องขำ ๆ เพราะมนก็ถามเขาเกือบทุกครั้งว่า มันมีทางเป็นไปได้จริง ๆ หรอ ? เขาก็ตอบว่า ไม่มีอะไร เขาแค่ถามเล่น ๆ แค่ลองถามดู ซึ่งมนก็เป็นคนที่ไม่ได้คิดอะไรก็ลองคุยต่อไป ระยะเวลาก็ผ่านไป เราใช้เวลาคุยกัน 6 เดือน หลังจากนั้นก็เลยตัดสินใจคบกันดู ซึ่งตลอดระยะเวลาประมาณ 1 ปีที่คบกันมา มันเป็นความสัมพันธ์ที่ดีมาก เทคแคร์ ดูแล ใส่ใจกันมาตลอดทั้งเขาทั้งเรา แต่อยู่มาวันหนึ่ง เขาก็อยากพามนไปทานข้าวกับ “บี (นามสมมติ)” มนก็ถามเขาว่า บีเป็นใคร ? เขาก็เล่าให้ฟังว่า บีเป็น FWB กับเขามาก่อน เป็นแบบนี้มานานแล้ว และปัจจุบันนี้ ก็ยังเป็นอยู่ ซึ่งมนคิดว่า เขาคงอยากให้ความคิดของเขามันเป็นจริงมั้งคะ ความคิดที่ว่า… เขาอยากมีภรรยาสองคน ความพีคก็ คือ มนก็ตอบ ตกลง ยอมที่จะไปทานข้าวกับพวกเขา ซึ่งเป็นตัวของมนเองที่ปล่อยเลยตามเลย เพราะตอนนั้นมนแค่รู้สึกว่า ยังเลิกกับเขาไม่ได้ และ ยังรักเขาอยู่ และมนก็คิดว่า บนโลกใบนี้ ยังมีความสัมพันธ์อีกมากมายที่เรายังไม่รู้จัก ก็เลยอยากจะลองเปิดใจดูว่า มันอาจจะดีหรือว่ามันอาจจะเป็นไปได้หรือไม่ได้ อยากลองดูสักตั้งให้มันรู้ ดีกว่าปฏิเสธตั้งแต่ต้น หลังจากตกลงไปทานข้าวด้วยกัน มนก็ถามแฟนว่า ให้เราไปรับไหม ? เพื่อที่เราจะได้ไปร้านด้วยกัน เขาก็บอกว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวเขาไปเอง แต่พอมนไปถึงที่ร้าน มนกลับเจอเขามากับบีก่อนแล้ว พอถึงเวลาทานอาหาร มนก็นั่งข้างแฟน ส่วนบีก็นั่งฝั่งตรงข้าม ต้องขอเกริ่นก่อนว่า มนเป็นคนที่ชอบดื่มโคล่า ซึ่งมนก็คิดว่า บีก็ชอบดื่มเหมือนกัน แต่พอเริ่มสั่งอาหาร แฟนของมนกลับสั่งน้ำเปล่าให้มน แต่สั่งโคล่าให้บี มนก็เริ่มมีอารมณ์นิดหน่อยที่แฟนจำของเราไม่ได้ แต่กลับจำของบีได้ แต่มนก็ยังเดินอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์อยู่ คิดว่า เขาคงรู้จักกันมานาน ระหว่างที่ทานข้าวแฟนของมนก็ตักข้าวให้ทั้งตัวเราและบี สลับวนอยู่แบบนี้ตลอด ส่วนบทสนทนาบนโต๊ะอาหาร ส่วนใหญ่จะพูดถึงการทำธุรกิจ เพราะมนกับแฟนวางแผนกันว่า จะเปิดบริษัทร่วมกัน โดยตามหลักของการเปิดบริษัทจะต้องมีผู้ถือหุ้นทั้งหมด 3 คน ซึ่งมนก็คิดว่า ฝ่ายชายน่าจะวางแผนไว้แล้ว ว่าอยากจะให้เป็นตัวเขาเอง มน และบี เรื่องผู้ถือหุ้นในความรู้สึกของมน มนเฉยมาก ไม่มีปัญหาอะไร แต่ว่ามนก็มีเรื่องที่รู้สึกน้อยใจ เพราะหลายอย่างที่แฟนมาขอความคิดเห็น เช่น รูปแบบโลโก้ หรือเรื่องภายในบริษัท แฟนกลับเลือกความคิดเห็นของบีมากกว่าของมน หลังจากนี้ เราก็เริ่มที่จะทะเลาะกัน เขาก็มีคำพูดที่ว่า จริง ๆ เราเลือกคนอื่นมาเป็นผู้ถือหุ้นก็ได้นะ ไม่จำเป็นที่ต้องเป็นเธอ และเธออย่าคิดว่า เรามาหลอกเธอ เพราะเธอจะไม่ถือหุ้นก็ได้ แต่เราต้องไม่เลิกกันนะ เรายังอยากมีเธออยู่ข้าง ๆ เรา ซึ่งการทำธุรกิจร่วมกันนี้ มนไม่มีการลงทุนลงเงิน เพราะมนรับผิดชอบด้านบัญชี ต้องลงแรง จึงไม่จำเป็นต้องลงเงิน ซึ่งมนไม่รู้ว่า เขาเข้าหามน เพราะทำบัญชีได้ เลยมาหลอกเอาผลประโยชน์ จากมนหรือเปล่า ? หลังจากที่กลับมาจากการรับประทานอาหารกัน มนก็มานั่งตกตะกอนความคิด ก่อนที่จะตัดสินใจคุยกับเขา อย่างเปิดใจว่า เรารู้สึกไม่โอเคกับความสัมพันธ์แบบนี้ เราไม่สามารถรับมือและไปต่อได้ เธอต้องเป็นคนเลือกแล้วว่า เธอจะอยู่กับเขา หรือเธอจะอยู่กับเรา ซึ่งถ้าเธอจะอยู่กับเรา เธอก็ไปเลิกกับเขามาให้ชัดเจน ไปหาหลักฐานหรืออะไรก็ตามมายืนยันให้ได้ว่า เธอได้เลิกกับเขาแล้วจริง ๆ หลังจากนั้น เขาก็ไปเคลียร์กันมา เขากลับมาบอกเราว่า เขาเลือกเรานะ แต่สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่า เราพลาด คือ เขาแคปแชทมาให้ดูว่า เขาได้บอกเลิกกับทางฝั่งนั้นแล้ว และเราก็เลือกที่จะไม่ทักถามฝ่ายหญิง เพราะโดยปกติเราก็ไม่เคยเช็คโทรศัพท์ของกันและกัน จากนั้นมนก็กลับมาเชื่อใจและให้โอกาสเขาอีกครั้ง จนกระทั่งเข้าปีที่ 2 แฟนของเราก็เริ่มพูดถึงชื่อของบีเยอะขึ้น อย่างเช่น นั่งดูหนังกันอยู่ เขาก็จะพูดแล้วว่า เรื่องนี้บีบอกว่าสนุกนะ หรือว่า ข้าวร้านนี้บีบอกว่าอร่อยนะ ซึ่งเราเป็นสายนิ่งเงียบอยู่แล้ว เวลาได้ยินชื่อก็ทำนิ่งไว้ แล้วก็ตามน้ำเขาไปว่า อ๋อ เหรอคะ พอเขาหลับเราก็แอบเช็คมือถือ เราได้แต่ภาวนาคิดว่า เขาคงคุยกันเรื่องงานที่บริษัท แต่ภายในแชทกลับกลายเป็นว่า เขาคุยไปในทาง 18+ มีการส่งรูปลับหากัน ไม่ได้มีเรื่องงานปนอยู่เลย ณ วันที่เราเห็น เราก็รู้สึกช็อคมาก เหมือนกลับว่าจะเป็นลม ในคืนนั้นมนก็เก็บเสื้อผ้าออกไปนอนอยู่ที่โรงแรม 2-3 วัน และใช้เวลาอยู่กับตัวเอง แต่ก็ยังต้องไปทำงานอยู่ ความรู้สึกคือตีกันหนักหน่วงมาก พอได้สติเราเลยเลือกที่จะกลับไปคุย และถามเขาว่า มันเกิดอะไรขึ้น ? ซึ่งเหตุการณ์ตอนนั้นมันกลายเป็นสงครามแล้ว มนทะเลาะกับเขา และบีด้วย ฝ่ายชายก็บอกว่า มันไม่มีอะไร มันเป็นเพียงข้อความที่คุยกันเท่านั้น เขาไม่ได้ไปมีสัมพันธ์อะไรกันเลยตั้งแต่ตอนนั้น มันจบกันนานแล้ว เธอก็เห็นว่า เราก็อยู่ด้วยกันทุกวัน คุยจบมนก็เลือกที่จะทักหาบีต่อว่า ทำไมถึงคุยกันแบบนี้ คือถ้าผู้หญิงบอกว่าผู้ชายมาหลอกเขา เราจะได้ด่าผู้ชายคนเดียวให้จบ แต่ผลสรุปแล้ว บีก็รู้เรื่องทั้งหมดอยู่แล้ว บอกมนว่า ขอโทษที่พิมพ์ไปแบบนั้น ก็คนมันเคยคุยกันแบบนี้ แต่จะไม่คุยกันแบบนั้นอีกแล้ว แล้วก็ขอโทษเรา ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ มนก็ยังคบกับแฟนมาจนถึงปัจจุบัน ส่วนเหตุผลที่มนไม่เลิก แม้ว่าจะเจอเหตุการณ์อะไรสารพัด เป็นเพราะฝ่ายชายเคยพูดว่า เราอยู่ด้วยกันมา เขาเทคแคร์ ดูแลเราดีมากเลยในสถานะของแฟน ซึ่งตรงนี้มนก็ไม่เถียง เขาก็เลยถามเราว่า เขาทำผิดแค่นี้เอง ทำไมมนถึงไม่มองข้อดีของเขาบ้าง ? แต่มนกลับรู้สึกว่า ที่เราอยู่ด้วยกันตอนนี้ มันเป็นเพราะความผูกพัน ซึ่งมนไม่รู้ว่าจะเดินออกมาจากเขายังไง หรือจริง ๆ แล้ว มนยังรักเขาอยู่ ? ซึ่งมนอยากถามพี่ ๆ ดีเจว่า มนควรไปต่อหรือพอแค่นี้แบบ… เลิกกันไปเลย โดย “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้ามนรู้สึกไม่โอเคกับการที่เขายังมีบีอยู่ มนก็ได้คำตอบแล้วว่า มนต้องเดินออกมา แล้วถ้ามนคิดว่าปัญหานอกใจเป็นเรื่องใหญ่ มนก็ไม่ต้องคิดแล้ว เดินออกมาเลย ซึ่งถ้ามนคิดว่า ความผิดมันสามารถหักล้างกับความดีของเขาได้ มนแน่ใจใช่ไหมว่า มนจะทนไหวกับสถานการณ์ แบบนี้ได้ไปตลอดชีวิต สรุปแล้วพี่ว่า มนกำลังสับสนในตัวเอง คือมนไม่ได้อยากเลิก แต่สิ่งที่เกิดขึ้น มนก็ไม่สามารถรับได้ มนก็แค่รอวันที่มนทนไม่ไหว จนมนต้องเลิก สมมติว่าวันนี้มนจะซื้อบ้านหนึ่งหลัง เหนื่อยมากอยากจ่ายก้อนไปเลย แต่วันนี้มนเลือกที่จะจ่ายดอกเบี้ยไปก่อนเรื่อย ๆ จนกว่ามนจะหมดแรง แต่บ้านมันยังดีที่มันเป็นของเรา แต่นี่คือมนจ่ายโดยไม่รู้เลยว่า สุดท้ายแล้วจะเป็นของเราหรือเปล่า ? เพราะเขาเองก็พยายามสื่อและบอกมนมาตลอดว่า เขาต้องการมี 2 คน เขาพยายามบอกมนแล้วตั้งแต่วันแรก เราแค่ไม่ได้ฟังเสียงเขาเอง คือเอาจริงก็ฟัง แต่ไม่เอามาคิด ไม่ยอมรับว่า เขาเป็นคนแบบนี้ ซึ่งคนนี้เขาไม่ใช่คนซื่อสัตย์ เพราะถ้าเขาซื่อสัตย์ เขาจะไม่เอา FWB มารู้จักกัน เขาจะตัดตั้งแต่ตอนนั้น ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง คือตอนนั้นเขาเผื่อฟลุ๊ค เผื่อว่า มนจะยอม แต่สรุปมนไม่ยอม แทนที่เขาจะตัด แต่เขาก็เลือกทำต่อแปลว่า เขาไม่ใช่คนซื่อสัตย์ ลองเทียบว่า อยู่คนเดียวกับการที่มีเขาอยู่อันไหนสบายใจกว่ากัน’ ต่อด้วย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ถึงถามไงว่า ถ้าพี่บอกให้เลิก คนทั้งอินเตอร์เน็ตก็บอกให้เลิก มนทำได้หรือเปล่า ? เพราะวันนี้มนเองก็ไม่ได้มีน้ำเสียงที่พี่รู้สึกว่า มนสามารถตัดสินใจเลิกได้ คือการที่เจอแบบนี้ 2 รอบ เป็นคนอื่นอาจจะไปแล้ว แต่ความอดทนนมนอาจจะสูงกว่า มนก็แค่ต้องอยู่ไปเรื่อย ๆ แบบที่พี่หอมบอก จนกว่ามนจะทนไม่ได้ เดี๋ยวมนก็เดินออกมาเอง เพราะความอดทนนของคนเราไม่เท่ากัน ของมนพี่ว่า น่าจะมีความทนทานสูงอยู่ แล้วก็ไม่ต้องไปคิดว่ายังรักหรือว่าผูกพัน มันไม่สำคัญ เพราะสุดท้ายแล้วมนก็ยังเลิกกับเขาไม่ได้ มนยังไม่ใจแข็งพอที่จะเลิกกับเขา ไม่ต้องถามหาสาเหตุ’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่มองว่า ช่วงระยะเวลา 2 ปีนี้มันยากก็จริง แต่ถ้าเทียบว่า ปล่อยให้มันเป็นไปแบบนี้ แล้ววันหนึ่งเขาเป็นคนบอกเลิก อันนี้พี่ว่า ไปไม่รอดกว่า เพราะเราเป็นฝ่ายตาย คือตอนนี้มนมีสิทธิเลือก เลิกออกมาก็เจ็บพี่เข้าใจ แต่ถ้ามนจะรอวันนั้น วันที่เขาบอกว่า ออกไปได้แล้ว ซึ่งถ้าวันนั้นมาถึง มนจะไปไม่รอดมากกว่านี้อีก จะยิ่งซ้ำตายกว่านี้อีก เพราะตอนนั้นมนจะรู้สึกว่า ยอมมาขนาดนี้แล้ว แล้วยังมาโดนบอกเลิกอีก พี่ว่ามันเจ็บคนละแบบ แล้วถ้ามนอยากจะมีอนาคตกับผู้ชายคนนี้ คิดภาพแต่งงาน มีลูก แต่มนก็ยังต้องทนกับผู้หญิงคนนี้ตลอดเวลา หรือจะมีผู้หญิงคนอื่นอีก แล้วเราจะยังแข่งอดทนกับบีอยู่เหรอ ?’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

เราอยากจะขอโทษเพื่อนคนนึง พอโตมาแล้วก็นึกถึงเพื่อนคนนี้ ว่าตอนเด็ก เคยทำไม่ดีใส่ เค้าย้ายโรงเรียนมา นั่งกินข้าวกับกลุ่มเรา กลุ่มเราก็ลุกหนีเลย หรือ บางครั้งก็พูดไม่ดีใส่ ตอนนี้เราทักไปหาเขา ขอโทษเรื่องในอดีต เขาอ่านแต่ไม่ตอบเราเลย

13 ก.ย. 2024

เราอยากจะขอโทษเพื่อนคนนึง พอโตมาแล้วก็นึกถึงเพื่อนคนนี้ ว่าตอนเด็ก เคยทำไม่ดีใส่ เค้าย้ายโรงเรียนมา นั่งกินข้าวกับกลุ่มเรา กลุ่มเราก็ลุกหนีเลย หรือ บางครั้งก็พูดไม่ดีใส่ ตอนนี้เราทักไปหาเขา ขอโทษเรื่องในอดีต เขาอ่านแต่ไม่ตอบเราเลย

“คุณเหมย (นามสมมติ)” อายุ 27 ปี สายที่ 2 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [11 ก.ย.67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาเคยบูลลี่เพื่อนตอนเด็ก เพิ่งจะมาคิดได้เลยอยากขอโทษเเต่เขาไม่ตอบเราเลย โดย “คุณเหมย (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เพิ่งนึกได้ว่าเราเคยทำไม่ดีกับเพื่อนคนนึง เเล้วก็รู้สึกว่าอยากขอโทษ ประเด็นคือขอโทษไปแล้วเเต่เขาอ่านแล้วไม่ตอบ รู้สึกว่าเหมือนมันเป็นเรื่องงี่เง่าของเด็กอายุ 13 ที่แบบว่าเราไม่ชอบเพื่อนคนนี้ เเล้วในกลุ่มเราก็ไม่ชอบเพราะเขาเป็นเด็กใหม่ที่เพิ่งเข้ามา ก็เป็นเพื่อนกับเขาซักระยะนึง แต่เหมือนแบบอาจจะเคมีไม่เข้ากันทำให้ไม่ชอบเพื่อนคนนี้ แล้วก็ไม่ทานข้าวด้วย สมมติเวลาที่คุยกัน เหมือนเขาจะเป็นคนที่ชอบพูดแบบไม่เข้าหูเพื่อน เราก็จะรู้สึกรำคาญ เวลาที่กินข้าวกลางวันกันเขาก็มานั่งด้วย กลุ่มเราก็จะลุกเลย พอไม่ได้คุยกับเขาเเล้วก็ไม่ได้สนใจ เขาก็คงไปหาเพื่อนคนอื่น ๆ มันก็เป็นเรื่องของเขา เเต่พอผ่านไประยะนึงคือเขาก็ย้ายโรงเรียน ตอนนั้นไม่รู้ว่าเพราะอะไร รู้เเค่ว่าเขาเข้ากับเพื่อนกลุ่มเราไม่ได้ เเล้วก็เข้ากับเพื่อนอีกกลุ่มในห้องไม่ได้เหมือนกัน จริง ๆ เรื่องนี้มันตั้งเเต่ ม.2 ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเคยทำแบบนั้นตอนเด็ก เเต่พอโตขึ้นมาเพิ่งนึกได้ว่า หึ้ย! เราเคยทำแบบนั้น เลยตกใจกับตัวเอง เเล้วก็หาเฟซบุ๊กของเขา ขอเฟซจากเพื่อนเเล้วก็ทักไป ตอนแรกก็ทักไปเหมือนกับว่า “เป็นไงบ้าง” เขาก็พิมพ์ตอบมาทำนองว่า “เออ สบายดี” แล้วก็บอกว่า “คุยกับเพื่อนคนเก่าคนนี้นะ อยากจะเจอ” ก็คุยกับเขาซักพักนึง ตอนนั้นไม่ว่างเลยบอกเขาว่า “เดี๋ยวพรุ่งนี้โทรหานะ ตอนนี้ยังไม่ว่าง” พออีกวันนึงโทรหาเขาเขาไม่รับ เเล้วก็ผ่านไปอีก 3-7 วันนี้ก็ส่งข้อความไปหาเขา เพราะรู้สึกว่าเราอยากพูดเเล้ว เลยพิมพ์ไปบอกว่า “เออ เรื่องตอนเด็ก ๆ อ่ะที่เราเคยทำตัวงี่เง่าอะไรอย่างเงี้ยอ่ะ ที่ทำไม่ดีกับเธอ เราขอโทษนะ” เขาก็ไม่อ่านประมาณ 2 วัน พอวันที่ 3 ก็อ่านเเต่ไม่ได้ตอบกลับอะไร หลังจากนั้นก็คุยกับเเฟนว่า เธอเราเคยมีเเบบนี้นะ ทักไปเขาไม่ตอบ เเฟนก็เลยบอกว่า เนี่ย อาจจะเป็นเพราะคนบางคนเขาอาจจะลืมเรื่องนี้ไปแล้วด้วยซ้ำว่าเขาเคยโดนเเกล้ง เเต่พอเรายิ่งไปพูด มันยิ่งทำให้เขานึกขึ้นได้เขาก็ยิ่งรู้สึกแย่รึเปล่า มันก็ยิ่งทำให้เรารู้สึกแย่เข้าไปอีก ก็เลยอยากถามพี่ ๆ ดีเจทั้งสามคนว่า หนูไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี? เพราะกลัวไปซ้ำแผลเขา เเล้วตอนนี้ก็รู้สึกแย่มากๆด้วย ซึ่งดีเจทั้งสามคน (ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม) ก็ได้ให้คำปรึกษาไปในทิศทางเดียวกันว่า ‘การขอโทษเป็นสิทธิของเราเเต่การให้อภัยมันเป็นสิทธิของเขา การที่เรารู้สึกว่าเราทำผิดต่อใครเเล้วขอโทษไป มันก็พอแล้ว ไม่รู้เลยว่าเขาจะคิดอะไรยังไง เพราะมันเป็นเรื่องของเขา จริง ๆ เขาก็ไม่ได้สนใจเเล้วรึเปล่า หรือเขาไม่ว่างจะตอบ มันมีเหตุผลพันล้านแปดเลยอ่ะ หรือมันก็ไม่ได้เป็นเพื่อนกันนานเเล้ว เขาก็ไม่ได้อยากเจอเรา มันมีหลายเหตุผลมากที่ลอยอยู่ในอากาศเเล้วเธอไม่ได้รู้คำตอบเพราะเขาไม่ได้ให้มา ฉะนั้นวันนี้ก็ไม่ต้องฟันธงโดยการไปหยิบคำตอบที่ทำร้ายใจที่สุดมาไว้ในชีวิตเธออ่ะ เพราะความต้องการของเหมยคืออยากให้เขารู้ว่าเราขอโทษมันก็จบสิ้นเเล้วนะจากข้อความนั้น ถ้ายิ่งคิดมากมันจะยิ่งทำร้ายเหมยอีก เเล้วถ้าเขาไม่ให้อภัยก็ต้องเคารพการตัดสินใจของเขา เเต่อย่าไปโฟกัสอย่างงั้นอย่างเดียวเพราะมันมีหลายเหตุผลมากที่คน ๆ นึงจะไม่ตอบเเชทเรา‘เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1