ไม่คิดว่าจะเป็นลุงตัวเอง ! ทำยังไงดีลุงหนูชอบทำตัวเป็น มนุษย์ลุง ด่าคนไปทั่ว พูดจาไม่ดี เคยไปร้านอาหาร นั่งหน้าพัดลม สั่งน้ำมูกกระเด็นติดคนด้านหลัง พอเขาเดินมาเตือน ก็ด่ากราดเขาอีก กลัวว่าสักวันเขาจะเจอคนจริงเข้า หนูควรเตือนหรือปล่อยไปเลย

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ไม่คิดว่าจะเป็นลุงตัวเอง ! ทำยังไงดีลุงหนูชอบทำตัวเป็น มนุษย์ลุง ด่าคนไปทั่ว พูดจาไม่ดี เคยไปร้านอาหาร นั่งหน้าพัดลม สั่งน้ำมูกกระเด็นติดคนด้านหลัง พอเขาเดินมาเตือน ก็ด่ากราดเขาอีก กลัวว่าสักวันเขาจะเจอคนจริงเข้า หนูควรเตือนหรือปล่อยไปเลย

31 พ.ค. 2024

            “คุณบิว (นามสมมติ)” อายุ 28 ปี สายที่สี่ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (29 พ.ค. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล – ดีเจเผือก’ เกี่ยวกับปัญหาอยากตักเตือนมนุษย์ลุง

            โดย “คุณบิว (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูมีลุงคนหนึ่ง เป็นคนที่อารมณ์ร้อน บางครั้งการพูดของแกก็จะดูเป็นการบูลลี่คนอื่น แต่หนูก็ไม่รู้ว่าแกจะรู้ตัวหรือไม่ จนมีเหตุการณ์นึงที่หนูรู้สึกว่ามันหนักแล้ว เหตุการณ์ก็คือ เมื่อประมาณ 10 วันที่แล้วหนูไปงานแต่ง ซึ่งมีแม่ หนู และลุงอายุ 67 ปี ในงานจะนั่งโต๊ะจีน โต๊ะละ 10 คน สักพักนึงก็จะมีผู้หญิงอายุประมาณ 60 กว่าๆ มาขอนั่งแชร์โต๊ะด้วย นั่งข้างหนู หลังจากนั้นก็มีคนมานั่งเรื่อยๆจนครบ 10 คน และพิธีการก็เริ่มไป งานเลี้ยงตอนนั้นเป็นเวลาเที่ยงตรง ก็จะมีคนที่พ่อแม่ของบ่าวสาว ให้เกียรติขึ้นไปอวยพร

            ซึ่งก็เป็นผู้ใหญ่ที่เคารพ พออวยพรเสร็จ ปกติงานอื่นๆมีมอบของที่ระลึก แม่ก็เลยถามว่า เอ๊ะ งานนี้เขาไม่มอบหรอ เพราะว่าพอพูดเสร็จก็เชิญลงไปพักผ่อนเลย หนูก็เลยแบบ เขาคงลืมแหล่ะแม่ แล้วลุงหนูอยู่ๆก็พูดขึ้นมา เขาเชิญมาก็บุญแล้ว ที่เขายังให้ความสำคัญอยู่ หนูก็อึ้งมากเลย เพราะว่าแกพูดต่อหน้าคนบนโต๊ะ 10 คน ซึ่งหนูนั่งห่างกับแกที่มีแม่นั่งขั้นกลาง ยังได้ยินชัด แล้วหนูคิดว่าคนอื่นที่เป็นแขกในงานเขาก็ต้องรู้จัก ไม่พ่อก็แม่ของบ่าวสาว หนูก็แบบ อึ้งว่าแกพูดไปได้ยังไง แกก็ดูเหมือนไม่สลด หนูก็เลยหันไปบอกแม่ แม่ก็บอกลุงว่า พี่อย่าพูดแบบนั้น แล้วก็นั่งไปจนจบงาน

            หลังจากนั้นป้าคนที่นั่งข้างหนูเขาก็บอกว่า เดี๋ยวขอตัวก่อนนะคะ พอดีสามีโทรตามไปอีกงานแล้ว แล้วเขาก็เอียงตัวมาหาหนูพุูดเบาๆว่า สามีพี่คือคนที่ขึ้นไปอวยพรเมื่อตะกี้ แต่เขาจงใจพูดให้หนูได้ยิน คือหนูก็แบบ ทำยังไงดีนะ แล้วหนูก็เก็บเรื่องนี้จนถึงบ้าน แล้วอยู่ๆแม่ก็พูดกับลุงขึ้นมาว่า วันนี้พี่ไม่ควรพูดแบบนั้นเลย เพราะคนที่นั่งในโต๊ะเราก็ไม่รู้ว่าเป็นใครบ้าง แล้วลุงก็พูดเสียงดังด้วย หนูก็เลยเล่าประโยคที่ผู้หญิงคนนี้พูดกับหนูให้แม่ฟัง แล้วแม่ก็แบบ โอ๊ะ ตายละ และก็ยังมีเหตุการณ์พีคๆอีก

            วันนั้นหนูไปทานก๋วยเตี๋ยว หนูนั่งฝั่งเดียวกับแม่ ลุงแกนั่งตรงข้าม แล้วทีนี้พัดลมเป่าจากข้างหลังหนู แล้วเป่าไปก็ต้องผ่านแก แล้วแกมีอาการไอและเป็นหวัด ปกติเราก็ต้องเอาทิชชู่มาปิดตอนไอหรือเป็นหวัด แต่แกดันไอแล้วสั่งน้ำมูกไป แล้วลมมันก็พัดพอดี ไปโดนคนข้างหลัง แล้วคนข้างหลังก็เหมือนบ่นอะไรไม่รู้ แต่ประมาณว่า คุณสั่งน้ำมูกแล้วมันกระเด็นมาโดนฉัน แกเลยหันไปเหมือนจะหาเรื่อง ทำให้หนูอดกินก๋วยเตี๋ยวร้านนั้นไปครึ่งปี พอชวนลุงไปลุงก็บอกว่าไม่ไป ไม่อร่อย ไม่อยากกินร้านนี้ ไม่กล้าไปกินเลย

            หลังจากนั้นหนูก็มาคุยกับแม่ว่า ถ้าเราจะปล่อยลุงเป็นอย่างงี้ แล้วไม่รู้ว่าแกรู้ตัวมั้ยว่าการพูดเเบบนี้ทำให้คนที่อยู่ด้วยอึ้ง และคนที่ไม่รู้จักก็มองลุงไม่ดี แล้วถ้าวันนึงเจอคนที่เอาจริง เอาเรื่องมาจะทำยังไง หนูเลยบอกแม่ว่า หรือเราควรสะกิดเวลาที่ลุงมีพฤติกรรมแบบนี้ แม่หนูบอกว่า อย่าเลย แกดึงดัน เถียงไปก็ไม่ชนะหรอกลูก ก่อนหน้านี้เขาก็เป็น แต่เป็นน้อยกว่านี้ ภรรยาเขาก็มองเวลาเขาพูดแบบนี้ แต่ก็ตามๆ คือหนูอยากรู้ว่า หนูควรพูดเตือนใน ณ ขณะนั้นดี หรือว่า อยู่ๆไปพูดกับลุงทีหลัง มันจะแปลกๆมั้ยคะ’

            ซึ่ง “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เป็นพี่ พี่ไม่พูด เพราะว่าพี่ไม่คิดว่าเขาจะเปลี่ยน และพี่ก็ไม่คิดว่า เขาจะมาเห็นความสำคัญของพี่ ที่เขาจะเปลี่ยนอะไร ถ้าเป็นแม่พี่ พี่จะพูด แต่นี่เป็นลุงพี่ไม่พูด พูดไปพี่คิดว้าเขาไม่เปลี่ยนนะถ้าทำมาขนาดนี้ ถามว่าเขารู้ตัวมั้ย พี่ว่าเขารู้แหล่ะ แต่เขาก็คือ ก็รู้แล้ว กูก็จะทำ จนกว่าเขาจะเจอของแข็ง เขา 67 ปี แล้ว ถ้าวันไหนเขาเจอของแข็ง มันก็จะเป็นบทเรียนของเขา ก็เพราะลุงทำตัวแบบนี้ไง เขาไม่ใช่คนไม่มีสติ กินเหล้าเมา หรืออะไรอย่างงี้ เขาพูด เขารู้ เขามีสติทุกอย่าง เพียงแต่มันเป็นนิสัยของเขาที่เขาปากไวแบบนั้น คนที่จะเตือนเขาก็คือเมีย และลูกเขา หรือไม่ก็แม่บิว สำหรับพี่คิดนะ บิวไม่จำเป็นต้องพูด นอกจากสมมติอย่างเรื่องก๋วยเตี๋ยว พี่คิดว่าบิวไม่ต้องไปยอมไม่ไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านนั้นนะ  ถ้าจะไป แล้วทำไมลุงต้องมาห้ามไม่ให้หนูไปกินละ แล้วถ้าแกบอกว่า ”ก็วันนั้นลุงไปทะเลาะกับเขา“ เราก็บอกไปเลย ก็ลุงไปสั่งขี้มูกโดนเขา ลุงควรที่จะขอโทษเขาสิ แบบนี้ มันจะได้มีเรื่องที่ทำให้พูด แต่พี่จะไม่อยู่ๆไปพูดว่าแบบ ”ลุง หนูว่าลุงเป็นคนพูดไม่คิด“ พี่ว่าจังหวะมันไม่ได้ มันงงอะ และคิดว่าพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ เขาไม่แก้ไข’

            ต่อด้วย “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ไม่คิดว่าพูดแล้ว จะมีผลดีขึ้นมา ไม่คิดว่าจะเปลี่ยนอะไรเขาได้ ยิ่งอายุเยอะจะยิ่งหนักขึ้นด้วย ถ้าอยากจะพูดจริงๆ ลองได้ แต่พี่ค่อนข้างอยากจะการันตีแทบจะ 100% ว่าจะไม่มีอะไรดีขึ้น ถ้าอยากพูด พูดหลังจากเหตุการณ์นั้นได้ แต่ไม่ใช่สดๆร้อนๆ รอออกมาจากร้านก๋วยเตี๋ยวก่อน ขึ้นรถแล้วพูดว่า พูดแบบนี้ไม่ได้นะ เดี๋ยวทัวร์ลงนะ เอาเป็นว่าคนรุ่นเราจะเปลี่ยนตัวเองยังยากเลย ขนาดเรารู้ว่าสังคมมันเป็นยังไง บางทีข้อเสียของเราก็ยังเปลี่ยนกันยากเลย นี่เขาอยู่มาจะ 70 ปี นิสัยมันคงฝังลึกไปแล้วแหล่ะ ยิ่งอายุเยอะมันจะคิดน้อย พูดมาก อย่าไปอยู่กับเขามาก เวลาเสียมันไม่ได้เสียที่เขาคนเดียว มันเสียทั้งตระกูล เสียทั้งกลุ่ม’

            และสุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘ก็อย่างที่รู้เเหล่ะ ไม้แก่ดัดยาก แต่มันต้องพูดนะ บอกเขาว่า เอาวัน เดือน ปีเกิดของลุงไปดูมาละ ชาติที่แล้วลุงฆ่าเป็นอย่างทรมานเพื่อเอาปากเป็นมากิน ชาตินี้ปากลุงเลยไม่ดี ฉะนั้น เมื่อไหร่ลุงอยากเจริญ ลุงต้องพูดดีๆ แล้วไปหาลิปมันสาลิกาที่หมอดูเขาลงมาทาปากบอกเขาไปว่า ถ้าทาปากแล้วให้พูดแต่สิ่งดีๆ แล้วสิ่งดีๆจะเข้ามาหาตัวลุง บางทีเรื่องไสยศาสตร์ อาจจะช่วยได้ และไปไหนมาไหนกับเขาน้อยลง ให้เขารู่ว่าเขาไม่น่าคบหา’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

คุณแม่โทรปรึกษา 3 ดีเจ มีลูกสาวอายุ 11 ขวบ เขาเป็นคนที่ทำอะไรต้องเป๊ะทุกอย่าง แม้กระทั่งเรื่องเรียน บางวันทำการบ้าน อ่านหนังสือถึงตี 1 – 2 รู้สึกว่าเขาจะมีภาวะเครียดสะสม ไม่มีความสุขเวลาไปโรงเรียน พาเขาย้ายโรงเรียนแล้วก็ยังเครียดเหมือนเดิม

22 พ.ย. 2023

คุณแม่โทรปรึกษา 3 ดีเจ มีลูกสาวอายุ 11 ขวบ เขาเป็นคนที่ทำอะไรต้องเป๊ะทุกอย่าง แม้กระทั่งเรื่องเรียน บางวันทำการบ้าน อ่านหนังสือถึงตี 1 – 2 รู้สึกว่าเขาจะมีภาวะเครียดสะสม ไม่มีความสุขเวลาไปโรงเรียน พาเขาย้ายโรงเรียนแล้วก็ยังเครียดเหมือนเดิม

คุณแม่โทรปรึกษา 3 ดีเจ มีลูกสาวอายุ 11 ขวบเขาเป็นคนที่ทำอะไรต้องเป๊ะทุกอย่าง แม้กระทั่งเรื่องเรียนบางวันทำการบ้าน อ่านหนังสือถึงตี 1 – 2 รู้สึกว่าเขาจะมีภาวะเครียดสะสมไม่มีความสุขเวลาไปโรงเรียน พาเขาย้ายโรงเรียนแล้วก็ยังเครียดเหมือนเดิมตอนนี้แม่รู้สึกกังวลและเป็นห่วงมาก ควรพาลูกสาวไปพบจิตแพทย์ดีไหม? “คุณแม่เหมียว (นามสมมติ)” อายุ 48 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (8 พ.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับเรื่องของลูกสาวอายุ 11 ขวบ รู้สึกกังวลและเป็นห่วง เพราะเขาเครียดเกินวัย โดยสายนี้ “คุณแม่เหมียว (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ลูกสาวค่อนข้างมีภาวะเครียดสะสม ไม่มีความสุขเลยเวลาที่ลูกสาวอยู่ในโรงเรียน ต้องบอกว่าลูกสาวส่วนตัวเป็นคน Perfectionist มาก ทำอะไรก็ต้องดีทุกอย่าง เขาเป็นคนที่ลายมือสวย ระบายสีสวย แม้กระทั่งการเรียนก็ต้องดีที่สุด เขาจะสร้างบรรทัดฐานของตัวเองให้เป็นคนที่ดีมาตลอด จนทำให้เขาเริ่มมีความเครียดสะสม พอลูกสาวเราขึ้น ป.5 การเรียนของเขาก็เริ่มเข้มข้นขึ้น ครูที่สอนก็ไม่ได้ใจดีเหมือนเมื่อก่อน จะมีดุบ้าง ด่าบ้าง แต่ไม่ได้ดุหรือด่าลูกสาวเราคนเดียว หมายถึงว่าเขาก็พูดถึงโดยรวม แต่ลูกสาวเราก็จะเก็บมาคิดมาก เวลามีการบ้านเขาก็จะนั่งทำจนดึกดื่น ยิ่งช่วงสอบเขาจะนั่งติวหรืออ่านหนังสือดึกมาก บางทีอ่านไม่เข้าใจ เขาก็จะร้องไห้ หรือให้เราปลุกเขาตั้งแต่ตี 5 เรารู้สึกว่ามันเครียดเกินกว่าที่เด็กวัยนี้ควรจะเป็น ซึ่งเขาก็เป็นคนที่มีภาวะเครียดมาหลายปีอยู่แล้ว เคยมีเหตุการณ์หนึ่ง สมัยที่ลูกสาวเราเรียนอยู่ที่โรงเรียนเก่า เขามีภาวะเครียดเกี่ยวกับครูผู้สอน แม่ก็แก้ปัญหา โดยการพาเขาย้ายโรงเรียนไป ซึ่งเราก็มีการคุยกับครูไว้ว่าให้ดูแลเขาเป็นพิเศษ ตอนที่ลูกสาวขึ้น ป.5 คุณครูที่สอนแต่ละวิชาก็มีหลากหลายขึ้น แม่ก็เข้าใจ เพราะว่าแม่ก็อยากให้เขาเจอกับสังคมที่มันหลากหลายอยู่เหมือนกัน เพราะโตไปเขาก็ต้องเจออะไรแบบนี้อยู่แล้ว แต่เหมือนว่าลูกสาวยังคงเครียดอยู่เหมือนเดิม วันนี้เลยอยากปรึกษาว่า แม่ควรพาลูกสาวไปพบจิตแพทย์ไหม? เพราะว่าคุยกับหลาย ๆ บอกเราคิดไปเอง บางคนก็บอกว่ามันคือธรรมชาติของเด็ก ดีแล้วที่ลูกสาวเรามีความขยันมุ่งมั่นดี แต่เราก็รู้สึกว่ามันหนักเกินไปอยู่ดี หรืออีกอย่างที่อยากสอบถามคือ เราเองหรือเปล่าที่ต้องไปพบจิตแพทย์เอง เพราะรู้สึกว่าเราจะห่วงลูกมากเกินไป ซึ่งดีเจทั้ง 3 คน “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” มีความคิดเห็นไปในทางเดียวกัน ว่า ‘สำหรับพวกเรา สิ่งที่เกิดกับลูกเป็นสิ่งที่ต้องคิดมาก ต้องใส่ใจอยู่แล้ว มันต้องคอยสังเกต สิ่งแบบนี้มันเป็นอะไรที่น่ากังวลมาก อะไรที่มันแพ้ไม่ได้ ยอมรับความผิดหวังไม่ได้ เราควรที่จะพาเขาไปพบจิตแพทย์เลยตอนนี้ เพราะว่าเด็กวัยนี้กำลังจะเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นแล้ว ตอนนี้เรายังควบคุมเขาได้ ควรที่จะพาเขาไปให้เร็วที่สุด มันเครียดเกินไป เหมือนว่าเขาไม่ได้ใช้ชีวิตวัยเด็กเลย ได้วิ่งเล่นหมือนเด็กคนอื่น ๆ เลย ถ้าคุณแม่รู้สึกว่าตัวเองเลี้ยงลูกแล้วมันเครียด มันมีปัญหา ก็ไปพบจิตแพทย์ได้ เพราะเขาจะบอกเลยว่าคุณแม่ควรที่จะทำตัวยังไงเพราะว่าเราเป็น Effect สำหรับเขาอยู่แล้ว มันต้องเริ่มที่คุณแม่ เดี๋ยวลูกก็จะปรับไปตามนั้น การมีลูกเราคิดน้อยไม่ได้ มันควรมีความบาลานซ์กัน ในระหว่างรอที่จะไปพบแพทย์ เราก็หาข้อมูลเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกในเน็ตดูก่อน มันจะมีข้อมูลมากมาย ทั้งเทคนิคต่าง ๆ หรือคลิปวิดีโอที่มันจะพอเป็นแนวทางสำหรับคุณแม่ได้ หรือหากิจกรรมระหว่างครอบครัวให้เขารู้สึกได้ผ่อนคลาย รวมถึงการศึกษาที่มันเข้มข้นมากเกินไปอาจจะยังไม่เหมาะ ถ้ามันจะทำให้เด็กคนนึงต้องมีภาวะเครียดขนาดนี้ โรงเรียนทางเลือกอาจจะเป็นทางเลือกอีกอย่างหนึ่งก็ได้’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

นับถือน้าเป็นแม่ เลี้ยงหนูมาจนโต ตลอดเวลาที่อยู่บ้านเดียวกัน น้าเขย พยายามขอกำลังใจจากหนู ขอให้หนูกอด ขอให้หนูบอกรัก บางวันดึงหนูไปกอด หนูกลัวจนตัวสั่น ล่าสุดส่งรูปลามกให้หนูอีก ตอนนี้ไม่กล้าบอกใครเลย แม่เคยบอกไว้ว่าให้ทำดีกับเขาไว้เพราะเรื่องธุรกิจ

29 ม.ค. 2024

นับถือน้าเป็นแม่ เลี้ยงหนูมาจนโต ตลอดเวลาที่อยู่บ้านเดียวกัน น้าเขย พยายามขอกำลังใจจากหนู ขอให้หนูกอด ขอให้หนูบอกรัก บางวันดึงหนูไปกอด หนูกลัวจนตัวสั่น ล่าสุดส่งรูปลามกให้หนูอีก ตอนนี้ไม่กล้าบอกใครเลย แม่เคยบอกไว้ว่าให้ทำดีกับเขาไว้เพราะเรื่องธุรกิจ

“คุณมี่ (นามสมมติ)” อายุ 19 ปี สายที่สี่ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (24 ม.ค. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม กับปัญหาเกี่ยวกับครอบครัว ที่น้าเขยมาลวนลาม น้าสาวที่นับถือเป็นแม่อีกคนก็รู้เรื่อง แต่ไม่คิดจะช่วยอะไร โดย “คุณมี่ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ปัจจุบันครอบครัวหนูมีอยู่กัน 4 คน คือ หนู แม่(น้าที่เลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ๆ ) ยาย และน้าเขย เมื่อก่อนแม่หนูเป็นแม่ค้าขายของที่ตลาด รายได้บางทีก็พอใช้ แต่บางครั้งก็ต้องประหยัด อยู่มาแบบนี้ได้สักพักนึงตั้งแต่เด็ก ๆ จนวันหนึ่งแม่ไปเจอแฟนในโลกออนไลน์ที่อายุอ่อนกว่าแม่ 10 ปี ซึ่งก็คือน้าเขยคนปัจจุบัน เขากับแม่ก็ตกลงกันว่าจะมาทำมาหากินใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เข้ามาทำงานด้วยกันได้ประมาณ 2 ปี น้าเขยคนนี้ทะเลาะกับญาติทั้งตระกูล อยู่กันแบบเคืองใจกันมาตลอด จนเข้าปีที่ 5 ที่เขาอยู่ด้วยกัน ตอนนั้นหนูอายุ 15 ย่าง 16 ปี น้าเขยก็บอกว่า “จะซื้อของขวัญให้แต่ต้องแลกกัน” ของขวัญที่หนูคิดไว้ว่าจะเอาไปแลกกับน้าเขยก็คงจะเป็นสิ่งของหรือการ์ดขอบคุณ แต่เขาบอกว่าเขาไม่เอา เขาไม่อยากได้ เขาอยากได้กำลังใจจากหนู หนูก็เลยปฏิเสธไปว่า “ไม่เป็นไร...หนูไม่เอา” เขาบอกว่าอยากให้หนูกอด ให้หนูหอมเหมือนลูก หนูก็ปฏิเสธไป แต่พอถึงวันเกิดเขาก็ซื้อมาให้อยู่ดี หลังจากนั้นเขาก็เหมือนถาม เหมือนทวงว่า “ไหนอะของขวัญ ไม่เห็นได้อะไรเลย” หนูก็เลยพยายามเลี่ยงไม่ตอบโต้ และเขียนการ์ดขอบคุณไปให้ แต่ว่าเขาบอกว่า “ไม่เอา” มีวันนึงเป็นวันที่แม่ออกไปขายของข้างนอกกับน้าเขย ส่วนคุณยายก็ไปวัด วันนั้นเป็นวันที่หนูอยู่บ้านคนเดียว น้าเขยเขาก็เปิดประตูบ้านเข้ามา เดินมาเปิดประตูตู้เย็นดื่มน้ำ หนูก็เลยรีบหารีโมทเพื่อที่จะปิดทีวีและรีบออกจากตรงนั้น จังหวะที่หนูกำลังจะลุกไป เขาก็เดินมาคุกเข่าลง เอามือมากอดหนูไว้แล้วก็บอกว่า “ขอของขวัญหน่อยสิ” แล้วเขาก็หอมแก้มหนูทั้งสองข้าง ด้วยความที่เป็นเด็ก ไม่กล้าและกลัวจึงไม่ได้ขัดขืนหรือทำอะไร พอเขาปล่อยออก หนูก็รีบลุกและวิ่งออกเลย วันนั้นหนูจำได้ว่าหนูนอนร้องไห้จนหลับ ซึ่งอันนี้ก็คือวีรกรรมแรกของน้าเขยคนนี้ พอเวลาผ่านไปได้ไม่นาน เขาทะเลาะกับแม่เรื่องผู้หญิง เก็บกระเป๋าออกจากบ้านไป หนูก็เลยตัดสินใจบอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับญาติ ๆ แต่ญาติเขาก็คุยกันบอกว่า “ยังไม่อยากบอกแม่ อยากให้เวลาแม่ทำใจก่อน” สุดท้ายเขาก็ไปได้ไม่นาน หลังจากผ่านไป 2 อาทิตย์ เขาก็กลับมาง้อแม่ แล้วก็กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม ทำให้พฤติกรรมที่เขาเคยทำกับหนูกลับมาอีก เวลาที่อยู่บ้านหนูจะเลี่ยงการอยู่กับเขาสองต่อสอง บางทีเวลาเดินไปหน้าบ้านแล้วเห็นเขาอยู่ หนูก็จะอ้อมไปเข้าด้านหลัง เวลาที่หนูเข้าห้องนอน เขาก็จะชอบทักมาประมาณว่า “ขอหน่อยสิ...ขอหน่อย รู้ว่าอยากได้ ก็ให้หน่อย” หนูก็ได้บอกญาติว่าเขาทำแบบนี้อีก แต่ญาติก็พูดอะไรมากไม่ได้ มากสุดก็แค่รับรู้ไว้ เขาก็บอกว่า “ให้หนูดูแลตัวเอง” ญาติก็มาเยี่ยมหนูบ้างอะไรแบบนี้ ส่วนยายที่อยู่บ้านเดียวกัน หนูก็ยังไม่ได้บอก เพราะคุณยายเป็นคนเซนซิทีฟ เท่ากับว่าตอนนี้คนในบ้านที่อยู่ด้วยกันยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย ยิ่งไปกว่านั้นบางทีน้าเขยเขายังส่งรูปลามกมาให้หนูในแชทอีกด้วย หนูยังไม่เคยโชว์ข้อความหรือรูปลามกที่เขาส่งมาในแชทให้แม่ดู ด้วยงานก็เลยยังไม่อยากพังชีวิตแม่ตอนนี้ เพราะว่ามันมีหลายอย่างที่เขาทำร่วมกัน แต่เหมือนแม่ก็รู้อยู่ว่าเขาเป็นคนยังไง หนูเคยคุยกับแม่ว่า “เขามาขอกอด” แม่ก็บอกแค่ว่า “อยากให้ทนไปก่อน เพราะอยากให้ชื่อกิจการมันเป็นของเราหมดก่อน” ส่วนแม่แท้ ๆ อยู่ข้างนอก อยู่ใกล้กัน แต่ฐานะการเงินของแม่เขาเลี้ยงดูหนูไม่ได้ หนูเคยบอกเรื่องนี้กับแม่แท้ ๆ แม่ก็บอกว่า “ถ้าวันไหนรู้สึกไม่ปลอดภัย ก็มานอนกับแม่ก็ได้” โดยปกติแล้วที่บ้านหนูเขาก็จะอยู่ห้องใครห้องมัน แต่บางทีเวลาเขาอยู่โถงบ้าน เขาชอบใส่กางเกงบ๊อกเซอร์มานั่งแหกขาดูทีวี ซึ่งจะทำแบบนี้แค่ตอนแม่ไม่อยู่บ้าน ล่าสุดที่ทำก็คือเมื่อสองวันที่แล้ว หนูเลยอยากจะถามพี่ ๆ ว่า “มันพอจะมีทางออกที่จะคิดคำพูด พูดกับแม่แบบจริงจังอะค่ะ เพราะว่าแม่หนูก็เหมือนเคยรับรู้แต่ช่วยอะไรไม่ได้มาก” แล้วเหมือนตอนนี้เขาพูดกับแม่ว่า เขาจะขายร้านทิ้งทั้งหมดไปอยู่ที่อื่นพาแม่ไปด้วย เหตุผลที่เขาจะไปมันน่ารังเกียจมาก เขาบอกกับหนูว่า “หนูไม่รักเขา ไม่กอด ไม่หอมเขา” แค่นี้เลยคือเหตุผลที่เขาจะพาแม่ไปอยู่ที่อื่น โดย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เป็นพี่พี่จะขอน้า ขอไปอยู่กับแม่แล้วให้เขาส่งเสียให้ ถ้าเขารักหนูจริง เขาจะทำ บอกไปว่าหนูไม่ไหว มันไม่มีความสุข หนูอยู่แบบนี้ไม่ได้ พี่ไม่อยากให้มี่คิดว่าเรื่องนั้นมันจะไม่เกิดขึ้น หนูเปลี่ยนเขาไม่ได้ แม่จะไม่มีวันเลิกกับเขา ตอนนี้ที่หนูทำได้คือย้ายออกจากบ้านหลังนั้น ซึ่งหนูมีทางที่จะย้ายด้วย ไม่ว่าจะเป็นแม่แท้ ๆ หรือญาติ พี่เชื่อว่าสุดท้ายจะไม่มีใครรักมี่เท่ามี่รักตัวเองนะ แล้วถ้าบอกแม่แล้วแต่แม่บอกให้ยอม ต้องอย่ายอมนะ กิจการอะไรเราทำมาหากินด้วยตัวเองได้ อย่าเอาชีวิตไปผูกกับสิ่งเหล่านี้แล้วเอาตัวเองแลก’ ต่อมาเป็น “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘เอาจริงวิธีที่จะพูดกับแม่มันไม่มีอะไรเลย เปิดไลน์ให้ดู เปิดข้อความ เปิดรูปที่เขาส่งมาให้ดูเท่านั้นแหละ แล้วก็ออกมาซะ อยู่กับใครก็ได้ที่ไม่ต้องมาเสี่ยงแบบทุกวันนี้ หนูไม่ได้ไม่มีใครนะลูก’ สุดท้ายเป็น “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘บ้านนี้หนูอยู่ไม่ได้แล้วอันตรายมาก แต่ถ้าหนูอยากลองถามแม่ก็ลองได้ ลองไปพูดกับแม่ว่าเกิดสิ่งนี้ขึ้นกับหนู แล้วหนูรู้สึกอึดอัดในการอยู่บ้านหลังนี้ หนูอยากอยู่ข้างนอก ถ้าเขารักเราจริง เขาจะเช่าบ้านให้เราอยู่ข้างนอก หรือเช่าหอ หรืออะไรก็ตาม แต่ถ้าเขายังพูดว่าร้านยังไม่เป็นของเรา บอกแม่ไปเลยว่าหนูขอออกไปอยู่ข้างนอก ถ้าอยู่แบบนี้หนูโดนข่มขืนแน่ แล้วแม่จะโอเคเหรอ หรือเราจะอยู่กับญาติได้ไหม ให้แม่มี่เป็นคนคิดเองเลยว่าจะให้อยู่บ้านไหน ตอนนี้อยู่ที่นี่ไม่ได้ แม่จะแก้ปัญหายังไงให้’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

เพื่อนสนิทเรา ดูดีขึ้น หุ่นดีขึ้น เลยทักไปถาม ปรากฏเพื่อนบอกเดี๋ยวเล่าให้ฟัง ไว้นัด Zoom กัน หลังจากนั้นก็เริ่มขายของ ขายผลิตภัณฑ์ ชวนเข้าเครือข่าย บทสนทนาที่เคยคุยกันเริ่มหายไป กลายเป็น "ว่างวันไหน? ว่างเมื่อไหร่? พร้อมรึยัง?" เข้ามาแทน จะทำไงดีคะ?

08 มี.ค. 2024

เพื่อนสนิทเรา ดูดีขึ้น หุ่นดีขึ้น เลยทักไปถาม ปรากฏเพื่อนบอกเดี๋ยวเล่าให้ฟัง ไว้นัด Zoom กัน หลังจากนั้นก็เริ่มขายของ ขายผลิตภัณฑ์ ชวนเข้าเครือข่าย บทสนทนาที่เคยคุยกันเริ่มหายไป กลายเป็น "ว่างวันไหน? ว่างเมื่อไหร่? พร้อมรึยัง?" เข้ามาแทน จะทำไงดีคะ?

“คุณไอ (นามสมมติ)” อายุ 19 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [6 มี.ค. 67] ได้โทรมาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาที่ทักไปหาเพื่อนสนิทปรึกษาเรื่องลดน้ำหนัก แต่ดันเจอเพื่อนขายคอร์ส โดย “คุณไอ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูมีเพื่อนสนิทคนนึง สนิทกันมา 4 - 5 ปีแล้ว หนูคุยกับเพื่อนทุกเรื่อง เวลาคุยกันบางทีก็พิมพ์แชท หรือ voice คุยกัน ส่วนน้อยมากที่จะโทรคุยกัน ซึ่งเพื่อนหนูเป็นคนที่ค่อนข้างอ้วน แต่วันนึงเขาเริ่มลงสตอรี่ IG ว่าออกกำลังกาย ตัวหนูเองไม่ได้อ้วนแต่แค่ไม่ค่อยเฟิร์ม หนูก็เลย reply สตอรี่ไปว่า ทำไมอยู่ดี ๆ ออกกำลังกาย เพื่อนหนูก็ตอบกลับมาว่า มีเวลาว่างไหม? เดี๋ยวโทรหา หนูก็คิดแค่ว่าเขาคงอยากบอกเรื่องราวในชีวิตเขาว่า ทำไมถึงอยากทำ พอหนูได้คุยกับเพื่อน เขาก็เริ่มพูดว่า อยากให้หนูเข้า Zoom ไปคุยกับอินฟลูคนนึง เขาจะมาช่วยดูแลการออกกำลังกาย การคุมอาหาร หนูก็เลยเข้าไป แต่มันเหมือนการขายตรงมากกว่า หลังจากที่หนูเข้าไปใน Zoom หนูก็มาถามเพื่อนว่า สรุปแกต้องการอะไร? แล้วพี่คนที่เป็นอินฟลูเขาต้องการอะไร? เพื่อนก็พูดกลับมาประมาณว่า ถามทำไม แล้วแกว่างไหม เดี๋ยวโทรไปนะ หนูก็เลยบอกกับเพื่อนไปว่า ตอนนี้ไม่ว่างเลย แต่จริง ๆ ตอนนั้นหนูว่าง หนูอยากให้เขาพิมพ์มา หนูไม่อยากโทรคุยเพราะหนูกลัวเสียความรู้สึก เขาก็พยายามคะยั้นคะยอว่า โทรแป๊บเดียว เดี๋ยวเล่าให้ฟัง หนูก็เลยโกหกไปว่า ไม่สะดวก ตอนนี้กูอยู่งานศพ แล้วเพื่อนก็อัดเสียงส่งมา 10 กว่าอัน หนูกดฟังที่เขาส่งมาประมาณว่า มึงกลัวพี่เขาหลอกหรอ พี่เขาไม่หลอกหรอก เขารวยกว่ามึงตั้งเยอะนะ กูอยากให้มึงลองเปิดใจนะ อยากให้ลองเข้า Zoom อีกวันนึงที่พี่เขานัด หนูก็เลยบอกไปว่า หนูไม่โอเคมาก ทำไมต้องให้หนูมาเข้าอะไรแบบนี้ หนูแค่อยากรู้เฉย ๆ ว่าแบ่งเวลาออกกำลังกายยังไง? ไม่ได้อยากรู้เรื่องธุรกิจหรือเรื่องอาหารเสริม แล้วเพื่อนก็เหมือนหงุดหงิดและบอกมาประมาณว่า งั้นถ้ามึงไม่คุยก็ไม่ต้องคุยกันเลยแล้วกัน แต่อย่างที่บอกว่า พวกหนูสนิทกันมากและไม่อยากเสียเพื่อนคนนี้ไป หนูเลยตัดสินใจเข้าก็ได้ พอเข้าไปเขาก็พูดแต่เรื่องธุรกิจไม่เกี่ยวกับการออกกำลังกายเลย หนูก็เลยทักไปบอกเพื่อนอีกว่า กูไม่โอเคนะ ไม่เอาได้ไหม เพื่อนก็บอกว่า เออ ก็แล้วแต่แล้วกัน แต่หลังจากนั้นมันหนักกว่าอีก หนูก็ reply สตอรี่เพื่อนคนนี้ไปอีกแต่เป็นเรื่องอื่น ๆ เพื่อนก็ยังโยงไปเรื่องนั้นอีก ประมาณว่า มึงว่างแล้วหรอ ลองไปฟังพี่เขาอีกรอบไหมละ? ปัญหาก็คือหนูอึดอัด หนูรู้สึกว่ามันไม่เป็นส่วนตัวมาก ตรงที่เขาทักมาประมาณ 3 นาทีแล้วหนูไม่ตอบ เขาก็จะโทรมาเลย หนูก็บอกเพื่อนไปตรง ๆ เลยว่า เราไม่อยากคุยเรื่องนี้ แต่พอทุกครั้งหนูมีเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตที่อยากระบายเขาก็จะบอกว่า ถ้าโอเคแล้วก็ลองเปิดใจเรื่องนั้นดูก็ได้นะ หนูก็ลองถามเพื่อนคนอื่น ๆ เขาก็บอกว่า มึงก็บล็อกไปเลย ไม่ต้องแคร์หรอก แต่ด้วยที่หนูสนิทกับมันมานาน คุยกันมาทุกเรื่อง ไม่เคยคาดหวังประโยชน์อะไรจากกันเลยทั้งคู่ จนมาถึงเรื่องนี้จากเรื่องการออกกำลังกาย เพื่อนก็ลากไปถึงเรื่องการทำธุรกิจเรื่องอาหารเสริม หนูอยากปรึกษาพี่ ๆ ว่า จะแก้ไขตรงนี้ยังไง ไม่ให้เราเสียเพื่อน แล้วก็ไม่ทำให้เรารู้สึกแย่ไปด้วย’ โดยเริ่มให้คำปรึกษาจาก “ดีเจต้นหอม” ว่า ‘ไม่เอา ไม่กิน ฉันจะเป็นหมูที่แข็งแรง ถ้าอยากรู้อะไรเพิ่มก็เสิร์ชในอินเทอร์เน็ต TikTok มีหมดเลย เรื่องของทริคในการลดน้ำหนักพี่ก็ได้จากตรงนั้นเยอะมาก อาหารเสริมเป็นตัวช่วย ไม่ใช่หลัก คือ อาหารเสริมช่วยให้เราไม่กินจุกจิก แต่พี่รู้สึกว่าอายุ 19 ก็ยังไม่ควรจะต้องใช้อาหารเสริมอะไรพวกนั้นอยู่แล้วนะ เพราะว่ายังเป็นวัยที่หนูมีเอนเนอร์จี้ มีพลังงาน แล้วหนูก็ใช้ร่างกายได้เยอะมาก พี่คิดว่าอาหารเสริมประเภทนั้นไม่เหมาะ แต่พี่ว่าถ้าเราเป็นเพื่อนสนิทก็น่าจะพูดกันตรง ๆ ก็ได้นะ ประมาณว่า ชวนทำอะไร ไปฟังพี่เขา ไม่ฟังๆ เสียเวลา คือ ถ้าเขาบอกว่า เขาเห็นผลก็เขาเห็นผลกับสิ่งนี้ไง เราต้องไม่อยากรู้เรื่องของเขาเลย ไม่ได้อยากรู้การลดน้ำหนักของมึงเลย เราก็ต้องเริ่มจากที่ตัวเราก่อนในการบอกว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราไม่ได้สนใจ แล้วเรารู้สึกว่าการที่เราไปทำมันเสียเวลา เพราะกูไม่ได้สนใจมึง ถ้าเพื่อนสนิทพูดตรงๆ เลยแต่ว่าเราอย่าเปิดช่องให้เขาแค่นั้นเลย แล้วก็พูดตัดบทไปว่า มึงเสียเวลา ถ้ายังตื้อกูอยู่’ ต่อไป ดีเจเผือก ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ตอนนี้หนูอายุ 19 สนิทกันมา 3-4 ปี มันก็คือ 1 ใน 5 ประมาณนั้นของชีวิตหนู แต่ถ้าหนูใช้ชีวิตต่อไปอีก 5-10 ปี เขาก็จะไม่ใช่ 1 ใน 5 ในชีวิตหนูละ เขาอาจจะเป็น 1 ใน 7 หรือ 1 ใน 8 เพราะฉะนั้นก็อย่าไปยึดติดกับใครคนนึงที่เรารู้สึกว่าคนนี้คือเพื่อนสนิท แล้วเราจะไม่มีวันเลิกคบกับเขาได้ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรไม่ดีก็ตาม อันนี้มันก็ไม่ใช่ โตไปหนูก็อาจจะต้องเลิกคบกับเพื่อนสนิทบ้างถ้ามันเป็นคนไม่ดี หนูจะได้เจอกับเหตุการณ์วัดใจแบบนี้แหละ บางครั้งหนูอาจจะไม่ต้องโทรถามพี่เลยก็ได้ หนูอาจจะได้เจอเหตุการณ์ที่ต้องเลิกคบกับเพื่อนสนิทโดยที่ไม่ต้องปรึกษาใครเลย คนที่เราเคยสนิทมันก็คือคนที่เราเคยสนิทหรือคนที่เราสนิทอยู่ก็คือคนที่เราสนิทอยู่ แต่มันก็ไม่ได้บอกว่าเราจะต้องสนิทกับเขาไปจนวันตาย ถ้าถามว่าเพื่อนเขาเลวร้ายไหมก็คงไม่เขาก็แค่คงทำมาหากิน แต่เขาแค่ไม่มีศิลปะในการขาย ทุกอย่างมันมีทั้งคนขายที่ดีและคนที่ขายไม่เป็น คนที่เอาแต่ขายจนเสียเพื่อนรอบตัวมันก็ไม่ใช่ คนที่เขาขายอย่างมีจรรยาบรรณมันก็มี แค่เพื่อนเราเพิ่งเข้ามาในวงการนี้แล้วขายไม่เป็นแต่อยากมียอด เพราะฉะนั้นก็ถ้าเรื่องนี้ไอเข้าใจได้ก็ไม่ต้องเลิกคบกับเขา แล้วดูว่าเขาจะขายอีกยาวไหม? ไม่รู้ว่าโปรดักส์ออกกำลังกายจะอยู่ได้นานหรือเปล่า อาจจะเป็นช่วงแรก ๆ ที่เขากำลังทำยอดอยู่แหละ ก็อย่างที่บอก คุยกันไปตรง ๆ เป็นเพื่อนสนิทก็น่าจะคุยกันได้ ก็คุยกันไปเลยว่า มึงไม่ต้องมาวุ่นวายกับกูแล้วแหละ กูไม่มีวันซื้อแน่ ๆ ทุกวันนี้เงินจะกินข้าวยังไม่มีเลย คือถ้าเขาเป็นคนขายที่เก่งจริง ๆ เขาต้องรู้ว่ารายนี้ตื้อให้ตายก็ไม่ซื้อ เสียเวลาไปหาคนอื่นดีกว่า ถ้าอยากออกกำลังกายจริง ๆ เสิร์ชเอาใน Google , TikTok เยอะแยะ ถ้าเพื่อนคนนี้ตัดเรื่องขายออกไปแล้ว เขาจะกลับมาเป็นคนเดิมก็ลองดู แล้วก็แสดงออกให้ชัดเจนว่าเราจะไม่ร่วมธุรกิจกัน แล้วหลังจากนั้นดูว่าเขายังจะเป็นเพื่อนสนิทกับเราอยู่หรือเปล่า? ยังเม้าท์เรื่องอื่น ๆ กันอยู่หรือเปล่า? ซึ่งถ้าเขาเปลี่ยนไปเพียงแค่เราไม่ซื้อของของเขา ไอควรคิดดี ๆ ว่าคนนี้ควรจะเป็นเพื่อนสนิทเราจริงหรือเปล่า เขาเหมาะกับจะเป็นเพื่อนรักเราจริงไหม ถ้าขายของให้ฉันไม่ได้แล้วเลิกคบเราไป เขาควรจะเป็นเพื่อนแท้เราหรือเปล่า ไอลองไปคิดดูนะ’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ก่อนอื่นหนูต้องปิดประตูตายก่อน เรื่องออกกำลังกายหรือเรื่องหุ่น อย่าไปเปิดประตูให้เขาเข้าหาเราได้จากเรื่องนี้ เพื่อให้เขาชัดเจนไปเลยว่าเราไม่ได้สนใจเรื่องนี้จริง ๆ ต้องทำให้เขารับรู้ก่อน ตอนนี้ไปอยู่กับคนที่สนิทคนอื่น ๆ ก่อน พี่รู้สึกว่าน้องไอกำลังคาดหวังให้เขามาสนิทเหมือนเดิม แต่ตอนนี้มันไม่ได้แล้วไง เพราะว่าสิ่งที่เขาโฟกัสมันไม่ใช่ไอแล้ว เขาโฟกัสกับสิ่งที่เขากำลังทำตอนนี้ คือการทำกิจการให้มันดีขึ้น เขาอาจจะไปร่วมมือกับโค้ชคนนั้นหรืออะไรก็ตาม แต่ตอนนี้เขาไม่ได้โฟกัสหนู หนูอย่าไปสำคัญตัวผิด เพราะถ้าหนูสำคัญตัวผิด หนูจะผิดหวัง เราต้องเลิกคาดหวังกับเขาก่อนให้เขาไปอยู่ในที่ที่เขาอยากทำ ไม่ต้องไปขัดเขา แล้วถ้าเขาทำสำเร็จก็ยินดีกับเขาไป แต่ถ้าเขาทำไม่สำเร็จ แล้ววันไหนเขากลับมาหาเรา เราก็ยังเป็นเพื่อนเขาอยู่ได้เหมือนเดิม ซึ่งถ้าถึงวันนั้นไออาจจะไม่อยากเป็นเพื่อนเขาแล้วก็ได้ หรือถ้าเขากลับมาแล้ว ถ้ามันเป็นเพื่อนกันจริง ๆ มันต่อกันติดเราก็ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมได้ แต่ตอนนี้หยุดคาดหวังก่อนเพราะตอนนี้เขาไม่เหมือนเดิมแล้ว’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ทำไมอาจารย์ชอบปล่อยเลทคะ? นักศึกษาโทรถามในรายการ เวลาไปเรียน... หมดเวลาแล้ว แต่อาจารย์ไม่ปล่อยสักที กินเวลาวิชาอื่นไป 10 – 15 นาที ไปเรียนอีกตึกแทบไม่ทัน ที่เพื่อนๆไม่กล้าบอกก็เพราะ อาจารย์คนนี้ ‘ดุ’ มากซะด้วย

12 ก.ย. 2023

ทำไมอาจารย์ชอบปล่อยเลทคะ? นักศึกษาโทรถามในรายการ เวลาไปเรียน... หมดเวลาแล้ว แต่อาจารย์ไม่ปล่อยสักที กินเวลาวิชาอื่นไป 10 – 15 นาที ไปเรียนอีกตึกแทบไม่ทัน ที่เพื่อนๆไม่กล้าบอกก็เพราะ อาจารย์คนนี้ ‘ดุ’ มากซะด้วย

ทำไมอาจารย์ชอบปล่อยเลทคะ? นักศึกษาโทรถามในรายการเวลาไปเรียน... หมดเวลาแล้ว แต่อาจารย์ไม่ปล่อยสักทีกินเวลาวิชาอื่นไป 10 – 15 นาที ไปเรียนอีกตึกแทบไม่ทันที่เพื่อนๆไม่กล้าบอกก็เพราะ อาจารย์คนนี้ ‘ดุ’ มากซะด้วยอยากได้วิธีการจากทุกคนว่าควรทำยังไงดี ถ้าเจอแบบนี้?? “คุณนิ (นามสมมุติ)” สายสุดท้ายของรายการ “พุธทอล์ค พุธโทร” เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [6 ก.ย.66] ได้โทรเข้ามาปรึกษาพี่ๆดีเจ ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล - ดีเจเผือก เกี่ยวกับปัญหาอยากรู้ว่าทำไมอาจารย์ชอบปล่อยเลท โดย “คุณนิ (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘ที่มหาวิทยาลัยจะให้เรียนคาบละ 50 นาที แล้วก็จะมีให้เดินทาง 10 นาที เพื่อที่จะไปเรียนวิชาใหม่ แต่จะมีอาจารย์คนหนึ่งก็คือสอนครบ 60 นาทีเลย แล้วตัวอาจารย์เขาก็เป็นคนที่ค่อนข้างที่จะดุมาก อาจารย์เขาก็จะเข้าสอนก่อนเวลา ที่เขาปล่อยช้าบางทีก็ชอบเม้าท์ บางทีก็สอนบ้าง มันก็จะมีบางทีที่เขาสอนไม่ทันค่ะ หรือบางทีเขาก็สอนเสร็จเเล้วแต่ก็พูดเรื่องอื่นต่อ วิชานี้เป็นวิชาที่สาขาวิชาที่จะต้องเจอตลอด ๆ เลยเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1