ไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย... สาวออฟฟิศอึดอัดใจ เพื่อนร่วมงานนับสิบ ทำตัวแปลกๆ ชอบ ‘จับจิ้น’ ให้คนนี้คู่กับคนนู้น คนนู้นคู่กับคนนี้ โดยไม่สนเลยว่า ‘ทั้งคู่ก็ต่างคนต่างมีครอบครัวแล้ว’ ชงไปมา สุดท้ายลงเอยด้วยการนอกใจ แอบคบกัน

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย... สาวออฟฟิศอึดอัดใจ เพื่อนร่วมงานนับสิบ ทำตัวแปลกๆ ชอบ ‘จับจิ้น’ ให้คนนี้คู่กับคนนู้น คนนู้นคู่กับคนนี้ โดยไม่สนเลยว่า ‘ทั้งคู่ก็ต่างคนต่างมีครอบครัวแล้ว’ ชงไปมา สุดท้ายลงเอยด้วยการนอกใจ แอบคบกัน

11 ก.ย. 2023

ไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย... สาวออฟฟิศอึดอัดใจ เพื่อนร่วมงานนับสิบ
ทำตัวแปลกๆ ชอบ ‘จับจิ้น’ ให้คนนี้คู่กับคนนู้น คนนู้นคู่กับคนนี้
โดยไม่สนเลยว่า ‘ทั้งคู่ก็ต่างคนต่างมีครอบครัวแล้ว’ ชงไปมา
สุดท้ายลงเอยด้วยการนอกใจ แอบคบกัน พอเราเห็นแบบนี้แล้วอึดอัด
รู้ว่าเป็นคนนอก แต่จะมองข้ามเรื่องนี้ยังไงดี? เพราะต้องทำงานร่วมกัน

        “คุณเตย (นามสมมุติ)” อายุ 30 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (6 ก.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม กับปัญหาที่ทำงานชอบจับคู่จิ้นให้คนอื่น

        โดย “คุณเตย (นามสมมุติ)” เริ่มเล่าว่า ‘ตอนนี้เป็นพนักงานบริษัท แล้วต้องย้ายสาขาไปอยู่อีกที่สาขานึง พอเราย้ายเข้าไปก็เจอวัฒนธรรมการจับคู่จิ้น แซว ชง โดยที่คนแซวก็ไม่ได้สนว่าคนที่จับคู่ เค้าจะแต่งงานแล้ว มีครอบครัว หรือแบบว่ามีแฟนอยู่แล้ว

        อย่างล่าสุด มีน้องผู้ชายคนนึงเพิ่งเข้ามาใหม่ คนในบริษัทก็ถามน้องผู้ชายว่า ‘น้องผู้หญิงคนนี้น่ารักไหม? ถ้าน่ารักก็จีบสิ’ แต่คนในบริษัทก็รู้ว่าน้องทั้ง 2 คนต่างก็มีแฟนกันอยู่แล้ว และไม่ได้เป็นคนเดียวที่ชอบชง ชอบแซว แต่เป็นกันทั้งแผนก ส่วนน้องที่ถูกชงตอนแรก ๆ ก็ปฏิเสธ ‘พี่ก็อย่าแซวสิ’ สุดท้ายไม่รู้ว่าไปชงกันถูกมุมหรืออะไรยังไง จนน้องทั้งคู่ลงเอยด้วยการนอกใจแฟนของตัวเอง มามีความสัมพันธ์กันจริง แต่เราเองก็ไม่รู้ว่าคนที่ชงรู้สึกยังไงกัน รู้แต่ว่าตอนนี้สถานการณ์พวกเค้าก็เฮฮา ยังชง ยังแซวกันอยู่เรื่อย ๆ

        เราก็ไม่ได้ไปสุงสิงอะไรกับพวกเค้า แต่เวลาทำงานมันต้องอยู่ในห้องเดียวกัน ก็จะมีพวกคำทะลึ่ง คำส่อเสียดที่แบบว่า พูดกันไปไม่คิดถึงจิตใจแฟนของคนที่โดนแซว โดนจิ้นบ้างเลย คือในสถานการณ์นี้เรารู้ว่าเราเป็นคนนอก แต่เราก็มีความรู้สึกที่ควรจะให้เกียรติถึงแม้จะเป็นคนไม่รู้จักกันก็ตาม

        อยากจะได้คำแนะนำว่าเราจะมองข้ามเรื่องนี้ยังไง คือเราต้องทำงานในห้องเดียวกับพวกเค้า ทุกวันนี้พยายามแล้วที่จะช่างมัน คิดว่าเรามาทำงานหาเงิน แต่มันก็อึดอัดที่ต้องอยู่ท่ามกลางคนพวกนี้….

        งานนี้ “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘มันอยู่ที่ความอึดอัดนั้นมันทำให้เรายังมีแรงลุกไปทำงานหรือเปล่า? คือเรื่องพวกนี้มันส่งผลกระทบต่อจิตใจแต่ละคนไม่เท่ากันนะ บางทีคนนึงฟังอาจจะรู้สึกก็ช่างมันดิ ใครมันจะบิ้ว จะปีนต้นงิ้วก็ไปเถอะ เราก็ก้มหน้าก้มตาทำงาน หาหูฟังสักอัน ฟังเพลงไป บางคนอาจจะรู้สึกแค่นั้นก็พอแล้ว

        แต่กับเตยอาจจะรู้สึกว่า คำพูดคำจาที่บิ้วกันมา ไม่ได้แคร์ศีลธรรมเลย มันทำให้เตยอึดอัดถึงขนาดที่ว่าไม่มีสมาธิทำงานเลยหรือเปล่า หรือกระทบอะไรขนาดไหน อันนี้เตยก็ต้องตอบตัวเองก่อน ถ้าถึงขั้นทำให้อึดอัดแล้วก็ไม่มีความสุขเลย กับการที่ต้องไปนั่งในแผนกนั้นก็หางานใหม่ สุดท้ายแล้วเราไม่ได้ศีลเสมอหรือมีภูมิต้านทานเรื่องตรงนี้ไม่พอ หรือถ้าเรื่องเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับชีวิตเรา ก็รู้สึกว่าช่างเค้า ใครจะดีจะชั่วก็ดูไว้ แล้วเราก็อย่าไปเป็นแบบคนพวกนั้น หน้าที่ของการไปทำงาน พื้นฐานก็คือ การไปทำงาน หารายได้เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง อันดับที่สองก็คือการเข้าสังคม ซึ่งถ้าสังคมนั้นมันไม่ใช่สังคมที่เราอยากจะไปเข้า เราก็จงหาแต่เงินแล้วก็กลับบ้าน’

        ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘สำหรับพี่ หนึ่งอดทน สองหางานใหม่ อะไรง่ายกว่ากันก็เลือกอันนั้นเลย ถ้ารู้สึกหางานใหม่ยาก แล้วหางานใหม่มีโอกาสที่จะเจอคนไม่ชอบด้วยนะ พี่ยังรู้สึกว่าเคสนี้ยังเบานะ เคสอื่นๆ คือกระทบเข้ามาสู่ตัวเองเลย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ได้กระทบเตย เค้าแค่เป็นคนอีกประเภทที่เตยไม่ชอบ

        วิธีการยังพอใส่หูฟังได้ แล้วก็คนเราเจอคนร้อยพ่อพันแม่ตลอด ที่เข้ามาแล้วทำอะไรไม่ถูกใจเรา มันคือความแตกต่าง ซึ่งการที่เราไม่ชอบ เราสามารถละได้โดยการช่างมัน สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ชีวิตใครชีวิตมัน ส่วนคู่นั้นที่นอกใจแฟน เดี๋ยวชีวิตมันพังเอง ชีวิตรักที่มันไม่ซื่อสัตย์โอกาสที่จะได้รักที่ดีมันยากอยู่แล้ว มันคือชีวิตเขา แค่เขาไม่มายุ่งกับเราคือพอแล้ว ต่อให้ลาออกไป ก็ตอบไม่ได้ว่าเราจะเจอใครที่ไม่ชอบอีก ฉะนั้นสิ่งที่ฝึกเราได้ก็คือ พวกนี้ยังเบา ช่างมัน ปล่อยวาง อยู่ห่างๆ ไม่ชอบก็คือไม่คบ คุยได้แต่ไม่คบ ไม่ต้องถึงขั้นไม่คุย โกรธเขา เพราะจะทำให้เราเครียดแทน’

        ปิดจบกันที่ “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่เพิ่งไปอ่านหลักที่จะทำให้ชีวิตมีความสุขแบบง่าย ๆ เค้าบอกถ้าเจอเหตุการณ์ที่ไม่ถูกใจ หนึ่งเปลี่ยนเค้า เปลี่ยนสิ่งที่เราไม่ถูกใจ ซึ่งในกรณีนี้เตยเปลี่ยนเค้าได้ไหม? ก็ไม่ได้เพราะเราไม่สามารถไปบอกเค้าได้ว่า “พี่คะรณรงค์อย่าพูดเรื่องที่ทำให้ทุกคนผิดศีลธรรม น้องเค้ามีแฟนอยู่แล้วทำแบบนี้ไม่ดี” เราพูดไม่ได้

        แต่กรณีนี้เราทำได้คือ ปรับตัวเอง เตยต้องช่างมัน แต่พี่เข้าใจนะแง่ศีลธรรม แต่ถ้ามันยังไม่ได้มาลุกลามพื้นที่สิทธิของเรา ลองพิจารณาพวกเค้าเป็นบัว 4 เหล่าไปเลย มันต้องมีคนที่ไม่รู้อยู่แล้ว ลองพิจารณาว่าคนเรามันก็แค่นี้ เราก็อย่าไปทำเหมือนเค้า เราดูเป็นเยี่ยงอย่าง ถ้าเป็นเราจะไม่ทำแบบนี้ แต่ถ้าสุดท้ายยังทนไม่ไหว มันก็ยังมีข้อสุดท้ายคือ เดินออกมา แค่นี้ชีวิตจะมีความสุขได้ง่ายขึ้นเมื่อเจอปัญหา….’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

อ้าว ป้าคะ! หนูทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟคนเดียวของร้านป้า เวลาลูกค้าให้ทิปกับมือหนู ป้าจะบอกว่า “เอาไปหยอดกระปุก” เดี๋ยวจะแบ่งสิ้นเดือน แต่พอสิ้นเดือนมา ป้าไม่เคยแบ่ง เอาไปใช้คนเดียว

04 ก.ค. 2025

อ้าว ป้าคะ! หนูทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟคนเดียวของร้านป้า เวลาลูกค้าให้ทิปกับมือหนู ป้าจะบอกว่า “เอาไปหยอดกระปุก” เดี๋ยวจะแบ่งสิ้นเดือน แต่พอสิ้นเดือนมา ป้าไม่เคยแบ่ง เอาไปใช้คนเดียว

อ้าว ป้าคะ! หนูทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟคนเดียวของร้านป้า เวลาลูกค้าให้ทิปกับมือหนู ป้าจะบอกว่า “เอาไปหยอดกระปุก”เดี๋ยวจะแบ่งสิ้นเดือน แต่พอสิ้นเดือนมา ป้าไม่เคยแบ่ง เอาไปใช้คนเดียว พอถามก็ตีมึน จนหลังๆถ้าลูกค้าให้ทิปกับมือหนูจะแอบเก็บไว้คนเดียว บางทีผัวป้าที่เป็นกุ๊ก ก็ยืนมองจากครัว หนูแอบเก็บไม่ได้ ต้องเดินมาหยอด หยอดไปก็ไม่ได้อยู่ดีหนูจะทำยังไงดีคะ ? แล้วการที่หนูเอาทิปมาเก็บไว้กับตัว เป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวไหมคะเพราะถ้าหยอดกระปุกไป ป้าก็ไม่แบ่งอยู่ดี... “คุณดา (นามสมมติ)” อายุ 19 ปี สายที่ 2 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [2 ก.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจก็อตจิ - ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาของการเป็นพนักงานเสิร์ฟ ที่พอลูกค้าให้ทิปก็ถูกเจ้าของร้านบังคับให้หยอดกระปุกรวม โดยอ้างว่าจะนำมาแบ่ง แต่ไม่เคยได้ส่วนแบ่ง โดย “คุณดา (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูทำงานร้านอาหารร้านหนึ่ง เป็นร้านอาหารสไตล์ฝรั่งอยู่ในตัวเมืองลำปาง ภายในร้านมีพนักงานรวมหนูแล้วมีแค่ 5 คนเองค่ะ ส่วนมากเขาจะอยู่ในครัวกัน แล้วหนูเป็นพนักงานเสิร์ฟคนเดียวแล้วก็จะมีป้าเจ้าของร้านอยู่ด้วย หน้าที่ของหนูก็คือ ล้างแก้ว กวาดถู เก็บจาน หนูเริ่มทำงานร้านนี้ตั้งแต่เดือนกุมภา ปัญหาของหนูก็คือเวลาลูกค้าให้ทิป วันแรกที่หนูเข้าไปทำงานลูกค้าฝรั่งยื่นเงินให้หนู 60 บาท แล้วก็มีคนไทยที่เขาบอกว่าเขาให้ หนูก็ดีใจเลยไปบอกป้าเจ้าของร้าน ป้าแกก็บอกว่าเอาหยอดกระปุกร้านเลย หนูก็สตั้นไป ทำไมเราต้องหยอดตามที่ป้าแกบอก เขาบอกว่าสิ้นเดือนจะเอามาแบ่งกัน แล้วมันก็เกิดคำถามมากมายในหัวหนู หนูก็ทำงานมาเรื่อย ๆ ลูกค้าก็ให้ทิป พอป้าแกเห็นหนูก็ต้องเอาหยอดกระปุกทุกครั้ง แต่พอสิ้นเดือนก็ไม่เห็นว่าแกจะเอาไปแบ่ง เหมือนแกจะเอาไปใช้คนเดียว หนูเคยจับกระปุกมันมีช่วงที่มันหนัก ๆ แล้วพอมาจับอีกรอบเบาเลย ไม่มีสักบาท ในร้านจะมีตำแหน่งแม่บ้าน ผู้ช่วยเชฟ เชฟ และเจ้าของร้านแค่นี้เลย แต่ไม่เคยได้ส่วนแบ่งเลยสักเดือนตั้งแต่ทำมา เวลาที่ป้าไม่เห็นหนูก็จะรีบยัดใส่เข้ากระเป๋า แล้วหลังวันที่ 27 มิถุนาที่ผ่านมา มีลูกค้าโต๊ะหนึ่งเช็คบิล พอได้บิลมาก็เอาไปให้ลูกค้า พอลูกค้าจ่ายเงินเสร็จก็ยื่นเงินให้หนูแล้วบอกว่า 40 บาท พี่ให้หนูนะ หนูก็ขอบคุณแล้วป้าแกก็เห็น แต่หนูอ้อมมาหลังเคาน์เตอร์แล้วรีบยัดเข้าใส่กระเป๋า แต่พอหนูหันไปหนูเห็นเชฟเขายืนมองอยู่ แต่เชฟเขาคือสามีป้าเขาเป็นคนฮอลแลนด์ แกก็ยืนมอง หนูก็ลนไปหมด สุดท้ายหนูก็เลยต้องหยอดใส่กระปุก หนูอยากรู้ว่าหนูผิดไหมที่หนูทำแบบนี้ มันดูเป็นเด็กไม่ดีไหม?’ ซึ่ง “ดีเจก็อตจิ” ได้คำคำปรึกษาว่า ‘หนูอาจจะต้องไปสมัครงานที่อื่น เพราะร้านนี้ระบบมันไม่แน่ชัด มันเหมือนเป็นร้านอาหารครอบครัว เขาจะสั่งให้เราทำอะไรก็ได้ แล้วยิ่งเราเป็นเด็กเสิร์ฟคนเดียวด้วย มันค่อนข้างจะยากที่หนูจะไปต่อรอง ถ้าวันหนึ่งเขาไล่หนูออกขึ้นมา หนูจบเลยนะ พี่ว่ายังไงถ้าเป็นไปได้ หนูหาทางเลือกอื่นและไม่ต้องไปหวังกับเงินก้อนนั้นเลย’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘จริง ๆ หลาย ๆ ร้านใช้ระบบทิปรวม แต่พอสิ้นเดือนเขาต้องหาร ถ้าหนูจะสู้เพื่อความถูกต้อง ก็กลั้นใจถามป้าไปเลยว่าสรุปมันคือทิปรวมหรือส่วนตัว แต่ถ้าไม่อยากปะทะในเมื่อเขาก็เรา เราก็ไม่จำเป็นต้องซื่อสัตย์กับเขา มันก็แล้วแต่ว่าดาจะเลือกทางไหน’ และสุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้คำคำปรึกษาว่า ‘ถ้าเขาบอกว่าให้ทิปเรามันคือของเรา แต่ถ้าเขาใส่ไว้ในถาดหรือวางบนโต๊ะอันนั้นก็จะเป็นทิปรวม ไปตกลงกับป้าว่าบางทีที่เขาให้ทิปไม่ใช่เพราะอาหาร เขาเห็นว่าหนูเป็นเด็ก ถ้าป้าปฏิเสธทุกอย่างก็เทไปเลยวันที่ลูกค้าเยอะ ๆ ลาออกวันนั้นเลย ถ้าหนูบริการดีไปอยู่ร้านไหนก็มีคนให้ทิปแน่นอน’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ทำไมตอนเรียนในมหาลัย กับ ชีวิตทำงานจริงๆ ถึงไม่เหมือนที่หนูคิดไว้เลย ตอนอยู่มหาลัยหนูทำกิจกรรม สนุกกับการใช้ชีวิตมาก แต่พอจบใหม่ มาทำงานจริงๆ ทำงานสายวิชาการ สภาพแวดล้อมก็เจอแต่ผู้ใหญ่อายุเยอะๆ งานก็เครียด บรรยากาศเหมือนต้องทนทำงานเฉยๆ

06 ต.ค. 2025

ทำไมตอนเรียนในมหาลัย กับ ชีวิตทำงานจริงๆ ถึงไม่เหมือนที่หนูคิดไว้เลย ตอนอยู่มหาลัยหนูทำกิจกรรม สนุกกับการใช้ชีวิตมาก แต่พอจบใหม่ มาทำงานจริงๆ ทำงานสายวิชาการ สภาพแวดล้อมก็เจอแต่ผู้ใหญ่อายุเยอะๆ งานก็เครียด บรรยากาศเหมือนต้องทนทำงานเฉยๆ

ทำไมตอนเรียนในมหาลัย กับ ชีวิตทำงานจริงๆ ถึงไม่เหมือนที่หนูคิดไว้เลย ตอนอยู่มหาลัยหนูทำกิจกรรมสนุกกับการใช้ชีวิตมาก แต่พอจบใหม่ มาทำงานจริงๆ ทำงานสายวิชาการ สภาพแวดล้อมก็เจอแต่ผู้ใหญ่อายุเยอะๆงานก็เครียด บรรยากาศเหมือนต้องทนทำงานเฉยๆ หนูจะปรับมายเซ็ตตัวเองยังไงดีคะ?ใครที่เป็น First Jobber แบบหนู แล้วเจอปัญหานี้... มาเล่าให้ฟังทีค่ะ ขอบคุณนะคะ “คุณฟ้า (นามสมมติ)” อายุ 23 สายที่ 2 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [1 ต.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาการทำงานในมุมของ First Jobber ที่เทียบกับตอนเรียนแล้วแทบจะไม่เหมือนกันเลย โดย “คุณฟ้า (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูพึ่งเรียนจบ แล้วมีความเครียดว่าทำไมชีวิตทำงานกับชีวิตวัยเรียนมันต่างกันขนาดนี้ เข้าใจว่ามันต้องต่างเพราะชีวิตมันต้องจริงจังมากขึ้น แต่เรามีความรู้สึกว่าเราเครียดแล้วก็แพนิก จนกระทบกับสุขภาพ เวลาเครียดแล้วปวดท้อง คือหนูพึ่งเรียนจบเมื่อปีที่แล้ว ได้งานมาเรื่อย ๆ ย้ายงานบ้างเพราะมีปัญหาเรื่องการเดินทาง เรื่องสังคมด้วย เรื่องการเดินทางไม่เท่าไหร่ แต่เรื่องสังคม มันทำให้เราเครียด ลดทอนความเป็นตัวเองไป ตอนฝึกงาน หนูฝึกสายที่ไม่ชอบ แต่คิดในแง่ดีว่าเราจะได้รู้ว่าเราไม่ชอบอะไร จะได้ไปต่อถูก พอจบมาระหว่างที่เรียนและหางาน หนูได้ทำงานพิเศษบ้าง แต่ก็ไม่ได้มีไฟจะเลือกบริษัทที่เราอยากทำงาน รู้สึกว่าถ้าทำในสายที่เราทำตอนฝึกงาน มันยังไม่ใช่ตัวเอง แล้วก็เครียดมาก พอมาเจอที่นึงสังคมดีมาก ทุกอย่างดี แต่ด้วยความที่หนูต้องทำงาน 6 วัน บางทีก็ 7 วัน เพราะระบบยังไม่คงที่เท่าไหร่ อีกอย่างไกลบ้านมาก ๆ ถ้าหนูเอารถที่บ้านไปใช้ ที่บ้านก็จะไม่มีรถใช้ เดินทางลำบากด้วย สุดท้ายหนูก็ได้ที่ทำงานใหม่ ส่วนงานที่ 2 กับงานที่ 3 เป็นงานปัจจุบัน ลักษณะงานมันคล้ายกับตอนฝึกงานมากเลย แต่หนูก็คิดว่า ไม่เป็นไร อย่างน้อยเราทำ 5 วัน เป็นการฝึกตัวเองด้วย ปรับตัวเอา ปรากฎว่าเราทำงานกับคนที่อายุเยอะ เป็นคนพูดจาเสียงดัง ไม่สอนงาน บ่น ซึ่งงานมันเป็นเรื่องวิชาการที่ละเอียดอ่อน ต้องรอบคอบมาก ๆ มีความกดดัน งานก็ไม่เป็นเวลา จนเราเกิดความเครียด แพนิก ไม่มั่นใจในตัวเอง ไมเกรนขึ้น ปวดท้อง เลยจะถามว่า หนูควรจะทำยังไงดี? ไปทำงานอื่นดีไหม หรือว่าจะทนทำสายเดิม แล้วพี่ ๆ เคยประสบปัญหาเหมือนหนูไหม พี่ ๆ จัดการกันยังไงคะ’ ทางด้าน “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ฟังตอนแรกรู้สึกว่ามันหนัก ดูมีผลกระทบต่อชีวิตฟ้าค่อนข้างรุนแรง แต่ถ้าจัดกรุ๊ปให้ดี มันมีแพทเทิร์นบางอย่างอยู่ คือ 2 งานหลังมันประเภทเดียวกันกับตอนฝึกงาน แล้วฟ้าท็อกซิกหมดเลย เพราะฉะนั้นถ้าเราจัดกรุ๊ปให้ดี ฟ้าจะรู้อย่างชัดเจนเลยว่าฟ้าอาจจะไม่เหมาะกับสายวิชาการ แต่งานที่ 1 ถ้าไม่นับเรื่องไกลบ้าน เราทำแล้วมีความสุข ภูมิใจในตัวเอง เรารู้สึกว่าเราทำมันได้ดี เราแค่เจองานที่มันไกลบ้าน เพราะฉะนั้นพี่เชื่อเหลือเกินว่าจะมีงานในรูปแบบนี้ แต่เป็นบริษัทอื่น หรือใกล้เคียง ที่ทำให้ฟ้ายังได้ใช้สกิลวิทยาศาสตร์อยู่ โดยที่ไม่ต้องเดินทางไกลบ้าน ลองดูใต้โต๊ะทำงาน แล้วก็เข้าสปอนของรายการนั้นก็ได้เป็น Application หางาน มีแน่นอนสายเบจวิทยาศาสตร์ที่หนูทำงาน เพราะฉะนั้นอย่าพึ่งคิดว่าฉันจะไม่มีทางไป มันมีทางหนึ่งอยู่ที่ฟ้าเคยไปแล้วมันดีด้วย แต่แค่ว่าเราเจอปัญหาหนึ่งอยู่ แต่เรารู้แล้วแหละว่าเรามีความสุข ลองค้นหาทางนั้นเพิ่ม’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘จากที่พี่ฟังนะ หนูจะไม่ใช่คนที่มีปัญหาเรื่องการหางานหรอก เพราะหนูเป็นคนเก่ง มีความพยายามด้วย แค่ตอนนี้ยังไม่ลงตัว ซึ่งมันต้องใช้เวลา อย่างที่พี่เผือกบอกว่ามันชัดเจนว่าเราอาจจะไม่เหมาะกับงานวิชาการ ถ้าเทียบกับงานแรกเรามีความสุขกว่า แค่เราเจองานที่ไกลบ้าน ซึ่งก็ไม่ได้มีงานลักษณะนี้แค่บริษัทเดียวหนิ สำหรับพี่ เราทำงานเพื่อให้ชีวิตเราดีขึ้นนะ การทำงานแล้วสุขภาพเราแย่ลง ก็คือชีวิตเราแย่ลงนะ ซึ่งพี่จะไม่เลือกแบบนั้น สุดท้ายจะฝากไว้ว่าชีวิตทำงานมันไม่ได้สนุกเหมือนตอนวัยเรียนนั่นแหละ อันนี้ต้องทำใจ นี่แหละโลกความเป็นจริง’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ไม่เคยเสียดายในสิ่งตัวเองเรียนมาเลย ส่วนงานที่พี่เลือกทำ พี่เลือกทำในสิ่งที่พี่ชอบ แล้วมันก็ทำให้พี่มีความสุขกับการทำงานมาก ๆ สำหรับฟ้า พี่คิดว่าการทำงานมันควรจะมีความสุข แต่พอฟ้ามีเรื่องเงินเข้ามา ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่สำคัญ งานนี้ที่ทำมันยังออกไม่ได้หรอก ตราบใดที่ยังไม่มีงานใหม่ แต่ถ้าได้งานใหม่ที่เรารู้สึกว่าตรงกับความสุขตัวเอง ไม่ต้องไปเสียดายเลยที่เรียนมา 4 ปีอะ เอาความสุขเป็นที่ตั้ง เราใช้ชีวิตไปเรื่อย ๆ หาไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวมันก็เจอ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

สิ้นปีตั๋วกลับใต้แพงมาก เดินทางวิธีไหนก็ลำบาก แต่ประเด็นคือ รักแรกที่เราเคยแอบชอบมา 5 ปี ทักชวนเรากลับบ้านด้วยกันไหม ใจนึงก็อยาก แต่อีกใจนึงก็กลัวใจตัวเองจะหวั่นไหว เพราะเราทั้งคู่ต่างก็มีแฟนกันอยู่แล้ว ถ้าเป็นทุกคน จะตัดสินใจยังไงกันคะ ??

16 ธ.ค. 2024

สิ้นปีตั๋วกลับใต้แพงมาก เดินทางวิธีไหนก็ลำบาก แต่ประเด็นคือ รักแรกที่เราเคยแอบชอบมา 5 ปี ทักชวนเรากลับบ้านด้วยกันไหม ใจนึงก็อยาก แต่อีกใจนึงก็กลัวใจตัวเองจะหวั่นไหว เพราะเราทั้งคู่ต่างก็มีแฟนกันอยู่แล้ว ถ้าเป็นทุกคน จะตัดสินใจยังไงกันคะ ??

“คุณกุ๊บกิ๊บ (นามสมมติ)” อายุ 24 ปี สายที่สี่ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคือวันพุธที่ [11 ธ.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาปีใหม่นี้คนที่เราเคยแอบชอบ ทักมาชวนกลับบ้านด้วย โดย “คุณกุ๊บกิ๊บ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ปัญหาที่ตัวเองเจอคือ ‘เพื่อนที่เป็นรักแรกของหนูตอนม.2 ชวนกลับบ้านที่ต่างจังหวัดด้วยกัน’ แต่หนูไม่รู้ว่าต้องตัดสินใจไป หรือไม่ไปดี? เพราะว่าต่างคนก็ต่างมีแฟนกันอยู่แล้วทั้งคู่ ซึ่งตอนนี้หนูกับเขาอยู่โซนภาคกลางเหมือนกัน หนูอยู่กรุงเทพฯ แล้วเขาอยู่อีกจังหวัดนึง หนูกับเขาคุยกันผ่านแอปพลิเคชันนึง เขาก็บอกว่า ‘เอองั้นเธอก็กลับกับเราสิ’ ค่าเครื่องจะได้ไม่ต้องจ่ายเพราะช่วงปีใหม่มันแพง แล้วเราก็แบบใจฟูเนอะ ตั้งแต่ม.2 อ่ะ หนูชอบเขา แต่มันก็มีส่วนที่ตะขิดตะขวงใจอย่างนึงก็คือหนูก็มีแฟน เขาก็มีแฟน ถามว่าหนูอยากไปไหม? หนูก็อยากไปนะ หนูไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรกับหนูไหม แต่เขาก็บอกคิดถึงหนูอยู่นะ ‘ตอนเด็ก ๆ เราจีบกันเลยค่ะ’ คือหนูชอบเขาแล้วก็มีการกุ๊กกิ๊กกันอยู่ตลอด 5 ปี ตั้งแต่ ม.2 จนถึงปี 1 แต่มันเป็นอดีตนะ คำถามที่อยากจะถามพี่ดีเจคือ ‘ควรไปกับเขาดีไหม?’ คือเราอยากกลับบ้าน อยากเจอแม่ด้วย ทางด้านดีเจทั้ง 3 ท่าน “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” ให้ความคิดเห็นไปในทางเดียวกันว่า ‘ไปกับใครก็ได้ แต่ไปกับเขาไม่ได้’ ที่เหลือไปหาทางกลับเอาเอง เพราะมีแฟนกันแล้ว ถ้าสมัยก่อนยังกลับบ้านเองได้อันนี้ กุ๊บกิ๊บกำลังจะหาเหตุ กำลังหาข้ออ้างที่จะไปกับกิ๊กเก่า ซึ่งแฟนเรามีอยู่แฟนเขาก็มีอยู่ “คุณกุ๊บกิ๊บ (นามสมมติ)” ทิ้งท้ายต่อว่า มันก็จะมีอีกคำถามนึงตอนแรกหนูก็พยามยื้อว่า เราไม่อยากไปเรากลัวแฟนเราด้วย แล้วก็กลัวแฟนเขาเสียใจด้วย แล้วเหมือนเขาก็ตัดพ้อกลับมาว่า ‘อะไรอะ เราแค่ไปเราเป็นเพื่อนกันนะ’ หนูเลยบอกว่า เราก็เกรงใจแฟนเธอนะ เธอก็มีแฟนอยู่แล้วถ้าแฟนเสียใจขึ้นมาทำยังไง? เขาก็บอกว่าแฟนเราไม่ได้งี่เง้าขนาดนั้นหรอก ทาง ‘ดีเจเติ้ล’ เลยให้คำปรึกมาว่าเนี่ยมันดูเหมือนอ่อยอ่ะ เหมือนอ่อยให้ไปเจอกันอ่ะ สุดท้ายนี้ทั้งสามดีเจ ได้ให้คำปรึกษาต่อว่า ‘ใจเราไม่บริสุทธ์ไปแล้ว เราคิดไปแล้ว ‘คนบางคนก็ไม่เหมาะเป็นเพื่อน’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ตอนนี้หนูต้องเลือกระหว่าง “ผู้ชาย” กับ “เพื่อนสนิท” หนูคุยกับผู้ชายคนนึงมา ตอนนี้กำลังคลั่งรักเขามาก เข้ากันได้ดีทุกอย่าง พอไปเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนกลับบอกว่า “ไม่โอเค ถ้าเราจะคบกับคนนี้” เพราะคนนี้เป็นคนคุยเก่าของเขามาก่อน

01 ส.ค. 2025

ตอนนี้หนูต้องเลือกระหว่าง “ผู้ชาย” กับ “เพื่อนสนิท” หนูคุยกับผู้ชายคนนึงมา ตอนนี้กำลังคลั่งรักเขามาก เข้ากันได้ดีทุกอย่าง พอไปเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนกลับบอกว่า “ไม่โอเค ถ้าเราจะคบกับคนนี้” เพราะคนนี้เป็นคนคุยเก่าของเขามาก่อน

ตอนนี้หนูต้องเลือกระหว่าง “ผู้ชาย” กับ “เพื่อนสนิท” หนูคุยกับผู้ชายคนนึงมาตอนนี้กำลังคลั่งรักเขามาก เข้ากันได้ดีทุกอย่าง พอไปเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนกลับบอกว่า“ไม่โอเค ถ้าเราจะคบกับคนนี้” เพราะคนนี้เป็นคนคุยเก่าของเขามาก่อนอย่าพามาเจอหน้าเพราะจะทำตัวไม่ถูก หนูจะทำยังไงดี ทั้งๆที่เพื่อนหนูก็มีสามีมีลูกแล้วด้วยถ้าเป็นทุกคน จะเลือกอะไรกันคะ ?? “คุณขนม (นามสมมติ)” อายุ 29 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [30 ก.ค 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาที่พึ่งรู้ว่าคนที่คุยอยู่ตอนนี้ เป็นคนคุยเก่าของเพื่อนสนิท แล้วต้องเลือกใครคนใดคนหนึ่ง โดย “คุณขนม (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ผู้ชายคนนี้คุยกับหนูมาก่อนอยู่แล้ว ตั้งแต่เมื่อปี 54 แต่ช่วงนั้นเป็นช่วงที่หนูมีแฟนจึงไม่ได้คุยกันต่อ จนหนูมาเข้าสู่ช่วงอายุ 29 ปี เขาทักมาคุยกับหนู เลยได้คุยกันไปประมาณเดือนกว่า ๆ และตอนนี้เรารู้สึกดีกับเขามาก ๆ แล้ว แต่พึ่งมารู้ทีหลังว่าเขาเคยเป็นคนคุยเก่าของเพื่อนสนิทเรา เพื่อนคนนี้เราสนิทมาตั้งแต่มัธยม ปัจจุบันเพื่อนมีลูกและสามีแล้ว ซึ่งเพื่อนเป็นคนที่เชิงว่าเป็นศูนย์กลางประจำกลุ่ม โดยทั้งกลุ่มจะมี 6 คน และปกติเวลาเพื่อนจะนัดเจอกัน เพื่อนจะนัดเจอกันบ่อยมากกว่าหนู หนูไม่ค่อยได้เข้าไปเจอสักเท่าไหร่ ช่วงหลัง ๆ มานี้เป็นช่วงที่เราโสด แล้วเราไม่รู้จะคุยกับใครเลยคุยกับเพื่อนคนนี้บ่อย ๆ และเหตุผลที่เพื่อนรู้เรื่องนี้เพราะว่าเวลาเรามีอะไร เรามักจะปรึกษากับเพื่อนตลอด เพื่อนจึงรู้จากตรงนี้และไม่โอเคที่เราจะไปคุยต่อจากเขา เกริ่นก่อนว่าผู้ชายคนนี้เขาเคยคุยกับเพื่อนหนูมาตั้งแต่ปี 65 คุยกันในเชิงจีบกันปกติ มีวิดีโอคอลกันส่วนใหญ่ แต่ถ้าเจอกันจะเคยเจอกันแค่ครั้งเดียว ซึ่งเรื่องใครเป็นคนเทใครก่อนอันนี้หนูไม่แน่ใจ เพราะว่าทั้งสองคนเล่ามาไม่เหมือนกัน หนูเคยลองพยายามถามทั้งสองฝ่ายแล้ว แต่เหมือนเขาก็ยังกั๊ก ๆ อะไรสักอย่างไว้อยู่ ซึ่งคนที่หนูคุยอยู่เขาบอกว่าเขาเป็นคนหยุดคุยเองเพราะว่าคุยแล้วไม่คลิกกัน โดยเขาบอกมาประมาณว่า “คุยแล้วไม่คลิกกัน ไม่โอเค ก็แค่แยกย้ายแค่นั้น” ส่วนเพื่อนเราบอกว่าตัวเองเป็นคนเทเขา โดยให้เหตุผลว่าเขาเป็นคนมีความคิดที่แปลกประหลาด คุยเยอะมาก คุยไปทั่ว แต่จากที่หนูคุยกับเขามันไม่ใช่แบบที่เพื่อนบอก สำหรับหนู หนูคุยกับเขาแล้วรู้สึกดี เขาเป็นคนปากหวานด้วย จึงไม่กล้าฟันธงอะไรมาก และเหตุผลที่เพื่อนอยากให้เราหยุดคุยกับผู้ชายเพราะว่าเขาเป็นคนคุยเก่าเพื่อน เพื่อนกลัวตัวเองจะมองหน้าเขาไม่ติด จริง ๆ ตัวหนูเองเคยเชิง ๆ พูดไปกับเพื่อนแล้วว่าเราเคยคุยกับเขาไปตอนปี 54 ก่อนที่เขาจะมาคุยกับแก แต่เพื่อนก็ไม่ได้ฟังอะไร จะแทรกเรื่องตัวเองมาเป็นส่วนใหญ่ อีกทั้งเพื่อนยังเคยเชิงพูดอ้อม ๆ มาอีกประมาณว่า “ถ้ามึงจะคุยต่อก็คุยได้นะ แต่กูไม่โอเค” ถ้าถามว่าถ้าหนูเลือกผู้ชาย แล้วไม่เลือกเพื่อน หนูจะโอเคไหม เอาจริง ๆ หนูรู้สึกครึ่ง ๆ เพราะว่าหนูรู้สึกเสียดายที่ยังไม่ได้เรียนรู้อะไรด้วยตัวเองเลย แต่อีกใจนึงคือถ้าสมมติหนูเลือกเขา แล้ววันใดวันหนึ่งมันดันเข้ากันไม่ได้แล้วเราเลือกเขาไปแล้ว เราจะเสียทั้งเพื่อนเสียทั้งผู้ชายเลย ซึ่งคำถามที่อยากจะปรึกษาดีเจทั้งสามคนมีทั้งหมด 2 เรื่องคือ หนูแค่อยากรู้ว่าในความคิดหนูตอนนี้มันแปลกหรือเปล่า? ที่มองว่าตอนนี้มันเป็นแค่คนคุย แต่เพื่อนในกลุ่มหนูทุกคนมองว่ามันเป็นเรื่องผิดปกติและไม่สมควรที่จะคุยต่อจากเพื่อน ส่วนคำถามที่สองคือ หนูอยากถามว่าหนูควรจะไปต่อกับความสัมพันธ์นี้อย่างไรดี?’ เริ่มต้นที่ “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘แปลกหรือเปล่า เพื่อนหนูสิแปลก กลุ่มนี้ควรหยุดตัวเป็นแกนของโลกได้แล้ว ไม่มีเหตุผลที่แกจะมากั๊กของที่แกไม่เคยกิน แกไม่มีสิทธิ์ห้ามคนอื่นกิน เห็นแก่ตัวแบบนี้ไม่เรียกว่าเพื่อน เลิกคบได้ไม่ติด ส่วนข้อสองถ้าไม่อยากเสียทั้งเพื่อนเสียทั้งผู้ชายให้แอบคบ อย่าให้มันรู้และถ้าเกิดมันไปไม่รอดก็กลับมาหาเพื่อน แต่เพื่อนกลุ่มนี้ไม่โอเคเท่าไหร่ เอาแต่ใจตัวเอง ไม่มีความเมตตาในจิตใจสักนิดเลย’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาต่อว่า ‘ไม่แปลกที่จะคบกับคน ๆ นี้ พี่ว่าเพื่อนหนูมีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ แต่ถ้าอยากจะให้มันเคลียร์พี่แนะนำว่าถ้าหนูแคร์ฝั่งเพื่อนด้วยให้บอกเพื่อนไปตรง ๆ ว่าเราจะคบ แต่ก่อนจะบอก หนูควรตัดสินใจถามเพื่อนไปตรง ๆ ก่อนเลยว่ามีอะไรที่เรายังไม่รู้อีกไหม แต่คือถ้าเพื่อนให้เหตุผลแค่นี้ พี่รู้สึกว่ามันยังไม่พอ ต้องดูที่เหตุผล ส่วนจะไปต่อกับความสัมพันธ์นี้ยังไงดี พี่ว่าถ้าขนมจะเอาทั้งซ้ายทั้งขวาให้ได้ดั่งใจเลย พี่ว่ามันยากในสถานการณ์นี้ ต้องลองเสี่ยงเพราะพี่รู้สึกว่ายังไงก็ตามมันไม่มีหลักประกันอยู่แล้วว่าคบผู้ชายคนนี้ไปแล้วมันจะเวิร์คหรือไม่เวิร์ค แต่ไม่อยากให้เอาเรื่องมีมาเป็นปัจจัยหลักใหญ่ที่จะไม่คบเขา ถ้าเพื่อนจะโกรธก็สิทธิ์ของเพื่อน แต่เราก็มีสิทธิ์ของเราเหมือนกันที่จะทำแบบนี้ พี่ว่าสิ่งที่หนูทำไม่ใช่สิ่งที่ทำลายความเป็นเพื่อนกัน’ สุดท้าย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาเพิ่มเติมว่า ‘ผมว่าไม่แปลกหรอก ผมมองว่าขนมก็ไม่แปลกและอีกฝั่งก็ไม่แปลกเหมือนกัน มันมีคนที่ไม่ได้ใช้ตรรกะเหมือนกับคนอื่นในการดำเนินชีวิต ผมได้เรียนรู้มาในอีกรายการหนึ่งว่าสมองคนเรามันสั่งการทุกอย่างอยู่นะ คนเรามีวิธีการดำเนินชีวิตที่ตามแต่ที่สมองมันบอก เข้าใจได้ในความเป็นแก๊งผู้หญิงแบบดาวเจ็ดแฉก เมย์ไหนไฟแรงส์เวอร์ สมมติมีคนนึงที่เป็นตัวตั้งตัวตีแล้วเจอกับอีก 6 คนแบบสม่ำเสมอ สารพัดเหตุผลที่จะบอกว่าทำไมถึงไม่โอเค ทั้ง ๆ ที่เรามองไปเราอาจจะโอเค มันสามารถเกิดขึ้นได้ในแก๊งแบบนี้ที่มันถูกกล่อมอยู่ และกับคนนั้นที่จะหวงก้างโดยไม่ได้ใช้เหตุผล ซึ่งสมมติว่าข้อมูลที่เราฟังในวันนี้มันมีแค่นี้จริง ๆ เจอกันครั้งเดียว คุยกันอยู่ช่วงนึง สุดท้ายไม่โอเค แค่คน ๆ นึงที่ไม่โอเคแบบไม่มีเหตุผลมันก็เกิดขึ้นได้นะขนม บางทีแล้วการที่เราจะคบกับอดีตของคนในกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นอดีตในขั้นไหน เราจะต้องยอมรับว่ามันมีโอกาสที่จะผิดใจกัน มันอาจจะมีบางคนที่ก็นี่ไม่มีเหตุผลอะ แต่นี่ไม่ชอบไม่อยากเจอคนนี้ นี่เคยคุยแล้ว ทำไมแกต้องคุยซ้ำด้วย มันเป็นสิ่งที่เราต้องยอมรับว่ามันสามารถเกิดขึ้นได้ ทีนี้ทำไงต่อ พี่เห็นด้วยกับดีเจเติ้ลคือ การที่ถ้าเรายืนยันจะคบกับผู้ชายได้ไหม ได้ หรือถ้าเราจะไม่คบเพื่อเพื่อนได้ไหม ได้เหมือนกัน แต่ว่าเราควรได้เหตุผลที่มากกว่านี้ ถ้าเราจะทำอะไรเพื่อเพื่อนกลุ่มนี้นะ คนที่ไม่โอเคควรจะบอกเหตุผลที่แท้จริงว่า “ทำไมหรืออะไรที่ทำให้มองหน้ากันไม่ติด?” หรือแค่แกไม่อยากให้เราคุยกับคนซ้ำกับแกแค่นี้ โดยที่ไม่ได้มีเหตุว่าไม่ได้เลิกกันไม่ดี ไม่ได้ไปแอบด่ากันลับหลังหลังจากเลิกกันหรือไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น เราจะได้เข้าใจว่าอ๋อมันมีเหตุผลแค่นี้ อยู่ที่ว่าขนมจะแคร์คนนี้มากพอไหมที่จะคบหากันต่อ มันเกิดขึ้นได้ บางครั้งคนเราแบบเออนี่ไม่คบให้ก็ได้ เพราะนี่รักเพื่อนนะ แต่แกต้องบอกนะว่าทั้งหมดเกิดอะไรขึ้น และมันก็มีคนที่บอกว่า นี่จะคบนะ นี่ต้องรู้อะไรอีกไหม มันไปได้หมดทุกทางเลยขนม ควรที่จะคุยกันและหลังจากนั้นขนมช่างใจเลย ถ้าผู้ชายคนนี้ดูมีความเป็นไปได้ เราคุยศึกษากันสักพัก ช่วงแรกอาจจะเก็บเป็นความลับก่อนก็ได้ จนเวลามันผ่านไปแล้วรู้สึกว่าคนนี้ใช้ได้ เขาดีพอที่เราจะมั่นใจเขาได้ และมันก็คงมีเหตุการณ์ที่เราคงพาไปเจอเพื่อนไม่ได้บ่อยหรือไม่ต้องพาไปเจอก็ได้ เราก็มีชีวิตของเรา สุดท้ายเวลาผ่านไปมันจะเยียวยาเรื่องพวกนี้เอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1