หนูทำงานมา 5 อาชีพ ทุกที่ประเมินไม่ให้ไม่ผ่านงานเลย จนตอนนี้กลายเป็นเด็กจบใหม่ ที่รู้สึกหมดกำลังใจในการมองหางาน จะสร้างความมั่นใจยังไงให้ตัวเองดีคะ? ตอนนี้มันรู้สึกเฟลไปหมดเลย

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

หนูทำงานมา 5 อาชีพ ทุกที่ประเมินไม่ให้ไม่ผ่านงานเลย จนตอนนี้กลายเป็นเด็กจบใหม่ ที่รู้สึกหมดกำลังใจในการมองหางาน จะสร้างความมั่นใจยังไงให้ตัวเองดีคะ? ตอนนี้มันรู้สึกเฟลไปหมดเลย

07 ก.พ. 2025

            “คุณปอ (นามสมมติ)” อายุ 22 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [5 ก.พ. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาการทำงาน เปลี่ยนมาหลายที่แต่สุดท้ายก็โดนประเมินไม่ผ่าน

            โดย “คุณปอ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูเพิ่งจบจากมหาวิทยาลัยย่านบางเขน และกำลังหางานประจำอยู่ หนูลองสมัครงานหลายประเภท ทั้งพาร์ทไทม์ ผู้ช่วยครู และงานราชการ แต่ไม่ว่างานไหนก็รู้สึกว่าไม่ใช่สิ่งที่ชอบ พอทำไปสักพักก็ไม่แฮปปี้ ต้องลาออกเอง หรือบางครั้งก็ไม่ผ่านการประเมินงาน ตอนนี้หนูว่างงานได้ประมาณ 1 สัปดาห์แล้ว ผ่านงานมา 5 - 6 ที่ แต่ก็ยังไม่เจองานที่ใช่ ก่อนหน้านี้ เคยทำงานเลขามา 5 เดือน แต่ล่าสุดทำงานธุรการโรงเรียนได้ 1 สัปดาห์ก็ถูกประเมินว่าไม่ผ่านการฝึกงาน เขาได้ให้เหตุผลที่ว่า หนูติดโทรศัพท์ ยังทำงานเอกสารไม่คล่อง และช่วยงานองค์กรได้น้อย และหนูเคยลาออกจากงานเลขา เพราะบริษัทกำลังจะ Lay off พนักงาน หนูเลยลาออกเอง แต่ในงานผู้ช่วยครูและธุรการ หนูโดนประเมินว่าไม่ผ่าน ตอนทำงานเป็นผู้ช่วยครูที่โรงเรียนเด็กเล็ก หนูโดนตำหนิว่าเข้ากับเด็กได้ยาก และผู้ปกครองให้ฟีดแบคว่าหนูดูหน้าตึง ทำให้เด็กกลัว หนูรู้ตัวว่าไม่ค่อยเหมาะกับงานนี้ แต่ก็สมัครเพราะอยากลองพัฒนาตัวเอง จนสุดท้ายก็รู้ว่ามันไม่ใช่

            นอกจากนี้ เคยทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านชา แต่ทำได้เพียงวันเดียวก็ถูกประเมินว่าไม่ผ่าน เพราะทำงานช้า ไม่ทันลูกค้า ทางร้านจึงให้หยุดทำต่อ หนูเป็นคนที่ค่อนข้างเฉื่อย ทำงานช้า ซึ่งกลายเป็นอุปสรรคในการทำงานและการสมัครงานครั้งต่อ ๆ ไป หนูเลยอยากขอคำปรึกษาจากพี่ๆดีเจว่า สามารถแนะนำงานที่เหมาะกับหนูได้หรือเปล่า? เพราะตอนนี้หนูยังว่างงานอยู่ และไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดี รวมถึงจะมีวิธีแก้ไขนิสัยส่วนตัวของหนูได้บ้างไหมคะ?

            เริ่มที่ “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘ลองเสพคอนเทนต์ที่ต้องใช้พลังงานเยอะ ๆ ดูว่าคนเหล่านั้นมีเอนเนอจี้ในการใช้ชีวิตยังไง หรือฟังไลฟ์โค้ช พอดแคสต์ หรือเสิร์ชหาวิธีเพิ่มเอนเนอจี้ให้ตัวเอง พี่เชื่อว่าถ้าปอได้เจองานที่ตัวเองชอบจริง ๆ ปออาจจะรู้สึกสนุกและอยากไปทำงานเองโดยไม่ต้องฝืน’

            ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘ตอนนี้ปอยังไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่บีบคั้นให้ต้องดิ้นรน แต่ถ้าปอไม่ปรับตัว สุดท้ายจะไม่มีทางได้งาน และจะโดนประเมินไม่ผ่านแบบนี้ไปเรื่อย ๆ แล้ววันหนึ่งจะไม่มีกิน ปอลองคิดดูว่าตอนนี้เศรษฐกิจเป็นยังไง คนโดน Lay off ไปเยอะขนาดไหน เด็กจบใหม่มีมากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเรายังมีเอนเนอจี้แบบนี้ก็ไม่มีทางรอด ไม่มีใครมาบังคับปอได้ นอกจากตัวปอเองที่ต้องหาทางทำให้รอดให้ได้’

            สุดท้าย “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘ข้อเสียของปอเป็นข้อเสียที่ทำให้หางานยากมาก ถ้ายอมรับว่าตัวเองเฉื่อย การเป็นลูกน้องก็ลำบาก ออกมาทำธุรกิจเองก็ไม่รอดเหมือนกัน สิ่งเดียวที่ช่วยได้คือต้องหางานที่สนุกและรักมันจริง ๆ เพื่อให้ตัวเองมีแรงฮึด หรือถ้ายังไม่เจอ ก็อย่ายอมแพ้ หาไปเรื่อย ๆ เพราะนี่เป็นแค่ก้าวแรก หางานแรก ๆ อาจยังไม่ใช่สิ่งที่ชอบ แต่อย่างน้อยก็จะได้รู้ว่าอะไรไม่ใช่ แล้วใช้เป็นแนวทางหาสิ่งที่เหมาะกับตัวเองต่อไป’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

คบแฟนได้ 6 เดือน แฟนบอกว่ามี FWB กับผู้หญิงอีกคน ตอนแรกคิดว่าพูดเล่น หลังๆเริ่มชวนไปกินข้าวกัน 3 คน แฟนหนูสั่งน้ำโปรดให้เขา ตักข้าวให้เขา จนหนูรู้สึกว่า "เรายังเป็นแฟนอยู่ไหม" พีคสุด เจอแชทเขาคุยเสียวกัน

10 พ.ค. 2024

คบแฟนได้ 6 เดือน แฟนบอกว่ามี FWB กับผู้หญิงอีกคน ตอนแรกคิดว่าพูดเล่น หลังๆเริ่มชวนไปกินข้าวกัน 3 คน แฟนหนูสั่งน้ำโปรดให้เขา ตักข้าวให้เขา จนหนูรู้สึกว่า "เรายังเป็นแฟนอยู่ไหม" พีคสุด เจอแชทเขาคุยเสียวกัน

คบแฟนได้ 6 เดือน แฟนบอกว่ามี FWB กับผู้หญิงอีกคน ตอนแรกคิดว่าพูดเล่นหลังๆเริ่มชวนไปกินข้าวกัน 3 คน แฟนหนูสั่งน้ำโปรดให้เขา ตักข้าวให้เขาจนหนูรู้สึกว่า "เรายังเป็นแฟนอยู่ไหม" พีคสุด เจอแชทเขาคุยเสียวกันตอนนี้เขาบอกไม่ได้ยุ่งกันแล้ว หนูควรเชื่อและคบแฟนต่อดีไหม? “คุณมน (นามสมมติ)” อายุ 32 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [8 พ.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหารักของเราสามคน เพราะแฟนของคุณมนแอบมี FWB ลับหลัง โดย ​“คุณมน (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘มนมีแฟนอยู่คนหนึ่ง ซึ่งก่อนที่จะคบกัน คู่ของเราก็มีการพูดคุยดูใจกัน เหมือนคู่อื่น ๆ แต่ช่วงที่เรายังคุยกันอยู่ ทางฝ่ายชายก็ชอบเอ่ยปากว่า เขาอยากมีภรรยาสองคน แต่มนก็คิดว่าที่เขา พูดมันเป็นเรื่องขำ ๆ เพราะมนก็ถามเขาเกือบทุกครั้งว่า มันมีทางเป็นไปได้จริง ๆ หรอ ? เขาก็ตอบว่า ไม่มีอะไร เขาแค่ถามเล่น ๆ แค่ลองถามดู ซึ่งมนก็เป็นคนที่ไม่ได้คิดอะไรก็ลองคุยต่อไป ระยะเวลาก็ผ่านไป เราใช้เวลาคุยกัน 6 เดือน หลังจากนั้นก็เลยตัดสินใจคบกันดู ซึ่งตลอดระยะเวลาประมาณ 1 ปีที่คบกันมา มันเป็นความสัมพันธ์ที่ดีมาก เทคแคร์ ดูแล ใส่ใจกันมาตลอดทั้งเขาทั้งเรา แต่อยู่มาวันหนึ่ง เขาก็อยากพามนไปทานข้าวกับ “บี (นามสมมติ)” มนก็ถามเขาว่า บีเป็นใคร ? เขาก็เล่าให้ฟังว่า บีเป็น FWB กับเขามาก่อน เป็นแบบนี้มานานแล้ว และปัจจุบันนี้ ก็ยังเป็นอยู่ ซึ่งมนคิดว่า เขาคงอยากให้ความคิดของเขามันเป็นจริงมั้งคะ ความคิดที่ว่า… เขาอยากมีภรรยาสองคน ความพีคก็ คือ มนก็ตอบ ตกลง ยอมที่จะไปทานข้าวกับพวกเขา ซึ่งเป็นตัวของมนเองที่ปล่อยเลยตามเลย เพราะตอนนั้นมนแค่รู้สึกว่า ยังเลิกกับเขาไม่ได้ และ ยังรักเขาอยู่ และมนก็คิดว่า บนโลกใบนี้ ยังมีความสัมพันธ์อีกมากมายที่เรายังไม่รู้จัก ก็เลยอยากจะลองเปิดใจดูว่า มันอาจจะดีหรือว่ามันอาจจะเป็นไปได้หรือไม่ได้ อยากลองดูสักตั้งให้มันรู้ ดีกว่าปฏิเสธตั้งแต่ต้น หลังจากตกลงไปทานข้าวด้วยกัน มนก็ถามแฟนว่า ให้เราไปรับไหม ? เพื่อที่เราจะได้ไปร้านด้วยกัน เขาก็บอกว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวเขาไปเอง แต่พอมนไปถึงที่ร้าน มนกลับเจอเขามากับบีก่อนแล้ว พอถึงเวลาทานอาหาร มนก็นั่งข้างแฟน ส่วนบีก็นั่งฝั่งตรงข้าม ต้องขอเกริ่นก่อนว่า มนเป็นคนที่ชอบดื่มโคล่า ซึ่งมนก็คิดว่า บีก็ชอบดื่มเหมือนกัน แต่พอเริ่มสั่งอาหาร แฟนของมนกลับสั่งน้ำเปล่าให้มน แต่สั่งโคล่าให้บี มนก็เริ่มมีอารมณ์นิดหน่อยที่แฟนจำของเราไม่ได้ แต่กลับจำของบีได้ แต่มนก็ยังเดินอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์อยู่ คิดว่า เขาคงรู้จักกันมานาน ระหว่างที่ทานข้าวแฟนของมนก็ตักข้าวให้ทั้งตัวเราและบี สลับวนอยู่แบบนี้ตลอด ส่วนบทสนทนาบนโต๊ะอาหาร ส่วนใหญ่จะพูดถึงการทำธุรกิจ เพราะมนกับแฟนวางแผนกันว่า จะเปิดบริษัทร่วมกัน โดยตามหลักของการเปิดบริษัทจะต้องมีผู้ถือหุ้นทั้งหมด 3 คน ซึ่งมนก็คิดว่า ฝ่ายชายน่าจะวางแผนไว้แล้ว ว่าอยากจะให้เป็นตัวเขาเอง มน และบี เรื่องผู้ถือหุ้นในความรู้สึกของมน มนเฉยมาก ไม่มีปัญหาอะไร แต่ว่ามนก็มีเรื่องที่รู้สึกน้อยใจ เพราะหลายอย่างที่แฟนมาขอความคิดเห็น เช่น รูปแบบโลโก้ หรือเรื่องภายในบริษัท แฟนกลับเลือกความคิดเห็นของบีมากกว่าของมน หลังจากนี้ เราก็เริ่มที่จะทะเลาะกัน เขาก็มีคำพูดที่ว่า จริง ๆ เราเลือกคนอื่นมาเป็นผู้ถือหุ้นก็ได้นะ ไม่จำเป็นที่ต้องเป็นเธอ และเธออย่าคิดว่า เรามาหลอกเธอ เพราะเธอจะไม่ถือหุ้นก็ได้ แต่เราต้องไม่เลิกกันนะ เรายังอยากมีเธออยู่ข้าง ๆ เรา ซึ่งการทำธุรกิจร่วมกันนี้ มนไม่มีการลงทุนลงเงิน เพราะมนรับผิดชอบด้านบัญชี ต้องลงแรง จึงไม่จำเป็นต้องลงเงิน ซึ่งมนไม่รู้ว่า เขาเข้าหามน เพราะทำบัญชีได้ เลยมาหลอกเอาผลประโยชน์ จากมนหรือเปล่า ? หลังจากที่กลับมาจากการรับประทานอาหารกัน มนก็มานั่งตกตะกอนความคิด ก่อนที่จะตัดสินใจคุยกับเขา อย่างเปิดใจว่า เรารู้สึกไม่โอเคกับความสัมพันธ์แบบนี้ เราไม่สามารถรับมือและไปต่อได้ เธอต้องเป็นคนเลือกแล้วว่า เธอจะอยู่กับเขา หรือเธอจะอยู่กับเรา ซึ่งถ้าเธอจะอยู่กับเรา เธอก็ไปเลิกกับเขามาให้ชัดเจน ไปหาหลักฐานหรืออะไรก็ตามมายืนยันให้ได้ว่า เธอได้เลิกกับเขาแล้วจริง ๆ หลังจากนั้น เขาก็ไปเคลียร์กันมา เขากลับมาบอกเราว่า เขาเลือกเรานะ แต่สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่า เราพลาด คือ เขาแคปแชทมาให้ดูว่า เขาได้บอกเลิกกับทางฝั่งนั้นแล้ว และเราก็เลือกที่จะไม่ทักถามฝ่ายหญิง เพราะโดยปกติเราก็ไม่เคยเช็คโทรศัพท์ของกันและกัน จากนั้นมนก็กลับมาเชื่อใจและให้โอกาสเขาอีกครั้ง จนกระทั่งเข้าปีที่ 2 แฟนของเราก็เริ่มพูดถึงชื่อของบีเยอะขึ้น อย่างเช่น นั่งดูหนังกันอยู่ เขาก็จะพูดแล้วว่า เรื่องนี้บีบอกว่าสนุกนะ หรือว่า ข้าวร้านนี้บีบอกว่าอร่อยนะ ซึ่งเราเป็นสายนิ่งเงียบอยู่แล้ว เวลาได้ยินชื่อก็ทำนิ่งไว้ แล้วก็ตามน้ำเขาไปว่า อ๋อ เหรอคะ พอเขาหลับเราก็แอบเช็คมือถือ เราได้แต่ภาวนาคิดว่า เขาคงคุยกันเรื่องงานที่บริษัท แต่ภายในแชทกลับกลายเป็นว่า เขาคุยไปในทาง 18+ มีการส่งรูปลับหากัน ไม่ได้มีเรื่องงานปนอยู่เลย ณ วันที่เราเห็น เราก็รู้สึกช็อคมาก เหมือนกลับว่าจะเป็นลม ในคืนนั้นมนก็เก็บเสื้อผ้าออกไปนอนอยู่ที่โรงแรม 2-3 วัน และใช้เวลาอยู่กับตัวเอง แต่ก็ยังต้องไปทำงานอยู่ ความรู้สึกคือตีกันหนักหน่วงมาก พอได้สติเราเลยเลือกที่จะกลับไปคุย และถามเขาว่า มันเกิดอะไรขึ้น ? ซึ่งเหตุการณ์ตอนนั้นมันกลายเป็นสงครามแล้ว มนทะเลาะกับเขา และบีด้วย ฝ่ายชายก็บอกว่า มันไม่มีอะไร มันเป็นเพียงข้อความที่คุยกันเท่านั้น เขาไม่ได้ไปมีสัมพันธ์อะไรกันเลยตั้งแต่ตอนนั้น มันจบกันนานแล้ว เธอก็เห็นว่า เราก็อยู่ด้วยกันทุกวัน คุยจบมนก็เลือกที่จะทักหาบีต่อว่า ทำไมถึงคุยกันแบบนี้ คือถ้าผู้หญิงบอกว่าผู้ชายมาหลอกเขา เราจะได้ด่าผู้ชายคนเดียวให้จบ แต่ผลสรุปแล้ว บีก็รู้เรื่องทั้งหมดอยู่แล้ว บอกมนว่า ขอโทษที่พิมพ์ไปแบบนั้น ก็คนมันเคยคุยกันแบบนี้ แต่จะไม่คุยกันแบบนั้นอีกแล้ว แล้วก็ขอโทษเรา ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ มนก็ยังคบกับแฟนมาจนถึงปัจจุบัน ส่วนเหตุผลที่มนไม่เลิก แม้ว่าจะเจอเหตุการณ์อะไรสารพัด เป็นเพราะฝ่ายชายเคยพูดว่า เราอยู่ด้วยกันมา เขาเทคแคร์ ดูแลเราดีมากเลยในสถานะของแฟน ซึ่งตรงนี้มนก็ไม่เถียง เขาก็เลยถามเราว่า เขาทำผิดแค่นี้เอง ทำไมมนถึงไม่มองข้อดีของเขาบ้าง ? แต่มนกลับรู้สึกว่า ที่เราอยู่ด้วยกันตอนนี้ มันเป็นเพราะความผูกพัน ซึ่งมนไม่รู้ว่าจะเดินออกมาจากเขายังไง หรือจริง ๆ แล้ว มนยังรักเขาอยู่ ? ซึ่งมนอยากถามพี่ ๆ ดีเจว่า มนควรไปต่อหรือพอแค่นี้แบบ… เลิกกันไปเลย โดย “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้ามนรู้สึกไม่โอเคกับการที่เขายังมีบีอยู่ มนก็ได้คำตอบแล้วว่า มนต้องเดินออกมา แล้วถ้ามนคิดว่าปัญหานอกใจเป็นเรื่องใหญ่ มนก็ไม่ต้องคิดแล้ว เดินออกมาเลย ซึ่งถ้ามนคิดว่า ความผิดมันสามารถหักล้างกับความดีของเขาได้ มนแน่ใจใช่ไหมว่า มนจะทนไหวกับสถานการณ์ แบบนี้ได้ไปตลอดชีวิต สรุปแล้วพี่ว่า มนกำลังสับสนในตัวเอง คือมนไม่ได้อยากเลิก แต่สิ่งที่เกิดขึ้น มนก็ไม่สามารถรับได้ มนก็แค่รอวันที่มนทนไม่ไหว จนมนต้องเลิก สมมติว่าวันนี้มนจะซื้อบ้านหนึ่งหลัง เหนื่อยมากอยากจ่ายก้อนไปเลย แต่วันนี้มนเลือกที่จะจ่ายดอกเบี้ยไปก่อนเรื่อย ๆ จนกว่ามนจะหมดแรง แต่บ้านมันยังดีที่มันเป็นของเรา แต่นี่คือมนจ่ายโดยไม่รู้เลยว่า สุดท้ายแล้วจะเป็นของเราหรือเปล่า ? เพราะเขาเองก็พยายามสื่อและบอกมนมาตลอดว่า เขาต้องการมี 2 คน เขาพยายามบอกมนแล้วตั้งแต่วันแรก เราแค่ไม่ได้ฟังเสียงเขาเอง คือเอาจริงก็ฟัง แต่ไม่เอามาคิด ไม่ยอมรับว่า เขาเป็นคนแบบนี้ ซึ่งคนนี้เขาไม่ใช่คนซื่อสัตย์ เพราะถ้าเขาซื่อสัตย์ เขาจะไม่เอา FWB มารู้จักกัน เขาจะตัดตั้งแต่ตอนนั้น ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง คือตอนนั้นเขาเผื่อฟลุ๊ค เผื่อว่า มนจะยอม แต่สรุปมนไม่ยอม แทนที่เขาจะตัด แต่เขาก็เลือกทำต่อแปลว่า เขาไม่ใช่คนซื่อสัตย์ ลองเทียบว่า อยู่คนเดียวกับการที่มีเขาอยู่อันไหนสบายใจกว่ากัน’ ต่อด้วย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ถึงถามไงว่า ถ้าพี่บอกให้เลิก คนทั้งอินเตอร์เน็ตก็บอกให้เลิก มนทำได้หรือเปล่า ? เพราะวันนี้มนเองก็ไม่ได้มีน้ำเสียงที่พี่รู้สึกว่า มนสามารถตัดสินใจเลิกได้ คือการที่เจอแบบนี้ 2 รอบ เป็นคนอื่นอาจจะไปแล้ว แต่ความอดทนนมนอาจจะสูงกว่า มนก็แค่ต้องอยู่ไปเรื่อย ๆ แบบที่พี่หอมบอก จนกว่ามนจะทนไม่ได้ เดี๋ยวมนก็เดินออกมาเอง เพราะความอดทนนของคนเราไม่เท่ากัน ของมนพี่ว่า น่าจะมีความทนทานสูงอยู่ แล้วก็ไม่ต้องไปคิดว่ายังรักหรือว่าผูกพัน มันไม่สำคัญ เพราะสุดท้ายแล้วมนก็ยังเลิกกับเขาไม่ได้ มนยังไม่ใจแข็งพอที่จะเลิกกับเขา ไม่ต้องถามหาสาเหตุ’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่มองว่า ช่วงระยะเวลา 2 ปีนี้มันยากก็จริง แต่ถ้าเทียบว่า ปล่อยให้มันเป็นไปแบบนี้ แล้ววันหนึ่งเขาเป็นคนบอกเลิก อันนี้พี่ว่า ไปไม่รอดกว่า เพราะเราเป็นฝ่ายตาย คือตอนนี้มนมีสิทธิเลือก เลิกออกมาก็เจ็บพี่เข้าใจ แต่ถ้ามนจะรอวันนั้น วันที่เขาบอกว่า ออกไปได้แล้ว ซึ่งถ้าวันนั้นมาถึง มนจะไปไม่รอดมากกว่านี้อีก จะยิ่งซ้ำตายกว่านี้อีก เพราะตอนนั้นมนจะรู้สึกว่า ยอมมาขนาดนี้แล้ว แล้วยังมาโดนบอกเลิกอีก พี่ว่ามันเจ็บคนละแบบ แล้วถ้ามนอยากจะมีอนาคตกับผู้ชายคนนี้ คิดภาพแต่งงาน มีลูก แต่มนก็ยังต้องทนกับผู้หญิงคนนี้ตลอดเวลา หรือจะมีผู้หญิงคนอื่นอีก แล้วเราจะยังแข่งอดทนกับบีอยู่เหรอ ?’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ทำงานขายของฝาก เฝ้าร้านกันอยู่สองคน หนูกับพี่ที่อายุ 30 แล้ว แต่พอเค้าเจอลูกค้าต่างชาติ เค้าวิ่งหนีมาหาหนู ให้หนูพูดอยู่คนเดียว เค้าเคยหาคอร์สภาษาบอกให้หนูไปเรียน แต่เค้าไม่กระตือรือร้นเลย พี่เจ้าของร้านก็ยังเก็บเขาไว้ เพราะเขาขายคนไทยได้

28 ต.ค. 2024

ทำงานขายของฝาก เฝ้าร้านกันอยู่สองคน หนูกับพี่ที่อายุ 30 แล้ว แต่พอเค้าเจอลูกค้าต่างชาติ เค้าวิ่งหนีมาหาหนู ให้หนูพูดอยู่คนเดียว เค้าเคยหาคอร์สภาษาบอกให้หนูไปเรียน แต่เค้าไม่กระตือรือร้นเลย พี่เจ้าของร้านก็ยังเก็บเขาไว้ เพราะเขาขายคนไทยได้

ทำงานขายของฝาก เฝ้าร้านกันอยู่สองคน หนูกับพี่ที่อายุ 30 แล้ว แต่พอเค้าเจอลูกค้าต่างชาติเค้าวิ่งหนีมาหาหนู ให้หนูพูดอยู่คนเดียว เค้าเคยหาคอร์สภาษาบอกให้หนูไปเรียน แต่เค้าไม่กระตือรือร้นเลยพี่เจ้าของร้านก็ยังเก็บเขาไว้ เพราะเขาขายคนไทยได้ ใกล้ high season แล้วทำไงดีคะ? “คุณนก (นามสมมติ)” อายุ 19 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ [23 ต.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาพี่ที่ทำงานไม่ยอมใช้ภาษาอังกฤษ โดย “คุณนก (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘งานที่หนูทำคือเป็นงานค้าขาย/ขายของโซนทะเล ภาคตะวันออก ซึ่งจำเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษ แล้วช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ฝรั่งเข้ามาเยอะมาก เวลาที่ลูกค้าชาวต่างชาติเข้ามา พี่ที่ทำงานอายุ 30 กว่าๆ เขาไม่ยอมพูดภาษาอังกฤษ เพราะเขาพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย ซึ่งเขาจะเลี่ยงให้หนูไปขายของ ไปคุยกับฝรั่งแทน แต่พอลูกค้าคนไทยเข้ามาซื้อ เขาก็ขายปกติ แต่เขาก็ไม่ได้ดูเป็นคนขี้เกียจ หนูก็เคยแนะนำให้เขาใช้มือถือ ใช้ Google หรือไปซื้อหนังสือมาอ่าน เขาก็ไม่เอา ส่วนเจ้านายก็เคยแนะนำเขาแล้วเหมือนกัน เลยทำให้หนูรับภาระมากขึ้นประมาณนึง และก็มีฝรั่งบางคนที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ก็ต้องแปลเป็นภาษาอื่น เคยมีเหตุการณ์นึงมีฝรั่งมาซื้อของแล้วถามว่าชิ้นนี้ราคาเท่าไหร่? เขาก็เดินมาตามหนู และบอกให้หนูแปลให้หน่อย เขาฟังไม่ออก แต่ก็มีครั้งนึง เพิ่งผ่านมาได้ไม่ถึงเดือนพี่เขาแนะนำแอปพลิเคชันเรียนภาษาอังกฤษให้หนู เขาบอกว่าไปเจอมาจากใน Facebook / Tiktok มันเป็นแบบทดลองเรียนฟรี หนูก็เลยลองไปทดลองเรียนตามที่เขาบอก แล้วหนูก็ไปบอกเขาว่าหนูเรียนมาแล้วนะ มันเป็นแบบนี้ มันดีมากเลยนะ ได้คุยกับฝรั่งด้วย เขาบอกเขาไม่เอา เขาไม่กล้าลอง สำหรับหนู ถามว่าคุยกับฝรั่งได้ไหม? ก็พอคุยได้ แบบเบสิคๆ สามารถสื่อสารในการขายของได้ แต่ถ้าเป็นคำถามที่ยากเกินไปหนูไม่เข้าใจ หนูก็ยังพยายามเปิด Translate แต่ทำไมพี่คนนี้เขาไม่เอาภาษาเลย ส่วนเงินเดือนเราก็เท่ากัน หนูทำงานก่อนเขา ได้ทำงานด้วยกันประมาณปีนึง เลยอยากจะถามพี่ๆดีเจว่าหนูอยากให้เขาไปเรียนรู้ภาษาอังกฤษแบบเบสิค ง่ายๆ เพื่อเอาไว้ใช้ขายของ หนูจะทำยังไงดี?เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

กำลังจัดงานแต่งงาน ให้ตรงกับวันเกิดแฟน คบกันมา 10 ปีพอดี ที่ผ่านมาเป็นคู่รักชิลๆ ไม่ค่อยเซอร์ไพร์สกัน แต่ครั้งนี้อยากสร้างความประทับใจให้เขา สิ่งเดียวที่เขาจะเลือกมากกว่าหนูคือ ลิเวอร์พูล ค่ะ ขอไอเดียหน่อยนะคะ

31 ม.ค. 2025

กำลังจัดงานแต่งงาน ให้ตรงกับวันเกิดแฟน คบกันมา 10 ปีพอดี ที่ผ่านมาเป็นคู่รักชิลๆ ไม่ค่อยเซอร์ไพร์สกัน แต่ครั้งนี้อยากสร้างความประทับใจให้เขา สิ่งเดียวที่เขาจะเลือกมากกว่าหนูคือ ลิเวอร์พูล ค่ะ ขอไอเดียหน่อยนะคะ

“คุณน้ำ (นามสมมติ)” อายุ 27 ปี สายที่ 5 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [29 ม.ค. 68] ได้โทรเข้ามาขอไอเดียจาก ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาเซอร์ไพรส์วันเกิดแฟน ซึ่งตรงกับวันแต่งงานของเราพอดี โดย “คุณน้ำ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘มีแพลนจะแต่งงานในอีก 2 เดือนข้างหน้า ซึ่งก็คือเดือนมีนาคม หนูตั้งใจเลือกวันที่แต่งให้ตรงกับวันเกิดของแฟน หนูคบกับแฟนมาถ้าถึงวันที่แต่งงานจะครบ 10 ปีพอดี ต้องบอกก่อนว่าชีวิตคู่ของหนู ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา คือ แฟนเป็นคนที่ดีมาก เขาเป็นคนนิ่ง ๆ พูดน้อย ไม่ค่อยแสดงความรักออก สื่อให้คนอื่นเห็นมากมาย แต่ว่าคู่ชีวิตของเรามีความสุข เพราะว่าเขาเป็นคนไม่เจ้าชู้ ไม่ทำให้เราไม่สบายใจ แล้วเขาก็ไม่ใช่คนที่ใช้ชีวิตกินหรูอยู่สบาย เราก็ร่วมทุกข์ ร่วมสุขมาด้วยกัน คือในวันแต่งงานมันก็เป็นวันเกิดของเขาด้วย หนูคิดไม่ออกว่าจะสร้างโมเม้นท์ประทับใจยังไงให้เขาดี อาจจะไม่จำเป็นต้องเป็นของหรืออะไรที่มีมูลค่า แค่อยากให้เป็นสิ่งที่เขานึกถึงแล้วก็ประทับใจ ซึ่งจริง ๆ แล้วเขาชอบทีมฟุตบอลลิเวอร์พูลมาก ซึ่งการดูบอลเป็นอย่างเดียวที่เขาเลือกก่อนเรา แต่พรีเวดดิ้งของเราก็เป็นธีมลิเวอร์พูลไปแล้ว ทีนี้หนูก็เลยอยากจะขอไอเดียจากพี่ ๆ ดีเจทั้งสามคนว่า จะเซอร์ไพรส์วันเกิดของเขายังไงดีในวันแต่งงาน’ ทางด้านดีเจทั้ง 3 ท่าน “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” ให้ความคิดเห็นไปในทางเดียวกันว่า ‘ซื้อตั๋วไปดูลิเวอร์พูลที่สนามแอนฟิลด์เลย อาจจะไม่ต้องหรูหราอะไร ถ้าไม่ซื้อทัวร์ เราสามารถทำงบเอง 5 - 6 หมื่นก็ไปดูได้ หรือเดี๋ยวนี้มันมีอินฟลูเอนเซอร์ด้านฟุตบอลเขาก็ทำทัวร์เยอะมาก ถ้าหนูมีงบหรือมั่นใจว่าจะไปแน่ ๆ เราสามารถทำเป็นตั๋วน่ารัก ๆ ให้ แล้วบอกเดี๋ยวเค้าพาไปดู อันนี้ผู้ชายน่าจะชอบ แต่ทางผู้ชายก็อาจจะคิดว่า 50/50 ว่าจะได้ไปไหม แต่ถ้าหนูให้เป็นตั๋วแพคเกจที่มันได้มาแล้วเลย เขาก็ยิ่งฟินมาก แต่ถ้าไม่ทันก็สัญญากันไว้ก่อนก็ได้ ว่าเดี๋ยวจะพาไปดู แล้วก็บอกไปว่า ‘เราก็ไม่รู้นะว่าเธอชอบไหม แต่เราอยากให้เธอไปดูลิเวอร์พูลด้วยตาของตัวเอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูไปตรวจซีสที่รังไข่มา หมอบอกว่าเลือดของหนูมีเชื้อ HIV หนูตกใจมาก หมอบอกว่าเชื้อน่าอยู่มาประมาณ 1-2 ปีแล้ว แสดงว่าหนูน่าจะติดมาจากแฟนเก่า เพราะเพิ่งคบแฟนมาไม่ถึงปี กะว่าจะเอาเรื่องนี้ไปบอกแฟน แต่พีคกว่า...

11 ก.ค. 2025

หนูไปตรวจซีสที่รังไข่มา หมอบอกว่าเลือดของหนูมีเชื้อ HIV หนูตกใจมาก หมอบอกว่าเชื้อน่าอยู่มาประมาณ 1-2 ปีแล้ว แสดงว่าหนูน่าจะติดมาจากแฟนเก่า เพราะเพิ่งคบแฟนมาไม่ถึงปี กะว่าจะเอาเรื่องนี้ไปบอกแฟน แต่พีคกว่า...

หนูไปตรวจซีสที่รังไข่มา หมอบอกว่าเลือดของหนูมีเชื้อ HIV หนูตกใจมากหมอบอกว่าเชื้อน่าอยู่มาประมาณ 1-2 ปีแล้ว แสดงว่าหนูน่าจะติดมาจากแฟนเก่าเพราะเพิ่งคบแฟนมาไม่ถึงปี กะว่าจะเอาเรื่องนี้ไปบอกแฟน แต่พีคกว่า หนูเพิ่งรู้ว่าแฟนที่คบอยู่มีคนที่เขาคบมาอยู่แล้ว 6-7 ปี เราเลยกลายเป็นคนที่มาทีหลัง ตอนนี้ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดีมันช็อคไปทุกเรื่อง จะบอกแฟนดีไหมว่าเรามีเชื้อ HIV หรือเราต้องจัดการแฟนเรื่องที่โกหกเราเรื่องผู้หญิงคนนั้นก่อน สับสนไปหมดทุกอย่างเลย... “คุณจี (นามสมมติ)” อายุ 28 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [9 ก.ค 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล - ดีเจเสนาหอย” เกี่ยวกับปัญหาตรวจเจอว่าตัวเองติดเชื้อ HIV แต่ดันไปจับได้ว่าแฟนที่คบอยู่ เขามีแฟนอยู่แล้ว โดย “คุณจี (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ช่วงเดือนที่แล้วหนูได้รับการผ่าตัด เพราะว่ามีอาการไข้ต่ำ ๆ ไม่ยอมหาย ฉีดยาก็ไม่หาย และน้ำหนักลดเร็วมาก หลังจากนั้นเลยได้ตรวจเลือด ซึ่งผลเลือดของหนูได้ออกมาและพบว่าตัวหนูมีเชื้อ HIV อยู่ จริง ๆ หนูเคยตรวจไปรอบนึงแล้ว แต่ว่าผลออกมาเป็นปกติ จึงได้เข้ารับการผ่าตัด และได้ทำการเจาะเลือดอีกรอบเพื่อนำไปตรวจเชิงลึกอีกหนึ่งครั้ง ก่อนหน้านี้หนูมีแฟนแต่ว่าได้เลิกรากันไปประมาณสองปีแล้ว และได้มามีแฟนใหม่ในช่วงเดือนมกราคม และในเรื่องการติดเชื้อนี้หนูยังไม่ได้นำไปบอกเขา ซึ่งตอนนี้หนูยังไม่ได้คุยกับใครสักคน เก็บไว้คนเดียวเลยตอนนี้ และที่ผ่านมาไม่เคยไปตรวจโรคนี้เลย เพิ่งจะมาตรวจครั้งนี้ครั้งแรก ตอนแรกหนูคิดว่าตัวเองจะมาติดกับคนปัจจุบันนี้ แต่พอได้ไปพบหมอเมื่อ 2-3วันที่ผ่านมา หนูเลยถามหมอไปว่า “บอกได้ไหมคะ ว่าหนูมีเชื้อมานานแค่ไหน มันพอจะบอกได้ไหม” หมอเขาก็ดูอาการ ดูค่าเลือดของเรา ซึ่งมันจะสามารถดูได้ว่าค่ำต่ำประมาณนี้คือเราติดมานานแค่ไหนแล้ว หากต่ำไม่เยอะ แสดงว่าเราพึ่งติด จนหมอได้นำผลมาบอกกับเราว่า “น่าจะประมาณ 1-2 ปีแล้ว” หนูเลยคิดว่าอาจจะติดมาจากคนเก่า เพราะมันเป็นคาบเกี่ยวที่หนูเลิกกับคนเก่าพอดี ซึ่งหนูไม่แน่ใจว่ากับคนเก่ามีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงไหม แต่ถ้าถามเรื่องป้องกัน หนูยอมรับว่ามีบ้าง ไม่มีบ้าง เพราะตอนนั้นเหมือนจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน มีคุยเรื่องแต่งงาน ที่บ้านเขารับรู้ทั้งหมด แต่ก็ดันมามีปัญหาจนเลิกกันก่อน และเลิกกันมาเกือบ 2 ปีแล้ว ส่วนคนปัจจุบันก็มีป้องกันบ้างบางครั้ง เพราะส่วนมากหนูจะทานยาคุม ช่วงที่ตรวจเจอหนูยังคงพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล เหมือนพอเรารู้เรื่องเลยทำให้ตัวเองเครียด ไม่ติดต่อใครเลย รวมถึงเขาด้วย จนกระทั่งออกจากโรงพยาบาลมาพักฟื้นก็ทำให้ได้กลับมาเจอกัน แต่พอกลับมาเจอกัน ดันไปจับได้ว่าเขามีแฟนอยู่แล้ว แค่เขากับแฟนเขาคนนั้นอยู่กันคนละที่ แต่หนูกับเขาทำงานที่เดียวกัน ซึ่งหนูคิดว่าเขาน่าจะนอกใจแฟนมาคบกับหนู และหนูเป็นคนที่มาทีหลังเพราะว่าเขาบอกกับหนูว่าเขาคบกันมาประมาณ 6-7 ปีแล้ว เขารับทราบแล้วด้วยว่าหนูรู้เรื่องนี้ จริง ๆ ที่ผ่านมามันไม่มีกลิ่นเรื่องนี้เลย พอได้รู้ ถ้าถามว่าหนูรับได้ไหม เอาจริง ๆ หนูรับไม่ได้ มันช็อคเหมือนกัน แล้วยิ่งมาช็อคเรื่องเชื้อ HIV อีก และหลังจากที่จับได้ ทำให้หนูยังไม่ได้คุยอะไรกันสักเรื่องเลย เรื่องที่หนูจะบอกก็ยังไม่ได้บอก เรื่องเขาตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าจะเอายังไง คือตอนนี้ยังไม่ติดต่อกันเลย ต่างคนต่างเงียบ หนูเลยอยากมาปรึกษาดีเจทั้งสามคนว่า หนูไม่รู้จะไปต่อเรื่องไหนก่อนดี รู้สึกตันไปหมดเลยตอนนี้ แล้วไหน ๆ หนูก็จับได้แล้วว่าเขามีแฟนอยู่แล้ว หนูควรจะบอกเรื่องเชื้อ HIV ไปเลยดีไหม หรือหนูควรจะออกมาเงียบ ๆ ไม่บอก ไม่อะไรไปเลย แต่หนูเองมีแอบคิดในใจว่าถ้าเขาไม่มีแฟนอยู่ แล้วคบกันแค่สองคนกับหนู หากเขารู้เรื่องนี้ เขาจะรับได้ไหม’ ซึ่ง ดีเจทั้งสามคน (ดีเจต้นหอม – ดีเจเติ้ล - ดีเจเสนาหอย) ให้คำปรึกษาไปในทิศทางเดียวกันว่า ‘ไม่ต้องคิดอะไรที่เราไม่รู้คำตอบ เราไม่มีทางหาคำตอบนั้นได้ เพราะมันไม่ได้ขึ้นจริง อยู่กับสถานการณ์ปัจจุบันว่าตอนนี้เขานอกใจ คือตอนนี้คุณจีมีหลายเรื่อง ฉะนั้นทุกอย่างมันจะมาปะมาปนกันหมดเลย ทำให้มันแคบที่สุด หนึ่งคือฉันจะทำสิ่งนี้ สองฉันจะทำอันนี้ เพื่อให้จีอยู่ในแกนที่ไม่ฟุ้งซ่าน ที่สำคัญสุดคือสุขภาพและสภาพจิตใจของคุณจี’ โดย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาเพิ่มเติมว่า ‘อย่างแรกเคลียร์เรื่องนอกใจก่อน แล้วอันดับสองจึงมาคุยเรื่องเชื้อ HIV กัน สำหรับพี่ไม่ว่าคำตอบของเรื่องนอกใจจะเป็นยังไง แต่สุดท้ายเป็นพี่ พี่เลือกที่จะคุยกับเขา อยู่ดี เพราะพี่รู้สึกว่าเรื่องนี้มันจะส่งผลต่อชีวิตเขาและไปต่อถึงภรรยา ถึงลูกของเขาที่ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้นเลย แน่นอนคุณจีไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องนี้เกิดขึ้น มันเป็นอุบัติเหตุ และก็ไม่รู้ว่ามันมาจากแฟนเก่าหรือแฟนคนนี้ แต่ว่าไม่ว่ายังไงตอนนี้คุณจีมีเชื้อนี้อยู่แล้วในตัว แล้วเชื้อนี้มันสามารถส่งผ่านกันได้เลย พี่ว่ามันควรต้องบอกกันในฐานะคนรัก หรือไม่ใช่คนที่รักกันแล้ว แต่เป็นในฐานะคนที่เคยรักกันก็ได้ คุณจีบอกเพื่อที่ต้องการจะควบคุมความเสียหายที่มันจะเกิดขึ้นต่อไปถ้าเขาไม่รู้ พูดเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ส่วนแฟนคนเก่า ไม่ต้องพูดอะไร จัดการเรื่องแฟนคนปัจจุบันให้ชัดเจน’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาเพิ่มเติมอีกว่า ‘ไม่ต้องตกใจกับ HIV เพราะโรคมะเร็งน่าตกใจที่สุดแล้วตอนนี้หรือกับเชื้อไวรัสอื่น ๆ HIV สามารถกินยาได้ มียารักษาแล้ว มันสามารถใช้ชีวิตได้ปกติ แค่เราต้องรู้จักป้องกันและระวังให้คนอื่นด้วย พี่แนะนำอย่างนี้ โอเคเรื่องนอกใจให้ไปเคลียร์กัน ส่วนเรื่องผู้ชายให้ลองอย่างเชิงว่าเธอก่อนจากกันหน่ะ ไปตรวจเลือดให้หน่อยได้ไหม เพราะบางทีเขาอาจไม่ติด มันเป็นไปได้ที่เขาจะมีโอกาสไม่ติดก็ได้ และเพื่อไม่ให้ความลับของเรามันรั่วไหล กรณีที่เขาไม่ติดก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องให้เขารู้เรื่องของเราว่าติดหรือไม่ติด แค่บอกเพื่อความสบายใจก่อนแยกกัน ทำให้หน่อยได้ไหม ถ้าที่ผ่านมาเคยทำผิดต่อกัน ขอครั้งนี้ได้ไหม และถ้าเกิดเขาไปตรวจแล้วพบเชื้อ HIV เขาจะกลับมาพูดคุยกับเรา อย่างน้อยทั้งสองคนจะได้ช่วยกันในการรักษาตัว มีที่พึ่ง ที่คุย ที่ปรึกษาซึ่งกันและกัน และมันจะเป็นการป้องกันผู้หญิงอีกคนนึงด้วยเพราะพี่รู้สึกว่าถ้าผู้หญิงอีกคนนึงต้องติดเชื้ออีก โคตรน่าสงสารเพราะเขาไม่รู้เรื่องเลย แถมติดมาจากการที่แฟนนอกใจอีก จริง ๆ คุณจีไม่ผิดนะ แต่ในสามคนนี้ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นคนที่เจ็บที่สุดเลย’ สุดท้าย “ดีเจเสนาหอย” ได้ให้คำปรึกษาเพิ่มเติมอีกว่า ‘ในตรงนี้ผมมองว่าเป็นเรื่องของมนุษยธรรมแล้วกัน มันไม่มีใครผิดใครถูกเพราะเราก็ไม่รู้ อีกคนอาจจะคบซ้อนหรืออะไร แต่ที่สำคัญตอนนี้คือผมว่าเป็นเรื่องสุขภาพ ถ้าเป็นพี่พี่ก็ยังอยากให้คุยกับคนแรกด้วยถ้าสมมติยังสามารถติดต่อได้ คือเราต้องบอกความจริงกับเขา เพราะระยะห่างมันดูใกล้เคียงเหมือนกัน แต่ถ้าติดต่อไม่ได้ไม่เป็นไร ส่วนอีกคนนึงก็พูดกันไปตามตรงเหมือนที่พี่หอมบอกว่าให้ตรวจเถอะ เพราะเราได้รับเชื้อมา แล้วในส่วนของเรื่องแฟนคบซ้อนก็ให้แยกไปเลย แต่ควรจะคุยกันในเรื่องนี้ให้ชัวร์ว่า โอเค เราจะจากกันด้วยดี’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1