เพื่อนในกลุ่มเป็น VJ ในแอปกันหมด เพื่อนบอกไม่ต้องทำไรมาก ไลฟ์วันละ 2 ชั่วโมง เดือนนึงได้หลักหมื่น โชคดีก็จะมีลูกค้าขอแอดไลน์นอกรอบ อยากได้อะไรขอให้บอก ซื้อให้หมด ไม่ต้องการอะไรเลย หนูอยากทำแต่แฟนขอไว้ว่าอย่าทำได้ไหม?

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

เพื่อนในกลุ่มเป็น VJ ในแอปกันหมด เพื่อนบอกไม่ต้องทำไรมาก ไลฟ์วันละ 2 ชั่วโมง เดือนนึงได้หลักหมื่น โชคดีก็จะมีลูกค้าขอแอดไลน์นอกรอบ อยากได้อะไรขอให้บอก ซื้อให้หมด ไม่ต้องการอะไรเลย หนูอยากทำแต่แฟนขอไว้ว่าอย่าทำได้ไหม?

15 มี.ค. 2024

            “คุณเตย (นามสมมติ)” อายุ 25 ปี สายสุดท้ายในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [13 มีนาคม 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาอยากทำ VJ ในแอปพลิเคชันแต่แฟนหวงไม่อยากให้เราทำ

            โดย “คุณเตย (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูมีเพื่อนในกลุ่มที่ทำวีเจด้วยกันหลายคน บางคนเขาทำ 2-3 แอป แต่แอปที่เพื่อนทำก็มีหลายเรท เริ่มตั้งแต่การชวนคุย ไปจนถึงเรื่อง 18+ เพื่อนส่วนใหญ่ก็ทำเรทชวนคุย แต่งหน้า แต่งตัวสวย ๆ ชวนคนในแอปคุย พูดอ้อน ให้คนในแอปเปย์ของขวัญ พอหนูอยู่ในกลุ่มเพื่อนแบบนี้ เพื่อนก็จะคุยกันประมาณว่า ได้เงินเยอะ บางคนที่โชคดีก็มีคนเปย์นอกแอป คือ ถ้ามี User ที่อยากได้ไลน์หรืออยากได้อินสตาแกรมส่วนตัวของเรา เราสามารถตั้งเรทราคาเองได้ ก็จะมีการทักมาเปย์หลังไมค์ เพราะถ้าเปย์ในแอปก็จะมีการหักส่วนต่าง บางคนได้เดือนละหลาย ๆ หมื่น พอหนูได้ยินบ่อย ๆ ก็เกิดกิเลส  อยากได้เงินบ้าง...

            ต่อมาหนูได้ไปปรึกษาแฟน ซึ่งแฟนอายุน้อยกว่าหนู 2 ปี และกำลังเรียนอยู่ แฟนก็ไม่ได้ห้ามแต่ขอว่าไม่ทำได้ไหม? แฟนให้เหตุผลว่า ถ้าหนูทำเขาจะรู้สึกแย่ที่ไม่มีปัญญาเลี้ยง จนต้องให้คนอื่นมาเปย์แฟนตัวเอง หนูก็บอกว่ากับเขาว่า ไม่ใช่ให้คนอื่นมาเลี้ยง หนูก็ทำงานเลี้ยงตัวเองได้ แต่หนูแค่อยากมีรายได้เสริม อยากเอาเงินส่วนนี้ไปเสริมความงาม เข้าคลินิกทำหน้า เพราะเห็นว่าได้รายได้ดี ทำแค่วันละ 2 ชั่วโมงอยู่ที่บ้านก็ได้ แฟนก็บอกว่า ได้เงินก็จริง แต่แฟนคงเสียความรู้สึก และถ้าได้เงินง่าย ได้เยอะ มันจะทำให้เราติดสบายหรือเปล่า แต่ถ้าอยากทำจริง ๆ ก็ทำได้ แต่ไม่อยากให้ทำดีกว่า แฟนก็ถามหนูว่า เขาจะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่า?

            ซึ่งหนูก็ได้ไปเสิร์ชและอ่านในพันทิป มีหลายคู่ที่มีปัญหากันเพราะแฟนไปทำวีเจ อีกใจหนึ่งหนูก็อยากได้เงิน แต่อีกใจหนึ่งหนูก็แคร์ความรู้สึกแฟน ก็เลยมีคำถามอยากถามพวกพี่ ๆ ดีเจ 3 คำถาม คำถามละคนเพราะอยากเห็นมุมมองของพี่ ๆ ดีเจแต่ละคน

            ซึ่ง “ดีเจเผือก” ได้คำถามที่ 1 คือ ถ้าแฟนพี่มาขอทำวีเจ จะให้ทำไหมและเหตุผลคืออะไร?

            โดยให้คำปรึกษาว่า ‘ต้องดูก่อนว่าในโลกสมมตินั้น ข้อจำกัดในการใช้ชีวิตของพี่เดือดร้อนขนาดไหน ถ้าไม่ได้เดือดร้อนพี่ก็ไม่อยากให้ทำ แอปวีเจก็เป็นการไลฟ์สดอีกแบบหนึ่ง หรือไลฟ์สดทำอาหารในอีกแพลตฟอร์มก็มี อย่างแอปที่พี่สตรีมเกมก็มีคนมาไลฟ์แบบพูดคุย ไลฟ์ประดิษฐ์ของ พี่คงอยากให้แฟนพี่ไปทำในแพลตฟอร์มที่พี่สบายใจและแฟนก็ยังหารายได้เสริมได้ด้วย พี่มองว่าถ้ามีทางเลือกอื่นที่สามารถสร้างรายได้เสริม พี่ก็อยากให้ทำทางเลือกอื่นที่สร้างรายได้มากกว่า พี่ก็จะช่วยหาด้วย’

            ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้คำถามที่ 2 คือ ยังไงกับคนที่ทำงานแบบนี้ แล้วคิดว่าคนทำงานแบบนี้ติดสบายไหม?

            โดยให้คำปรึกษาว่า ‘พี่รู้สึกว่างานนี้ไม่ได้สบายและยากมาก คือ 1. ต้องมีรูปร่างหน้าตาที่ดี ที่จะดึงให้คนมาดูได้ 2. ต้องมีลูกล่อลูกชนที่จะดึงคนให้กดหัวใจ และส่งของขวัญเปย์ตลอดทั้งชั่วโมง สำหรับพี่ มันไม่ใช่งานสบายที่ใคร ๆ ก็ทำได้ แล้วพี่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าคนที่ทำงานนี้ติดสบาย ต้องอาศัยความตั้งใจ ลงแรงกาย ใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ พี่อยากจะบอกเตยอีกว่า อย่าพึ่งคิดว่าการทำวีเจมันทำง่าย ๆ แล้วจะได้เงิน ถ้าเรายังไม่ได้ทำ มันอาจจะมีรายละเอียดอีกหลายอย่าง ที่พอเราทำแล้วรู้สึกว่ามันไม่ใช่ เตยต้องถามตัวเองให้ดี ๆ ก่อน’

            และสุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้คำถามที่ 3 คือ ถ้าแฟนพี่มาพูดแบบนี้พี่ยังจะทำงานวีเจอยู่ไหม?

            โดยให้คำปรึกษาว่า ‘พี่จะดูว่าพี่ต้องทำอะไรบ้าง ถ้าให้พี่ไปเต้น พี่ก็ไม่ทำเพราะไม่ใช่ทาง พี่เป็นสายขายความสามารถ พี่ว่าเตยควรหาตรงกลางระหว่างแฟน  เช่น ทำคอนเทนต์แต่งหน้า คอนเทนต์นั่งคุยไปเรื่อย ๆ หรือ NPC แต่ถ้าเตยเลือกแฟนคนนี้ เตยต้องเลือกคอนเทนต์ที่ไม่ทำร้ายจิตใจแฟน แต่ถ้าเตยเลือกทางวีเจ พูดอ้อน ขายเซ็กซี่ เตยก็ต้องไม่มีแฟน หรือต้องมีแฟนที่ยอมรับได้ ทุกวันนี้มีวิธีหาเงินทางออนไลน์หลายวิธีมาก ขายของออนไลน์ การทำ Affiliate เตยต้องไปหาความสามารถของตัวเองให้เจอก่อน มันจะดีกว่าการแก้ผ้าแล้วได้เงิน’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

เป็นเจ้าของธุรกิจร้านคาเฟ่เล็กๆ ทั้งร้านมี 3 ที่นั่ง แต่เจอลูกค้าที่ชอบนั่งแช่นานๆ มาคนเดียวยังนั่งโต๊ะใหญ่ ทั้งวันสั่งกาแฟแก้วเดียว บางวันเอาน้ำขวดใหญ่เข้ามากินในร้าน พีคสุดคือหายไปเข้าห้องน้ำครึ่งชั่วโมง จะจัดการกับลูกค้าประเภทนี้ยังไงดี..

17 ม.ค. 2025

เป็นเจ้าของธุรกิจร้านคาเฟ่เล็กๆ ทั้งร้านมี 3 ที่นั่ง แต่เจอลูกค้าที่ชอบนั่งแช่นานๆ มาคนเดียวยังนั่งโต๊ะใหญ่ ทั้งวันสั่งกาแฟแก้วเดียว บางวันเอาน้ำขวดใหญ่เข้ามากินในร้าน พีคสุดคือหายไปเข้าห้องน้ำครึ่งชั่วโมง จะจัดการกับลูกค้าประเภทนี้ยังไงดี..

เป็นเจ้าของธุรกิจร้านคาเฟ่เล็กๆ ทั้งร้านมี 3 ที่นั่ง แต่เจอลูกค้าที่ชอบนั่งแช่นานๆมาคนเดียวยังนั่งโต๊ะใหญ่ ทั้งวันสั่งกาแฟแก้วเดียว บางวันเอาน้ำขวดใหญ่เข้ามากินในร้านพีคสุดคือหายไปเข้าห้องน้ำครึ่งชั่วโมง จะจัดการกับลูกค้าประเภทนี้ยังไงดี.. “คุณโมโม่ (นามสมมติ)” สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [15 ม.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาลูกค้าชอบนั่งแช่ในคาเฟ่นานๆ โดย “คุณโมโม่” ได้เล่าว่า “ที่ร้านจะเป็นร้านขายขนมเล็กๆ มีที่นั่งประมาณ 3 ชุด คือ โต๊ะใหญ่ 1 ชุด โต๊ะเล็ก 2 ชุด แล้วจะมีน้องลูกค้าคนหนึ่งที่แรกๆ เขาก็มาซื้อทุกวันปกติไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่จะมีเหตุการณ์หนึ่งที่พีคๆ ของเขา คือ เขามานั่งทานที่ร้านคนเดียว แล้วเขาเอาชุดวาดระบายสีมากางเต็มโต๊หะ ซึ่งเขาเลือกที่จะนั่งโต๊ะใหญ่ แล้วก็นั่งแช่อยู่แบบนั้น แต่เขาจะสั่งกาแฟวันละ 1 แก้วเท่านั้น แล้วก็อยู่ยาวๆ เลยคือ 2 - 3 ชั่วโมงจนไม่มีลูกค้าแล้ว เขาก็ทานกาแฟแก้วนั้นแป๊ปเดียวก็หมด แต่เขาก็ยังนั่งอยู่ เหตุการณ์ต่อมา คือ ช่วงปีใหม่ที่ร้านลูกค้าจะเยอะมากอยู่แล้ว น้องคนนี้เขาก็มาแต่พกขวดน้ำส่วนตัว 1.5 ลิตรมาด้วย เราก็ไม่เห็น มาเห็นตอนที่เราไปเก็บโต๊ะแล้วน้องเขาทิ้งขวดไว้ อันนี้เราก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่อีกวันหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ติดๆ กันทุกวัน เขาก็มาเหมือนเดิม สั่งน้ำแก้วเดียว 65 บาท แล้วก็นั่งทานที่ร้าน เขาเลือกนั่งโต๊ะเล็กและมีอุปกรณ์ของเขาครบมือเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้เขาเอาหูฟังอันใหญ่ๆ ที่แบบครอบทั้งหูมาใส่ ซึ่งน้องก็ยังเป็นเด็กมัธยม มีหนังสือ IPad มือถือ น้องเขาก็นั่งอยู่แบบนั้นจนลูกค้าเยอะ ไม่มีที่นั่ง น้องเขาก็ไม่ลุกไปไหน เราก็แบบเอ๊ะ... น้องเขาทำอะไร หนูเลยไปดู ทีนี้ก็เห็นน้องเขานั่งหลับ หนูก็ไม่ได้ว่าอะไร ปล่อยไปจนลูกค้าหมดร้านไป วันต่อมาน้องเขาก็มาอีก ลูกค้าในร้านก็เยอะอยู่ เขาก็เอาหนังสือมาอ่าน อุปกรณ์ก็ยังครบมือเหมือนเดิม จนลูกค้าหมด ตอนอยู่ที่โต๊ะเขาไม่ได้อ่านหนังสือแต่เล่นมือถือ พอไม่มีลูกค้าก็จะเหลือแค่หนู แล้วก็น้องลูกค้าคนนี้ 1 คน เขาก็เอาหนังสือไปอ่านในห้องน้ำ ทีนี้เราก็จับเวลาเลยว่าเขาเข้าไปกี่นาที ก็คือเขาเข้าไปประมาณครึ่งชั่วโมง อีกวันหนึ่งเขามาอีกเหมือนเดิม แต่ไม่สั่งขนมเลย ทั้งๆที่ร้านเราเน้นขายขนม แล้วเขาก็เอาขวดน้ำดื่มของตัวเองไปเติมน้ำที่ร้าน เพราะที่ร้านเราจะมีน้ำดื่มให้ทานฟรีเป็นแบบเหยือก เขาก็เอาขวดตัวเองไปเติมจนหมดเหยือก แต่หนูก็ไม่ได้ว่าอะไร และอีกวันหนึ่งน้องเขาก็มาอีก จนเราเดินเข้าไปถามน้องเขาว่า “น้องรับอะไรเพิ่มไหมคะ?” น้องก็มองหน้าเรามึนๆ แล้วก็บอกว่า “อ๋อ ไม่ครับ” เราก็บอกว่า “พอดีว่าเดี๋ยวมีลูกค้าจองโต๊ะเข้ามา พี่ขอรบกวนได้มั้ยคะ” น้องก็บอก “อ๋อ งั้นผมย้ายไปนั่งโต๊ะอื่นได้ไหม” ทั้งๆ ที่น้องก็ไม่เหลืออะไรทานแล้ว เขาสั่งแค่น้ำแก้วเดียวแต่เขาก็ยังนั่งอยู่ หนูก็เลยบอกเขาไปว่า “อ๋อ พอดีว่าเขามาเยอะอ่ะค่ะ” ซึ่งตอนนั้นเป็นเวลาบ่าย 2 ครึ่ง น้องก็เลยบอกว่า “อ๋อเดี๋ยวบ่าย 3 ผมไปครับ” แล้วก็คือบ่าย 3 เป๊ะน้องเขาก็ไปจริงๆ อีกวันหนึ่งเขาก็มาอีก พกขวดน้ำมาอีก ทีนี้เราก็เลยเดินไปเตือนเขาว่า “น้องครับ ขอรบกวนไม่เอาน้ำดื่มหรืออาหารข้างนอกเข้ามาทานที่ร้านได้มั้ยครับ” เขาก็แบบ “อ๋อ ครับ” แค่นี้ ก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร หลังจากนั้นเขาก็ยังมาทุกวัน ๆ เหมือนเดิม แต่พฤติกรรมพกขวดน้ำมาก็เริ่มหายไป มีวันหนึ่งที่หนูก็ทักเขาว่า “อ๋อ น้องวันนี้เหมือนเดิมเนอะ” น้องเขาก็เหมือนไม่ได้อยากคุยกับเรา น้องก็บอก “อ๋อ ไม่ครับ” แล้วเปลี่ยนเป็นเมนูอื่นเลย หนูก็เข้าใจได้ว่า น้องเขาก็ไม่ได้อยากให้ใครรบกวนเขา หนูไม่ทราบว่าเขาโดดเรียนมามั้ย หรืออีกอย่างหนึ่งก็คือช่วงเด็กม.6 ใกล้สอบเข้ามหาลัยอาจจะเข้า-ออกโรงเรียนช่วงไหนก็ได้ บางทีน้องเอาของมาวางโต๊ะเต็ม ลูกค้าที่ไม่มีที่นั่งเขาก็กลับไป ซึ่งตรงนี้เราเสียโอกาส เสียลูกค้าที่เขาตั้งใจมากินขนม หนูอยากถามพี่ๆ ดีเจว่า จะจัดการกับลูกค้าประเภทนี้ยังไง?” ทางด้านดีเจทั้ง 3 ท่าน “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” ให้ความคิดเห็นไปในทางเดียวกันว่า ‘ให้ตั้งกฎเวลาว่าให้นั่งได้กี่ชั่วโมง 1 แก้ว ให้นั่งได้กี่ชั่วโมง หรือลองถามๆ เรื่องเรียนเขาหน่อยว่าไม่เข้าเรียนหรอ หรือมีเรื่องอะไรที่บ้าน เผื่อน้องเขามีปัญหา เราจะได้จัดการกับเขาอีกแบบหนึ่ง’ นอกจากนี้ “คุณโมโม่” ยังทิ้งท้ายถึงผู้ใช้บริการด้วยว่า “อยากให้เห็นใจผู้ประกอบการนิดนึง การใช้สถานที่หรืออะไรก็ตาม บางทีเราเอางานไปทำในที่ของเขา อยากให้เขาเห็นใจทางร้านด้วย เพราะบางทีทางร้านก็อึดอัดใจที่จะพูด เพราะกลัวจะเป็นดราม่า”เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 20.00 – 23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ขอวิธีเตือนคนบนถนนที่ลืมเอาขาตั้งขึ้นทีครับ ผมขี่มอไซค์อยู่เห็นคนลืมเอาขาตั้งขึ้น ผมเลยรีบตะโกนไปว่า “พี่ครับ ขาตั้งงงงงงงงงงงงง!!” สรุปว่าพี่เขาตกใจ รถล้มเลย ผมรู้สึกผิดมากเลยลงไปช่วย หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น ... เวลาเห็นใครไม่เอาขาตั้งขึ้น

05 ส.ค. 2025

ขอวิธีเตือนคนบนถนนที่ลืมเอาขาตั้งขึ้นทีครับ ผมขี่มอไซค์อยู่เห็นคนลืมเอาขาตั้งขึ้น ผมเลยรีบตะโกนไปว่า “พี่ครับ ขาตั้งงงงงงงงงงงงง!!” สรุปว่าพี่เขาตกใจ รถล้มเลย ผมรู้สึกผิดมากเลยลงไปช่วย หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น ... เวลาเห็นใครไม่เอาขาตั้งขึ้น

ขอวิธีเตือนคนบนถนนที่ลืมเอาขาตั้งขึ้นทีครับ ผมขี่มอไซค์อยู่เห็นคนลืมเอาขาตั้งขึ้นผมเลยรีบตะโกนไปว่า “พี่ครับ ขาตั้งงงงงงงงงงงงง!!” สรุปว่าพี่เขาตกใจ รถล้มเลยผมรู้สึกผิดมากเลยลงไปช่วย หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น ... เวลาเห็นใครไม่เอาขาตั้งขึ้นใจก็อยากเตือนเขา แต่ก็กลัวเหตุการณ์จะซ้ำรอย “คุณบี (นามสมมติ)” อายุ 29 ปี เป็นสายที่ 4 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [30 ก.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาเตือนคนที่ขับรถมอเตอร์ไซค์แล้วไม่เอาขาตั้งขึ้น แต่เขาดันเกิดอุบัติเหตุ โดย “คุณบี (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ผมขับมอเตอร์ไซค์แล้วเห็นคนไม่เอาขาตั้งขึ้น ก็เลยขับรถเข้าไปใกล้ ๆ แล้วตะโกนให้คนเอาขาตั้งขึ้น แต่เขาก็ตกใจจนรถพุ่งเข้าฟุตบาทแล้วล้มลงไป คนขับเหมือนจะเป็นคนมีอายุหน่อย หลังจากนั้นทำให้เราระแวงไม่กล้าเตือนใครอีกเลยเพราะก็รู้สึกผิด อยากรู้ว่าเราจะมีวิธีอะไรที่จะเตือนคนที่ไม่เอาขาตั้งขึ้นเวลาขับรถได้บ้าง?’ ทางด้าน “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คนปกติถ้าเขาเซียนเขาก็จะไม่ล้มนะ ถ้าเราไม่ตะโกนก็ชี้ แต่วิธีที่ง่ายที่สุดมันก็คือตะโกนบอกนั่นแหละ การที่เราเตือนคนอื่นเป็นเรื่องที่ดีแล้ว ถือว่าเป็นการทำบุญ’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘มันไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่านั้นแล้ว ยกเว้นจะเขียนไว้ที่หน้าผาก หรือเรียกให้เขาหันมาก่อนแล้วค่อย ๆ บอกเขาให้เอาขาตั้งขึ้น ลองใช้น้ำเสียงที่อ่อนลงหน่อย’ สุดท้าย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ผมไม่ได้ขับมอเตอร์ไซต์ แต่ถ้าคนที่ขับแล้วไม่ได้เอาขาตั้งขึ้นเวลาเลี้ยวมันจะล้มเลยนะ หรือเรารอให้ถึงไฟแดงแล้วค่อยบอกเขา แต่ก็อย่าตะโกนดังเพราะบางทีคนสูงอายุจะตกใจง่าย’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หรือเราต้องเป็นฝ่ายยอม? สาวโทรปรึกษา 3 ดีเจในรายการ คบกับแฟนชาวอินเดียได้ 6 เดือน แฟนมาบอกว่า “ต้องกลับบ้านไปแต่งงาน” เป็นวัฒนธรรม ประเพณีที่บ้านเขาทำมานานแล้ว ขอกลับไปอยู่ 3 เดือน จะต่อวีซ่าแล้วกลับมาอยู่ด้วยกันอีก 4 ปี ตอนนี้สับสนไปหมด ควรรอไหม?

01 ก.ย. 2023

หรือเราต้องเป็นฝ่ายยอม? สาวโทรปรึกษา 3 ดีเจในรายการ คบกับแฟนชาวอินเดียได้ 6 เดือน แฟนมาบอกว่า “ต้องกลับบ้านไปแต่งงาน” เป็นวัฒนธรรม ประเพณีที่บ้านเขาทำมานานแล้ว ขอกลับไปอยู่ 3 เดือน จะต่อวีซ่าแล้วกลับมาอยู่ด้วยกันอีก 4 ปี ตอนนี้สับสนไปหมด ควรรอไหม?

หรือเราต้องเป็นฝ่ายยอม? สาวโทรปรึกษา 3 ดีเจในรายการคบกับแฟนชาวอินเดียได้ 6 เดือน แฟนมาบอกว่า “ต้องกลับบ้านไปแต่งงาน”เป็นวัฒนธรรม ประเพณีที่บ้านเขาทำมานานแล้ว ขอกลับไปอยู่ 3 เดือนจะต่อวีซ่าแล้วกลับมาอยู่ด้วยกันอีก 4 ปี ตอนนี้สับสนไปหมด ควรรอไหม?ใจจริงไม่อยากเลิก แต่ก็ทนเห็นเขาอยู่กินกับผู้หญิงอีกคนไม่ไหว... “คุณบี (นามสมมติ)” อายุ 24 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [30 ส.ค. 66] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจไตเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาคบกับแฟนต่างชาติแต่แฟนต้องกลับไปแต่งงานกับคนที่พ่อแม่เลือกให้ โดย “คุณบี (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูคบกับผู้ชายอินเดียมาได้ 6 เดือน ตั้งแต่คบกันมาราบรื่นดี ไม่เคยมีเรื่องอะไรกันเลย จนล่าสุดเมื่อ 3 วันที่แล้วเขามาบอกกับหนูว่า เขามีความจำเป็น ต้องกลับบ้านที่ประเทศอินเดีย เพื่อไปแต่งงานกับคนที่พ่อ-แม่เขาหาไว้ให้ หนูก็ช็อกและถามเขาว่า ทำไมต้องกลับไปแต่ง หรือ คุณมีภรรยาอยู่ที่นู้นใช่มั้ย? ทำไมคุณไม่บอกฉัน เขาบอกว่า เขามาไทย เขาไม่มีใครเลย เขาโสด 100% แต่ที่เขาต้องกลับไป มันเป็นเพราะประเพณีทางบ้านเขา มันยังมีการคุมถุงชนอยู่ เขาบอกว่าเขามีความจำเป็นต้องกลับไปแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ เขาบอกว่า เขาไม่ทำไม่ได้ เพราะมันเป็นหน้าที่ที่ลูกต้องตอบแทนพระคุณพ่อแม่ ตอนนี้เขาทำงานอยู่ที่ประเทศไทย เขาบอกว่าเขาจะต้องกลับไปแต่งงานอีก 3 เดือนข้างหน้า และก็อยู่ที่นั่นอีก 3 เดือน แล้วเขาก็จะต่อวีซ่ากลับมาอยู่ที่ประเทศไทยอีก 4 ปี หนูก็ถามเขาว่า แล้วฉันล่ะ? เขาบอกว่าคนที่พ่อกับแม่เลือกให้ เขาไม่ได้รักเลย คนที่เขาเลือกก็คือหนู แต่เขาต้องทำเพราะมันเป็นหน้าที่ หนูไม่โอเคเลย การที่เห็นแฟนไปแต่งงานกับคนอื่นมันไม่โอเคอยู่แล้ว หนูไม่ยอมหรือเรียกร้อง ทำอะไรไม่ได้เลย แล้วหนูก็ไปเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมบ้านเขาไม่ได้เลย ก่อนที่หนูจะตกลงคบ หนูก็ไม่ได้เช็คหรือถามอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่บ้านเขาเลย และเขาก็ไม่เคยเล่าให้ฟังเลยว่าบ้านเขามีวัฒนธรรมแบบนี้ เขาบอกว่าถ้าเกิดเขามาเล่าให้หนูฟัง เขาก็กลัวหนูรับไม่ได้และกลัวเสียหนูไป หนูก็มีคิดอยากแต่งงานกับเขาแล้ว แต่เขาเคยบอกว่า วัฒนธรรมทางบ้านเขา ผู้ชายอินเดียถ้าเกิดจะมีภรรยาแรกที่แต่งงานกันต้องมีเชื้อสายอินเดียเท่านั้น! ตอนแรกหนูก็ไม่ยอมและตัดบทเขาไปว่า ฉันจะเลิกกับคุณ ทีนี้เขาก็ไม่ยอมเลิกกับหนู หนูดูออกเลยว่าเขารักหนูมากๆจริงๆ เขาไม่ได้รักผู้หญิงคนนั้นเลย เขาไม่ได้เลือกคนนั้น เขาไม่ได้ไปเจอ ไปคุย เขามาเจอหนูก่อน เขารักหนูก่อน แต่เขาต้องทำเพราะมันเป็นหน้าที่ หนูรู้สึกเสียใจมากที่อีก 3 เดือนข้างหน้าต้องเห็นเขาแต่งงานกัน หนูอยากถามพี่ๆดีเจว่า หนูต้องทำยังไงดี? ต้องอยู่แบบนี้ไป ต้องยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น ยอมรับทางบ้านเขา เอาจริงๆ หนูไม่ได้อยากเลิกเลย... งานนี้ทั้ง 3 ดีเจให้คำปรึกษา “คุณบี (นามสมมติ)” ว่า ‘เขามีหน้าที่ต้องไปแต่งงาน แต่หน้าที่ของเขามันดันกระทบเรา ให้เรากลายเป็นเมียน้อยไปปริยาย ต้องถามบีว่าสมัครใจอยู่ในตำแหน่งนี้หรือเปล่า... ความรักมันเป็นเรื่องของคนสองคน พวกพี่คงไปตัดสินใจอะไรแทนไม่ได้ ถ้าบีแฮปปี้กับตำแหน่งนี้ก็สามารถอยู่ได้ แต่ถ้ารับสถานการณ์แบบนี้ไม่ได้ พี่มองว่าบีกับแฟนอยู่กันแค่ 6 เดือนเอง ช่วง 6 เดือนมันยังเป็นความหวือหวา เป็นช่วงที่อินเลิฟกันอยู่ เราอาจจะยังไม่เห็นข้อเสียของกันและกันเลย มันเป็นช่วงที่เราต่างเอาใจกัน ความเป็นตัวเองยังไม่ออกมาหมดเลย ถ้ารับประเพณีบ้านเขาไม่ได้ แนะนำให้บีเปลี่ยนบ้าน เปลี่ยนไปประเทศอื่นเลย แต่ถ้าจะรักคนนี้จริงๆ ก็ต้องเข้าใจเขาว่าประเพณีมันเป็นแบบนั้น ถ้าบ้านเขาต้องการให้เขาแต่งงาน บีก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว มันไม่มีทางที่เขาจะมาอยู่กับเราได้ตลอดไป บีต้องยอมรับความจริงให้ได้ และถึงตอนนั้นบีจะเห็นว่ามันไปรอดกันยาก ไม่มีใครอยากไปเป็นเมียน้อยใคร เมื่อเราเห็นอยู่แล้วว่าเรื่องนี้ไม่จบแน่ แต่มันต้องใช้เวลา ยิ่งเราตัดใจได้เร็ว มูฟออนได้เร็ว ปัญหานี้ก็จะจบเร็ว พี่ไม่อยากให้เคสของบีมันเรื้อรัง ต่อให้เคลียร์กันได้ในรูปแบบการใช้ชีวิต มันก็ยังไม่ใช่ชีวิตที่บีต้องการหรอก บางทีเราเจอคนที่ถูกใจ แต่มันผิดเวลา จังหวะการเจอกันมันเป็นสิ่งสำคัญ เพราะฉะนั้นถ้ามูฟออนได้ก็จะดีมาก...เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

คบสามีมา 15 ปี มีลูก 2 คน ช่วงที่เรามีหนี้ สามีลากกระเป๋าออกบ้านไปเลย สุดท้ายมีผู้หญิงอีกคน สามีบอก "เธอต้องยอมรับนะ ถ้าเธอไม่มีหนี้วันนั้น ฉันคงไม่เจออีกคนหรอก" ตอนนี้สามีอยากกลับมาหาเรา แต่ผู้หญิงคนนั้นโทรมา...

15 มี.ค. 2024

คบสามีมา 15 ปี มีลูก 2 คน ช่วงที่เรามีหนี้ สามีลากกระเป๋าออกบ้านไปเลย สุดท้ายมีผู้หญิงอีกคน สามีบอก "เธอต้องยอมรับนะ ถ้าเธอไม่มีหนี้วันนั้น ฉันคงไม่เจออีกคนหรอก" ตอนนี้สามีอยากกลับมาหาเรา แต่ผู้หญิงคนนั้นโทรมา...

คบสามีมา 15 ปี มีลูก 2 คน ช่วงที่เรามีหนี้ สามีลากกระเป๋าออกบ้านไปเลยสุดท้ายมีผู้หญิงอีกคน สามีบอก "เธอต้องยอมรับนะ ถ้าเธอไม่มีหนี้วันนั้น ฉันคงไม่เจออีกคนหรอก"ตอนนี้สามีอยากกลับมาหาเรา แต่ผู้หญิงคนนั้นโทรมา"ตอนสามีพี่อยู่กับหนูเขาก็พูดถึงแต่พี่" ขออยู่กัน 3 คนผัวเมีย “คุณเค(นามสมมติ)” อายุ 32 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (13 มี.ค. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาความสัมพันธ์กับแฟน โดย ​“คุณเค(นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูใช้ชีวิตอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งมา 15 ปี เราเป็นแฟนกันตั้งแต่หนูอายุ 17 ปี มีลูกด้วยกัน 2 คน ตลอดเวลา 15 ปี เราก็ใช้ชีวิตของเรา มีปัญหามากมายเข้ามา เขาก็ทะเลาะวิวาท ไปติดคุก เราก็รอเขาอยู่ 3 - 4 ปี จนเดินทางมาถึงเดือนตุลาคม - พฤศจิกายนปลายปีที่แล้ว หนูมีปัญหาเรื่องหนี้สิน บริหารการเงินผิดพลาด มันมาจากหนี้ก้อนเล็ก ๆ เหมือนเรายืมเงินจากเจ้านี้ไปจ่ายเจ้านู้น ก็เลยกลับกลายเป็นงูกินหาง แล้วทีนี้เขาก็มีการถามหนู แต่หนูบอกเขาไม่หมด จนวันหนึ่งเขามารู้ความจริง หนูก็คิดว่าเขาน่าจะช่วยหนูแหละ แต่เขากลับเก็บเงินทุกบาททุกสตางค์ที่มีในบ้านออกไป แต่การไปของเขาคือ เรายังไปมาหาสู่กัน ยังมารับไปกินข้าว ไปนอนด้วยกัน เราก็ไม่ได้เลิกขาดแต่เราแค่ห่างกัน แล้วเขาก็บอกหนูตลอดว่า เนี่ยเธอก็ไปจัดการของเธอให้เสร็จนะ แล้วเดี๋ยวเราก็กลับมาอยู่ด้วยกัน เป็นครอบครัวเดียวกัน วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2553 เราตกลงเป็นแฟนกัน จนมาถึงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 วันนั้นหนูรู้สึกไม่อยากไปทำงาน เลยโทรไปถามเขาว่า อยู่ห้องหรือเปล่า? ด้วยความที่เขาออกจากบ้านไปเช่าห้องอยู่ เขาก็บอกว่า ไม่ได้อยู่ห้อง หนูก็บอกว่า ไม่อยู่ก็ไม่เป็นไร แต่ไม่ต้องล็อคห้องนะ เดี๋ยวจะไปนอน เขาบอกว่า ไม่ต้องมา ออกมาแล้ว ซึ่งหนูก็รู้สึกว่ามันต้องมีอะไรสักอย่าง หนูก็ไปถึงปุ๊บ เห็นรถเขาจอดอยู่ หนูก็เลยไลน์ไปถามอีกว่า อยู่ห้องหรือเปล่า? เขาบอกว่า ไม่อยู่ ออกมาแล้ว หนูก็เลยถามตัวเองว่า ยอมรับได้หรือเปล่าถ้าต้องเจออะไร ก็เลยเลือกที่จะรออยู่ตรงนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง แต่ก็คิดในใจว่าขึ้นไปดีกว่า แล้วหลังจากนั้นทุกอย่างก็เหมือนในหนังเลย พอหนูผลักประตูเข้าไปในตัวอาคาร เขาเดินลงมาด้วยกัน 2 คนจากบันไดขั้นสุดท้ายพอดี พอเขาเห็นหนู เขาดึงมือผู้หญิงคนนั้นไว้ข้างหลังเขา หนูก็เลือกที่จะไม่พูด ไม่ถามอะไรสักคำ แล้วเดินหันหลังมาเลย หนูได้แต่บอกตัวเองว่ามันจบแล้ว และหนูก็ไม่ติดต่อเขาไปอีก จนวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เขาไลน์มาว่า เธอพรุ่งนี้วันวาเลนไทน์นะ อยากได้อะไรหรือเปล่า? เขาอยากให้หนูเป็นครั้งสุดท้าย หนูก็ตอบไปว่า ไม่อยากได้อะไรเลย เพราะสิ่งที่ขอ ได้ขอไปหมดแล้ว ไม่เอาแล้ว เขาก็บอกว่า งั้นดูแลตัวเองดี ๆ แล้วกัน หนูก็มาเริ่มต้นชีวิตใหม่ เช่าห้องเล็ก ๆ อยู่คนเดียว เพราะบางวันเราเลิกงานดึก เผื่อไม่ต้องกลับบ้าน ส่วนลูกอยู่กับพ่อ-แม่ของหนู วันที่ 17-18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พอหนูขับรถจากที่ทำงานมาถึงหอพัก รถเขาก็จอดอยู่ หนูก็ตกใจว่าเขามาได้ยังไง เขาก็บอกว่า ทุกวันเขาไปแอบดูหนูที่ทำงาน แล้วก็สะกดรอยตามจนรู้ว่าหนูอยู่ที่นี่ ตลอดเวลาตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เขาพูดตลอดว่า ขอเวลาได้ไหม สัญญาด้วยชีวิตว่าวันหนึ่งจะกลับมา ขอโอกาสได้ไหม? ซึ่งหนูก็บอกเขาไปว่า ให้เวลาได้แต่ไม่นานพอถึงกับไม่มีกำหนด แล้วมันคาราคาซังแบบนี้ตลอดเวลา ทุกครั้งที่เขามาหาหนู เขาก็จะพูดแบบนี้ ซึ่งหนูไม่อยากจะเชื่อในคำพูดเขาแล้ว เพราะการกระทำของเขามันทำให้เห็นชัดแล้วว่า เขาไม่กลับมาหรอก... แต่ด้วยความที่เราอยู่ด้วยกันมานาน ทุกครั้งที่เขาจะมา เหมือนเราใจอ่อนปล่อยให้เขามา ทุกครั้งที่หนูเริ่มที่จะอยู่ได้ พอเขามาหนูต้องเริ่มต้นใหม่อีก แต่หนูก็ได้บอกสิ่งที่ต้องการกับเขาไปแล้วว่า ถ้าคุณจะไป คุณไปจากเราได้เลย ไม่ต้องหันหลังกลับมา ซึ่งเขาก็บอกว่า เขารู้แค่ว่าเขาไม่มีวันทิ้งหนู เขาไปจากหนูไม่ได้ เขาไปอยู่กับผู้หญิงคนนั้น แต่เขาก็คิดถึงหนู แต่หนูบอกว่า ไม่เป็นไร ถ้าจะไปคุณไปให้สุดเลย แต่ถ้าวันหนึ่งคุณอยากกลับมา คุณต้องมาแบบ 100% เขาก็บอกว่า ขอได้ไหมอย่าเป็นแบบนี้ ช่วยยอมรับหน่อยได้ไหมว่ามันเป็นความผิดของหนู ถ้าวันนั้นหนูไม่เป็นหนี้ ไม่มีปัญหาชีวิตแบบนั้น เขาก็ไม่ออกจากบ้านมาหรอก เราก็มีความสุขกันดี แต่วันนี้ที่เขาไปมีคนอื่นมันเป็นเพราะหนู ในเรื่องของความเป็นพ่อ เขาก็เป็นพ่อที่ดีในระดับหนึ่ง เขาส่งเงินมาให้ตลอดทุกอาทิตย์ แต่ตอนที่ลูกอยู่กับพ่อ-แม่ของหนู เราก็ไม่ได้ห่างกัน เพราะบ้านเราอยู่ตรงข้ามกัน เมื่อก่อนเราทำงานกลางคืน ช่วงกลางวันลูกจะอยู่กับเรา เราจะไปส่งลูกที่โรงเรียน ไปรับลูกมาอยู่ด้วยกัน พอถึงเวลานอนแค่นั้นที่จะให้อยู่กับตายาย หลังจากนั้นเขาก็บอกว่า เขาเลิกกับผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ เขายอมรับว่ารักผู้หญิงคนนั้น แต่รักหนูมากกว่า วันที่หนูจับได้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ทางผู้หญิงคนนั้นโทรมาหาหนูว่า พี่จะเอายังไง? หนูก็บอกว่า พี่ต้องเอาสามีพี่คืนสิ เขาก็บอกว่า ไม่ให้ ก็นี่จะเอาเหมือนกัน หนูก็บอกว่า พี่ก็ไม่อยากแย่งผู้ชายกับใครนะ แม้ผู้ชายคนนี้จะเป็นสามีพี่ก็ตาม ถ้าหนูจะเอาก็เอาไปเถอะ จนเมื่อประมาณอาทิตย์ที่แล้ว ผู้หญิงคนนั้นได้โทรมาหาหนูและถามว่า พี่คิดว่าเราจะใช้ชีวิตกันแบบ 3 คนได้ไหม เพราะเขาก็ยังคิดถึงพี่ พี่จะรับได้ไหม? หนูก็บอกว่า รับไม่ได้ ไปอยู่กันเถอะ หนูอยากถามว่า หนูจะทำยังไง ให้ตัวเองเด็ดขาดที่ไม่ให้เขามาหาอีก? ซึ่ง “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ไม่มีวันทำได้ ไม่ต้องพยายาม หนูเฝ้าบอกทั้งตัวเองและพวกพี่ทั้ง 3 คนว่าหนูทำใจได้ แต่ในความเป็นจริงหนูไม่มีวันทำได้ ถ้าทำได้มันทำไปแล้ว และปลายทางที่ยังบอกเขาว่า ถ้าเธอจะกลับมาเมื่อไหร่ เธอต้องกลับมา 100% นะ แค่คำนี้ก็บอกแล้วว่าต่อให้เขาไปเลวระยำตำบอนที่ไหน กลับมาได้ทุกเมื่อ สำหรับเคก็ยอมผู้ชายคนนี้ไปทั้งชีวิตแล้ว ไม่มีวันที่เคจะต่อต้านอะไรเขาได้ เพราะลึก ๆ แล้วจิตใต้สำนึกเคไม่ได้จะต่อต้านเขา จริง ๆ วิธีการที่เราจะตัดใครสักคน ไม่มีอะไรซับซ้อนไปกว่าก็ตัดให้มันเด็ดขาด แต่สุดท้ายเราฟังออกว่า ใครที่มีความเด็ดเดี่ยวที่จะตัดจริง ๆ กับใครที่ไม่มีวันตัดได้ คือถ้าคนที่บอกว่าตัวเองเด็ดขาด มันจะไม่รับโทรศัพท์ด้วยซ้ำ ไม่ว่าเขาจะขอกลับมาด้วยรูปแบบไหน เขาจะไม่มีวันได้กลับมา แต่ตอนนี้กับเคมันไม่ใช่ วัดจากอายุเขาอยู่กับเรามาครึ่งชีวิต แต่เขาคือส่วนที่เลวร้ายของชีวิต ถ้าเป็นร่างกายเขาก็อาจจะไม่ต่างอะไรกับเนื้อร้าย วันหนึ่งอยู่ดี ๆ ก็มีคนเอาก้อนเนื้อร้ายนั้นออกไป แต่เราเองนี่แหละที่พยายามแย่งชิงเนื้อร้ายกลับมา มันแค่นี้เอง โดยที่เราคิดว่านี่คือแฟนคนแรกที่อยู่กับเรามาครึ่งชีวิต แต่เราไม่ได้คิดว่าชีวิตฉันแย่มาครึ่งชีวิตแล้ว คำว่าครอบครัวที่สมบูรณ์ไม่จำเป็นต้องครบพ่อ แม่ ลูก 3 คน จำนวนของคนครอบครัวที่น้อยที่สุดคือ 2 คน ตอนนี้โรงเรียนเขาสอนเด็กทุกคนแบบนี้ หลาย ๆ ครอบครัวเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์เมื่อมีใครสักคนออกไป ลองเปลี่ยนความคิดนี้ดูใหม่ ค่อย ๆ ทำความเข้าใจกับมัน แล้วตอบตัวเองให้ได้ว่าอะไรดีหรือไม่ดีกับชีวิต ครอบครัว และลูกของตัวเอง ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘ช่วยยังไงในเมื่อปากเคยังบอกให้เขาเข้ามา พวกพี่จะทำอะไรได้ แย่งเขากลับมายังง่ายกว่าเลย เพราะผู้หญิงคนนั้นเขาเริ่มลังเลแล้วว่า ผู้ชายอยู่กับเรายังบอกคิดถึงเมียเก่า แต่สิ่งที่แย่งชิงคือ แย่งขยะกันอยู่ไง ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่สบายใจหรอก โยนกันไป โยนกันมา ขยะติดมือใครคนนั้นก็เหม็นแค่นั้นเอง แล้วก็ผู้ชายที่มีคนอื่น มีโลกสองใบ ยังจะโยนความผิดให้กูอีก เพราะว่ากูเป็นหนี้ถึงทำให้มึงมีเมียน้อยมันใช่ไหมล่ะ ตอนนี้พี่ก็เหลือแค่งัดปากเคขึ้นมาบอกว่า ไม่ให้มา ปากเคเป็นคนพูดเอง เคต้องรู้จักปฏิเสธ และขอย้ำเลยว่า ครอบครัวที่สมบูรณ์ไม่ใช่พ่อ แม่ ลูกเท่านั้น ครอบครัวที่สมบูรณ์คือ การดูแลเด็กคนนี้ด้วยความรัก ความสุข ด้วยกำลังแรงกายแรงใจทั้งหมดที่เธอมี ซึ่งวันนี้เธอจะเอาความสุขไปดูแลลูกไม่ได้เลย ถ้าชีวิตเธอยังไม่มีความสุข ผู้ชายคนนี้อยู่ในชีวิต ต่อให้มันไปมีเมียน้อยก็ไม่มีความสุข กลับมาก็ไม่มีความสุข ให้ผู้คนหญิงคนนั้นไป เด็ดเดี่ยวในการพูดว่า ไม่ แล้วบล็อก ต่อไปนี้อย่ามายุ่งกับฉัน เธอไม่ได้ดีพอที่จะเป็นสามีที่ดีและพ่อของลูกฉัน ณ วันนี้ทำหน้าที่พ่อไป เพราะหน้าที่สามีสิ้นสุดตั้งแต่มีผู้หญิงคนนั้นแล้ว สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘สิ่งที่พูดมันอาจจะทำร้ายความรู้สึกหนู แต่ว่าพี่อยากให้หนูมีชีวิตที่ดีกว่านี้ คำถามที่หนูถามว่า ทำยังไงถึงจะหลุดพ้นจากเรื่องนี้ได้ พี่ก็จะบอกว่า ทำให้ได้อย่างที่หนูพูดกับพวกพี่ทั้งหมดตั้งแต่ต้นรายการ ถ้าหนูจำไม่ได้หนูไปเปิดฟังอีกทีก็ได้ เอาจริง ๆ หนูเป็นคนฉลาด หนูพูดเหมือนหนูรู้ทุกอย่างว่าสามีคนนี้เป็นคนแบบไหน หนูแค่ต้องทำให้ได้อย่างที่หนูรู้ด้วยการใช้สมอง เพราะพี่รู้สึกว่าทุกครั้งเวลาที่เขากลับมา หนูจะใช้ความรู้สึกอย่างเดียวเลยว่า หนูขาดเขาไม่ได้ แต่ถ้าหนูใช้สมองตามที่หนูคิด อย่างที่พูดกับพวกพี่มาทั้งหมด หนูจะบอกกับตัวเองได้ทันทีว่า หนูจะไม่ปล่อยให้คนนี้กลับเข้ามาในชีวิตเป็นอันขาด มันยากพี่เข้าใจ แต่ถ้าเราใช้เหตุผลคุยกับตัวเอง พี่ว่าหนูจะผ่านมันไปได้ การที่เขาอยู่กับเรามาตลอดครึ่งชีวิต แล้วเขาทำกับเราแบบนี้ มันยิ่งชัดเจนเหลือเกินว่า คนนี้ไม่มีค่าอะไรเลยที่เราจะต้องรักษาเอาไว้ อยากให้กลับไปฟังสิ่งที่ตัวเองพูดทั้งหมด แล้วทุกครั้งถ้าเขาจะกลับมาก็เปิดสิ่งที่พูดให้พวกพี่ฟังก็ได้ และเราเป็นคนเลือกได้นะเค ไม่ใช่เขาเป็นคนเลือก ว่าจะกลับหรือไม่กลับมาในชีวิตเรา มันเป็นสิทธิ์ของเรา เหมือนที่เขาเลือกชีวิตของเขาที่จะทิ้งเราไปและมีผู้หญิงคนอื่น...เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1