เพื่อนร่วมงาน นิสัยแปลกๆ ทุกเช้าที่เราซื้อน้ำ ชา กาแฟ มา เพื่อนจะนั่งรอแล้วถามว่า "อุ๊ย น้ำอะไรอะ" แล้วก็หยิบแก้วไปดูดหลอดของเราเลย หลังๆมาดูดไปครึ่งแก้ว จนเรายกให้เขาไปเลย จะปฏิเสธก็ขี้เกรงใจ ตอนนี้กลัวโรคด้วย จะทำยังไงดี??

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

เพื่อนร่วมงาน นิสัยแปลกๆ ทุกเช้าที่เราซื้อน้ำ ชา กาแฟ มา เพื่อนจะนั่งรอแล้วถามว่า "อุ๊ย น้ำอะไรอะ" แล้วก็หยิบแก้วไปดูดหลอดของเราเลย หลังๆมาดูดไปครึ่งแก้ว จนเรายกให้เขาไปเลย จะปฏิเสธก็ขี้เกรงใจ ตอนนี้กลัวโรคด้วย จะทำยังไงดี??

13 พ.ค. 2024

            “คุณบี (นามสมมุติ)” อายุ 24 ปี สายที่สี่ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [ 8 พ.ค. 2567 ] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาเพื่อนที่ทำงานนิสัยแปลก ชอบมาขอน้ำที่เราซื้อมากิน

            โดย “คุณบี (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูมีเพื่อนแปลกๆที่ทำงานอยู่คนหนึ่ง คือเค้าชอบมาขอกินน้ำหนูทุกเช้าเลย เราทำงานออฟฟิศเวลาตอนเช้าก็จะซื้อเครื่องดื่มเพื่อเอามากิน มีทั้งกาแฟ ชา แล้วแต่วัน เหตุการณ์ครั้งแรก คือ หนูถือมาแล้วมานั่งที่โต๊ะแล้ว เค้าก็ชอบแบบว่า ‘น้ำอะไรอะ ขอชิมหน่อยสิ’ หนูก็ให้เค้าชิมไปเพราะว่าแบบมันเป็นครั้งแรก เค้าก็ดูดหลอดเดียวกับเรา รู้สึกช็อคนิดนึง เพราะว่าหนูไม่รู้ว่าเค้าจะเป็นโรคแบบไวรัสตับอักเสบบีหรืออะไรรึเปล่าที่มันติดต่อกัน หนูกับเค้าสนิทกันระดับนึง แต่ถ้าไม่สนิทมาก หนูไม่กล้าไปกินหลอดเดียวกับเพื่อน หนูก็เลยรู้สึกว่ามันไม่น่าได้รึเปล่า

            หลังจากนั้นอีกวันนึง หนูก็ซื้อน้ำมาอีก แล้วทีนี้เค้าก็ทำแบบเดิม หนูก็เลยรู้สึกว่าถ้าวันต่อไปหนูซื้อมา หนูเลือกที่จะหยิบหลอดมา 1 อันให้เค้าเลย แล้วหนูเลือกที่จะกินน้ำจากปากแก้วเอา เพราะเดี๋ยวเค้าต้องขอหนูกินแน่นอน แล้วมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ หนูก็เลยยกหลอดนั้นให้เค้าไปเลย บางทีหนูกินได้แค่ครึ่งแก้วแล้วเค้ามาขอกิน หนูก็ยกให้เค้าไปทั้งแก้วเลย เพราะว่าหนูไม่กล้ากินต่อแล้ว มันก็เลยทำให้รู้สึกว่าหนูไม่กล้าซื้อน้ำมากินในตอนเช้าแล้ว และหนูก็เคยถามเค้าว่าเอาอะไรมั้ย เดี๋ยวซื้อไปฝาก เพราะหนูจะซื้อน้ำตอนเช้าพอดี เค้าบอกไม่เอา แต่สุดท้ายยังมาขอชิมของหนู

            ปกติหนูจะชอบซื้อชาพีชกับแดงโซดามากิน แล้วเค้าก็ขอกินทุกเช้าเลย เค้าจะไม่ซื้อน้ำตอนเช้า แต่เค้าจะซื้อแค่ตอนเที่ยง จะขอวิธีไม่ให้เค้ามาขอกินตอนหนูซื้อมา หรือถ้าหนูจะให้เค้ากิน จะมีวิธีไหนมั้ย? คือหนูไม่รู้จะพูดกับเค้ายังไง? แล้วเค้าจะคิดว่าเรารังเกียจเค้าหรือเปล่า ถ้าหนูไม่ให้เค้าดูดหลอดเดียวกัน?

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

คบแฟนมา 6-7 ปี ไม่เคยไปบ้านเค้าเลย เพราะแฟนบอก 'พ่อไม่ชอบทอม' เราไม่เคยเจอสังคมอะไรของแฟนเลย มีแต่แฟนที่รู้ฝั่งเรา พีคสุด แฟนจดทะเบียนสมรสกับผู้ชายอีกคนอยู่แล้วแต่แยกกันอยู่ ตอนนี้เราเลิกกันแล้วแต่แฟนขอให้กลับไปคบกันเหมือนเดิม

02 ก.พ. 2024

คบแฟนมา 6-7 ปี ไม่เคยไปบ้านเค้าเลย เพราะแฟนบอก 'พ่อไม่ชอบทอม' เราไม่เคยเจอสังคมอะไรของแฟนเลย มีแต่แฟนที่รู้ฝั่งเรา พีคสุด แฟนจดทะเบียนสมรสกับผู้ชายอีกคนอยู่แล้วแต่แยกกันอยู่ ตอนนี้เราเลิกกันแล้วแต่แฟนขอให้กลับไปคบกันเหมือนเดิม

“คุณยีนส์ (นามสมมติ)” อายุ 41 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (31 ม.ค. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาที่มารู้ทีหลังว่าแฟนยังไม่หย่ากับสามี โดย “คุณยีนส์ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ขอเกริ่นก่อนว่าเราเป็น LGBTQ คบกับแฟนมาประมาณ 6 - 7 ปีแล้ว ซึ่งตลอดเวลาที่คบกัน เรารู้แค่ว่าทางบ้านเขาไม่ชอบเรา และเราก็ไม่เคยรับรู้เรื่องทางบ้านเขาเลย ไม่เคยรู้เลยว่าบ้านเขาเป็นยังไง หรือแม้กระทั่งบ้านเขาอยู่ที่ไหน จนคบกันมาเข้าปีที่ 6 เป็นครั้งแรกที่เราได้มีโอกาสไปบ้านเขาใน ‘ฐานะเพื่อน’ หลังจากกลับมาจากบ้านเขา เราก็ได้รู้เรื่องต่าง ๆ จากปากเพื่อนเขาว่า ‘เขาแต่งงาน เคยจดทะเบียนสมรส แล้วยังคงคาทะเบียนสมรสกันอยู่ด้วย’ เราต้องไปคาดคั้นความจริงจากเขา เขาถึงยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง... ที่ผ่านมา เราไม่เคยมีตัวตนในชีวิตเขาเลย ไม่ว่าจะเป็นในโซเชียล ทางบ้านหรือทางสังคมของเขา คือเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเขาเลย แต่เขากลับรู้เรื่องเราทุกอย่าง เพราะว่าตอนที่คบกัน เขามาอยู่บ้านเราตลอด 24 ชม. แต่ในช่วงที่เขาอยู่บ้านเรา เขาก็จะมีกลับบ้านเขาไปบ้าง ซึ่งตอนที่เขากลับบ้าน เราจะไม่สามารถติดต่อเขาได้เลย เขาจะพูดกับเราเสมอว่า “ครอบครัวเขาเกลียดมาก” ไม่ให้รับโทรศัพท์ ไม่ให้ทำอะไรเลย แล้วพอมารู้เรื่องนี้ เราก็เหมือนตัดสินใจแล้วว่า “ฉันไม่เอาละ ฉันเลิกดีกว่า” ที่อยากเลิกเพราะรู้สึกว่าเขาเหมือนโกหกเรามาตลอด เพราะเราเองก็ถามมาตลอดเหมือนกัน ณ ตอนนี้ หลังจากที่เลิกกันแล้ว ก็ยังรู้สึกว่าคาราคาซังอยู่ เราก็คิดว่าเราไม่เอาแล้ว แต่ทางเขาก็ไม่ยอมเลิก จริง ๆ ก็เคยถามเขาเรื่องหย่า เขาก็บอกว่า “เดี๋ยวจะทำเรื่องหย่าให้” แต่พอถามเขาอีกรอบ เขาก็ยังตอบเหมือนเดิม โดยที่ไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย เหมือนเขาแค่ตอบให้ผ่านๆ ไป วันนี้จึงอยากจะถามพี่ๆดีเจว่า “เราควรจะไปต่อดีไหม ถ้าเรามองข้ามเรื่องนั้นไป หรือเราจะเข้าไปคุยกับพ่อแม่เขาดี หรือจริงๆ ควรจะจบแค่เพียงเท่านี้ ?”’ ซึ่งทาง “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าคนของเราโอเค มันจะแบ่งเบาภาระไปได้เยอะ ถ้าครอบครัวเขาไม่ชอบ อันนี้ก็จะเป็นอีกหนึ่งความลำบาก ซึ่งจะขึ้นอยู่กับคนกลางที่เป็นคนของเราเหมือนกัน เขาพร้อมที่จะเสียสละเพื่อที่จะอยู่กับเราไหม? ผมว่า 6 - 7 ปีที่ผ่านมา คุณยีนส์กำลังเข้าสู่ช่วงอยากมีตัวตน มันถึงวัยที่คุณยีนส์อยากได้รับการยอมรับ อยากเริ่มสร้างครอบครัวจริงจัง รวมถึงเริ่มรู้สึกเสียเวลาถ้าอยู่โดยไม่มีปลายทาง พอมาดูความรักของคุณยีนส์ มันก็ยังคงมีคำถามมากมาย ครอบครัวเขาจะรับเราได้ไหม? หรือเขาเองนี่แหละพร้อมที่จะเปิดตัวเรารึเปล่า? ซึ่งมันเป็นคำถามมากเลย สมมติว่าถ้าผมซี้กับคุณยีนส์ ผมก็จะแนะนำว่า “เราเคยเห็นคนที่มันชัดเจน เป็นความรักของ LGBTQ ที่เปิดตัว สร้างครอบครัวไปด้วยกัน ซึ่งมันดี” ไม่อยากให้คุณยีนส์เสียเวลา ถ้าต้องเลือกทางใดทางหนึ่ง อายุเราก็เดินทางมาถึงเลขสี่แล้ว การที่เราจะต้องซื้อเวลาไปข้างหน้า เพื่อความขมุกขมัวที่ไม่แน่นอน ผมไม่ค่อยสนับสนุน มันอาจจะต้องมองหาสิ่งที่มันแน่นอน และเริ่มสร้างครอบครัวด้วยกันได้แล้ว ถ้ามันต้องเลือก ผมอยากให้คุณยีนส์มองหาสิ่งที่ทำให้คุณยีนส์มีความสุขจริง ๆ ได้สักที’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘การที่เรามีทะเบียนสมรสอยู่ แล้วเราอยู่กับใครคนนึงมา 6 ปี โดยที่ไม่บอกเรื่องนี้ หอมว่ามันใจดำไปนิดนึง เพราะมันผิดกฎหมายด้วย ถ้าอีกฝ่ายจะฟ้อง เราแย่แน่ 6 - 7 ปี ที่อยู่ด้วยกันมา เขาไม่คิดจะบอกคนที่อยู่ข้าง ๆ เลยเหรอ? ถ้าเกิดผู้ชายคนนั้นไม่มีตัวตน อันนี้มันพูดง่ายมาก แค่บอกว่ายังไม่หย่า มันได้ใจเรามากกว่าอีก แล้วการปกปิดนี้มันเป็นเราที่มารู้เอง อีกเรื่องคือ เขาไม่เคารพ ไม่ให้เกียรติเราเลย อายุ 42 แล้ว ยังกลัวพ่อด่าเรื่อง LGBTQ อยู่อีกเหรอ? สมมติว่าการเลิกราเกิดขึ้น แล้วอีกฝ่ายไม่อยากเลิก สิ่งที่ยื้อคุณยีนส์กลับมาได้คือ การกระทำ เช่น 1. เดี๋ยวหย่าให้ 2. คือการพาไปไหว้พ่อ เปิดตัวให้รู้เลยว่าฉันจริงจัง มันต้องแสดงด้วยการกระทำ แต่นี่... ป่านนี้ยังไม่ทำอะไรเลย แล้วคือคุณยีนส์จะต้องรอคน ๆ นึงที่ไม่เคยให้เกียรติคุณยีนส์มาตลอด 6 ปี เลยเหรอ? เขามีราคาอะไรที่เราจะต้องจ่ายขนาดนั้น ความดีนี้ต้องซื้อด้วยอะไร ในเมื่อมันไม่มี ถ้าเขาอยากตื๊อก็ตื๊อได้ แต่ต้องอยู่กับปัจจุบัน ถ้าวันนี้ไม่เห็นอะไรที่น่ากลับไปก็ไม่ต้องกลับ แล้วยีนส์เปิดโอกาสให้ตัวเองเลย ใครสักคนที่ดีกว่านี้ ใครสักคนที่ไม่โกหกเรา ถ้าวันนี้คนเก่ายังทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องกลับ’ และสุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ดูที่พฤติกรรม ถ้าเกิดว่าพฤติกรรมเขาสวนทางกับคำพูด คือถ้ามันเป็นคนที่ใช่ มันจะไม่ยากลำบากขนาดนี้ แล้วสำหรับคู่คุณยีนส์มันหลายปีแล้ว มันควรจะต้องใช่ได้แล้ว มันไม่ควรจะมาตั้งคำถามในตอนนี้แล้ว มันเสียเวลาชีวิต 6 – 7 ปี มันพิสูจน์มามากพอแล้วว่าคุณยีนส์รักเขา และยอมขนาดไหน ขนาดให้เขาปกปิดโลกของเขาแล้วไม่งี่เง่าอะไรเลย วันนี้ถึงเวลาที่เขาจะทำให้เราเห็นแล้วว่า เขาอยากให้เราอยู่ ไม่ใช่แค่ปากที่มาง้อ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

สาววัย 20 กลุ้มใจ ทะเลาะแฟนโดนบีบคอ จนหายใจไม่ออก ตอนนี้ตัดสินใจจะยุติความสัมพันธ์ แต่พ่อแม่เค้าบอกว่า "ระวังจะเป็นฝ่ายแพ้นะ ถ้าเลิกกับลูกเค้า"

01 ธ.ค. 2023

สาววัย 20 กลุ้มใจ ทะเลาะแฟนโดนบีบคอ จนหายใจไม่ออก ตอนนี้ตัดสินใจจะยุติความสัมพันธ์ แต่พ่อแม่เค้าบอกว่า "ระวังจะเป็นฝ่ายแพ้นะ ถ้าเลิกกับลูกเค้า"

“คุณจี (นามสมมติ)” อายุ 20 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (29 พ.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาที่ทะเลาะกับแฟนรุนแรง จนถึงขั้นโดนเขาทำร้ายร่างกาย แต่ครอบครัวแฟนกลับบอกให้เราอยู่ต่อ โดย “คุณจี (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เพิ่งทะเลาะกับแฟนมา แล้วโดนบีบคอ แต่ทางฝั่งครอบครัวแฟนบอกให้อยู่ต่อ เพราะกลัวเราจะแพ้ คือเราเป็นเมียหลวง แต่ทีนี้แฟนหนูเขาไปมีมือที่สาม เรื่องราวเกิดขึ้นมาหลายครั้ง แต่ว่าครั้งนี้หนักที่สุด เราอยู่กับแฟนมา 3 - 4 ปี แล้วก็มีเรื่องมือที่สามมาตลอด โดยที่เขาไม่ได้มีคนเดิมแต่เปลี่ยนคนไปเรื่อย ๆ เวลาเราจับได้ เขาก็จะยอมเลิกแล้วเลือกเรา เหมือนว่าพอต่างคนต่างตัดสินใจไปมีคนอื่น สุดท้ายก็กลับมาหากันอยู่ดี หนูตัดสินใจมาอยู่กับเขาตั้งแต่เรียนอยู่ จนตอนนี้ก็ทำงานไปด้วย เรียนมหาลัยไปด้วย เขาก็คะยั้นคะยอตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงปีนี้ว่าให้เรามาอยู่ด้วยกับเขา ถ้าเรามาอยู่กับเขา เขาจะปรับปรุงตัว ก็ทำให้เราเชื่อ แต่หนูก็พยายามปฏิเสธมาตลอด จนกระทั่งสุดท้ายหนูตัดสินใจมา เพราะว่าทางครอบครัวหนูเองก็มีปัญหาเลยตัดสินใจมาอยู่กับเขา พอมาอยู่ ก็ทะเลาะกับเขา เรื่องที่ว่าก่อนหน้านี้เราเลิกกันไปแล้ว หนูก็มีผู้ชายคนอื่น แต่เราก็เคลียร์กันไปหมดแล้วก่อนที่จะมาอยู่กับเขา แต่เขาก็มาเห็นแชทที่เราคุยกับผู้ชายพวกนั้น จนเกิดการทะเลาะกันขึ้นมา เขาโมโหเรา แย่งโทรศัพท์กัน แล้วเขาก็บีบคอเรา คือเขาบีบคอเหมือนเราใกล้จะตาย บีบทั้งหมดสามรอบ โดยรอบแรกบีบเบา ๆ รอบสองหนักขึ้นเรื่อย ๆ พอมารอบที่สามหนูหายใจไม่ออกแล้ว ไม่มีใครห้ามเพราะไม่มีใครเห็น ที่เขาหยุดเพราะหนูพูดเบา ๆ ว่า “มึงบีบกูให้ตายไปเลย ให้ตายคามือมึงไปเลย” เขาเลยค่อย ๆ คลายมือเขาออก พอหนูเล่าเรื่องนี้ให้ครอบครัวแฟนฟัง ตอนแรกเขาก็จะให้หนูกลับไปอยู่บ้านหนู แต่สุดท้ายเขาไม่ให้หนูกลับ เพราะเขากลัวว่าหนูจะแพ้ผู้หญิงที่เป็นมือที่สาม คำถามที่อยากถามพี่ๆวันนี้ก็คือ หนูจะทำยังไงต่อไปดี ในเมื่อฝั่งทางแฟนไม่ให้หนูไปไหน...’ ซึ่ง “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ผู้ชายแบบนี้น่ากลัวที่สุด ไอพวกเลิกยาก ต้องหนีเท่านั้น กลับไปอยู่บ้านพ่อแม่ก็โดนตาม แล้วทรงหนูดูใจอ่อนด้วย เขาทำหนูตั้งกี่ครั้งแล้วหนูยังทนได้เลย ฉะนั้นหนูมีทางเดียวคือ บล็อคทุกอย่างแล้วก็หนี หนีไปอยู่กับใครสักคนนึงที่เขาไม่รู้จักแล้วตามไม่ได้ โทรศัพท์ก็เปลี่ยนเบอร์เลย ไม่งั้นชีวิตพ้นน้ำยากมาก อีนี่จะตามอยู่เป็นปีบอกเลย ยกเว้นอีตัวเมียใหม่มันดี แต่คือถ้าเขายังหึงขนาดบีบคอหนูได้ แบบนี้พี่ว่าตามแน่นอน แล้วอีกอย่างนึงก็คือการมีหนูอยู่เขาไม่ได้เสียอะไรเลยนะ เขาสามารถมีคนอื่นก็ได้ ซึ่งผู้หญิงฉลาด ๆ จะไม่ทน ฉะนั้นพี่แนะนำให้หนูไปอยู่กับใครสักพักนึง แล้วก็ค่อยหางานทำ แต่ใจต้องแข็งต้องบล็อก บล็อกทุกอย่างเลย ส่วนพ่อแม่เขาก็ช่าง ไม่ใช่พ่อแม่เรา ไม่ใช่เรื่องที่จะมาให้กูไปทนทุกข์ บ้าหรือเปล่า การที่เราได้ลูกเขาคือการแพ้ ใครได้ผู้ชายแบบนี้เป็นผัวคือแพ้กว่า ห่วงอีมือที่สามเหอะอีนั่นอะซวย’ ต่อมาเป็น “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘หนีไปที่ ๆ เขาไม่รู้ แต่ว่าเราก็ต้องบอกคุณพ่อคุณแม่ไว้ แล้วหนูก็ลบทุกอย่างที่จะตามได้ โซเชียลทุกอย่างหนูลบไปก่อนให้หายไปก่อน ไปเริ่มชีวิตใหม่ไปหางานใหม่ทำ แล้วก็พี่อยากเสริมว่าอย่าคิดว่าเป็นคู่แท้ อันนี้คือคู่ดันทุรังนะ คู่กรรมคูเวร ที่เหมือนหนูไม่รู้กันสักทีว่าจริง ๆ มึงไม่ควรอยู่ด้วยกันได้แล้ว แต่มึงยังหากลับมาเพื่อวันนี้มาบีบคออีก แล้วบีบครั้งนึงได้แล้วพี่ว่านางทำได้อีกแหละ’ และสุดท้ายเป็น “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘จริง ๆ มันหมดคำถามตั้งแต่บีบคอแล้ว ไม่ต้องฟังอะไรอื่นเลย คืออย่างที่หอมบอกแค่มีชู้มันก็ควรจะเลิกละ แล้วแบบบีบคอกันมันไม่มีอะไรจะต้องฟังต่อแล้ว นอกจากเลิกซะ ไอที่เขาบีบคอเราเนี่ยถ้ามันเลยกว่านั้นอีกสักเท่าไหร่หนูก็คงไม่มีโอกาสโทรมาแล้ว การที่คนเรามันจะทำร้ายคนอื่นได้ มันไม่เหลือความชอบธรรมที่จะอยู่ด้วยกันแล้วแหละ ส่วนคำพูดจากพ่อแม่ พ่อแม่ก็ไม่ต่างจากลูกเขาเลย ตรรกะประหลาดมาก คนที่ได้ลูกเขาไปนั่นแหละคือคนที่พ่ายแพ้ในชีวิตนี้ อย่าคิดว่าไอคนที่เราคบมาตั้งแต่มัธยม จะกี่ปี ๆ ก็เหอะ มันเป็นความคิดที่ผิด คือคนที่คิดแบบนี้โทรมารายการเราเยอะมาก ว่าแบบนี่คือแฟนคนแรก ก็เพราะมันเป็นแฟนคนแรกและหนูยังไม่เห็นคนที่ดีกว่าไง หนูถึงคิดว่านี่คือรักแท้ ถ้าหนูแค่ปิดประตูบ้านออกไปมองซ้ายมองขวาบางคนเดินผ่านไปผ่านมา ไอนี่ก็ดีกว่าผัวหนู ไอนี่ก็ดีกว่าแฟนหนู คนที่ดีกว่าแฟนหนูเยอะแยะไปหมด แต่เขาก้ไปมีคู่ดี ๆ แล้วแหละ ยิ่งหนูเสียเวลากับคนนี้ หนูก็จะไม่มีโอกาสเจอคนดี ๆ เพราะว่าเปิดประตูออกไป อ่อ...คนนั้นก็มีแฟน คนนั้นเขาก็เพิ่งแต่งงาน คนนั้นเขามีครอบครัวที่ดีไปแล้ว สุดท้ายจะเหลือแต่คนไม่ดีให้หนูเลือก เลือกหน่อย แล้วก็ครั้งแรกไม่จำเป็นต้องดีที่สุดลูก แล้วมันน้อยมากเท่าที่พี่เจอมาที่รักครั้งแรกจะเป็นรักครั้งสุดท้าย มันต้องโป๊ะเชะ มันต้องคนดีเจอคนดี ไม่แน่คนดีเจอคนดียังเลิกกันก็มี เพราะมันเจอกันเร็วไป หรือมันคบกันนานไป มันไม่มีความเชื่อมโยงอะไรเลยกับรักครั้งแรก กับคู่ชีวิต ไม่เกี่ยวเลย แล้วก็การที่เขามาบรรจงบีบคอเราสามสเต็ปเนี่ย มันไม่ต้องมีคำถามอะไรอีกแล้ว จริง ๆ จีไม่ต้องโทรมาถามก็ได้ ถ้าจีรักตัวเองมากพอ มันไม่ควรมีใครทั้งนั้นมาบีบคอเรา จงรักตัวเองให้มาก แล้วจีจะรู้ว่าจีต้องทำยังไง มันเป็นสัญชาตญาณการเอาตัวรอด สัญชาตญาณการหนีตายของสิ่งมีชีวิตพื้นฐานเลย เราไม่อยู่กับสิ่งที่เป็นอันตรายกับชีวิตเรา นี่คือพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตไม่นับมนุษย์ด้วยซ้ำ สัตว์เดรัจฉานยังหนีสิ่งที่เป็นภัยต่อชีวิตมันเลย แล้วทำไมมนุษย์เราที่มีมันสมองมีความคิดขนาดนี้ ถึงยอมที่จะอยู่กับคนที่เป็นอันตรายกับชีวิตเราหล่ะ ม้าลายมันยังวิ่งหนีสิงโตเลย รักชีวิตเราให้มากลูกแล้วก็เด็ดขาด ต้นหอมอาจจะคิดว่าเขาจะตามไป แต่ถ้ามันไม่มีหนทางแล้วจริง ๆ อย่างน้อยก็ไปอยู่กับพ่อแม่ให้พ่อแม่คุ้มครองเรา’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูคุยกับผู้ชายคนนึง 6 เดือน เจอกันผ่านแอป ย้ายไปอยู่ด้วยกัน หลังจากนั้นเวลาเขาเมา เขาจะกลับบ้าน ปลุกหนูขึ้นมาตบ ทิ้งรอยแดงไว้ที่หน้าหนูตลอด หนูทนได้ถึงจุดนึง ตัดสินใจเลิกกับเขา พอเลิกแล้วหนูแพ้ท้อง ถามความรับผิดชอบจากครอบครัวเขา พูดแค่...

25 ต.ค. 2024

หนูคุยกับผู้ชายคนนึง 6 เดือน เจอกันผ่านแอป ย้ายไปอยู่ด้วยกัน หลังจากนั้นเวลาเขาเมา เขาจะกลับบ้าน ปลุกหนูขึ้นมาตบ ทิ้งรอยแดงไว้ที่หน้าหนูตลอด หนูทนได้ถึงจุดนึง ตัดสินใจเลิกกับเขา พอเลิกแล้วหนูแพ้ท้อง ถามความรับผิดชอบจากครอบครัวเขา พูดแค่...

หนูคุยกับผู้ชายคนนึง 6 เดือน เจอกันผ่านแอป ย้ายไปอยู่ด้วยกัน หลังจากนั้นเวลาเขาเมาเขาจะกลับบ้าน ปลุกหนูขึ้นมาตบ ทิ้งรอยแดงไว้ที่หน้าหนูตลอด หนูทนได้ถึงจุดนึง ตัดสินใจเลิกกับเขาพอเลิกแล้วหนูแพ้ท้อง ถามความรับผิดชอบจากครอบครัวเขา พูดแค่ “ลูกใครก็ไม่รู้ ไม่ใช่ลูกเขาแน่นอน” “คุณนาฬิกา (นามสมมติ)” อายุ 26 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [23 ต.ค.67] ไดโทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาโดนแฟนทำร้ายร่างกายเลยเลิก แต่หลังจากนั้นมารู้ว่าตัวเองท้อง โดย “คุณนาฬิกา (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูเจอผู้ชายคนนึงในแอปหาคู่ คุยกันมาประมาณครึ่งปีและก็ได้ตัดสินใจคบกัน ตอนแรกก็ไปๆมาๆหากัน จนตัดสินใจย้ายไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เป็นหนูที่เลือกจะย้ายเข้าไปอยู่กับเขา ย้ายเข้าไปได้เดือนแรกเขาเมา แล้วเรียกหนูขึ้นมาจากที่หนูนอนอยู่ คือเรียกมาทำร้ายร่างกาย เขาตบหนู หนูก็เลยถามว่าเป็นอะไร ทำไมถึงเป็นแบบนี้ เขาก็คุยไม่รู้เรื่อง พอเขาทำร้ายร่างกายหนูเสร็จ เขาก็ไปนอน แต่เราแยกกันนอน ก่อนหน้านี้เขาก็เคยเมาแล้วด่าหนู แต่ไม่เคยทำร้ายร่างกายเลย พอเช้ามา เขาตื่น หนูก็ถามเขาว่าจำได้มั้ยว่าเมื่อคืนทำอะไรลงไปบ้าง เขาบอกจำได้ทุกอย่าง เขาก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนแรกหนูก็คิดแค่ว่าเรายังรัก ไหนๆก็ย้ายมาอยู่กับเขาแล้วก็เก็บความรู้สึกไว้ก่อน เลือกที่จะทน พอผ่านไปได้อาทิตย์นึง มันก็มีอีก เลยรู้สึกว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ เราเพิ่งย้ายมาอยู่ด้วยกัน ในช่วง 1 – 3 เดือนแรกมันต้องเป็นช่วงโปรโมชั่นไม่ใช่หรอ? ซึ่งทุกครั้งที่เขาทำร้ายร่างกายเขาจะทำบริเวณใบหน้าของหนู เพื่อทิ้งร่องรอยไว้ หนูก็เลยรู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้ว แต่ก็ยังเก็บความรู้สึกไว้ เลยเลือกที่จะแก้ไขที่ตัวเอง เลือกที่จะไม่พูด ไม่ออกความคิดเห็น ไม่พูดอะไรที่มันผิดหูเขา จากที่เคยใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันสองคน และมีปัญหากันเรื่อยๆ ทุกอาทิตย์ ดีกันได้อาทิตย์นึง อีกอาทิตย์ก็กลับมาทะเลาะกันอีกแล้ว กลายเป็นตอนนี้ต่อให้เขาไม่เมา เขาก็ทำร้ายร่างกายหนู จนเราสองคนตัดสินใจย้ายเข้าไปอยู่ในครอบครัวเขาที่เป็นครอบครัวใหญ่ และมีผู้ใหญ่อยู่ด้วย เพื่อเป็นการตัดปัญหา แต่ก็เขาก็ไม่หยุด เขาก็ทำต่อหน้าพ่อแม่เขาด้วย ซึ่งพ่อแม่เขาก็จะพูดแค่ อย่าๆ พอแล้ว แต่ไม่ได้ลุกมาห้าม เขาก็เดินเข้ามาหาเรื่องหนู แต่หนูก็จะเงียบ ไม่พูดอะไร เพราะไม่อยากเถียงข้ามหัวผู้ใหญ่ หนูก็เลยกลับมานอนทบทวนกับตัวเองว่าถ้ามันโดนขนาดนี้ มันก็ถึงจุดที่มันไม่ใช่แล้วหรือเปล่า? จนมาถึงจุดๆนึงที่มันเป็นครั้งสุดท้าย คือหนูปวดท้องอยู่ แล้วหนูก็ลางาน แต่เขาหาของไม่เจอ เขาก็มาโวยวายใส่หนูแล้วก็มาทำร้ายร่างกายหนูเหมือนเดิม หนูก็เลยไม่พูดอะไรแล้ว เขาก็ไม่พูด หลังจากนั้นคือเราก็ไม่คุยกันเลย หนูก็เลยบอกว่าหนูจะย้ายออก ไม่อยู่ตรงนี้แล้ว แต่ก่อนวันที่หนูจะย้ายออก เราสองคนเพิ่งมีอะไรกัน หลังจากวันที่หนูออกมาจากตรงนั้นหนูรู้สึกตัวเองผิดปกติ หนูก็เลยลองไปตรวจและผลออกมาคือ หนูท้อง หนูเลยกลับไปคุยกับเขาว่าหนูท้องนะ เขาก็เลือกที่จะบล็อกหนูทุกช่องทาง ไม่คุย ไม่เคลียร์ ไม่อะไรเลย หนูพยายามถ่ายรูปที่ตรวจครรภ์ส่งไปให้เขา แต่เขาพูดกับหนูว่า หนูออกมาหนูไปนอนกับผู้ชายที่ไหนไม่รู้ ไปอยู่กับใครบ้างก็ไม่รู้ จะเป็นลูกเขาได้ยังไง หนูก็เลยบอกว่าสามารถตรวจ DNA ยืนยันได้นะ จะทำยังไงก็ได้ แต่ช่วยแสดงความรับผิดชอบอะไรหน่อยได้มั้ย เขาก็บอกว่า ไม่ เขาปวดหัว เขาไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น แต่เขาไปพูดกับคนอื่นว่าถ้าเป็นลูกเขาจริงๆ เขาจะรับผิดชอบ หนูก็บอกว่าถ้ารับผิดชอบก็มาคุยกันสิ หนูแค่อยากได้ความรับผิดชอบอะไรสักอย่างจากเขา บางทีหนูก็คิดว่าหนูสามารถเลี้ยงลูกคนเดียวได้มั้ย? สามารถก้าวไปต่อกับการที่ให้ลูกมาเห็นอะไรแบบนี้มั้ย? หนูจะทำยังไงดี ตอนนี้หนูไม่สามารถบอกความรู้สึกอะไรได้เลย ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้ หนูยังไม่กล้าบอกใคร เพราะแม่ไม่ค่อยสบาย ก็เลยไม่อยากให้ไปกระทบกระเทือนจิตใจเขา แต่ก็แอบคิดว่าหรือเราตั้งใจทำงานเก็บเงิน เอาเงินไปคลอดลูก แล้วเอาลูกกลับไปอยู่บ้านจะได้ดูแลแม่และเลี้ยงลูกด้วย หนูลังเล 60:40 ระหว่างยุติการตั้งครรภ์ หรือการเก็บเด็กไว้แล้วไปต่อ ก็เลยอยากถามพี่ๆดีเจว่า หนูควรจะทำยังไงดี?เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ผมเป็นรุก คบกับแฟนรุกเหมือนกันพอจะมีอะไรกัน ผมไม่ยอมให้เขา ผมบอกเลิกเขา ทั้งๆที่เขายังรักผมอยู่ ผมบอกเขา “ไม่ต้องรอนะ จะมีใครก็มีได้เลย” แล้วผมก็เปิดตัวคบแฟนใหม่ บทบาทบนเตียงลงตัว แต่เขาไม่ดีเท่าคนก่อน

21 มิ.ย. 2024

ผมเป็นรุก คบกับแฟนรุกเหมือนกันพอจะมีอะไรกัน ผมไม่ยอมให้เขา ผมบอกเลิกเขา ทั้งๆที่เขายังรักผมอยู่ ผมบอกเขา “ไม่ต้องรอนะ จะมีใครก็มีได้เลย” แล้วผมก็เปิดตัวคบแฟนใหม่ บทบาทบนเตียงลงตัว แต่เขาไม่ดีเท่าคนก่อน

ผมเป็นรุก คบกับแฟนรุกเหมือนกันพอจะมีอะไรกัน ผมไม่ยอมให้เขาผมบอกเลิกเขา ทั้งๆที่เขายังรักผมอยู่ ผมบอกเขา “ไม่ต้องรอนะ จะมีใครก็มีได้เลย”แล้วผมก็เปิดตัวคบแฟนใหม่ บทบาทบนเตียงลงตัว แต่เขาไม่ดีเท่าคนก่อนกลับไปหาคนเก่าเขาบอก “เราพูดเองนะว่าไม่ต้องรอ ตอนนี้มีคนใหม่แล้ว” “คุณบิว (นามสมมติ)” อายุ 19 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [19 มิ.ย.67] ได้โทรเข้ามาขอคำปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหา Position เรื่องเซ็กส์ที่ไม่ตรงกับแฟนเก่า โดย “คุณบิว (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เมื่อประมาณ 3 เดือนก่อน ผมตัดสินใจบอกเลิกแฟนเก่าไป ซึ่งเหตุผลที่ผมบอกเลิกเค้า มันเป็นเหตุผลที่ไม่น่าเอามาเป็นข้ออ้างในการบอกเลิก ผมกับแฟนเราเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ และ Position ของเราคือเราเป็นรุกด้วยกันทั้งคู่ เวลาที่เค้าขอมีอะไรด้วยผมก็จะรู้สึกอึดอัดและไม่อยากมีอะไรด้วย ผมก็เลยคิดว่าถ้ามันเป็นแบบนี้ต่อไปเราจะไปด้วยกันได้มั้ย ผมก็เลยตัดสินใจบอกเลิกเค้าไปทั้ง ๆ ที่เค้ายังรักผมมาก ตัวเค้าเองก็งงว่าเพราะอะไร แล้วเค้าก็ยื้อผมและว่าจะไม่ทำแล้วก็ได้ แต่ ณ ตอนนั้นผมเองก็มั่นใจว่าจะเลิก ผมก็เลยบอกเลิกเค้าไป จนผ่านมา 1 เดือน ผมก็ไปคุยกับคนใหม่ที่ Position ตรงข้ามกัน ซึ่งในส่วนนี้ผมก็โอเคแล้ว แต่ในเรื่องของความรัก การเอาใจใส่ การดูแล ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่ และไม่เหมือนกับคนเก่า ผมก็รู้สึกว่าไม่ใช่ และบอกเลิกกับคนใหม่ เลยทำใจอยู่พักหนึ่งและทักไปหาคนเก่าเพื่อบอกขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ตอนนั้น และขอโอกาสในการกลับไปคบกันได้มั้ย แต่คำตอบที่ได้กลับมาคือเค้ามีคนคุยใหม่ไปแล้ว เพราะตอนนั้นผมบอกเค้าว่าไม่ต้องรอ ยังไงผมก็ไม่กลับ ซึ่งตอนที่เค้าบอกว่ามีคนใหม่ไปแล้วผมรู้สึกจุกมาก ทำอะไรไม่ถูก นึกสงสารเค้าตอนที่เราไปทำกับเค้า คือการไปมีคนใหม่ ตอนที่เค้ารู้ เค้าต้องเสียใจมากกว่าเราอีกกี่เท่า เค้าต้องนั่งร้องไห้คนเดียว พอเรามาเจอเองเลยรู้สึกอยากกลับไปรักเค้าอีกสักครั้ง ผมยอมที่จะเปลี่ยนตัวเองในเรื่องของ Position เพราะผมพึ่งมาตระหนักได้ว่าสิ่งที่เค้าทำมันมีค่ามากแค่ไหน ณ ตอนนั้นผมเอาเรื่อง Position มาตัดสินความรักที่เค้ามีให้ผม ซึ่งมันไม่ควรเลย และตอนที่เค้ามีคนใหม่ไปแล้วเค้าบอกกับผมว่า “ถ้าวันไหนที่เราและเค้าโสด เราอาจจะกลับมาคบกันก็ได้” ผมเลยบอกเค้าว่าจะรอ แต่ผมก็คิดในใจว่าสิ่งที่ผมทำมันไม่น่าให้อภัยเลย ผมอยากถามพี่ๆดีเจว่า ผมควรจะรอเค้าหรือหายไปจากเค้าดี...?’ โดย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘อกหักครั้งแรกมันจะเจ็บมากอยู่แล้ว ตอนนี้บิวแค่ต้องยอมรับความจริง พี่มองว่าบางอย่างมันเกิดขึ้นก็เพื่อให้เรารู้ตัว หรือทำให้เราได้เรียนรู้อะไรบางอย่าง และบางครั้งการที่คนเราจะเรียนรู้อะไรบางอย่างมันจะต้องเสียไปก่อน บางครั้งเราต้องเก็บมันเป็นประสบการณ์ และยอมรับความจริง บางอย่างไปแล้วไปเลย ไม่ใช่ว่าเราจะฟูมฟาย โวยวาย เพื่อเรียกร้องโอกาสกลับมา และถ้าเรารักเค้าจริง สิ่งที่เราควรจะคิดคืออย่างที่พี่เติ้ลบอกว่าชีวิตของเค้าไม่ได้ต้องการการรักษาอะไร เค้าอาจจะได้ไปพบกับความรักที่ดีและเหมาะสมกับเค้า แล้วที่เค้าบอกว่า “ถ้าวันใดวันหนึ่งเราโสดทั้งคู่ เราอาจจะกลับมาคบกันก็ได้” พี่ไม่อยากดับฝันนะบิว ประโยคนี้คือประโยคพื้นฐานในการบอกเลิกสำหรับวัยรุ่น แล้วอยากให้การเลิกกันครั้งนี้มันไม่ทำร้ายจิตใจกันมาก สิ่งที่บิวต้องทำตอนนี้คือยอมรับความจริง ว่าตัวเราเคยเสียคนรักไปคนหนึ่งไปด้วยเรื่องนี้นะ เอาไว้เป็นประสบการณ์ และถ้าจะรอ รอได้ครับ แต่ต้องรอเงียบ ๆ รอแบบที่ไม่ได้ไปวุ่นวายกับเค้า ซึ่งบิวจะทำได้จริงรึป่าว มันทรมาน เพราะงั้นถ้าบิวเอาเรื่องนี้เป็นประสบการณ์แล้วไปหาคนรักที่เหมาะสมกับบิวจริง ๆ ไม่ใช่ว่าชีวิตนี้จะไม่เจอใครอีก เพราะบิวพึ่ง 19 และนี้มันคือการอกหักครั้งแรก ซึ่งครั้งแรกมันเจ็บเสมอ’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ด้วยความที่ประสบการณ์บิวน้อยมากในการมีแฟน คนแรกก็คือคนที่คบกัน 9 เดือน ซึ่ง 9 เดือนยังไม่รู้จักกันดีพอเลย โดยเฉลี่ย 2 ปีที่จะเริ่มเป็นตัวของตัวเอง ความหลงความวาบหวิวมันจะค่อย ๆ ละเลือนหายไป ง่าย ๆ เลยนะคะ มันเหมือนแก้วที่มีฝุ่นอยู่แล้วยังไม่ตกตระกอน และบิวกำลังเปรียบเทียบระหว่างคนเก่ากับคนใหม่แค่ 2 คนเอง คือถ้าพี่มองพี่ก็ไม่รู้ว่ารุก-รับ มันสามารถเปลี่ยนกันได้ไหม และประเด็นคือบิวยังไม่เคยลองมาก่อนบิวจะไม่รู้ว่ามันโอเครึป่าว พี่มองว่าปัญหาเรื่องเซ็กส์เป็นปัญหาใหญ่เหมือนกัน คนเก่ากลับมาก็ยังเป็นปัญหาเหมือนเดิม แล้วจะแก้ไขได้รอดไหมก็ยังไม่รู้ ฉะนั้นถ้าเป็นรุกเหมือนกัน พี่ก็จะตอบเลยว่าคนนี้ยังไม่ใช่ แล้วคนที่เลิกกันไปก็ยังไม่ใช่ คือวันนี้ที่คบกันไป 2 คน คือยังไม่ใช่ทั้ง 2 คนเลย บิวแค่เปรียบเทียบว่าคนไหนดีกว่ากัน แต่ถ้าบิวใช้ชีวิตตามหาคนที่ใช่จริง ๆ มันจะไม่มีข้อเสียที่เป็นข้อใหญ่ขนาดนี้ เรื่องเซ็กส์สำหรับเด็ก 19 ไม่เราก็เค้าเดี๋ยวจะต้องมีปัญหาแน่นอน แต่ถ้าอยากจะรอเพราะรู้สึกว่าคนนี้ใช่แล้ว ก็รอได้ไม่เสียหาย เพราะคนที่เจ็บไม่ใช่ใคร มันคือบิว และการรอก็ต้องเผื่อใจว่าถ้ากลับมาแล้วก็อาจจะเลิกกันอีกก็ได้ ถ้าเลิกกันอีกครั้งบิวก็ต้องแข็งแรงขึ้นกว่าครั้งแรก เพราะครั้งนี้บิวดูเจ็บหนักมากด้วยประสบการณ์ที่ยังน้อยอยู่ เหมือนกับโดนมีดบาดครั้งแรกที่มันโคตรจะเจ็บเลย มันเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าให้พี่แนะนำว่าเราควรจะหายไปจากชีวิตเค้าเลยไหม คือ ณ วันนี้เราไปยุ่งกับเค้าไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเค้ามีแฟนแล้ว เราต้องให้เกียรติคนที่เค้าคุยด้วย และการที่เราเข้าไปวุ่นวายกับแฟนเก่ามาก ๆ เราไม่รู้ว่าเค้ารู้สึกยังไง ให้หาใครสักคนคุยไปด้วยหรือตามหาคนที่ใช่ อย่าเสียเวลา และจะได้เรียนรู้ด้วยว่าคนที่ใช่เป็นแบบไหน เข้ากับเราได้ไหม หาไปเรื่อย ๆ มันคือเรื่องของชั่วโมงบิน’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่แยกเป็น 2 อย่างนะบิว อย่างแรกเรื่องที่น้องบิวอกหักตอน อายุ 19 พี่เติ้ลว่านี่คือเรื่องปกติ เพราะถ้าอย่างพวกพี่ย้อนกลับไปตอนอายุ 19 พวกพี่ก็ทำอะไรผิดพลาดมาเยอะ พี่ว่าดีที่สุดคือการเอามันมาเป็นบทเรียน ว่าเราเคยเลิกรากับคนหนึ่งไป ในกรณีคนแรกเราอาจจะยังพยายามไม่พอ หรือถ้าเราลองพยายามเปิดใจมากกว่านั้น เราลองดูแล้วมันไม่ใช่แล้วเราเลิกกันก็อาจจะสบายใจกว่า ณ ตอนนี้ ทั้งหมดทั้งมวลพี่ว่าต้องเอามาเป็นบทเรียน ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติมาก ถ้าพี่ย้อนกลับไปก็อยากไปตบกระบาลตัวเองเหมือนกัน แต่เรื่องบางเรื่องมันผ่านมาแล้ว เราก็แค่ต้องไปต่อ และพี่ไม่อยากให้บิวคิดว่าผู้ชายคนแรกนั้นดีสุด ๆ จนคิดว่าตัวเองไม่สามารถหาได้ดีกว่านี้อีกแล้ว มันไม่จริงหรอกบิว หนูพึ่งผ่านมาแค่ 2 คน พี่เชื่อว่าบิวทนอีกหน่อยรอให้เวลามันผ่านพ้นไป เดี๋ยวมันจะมีคนที่ทั้งดูแลบิวและเค้าก็จะมีรสนิยมเป็นรับที่ดูโอเคมาก ๆ ก็ได้ อันที่สองเรื่องรสนิยมทางเพศ การที่บิวบอกว่าถ้าเค้ากลับมาผมพร้อมที่จะเปลี่ยนทุกอย่าง พี่อยากจะบอกว่าบิวใช้อารมณ์ในการตัดสินใจเกินไป เพราะ มันอาจจะเป็นไปได้ถ้าบิวรองเป็นโพซิชั่นรับ แล้วบิวโอเคกับมัน และไปต่อได้อย่างเพอร์เฟค แต่พี่เห็นหลายคู่มากที่มีการพยายามแบบนี้ แต่สุดท้ายมันไม่สามารถไปได้จริง ๆ เพราะถ้าเค้าไม่แฮปปี้แบบสุด ๆ ที่จะทำ สุดท้ายเค้าก็อยากนะกลับไปเป็นแบบเดิมที่เค้าเป็น ซึ่งพี่ว่าเรื่องแบบนี้ในวัยเท่านี้มันค่อนข้างเป็นปัจจัยหนึ่งที่เค้าจะเลือกคู่ของกันและกัน หรือบางคนที่เค้าไม่ต้องการเซ็กส์มันก็จะไม่มีปัญหาเลย แต่ถ้าถ้าเป็นคนที่ยังมีความต้องการทางเพศอยู่ แล้วต้องการให้อีกฝ่ายสนองความต้องการของตัวเอง พี่ว่าเรื่องนี้มันสำคัญ ถ้าเราต้องหักความต้องการของตัวเองขนาดนั้นแล้วเราไม่ได้แฮปปี้ขนาดนั้น พี่ว่ามันจะไม่รอดในระยะยาว ตอนนี้บิวแค่เอาใจไปยึดติดกับคนแรกมาก ๆ จนไม่เหลือพื้นที่ให้กับตัวเองในอนาคตเลย ซึ่งถ้าตอนนี้เค้ามีคนใหม่แล้ว บิวต้องไปมีชีวิตของตัวเอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1