หนูมีคนคุยคนนึง เค้าเลี่ยงที่จะตอบคำถามหนู หนูชอบถามเค้าว่า "คิดถึงเราป่าว?" เค้าก็จะเลี่ยงไม่ตอบ เปลี่ยนเรื่องคุยตลอด แต่เค้าก็เคยพูดว่า "ถ้าไม่คิดถึง คงไม่ขับรถไกลขนาดนี้มาหาหรอก" อยากรู้ว่าทำไมผู้ชายไม่ค่อยตอบมาเลยว่า "คิดถึงครับ" เหรอคะ?

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

หนูมีคนคุยคนนึง เค้าเลี่ยงที่จะตอบคำถามหนู หนูชอบถามเค้าว่า "คิดถึงเราป่าว?" เค้าก็จะเลี่ยงไม่ตอบ เปลี่ยนเรื่องคุยตลอด แต่เค้าก็เคยพูดว่า "ถ้าไม่คิดถึง คงไม่ขับรถไกลขนาดนี้มาหาหรอก" อยากรู้ว่าทำไมผู้ชายไม่ค่อยตอบมาเลยว่า "คิดถึงครับ" เหรอคะ?

08 มี.ค. 2024

          “คุณส้ม (นามสมมติ)” อายุ 23 ปี สายสุดท้ายในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (6 มี.ค. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาการบอกคิดถึงของผู้ชาย

            โดย ​“คุณส้ม (นามสมมติ)” เริ่มเล่าว่า ‘ตอนนี้มีคนคุยคนนึง เราเจอกันสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพราะทำงานกันทั้งคู่ พอเจอกันมันก็ดี เขาเทคแคร์ ตักอาหารให้ ขับรถมารับ-มาส่ง เขาอายุ 23 เท่ากันกับเรา เวลาเจอกันเขาก็ปกติแต่เขาเป็นคนไม่หวานเวลาอยู่กับเรา แต่เราจะเป็นคนบอกก่อนว่า คิดถึงนะ คิดถึงเราไหม เขาก็ไม่ตอบเลี่ยงไปคุยเรื่องอื่น เขาเคยพูดว่าถ้าไม่คิดถึง ไม่ขับรถมาหาไกลขนาดนี้ แต่ตอบเลี่ยง ๆ หนูอยากถามพี่ ๆ ว่า ทำไมเขาไม่ตอบว่าคิดถึงมาเลย

            ซึ่ง “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘ต้องรอเขาอายุซัก 30 ขึ้นไปจะเริ่มอ่อนลง สมัยวัยรุ่นพี่ก็เป็น ตอนนั้นมันมีทรง เรารู้สึกว่าคนเท่ ๆ อย่างเราอย่าไปพูดว่ารักบ่อย พูดไปก็เท่านั้น ทำไมถึงมาวัดกันที่คำพูด ให้พูดว่ารัก คิดถึง ใคร ๆ ก็พูดได้ ดูสิว่าที่เราขับรถข้ามจังหวัดมาหา อันนี้แหละคือพิสูจน์มากกว่าคำพูดเยอะ นี่คือความคิดพี่ตอนนั้น แต่เมื่อโตมาพอสมควร ถึงรู้ว่าต้องทั้งทำและทั้งพูดสิ มันจะยิ่งดีขึ้นอีก 2 เท่า

            ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘ก็คิดเหมือนพี่เผือก ถ้าเราดูแล้วรู้สึกว่า การกระทำมันแสดงออกถึงความรู้สึกเขา แค่นั้นก็พอ แต่อย่าเอาสิ่งที่เขาไม่ตอบมาทำร้ายจิตใจ ความรู้สึก หรือความสัมพันธ์ของเรา ดูการกระทำ ให้การกระทำมันตัดสิน’

         สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘ก็ดูการกระทำอยู่แล้ว ถ้าเป็นฉันก็จะสรุปเอาเองเลยว่า คิดถึงไหม ไม่ตอบแต่มาหาก็คิดถึงแหละ หรือไม่ก็ลองถามว่า เวลาบอกคิดถึงบ่อย ๆ รำคาญป่ะ ถ้าเขาบอกว่า ไม่ ก็โอเคแล้วอย่าไปคิดมาก’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

เป็นเจ้าของธุรกิจร้านคาเฟ่เล็กๆ ทั้งร้านมี 3 ที่นั่ง แต่เจอลูกค้าที่ชอบนั่งแช่นานๆ มาคนเดียวยังนั่งโต๊ะใหญ่ ทั้งวันสั่งกาแฟแก้วเดียว บางวันเอาน้ำขวดใหญ่เข้ามากินในร้าน พีคสุดคือหายไปเข้าห้องน้ำครึ่งชั่วโมง จะจัดการกับลูกค้าประเภทนี้ยังไงดี..

17 ม.ค. 2025

เป็นเจ้าของธุรกิจร้านคาเฟ่เล็กๆ ทั้งร้านมี 3 ที่นั่ง แต่เจอลูกค้าที่ชอบนั่งแช่นานๆ มาคนเดียวยังนั่งโต๊ะใหญ่ ทั้งวันสั่งกาแฟแก้วเดียว บางวันเอาน้ำขวดใหญ่เข้ามากินในร้าน พีคสุดคือหายไปเข้าห้องน้ำครึ่งชั่วโมง จะจัดการกับลูกค้าประเภทนี้ยังไงดี..

เป็นเจ้าของธุรกิจร้านคาเฟ่เล็กๆ ทั้งร้านมี 3 ที่นั่ง แต่เจอลูกค้าที่ชอบนั่งแช่นานๆมาคนเดียวยังนั่งโต๊ะใหญ่ ทั้งวันสั่งกาแฟแก้วเดียว บางวันเอาน้ำขวดใหญ่เข้ามากินในร้านพีคสุดคือหายไปเข้าห้องน้ำครึ่งชั่วโมง จะจัดการกับลูกค้าประเภทนี้ยังไงดี.. “คุณโมโม่ (นามสมมติ)” สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [15 ม.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาลูกค้าชอบนั่งแช่ในคาเฟ่นานๆ โดย “คุณโมโม่” ได้เล่าว่า “ที่ร้านจะเป็นร้านขายขนมเล็กๆ มีที่นั่งประมาณ 3 ชุด คือ โต๊ะใหญ่ 1 ชุด โต๊ะเล็ก 2 ชุด แล้วจะมีน้องลูกค้าคนหนึ่งที่แรกๆ เขาก็มาซื้อทุกวันปกติไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่จะมีเหตุการณ์หนึ่งที่พีคๆ ของเขา คือ เขามานั่งทานที่ร้านคนเดียว แล้วเขาเอาชุดวาดระบายสีมากางเต็มโต๊หะ ซึ่งเขาเลือกที่จะนั่งโต๊ะใหญ่ แล้วก็นั่งแช่อยู่แบบนั้น แต่เขาจะสั่งกาแฟวันละ 1 แก้วเท่านั้น แล้วก็อยู่ยาวๆ เลยคือ 2 - 3 ชั่วโมงจนไม่มีลูกค้าแล้ว เขาก็ทานกาแฟแก้วนั้นแป๊ปเดียวก็หมด แต่เขาก็ยังนั่งอยู่ เหตุการณ์ต่อมา คือ ช่วงปีใหม่ที่ร้านลูกค้าจะเยอะมากอยู่แล้ว น้องคนนี้เขาก็มาแต่พกขวดน้ำส่วนตัว 1.5 ลิตรมาด้วย เราก็ไม่เห็น มาเห็นตอนที่เราไปเก็บโต๊ะแล้วน้องเขาทิ้งขวดไว้ อันนี้เราก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่อีกวันหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ติดๆ กันทุกวัน เขาก็มาเหมือนเดิม สั่งน้ำแก้วเดียว 65 บาท แล้วก็นั่งทานที่ร้าน เขาเลือกนั่งโต๊ะเล็กและมีอุปกรณ์ของเขาครบมือเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้เขาเอาหูฟังอันใหญ่ๆ ที่แบบครอบทั้งหูมาใส่ ซึ่งน้องก็ยังเป็นเด็กมัธยม มีหนังสือ IPad มือถือ น้องเขาก็นั่งอยู่แบบนั้นจนลูกค้าเยอะ ไม่มีที่นั่ง น้องเขาก็ไม่ลุกไปไหน เราก็แบบเอ๊ะ... น้องเขาทำอะไร หนูเลยไปดู ทีนี้ก็เห็นน้องเขานั่งหลับ หนูก็ไม่ได้ว่าอะไร ปล่อยไปจนลูกค้าหมดร้านไป วันต่อมาน้องเขาก็มาอีก ลูกค้าในร้านก็เยอะอยู่ เขาก็เอาหนังสือมาอ่าน อุปกรณ์ก็ยังครบมือเหมือนเดิม จนลูกค้าหมด ตอนอยู่ที่โต๊ะเขาไม่ได้อ่านหนังสือแต่เล่นมือถือ พอไม่มีลูกค้าก็จะเหลือแค่หนู แล้วก็น้องลูกค้าคนนี้ 1 คน เขาก็เอาหนังสือไปอ่านในห้องน้ำ ทีนี้เราก็จับเวลาเลยว่าเขาเข้าไปกี่นาที ก็คือเขาเข้าไปประมาณครึ่งชั่วโมง อีกวันหนึ่งเขามาอีกเหมือนเดิม แต่ไม่สั่งขนมเลย ทั้งๆที่ร้านเราเน้นขายขนม แล้วเขาก็เอาขวดน้ำดื่มของตัวเองไปเติมน้ำที่ร้าน เพราะที่ร้านเราจะมีน้ำดื่มให้ทานฟรีเป็นแบบเหยือก เขาก็เอาขวดตัวเองไปเติมจนหมดเหยือก แต่หนูก็ไม่ได้ว่าอะไร และอีกวันหนึ่งน้องเขาก็มาอีก จนเราเดินเข้าไปถามน้องเขาว่า “น้องรับอะไรเพิ่มไหมคะ?” น้องก็มองหน้าเรามึนๆ แล้วก็บอกว่า “อ๋อ ไม่ครับ” เราก็บอกว่า “พอดีว่าเดี๋ยวมีลูกค้าจองโต๊ะเข้ามา พี่ขอรบกวนได้มั้ยคะ” น้องก็บอก “อ๋อ งั้นผมย้ายไปนั่งโต๊ะอื่นได้ไหม” ทั้งๆ ที่น้องก็ไม่เหลืออะไรทานแล้ว เขาสั่งแค่น้ำแก้วเดียวแต่เขาก็ยังนั่งอยู่ หนูก็เลยบอกเขาไปว่า “อ๋อ พอดีว่าเขามาเยอะอ่ะค่ะ” ซึ่งตอนนั้นเป็นเวลาบ่าย 2 ครึ่ง น้องก็เลยบอกว่า “อ๋อเดี๋ยวบ่าย 3 ผมไปครับ” แล้วก็คือบ่าย 3 เป๊ะน้องเขาก็ไปจริงๆ อีกวันหนึ่งเขาก็มาอีก พกขวดน้ำมาอีก ทีนี้เราก็เลยเดินไปเตือนเขาว่า “น้องครับ ขอรบกวนไม่เอาน้ำดื่มหรืออาหารข้างนอกเข้ามาทานที่ร้านได้มั้ยครับ” เขาก็แบบ “อ๋อ ครับ” แค่นี้ ก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร หลังจากนั้นเขาก็ยังมาทุกวัน ๆ เหมือนเดิม แต่พฤติกรรมพกขวดน้ำมาก็เริ่มหายไป มีวันหนึ่งที่หนูก็ทักเขาว่า “อ๋อ น้องวันนี้เหมือนเดิมเนอะ” น้องเขาก็เหมือนไม่ได้อยากคุยกับเรา น้องก็บอก “อ๋อ ไม่ครับ” แล้วเปลี่ยนเป็นเมนูอื่นเลย หนูก็เข้าใจได้ว่า น้องเขาก็ไม่ได้อยากให้ใครรบกวนเขา หนูไม่ทราบว่าเขาโดดเรียนมามั้ย หรืออีกอย่างหนึ่งก็คือช่วงเด็กม.6 ใกล้สอบเข้ามหาลัยอาจจะเข้า-ออกโรงเรียนช่วงไหนก็ได้ บางทีน้องเอาของมาวางโต๊ะเต็ม ลูกค้าที่ไม่มีที่นั่งเขาก็กลับไป ซึ่งตรงนี้เราเสียโอกาส เสียลูกค้าที่เขาตั้งใจมากินขนม หนูอยากถามพี่ๆ ดีเจว่า จะจัดการกับลูกค้าประเภทนี้ยังไง?” ทางด้านดีเจทั้ง 3 ท่าน “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” ให้ความคิดเห็นไปในทางเดียวกันว่า ‘ให้ตั้งกฎเวลาว่าให้นั่งได้กี่ชั่วโมง 1 แก้ว ให้นั่งได้กี่ชั่วโมง หรือลองถามๆ เรื่องเรียนเขาหน่อยว่าไม่เข้าเรียนหรอ หรือมีเรื่องอะไรที่บ้าน เผื่อน้องเขามีปัญหา เราจะได้จัดการกับเขาอีกแบบหนึ่ง’ นอกจากนี้ “คุณโมโม่” ยังทิ้งท้ายถึงผู้ใช้บริการด้วยว่า “อยากให้เห็นใจผู้ประกอบการนิดนึง การใช้สถานที่หรืออะไรก็ตาม บางทีเราเอางานไปทำในที่ของเขา อยากให้เขาเห็นใจทางร้านด้วย เพราะบางทีทางร้านก็อึดอัดใจที่จะพูด เพราะกลัวจะเป็นดราม่า”เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 20.00 – 23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

กลายเป็นมือที่สามของคู่รักที่คบกันมา 10 กว่าปี พอรู้เรื่องก็ถอยออกมา แต่ผู้ชายกลับบอกว่าเลือกเรา ตลอดเวลา 1 ปีที่คบกับผู้ชายคนนี้ เขาเพอร์เฟคแทบทุกอย่าง แต่เรารู้สึกกลัวและหวาดระแวงตลอดเวลาว่าเขาจะทำกับเราเหมือนที่เคยทำกับคนนั้น

24 พ.ย. 2023

กลายเป็นมือที่สามของคู่รักที่คบกันมา 10 กว่าปี พอรู้เรื่องก็ถอยออกมา แต่ผู้ชายกลับบอกว่าเลือกเรา ตลอดเวลา 1 ปีที่คบกับผู้ชายคนนี้ เขาเพอร์เฟคแทบทุกอย่าง แต่เรารู้สึกกลัวและหวาดระแวงตลอดเวลาว่าเขาจะทำกับเราเหมือนที่เคยทำกับคนนั้น

กลายเป็นมือที่สามของคู่รักที่คบกันมา 10 กว่าปีพอรู้เรื่องก็ถอยออกมา แต่ผู้ชายกลับบอกว่าเลือกเราตลอดเวลา 1 ปีที่คบกับผู้ชายคนนี้ เขาเพอร์เฟคแทบทุกอย่างแต่เรารู้สึกกลัวและหวาดระแวงตลอดเวลาว่าเขาจะทำกับเราเหมือนที่เคยทำกับคนนั้นควรไปต่อหรือพอแค่นี้ แล้วถ้าบอกเลิกตอนนี้จะดูงี่เง่าไปไหม... “คุณเอฟ (นามสมมติ)” อายุ 26 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (22 พ.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” กับปัญหาที่ไม่รู้ตัวว่าเป็นมือที่ 3 จนคบกันมาถึงตอนนี้ ก็รู้สึกกลัวและระแวงว่าเขาจะนอกใจเหมือนที่เขาเคยทำ โดย “คุณเอฟ (นามสมมติ)” เริ่มเล่าว่า ‘ประมาณปีที่แล้ว ผู้ชายซึ่งเป็นแฟนในปัจจุบัน เขาเข้ามาจีบ โดยเราไม่รู้ว่าเขามีแฟนที่คบกันมากว่า 10 ปีแล้ว เรามาจับได้หลังจากคบกันมาสักพัก พอเรารู้เรื่อง เราก็ถอยออกมา ให้เขากลับไปจัดการเคลียร์กับทางนั้น เราไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย เพราะเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเราเข้าไปเป็นมือที่ 3 หลังจากที่เขากลับไปเคลียร์ เขาก็กลับมาบอกว่า “เลือกเรานะ เขารักเราจริงๆ เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับทางนั้นแล้ว เขาขอโอกาสได้ไหม” เราก็เลยลองให้โอกาสเขาดู ตอนนี้มันก็ผ่านมา 1 ปีแล้ว แต่เราต้องใช้ชีวิตแบบหวาดระแวง กลัวว่าเขาจะทำกับเราเหมือนที่ทำกับคนที่เขาคบมานาน กลัวว่าเราจะต้องไปตกอยู่ในสภาพแบบนั้น กลัวว่าคนรอบข้างเขาจะสมน้ำหน้าเรา เพราะว่าคนที่เขาไม่ได้รู้เรื่องราว เขาก็มองว่าเราไปแย่งผู้ชายมา แล้วสิ้นปีนี้ผู้ชายเขาต้องเปลี่ยนงาน ซึ่งตอนที่เขามาจีบหนู ตอนนั้นเขาก็เปลี่ยนงานมาได้ไม่นาน มาเจอสังคมใหม่ หนูก็เลยกลัวมากว่าถ้าเขาเปลี่ยนสังคมไปแล้ว เขาจะทำแบบเดิมหรือเปล่า หนูไม่รู้จะทำอย่างไรกับความสัมพันธ์นี้ ควรไปต่อหรือควรหยุด เพราะตลอดเวลาที่คบกันมาปีกว่า หนูกังวลเรื่องนี้มาโดยตลอด แต่ที่ผ่านมาเขาก็ดูแลดีทุกอย่าง เป็นผู้ชายที่ดีคนนึง เพอร์เฟคในหลายๆ อย่าง มีไม่เพอร์เฟคแค่เรื่องนี้ ถ้าจะไปต่อในความสัมพันธ์นี้จะไปต่ออย่างไร หรือถ้าจะเลิกมันจะดูงี่เง่าไปไหม’ ทาง “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่าทุกความสัมพันธ์ มันตอบไม่ได้หรอก ว่าใครนอกใจหรือไม่นอกใจ เพียงแต่ว่าแค่คนนี้มันมีเชื้อ มันเหมือนเริ่มต้นผิด เริ่มต้นกับคนผิด แต่…มันก็มีเยอะเหมือนกันที่อยู่ด้วยกันกับคนปัจจุบัน ไปจนแก่เฒ่า สิ่งที่วัดคือ วัดจากปัจจุบันว่าผู้ชายคนนี้รักเรามากแค่ไหน ถ้าเขารักเรามาก เขาจะทำอะไรก็ได้ให้เรารู้สึกมั่นใจ ถ้าวันนึงที่เขามีคนอื่น ผู้ชายมันจะเปลี่ยนไปเอง จะเจอเรายากขึ้น เราจะรู้โดยธรรมชาติของเราเองว่าเปลี่ยนไป พอถึงวันนั้นไม่ต้องรอเจอคนใหม่ ให้เราถามตัวเองเลยว่า เราอยู่แล้วเรามีความสุขไหม ถ้าไม่มีความสุขเราก็แค่เดินออกมา ถ้าวันนี้เราจะไปขอเลิกเขา มันดูงี่เง่าไหม สำหรับพี่ถือว่างี่เง่า ถ้าไม่เอาก็ไม่ต้องเอาตั้งแต่วันแรกสิ ที่หนูบอกว่า ‘เขาดีทุกอย่างเลย เขาแค่นอกใจ’ เขาไม่ได้แค่นอกใจ นอกใจไม่ใช่แค่ เพราะถ้ามันแค่ มันจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของหนูในวันนี้ ถ้าเขาจะนอกใจ เขาก็นอกใจได้ แล้วก็ดีเสียอีก เพราะหนูจะได้ไม่เสียเวลา แต่ถ้าเลิกกันตอนนี้โดยที่เขาไม่มีความผิด มันก็งี่เง่าแหละ แต่เอาเป็นว่าถ้าอยู่กับปัจจุบันแล้วมันไม่มีความสุข ก็ให้เดินออกมา หรือเราต้องคุยกับเขาว่าเรากลัวอะไร อยากให้เขาแสดงความมั่นใจ ถ้าเขารักเราเขาจะทำให้เราได้ เขาอาจจะเลือกเราก็ได้ อาจจะรู้สึกว่าเราใช่แล้ว ไม่อยากเสียเราไป ถ้าถามเขาจะนอกใจไหม มันไม่มีใครตอบได้แม้กระทั่งตัวเขาเอง เขาก็ไม่รู้ว่าวันนึงเขาไปเจอใครแล้วเขาจะหวั่นไหวไหม เขามีความมั่นคงหรือหนักแน่นแค่ไหน ตัวเขาก็ยังไม่รู้ แต่เขารู้แค่ว่าตอนนี้เขามีเรา เขาจะแสดงความมั่นใจให้กับเรา ให้เราอยู่กับปัจจุบันว่าเรามีความสุขไหม’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘อยากจะบอกเอฟอย่างนี้ว่า เวลาเราตัดสินใจคบกับใครสักคน มันก็คือความเสี่ยงทั้งนั้น เพียงแต่ว่าเสี่ยงมากหรือเสี่ยงน้อย ดูจากประวัติในอดีตหรืออะไร แต่ทุกอย่างมันไม่ได้การันตีว่าคนที่เคยบอกเลิกกับแฟนคนนึงเพื่อมาคบกับอีกคนนึง นั่นแปลว่าเขาจะทำอีกแน่ๆ 100% หรือถ้าบอกว่า เขาจะไม่ทำแล้ว เขาเห็นเอฟเป็นรักแท้ มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ หลายๆ เคสมันก็เป็นแบบนี้ เอฟลองคิดว่าเรารับความเสี่ยงกับการคบกันครั้งนี้ได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าตื่นมาทุกวันแล้วต้องระแวงในทุกการกระทำที่เขาทำ นั่นแปลว่าธรรมชาติของคุณ ไม่ใช่คนที่สามารถรับความเสี่ยงอะไรแบบนี้ได้ ก็ไม่จำเป็นที่จะเสียเวลา เสียสุขภาพจิตไปกับตรงนี้ อยากให้คอมเม้นต์อีกด้านนึงว่า ถ้าเราเลิกตอนนี้ คนอื่นจะมองเรางี่เง่าแน่นอน แต่สุดท้ายถ้าเอฟรู้ตัวว่าฉันอยู่ไม่ไหว มันหวาดระแวง ไม่มีความสุข จะตัดสินใจยังไงมันก็เป็นเรื่องของเรา เราเคยให้โอกาสเค้า แล้วแต่พอมาคบกันจริงๆ แล้วมันไปไม่รอดอย่างที่เราหวัง จะจบความสัมพันธ์มันก็ได้นะ คนเรามีสิทธิ์ที่จะลอง ถ้าลองแล้วมันไม่ใช่ ก็มีสิทธิ์ที่จะแยกย้ายเหมือนกัน คนอื่นจะมองว่าเรางี่เง่า แต่มันก็ไม่ผิดอะไรที่เราจะทำให้ตัวเองมีความสุข’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เห็นด้วยกับทั้งพี่เผือกและพี่ต้นหอม เราไม่รู้จริงๆ ว่าคนที่เราอยู่ด้วยวันนึงเขาจะเปลี่ยนไปอย่างไร มันวัดไม่ได้จริงๆ ว่าเวลามันจะเปลี่ยนใคร เพราะฉะนั้นเคสนี้เขาเคยทิ้งผู้หญิงคนนั้นแล้ว แต่วันเวลามันอาจจะทำให้เขาตระหนักได้ว่าเขาไม่ควรทำอย่างนั้นอีกก็เป็นได้ หรือเขาอาจจะทำอีก ก็เป็นได้ ไม่มีใครรู้เลย ถ้าคิดจะให้โอกาส ต้องไม่นอยด์ไปจนถึงเอาเรื่องเก่ามาพูดอีกเลย ถ้าตัดสินใจแล้วว่าจะให้โอกาสไม่ควรที่จะไปคอยระแวง พี่คิดว่ามันไม่แฟร์กับเขาเพราะเราให้โอกาสเขาแล้ว และมันไม่แฟร์กับความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ด้วย พี่คิดว่า ถ้านอยด์แล้วเรื่องมันเกิดก็คือเลิก แต่ถ้านอยด์แล้วเรื่องมันไม่เกิด ก็มีผลว่าจะเลิกกันเหมือนกัน เพราะอีกคนก็ไม่มีความสุข ตัวเราก็ไม่มีความสุข แต่ในขณะที่เราไม่นอยด์แล้วเรื่องเกิดก็เลิกกัน แต่ถ้าเขาไม่เจ้าชู้เราก็มีสิทธิ์ที่จะรักกันไปตลอด ผลมันต่างกัน ถ้าคนเรารักกันแล้วคนนึงมาระแวงตลอด พี่ว่ามันไม่มีความสุข แล้วมันจะเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่น่าจะอยู่ระยะยาว แต่สุดท้ายทั้งหมดมันอยู่ที่ตัวหนู ใครจะมองว่าหนูงี่เง่า มันก็คือชีวิตหนู หนูก็ต้องไปหาที่ที่ทำให้หนูสบายใจ มันไม่มีใครที่จะมามีผลกับชีวิตหนูเลย นอกจากตัวหนูเอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูเป็น LGBTQ+ โดนคดีแล้วได้เจอกับผู้ชายคนนึงในเรือนจำ รู้จักกัน จนรู้สึกดีต่อกัน ตกลงกันว่าในนี้เราจะคบกัน แต่ตอนนี้หนูออกมาแล้ว เพราะเขาช่วยหาทนาย สู้คดีให้ เขาบอกอยากให้หนูออกไปใช้ชีวิต

31 พ.ค. 2024

หนูเป็น LGBTQ+ โดนคดีแล้วได้เจอกับผู้ชายคนนึงในเรือนจำ รู้จักกัน จนรู้สึกดีต่อกัน ตกลงกันว่าในนี้เราจะคบกัน แต่ตอนนี้หนูออกมาแล้ว เพราะเขาช่วยหาทนาย สู้คดีให้ เขาบอกอยากให้หนูออกไปใช้ชีวิต

หนูเป็น LGBTQ+ โดนคดีแล้วได้เจอกับผู้ชายคนนึงในเรือนจำ รู้จักกัน จนรู้สึกดีต่อกันตกลงกันว่าในนี้เราจะคบกัน แต่ตอนนี้หนูออกมาแล้ว เพราะเขาช่วยหาทนาย สู้คดีให้เขาบอกอยากให้หนูออกไปใช้ชีวิต เจอคนใหม่ เริ่มต้นใหม่ เขาบอกอนาคตถ้าออกไปข้างนอกเราจะเป็นพี่น้องกัน “คุณแคลร์ (นามสมมติ)” อายุ 23 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [29 พ.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาความรักกับคนในเรือนจำ โดย ​“คุณแคลร์ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ย้อนไปเมื่อ 3 ปีก่อน เราประกอบอาชีพเป็นสตรีมเมอร์ และได้สิ้นสุดการประกอบอาชีพ เมื่อปลาย ปี 65 ที่ผ่านมา เพราะเราถูกฟ้องด้วยความเข้าใจผิด ในข้อหาดูหมิ่นด้วยการโฆษณา และเราก็สู้คดีมาจนถึงกลางปี 66 ซึ่งเป็นการสู้ที่เสียเปรียบมาโดยตลอด เพราะเราไม่มีกำลังทรัพย์มากพอ จึงได้ขอให้เป็นทนายขอแรงมาช่วย เขาก็ช่วยเท่าที่จะช่วยได้เท่านั้น จนเมื่อ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 ศาลมีคำสั่งฝากขัง ในทางปฏิบัติเราสามารถที่จะประกันตัวได้ แต่ว่าเราไม่มีเงินประกันตัว แม้กระทั่งครอบครัวที่มีคุณแม่เพียงคนเดียวก็ไม่สามารถช่วยตรงนี้ได้ จึงจำใจต้องเข้าฝากขังที่เรือนจำแห่งหนึ่ง เป็นระยะเวลา 6 เดือน ซึ่งระหว่างที่อยู่ข้างใน เราได้มีโอกาส เจอกับพี่ผู้ต้องขังคนหนึ่ง เขามักจะฝากความเป็นห่วงผ่านเพื่อนผู้ต้องขังอีกคนมาถึงเรา เราก็สงสัยว่า เขาเป็นใคร ? ต่อมาเราจึงได้ไปเจอกับเขาและได้พูดคุยกัน จนทราบว่าเขาบังเอิญเป็นคนที่อยู่ใกล้บ้านเรา แต่เราไม่ได้รู้จักกันมาก่อน ซึ่งพี่เขาอายุ 40 ปีแล้ว หลังจากนั้น 2 อาทิตย์ ก็มีพูดคุยกัน มีการดูแลกันมากขึ้น เริ่มจากการแบ่งอาหารเช้าให้ ชวนมานั่งคุยปรับทุกข์กัน จนกระทั่งตกลงคบกัน ซึ่งเขาก็จะบอกตลอดว่า แคลร์ไม่จำเป็นต้องรักเขา ขอให้เขาได้รักแคลร์ก็พอ ส่วนตัวเราเองไม่ได้มีความตั้งใจที่จะไปเจอ หรือไปหาความสัมพันธ์แบบนี้ เพราะเราเองก็รู้สึกผิดกับตัวเองว่า ทำไมต้องมาเสียเวลาในที่แบบนี้ด้วย ซึ่งจากการสังเกตพฤติกรรมของเขาในการวางตัวในฐานะคนรัก เราก็เริ่มรู้สึกดีและเข้าใจอะไรหลายอย่างมากขึ้น จากที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เพราะตลอดเวลา 23 ปี แคลร์ไม่เคยมีแฟน จนกระทั่งมาเจอคนนี้ ซึ่งระหว่างที่อยู่ด้วยกัน เขาจะหาทางช่วยเหลือเราตลอด เช่น เรื่องของการอัพเดทคดีจากข้างนอก เรื่องการยื่นเรื่องส่งสภาทนายความ ให้เข้ามาช่วยตรวจสอบรูปคดี หรือการส่งคำร้องให้ศาลเร่งพิจารณาคดี เพราะว่าตอนนั้นที่เข้าไปเป็นเดือนสิงหาปีที่แล้ว และจะมีการนัดพิจารณาคดีอีกทีคือ เมษายนปี 67 ถ้าให้นับมันจะเป็นการอยู่แบบเสียเปล่าไปเลย 1 ปี เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ปี 66 เขาก็มาบอกกับเราว่า แคลร์พี่คุยกับทนายให้แล้วนะ ซึ่งเราก็ตกใจว่า พี่คุยกับทนายที่ไหนมา ทนายของแคร์เหรอ ? เขาก็บอกว่า เป็นทนายส่วนตัวของเขา เขาบอกทนายว่า ให้ยื่นประกันตัวให้แคลร์ เป็นการจ่ายเงินให้เราเพื่อการประกันตัว เราก็ตกใจมากว่า เขาทำเพื่อแคลร์ขนาดนี้เลยเหรอ เพราะเขาก็จะบอกกับเราตลอดว่า ออกไปก็ออกไปใช้ชีวิตนะ และไม่ต้องเป็นห่วงพี่ ลืมเรื่องราวทุกอย่าง ข้างในให้หมด ซึ่งตอนนี้แคลร์ได้ออกมาใช้ชีวิตเรียบร้อยแล้ว แคลร์เคยบอกกับเขาว่า อยากจะคบกับเขาเป็นแฟนจริงจัง แต่เขาบอกว่า เขาให้สัญญาไม่ได้ เพราะเขาไม่อยากให้ความหวัง และเขาก็ไม่อยากใช้คำพูดสวยหรู หากเขาได้ออกไปแล้ว เขาทำไม่ได้ แคลร์จะรับได้เหรอ ? เราก็คิดว่า สิ่งที่เขาพูดมันก็เรื่องจริง และเขาก็พูดอีกว่า แคลร์จะเป็นกะเทยคนเดียว ที่เขารักที่สุดในชีวิต และก็จะเป็นน้องที่เขารักตลอดไป ซึ่งเราก็ยังให้ความหวังตัวเองอยู่ในทุก ๆ วันว่า อย่างน้อยถ้าวันหนึ่ง เขาออกมา แล้วเขาเห็นว่าแคลร์ยังรอเขาอยู่ เขาก็อาจจะเปลี่ยนใจ เพราะหนูก็ไม่เคยมีความคิด ที่จะไปมองหาใครคนใหม่ตั้งแต่ออกมา เป็นระยะเวลา 7 เดือนแล้ว ซึ่งในทุกเดือนเราจะกลับไปเยี่ยมเขาเสมอ และปฏิกิริยาของเขาที่แสดงต่อเราก็ปกติทุกอย่าง แต่ทางเรือนจำจะมีการเขียนจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ รายวันถึงผู้ต้องขังด้านใน หนูก็จะเขียนถึงเขาทุกวัน แต่เขาก็จะเขียนตอบกลับมาว่า เขาขี้เกียจที่จะเดินมาหา ตอนที่เรามาเยี่ยม เขาไม่อยากที่จะเขียนจดหมายตอบกลับเรา ซึ่งเขาเป็นแบบนี้กับครอบครัวด้วย เหมือนเขาไม่อยากรับรู้เรื่องภายนอก เขาเลยพยายามกีดกันไม่ให้หนูไปเยี่ยมหรือเขียนอะไรหาเขา แคลร์อยากถามพี่ ๆ ดีเจว่า พอจะมีวิธีการยังไงที่จะรอเขา แบบให้ใช้ชีวิตที่มีความสุข ไม่เครียด ไม่ห่วงอะไร เพราะเราไม่เคยเข้าใจในสิ่งที่เขาทำ เราไม่รู้ว่าการที่เขาทำแบบนี้เขาต้องการให้เรามีสถานะไหนกันแน่ และทุกวันนี้เขายังจ้างทนายเพื่อที่จะสู้คดีให้กับเราต่อ ซึ่งเราก็พึ่งทราบเรื่องนี้จากทนายว่า เขายังจัดการ เรื่องค่าใช้จ่ายให้เราทั้งหมดเลย และแม้ว่า เขาจะบอกให้หนูเดินหน้าต่อ แต่ด้วยความที่เขาเป็นแฟนคนแรกของเราด้วย เราเลยรู้สึกผูกพันและรู้สึกขอบคุณในการกระทำของเขา ที่ทำให้เราได้เหมือนมีชีวิตใหม่ เรารู้สึกว่า เราไม่สามารถเดินออกมาจากเขาตอนนี้ได้ ซึ่ง “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘การที่เขาพูดว่า แคลร์เป็นน้องที่เขารัก มันเหมือนกับการที่เขาดับฝัน เพราะหากเขาออกมาข้างนอกเขาจะไม่คบกับแคลร์ แต่หากอยู่ข้างในก็เป็นแฟนกัน เหมือนกับการที่คนเหงามาเจอคนเหงา ซึ่งแคลร์ก็บังเอิญอยู่ใกล้เขา อยู่ในแดนเดียวกันได้ใกล้ชิดกัน แคลร์มีความหวังอยู่นิดหน่อยแต่ก็น้อยมาก ถ้าแคลร์จะรอเขา แคลร์ก็ต้องทรมานอยู่แล้ว แต่ถ้าแคลร์ไม่รอก็จะทรมานแค่ช่วงแรก ไม่ต้องทรมารไปเรื่อย ๆ ซึ่งถ้าเปรียบเป็นเกมไพ่ โอกาสที่แคลร์จะแพ้สูงมาก แต่ที่พี่ทำหอมรับแขกมา ได้สัมภาษณ์คนในเรือนจำและชีวิตรักในเรือนจำ ทำให้พี่ได้รู้ว่า มันเป็นชีวิตรักที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่อยู่ในเรือนจำเท่านั้น พอเราออกมา เขาก็จะมีคนใหม่เข้าไป ในขณะเดียวกัน คนที่ออกไปก็จะมีแฟนใหม่ มันเป็นวัฏจักรของเขาที่เขาจะรู้กันดีอยู่แล้ว แล้วการที่เขาส่งสัญญาณบอกเราว่า เขาไม่อยากเดินมาหา หรือการที่ เขาไม่อยากรับจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ แปลว่าตอนนี้ เขาปฏิเสธเราแล้ว แล้วการที่เราเข้าไปหาเขา ก็เหมือนกับว่า เราไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการพยายามสื่อ การแสดงออกของเขาสุภาพ แต่ก็ชัดเจนว่า เขาต้องการยุติความสัมพันธ์แล้ว ซึ่งแคลร์ก็ยังไม่เข้าใจ และมันก็สร้างความอึดอัดให้กับเขา ฉะนั้นพี่คิดว่า แคลร์ไม่ควรรอ เพราะมันเป็นการรอฝั่งเดียว แคลร์ ควรหยุด เจ็บตอนนี้ให้จบและเดินหน้าใช้ชีวิตต่อไป ทางนี้จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ด้วยสถานการณ์ที่แคลร์อยู่ตอนนั้น มันเป็นได้หลายเรื่องเลย ที่เค้าเข้ามาหาแคลร์ และมันอาจจะเป็นไปได้ว่า การที่เขาเข้ามาหาแคลร์ เขาไม่ได้รักแคลร์แบบความสัมพันธ์หนึ่ง แคลร์และเขาต่างเจอกันในช่วงเวลาที่ต้องการคนซัพพอร์ต ซึ่งชีวิตในนั้นมันมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอยู่แล้ว แต่พี่ก็รู้สึกว่า เขาก็เป็นคนดีนะ เขาไม่ได้แค่ใช้แคลร์แก้เหงา เพียงอย่างเดียว แต่ก็ยังรับผิดชอบชีวิตของแคลร์ต่อ ซึ่งเขาก็ชัดเจนที่บอกกับแคลร์ว่า ถ้าออกจากคุก ก็ให้แคลร์ไปมีชีวิตใหม่เถอะ อย่ายึดติดอยู่กับเขา แต่พี่ก็เข้าใจแคลร์ เพราะเขาคือคนแรกของแคลร์ แคลร์เลยรู้สึกว่า รักครั้งนี้มันยิ่งใหญ่มาก เหมือนว่ามันเป็นพรหมลิขิต และมันคงจะดีมากถ้าเราได้อยู่ด้วยกันต่อไปจากนี้ แต่พี่คาดว่า แคลร์ไม่ใช่คนแรกของเขา แน่นอน และหลังจากแคลร์เขาก็ยังจะมีคนใหม่อีก ซึ่งเขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่า เขาไม่ได้อยากมีอนาคตกับแคลร์ต่อ และเขาก็ไม่ได้ต้องการแคลร์หลังออกจากคุก ซึ่งนี่ก็เป็นคำตอบที่ใหญ่พอที่จะทำให้แคลร์เดินหน้าต่อ เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ ถ้าเต็มที่สุด ๆ แคลร์อาจจะบอกกับเขาว่า แคลร์เข้าใจพี่นะ แต่ถ้าหากวันใดวันนึง ที่พี่ออกมาจากคุกแล้ว แล้วถ้าเราอยากคุยกันโดยที่ยังโสดทั้ง 2 ฝ่าย แคลร์ยังยินดีนะ แคลร์ แต่หากรอตั้งแต่ตอนนี้ มันจะเป็นการทุกข์ใจมากถึงมากที่สุด และสุดท้าย “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘ให้แคลร์ ไปดูรายการที่มีการสัมภาษณ์กลุ่มหนุ่มสาว LGBTQ+ ในเรือนจำ ซึ่งบทสัมภาษณ์ในรายการก็จะให้คำตอบทุกอย่าง เรื่องราวมักจะคล้ายกับสถานการณ์ที่แคลร์เจอมา เรื่องราวในนั้น เกิดขึ้นในนั้น และจบลงในนั้น ถ้าออกมาต่างคนก็ต่างไปใช้ชีวิตของตัวเอง ซึ่งหากแคลร์ได้ดู แคลร์ก็อาจจะเข้าใจอะไรหลาย ๆ อย่างมากยิ่งขึ้น และหลังจากที่พี่อ่านแชทมาพี่ได้เข้าใจเลยว่า ความสุขของเขามันเกิดขึ้นแค่ในโลกเรือนจำ พอแคลร์ออกมาเรื่องมันก็จบ ไม่ใช่ว่าเค้าไม่รักในตัวแคลร์ แต่เป็นเพราะว่าสภาพแวดล้อมมันเปลี่ยน เรื่องมันเลยต้องจบลง ซึ่งการที่เขาออกมา มันไม่ได้การันตีเลยว่า เขาต้องสานต่อกับเรื่องราวที่เขาคิดว่ามันจบลงแล้ว ถ้าแคลร์ลองตั้งสติคิดดู แคลร์ก็รู้ว่า เขาอยากให้เรื่องราวนี้มันจบ จากการที่เขาตอบคำถามก็ตามมันก็ชัดเจนมากอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อเขาชัดเจนขนาดนี้ ก็อยู่ที่แคลร์จะยอมความจริงได้เร็วแค่ไหน ช่วงแรกมันก็อาจจะรู้สึกเศร้าบ้าง แต่มันก็ไม่ถึงขั้นทรมานเท่าการรอใครสักคนหนึ่ง ตอนนี้มันก็ต้องทำใจนิดนึง แล้วก็มีชีวิตใหม่ ให้มันกลายเป็นเรื่องราวดี ๆ ที่จบลงในเรือนจำ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

อ้าว ป้าคะ! หนูทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟคนเดียวของร้านป้า เวลาลูกค้าให้ทิปกับมือหนู ป้าจะบอกว่า “เอาไปหยอดกระปุก” เดี๋ยวจะแบ่งสิ้นเดือน แต่พอสิ้นเดือนมา ป้าไม่เคยแบ่ง เอาไปใช้คนเดียว

04 ก.ค. 2025

อ้าว ป้าคะ! หนูทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟคนเดียวของร้านป้า เวลาลูกค้าให้ทิปกับมือหนู ป้าจะบอกว่า “เอาไปหยอดกระปุก” เดี๋ยวจะแบ่งสิ้นเดือน แต่พอสิ้นเดือนมา ป้าไม่เคยแบ่ง เอาไปใช้คนเดียว

อ้าว ป้าคะ! หนูทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟคนเดียวของร้านป้า เวลาลูกค้าให้ทิปกับมือหนู ป้าจะบอกว่า “เอาไปหยอดกระปุก”เดี๋ยวจะแบ่งสิ้นเดือน แต่พอสิ้นเดือนมา ป้าไม่เคยแบ่ง เอาไปใช้คนเดียว พอถามก็ตีมึน จนหลังๆถ้าลูกค้าให้ทิปกับมือหนูจะแอบเก็บไว้คนเดียว บางทีผัวป้าที่เป็นกุ๊ก ก็ยืนมองจากครัว หนูแอบเก็บไม่ได้ ต้องเดินมาหยอด หยอดไปก็ไม่ได้อยู่ดีหนูจะทำยังไงดีคะ ? แล้วการที่หนูเอาทิปมาเก็บไว้กับตัว เป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวไหมคะเพราะถ้าหยอดกระปุกไป ป้าก็ไม่แบ่งอยู่ดี... “คุณดา (นามสมมติ)” อายุ 19 ปี สายที่ 2 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [2 ก.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจก็อตจิ - ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาของการเป็นพนักงานเสิร์ฟ ที่พอลูกค้าให้ทิปก็ถูกเจ้าของร้านบังคับให้หยอดกระปุกรวม โดยอ้างว่าจะนำมาแบ่ง แต่ไม่เคยได้ส่วนแบ่ง โดย “คุณดา (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูทำงานร้านอาหารร้านหนึ่ง เป็นร้านอาหารสไตล์ฝรั่งอยู่ในตัวเมืองลำปาง ภายในร้านมีพนักงานรวมหนูแล้วมีแค่ 5 คนเองค่ะ ส่วนมากเขาจะอยู่ในครัวกัน แล้วหนูเป็นพนักงานเสิร์ฟคนเดียวแล้วก็จะมีป้าเจ้าของร้านอยู่ด้วย หน้าที่ของหนูก็คือ ล้างแก้ว กวาดถู เก็บจาน หนูเริ่มทำงานร้านนี้ตั้งแต่เดือนกุมภา ปัญหาของหนูก็คือเวลาลูกค้าให้ทิป วันแรกที่หนูเข้าไปทำงานลูกค้าฝรั่งยื่นเงินให้หนู 60 บาท แล้วก็มีคนไทยที่เขาบอกว่าเขาให้ หนูก็ดีใจเลยไปบอกป้าเจ้าของร้าน ป้าแกก็บอกว่าเอาหยอดกระปุกร้านเลย หนูก็สตั้นไป ทำไมเราต้องหยอดตามที่ป้าแกบอก เขาบอกว่าสิ้นเดือนจะเอามาแบ่งกัน แล้วมันก็เกิดคำถามมากมายในหัวหนู หนูก็ทำงานมาเรื่อย ๆ ลูกค้าก็ให้ทิป พอป้าแกเห็นหนูก็ต้องเอาหยอดกระปุกทุกครั้ง แต่พอสิ้นเดือนก็ไม่เห็นว่าแกจะเอาไปแบ่ง เหมือนแกจะเอาไปใช้คนเดียว หนูเคยจับกระปุกมันมีช่วงที่มันหนัก ๆ แล้วพอมาจับอีกรอบเบาเลย ไม่มีสักบาท ในร้านจะมีตำแหน่งแม่บ้าน ผู้ช่วยเชฟ เชฟ และเจ้าของร้านแค่นี้เลย แต่ไม่เคยได้ส่วนแบ่งเลยสักเดือนตั้งแต่ทำมา เวลาที่ป้าไม่เห็นหนูก็จะรีบยัดใส่เข้ากระเป๋า แล้วหลังวันที่ 27 มิถุนาที่ผ่านมา มีลูกค้าโต๊ะหนึ่งเช็คบิล พอได้บิลมาก็เอาไปให้ลูกค้า พอลูกค้าจ่ายเงินเสร็จก็ยื่นเงินให้หนูแล้วบอกว่า 40 บาท พี่ให้หนูนะ หนูก็ขอบคุณแล้วป้าแกก็เห็น แต่หนูอ้อมมาหลังเคาน์เตอร์แล้วรีบยัดเข้าใส่กระเป๋า แต่พอหนูหันไปหนูเห็นเชฟเขายืนมองอยู่ แต่เชฟเขาคือสามีป้าเขาเป็นคนฮอลแลนด์ แกก็ยืนมอง หนูก็ลนไปหมด สุดท้ายหนูก็เลยต้องหยอดใส่กระปุก หนูอยากรู้ว่าหนูผิดไหมที่หนูทำแบบนี้ มันดูเป็นเด็กไม่ดีไหม?’ ซึ่ง “ดีเจก็อตจิ” ได้คำคำปรึกษาว่า ‘หนูอาจจะต้องไปสมัครงานที่อื่น เพราะร้านนี้ระบบมันไม่แน่ชัด มันเหมือนเป็นร้านอาหารครอบครัว เขาจะสั่งให้เราทำอะไรก็ได้ แล้วยิ่งเราเป็นเด็กเสิร์ฟคนเดียวด้วย มันค่อนข้างจะยากที่หนูจะไปต่อรอง ถ้าวันหนึ่งเขาไล่หนูออกขึ้นมา หนูจบเลยนะ พี่ว่ายังไงถ้าเป็นไปได้ หนูหาทางเลือกอื่นและไม่ต้องไปหวังกับเงินก้อนนั้นเลย’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘จริง ๆ หลาย ๆ ร้านใช้ระบบทิปรวม แต่พอสิ้นเดือนเขาต้องหาร ถ้าหนูจะสู้เพื่อความถูกต้อง ก็กลั้นใจถามป้าไปเลยว่าสรุปมันคือทิปรวมหรือส่วนตัว แต่ถ้าไม่อยากปะทะในเมื่อเขาก็เรา เราก็ไม่จำเป็นต้องซื่อสัตย์กับเขา มันก็แล้วแต่ว่าดาจะเลือกทางไหน’ และสุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้คำคำปรึกษาว่า ‘ถ้าเขาบอกว่าให้ทิปเรามันคือของเรา แต่ถ้าเขาใส่ไว้ในถาดหรือวางบนโต๊ะอันนั้นก็จะเป็นทิปรวม ไปตกลงกับป้าว่าบางทีที่เขาให้ทิปไม่ใช่เพราะอาหาร เขาเห็นว่าหนูเป็นเด็ก ถ้าป้าปฏิเสธทุกอย่างก็เทไปเลยวันที่ลูกค้าเยอะ ๆ ลาออกวันนั้นเลย ถ้าหนูบริการดีไปอยู่ร้านไหนก็มีคนให้ทิปแน่นอน’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1