หนูมีคนคุยคนนึง เค้าเลี่ยงที่จะตอบคำถามหนู หนูชอบถามเค้าว่า "คิดถึงเราป่าว?" เค้าก็จะเลี่ยงไม่ตอบ เปลี่ยนเรื่องคุยตลอด แต่เค้าก็เคยพูดว่า "ถ้าไม่คิดถึง คงไม่ขับรถไกลขนาดนี้มาหาหรอก" อยากรู้ว่าทำไมผู้ชายไม่ค่อยตอบมาเลยว่า "คิดถึงครับ" เหรอคะ?

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

หนูมีคนคุยคนนึง เค้าเลี่ยงที่จะตอบคำถามหนู หนูชอบถามเค้าว่า "คิดถึงเราป่าว?" เค้าก็จะเลี่ยงไม่ตอบ เปลี่ยนเรื่องคุยตลอด แต่เค้าก็เคยพูดว่า "ถ้าไม่คิดถึง คงไม่ขับรถไกลขนาดนี้มาหาหรอก" อยากรู้ว่าทำไมผู้ชายไม่ค่อยตอบมาเลยว่า "คิดถึงครับ" เหรอคะ?

08 มี.ค. 2024

          “คุณส้ม (นามสมมติ)” อายุ 23 ปี สายสุดท้ายในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (6 มี.ค. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาการบอกคิดถึงของผู้ชาย

            โดย ​“คุณส้ม (นามสมมติ)” เริ่มเล่าว่า ‘ตอนนี้มีคนคุยคนนึง เราเจอกันสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพราะทำงานกันทั้งคู่ พอเจอกันมันก็ดี เขาเทคแคร์ ตักอาหารให้ ขับรถมารับ-มาส่ง เขาอายุ 23 เท่ากันกับเรา เวลาเจอกันเขาก็ปกติแต่เขาเป็นคนไม่หวานเวลาอยู่กับเรา แต่เราจะเป็นคนบอกก่อนว่า คิดถึงนะ คิดถึงเราไหม เขาก็ไม่ตอบเลี่ยงไปคุยเรื่องอื่น เขาเคยพูดว่าถ้าไม่คิดถึง ไม่ขับรถมาหาไกลขนาดนี้ แต่ตอบเลี่ยง ๆ หนูอยากถามพี่ ๆ ว่า ทำไมเขาไม่ตอบว่าคิดถึงมาเลย

            ซึ่ง “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘ต้องรอเขาอายุซัก 30 ขึ้นไปจะเริ่มอ่อนลง สมัยวัยรุ่นพี่ก็เป็น ตอนนั้นมันมีทรง เรารู้สึกว่าคนเท่ ๆ อย่างเราอย่าไปพูดว่ารักบ่อย พูดไปก็เท่านั้น ทำไมถึงมาวัดกันที่คำพูด ให้พูดว่ารัก คิดถึง ใคร ๆ ก็พูดได้ ดูสิว่าที่เราขับรถข้ามจังหวัดมาหา อันนี้แหละคือพิสูจน์มากกว่าคำพูดเยอะ นี่คือความคิดพี่ตอนนั้น แต่เมื่อโตมาพอสมควร ถึงรู้ว่าต้องทั้งทำและทั้งพูดสิ มันจะยิ่งดีขึ้นอีก 2 เท่า

            ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘ก็คิดเหมือนพี่เผือก ถ้าเราดูแล้วรู้สึกว่า การกระทำมันแสดงออกถึงความรู้สึกเขา แค่นั้นก็พอ แต่อย่าเอาสิ่งที่เขาไม่ตอบมาทำร้ายจิตใจ ความรู้สึก หรือความสัมพันธ์ของเรา ดูการกระทำ ให้การกระทำมันตัดสิน’

         สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘ก็ดูการกระทำอยู่แล้ว ถ้าเป็นฉันก็จะสรุปเอาเองเลยว่า คิดถึงไหม ไม่ตอบแต่มาหาก็คิดถึงแหละ หรือไม่ก็ลองถามว่า เวลาบอกคิดถึงบ่อย ๆ รำคาญป่ะ ถ้าเขาบอกว่า ไม่ ก็โอเคแล้วอย่าไปคิดมาก’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ครอบครัวหนูไม่ได้มีฐานะมาก พ่อเกษียณแล้วแต่เงินบำนาญก็ได้ไม่เยอะ พ่อมีเงินก้อนจาก การเวนคืนที่ดินมาก้อนใหญ่ เหลือเงินประมาณ 4 ล้านบาท เก็บไว้ในบัญชีของพ่อเอง แต่คุณแม่แอบเข้ารหัสมือถือพ่อไปใช้ คุณแม่เล่นหวยประเทศเพื่อนบ้าน วันละ 20,000+ บาท

06 ต.ค. 2025

ครอบครัวหนูไม่ได้มีฐานะมาก พ่อเกษียณแล้วแต่เงินบำนาญก็ได้ไม่เยอะ พ่อมีเงินก้อนจาก การเวนคืนที่ดินมาก้อนใหญ่ เหลือเงินประมาณ 4 ล้านบาท เก็บไว้ในบัญชีของพ่อเอง แต่คุณแม่แอบเข้ารหัสมือถือพ่อไปใช้ คุณแม่เล่นหวยประเทศเพื่อนบ้าน วันละ 20,000+ บาท

ครอบครัวหนูไม่ได้มีฐานะมาก พ่อเกษียณแล้วแต่เงินบำนาญก็ได้ไม่เยอะ พ่อมีเงินก้อนจากการเวนคืนที่ดินมาก้อนใหญ่ เหลือเงินประมาณ 4 ล้านบาท เก็บไว้ในบัญชีของพ่อเองแต่คุณแม่แอบเข้ารหัสมือถือพ่อไปใช้ คุณแม่เล่นหวยประเทศเพื่อนบ้าน วันละ 20,000+ บาทเอาเงินไปเล่นจนหมดไป 4 ล้านบาทแล้ว จนไม่เหลือสักบาท และ มีหนี้เพิ่มอีก 2-3 แสนแต่หนูยังต้องกู้เรียน กยศ.เองอยู่เลย รู้สึกเสียใจ ตอนนี้ครอบครัวกำลังจะได้เงินเวนคืนอีกก้อนกำลังจะได้คืนอีกมา 4 ล้าน หนูจะรักษาเงินก้อนสุดท้ายไว้ยังไงดี? กลัวแม่ทำเหมือนเดิม “คุณฟาง (นามสมมติ) อายุ 19 สายที่ 3 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [1 ต.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาแม่ติดพนัน จนมองข้ามชีวิตคนรอบข้าง โดย “คุณฟาง (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ที่บ้านของหนูไม่ได้มีฐานะร่ำรวยมาก คุณพ่อคุณแม่ไม่มีใครทำงาน เพราะคุณแม่เป็นแม่บ้าน ส่วนคุณพ่อก็เกษียณมา มีเงินบำนาญไม่ได้เยอะ และจุดเปลี่ยนผันของที่บ้านคือ ที่ดินได้ถูกเวียนคืน เลยได้เงินมาก้อนนึง ก้อนใหญ่รวมๆแล้ว ต้องได้ทั้งหมดสิบห้าล้าน แต่ตอนนี้ได้มาก่อนหกล้าน ทีนี้ก็เลยเอาเงินไปซื้อรถ เพราะว่าที่บ้านไม่มี ตอนนี้เลยเหลือประมาณสี่ล้าน คุณพ่อของหนูท่านก็เก็บเงินไว้ในโทรศัพท์ของคุณแม่ เพราะท่านไม่ใช้โทรศัพท์เลย เวลาจะคุยโทรศัพท์ หรือทำอะไร ก็จะผ่านแม่ตลอด แต่เป็นบัญชีของคุณพ่อ ตามจริง คุณแม่เขาก็ไม่รู้รหัส แต่ว่าท่านก็แอบดู แล้วก็เอาเงินไปใช้ ตอนหนูประมาณ ม.2 ก็จับได้ว่าคุณแม่แอบเอาเงินไปใช้เล่นหวย เพราะหนูชอบเล่นโทรศัพท์ของท่าน ตอนนั้นก็ยังเป็นเด็กไม่กล้าพูดอะไร เลยได้แต่ถ่ายๆไว้ส่งให้พี่สาวตนเอง พี่ก็เลยเป็นคนจัดการคุยกับแม่ให้ ท่านก็รับปากว่า จะไม่เล่นหวยแล้ว แต่หนูก็จับได้เรื่อยๆว่า ท่านยังเล่นอยู่ ก็เลยได้พูดกับแม่ว่า ‘ถ้าแม่ยังไม่เลิกเล่น หนูจะไปบอกพ่อนะว่าแม่เอาเงินพ่อมา’ แต่ท่านก็ไม่ได้กลัวหรอก แม่เขาพูดว่า ‘ถ้าอยากให้บ้านแตกก็บอกเลย’ ตอนนั้นหนูยังมัธยมต้นอยู่เลย ก็รู้สึกจุกจนไม่กล้าพูดอะไร พอผ่านมาจนหนู ม.5 แม่ก็ดูเล่นหนักขึ้นเรื่อยๆ พี่สาวเลยตัดสินใจบอกคุณพ่อ ว่าแม่แอบเอาเงินไปนะ คุณพ่อก็บอกว่าท่านรับได้ สูงสุดคือล้านนึง แต่พอไปดูจริงๆ เงินมันไม่เหลือแล้วสักบาท ก็เลยได้รู้ความจริงว่าคุณแม่เล่นวันละสองหมื่น บวกกับหนี้ที่สร้างไว้อีกสองสามแสน คุณแม่เขาก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หนูรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบแตกสลาย เพราะอีกปีนึงหนูก็ขึ้นมหาลัยแล้ว ทำไมท่านถึงไม่คิดถึงอนาคตของลูกเลย ทุกๆครั้งที่เกิดการพูดคุยกันคุณพ่อจะบอกเสมอว่า เก็บเงินไว้ให้ลูกเรียน แต่คุณแม่ไม่เข้าใจ ท่านรู้สึกว่า แล้วฉันเป็นใคร ฉันก็เป็นเมีย ทำไมฉันไม่ได้ใช้เงินเธอบ้าง แต่ดีที่คุณพ่อท่านมีเงินกับธนาคารที่ออกมาพอดีในตอนนั้น เลยพอส่งหนูเรียนได้ แต่ตอนนี้ เงินก้อนจากการเวียนคืน กำลังจะได้มาในปีสองปีนี้ จากสิบห้าล้าน เหลือสี่ล้าน เพราะเราขึ้นศาลกัน จริงๆควรจะได้มากกว่านี้ แต่ถูกลดลงมา ซึ่งคุณแม่ท่านก็ยังไม่หยุดเล่น ยังแอบยักยอกเงินคุณตาเวลาที่ไปเก็บตลาดนัด ยักยอกเงินน้าที่จ้างให้เฝ้าร้านเครื่องซักผ้า ค่อนข้างเดือดร้อนคนหลายๆคน และถ้าเงินก้อนสุดท้ายออกมา คุณแม่คงไปสร้างหนี้ ให้คุณพ่อคอยจ่ายให้อยู่ดี หนูเลยอยากจะปรึกษาพวกพี่ว่า หนูควรจัดการความรู้สึกตัวเองยังไง? ไม่อยากมองแม่เป็นคนไม่ดี’ เริ่มที่ “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ให้ลองเปลี่ยนความคิดจากการที่มองคุณแม่เป็นคนไม่ดี ให้มองว่าท่านป่วยจะดีกว่าเพราะเท่าที่พี่ทำรายการมา และคุยกับคุณหมอ มันเกิดจากสมองชัดเจน แล้วลองคุยกับคนรอบข้างให้ดีว่า เราจะจัดการสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัยจากคุณแม่ยังไง เช่นไม่ตามใจ ไม่ให้เงิน แยกเก็บเงินเป็นหลายๆกองมั้ย ต้องเซ็นกี่คนถึงจะเบิกได้ คงต้องทำความเข้าใจมากๆ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่เป็นคนใช้ไม้แข็ง คือเขาจะไม่ได้เงินจากพี่เลยสักบาท มันต้องเกิดการพูดคุยกัน แบ่งเงิน เหมือนโอเค คนละล้าน แล้วแม่จะเอาเงินไปถลุงจนหมดตัวก็ให้เขาเป็นไป ส่วนพ่อถ้าได้ล้านนึง แล้วจะตามเช็ดให้แม่ ก็แล้วแต่พ่อ แต่อีกสองล้าน คือเราต้องเก็บไว้ และทำให้เขาเห็นว่าเขาจะไม่ได้เงินจากเราจริงๆสักบาท’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ช่างแม่เลยนะ แล้วเรียกครอบครัวมาคุยกันว่า ปัญหาของแม่ คือแบบนี้ และมันคงไม่จบ ให้กันเงินไว้ให้เป็นค่าเทอมของเรา มันคงทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่านี้แล้ว การที่เราไม่ดูแลแม่ เพราะแม่ทำสิ่งนี้ ก็ไม่ใช่ว่าบาป ถ้าเราดูแลจนสุดทาง แล้วเขายังเลือกเป็นแบบนี้อยู่ เราเลือกได้ ก็พูดให้เขาคิดว่า ถ้าแม่ยังอยากไปกับเราทำให้ครอบครัวชีวิตดีขึ้น เราจะไปด้วยกัน แต่ถ้าทำให้มันถอยหลังลง เราก็จะไม่ไปด้วย ให้แม่ดูแลชีวิตตัวเอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

คนกลางลำบากใจที่สุด... ลูกสาวโทรปรึกษา 3 ดีเจในรายการ คุณพ่อจับได้ว่า คุณแม่คุยกับเพื่อนสนิทผู้หญิงคนหนึ่งในเชิงชู้สาว สุดท้ายแม่ยอมรับว่าทั้งคู่ “ต่างคนต่างรู้สึก” เหมือนกัน และต่างคนก็ต่างมีสามีกันอยู่แล้ว พีคสุด! สามีฝั่งนู้นก็รับรู้และรับได้

08 ก.ย. 2023

คนกลางลำบากใจที่สุด... ลูกสาวโทรปรึกษา 3 ดีเจในรายการ คุณพ่อจับได้ว่า คุณแม่คุยกับเพื่อนสนิทผู้หญิงคนหนึ่งในเชิงชู้สาว สุดท้ายแม่ยอมรับว่าทั้งคู่ “ต่างคนต่างรู้สึก” เหมือนกัน และต่างคนก็ต่างมีสามีกันอยู่แล้ว พีคสุด! สามีฝั่งนู้นก็รับรู้และรับได้

คนกลางลำบากใจที่สุด... ลูกสาวโทรปรึกษา 3 ดีเจในรายการคุณพ่อจับได้ว่า คุณแม่คุยกับเพื่อนสนิทผู้หญิงคนหนึ่งในเชิงชู้สาวสุดท้ายแม่ยอมรับว่าทั้งคู่ “ต่างคนต่างรู้สึก” เหมือนกันและต่างคนก็ต่างมีสามีกันอยู่แล้ว พีคสุด! สามีฝั่งนู้นก็รับรู้และรับได้ตอนนี้พ่อเสียใจมาก อยากจะออกจากบ้าน แต่ไม่รู้จะไปนอนที่ไหน... “คุณกิ๊ฟ (นามสมมุติ)” อายุ 27 ปี สายแรกในรายการ “พุธทอล์ค พุธโทร” เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [6 ก.ย. 66] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาเรื่องแม่ไปมีความสัมพันธ์กับเพื่อนที่เป็นผู้หญิง โดย “คุณกิ๊ฟ (นามสมมุติ)” เล่าว่า ‘เมื่อก่อนพ่อกับแม่เคยอยู่ที่กรุงเทพฯ แล้วก็ 3 ปีที่ผ่านมา กลับไปอยู่ที่ต่างจังหวัด ไปปลูกบ้านใกล้ๆกับบ้านของตา จะได้ดูเเลตากับยาย ในช่วงแรกแม่เขาก็รู้สึกนอยด์ๆ เพราะตอนที่เขาอยู่กรุงเทพฯ เขาเคยมีรายได้ รู้สึกมีประโยชน์ แต่พอมาอยู่ที่นี่เขาไม่มีรายได้ แล้วเขาก็เหงา ซึ่งพ่อของหนูก็หางานที่ใกล้ๆบ้านเเล้วก็ได้งาน โดยเงินที่ใช้ในแต่ละเดือนก็จะมาจากเงินเดือนของพ่อ เมื่อช่วงประมาณต้นปีที่ผ่านมา ก็มีเพื่อนของเเม่ที่เป็นผู้หญิง ไม่ได้คุยกันมาประมาณ 10 ปีเเล้ว เขาเหมือนตั้งใจจะมาที่บ้านตา เพื่อจะมาขอที่อยู่ของเเม่ที่กรุงเทพฯ เพราะคิดว่าเเม่ยังอยู่ที่กรุงเทพฯ หลังจากนั้นแม่กับเพื่อนของแม่ก็ได้เจอกันพอดี เหมือนเขาก็ปรับความเข้าใจ กลับมาคุยกันเป็นเพื่อนกัน สำหรับครอบครัวฝั่งเพื่อนของแม่ เหมือนครอบครัวเขาจะมีปัญหาหลายเรื่อง เขาก็เลยจะมาหาเเม่อาทิตย์ละครั้ง มานั่งคุย ปรึกษา ทำอะไรกินด้วยกัน เเล้วเวลาเขามา เขาก็จะคอยใส่ใจ ซื้อของกินมาให้ตลอด จนเมื่อช่วงประมาณต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แม่ก็ไปสารภาพกับเพื่อนว่าแม่รู้สึกกับเพื่อนคนนี้เกินเพื่อนไปแล้ว แล้วเพื่อนเเม่ก็ตอบกลับมาว่าก็รู้สึกเหมือนกัน เเต่ทางนั้นเขาก็มีสามี มีลูก ลูกอายุเท่าๆกับหนูเลย หลังจากนั้นเหมือนพ่อเริ่มสังเกตอาการได้ พ่อก็เลยแอบไปดูในไลน์ เขาก็เห็นว่าคุยกัน ใช้คำหวานๆ คลั่งรัก จากที่พ่อแคปแชทมาให้ดู เขาคุยเหมือนเป็นแฟนกัน พ่อรับไม่ได้ พ่อกับแม่ก็เลยทะเลาะกัน ทำให้พ่อต้องออกจากบ้านไป เเล้วเขาก็กลับมาคุยกัน พ่อก็ขอให้แม่หยุดได้ไหม? แล้วก็ให้กลับมาเป็นครอบครัวกันเหมือนเดิม แต่แม่บอกว่า เขาไม่ได้รู้สึกกับพ่อแบบนั้นแล้ว เขารู้สึกว่าที่ผ่านมาเหมือนพ่อละเลยเขา ไม่ค่อยสนใจเขา เวลาอยากจะไปไหนก็ไม่ไป จนมาวันนี้เขาก็ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเเล้ว แต่เขาก็ไม่ได้อยากจะไล่พ่อออกไปนะ แต่ถ้าจะอยู่ก็อยู่เป็นเพื่อนกัน แต่พ่อก็รับไม่ได้ พ่อรู้สึกว่าอยากให้แม่รักพ่อเหมือนเดิม เหมือนเมื่อก่อน ไม่ใช่ไปรักคนอื่น พอเป็นคนกลางก็คือฟังจากทางเเม่ด้วย บางทีในมุมเเม่เขาก็จะรู้สึกว่า ฉันก็ถูกละเลยมาหลายปีเเล้ว ในมุมพ่อ แม่ไม่เคยพูดเขาก็ไม่รู้ เขารู้สึกว่าอันนี้ก็คือปกติที่เคยทำ แต่ก่อนก็ไม่เคยเห็นเป็นอะไร ก็เลยไม่รู้ว่าจะต้องรักษาความรู้สึกทั้งพ่อกับแม่เราควรจะทำยังไงดี? เพราะเเม่ก็ไม่ได้อยากจะเลิกกับพ่อ เพื่อที่จะไปอยู่กับเพื่อนสองคน จริงๆพ่อก็อยากออกไป แต่ก็ไม่รู้จะไปไหน ก็เลยเป็นห่วงพ่อว่าจะไปอยู่ที่ไหน หนูเคยคุยกับเเม่ว่าไม่เอาได้ไหม? แม่ก็พูดมาคำหนึ่งว่า มันคือความสุขของเขา เเค่เหมือนได้คุยก็มีความสุขเเล้ว จากที่ถามเเม่มา ครอบครัวทางฝั่งนู้น เขารู้เเล้วเขาก็รับได้ มีเเต่พ่อที่รับไม่ได้ แม่เขาก็บอกว่าเหมือนเป็นเพื่อนคนนึงที่สบายใจของเขา เข้าใจเขา... หนูก็เลยอยากปรึกษาพี่ๆดีเจว่า ทำยังไง จะไม่ให้พ่อกับเเม่เสียใจดี? งานนี้ “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คนที่ดูน่าสงสารที่สุดคือ คุณพ่อ คนที่จะได้รับการเยียวยาคนแรกจากกิ๊ฟก็คือคุณพ่อ คนอยู่ด้วยกันเป็น 20 - 30 ปี คำว่าละเลยกับการทำทุกอย่างเป็นปกติ มันมีเส้นบางๆ ถ้ายังรักกันอยู่ ก็มองว่ามันเป็นปกติ มันไม่เคยเป็นเรื่อง เเต่พอวันหนึ่งไม่ได้รักกันเเล้ว มันก็กลายเป็นเรื่องละเลย มันก็แอบไม่เเฟร์กับคุณพ่อเหมือนกัน ส่วนวิธีเยียวยาคุณพ่อ กิ๊ฟก็ชวนพ่อคุยทำนู้นนี่ แล้วค่อยๆแอบถามพ่อมีอะไรจะคุยหรือเปล่า? หลังจากนั้นก็ค่อยว่ากัน คือดูแลให้เขามีเพื่อน และฝั่งคุณเเม่ก็ทำไรมากไม่ได้ ทำได้เเค่เตือนว่าสิ่งที่เเม่มองว่าเป็นเรื่องเล็ก เป็นเพื่อนกัน เป็นความสุข กิ๊ฟอยากให้เเม่ระวังว่า ผลกระทบของความสุขของเเม่เนี่ยมันทำให้คนรอบข้างเป็นทุกข์หรือเปล่า มันก็ทำได้เเค่เตือน ทางด้าน “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘คนที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็น่าจะเป็นคุณพ่อ เป็นการนอกใจที่ชอบผู้หญิงเหมือนกันอีก ซึ่งก่อนหน้าก็ไม่น่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น เพราะว่าเขาเป็นภรรยาของคุณพ่อมานานมากแล้ว พี่จะไม่บีบบังคับให้พ่อยอมรับ เพราะตอนนี้เเม่คุณกิ๊ฟต้องการแบบนั้น ซึ่งพี่รู้สึกว่ามันไม่แฟร์ ถ้าสถานการณ์กลับกันไม่ว่าจะฝั่งไหน มันก็ยอมรับไม่ได้เลย มันเห็นแก่ตัวไปนิดนึง พี่ก็คงบอกว่าถ้าพ่อไม่ไหว พ่อมีสิทธิ์ที่จะไปนะ มันเศร้าตรงที่พอรู้ว่า ภรรยาตัวเองมีคนอื่นเเล้ว เเต่ตัวเองยังอยู่ในพื้นที่บ้านตาบ้านยาย ณ ตอนนี้พี่คิดว่าเเม่จะอยู่บ้านคนเดียวได้อย่างมีความสุข ส่วนฝั่งคุณเเม่ ถ้าตอนนี้คุณแม่ค้นพบว่าฉันชอบเพศเดียวกัน พี่ก็จะตามใจเขา แต่ที่เเม่บอกพ่อละเลย ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง อาจจะเป็นคำอ้างก็ได้ แต่ถ้าเป็นจริงพี่ก็คงพูดกับเเม่ว่า ลองให้โอกาสพ่อไหม เพราะเขาไม่เคยพูดกับพ่อเลย ตอนนี้มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เราเป็นลูก เราก็ทำได้เเค่ใครที่เสียใจเราก็ให้กำลังใจ เป็นเรื่องที่เขามีสิทธิ์ที่เขาจะทำได้ เลือกทางเดินชีวิตตัวเองเเล้ว สุดท้าย...เขาเลือกเเล้ว ถ้าเขามีความสุขกับทางที่เขาเลือกจริงๆ พี่ก็โอเคกับทั้งสองฝ่าย สำหรับพี่เขาก็คือพ่อเเละเเม่ที่พี่ก็ยังรักอยู่ดี และ “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘สิ่งที่ทำ มันก็คือการนอกใจ ส่วนบ้านนู้นก็ถามเลยว่า เขารับได้จริงๆใช่ไหมที่เขาคบกัน ถ้ารับได้จริงๆ ทางนี้ก็จะได้เปิดทางให้ที่รับได้นี่ทางนู้นอาจจะรู้เเค่ว่าเป็นเเค่เพื่อนหรือเปล่า ไม่ได้คลั่งรักขนาดนี้ ถ้าบ้านเขารับได้จริงๆเราทำได้เเค่ปล่อยอย่างเดียวเลย เราต้องมาฮีลใจคุณพ่อ แล้วก็คุยกับเเม่ ถ้าเเม่พูดว่านี่ คือความสุขของเเม่ เราก็บอกแม่ไปเลยว่า มันเป็นความสุขที่ได้มาโดยไม่ถูกต้อง ความสุขเเบบนี้มันเรียกเห็นแก่ตัว แล้วเราก็หันมาทางพ่อ การที่อยู่กับคนที่ไม่ได้รักเรามันเจ็บกว่าการที่จบเเล้วเดินออกไปมากกว่า สิ่งที่เยียวยาพ่อได้ดีที่สุดก็คือลูก เพราะตอนนี้ดูแล้วแม่กู้ไม่กลับเเล้ว เพราะฉะนั้นต้องดูเเลพ่อให้รู้สึกว่าอย่างน้อยลูกคือความหวังของพ่อ ให้กำลังใจพ่อ ถ้าพ่อคิดว่าตอนนี้พ่อทนได้ พ่ออยู่ไปก่อน แต่บอกล่วงหน้าเลย สิ่งที่พ่อทำอยู่มันเสียเวลา เเต่ถ้าพ่อรู้สึกว่าพอแล้ว พ่อปิดประตูบานนี้เเล้วเดินออกมา ให้ทางเลือกกับเขา บอกเขาว่าเราเข้าใจเขา... สุดท้ายนี้...พี่ๆดีเจก็เข้าใจคุณกิ๊ฟ ขอเป็นกำลังใจให้กับคุณกิ๊ฟ ขอให้เรื่องราวผ่านไปได้ด้วยดีเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

แม่บ้านที่ออฟฟิศ ทำหน้าที่แค่ “ทิ้งขยะ” อย่างอื่นไม่ยุ่ง พื้นบริษัทสกปรก ไมโครเวฟเปื้อน โต๊ะฝุ่นเกาะ จนแผนกเราต้องจัดเวรกันเอง พนักงาน 5 คนสลับกันทำคนละวัน แจ้ง HR แล้วก็ไม่เป็นผล ตอนนี้หัวหน้าลาออกไปแล้ว พวกหนูจะทำยังไงดีคะ?

31 ม.ค. 2025

แม่บ้านที่ออฟฟิศ ทำหน้าที่แค่ “ทิ้งขยะ” อย่างอื่นไม่ยุ่ง พื้นบริษัทสกปรก ไมโครเวฟเปื้อน โต๊ะฝุ่นเกาะ จนแผนกเราต้องจัดเวรกันเอง พนักงาน 5 คนสลับกันทำคนละวัน แจ้ง HR แล้วก็ไม่เป็นผล ตอนนี้หัวหน้าลาออกไปแล้ว พวกหนูจะทำยังไงดีคะ?

“คุณมด (นามสมมติ)” อายุ 25 ปี สายที่ 3 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [29 ม.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาแม่บ้านที่ทำงาน โดย “คุณมด (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘แม่บ้านที่ทำงานไม่ยอมทำความสะอาด จนปัจจุบันพวกหนูต้องกลายมาเป็นแม่บ้านเอง ต้องเกริ่นก่อนว่าตอนแรกจริง ๆ หนูจะทำงานอยู่ที่ตึกใหญ่ แต่มีเหตุจำเป็นที่ต้องย้ายอยู่อีกตึกนึง ซึ่งตึกนั้นจะมีอยู่แค่ 2 ชั้น ประเด็นอยู่ที่ว่าตั้งแต่ที่ย้ายเข้าไปวันแรก คือห้องมันเป็นห้องที่รีโนเวทใหม่ แล้วชั้นนั้นจะมีคนอยู่แค่ 1 ห้อง ซึ่งหนูก็ย้ายเข้าไปในห้องที่รีโนเวทใหม่ มันก็จะมีฝุ่นเยอะ แต่ก่อนหน้านี้ก็มีพี่ที่ไม่ใช่แม่บ้าน เขาจะเข้าไปทำความสะอาดให้แล้ว เรารู้สึกว่าตั้งแต่วันแรกที่แจ้งว่าจะย้าย ก็ไม่เห็นมีความคืบหน้าว่าจะมีการทำความสะอาดเกิดขึ้น พอย้ายเข้าไปวันแรกสิ่งที่เกิดขึ้นคือ เราต้องทำความสะอาดกันเอง คือมันทนไม่ไหว เลยต้องกวาดพื้นกันก่อน วันนั้นก็คือไม่ได้คิดอะไร เราก็คิดว่าทำไปก่อนแล้วกัน ต่อมาหัวหน้าก็มีการไปแจ้งที่เจ้าหน้าที่บุคคลว่าต้องมีการทำความสะอาดนะ ผ่านไป 1 สัปดาห์ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกหนูก็ต้องทำความสะอาดแล้วก็กวาดกันเองปกติ กิจวัตรประจำวันของแม่บ้านตึกนี้ก็คือเข้ามาแค่เก็บขยะ แต่จริง ๆ มันควรต้องมีแม่บ้านทำความสะอาด อย่างตึกเก่าแม่บ้านก็ดูแลอยู่ ตึกใหญ่ก็มีแม่บ้าน ส่วนตึกเล็กเขาก็จะแบ่งกันทำจากแม่บ้านตึกใหญ่ แต่ตึกเล็กก็มีแค่ 2 ชั้นประมาณ 5 ห้อง แต่แม่บ้านก็ไม่เคยทำความสะอาดเลย จนอาทิตย์นั้นพวกหนูทำความสะอาดกันเอง พอเข้าอาทิตย์ที่ 2 หนูก็สังเกตเห็น วันนั้นหนูเข้าทำงานเช้ามาก ประมาณช่วง 6 โมงเช้า หนูเห็นเขากวาดหนูก็ตกใจ เพราะมีแม่บ้านเข้ามากวาดทำความสะอาด ก็คิดว่าเขาก็น่าจะถูด้วยแหละ แต่พอหนูเปิดประตูเข้าไปปุ๊ป เขาก็เดินออกไปเลย แล้วก็บอกว่า มากวาดห้อง แค่นี้เลยแล้วก็ไม่มีการเข้ามาถูหรือมีการเช็ดโต๊ะอะไรเลย กวาดอย่างเดียว ตอนนี้ผ่านมาจะ 2 เดือนหนูเห็นเขาเข้ามากวาดให้หนูแค่ครั้งเดียวก็คือ 2 สัปดาห์ก่อนนั้น จนถึง ณ ปัจจุบันนี้ พวกหนูต้องใช้วิธีการจัดเวรประจำวันกันเอง เหมือนโรงเรียนประถม โดนที่หัวหน้าไม่ต้องทำเพราะตอนนั้นพวกหนูมีกันอยู่ 6 คน ลูกน้องก็ 5 คน ทำกันคนละวัน จริง ๆ หัวหน้าเขาก็มีการส่งแบบฟอร์มทุกเดือนอยู่แล้ว ตอนที่หนูย้ายเข้าไปเมื่อเดือนธันวาคมก็คือทางเจ้าหน้าที่บุคคล เขาก็มีการส่งมาให้หัวหน้างานประเมินแล้ว ว่าแม่บ้านทำความสะอาดไหม? ต้องการเปลี่ยนอะไรไหม? หัวหน้าก็แจ้งไปแล้ว แต่ก็ไม่มีการดำเนินงานอะไรต่อ ก็เลยไม่รู้ว่าเราจะต้องทำยังไงต่อ ซึ่งพอเดือนถัดมาหัวหน้าหนูก็ออก ตอนนี้อยู่กันแค่ 5 คน แต่ก็ยังแบ่งเวรกันทำอยู่ทุกวัน หนูก็มองว่าจริง ๆ มันก็เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่บุคคล จน 2 วันที่ผ่านมาหนูทนไหวก็เลยพยายามโกหกแจ้งไปว่า ทำของกินตก ขอที่ตักของ ไม้กวาด เขาก็บอกหนูว่าอยู่ตรงนั้น หยิบได้เลย เขาไม่เคยบอกเลยว่าเดี๋ยวป้าขึ้นไปเก็บให้นะ ไม่มีเลย ต่างจากแม่บ้านคนเดิมที่อยู่ตึกเก่ามาก หนูพยายามทำทุกอย่างให้เขารู้แต่ เขาก็ไม่ทำให้หนูเลย หนูเลยอยากจะปรึกษาพี่ ๆ ดีเจว่า มีวิธีพูดกับแม่บ้านที่ออฟฟิศยังไงดี?’ เริ่มที่ “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่ารวมกันให้คำแนะนำได้เลยเพราะว่าการพูดก็คือสื่อสารแบบตรงไปตรงมาเลยว่า ตอนนี้มันสกปรกแล้วเขาไม่มาช่วยทำความสะอาด อีกอย่าง HR ต้องเป็นฝ่านชนให้เราอยู่แล้ว คนแก้ปัญหานี้ให้เราคือ HR’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่รู้สึกว่าจำนวนแม่บ้านพอหรือเปล่า หรืองานที่เขาได้รับมอบหมายเนี่ย เขาให้ดูตึกนี้หรือเปล่ามันต้องมีอะไรผิดพลาดสักอย่าง การที่เขาไม่ดูหรือเขาไม่ทำหรือเขาไม่ไหว เพราะฉะนั้น HR ควรมาจัดการ ถ่ายรูปแล้วก็ไปคุยกับ HR เลย จริงไม่ต้องถามว่าต้องคุยว่าอะไร เพราะเขาเป็น HR เขาต้องทำเรื่องพวกนี้เองอยู่แล้วไม่ต้องรอให้เราเขาไปอ้อนวอนด้วยประโยคอะไรด้วยซ้ำ เขาจ้างมาเป็น HR เพื่อให้มาทำตรงนี้แหละ นัดคุยกับ HR นะเอารูปไปให้เขาดู’สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ปล่อยหนูให้มันกัดสายไฟให้หมด แล้วก็บอกแม่บ้านไม่ทำเอง คอมพังหมดแล้ว มันกัดหมดแล้วเราไม่ต้องยุ่ง พี่ว่า HR มันแก้ไขได้นะ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูมาทำงานต่างประเทศ สามีบอกเดี๋ยวจะตามมา หนูส่งเงินค่ากิน ค่าใช้ ค่าเช่าบ้าน ค่ารถให้เขามา 8 เดือนกว่า เขาไม่ทำงานเลย จนมารู้ทีหลังว่ามีผู้หญิงอีกคน ตอนนี้สามีขอคบ 2 คน ถ้าไม่ยอมก็ท้าให้เราฟ้องเอา หาหลักฐานมาให้ได้สิ หนูเสียใจที่สุด...

01 พ.ย. 2024

หนูมาทำงานต่างประเทศ สามีบอกเดี๋ยวจะตามมา หนูส่งเงินค่ากิน ค่าใช้ ค่าเช่าบ้าน ค่ารถให้เขามา 8 เดือนกว่า เขาไม่ทำงานเลย จนมารู้ทีหลังว่ามีผู้หญิงอีกคน ตอนนี้สามีขอคบ 2 คน ถ้าไม่ยอมก็ท้าให้เราฟ้องเอา หาหลักฐานมาให้ได้สิ หนูเสียใจที่สุด...

“คุณมิวสิค (นามสมมติ)” สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [30 ต.ค.67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาทำงานอยู่ต่างประเทศ ส่งเงินให้แฟนที่ไทยตลอด แต่ตอนนี้เขาไปกับคนอื่น โดย “คุณมิวสิค (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘พอดีเรามาทำงานตามความฝันที่ต่างประเทศก่อนแฟน แล้วก็ส่งเงินให้เขาใช้จ่ายส่วนตัว พร้อมกับจ่ายค่าธุรกิจของเขาตลอดเลย แต่ตอนนี้เขาไปกับอีกคนนึง หนูมาอยู่ที่นี่ได้ประมาณปีกว่าๆ เราทั้งคู่ยังไม่ได้แต่งงาน แต่มีการจดทะเบียนกันเพื่อจะไปทำงานที่ต่างประเทศ หนูคบกับแฟนคนนี้มาประมาณ 10 ปี คบกันตั้งแต่เรียนอยู่ ซึ่งเขาเป็นคนที่เจ้าชู้มากๆ ตั้งแต่คบกันมาเขามีคนอื่นมาตลอด จับได้ตลอด นิ้วมือนิ้วเท้าหนูนับไม่ได้เลย บางคนหนูก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่หนูก็ให้อภัยเขามาตลอด บวกกับพอเราทำงาน เขาก็จะมีช่วงที่ทำงานไม่ได้ ทำงานได้บ้าง หนูก็จะเป็นคนที่ซัพพอร์ตเขามาตลอด จนมีช่วงนึงที่เขาป่วย แทบจะเดินไม่ได้เลย หนูก็ยังอยู่กับเขา พอเขาหายดีขึ้น เขาก็กลับมาเป็นคนเดิมที่ก็ยังแอบนอกลู่นอกทางมาตลอด แต่เขาก็ไม่ได้ไปไหน ยังอยู่กับหนู แล้วหนูก็ให้อภัยเขา จนพอเราอายุมากขึ้น เรามีการพูดถึงอนาคตมากขึ้นว่าจะทำยังไง? ด้วยความที่เขาไม่ได้มีการงานที่มั่นคง เราจึงคุยกันว่าเราจะมาทำงานที่ต่างประเทศ มีการเลือกหลายๆประเทศ แต่ก็มาจบที่ออสเตรเลีย ซึ่งคุณสมบัติการมาที่นี่ของเขามันยากกว่าของหนู ด้วยวุฒิการศึกษา หน้าที่การงานของหนูดีกว่าเขา จึงทำให้เขาไม่สามารถมาพร้อมกับหนูได้ หนูเลยต้องมาคนเดียว และเราก็มีการตกลง สัญญากันว่าถ้าหนูมาครบ 1 ปีแล้วเขาจะตามหนูมาที่นี่ แต่พอหนูมาจริงๆ เขาก็ไม่ได้มีความกระตือรือร้นที่จะมาที่นี่ ตลอดระยะเวลาประมาณ 8 – 9 เดือนที่ผ่านมาเขาไม่ทำงานเลย แล้วเขาก็ต้องมีรถยนต์ที่ต้องผ่อนเดือนละ 9 พัน บวกกับค่าใช้จ่ายของเขา ค่ากิน ค่าอยู่ ค่าเดินทาง เหมือนบางวันเขาก็บอกจะไปหางานทำ แต่ก็ไปแล้วไม่ได้ ไปแล้วไม่เอา จริงๆก่อนหน้านี้ตัวหนูเองอยากแต่งงานมาตลอด แต่ด้วยความที่มันไม่พร้อมอะไรเลย มันทำให้ไม่มีการได้แต่งงานกัน แต่พอวีซ่าหนูผ่านปุ๊บ เขาก็ขอหนูแต่งงาน พอวันเกิดหนูเขาก็พาไปจดทะเบียนสมรส แล้วหนูก็ถามเขาว่ามั่นใจหรอว่าจะอยู่กับคนแบบเราได้ ซึ่งหนูก็ถามตัวเองเหมือนกันว่าหนูจะอยู่กับเขาได้มั้ย? หนูก็คิดว่าเราไม่น่าจะอยู่กับคนแบบนี้ได้ แต่เหมือนเราคบกันมานาน แล้วเขาก็เป็นแฟนคนแรกของหนู มันมีความไม่กล้าเดินออกมา หนูคิดข้อดีของเขาไม่ออกเลย พอหนูมาอยู่ที่นี่ ด้วยความที่หนูอยากให้เขามาที่นี่ด้วย หนูก็ช่วยเขา เพราะเขาต้องทำตัวเองให้มีคุณสมบัติที่ดีเหมือนซัพพอร์ตเราได้ มีการมีงานที่ดีทำถึงจะติดตามมาที่นี่ได้ พอเขาไม่ทำงาน ไม่ทำอะไรเลยเป็นเวลาเกือบปี หนูก็รู้สึกว่าทำไมเขาไม่มีความกระตือรือร้น พยายามพูดแล้ว แต่พอพูดเราก็จะทะเลาะกัน หนูเลยเสนอเขาไปว่าถ้าเขาไม่อยากทำงานประจำ ไม่อยากเป็นลูกน้องคนอื่น งั้นเราเปิดธุรกิจกันมั้ย? เราเปิดร้านอาหารเล็กๆให้เธอ เพื่อทำสเตจเม้นแล้วให้เธอได้มาที่นี่ แล้วหนูก็เป็นคนลงทุนให้เขา ตอนแรกเขาไม่อยากทำเลย แต่พอหนูพูดให้เขาทำ เขาก็ไปทำจริงๆ ซึ่งตอนนี้ก็ยังทำอยู่ 3 เดือนแรกหลังจากเปิดร้านอาหารก็ดูโอเค เขายังคุยกับหนูปกติ แต่หนูเป็นคนที่ติดเขา หนูเลิกเรียนหนูโทรหาเขา หลังเลิกงานหนูโทรหาเขา แต่หลังๆมานี้ทุกอย่างที่หนูทำคือเขารำคาญหนู เขาทำให้หนูร้องไห้ตลอดเวลา ตั้งแต่ต้นปีจนถึงกลางปีนี้ หนูไม่รู้สาเหตุด้วย หนูพยายามถามเขาว่าเป็นเพราะอะไร ทำไมดูเหมือนไม่รัก ไม่คิดถึง ไม่โหยหา ทั้งๆที่หนูดูแล้วว่าโอกาสที่เขามาที่นี่ไม่ได้ หนูพยายามกลับไปหาเขามากๆ หนูพยายามพูดว่าถ้างั้นไม่เป็นไร ขอกลับบ้านไปอยู่กับเขาได้มั้ย? ซึ่งเขาจะพูดประมาณว่ากว่าจะได้มา มันยากนะ อยู่ต่ออีกหน่อยสิ เหมือนพูดเกลี่ยกล่อมให้เราอยู่ต่อ มันก็ทำให้เรารู้สึกว่า เรามาทำเพื่อความฝันของเรา เอาจริงหนูไม่ได้มีความฝันอะไรมากเลย หนูแค่อยากอยู่กับเขา แต่ความฝันของเขา เขาอยากมีนู้นมีนี่ ซึ่งหนูคิดว่าเขาทำคนเดียวไม่ได้ หนูต้องช่วยเขา เพราะฉะนั้นหนูเลยต้องอยู่ต่อ จนความรู้สึกนั้นมันมากเลยทำให้หนูน้อยใจ แล้วเวลาที่ไทยกับออสเตรเลียต่างกัน 3 – 4 ชั่วโมง หนูยอมนอนดึกทุกวัน เพื่อรอคุยกับเขาหลังจากที่เขาเก็บร้านเสร็จ แต่เขาบอกหนูว่า รอเขาทำไม? จากที่เราเคยคอลกัน เขาเริ่มไม่อยากคอล ไม่อยากคุย เขาบอกว่าหนูทำแบบนี้ เขาเหนื่อย แค่ทำงานเขาก็เหนื่อยแล้ว ทำไมเขาต้องมาเหนื่อยกับหนูอีก จนหนูเลยลองไม่ตามเขาบ้าง แล้วเขาก็บอกเลิกหนู แต่เขากลับมาแอดเฟซบุ๊กหนู ตอนนั้นหนูดีใจมาก แต่หนูไปเห็นว่ามีผู้หญิงคนนึงคอมเมนต์เขาทุกโพสต์ หนูก็เอะใจเพราะเป็นพี่ที่หนูรู้จัก แล้วคุณแม่ของเขาเป็นคนบอกหนูเองว่าเขามีคนอื่นมาตลอด ผู้หญิงคนนั้นก็บอกหนูว่าเขาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ต้นปี แต่ผู้ชายไม่ยอมรับ แล้วบอกหนูว่าเขาขอมี 2 คนได้มั้ย? เพราะเขาขาดใครไปไม่ได้สักคน เลยอยากถามพี่ๆดีเจว่า หนูอยากหย่ากับเขา แต่เขาไม่ยอมหย่า หนูต้องทำไงดี?เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1