แฟนหนูไม่กลับบ้านมาเกือบเดือนแล้ว เพราะเขาไปอยู่กับเจ๊โมเดลลิ่ง หาเด็ก N ให้ลูกค้า ล่าสุดเจ๊ให้รถแฟนหนูใช้ 1 คัน พอแฟนกลับมาเอาของที่บ้านแต่ละที ทำหน้าเหมือนไม่อยากอยู่ตรงนี้ อยากให้เขาชัดเจน หนูนอนรอเค้ามาทุกคืน

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

แฟนหนูไม่กลับบ้านมาเกือบเดือนแล้ว เพราะเขาไปอยู่กับเจ๊โมเดลลิ่ง หาเด็ก N ให้ลูกค้า ล่าสุดเจ๊ให้รถแฟนหนูใช้ 1 คัน พอแฟนกลับมาเอาของที่บ้านแต่ละที ทำหน้าเหมือนไม่อยากอยู่ตรงนี้ อยากให้เขาชัดเจน หนูนอนรอเค้ามาทุกคืน

30 ก.ย. 2024

แฟนหนูไม่กลับบ้านมาเกือบเดือนแล้ว เพราะเขาไปอยู่กับเจ๊โมเดลลิ่ง

หาเด็ก N ให้ลูกค้า ล่าสุดเจ๊ให้รถแฟนหนูใช้ 1 คัน พอแฟนกลับมาเอาของที่บ้านแต่ละที

ทำหน้าเหมือนไม่อยากอยู่ตรงนี้ อยากให้เขาชัดเจน หนูนอนรอเค้ามาทุกคืน จะเดินออกไปแต่เค้าก็บอกยังแคร์หนูอยู่ ให้เชื่อใจ

                “คุณมิว (นามสมมติ)” อายุ 25 ปี สายที่ 2 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [25 ก.ย.67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาแฟนติดเจ๊ที่เป็นโมเดลลิ่งหาเด็กเอ็น ไม่กลับบ้านเลย

                โดย “คุณมิว(นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ตอนนี้แฟนหนูเขาอายุ 29 ปี เราคบกันมาเข้าปีที่ 3 เเล้ว ปัญหาที่อยากมาปรึกษาพี่ๆวันนี้ คือเหมือนแฟนหนูไปติดเจ๊คนนึงที่เป็นโมเดลลิ่งหาเด็กเอ็น เจ๊อายุประมาณ 35-36 ปี ซึ่งเจ๊เขามีแฟนอยู่เเล้วด้วย เเล้วเขาไม่กลับบ้านเลย ก่อนที่เขาจะรู้จักเจ๊คนนี้ก็รู้จักจากรุ่นพี่คนนี้ เพราะรุ่นพี่คนนี้เขาฝากงานให้ ตั้งเเต่ที่เขาไปรู้จักรุ่นพี่คนนี้ เขาเปลี่ยนไปมากเลยทั้งนิสัย การใช้ชีวิต ทุกอย่างเขาทุ่มให้ทางนู้นหมดเลย คือเหมือนเขาลืมไปเลยว่าเขามีหนูอยู่ที่บ้าน เวลาเขาเข้าบ้าน สายตาหรือหน้าตาเขา เหมือนไม่อยากจะอยู่บ้าน ใจเขาเหมือนอยากจะไปอยู่เเต่ตรงนั้น พอเเม่เขาโทรหาเขาบอกเเม่ว่า ตอนนี้เขาอยู่ กทม.เขามากับรุ่นพี่เขา หนูเลยโทรหาเขาเเต่เขาไม่รับสายหนูเลย ไม่ตอบ ไม่ทักหาหนูเลย หายไปจะเป็นเดือนเเล้ว เเต่เขาจะมีการเเวะมาบ้าน มาแปป ๆ เเล้วก็ออกไป

                หนูรู้เพราะว่าตอนแรกเจ๊คนนี้เขาไลน์มาหาเเฟนหนูในโทรศัพท์อีกเครื่องนึง เขาบอกว่าอยู่ไหน เเล้ววันนั้นเป็นวันที่รุ่นพี่เขาโทรมาตอนเที่ยงคืนว่าให้พาไปทำธุระที่ประจวบหน่อย เเล้วเป็นจังหวะตรงกันที่เจ๊คนนั้นเขาทักมาพอดี พอเขาออกไปหนูก็เลยลองโทร ลองทักหา เขาก็ไม่ตอบไม่อ่านจนเช้าถึงโทรมาหาเเล้วบอกว่า ไม่ได้เอาโทรศัพท์ออกไป เอาไว้ในรถ เเต่ตอนนั้นหนูก็ไม่ได้เอะใจ

                มีวันนึงเขาขับรถเจ๊มารับหนูไปส่งที่ทำงาน หนูรู้เพราะว่าไปส่องเฟซเจ๊เขา หนูเข้าไปส่องก็งงว่าแฟนไปติดอะไรเขา เขาก็เหมือนคนบ้าน ๆ ไม่ได้มีเยอะมีมาก เเล้วหน้าเฟซบุ๊กเขาเขียนว่าจัดหาเด็กเอ็น , PR , จัดเลี้ยงงี้ เเต่พอเขาเข้าบ้านก็จะชอบมีเเว่น วันต่อไปมีเสื้อ มีรองเท้าเเต่ไม่ใช่รุ่นเเบรนด์อะไร พอหนูถามเขาว่าได้มาจากไหน เขาบอกเอามาจากรุ่นพี่ให้มา วันนั้นที่เขาเอารถเจ๊มารับหนู เขาบอกว่าเขาจะไปนั่งเล่นที่ห้องรุ่นพี่คนนี้ เเต่พอตอนเช้ามาเขาดันเอารถเจ๊มารับหนู หนูเลยคาใจ

                วันที่เจ๊ให้รถมาใช้ เขาก็ทักหาเจ๊ว่าผมสัญญาว่าผมจะไม่ดื้อ เเล้วก็อ้อน ๆ ไป เเล้วเจ๊ก็เรียกเเฟนหนูว่า “อ้วน” เขาก็คอลหาเเฟนหนูด้วย เเล้วถามแฟนหนูว่าจะกินอะไรมั้ย? แฟนหนูก็ตอบว่าพี่ก็รู้ ผมกินอะไรที่พี่ชอบ วันนั้นหนูทะเลาะกันหนักมาก เเต่เเฟนหนูเขาไม่ยอมรับ บอกว่าไม่มีอะไร เขาบอกว่าถ้าจะได้งานจากเขาก็ต้องอ้อนเขาหน่อย เขาไม่ได้ทำงานเอ็น เขาเเค่แบบรับส่งเด็กเอ็นเเล้วก็หาเด็กเอ็นให้ลูกค้า เขาก็ได้ค่าหัวจากเจ๊คนนี้

                ก่อนหน้านี้หนูเเอบถ่ายรถเจ๊ไว้ เลยแกล้งบอกแฟนว่า งั้นหนูจะส่งข้อความหาแฟนเจ๊ว่าเขารับรู้ใช่มั้ยว่าเจ๊ให้เอารถมาใช้? เเล้วเขาก็โวยวายใหญ่เลย บอกว่า ถ้าอย่างงี้ ก็เหมือนทำชีวิตเขาพัง ทำงานเขาพัง ทุกสถานการณ์มีเจ๊ตลอดเลย ขนาดไปคอนเสิร์ตเขาบอกหนูว่าไม่ได้ไปด้วยกัน เเต่หนูเห็นเจ๊เขาลง TikTok อยู่คอนเสิร์ตเดียวกัน เจ๊เขารู้ว่าแฟนหนูมีแฟนอยู่เเล้วเพราะหนูเคยทักไปหาเจ๊ เจ๊เขาก็บอกว่า “ก็คุยเเค่เรื่องงาน ถ้าข้องใจหรือไม่สบายใจอะไร ออกมาคุยกันมั้ย จะได้สบายใจ”

                หนูไม่สามารถทำอะไรได้เลย เพราะหนูไม่มีใคร เพื่อนก็ไม่มี หนูอยากออกไปเที่ยวหรือทำไรก็ไม่ได้เลย เพราะหนูมาจากต่างจังหวัด มาทำงานที่หัวหิน เลยมาอยู่กับเขา หนูก็รักเขานะ หนูก็คุยกับเขาดี ๆ เพื่อที่อยากจะให้เขามาคุยกับหนู เเล้วเขาบอกว่า เชื่อใจเขาเถอะ ว่าเขาไม่มีอะไรจริง ๆ เขาบอกให้เชื่อเขาเเต่เขาไม่ยอมกลับมาคุยที่บ้านเลย คำพูดกับการกระทำเขามันสวนกันมาก ๆ เลย หนูก็เลยบอกว่า มีเรื่องอยากจะคุยกับเขาเหมือนกัน เขาก็ตอบว่า อะไร สงสัยน่าจะไม่อยากอยู่ หนูก็เลยอยากถามพี่ ๆ ดีเจว่า หนูควรทำยังไงต่อดีคะ?’

                ซึ่งดีเจทั้งสามคน (ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม) ก็ได้ให้คำปรึกษาไปในทิศทางเดียวกันว่า ‘ไม่ต้องหาคำตอบว่าเขาจะมีหรือไม่มี เพราะปัจจุบันอยู่แล้วไม่มีความสุข ตัดสินคนที่ปัจจุบันเเละการกระทำที่เขาทำกับเรา ไม่ต้องหาคำตอบว่าต้องรอให้เขามีคนเเล้วเราจะเลิกกัน คนเราสามารถเลิกกันได้หลายเหตุผลเลย การที่เราอยู่เป็นฝ่ายรอให้เขากระทำอย่างเดียว ชีวิตเรามันไม่น่าสงสารหน่อยหรอ ชีวิตเราเราน่าจะเป็นฝ่ายเลือกได้เองบ้างนะ เราเลือกตัวเองไปอยู่ในที่ที่มีความสุขสิ รักตัวเองหน่อย กอดตัวเองหน่อย อายุเเค่นี้เองต้องมีความสุขกับชีวิตสิ เเล้วถ้าเขารักหนูเขาจะพยายามทำทุกอย่างให้หนูกลับมาเอง เเต่กลับมาเเล้วต้องไม่ใช่เเบบเดิมนะ ชีวิตเราเรามีสิทธิ์เลือก ถ้ากลับบ้านได้กลับไปเเล้วสร้างตัว หาคนที่เขาเห็นค่าในตัวเรา เป็นกำลังใจให้นะ’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

คบแฟนมา 4-5 ปี ไม่รู้เป็นอะไร ช่วงนี้เรารู้สึกเฉยๆกับความสัมพันธ์มาก เราทำงาน 6 วัน/สัปดาห์ วันว่างไปเที่ยวกับเขาก็รู้สึกเฉยๆ ไม่ได้สนุกเกิน100% เหมือนเมื่อก่อนแต่ก็ไม่อยากเลิก เขาเป็นคนดีมาก แค่รู้สึกดาวน์ๆทำไมตัวเองรู้สึกแบบนี้ คนที่คบแฟนนานๆ

07 มิ.ย. 2024

คบแฟนมา 4-5 ปี ไม่รู้เป็นอะไร ช่วงนี้เรารู้สึกเฉยๆกับความสัมพันธ์มาก เราทำงาน 6 วัน/สัปดาห์ วันว่างไปเที่ยวกับเขาก็รู้สึกเฉยๆ ไม่ได้สนุกเกิน100% เหมือนเมื่อก่อนแต่ก็ไม่อยากเลิก เขาเป็นคนดีมาก แค่รู้สึกดาวน์ๆทำไมตัวเองรู้สึกแบบนี้ คนที่คบแฟนนานๆ

คบแฟนมา 4-5 ปี ไม่รู้เป็นอะไร ช่วงนี้เรารู้สึกเฉยๆกับความสัมพันธ์มาก เราทำงาน 6 วัน/สัปดาห์วันว่างไปเที่ยวกับเขาก็รู้สึกเฉยๆ ไม่ได้สนุกเกิน100% เหมือนเมื่อก่อนแต่ก็ไม่อยากเลิก เขาเป็นคนดีมากแค่รู้สึกดาวน์ๆทำไมตัวเองรู้สึกแบบนี้ คนที่คบแฟนนานๆ จัดการความรู้สึกยังไงหรอคะ? “คุณแพท (นามสมมติ)” อายุ 22 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [5 มิ.ย. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาความรัก แฟนทำเหมือนเดิมทุกอย่างดูแลเทคแคร์ดี แต่เรากลับรู้สึกเนือยๆ เบื่อๆ หรือว่ามันถึงจุดอิ่มตัวของความรักครั้งนี้แล้ว โดย “คุณแพท (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘เป็นปัญหาเรื่องความรัก หนูมีแฟนที่คบกันมา 3 ปี จะ 4 ปี เขาอายุ 21 ปี หนูทำงาน ส่วนเขายังเรียนอยู่แต่ก็จะมีรับพาร์ทไทม์บ้าง เราไม่ได้อยู่กินด้วยกัน แต่อยู่จังหวัดเดียวกัน ซึ่งไม่ได้อยู่ไกลกันมาก แล้วก็ไม่ได้เจอกันทุกวันด้วย ส่วนใหญ่จะเจอกันแค่วันเสาร์ เดือนหนึ่งจะไปเที่ยวกัน 2 - 3 ครั้ง แล้วแต่โอกาสและเวลาว่างของทั้งคู่ แต่เราก็โทรคุยกันทุกวัน ซึ่งเราทั้งคู่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน เขาดีทุกอย่าง ไม่มีเรื่องนอกใจ เรื่องเที่ยวตอนกลางคืน คือไม่มีเรื่องอะไรที่ไม่ดีเลย แต่พอดีหนูเกิดความรู้สึกหนึ่งกับตัวเอง มันเป็นความรู้สึกแบบ เนือยๆ เบื่อๆ แบบว่าเหมือนอยากอยู่เงียบๆ เป็นบางที ซึ่งความรู้สึกแบบนี้มันเคยเกิดขึ้นครั้งแรกตอนที่คบกันได้ 1 ปี หรือ 2 ปี แล้วหลังจากนั้นก็ไม่เป็นอีกเลย พึ่งกลับมาเป็นอีกครั้งเมื่อตอนต้นปี แล้วก็เป็นถี่ขึ้นด้วย เกือบจะทุกเดือนเลยก็ว่าได้ ส่วนแฟนก็เหมือนเดิมทุกอย่าง ดูแลหนูดีทุกอย่าง แต่ว่าหนูมีภาระงาน ต้องทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์ หนูแทบจะไม่มีเวลาเป็นของตัวเองเลย แค่เดินทางไป - กลับ จากที่ทำงานก็เหนื่อยมากพอแล้ว เพราะที่ทำงานกับบ้านค่อนข้างอยู่ไกลกัน ซึ่งพอมีเวลาว่างก็จะทุ่มเวลาตรงนั้นให้กับเขาได้มากที่สุด อย่างเช่นวันนี้เลิกเร็วก็จะโทรหาเขา ชวนเขาเล่นเกม เหมือนว่าเป็นหน้าที่ไปแล้ว บางทีเขาถามหนูว่า “เราคอลกันมั้ย” แต่ตอนนั้นหนูใช้เวลานั่งพักของตัวเองอยู่ เลยรู้สึกไม่อยากคอลเลย แต่ก็ต้องหยุดสิ่งที่ทำอยู่เพื่อไปให้เวลาเขาก่อน แล้วก็มีเรื่องที่บ้านที่ต้องรับผิดชอบหลายเรื่อง ก็เลยไม่มั่นใจว่าตรงส่วนนี้ มันมาเกี่ยวด้วยรึเปล่า เพราะทุกครั้งที่มีอาการแบบนี้ หนูก็จะเนือยกับตัวเองแบบ “เฮ้ยเป็นอีกแล้วหรอ” อะไรอย่างเงี้ย และหนูก็กลัวว่า หนูจะพาให้เขาเครียดไปด้วย โดยตัวหนูเองก็ไม่ได้อยากจะเลิกกับเขาอยู่แล้ว เราทั้งคู่ก็มีคุยเรื่องนี้กันเพื่อหาทางแก้ แต่ก็ไม่รู้จะแก้ยังไง เพราะตัวหนูก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร และเขาก็ไม่รู้ว่าจะช่วยหนูได้ยังไง เคยลองห่างกันไป ไม่เชิงว่าเลิกกัน แค่แยกย้ายกันไปทำกิจวัตรของตัวเอง เขาโฟกัสเรื่องอ่านหนังสือ หนูก็โฟกัสเรื่องงาน พอทำแบบนี้มันก็เหมือนจะดีขึ้นมานิดนึง อย่างเมื่อก่อนที่เราใช้เวลาอยู่ด้วยกัน สมมุติมาตรวัดมันอยู่ที่ 150 แต่ว่าหลังๆ มามันเหลือ 100 มันไม่ได้ลดลงมาแต่มันเนิ่บๆ นิ่งๆ แล้วหนูก็ไม่เคยมีแฟนที่คบมานานขนาดนี้ด้วย ก็เลยไม่มั่นใจว่าตัวเอง เป็นอะไร เคยคิดจะไปหาจิตแพทย์ด้วย เผื่อมันเกี่ยวกับเรื่องลึกๆ ภายใต้จิตใจ พอหนูเป็นแบบนี้ หนูก็ลองไปหาข้อมูลในเน็ต ในเน็ตเขาบอกว่า เวลาคนคบกันมานานส่วนใหญ่เขาก็จะมาตายกันตรงนี้ หนูก็เลยหาต่อว่ามันเป็นอาการหมดรัก อิ่มตัว อะไรอย่างงี้รึป่าว ไปหาดูหลายที่มาก หนูก็พยายามคิดว่าตัวเองคงไม่ได้หมดรักแฟนหรอก ก็เลยอยากจะถามว่าพี่ๆ ว่าถ้าเกิดว่าความรู้สึกแบบนั้นมันกลับมาเล่นงานหนูอีก หนูจะทำยังไง หรือว่าทำเหมือนที่เคยทำมาตลอดทุกครั้งดี โดย “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ภาวะอย่างงี้ต้องคุยกัน คือ ตอนนี้มันเหมือนกับหน้าที่การงานของหนูมันเยอะมาก และด้วยวัยนี้มันจะมีปัญหาเรื่องการสร้างตัว เพราะเราอยากจะทำงานทุกอย่างที่เราทำได้ เป้าหมายของเรามันคือเงิน แล้วก็บางทีแฟนอาจจะเข้ามาในจังหวะที่ไม่พร้อม ไม่พร้อม หมายความว่า คือการที่มีแฟน นอกจากเราจะทำงานแล้ว เรายังต้องมีเวลาให้เขาด้วย เรามีเวลาส่วนตัวของเรา และเขาก็ต้องมีของเขา และเราต้องมีเวลาร่วมกันอีก ทีนี้ของหนูเนี่ย แม้กระทั่งเวลาของตัวเองหนูยังไม่มีเลย แล้วพอหนูจะต้องแชร์เวลาให้เขาอีก มันกลายเป็นเวลาก้อนเดียวกัน ที่เหมือนต้องเจียดแบ่งกัน มันเลยทำให้หนูรู้สึกอึดอัดว่าทำไมหนูเหนื่อยจังเลย ตอนนี้หนูแบกอะไรไว้เยอะเกินไป ฉะนั้นหอมรู้สึกว่าเราควรต้องคุยกันกับแฟนว่า “เฮ้ยตอนนี้งานมันยุ่งมากเลย แล้วเราแทบไม่มีเวลาส่วนตัวเลย ช่วงนี้อาจจะขอให้มันยืดหยุ่นหน่อยได้มั้ย อาจจะไม่ได้มีเวลาคอลบ่อยๆ เหมือนเมื่อก่อน หรืออาจจะไม่ได้ไปเดทกันทุกวันเสาร์ แต่อยากให้เข้าใจหน่อย ช่วงนี้มันเครียดจริงๆ” หอมคิดว่าการพูดคุยกับเขาน่าจะดีกว่าเพราะว่า เรารักกัน เท่าที่หอมเช็คแล้วเนี่ย แพทไม่ได้เบื่อแฟน ไม่ได้ถึงจุดอิ่มตัว แพทยังรู้สึก ภูมิใจในตัวแฟน ว่าแฟนเป็นคนดีอย่างนู้นอย่างนี้ แต่สิ่งที่แพทขาดมันเป็นเรื่องของเวลา ที่เวลาส่วนตัวกับเวลาของแฟนตอนนี้มันแย่งกันอยู่ แล้วแพทต้องการเวลาส่วนตัว ช่วงนี้มันอาจจะเป็นสถานการณ์ที่ยากนิดนึงสำหรับชีวิตคู่ แต่เรายังจะเดินไปด้วยกัน คือเราต้องวิเคราะห์ตัวเองให้ได้ก่อน ไม่งั้นอีกฝ่ายหนึ่งก็จะเหนื่อยกับเราเหมือนกัน ค่อยๆ ปรับมันจะเป็นอย่างงี้แหล่ะ ช่วงเวลาสร้างตัว’ ต่อด้วย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เอาจากประสบการณ์ที่เคยเจอมาแล้วกัน อยากให้ลองตรวจสอบ “PMS อาการผิดปกติก่อนมีประจำเดือน” บางทีผู้หญิงบางคนไม่รู้ตัวว่ามันเกิดจาก ฮอร์โมน ที่สวิงเร็วมาก คือบางครั้งถ้าเรานอยด์อะไรแบบไม่มีเห็นผล แล้วเป็นทุกเดือน เป็นสักพักหนึ่งในช่วงประจำเดือนมา มันแทบจะใช่เลยนะ เท่าที่พี่เคยสัมผัสมา เพราะฉะนั้นเริ่มจากลงวันที่ประจำเดือนมาก็ได้ ลองบันทึกดูมันอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่ง สมมุติฮอร์โมนมันเปลี่ยนแบบรวดเร็วมาก บวกกับปัญหาเรื่องงาน ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง ฮอร์โมนเราเปลี่ยนก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง แล้วอีก 1 สาเหตุสำคัญคือ การที่เราคบกันมา 3 - 4 ปี พี่ว่ามันเข้าสู่ช่วงนิ่งของความสัมพันธ์พอดีเลย พอสัก 3 ปี อะไรที่มันเคยหวือหวา หรือมันเคย 150 อย่างที่แพทว่า แล้วมันลดลงมาเหลือ 100 พี่ว่ามันก็ปกติ อาจจะมีอะไรหลายๆ อย่างที่ประกอบกันพอดี แล้วทำให้ทุกอย่างมันผสมรวมกันเป็นอารมณ์เดียวที่แพทสัมผัสได้ เพราะฉะนั้นลอง Checklist ดูทีละอย่าง แล้วก็ถึงแม้ว่าจะคบกันมา 3 - 4 ปี ความหวือหวามันจะลดลง หรือเราจะเริ่มรู้สึกมีความเบื่อ ปรากฎขึ้นมา ซึ่งมันยังปกติ ถ้าสุดท้ายแล้วคำถามที่เราลองถามตัวเองว่า ถ้าเบื่อแล้ววันหนึ่งไม่มีเขาอยู่ในชีวิต เราอยู่ได้มั้ย ลองดูเลยว่าถ้าเราไม่ได้คบกับคนนี้อีกต่อไป ชีวิตเราจะเปลี่ยนไปยังไงบ้าง ถ้าคำตอบคือ “อยู่ไม่ได้” นั่นแปลว่า ความเบื่อที่มันลดลง และความหวือหวาที่มันหายไป พี่ว่ามันคือเรื่องปกติของความสัมพันธ์ ทุกๆ คู่มันจะต้องผ่านจุดนี้ จุดที่เราไม่ได้หวานฉ่ำ ไม่ได้หลงไหลกันเท่ากับตอนที่เราจีบกันปี 2 ปีแรก หรือใดๆ ก็ตาม จะผ่านได้ ไม่ได้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง อย่างที่เขาว่าถ้าคบกันก็จะกลายเป็นเพื่อนกัน แพทคงเคยได้ยินประโยคนี้ แต่พี่ว่า ไม่ใช่ จริงๆ คบกันไปจะกลายเป็นคู่ชีวิตกัน แล้วยิ่งอยู่เป็นคู่ชีวิตแล้ว มันไม่ต้องการความหวือหวาและมานั่งตื่นเต้นอะไรกันแล้ว มันอยู่เพื่อสร้างครอบครัว อยู่กันเพื่ออนาคตมากกว่า มันคือความรักนั่นแหล่ะ แต่แค่เปลี่ยนรูปแบบ เปลี่ยนเป้าหมาย เปลี่ยนความรู้สึกไปบ้างตามธรรมชาติของมนุษย์’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ทุกอย่างที่พี่จดไว้บนกระดาษ ก็คือพี่หอมและพี่เผือกพูดไปหมดแล้ว เห็นตรงกันหมดเลย พี่ไม่ได้รู้สึกว่าคุณแพทไม่ได้ ไม่รักเขา เพียงแต่ว่า ณ ตอนนี้มันมีเรื่องงานที่พี่คิดว่าน่าจะเป็นปัญหาหลักๆ อันนี้จากที่ฟัง แล้วพี่คิดว่า ที่คุณแพทบอกว่าเหมือนเคยอยากจะไปปรึกษาจิตแพทย์ พี่ว่าลองดูก็ได้นะ เพราะพี่ไม่รู้ว่า ไอความเนือยๆ เบื่อๆ ของคุณแพท บางทีมันส่งผลจริงๆ โดยที่คุณแพทไม่ได้รู้ตัว บางคนพอเวลาเครียดกับงาน เหมือนมันอยู่ในจิตตลอดเวลา ไม่สามารถทำงานหรือเคลียร์งานได้ พะว้าพะวง หรืออะไรก็ตาม แล้วพี่ว่าอายุแบบคุณแพทเรื่องงานมันสำคัญจริงๆ ซึ่งบางครั้ง เวลาที่เราต้องโฟกัส กับงานมากๆ การมีแฟน บางทีมันอาจจะกลายเป็นภาระก็ได้ คือถ้าไม่เจ๋งจริงเอาไม่อยู่เหมือนกันนะ หมายถึงว่าต้องเป็นคนที่มีทักษะประมาณหนึ่งเลย ที่สมมุติเวลามันมีงานที่ต้องรับผิดชอบมากๆ โดยที่เราก็ยังไม่ขาดตกบกพร่องเรื่องแฟน มันหาไม่ได้ในทุกคน เราจะเห็นว่าบางคน งานสำเร็จมาก แต่ความรักคือพังพินาศ เพราะว่าเขาไม่สามารถจัดการมันได้จริงๆ พี่ก็รู้สึกว่า ถ้าคุณแพทมีโอกาสก็ลองคุยกับคุณหมอจิตแพทย์ดู บางทีมันอาจจะปลดล็อคก็ได้ หรือจะเป็น PMS อย่างที่พี่เผือกบอกก็เป็นไปได้หมด แต่ถ้าตอนนี้พี่รู้สึกว่า สิ่งหนึ่งที่มันน่าจะเป็นปัญหาเลยคือ ความโหลด ของคุณแพทที่ทำงานหนัก แต่ว่าสุดท้ายทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ไปอยู่ที่พี่เผือกพูดว่า ถ้าแพทจะทำงานจนรู้สึกว่า เฮ้ยเราอยู่กับงานแล้วเราอยู่คนเดียวได้ สุดท้ายถ้าวันนั้นแพทรู้สึกว่า เฮ้ยเราทุ่มเทกับงานแล้วได้อยู่กับตัวเองแล้วมันสบาย โดยที่แพทกลับบ้านแล้วไม่มีใครมาถามว่า วันนี้เป็นยังไงบ้าง เหนื่อยมั้ย ถ้าแพทโอเค มันก็อาจจะเหมาะกับชีวิตของแพทก็ได้ แต่ถ้าแพทรู้ตัวว่า หนูก็ยังเป็นคนที่เวลากลับบ้านมาเหนื่อยๆ แล้วอยากให้มีคนถามไถ่ว่า วันนี้เป็นไงบ้าง เหนื่อยมั้ย ให้มีคนได้พูดได้ปรึกษา แพทก็ต้องช่างน้ำหนักตัวเองดู มันต้องมีคำตอบให้ตัวเองว่า สุดท้ายการอยู่คนเดียวหรือว่ามีเขาอยู่ อะไรมันดีกับชีวิตเรามากกว่ากัน แล้วเรื่องสุดท้ายเช่นกัน พี่ว่าการที่หนูไม่เคยมีแฟนระยะยาวมันเลยยิ่งทำให้หนูงงว่า เฮ้ยก่อนหน้ามันหวือหวาตลอด เพราะหนูเวลาแค่นั้นไง สำหรับพี่ทุกวันนี้นั่งเล่นมือถือหรืออ่านหนังสือแล้วมีแฟนนั่งอยู่ข้างๆ ก็พอ มันก็ไม่ได้มีความหวือหวาใดๆ แล้ว แต่มันก็อาจจะต้องหากิจกรรมทำร่วมกัน ไปเดทกันเพื่อเติมความหวานกันหน่อย ไม่ใช่อยู่กันเฉยๆ ไม่หาอะไรทำด้วยกัน ถ้าในความโรแมนติกมันก็จะหมดกันไปได้ในสักวัน แต่ว่าความหวือหวามันไม่เท่าอยู่แล้วน้องแพท มันไม่มีทางเท่า ใครทำเท่าได้นี่คือ กราบเลยอ่ะ มันลดลงอยู่แล้วตามปกติ เพียงแต่ว่ามันลดลงในปริมาณที่เรารู้สึกว่า เออพอดีอ่ะ มันอยู่ด้วยกันแล้วเราสบายใจที่มีคนอยู่ข้างๆ มากกว่า’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

แม๊ !! คุณครูสุดลำบากใจ เจอผู้ปกครอง ‘กดดัน’ ลูกตัวเองเหลืออีก 1 คะแนนจะไม่ติด 0 แต่แม่มาบอกว่า… ให้ครูช่วยปัดๆเศษ เพิ่มเกรดให้เป็นสักเกรด 1.5 หรือ 2 ไปสิ ทุกอย่างก็อยู่ที่ปลายปากกาครูอยู่แล้ว

06 ต.ค. 2023

แม๊ !! คุณครูสุดลำบากใจ เจอผู้ปกครอง ‘กดดัน’ ลูกตัวเองเหลืออีก 1 คะแนนจะไม่ติด 0 แต่แม่มาบอกว่า… ให้ครูช่วยปัดๆเศษ เพิ่มเกรดให้เป็นสักเกรด 1.5 หรือ 2 ไปสิ ทุกอย่างก็อยู่ที่ปลายปากกาครูอยู่แล้ว

แม๊ !! คุณครูสุดลำบากใจ เจอผู้ปกครอง ‘กดดัน’ลูกตัวเองเหลืออีก 1 คะแนนจะไม่ติด 0 แต่แม่มาบอกว่า…ให้ครูช่วยปัดๆเศษ เพิ่มเกรดให้เป็นสักเกรด 1.5 หรือ 2 ไปสิทุกอย่างก็อยู่ที่ปลายปากกาครูอยู่แล้ว พอคุณครูปฏิเสธแม่ไม่พอใจ พิมพ์มาต่อว่าในไลน์ยาวเลย เจอแบบนี้ทำไงดี? “คุณครูหวาน (นามสมมุติ)” อายุ 25 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (4 ต.ค. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก -ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอมเกี่ยวกับปัญหาเด็กที่สอนไม่ส่งงานจนต้องติด 0 แต่พอผู้ปกครองรู้กลับมาต่อว่าและกดดันให้เราเพิ่มเกรดให้ โดย “คุณครูหวาน (นามสมมุติ)” ได้เริ่มเล่าว่า ‘ปฏิบัติหน้าที่เป็นครู สอนประจำวิชาหนึ่ง โดยรับผิดชอบสอนเด็กมัธยมปลาย เด็กวัยนี้ก็ค่อนข้างที่จะคุยรู้เรื่อง แล้วช่วงนี้เป็นช่วงประกาศคะแนนเก็บของเด็กๆ เพื่อให้เด็กๆ พอได้รู้ว่าเรามีคะแนนเก็บเท่าไหร่ ต้องทำคะแนนสอบปลายภาคเพิ่มอีกแค่ไหน ตามปกติก็จะเรียกเด็กๆ มาดูคะแนนก่อน แต่ในวันนั้นเกิดข้อผิดพลาดเผลอให้เด็กดูคะแนนเก็บ แล้วเด็กดันเห็นคะแนนรวมทั้งหมด เมื่อเด็กรู้คะแนนเก็บทั้งหมดก็จะสามารถคำนวณเกรดตัวเองได้เลย ตามเกณฑ์ทั่วไป อย่าง 80 คะแนนจะได้เกรด 4 แล้วเมื่อเด็กเห็นคะแนนรวม ก็จะรู้ว่าตัวเองติด 0 ก็คือคะแนนไม่ถึง 50 ในคะแนนเต็ม 100 ตอนแรกตัวเด็กเองก็ไม่ได้มีพฤติกรรมโวยวายอะไร ดูแล้วก็ยอมรับ เดิมทีเด็กคนนี้ไม่ได้มีพฤติกรรมก่อกวนอะไร เรียกได้เลยว่าเป็นเด็กเรียบร้อยคนนึงเลย แค่ไม่ได้สนใจการเรียนขนาดนั้น ตกเย็นหลังจากเลิกเรียน ผู้ปกครองของเด็กคนนี้ก็ส่งแชทไลน์มาบอกทำนองว่า ลูกของเขามาบอกว่าติด 0 เป็นเรื่องจริงมั้ย? จากนั้นก็รีบชี้แจงไปว่าช่วงนี้ยังไม่ได้เป็นช่วงประกาศคะแนน แต่เกิดความผิดพลาดทำให้น้องเห็นคะแนนไปก่อน แต่ว่าน้องคะแนนรวมไม่ถึง 50 เลยทำให้น้องต้องติด 0 ซึ่งในตอนนั้นผู้ปกครองก็ไม่ได้มีการโวยวายอะไรในแชทไลน์ เป็นการรับทราบตรงกันก็จบไป แต่ปรากฏว่าวันสุดท้ายที่เป็นวันสอบ อยู่ ๆครูที่ปฎิบัติหน้าที่ประจำชั้นด้วยกัน ก็เดินมาบอกว่า ‘น้อง เดี๋ยววันนี้ผู้ปกครองของเด็กคนนี้จะเข้ามาหานะ’ โดยที่ไม่ได้ถามก่อนเลยว่าสะดวกหรือว่างมั้ย แล้วพอผู้ปกครองที่เป็นคุณแม่เดินทางมาถึง ก็พูดคุยกันโดยที่คุณแม่เองก็ไม่ได้มีพฤติกรรมพูดคำหยาบ โมโหร้ายหรืออะไรเลย ก็คิดว่าเหมือนจะคุยกันรู้เรื่องด้วยซ้ำ และในตอนแรกคิดว่าเหตุผลที่คุณแม่มาเพราะไม่พอใจที่ลูกจะติด 0 เพราะอีกแค่ 1 คะแนนนักเรียนก็จะไม่ต้องติด 0 เบื้องต้นก็ได้ชี้แจงไปว่า ไม่รู้ว่าจะเพิ่มคะแนนส่วนไหนให้กับเด็กได้แล้ว เพราะมันเป็นเกณฑ์ของวิชาการ เป็นระเบียบที่ว่าถ้าเพิ่มให้หนึ่งคนก็ต้องเพิ่มให้กับคนอื่น ๆด้วย เพราะเด็กทุกคนต้องมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน คุณแม่ก็พูดตอบกลับมาว่า ‘ลูกของเขาจำเป็นต้องใช้เกรดยื่นเข้ามหาวิทยาลัยนะ’ ซึ่งในกรณีแบบนี้คุณแม่จำเป็นต้องติดต่อทางวิชาการ เพราะคุณครูไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเกรดเองได้ ทางคุณแม่พูดขึ้นมาว่า ‘แล้วทำไมต้องติดต่อวิชาการ ในเมื่อคะแนนมันอยู่ในดุลยพินิจของครู แค่ปลายปากกาเองครูก็เพิ่มเองสิ’ โดยคำพูดและสีหน้าท่าทางของผู้ปกครองคนนี้แสดงออกถึงความกดดันมาก ๆในตอนนั้น โดยการพูดคุยครั้งนี้ไม่ได้พูดเป็นการส่วนตัว แต่พูดคุยในห้องพักครู ซึ่งมีครูท่านอื่น ๆนั่งรวมอยู่ด้วย สิ่งเดียวที่ทำได้ในตอนนั้นก็คือการพยายามอธิบายให้ผู้ปกครองคนนั้นเข้าใจว่า ในการสอนของครูจะเป็นการสอนร่วมกับครูท่านอื่นด้วย ทำให้ไม่สามารถตัดสินใจหรือเปลี่ยนแปลงเองได้คนเดียว อธิบายไปก็เหมือนจะจบเหมือนผู้ปกครองจะเข้าใจ วันถัดมา ผู้ปกครองคนเดิมก็ส่งแชทไลน์มาอีกครั้ง เป็นข้อความยาวมาก ๆเรียงยาวมาขนาดที่ว่าต้องเลื่อนอ่านเรื่อย ๆแต่ไม่มีคำหยาบ โดยความหมายในข้อความนั้นประมาณว่า ครูขาดจริยธรรม ศีลธรรม ครูเองสามารถแก้ไขคะแนนได้ทำไมไม่แก้ ต้องให้ติดต่อวิชาการทำไม และประโยคที่ว่าเป็นครูประจำชั้น จะไม่ช่วยหรอ ลูกเขาก็ไม่ใช่คนไม่ดี ไม่ได้เอาเกรดไปฆ่าคน เลยทำให้รู้ว่าจริง ๆแล้วสิ่งที่ผู้ปกครองไม่พอใจไม่ใช่การที่ลูกของเขาติด 0 แต่ไม่พอใจต้องการที่จะให้เพิ่มเกรดจากติด 0 เป็นเกรด 1.5 หรือ 2 เพื่อให้เกรดลูกเขาออกมาสวย ถึงเกณฑ์ที่จะยื่นเข้ามหาวิทยาลัย ยอมรับตามความจริงก็เกือบจะใจอ่อนอยู่เหมือนกัน เพราะนักเรียนคนนี้ไม่ได้มีพฤติกรรมเลวร้ายอะไร เลยพูดออกไปวันที่ผู้ปกครองมาที่โรงเรียนว่า ถ้าให้ช่วยคือทำได้เพียงให้ไม่ติด 0 แต่นักเรียนก็ต้องมาทำงานเพิ่ม หรือต่อให้เด็กคนนี้จะติด 0 หรือ ไม่ติด 0 เกรดมากสุดที่ได้ก็คือ 1 จริง ๆ แล้วสิ่งที่ได้กลับมาคือ ผู้ปกครองมองหน้าแล้วพูดว่า 1.5 ได้ไหม หรือ 2 ได้ไหม ภาพที่ผู้ปกครองพูดใส่หน้ามันกลายเป็นภาพติดตาไปเลย เหตุการณ์นี้ก็เข้าใจถึงความหวังดีของผู้ปกครองที่ทำเพื่อลูกจริง ๆเพียงแต่มันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แล้วข้อความที่เขาเคยส่งมา มันลบสิ่งที่เขาพยายามใส่ว่าเป็นครูอย่างนู้นอย่างนี้ออกไปไม่ได้ มันย้ำเตือนว่าเป็นอย่างนี้จริง ๆหรอ แม้จะรู้ตัวว่าไม่ได้เป็นครูอย่างที่เขาพูดมา การพูดคุยครั้งสุดท้ายคือไม่รู้จะอธิบายยังไงแล้ว เพราะเขาปิดกั้นตัดสินไปแล้วว่าเป็นครูที่ขาดจริยธรรม ศีลธรรม ขาดความสามารถในการสอน เลยตอบกลับไปแค่ว่า ‘ขอบคุณค่ะ’ สิ่งที่ผู้ปกครองตอบกลับมาครั้งสุดท้ายคือ ‘อย่าแค่ขอบคุณนะ อ่านแล้วคิดตามด้วยนะ’ ซึ่งปัจจุบันนี้ก็ได้ตัดสินใจลาออกจากการเป็นครูก่อนหน้านี้แล้ว แต่เหตุผลที่ลาออกไม่เกี่ยวกับผู้ปกครองคนนี้ โดยวันศุกร์นี้จะเป็นวันสุดท้ายของการทำงาน เลยอยากปรึกษาพี่ ๆว่าจะทิ้งข้อความสุดท้ายในกลุ่มไลน์ผู้ปกครองอย่างไงดี ” ‘ดีเจเผือก’ เริ่มให้คำปรึกษาว่า “ขอชื่นชมคุณครูนะครับ เสียดายที่ลาออกแล้ว ผมว่าการศึกษาเราต้องการครูแบบครูหวานเยอะเลย นี่คือตัวอย่างของครูที่ดี ที่ต้องเจอกับความพ่อแม่รังแกฉันที่หลาย ๆคนคงได้เห็นอะไรแบบนี้ และสงสารลูกของเขาที่ต้องมีคุณแม่แบบนี้ มันไม่ใช่แค่พฤติกรรมที่ สำหรับผมใช้คำว่า น่ารังเกียจ สำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ แต่เชื่ออย่างมาก ๆว่าระบบความคิดแบบนี้มันจะถูกถ่ายทอดลงไปในระบบความคิดของลูกเขาไม่มากก็น้อย ซึ่งเขาก็คงต้องการครูอย่างครูหวาน ที่จะทำให้เขารู้ว่าการสอนลูกที่แท้จริง การที่เขาช่วยลูกแบบไหน ที่เป็นการช่วยลูกจริง ๆ คนเราความรักบังตาแล้วก็ช่วยเหลือลูก ญาติพี่น้องในแบบที่มันไม่ใช่การช่วย มันยิ่งทำให้เขาเหมือนตกหลุมความเห็นแก่ตัว ความไม่ยอมรับกติกา ความซิกแซก ความใต้โต๊ะ ความคอรัปชั่นไปในตัวตั้งแต่เด็ก ซึ่งเรื่องเรียนเป็นเรื่องใหญ่มากนะ ลองคิดว่าผู้หญิงคนนี้ไปห้าง ต่อคิวเป็นไหม ไปสวนสนุกเขาต่อคิวกัน คนนี้แซงไหม ไปกินข้าวศูนย์อาหารเขาให้เก็บถาด คนนี้เก็บไหม สงสารเขา จุดแรกคืออยากจะบอกครูหวานคือจงมั่นใจในสิ่งที่ครูหวานทำนะครับ มันเป็นสิ่งที่ระบบการศึกษาไทยต้องการมาก ๆเลยนะครับ สุดท้ายคำพูดเหล่านั้นที่เขาพิมพ์มา มันก็คือแค่การพยายามกลับผิดเป็นถูก กลับถูกเป็นผิด บางทีเราอาจจะคิดแค่ว่าเราเจอกับคนที่ระบบความคิดผิดเพี้ยนไปหมด เพราะฉะนั้นเขาจะมองตรรกะในชีวิตเขากลับด้าน อย่าทำให้ระบบความคิดที่ผิดเพี้ยนของใครสักคนมาทำให้คุณค่าในตัวเราหายไปเลยครับ ส่วนข้อความสุดท้ายได้หมดเลยครับ เชื่อว่าครูหวานจะสื่อสารออกไปในแบบที่มันโอเค ความตั้งใจ ที่เราอยากจะเป็นครูแบบไหนพูดออกไปได้หมดเลย ” ต่อมาที่ ‘ดีเจเติ้ล’ ให้คำปรึกษาว่า “ข้อความสุดท้ายครูหวานต้องไม่คาดหวังว่าเขาจะสำนึกจากข้อความครูหวานเลย พี่ว่าเขารู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่ควรจะเป็นตากฎกติกาคืออะไร เขาแค่ไม่อยากเล่นตามกฎกติกา เขาแค่อยากได้สิ่งที่อยากได้ ซึ่งบางทีไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกเขาต้องการหรือเปล่า เราอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหลังบ้านเขาเป็นยังไง เอาจากใจพี่ พี่ไม่อยากให้ครูหวานส่งอะไรปเลยด้วยซ้ำ เพราะว่าพี่รู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นอะไรที่ครูหวานต้องอธิบายในสิ่งที่ครูหวานคิดอีกแล้ว คือในการกระทำของครูหวานถึงตอนนี้มันแสดงให้เห็นถึงจุดยืนในวิชาชีพนี้ของครูหวานแล้ว แล้วมันก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องด้วย ไม่ต้องไปสนใจในสิ่งที่แม่ของเด็กคนนั้นพูดเลย เพราะว่าเรารู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่เขาพูดเขาต้องการอะไร เขาจะหาเรื่องมาเบนครูหวานทุกอย่างเลยเพราะครูหวานไม่ให้เขาแค่นั้น ซึ่งมันไม่ใช่ มันผิด แต่สิ่งที่ครูหวานทำคือสิ่งที่ถูกต้อง ถูกแล้วอยากให้เชื่อมั่น โดยไม่ต้องสงสัยว่าตัวเองทำถูกหรือผิด ” ปิดจบกันที่ ‘ดีเจต้นหอม’ ให้คำปรึกษาว่า “ก็เป็นข้อความที่จะให้พิมพ์ กราบขอบคุณสมาคมผู้ปกครองที่ให้เกียรติหวานได้มาเป็นครูประจำโรงเรียนแห่งนี้ หวานได้เรียนรู้ทั้งข้อดีและข้อเสียมากมาย การที่เด็กจะเติบโตมาอย่างเพียบพร้อมและแข็งแกร่งนั้น ไม่ใช่ฝากความหวังไว้ที่โรงเรียนเท่านั้น คนในบ้าน โดยเฉพาะคุณแม่ควรมีศักยภาพมากพอในการดูแลให้ลูกเติบโต ซึ่งหากคุณแม่ขาดศักยภาพก็จะส่งผลต่อการเรียนของเด็ก อยากให้คุณแม่สังเกตลูก ๆดูนะคะ ใครที่ลูก ๆมีการเรียนที่ตกต่ำ อยากให้คุณแม่เนี่ยกลับไปเสริมทักษะพัฒนาตัวลูกและตัวเองด้วย ช่วงนี้เราจะสอนและคาดหวังให้ลูกโตไปไม่โกง ฉะนั้นมันควรจะถูกสอนตั้งแต่ที่บ้าน ให้มันจบที่รุ่นคุณแม่นะคะ จากนั้นครูหวานหนีไปให้ไกล แล้วเปลี่ยนชื่อไลน์ด้วย สายนี้ได้คำแนะนำครบรสครูหวานเลือกใช้ได้เลยนะ ”เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

คนคุยมีสิทธิ์ไหมคะ? เราคุยกับผู้ชายคนนึงได้ 9 เดือนกว่า ทำทุกอย่างเหมือนแฟนเลย อาทิตย์นึงนอนกับเขา 5 วัน แต่เพิ่งมาเจอว่าห้องเขามีชุดชั้นในผู้หญิงในห้อง แต่ไม่ใช่ของเรา เราไม่ได้เป็นอะไรกับเขา มีสิทธิ์ถามไหมคะว่าชุดชั้นในปริศนานั้นเป็นของใคร?

08 ก.ค. 2024

คนคุยมีสิทธิ์ไหมคะ? เราคุยกับผู้ชายคนนึงได้ 9 เดือนกว่า ทำทุกอย่างเหมือนแฟนเลย อาทิตย์นึงนอนกับเขา 5 วัน แต่เพิ่งมาเจอว่าห้องเขามีชุดชั้นในผู้หญิงในห้อง แต่ไม่ใช่ของเรา เราไม่ได้เป็นอะไรกับเขา มีสิทธิ์ถามไหมคะว่าชุดชั้นในปริศนานั้นเป็นของใคร?

“คุณอาย (นามสมมติ)” อายุ 28 ปี สายที่ห้าในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [3 ก.ค.67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาเจอชุดชั้นในในห้องของคนคุย โดย “คุณอาย (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘พอดีว่าหนูคุยกับผู้ชายคนหนึ่งที่เราไม่ได้ให้สถานะแฟนตั้งแต่แรกมา 9 เดือน และอาทิตย์นึงจะเจอกันประมาณ 5 วัน แต่เราทำทุกอย่างเหมือนแฟน แต่ไม่ได้เป็นแฟนกัน มีอยู่วันหนึ่งหนูไปเจอชุดชั้นในของคนอื่นที่ไม่ใช่ของหนูในคอนโดของเค้า และหนูเคยพูดกับเค้าว่าขอให้คุยกับหนูแค่คนเดียว ถ้าวันหนึ่งมีคนคุยคนอื่นแล้วให้บอก ซึ่งเค้าหัวเราะและไม่ได้พูดอะไร หนูก็อยากถามว่าหนูมีสิทธิ์ถามเค้าไหมว่าชุดชั้นในนั้นเป็นของใคร?’ โดย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ความคิดเห็นพี่พี่คิดว่าหนูควรถามไปเลย หนูมีสิทธิ์ถาม แล้วอยู่กับเค้า 9 เดือน ละอาทิตย์นึง 5 วันสะขนาดนั้นหนูก็ถามเรื่องสถานะไปด้วยเลย’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่าถามได้เพราะเราก็คุยกับเค้ามา 9 เดือน และอยู่คอนโคเค้า 5 วันสะขนาดนั้น แต่ไม่ใช่ถามเชิงหึงหวงนะ แค่ถามว่ามันเป็นของใคร แล้วก็ดูว่าเค้าจะตอบยังไง’ และสุดท้าย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถามได้เลย แต่ว่าอย่าคาดหวังคำตอบ เพราะเราไม่รู้หรอกว่ามันจริงหรือไม่จริง แต่มันก็จะได้วัดไปเลยถ้าเราสามารถจับอากัปกิริยาของคนเป็น แต่วิธีถามมันจะละม่อมขนาดไหน จะอ้อม ๆ ก็ได้ เพราะฉะนั้นก็เตรียมใจกับคำตอบไว้นิดนึง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย... สาวออฟฟิศอึดอัดใจ เพื่อนร่วมงานนับสิบ ทำตัวแปลกๆ ชอบ ‘จับจิ้น’ ให้คนนี้คู่กับคนนู้น คนนู้นคู่กับคนนี้ โดยไม่สนเลยว่า ‘ทั้งคู่ก็ต่างคนต่างมีครอบครัวแล้ว’ ชงไปมา สุดท้ายลงเอยด้วยการนอกใจ แอบคบกัน

11 ก.ย. 2023

ไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย... สาวออฟฟิศอึดอัดใจ เพื่อนร่วมงานนับสิบ ทำตัวแปลกๆ ชอบ ‘จับจิ้น’ ให้คนนี้คู่กับคนนู้น คนนู้นคู่กับคนนี้ โดยไม่สนเลยว่า ‘ทั้งคู่ก็ต่างคนต่างมีครอบครัวแล้ว’ ชงไปมา สุดท้ายลงเอยด้วยการนอกใจ แอบคบกัน

ไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย... สาวออฟฟิศอึดอัดใจ เพื่อนร่วมงานนับสิบทำตัวแปลกๆ ชอบ ‘จับจิ้น’ ให้คนนี้คู่กับคนนู้น คนนู้นคู่กับคนนี้โดยไม่สนเลยว่า ‘ทั้งคู่ก็ต่างคนต่างมีครอบครัวแล้ว’ ชงไปมาสุดท้ายลงเอยด้วยการนอกใจ แอบคบกัน พอเราเห็นแบบนี้แล้วอึดอัดรู้ว่าเป็นคนนอก แต่จะมองข้ามเรื่องนี้ยังไงดี? เพราะต้องทำงานร่วมกัน “คุณเตย (นามสมมุติ)” อายุ 30 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (6 ก.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก -ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอมกับปัญหาที่ทำงานชอบจับคู่จิ้นให้คนอื่น โดย “คุณเตย (นามสมมุติ)” เริ่มเล่าว่า ‘ตอนนี้เป็นพนักงานบริษัท แล้วต้องย้ายสาขาไปอยู่อีกที่สาขานึง พอเราย้ายเข้าไปก็เจอวัฒนธรรมการจับคู่จิ้น แซว ชง โดยที่คนแซวก็ไม่ได้สนว่าคนที่จับคู่ เค้าจะแต่งงานแล้ว มีครอบครัว หรือแบบว่ามีแฟนอยู่แล้ว อย่างล่าสุด มีน้องผู้ชายคนนึงเพิ่งเข้ามาใหม่ คนในบริษัทก็ถามน้องผู้ชายว่า ‘น้องผู้หญิงคนนี้น่ารักไหม? ถ้าน่ารักก็จีบสิ’ แต่คนในบริษัทก็รู้ว่าน้องทั้ง 2 คนต่างก็มีแฟนกันอยู่แล้ว และไม่ได้เป็นคนเดียวที่ชอบชง ชอบแซว แต่เป็นกันทั้งแผนก ส่วนน้องที่ถูกชงตอนแรก ๆ ก็ปฏิเสธ ‘พี่ก็อย่าแซวสิ’ สุดท้ายไม่รู้ว่าไปชงกันถูกมุมหรืออะไรยังไง จนน้องทั้งคู่ลงเอยด้วยการนอกใจแฟนของตัวเอง มามีความสัมพันธ์กันจริง แต่เราเองก็ไม่รู้ว่าคนที่ชงรู้สึกยังไงกัน รู้แต่ว่าตอนนี้สถานการณ์พวกเค้าก็เฮฮา ยังชง ยังแซวกันอยู่เรื่อย ๆ เราก็ไม่ได้ไปสุงสิงอะไรกับพวกเค้า แต่เวลาทำงานมันต้องอยู่ในห้องเดียวกัน ก็จะมีพวกคำทะลึ่ง คำส่อเสียดที่แบบว่า พูดกันไปไม่คิดถึงจิตใจแฟนของคนที่โดนแซว โดนจิ้นบ้างเลย คือในสถานการณ์นี้เรารู้ว่าเราเป็นคนนอก แต่เราก็มีความรู้สึกที่ควรจะให้เกียรติถึงแม้จะเป็นคนไม่รู้จักกันก็ตาม อยากจะได้คำแนะนำว่าเราจะมองข้ามเรื่องนี้ยังไง คือเราต้องทำงานในห้องเดียวกับพวกเค้า ทุกวันนี้พยายามแล้วที่จะช่างมัน คิดว่าเรามาทำงานหาเงิน แต่มันก็อึดอัดที่ต้องอยู่ท่ามกลางคนพวกนี้…. งานนี้ “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘มันอยู่ที่ความอึดอัดนั้นมันทำให้เรายังมีแรงลุกไปทำงานหรือเปล่า? คือเรื่องพวกนี้มันส่งผลกระทบต่อจิตใจแต่ละคนไม่เท่ากันนะ บางทีคนนึงฟังอาจจะรู้สึกก็ช่างมันดิ ใครมันจะบิ้ว จะปีนต้นงิ้วก็ไปเถอะ เราก็ก้มหน้าก้มตาทำงาน หาหูฟังสักอัน ฟังเพลงไป บางคนอาจจะรู้สึกแค่นั้นก็พอแล้ว แต่กับเตยอาจจะรู้สึกว่า คำพูดคำจาที่บิ้วกันมา ไม่ได้แคร์ศีลธรรมเลย มันทำให้เตยอึดอัดถึงขนาดที่ว่าไม่มีสมาธิทำงานเลยหรือเปล่า หรือกระทบอะไรขนาดไหน อันนี้เตยก็ต้องตอบตัวเองก่อน ถ้าถึงขั้นทำให้อึดอัดแล้วก็ไม่มีความสุขเลย กับการที่ต้องไปนั่งในแผนกนั้นก็หางานใหม่ สุดท้ายแล้วเราไม่ได้ศีลเสมอหรือมีภูมิต้านทานเรื่องตรงนี้ไม่พอ หรือถ้าเรื่องเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับชีวิตเรา ก็รู้สึกว่าช่างเค้า ใครจะดีจะชั่วก็ดูไว้ แล้วเราก็อย่าไปเป็นแบบคนพวกนั้น หน้าที่ของการไปทำงาน พื้นฐานก็คือ การไปทำงาน หารายได้เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง อันดับที่สองก็คือการเข้าสังคม ซึ่งถ้าสังคมนั้นมันไม่ใช่สังคมที่เราอยากจะไปเข้า เราก็จงหาแต่เงินแล้วก็กลับบ้าน’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘สำหรับพี่ หนึ่งอดทน สองหางานใหม่ อะไรง่ายกว่ากันก็เลือกอันนั้นเลย ถ้ารู้สึกหางานใหม่ยาก แล้วหางานใหม่มีโอกาสที่จะเจอคนไม่ชอบด้วยนะ พี่ยังรู้สึกว่าเคสนี้ยังเบานะ เคสอื่นๆ คือกระทบเข้ามาสู่ตัวเองเลย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ได้กระทบเตย เค้าแค่เป็นคนอีกประเภทที่เตยไม่ชอบ วิธีการยังพอใส่หูฟังได้ แล้วก็คนเราเจอคนร้อยพ่อพันแม่ตลอด ที่เข้ามาแล้วทำอะไรไม่ถูกใจเรา มันคือความแตกต่าง ซึ่งการที่เราไม่ชอบ เราสามารถละได้โดยการช่างมัน สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ชีวิตใครชีวิตมัน ส่วนคู่นั้นที่นอกใจแฟน เดี๋ยวชีวิตมันพังเอง ชีวิตรักที่มันไม่ซื่อสัตย์โอกาสที่จะได้รักที่ดีมันยากอยู่แล้ว มันคือชีวิตเขา แค่เขาไม่มายุ่งกับเราคือพอแล้ว ต่อให้ลาออกไป ก็ตอบไม่ได้ว่าเราจะเจอใครที่ไม่ชอบอีก ฉะนั้นสิ่งที่ฝึกเราได้ก็คือ พวกนี้ยังเบา ช่างมัน ปล่อยวาง อยู่ห่างๆ ไม่ชอบก็คือไม่คบ คุยได้แต่ไม่คบ ไม่ต้องถึงขั้นไม่คุย โกรธเขา เพราะจะทำให้เราเครียดแทน’ ปิดจบกันที่ “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่เพิ่งไปอ่านหลักที่จะทำให้ชีวิตมีความสุขแบบง่าย ๆ เค้าบอกถ้าเจอเหตุการณ์ที่ไม่ถูกใจ หนึ่งเปลี่ยนเค้า เปลี่ยนสิ่งที่เราไม่ถูกใจ ซึ่งในกรณีนี้เตยเปลี่ยนเค้าได้ไหม? ก็ไม่ได้เพราะเราไม่สามารถไปบอกเค้าได้ว่า “พี่คะรณรงค์อย่าพูดเรื่องที่ทำให้ทุกคนผิดศีลธรรม น้องเค้ามีแฟนอยู่แล้วทำแบบนี้ไม่ดี” เราพูดไม่ได้ แต่กรณีนี้เราทำได้คือ ปรับตัวเอง เตยต้องช่างมัน แต่พี่เข้าใจนะแง่ศีลธรรม แต่ถ้ามันยังไม่ได้มาลุกลามพื้นที่สิทธิของเรา ลองพิจารณาพวกเค้าเป็นบัว 4 เหล่าไปเลย มันต้องมีคนที่ไม่รู้อยู่แล้ว ลองพิจารณาว่าคนเรามันก็แค่นี้ เราก็อย่าไปทำเหมือนเค้า เราดูเป็นเยี่ยงอย่าง ถ้าเป็นเราจะไม่ทำแบบนี้ แต่ถ้าสุดท้ายยังทนไม่ไหว มันก็ยังมีข้อสุดท้ายคือ เดินออกมา แค่นี้ชีวิตจะมีความสุขได้ง่ายขึ้นเมื่อเจอปัญหา….’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1