คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก ... สาวออฟฟิศหนักใจ ไปทำงาน แต่โดนจับผิดจาก ‘ภรรยาหัวหน้า’ เพราะภรรยาไปเห็นแชท ของหัวหน้าอีกคน ถ่ายรูปเราส่งไปแซวกับสามีตัวเอง หลังจากนั้นก็หึง หวง ไม่ให้คุยไลน์ส่วนตัว จับผิดผ่านกล้องวงจรปิด

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก ... สาวออฟฟิศหนักใจ ไปทำงาน แต่โดนจับผิดจาก ‘ภรรยาหัวหน้า’ เพราะภรรยาไปเห็นแชท ของหัวหน้าอีกคน ถ่ายรูปเราส่งไปแซวกับสามีตัวเอง หลังจากนั้นก็หึง หวง ไม่ให้คุยไลน์ส่วนตัว จับผิดผ่านกล้องวงจรปิด

19 ก.ย. 2023

คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก ... สาวออฟฟิศหนักใจ ไปทำงาน

แต่โดนจับผิดจาก ‘ภรรยาหัวหน้า’ เพราะภรรยาไปเห็นแชท

ของหัวหน้าอีกคน ถ่ายรูปเราส่งไปแซวกับสามีตัวเอง

หลังจากนั้นก็หึง หวง ไม่ให้คุยไลน์ส่วนตัว จับผิดผ่านกล้องวงจรปิด

ทำงานด้วยลำบากมากตอนนี้ แต่ไม่อยากลาออก เพราะเงินเดือนดี

          “คุณเอ็ม (นามสมมติ)” อายุ 25 ปี สายสุดท้ายในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [13 ก.ย. 66] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจอ้อย เกี่ยวกับปัญหาโดนแฟนเจ้านายหึง

        โดย “คุณเอ็ม (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ต้องเกริ่นก่อนว่า หนูมาทำงานที่นี่ เพราะรู้จักกับเจ้านาย แต่หนูมีเจ้านาย 2 คน เป็นผู้ชายทั้งคู่ หนูขอแทนเจ้านายทั้ง 2 คนว่า คุณ A และคุณ B

        ส่วนตัวหนูรู้จักกับคุณ A มาก่อนเพราะเราเคยติดต่อเรื่องงานกัน บังเอิญช่วงก่อนหน้านี้ประมาณ 1 ปีหนูลาออกจากที่ทำงานเก่า แล้วคุณ A ก็ติดต่อมาพอดี และรู้ว่าหนูว่างงาน แกก็เลยชวนมาทำงานด้วย เพราะแกเปิดบริษัทใหม่ ทีนี้หนูก็ได้มารู้จักกับคุณ B ซึ่งเป็นหุ้นส่วนบริษัทอีกคนนึง

        ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้น หนูเพิ่งมาทราบก่อนที่จะขยายออฟฟิศใหม่ประมาณ 1 อาทิตย์ คุณ B เรียกหนูไปคุย เพราะภรรยาของเขาไม่โอเคกับหนู เหมือนเขาคิดว่าหนูกับคุณ B เป็นกิ๊กกัน เรื่องมันเริ่มต้นจากรูปถ่าย 1 รูปที่คุณ B แอบถ่ายหนู เหมือนเขาส่งไปให้เพื่อนดู ส่งไปแซวกันเล่นๆ ประมาณว่า วันนี้น้องแต่งตัวน่ารักนะ แล้วเพื่อนเขาก็ตอบกลับมาว่า น่ารักก็จีบสิ...

        ด้วยความที่เพื่อนตอบกลับมาแบบนั้น คุณ B ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไป เหมือนภรรยาเขามาเห็นแชทนั้นที่เขาคุยกับเพื่อน แล้วจุดเริ่มต้นที่เขาไม่โอเค คือที่คุณ B มาถ่ายรูปหนู ภรรยาเขาก็ถามว่าถ่ายรูปน้องเขาทำไม? แล้วกลายเป็นพาลว่าหนูกับคุณ B เป็นกิ๊กกัน ภรรยาเขาเฝ้าดูการกระทำของหนูตลอดเลยว่า หนูคุยกับสามีเขามั้ย?

        ซึ่งภรรยาเขาไม่ได้เข้ามาทำงานที่ออฟฟิศนี้ด้วย แต่เขาจะดูโทรศัพท์สามี และดูผ่านกล้องวงจรปิดผ่านโทรศัพท์คุณ B ตลอด บางทีหนูต้องออกไปทำงานข้างนอก โดยที่เขาก็ไม่รู้ว่าหนูออกไปไหน เจ้านายเขารู้อยู่แล้วว่าหนูไปทำอะไร แต่เขาก็มองว่าทำไมเราต้องออกไปก่อนเวลา ทำไมเราต้องอย่างงั้นอย่างงี้ ก็จะมีฟีดแบคกับการกระทำของหนูตลอด ซึ่งส่วนตัวหนูมีแต่เรื่องงาน ไม่ได้คิดอะไรกับเจ้านาย 100% เลย และหนูก็มีแฟนอยู่แล้วด้วย

        หลังจากที่ย้ายเข้าออฟฟิศใหม่ หนูเจอภรรยาคุณ B ครั้งแรก หนูก็ยกมือไหว้ปกติ แต่เขาไม่รับไหว้หนูแล้วมองด้วยหางตาแบบมองจิกเลย หนูก็ไม่ได้อะไร ทำงานของตัวเองปกติ แต่คุณ B ก็พยายามกันภรรยาเขาไม่ให้เข้ามายุ่งในออฟฟิศอยู่แล้ว และบ้านของคุณ B กับออฟฟิศอยู่ในระแวกเดียวกัน

        เรื่องที่หนูรับรู้มา หนูรู้มาจากคุณ A เพราะคุณ B เขาไปปรึกษาคุณ A แล้วคุณ A ก็มาเล่าให้หนูฟังว่าเรื่องมันเป็นแบบนี้ หนูต้องทำตัวยังไงบ้าง หนูไม่รู้สิ่งที่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่มันส่งผลกระทบ คือ มากระทบที่หนู ตัวหนูกลายเป็น แพะที่มารับเรื่องนี้ หนูทำงานเป็น Backoffice ซัพพอร์ตหลังบ้านทุกอย่าง ต้องติดต่องานโดยตรงกับเจ้านายทุกคนอยู่แล้ว

        ซึ่งในบริษัทก็มีแค่หนูคนเดียวที่ต้องทำงานตรงนั้น บางทีหนูก็ต้องติดต่องานกับคุณ B ซึ่งมันเป็นปัญหามาก หนูไม่สามารถโทรหาเขาได้ ไลน์ส่วนตัวก็ไม่ได้ บางทีเราโทรไป แกก็ไม่สามารถรับสายเราได้ มีเรื่องงาน เรื่องด่วน บางทีหนูก็คุยกับคุณ A ไม่ได้ ต้องคุยตรงกับคุณ B อย่างเดียว ซึ่งมันเป็นเรื่องของเขาโดยตรง มันทำให้ช่วงนั้นมันโหลด แบบโหลดมาก บางทีหนูเหนื่อยกับการทำงานอยู่แล้ว ยังต้องมาเจอเรื่องพวกนี้อีก

        หนูไม่ได้เป็นแบบที่เขาคิดเลย แต่ทำไมมาทำให้หนูรู้สึกแบบนั้นด้วย แต่หนูชอบทำงานที่นี่ รู้สึกเจ้านายเขาแฟร์ดี และเหมือนเขาทำงานกันจริงๆ ตอนนี้เหมือนคุณ B เขาจัดการแบบเด็ดขาดไม่ได้ เหมือนเขาก็มีปัญหาหลังบ้านอยู่ หนูอยากรู้ว่าถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับพวกพี่ จะมีวิธีจัดการกันยังไง

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

หรือต้องแยกย้ายกันไปเติบโต? ถ้าเราต้องห่างกับเเฟน ช่วงเเรกห่างกันไม่ไกลมาก จากนั้นเราต้องอยู่คนละจังหวัด เราจะประคองความสัมพันธ์นี้ยังไงให้ไปรอดดีคะ

14 ก.พ. 2025

หรือต้องแยกย้ายกันไปเติบโต? ถ้าเราต้องห่างกับเเฟน ช่วงเเรกห่างกันไม่ไกลมาก จากนั้นเราต้องอยู่คนละจังหวัด เราจะประคองความสัมพันธ์นี้ยังไงให้ไปรอดดีคะ

“คุณน้ำ(นามสมมติ)” อายุ 23 ปี สายสุดท้ายของ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [12 ก.พ. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจพี่อ้อย’ เกี่ยวกับปัญหาความรักทางไกล โดย “คุณน้ำ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ตอนที่หนูอยู่มหาลัย หนูมีเเฟนคนหนึ่ง เราคบกันมาตั้งเเต่ ม.6 ในตอนนั้นยังเป็นช่วงที่เป็นรักทางไกลอยู่ เเต่หลังจากที่เขาเรียนจบ ม.ปลาย เขาก็เลือกที่จะย้ายตามมาหาเรา เขาก็อยู่ปี 1 ส่วนหนูอยู่ปี 2 เราเลยได้ใช้ชีวิตในมหาลัยด้วยกัน 4 ปี หลังจากเราเรียนจบในช่วงปีเเรก ด้วยความที่บ้านของหนูก็อยู่ใกล้กับมหาลัย เราเลยยังอยู่ใกล้กัน เเต่พอ 1 ปีผ่านไปความสัมพันธ์ของหนูเหมือนจะกลายเป็นความสัมพันธ์เเบบรักทางไกลเเล้ว เพราะเราได้มาลองคุยเรื่องอนาคตกันว่า เธออยากทำงานที่ไหน พอเราคุยกันเเบบจริงจังเลยรู้ว่าในอนาคต 5 – 6 ปีนี้เราจะไม่ได้อยู่ใกล้กันเลยเเน่ๆ เพราะด้วยหน้าที่การงานทำให้หนูกับเขาต้องอยู่ไกลกัน คนละจังหวัดเลย ต้องบอกก่อนว่าเเฟนหนูพึ่งจบฝึกงานได้ไม่นาน เเต่หนูมีที่ทำงานที่สมัครไปเเล้ว เหลือเเค่รอบรรจุ เเต่ของเเฟนตอนนี้เขาก็เลือกเเล้วว่าเขาจะทำงานตรงนี้ เเล้วบริษัทของเเฟนกับหนู เวลาเเละเรื่องของวันหยุดก็ไม่ตรงกัน ในช่วง 2 - 3ปีเเรกเราก็อยู่ไม่ไกลกันมาก แต่ก็ใช้เวลาในการเดินทางมาหากันประมาณ 5 ชั่วโมง เเต่หลังจากนั้นเราก็จะห่างกันไปอีก เพราะหนูแพลนไว้เเล้วว่าหลังจากหนูทำงานที่่เเรกได้สักพัก หนูก็จะย้ายกลับมาเพราะจะกลับมาดูแลที่บ้าน แต่สายงานที่เเฟนหนูต้องทำ เขาก็จำเป็นต้องอยู่ในกรุงเทพ เเละถ้าเป็นเเบบนั้น เราก็ต้องอยู่ห่างกันไปอีก โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 - 9ชั่วโมงเลย เเต่เเฟนหนูก็มีคิดไว้ว่าถ้าเขาเริ่มตั้งตัวได้เมื่อไหร่ เขาก็จะสร้างธุรกิจ เเล้วก็ไปอยู่ด้วยกัน ซึ่งตอนนี้หนูกับเขาก็คบกันมาประมาณ 5 ปีเเล้ว หนูอยากถามพี่ๆดีเจว่า หนูควรจะทำยังไงให้ความรักครั้งนี้ไปด้วยกันรอด เพราะหนูรักเขามากๆเลยค่ะ’ โดย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าถามว่าจะทำยังไงให้รอด ถ้าเรารักกันมากพอ มันก็มีเปอร์เซ็นต์รอดอยู่เเล้ว เเต่สิ่งที่พี่คิดว่าอาจจะทำให้ไปไม่รอดคือ เรายังเด็กกันอยู่ เเล้วยิ่งต้องห่างกันในเรื่องของสถานที่เเบบนี้ อาจจะมีใครสักคนนึงที่เกิดการไขว้เขวได้ จนทำให้ความสัมพันธ์นี้เเย่ลง ยิ่งถ้าใครสักคนนึงไปเจอกับคนที่อยู่ใกล้กว่าที่สามารถดูเเลกันได้ ก็อาจจะทำให้เริ่มลังเลใจได้ เเต่สิ่งที่สำคัญสำหรับความสัมพันธ์พี่คิดว่าเรื่องจังหวะ เวลา ก็เป็นสิ่งที่สำคัญ เเต่ถ้าน้ำรักคนนี้มากๆจริงก็จงเชื่อมั่นไว้ว่าเราต้องทำความสัมพันธ์นี้ให้ไปรอดให้ได้ เเต่ไม่ใช่ว่าน้ำต้องทำทุกอย่างคนเดียว เเฟนน้ำก็ต้องพยายามประคองความสัมพันธ์นี้ไปด้วยกัน ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ในฐานะที่พี่ก็มีรักทางไกลมาเยอะมาก เเล้วพี่ก็ไม่รอดจากรักทางไกล เเต่พี่อยากจะตอบคำถามของน้ำว่า พี่ว่าน้ำไปกันรอดในความสัมพันธ์นี้ได้ ถ้าทั้งตัวของน้ำเเละเเฟน มีเป้าหมายเดียวกัน ว่าจะทำความสัมพันธ์ให้รอดไปด้วยกัน เเค่ทั้งคู่ต้องจริงใจต่อกัน ซื่อสัตย์ต่อกันเเละรักกันจริงๆ เเละพี่ก็เชื่อว่าถ้าทั้ง 2 คน มั่นใจต่อกัน พี่ว่ายังไงก็ไปกันรอด’ ต่อมา “ดีเจพี่อ้อย” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่เป็นคนที่เชื่อว่ารักทางไกลมันไม่รอดนะตั้งเเต่เเรกเลยด้วยซ้ำ พี่เลยพูดตั้งเเต่วันเเรกว่า เเค่ไหนเเค่นั้นนะ เเต่เราใช้ชีวิตไปทีละวัน สู้ทีละวัน พอรู้สึกตัวอีกทีพี่ก็ผ่านมาด้วยกัน 24 ปีเเล้ว เเต่ตอนนี้พี่ว่าน้ำเเค่กังวลเรื่องของอนาคต จนไม่มีความสุขในปัจจุบันเเล้ว พี่เข้าใจว่ารักทางไกลมันเป็นโจทย์ที่ยาก เเต่ถ้าเราผ่านตรงนี้ไปได้เราก็จะได้รู้ว่าเรารักกันมากเเค่ไหน ก็เหมือนกับที่พี่ๆดีเจบอกกันก็คือ พยายามฝ่ายเดียวมันไม่ได้ เราต้องพยายามไปด้วยกัน เพราะขนาดเเค่ว่าคนนอนเตียงเดียวกัน อยู่ใกล้กันก็ยังนอกใจได้เลย วันนี้พูดตรงๆถ้ารู้ว่าเรารักกันจริงๆก็จับมือเเล้วเดินไปพร้อมๆกัน สื่อสารกัน พยายามไปด้วยกันให้เต็มที่ ถ้าข้างหน้าไม่ได้รักกันเท่ากับวันนี้ก็ให้คิดเเค่ว่าเราทำเต็มที่เเล้ว’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูคิดมาก หรือ สังคมเพื่อนแฟนที่แปลกกันแน่? แฟนหนูคบหนูอยู่แล้ว เพื่อนเขาก็รู้ แต่จะมีเพื่อนแฟนที่เป็นผู้ชาย 2 คน ชอบชงผู้หญิงคนอื่นๆให้แฟนเราตลอด เราไม่ชอบเลย ถ้าเจอเพื่อนแฟนประเภทนี้ จัดการยังไงกันคะ?

14 ก.พ. 2025

หนูคิดมาก หรือ สังคมเพื่อนแฟนที่แปลกกันแน่? แฟนหนูคบหนูอยู่แล้ว เพื่อนเขาก็รู้ แต่จะมีเพื่อนแฟนที่เป็นผู้ชาย 2 คน ชอบชงผู้หญิงคนอื่นๆให้แฟนเราตลอด เราไม่ชอบเลย ถ้าเจอเพื่อนแฟนประเภทนี้ จัดการยังไงกันคะ?

“คุณหนู (นามสมมติ)” อายุ 19 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [12 ก.พ. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจอ้อย’ เกี่ยวกับปัญหาเป็นตัวหนูที่แปลกหรือสังคมแฟนหนูที่ไม่ดี โดย “คุณหนู (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘หนูกับแฟนคบกันมาเข้าปีที่ 5 แต่อยู่คนละจังหวัดกัน แฟนหนูอายุ 23 ปี เมื่อปีที่แล้วเป็นช่วงที่หนูกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย และแฟนก็เริ่มไปทำงานเสริมเพื่อหารายได้ ทำให้เริ่มคุยกันน้อยลง ช่วงนั้นเริ่มมีผู้หญิงอื่นเข้ามาจีบแฟน แล้วตัวเพื่อนแฟนก็ชอบชงให้ ทั้งที่รู้ว่าแฟนคบกับหนูอยู่ เวลามีผู้หญิงอื่นเข้ามาก็จะช่วยชง แล้วผู้หญิงที่เข้ามาก็รู้จักกับเพื่อนแฟนด้วย เขามาขอให้เพื่อนแฟนช่วยนัดแฟนเราออกมากินเหล้า อ้างว่าเป็นงานของมหาลัย เป็นแบบนักศึกษามารวมตัวกัน แฟนเราก็เข้าใจแบบนั้น แต่พอไปถึงจริง ๆ สรุปคือได้ไปกินห้องผู้หญิงคนนั้น แล้วเพื่อนก็ชงให้ทำความรู้จักกัน และเวลาเจอหรือเดินผ่านที่มหาลัย เพื่อนคนนี้ก็จะชอบแซว แต่พอผ่านไปสักพักแฟนหนูเริ่มชัดเจนขึ้นว่าไม่สนใจ ผู้หญิงก็ห่างออกไปเอง ผ่านมาได้สักพักก็มีผู้หญิงเข้ามาอีก ผู้หญิงคนนี้เป็นรุ่นพี่ของเอ (นามสมมติ) เอคนนี้เป็นเหมือนหัวหน้านักศึกษา ซึ่งเอเป็นเพื่อนกับผู้หญิงคนนี้ และก็รู้จักกับแฟนหนู แล้วก็รู้จักกับเพื่อนของแฟนหนูด้วย พอเอรู้ว่าเพื่อนของเขาสนใจแฟนหนู เอเลยพยายามติดต่อชวนให้แฟนของหนูมาเที่ยว มาเจอทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าแฟนมีหนูอยู่แล้ว และแฟนหนูก็ไม่รู้จริง ๆ ว่ามีผู้หญิงอยากจีบตัวเอง ก็เลยไปตามที่เขาชวน หลังจากกินเหล้ากัน ผู้หญิงคนนี้ก็เหมือนอยากทำความรู้จัก พยายามที่จะเข้าหา เขาก็ถามแฟนหนูว่ามีแฟนไหม? ซึ่งแฟนหนูก็ตอบไปว่ามีแฟนแล้ว แต่เหมือนผู้หญิงคนนี้ก็ยังจะเอา ยังจะคุย พอผ่านไปสามวัน แฟนหนูก็บอกว่าขอไม่ยุ่งแล้วได้ไหม ไม่อยากทำให้ใครไม่สบายใจ พอจบกันไป ผู้หญิงคนนี้ก็เอาแฟนหนูเข้าไปใน Close friend ของ IG และโพสต์เศร้า ๆ ว่าอยากให้กลับมาคุยกัน แฟนหนูก็ไม่ได้สนใจ เรื่องก็จบไป แล้วเขาก็มาเล่าให้หนูฟังทีหลัง หนูก็รู้สึกไม่โอเคก็เลยทักไปหาเพื่อนแฟนว่า ‘ทำไมถึงไม่ให้เกียรติกันเลย ไม่มีใครเขาโอเคหรอกที่ทำแบบนี้’ เขาก็ตอบกลับมาว่า ‘ไร้สาระ ปัญญาอ่อน’ หนูก็แบบโอเค งั้นก็จบ ไม่คุย หลังจากนั้นก็มีการทักไปคุยกับฝั่งผู้หญิงด้วยว่า ‘ทำไมถึงทำแบบนี้ ทั้งที่รู้ว่าเขามีแฟนนะ’ ทางผู้หญิงก็อธิบายและขอโทษว่าไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ และถามกลับมาว่าแล้วหนูไปรู้ได้ไงทั้ง ๆ ที่ลบแชทไปหมดแล้ว เพื่อนแฟนไปบอกเหรอ หนูก็บอกไปว่าขอโทษนะ บอกไม่ได้จริง ๆ แล้วเขาก็ไม่พอใจเลยด่าหนูกลับมา หนูก็นอยตัวเองไปเลย หรือว่าเป็นตัวหนูที่แปลก เพราะเพื่อน ๆ แฟนทุกคนว่าหนูกันหมดเลยว่า หนูไร้สาระ ทำไมไม่ไปจัดการตัวเอง หลังจากนั้นเพื่อนแฟนก็ยังโทรมาชวนไปกินเหล้าอีก ทางแฟนก็ปัดไปว่าไม่อยากทำให้แฟนไม่สบายใจ เพื่อนก็พิมพ์กลับมาว่า ‘ถ้ามีแฟนแล้วชีวิตมึงแย่ ไม่ต้องมีก็ได้นะ’ หนูเลยอยากปรึกษาพี่ ๆ ดีเจว่า เป็นตัวหนูที่แปลกหรือสังคมของแฟนหนูแปลกกันแน่? โดยเริ่มที่ “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าถามว่าหนูผิดปกติไหม พี่ว่าไม่ มันก็ควรจะรู้สึกอะไรแบบนี้อยู่แล้ว แต่ถ้าเทียบว่าหนูผิดปกติหรือสังคมเขาที่ผิดปกติ พี่ว่าทุกอย่างมันปกติหมดเลย แต่ตัวแปรสำคัญคือแฟนหนูมากกว่า ในมุมมองพี่ การที่เราจะมีเพื่อนแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ ส่วนการที่หนูรู้สึกไม่สบายใจก็เป็นเรื่องที่ปกติ แต่พี่ว่าแฟนหนูควรทำอะไรมากกว่านี้ แต่ที่รู้สึกไม่ปกติคือแฟนหนูมากกว่า หลงกลออกไปหลายต่อหลายครั้ง สุดท้ายเราก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง หนูก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะมันเป็นการเล่าผ่านปากของเขาเท่านั้น ถ้าเพื่อนเป็นตัวปัญหาที่ทำให้ไม่โอเค พี่ว่าพี่ก็จะยอมแฟนก่อนนะ พี่ไม่ได้จะแต่งงานกับเพื่อนในความหมายของพี่ เพราะฉะนั้นพี่รู้สึกว่าแฟนหนูต้องทำอะไรสักอย่างให้หนูรู้สึกสบายใจมากกว่านี้’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ยืนยันว่าฝั่งของหนูปกติ ใครก็ต้องรู้สึกแบบนี้ เมื่อรู้ว่าเพื่อนแฟนทำแบบนี้ ส่วนฝั่งเพื่อนแฟน พี่ว่าเขาทำเรื่องไม่ปกติจนเป็นเรื่องปกติ พี่ว่าหนูไม่ต้องไปจัดการอะไร แต่ต้องเป็นแฟนหนูที่เป็นคนจัดการหรือทำอะไรบางอย่าง แต่ก็เข้าใจว่าหนูอายุ 19 หนูก็ค่อนข้างเด็กอยู่ แต่พี่ไม่อยากให้หนูโทรหาเพื่อนเขาหรือส่งข้อความไปเคลียร์ เพราะว่ามันไม่จำเป็นต้องทำ เรื่องนี้มันอยู่ที่คนของเราก็คือแฟนของหนู ถ้าพี่เป็นหนู พี่คงถามแฟนว่าทำไมยังคบเพื่อนแบบนี้อยู่’ และสุดท้าย “ดีเจอ้อย” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คนเรามีสิทธิ์ในการหวงแฟน แต่พี่ว่าวิธีการของหนูต่างหากที่พี่รู้สึกว่ามันไม่ปกติ เป็นพี่จะขอบคุณเพื่อนสองคนนั้น เพราะมันจะเป็นโจทย์ให้พี่รู้ว่าแฟนของพี่เป็นคนยังไง อาจจะด้วยวัยของน้องที่รู้สึกว่าถ้าเลือกฉัน เธอต้องไม่เลือกเพื่อนสิ แต่พี่จะรู้สึกว่าหนูเสียเวลาจะตายที่ต้องไปแชทหาเพื่อนเขา ไปแชทหาผู้หญิงคนนั้น ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่เพื่อนของเราเป็นโจทย์ เราจะเห็นทันทีว่าแฟนของเราเป็นคนที่หนักแน่นขนาดไหน ไม่ใช่คนนั้นลากไปทีก็ไป คนนี้ลากไปทีก็ไป เขาจะต้องดูแลหัวใจของแฟนก่อน ถึงจะมีกี่คนมาชงมันจะไม่มีทางมาสั่นคลอนหัวใจเขาได้ แต่ตอนนี้เราเองรู้สึกว่าเดี๋ยวเพื่อนชวนก็จะไปตามเพื่อนอีก ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ แฟนหนูจะไม่มีความเป็นตัวของตัวเองเลย การที่หนูทำแบบนี้อาจไปปิดโอกาส ที่จะทำให้เห็นอะไรอีกหลาย ๆ อย่าง หลายครั้งที่เกิดอะไรขึ้นกับคนกลาง ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปคุยกับคนอื่น ถ้าคนสองคนจับมือกันแน่นพอ หนูไม่ต้องกลัวมือที่สาม เพราะฉะนั้นตอนนี้ เมื่อไหร่ก็ตามที่ใครลากไป แล้วเขาไปตลอด อันนั้นพี่รู้สึกว่าคนกลางหนูต้องดูดี ๆ ว่าเขารักหนูมากพอหรือเปล่า ถ้าเกิดคนคนหนึ่งรักเรา เขาจะเลือกเรา แม้ว่าจะเจอคนอื่น ๆ อีกมากมาย’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

แต่งงานกับสามีมา 8 ปี ชีวิตคู่ราบรื่น ปกติดีมาตลอด ติดเรื่องเดียว "หนูมีปัญหาสุขภาพ ไม่สามารถมีลูกได้" พยายามกันมาตลอด อยู่ๆมีเฟสผู้หวังดี มาเม้นรูปหนูว่า "ถ้าไม่อยากโง่ให้เปิดแชทอ่าน" ถึงรู้ว่าสามีไปมีลูกกับผู้หญิงอีกคน

26 เม.ย. 2024

แต่งงานกับสามีมา 8 ปี ชีวิตคู่ราบรื่น ปกติดีมาตลอด ติดเรื่องเดียว "หนูมีปัญหาสุขภาพ ไม่สามารถมีลูกได้" พยายามกันมาตลอด อยู่ๆมีเฟสผู้หวังดี มาเม้นรูปหนูว่า "ถ้าไม่อยากโง่ให้เปิดแชทอ่าน" ถึงรู้ว่าสามีไปมีลูกกับผู้หญิงอีกคน

แต่งงานกับสามีมา 8 ปี ชีวิตคู่ราบรื่น ปกติดีมาตลอด ติดเรื่องเดียว"หนูมีปัญหาสุขภาพ ไม่สามารถมีลูกได้" พยายามกันมาตลอด อยู่ๆมีเฟสผู้หวังดีมาเม้นรูปหนูว่า "ถ้าไม่อยากโง่ให้เปิดแชทอ่าน" ถึงรู้ว่าสามีไปมีลูกกับผู้หญิงอีกคนสามีบอกเป็นความพลาด แต่เขาขึ้นบ้านใหม่ด้วยกันแล้ว “คุณเหมียว (นามสมมติ)” อายุ 36 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (24 เม.ย. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจอ้อย นภาพร’ เกี่ยวกับปัญหามีลูกให้สามีไม่ได้ แต่เขาดันไปมีลูกกับคนอื่น โดย ​“คุณเหมียว(นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘คบกับแฟนมา 10 ปี พอคบกันได้ 2 ปีก็ตัดสินใจแต่งงาน ก็คือแต่งงานกันมาแล้ว 8 ปี สร้างตัวจากที่ไม่มีอะไรเลย แล้วเราก็คบกันปกติเหมือนคู่รักคู่อื่น ตอนแรกเรา 2 คนก็ขายของตามตลาดนัดด้วยกัน แต่เศรษฐกิจไม่ดี ผู้ชายเลยตัดสินใจไปทำงานประจำ ซึ่งช่วงแรก ๆ ที่เขาไปทำงาน เราก็มีไปที่ทำงานผู้ชายบ้าง ที่ทำงานก็รู้หมดว่าเป็นสามีภรรยากัน เหมือนปีที่ 9 เราทำงานหนักเลยไม่มีเวลาไปตามผู้ชายสักเท่าไหร่ ไม่ค่อยได้ออกจากบ้าน ไม่ได้ไปไหนด้วยกัน เพราะว่าต่างคนก็ต่างทำงาน จึงไม่ได้สงสัยหรือระแวงในตัวเขา และหนูก็เป็นโรคเกี่ยวกับมดลูก ซึ่งตอนแรกผู้ชายก็บอกว่า อยากมีลูก แล้วหนูก็ได้มีการปรึกษากันมาตลอดว่า ถ้าเกิดว่าเราไม่มีลูกจะเป็นอะไรไหม ผู้ชายบอกว่า ไม่เป็นไร เรารักกัน เราเก็บเงินให้กันและกันไปเรื่อย ๆ เรื่องนี้ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรเลย ถ้าเราอยากมีจริง ๆ อาจจะใช้เป็นวิธีอื่นได้ในอนาคต ซึ่งปรึกษากันตลอด ไม่เคยทะเลาะกันรุนแรง เพราะเราเป็นคู่ที่ใช้ชีวิตปกติมาก ๆ แต่มาวันหนึ่งก็มีเฟซบุ๊คพึ่งสร้างใหม่ส่งข้อความมาหาว่า ถ้าไม่อยากโง่ให้เปิดข้อความในแชทอ่าน ในวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งพอเราเปิดเข้าไปอ่านก็เป็นรูปสามีเราไปขึ้นบ้านใหม่กับผู้หญิง แล้วก็มีแม่สามีนั่งอยู่ข้าง ๆ เป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ มีรูปสลิปการโอนเงิน ซึ่งเป็นชื่อ - นามสกุลของสามีเรา แล้วมีแคปชั่นว่า ขอบคุณสามีที่เปย์ให้กันตลอดมา เป็นรูปการโพสต์ด่าเราเรื่องต่าง ๆ นานา เขาแคปมาให้เราดูหมด ซึ่งผู้หญิงคนนั้นเป็นคนโพสต์ ที่พีคไปกว่านั้นคือ มีรูปการคลอดลูก ซึ่งเป็นแคปชั่นที่มีนามสกุลสามีของเรา เรื่องความสัมพันธ์เขาบอกว่า คบกันมา 1 ปีแล้ว แต่ว่าคบกัน 2 เดือนผู้หญิงก็ท้องเลย และเป็นรูปสามีของเราอยู่ในห้องคลอดซึ่งมีเด็กด้วย รายละเอียดในรูปคือ เหมือนผู้หญิงพึ่งคลอดลูกมาเมื่อวาน แล้วเอาเฟซบุ๊คปลอมส่งมาบอกเราในวันนี้ แบบพึ่งเกิดแล้วให้เรารู้เลย เราก็ช็อกมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น และไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็น เราก็เลยโทรไปถามผู้ชายว่า มันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ตอนแรกผู้ชายเขาก็ไม่ได้ยอมรับผิด เราก็เลยบอกว่า ถ้ามันเกิดเรื่องอะไรแล้ว เดี๋ยวเรามาช่วยกันแก้ไขปัญหาด้วยกันไหม หนูอยากให้เขายอมรับความจริง เขาก็เลยสารภาพว่า เขาไปทำผู้หญิงท้อง ซึ่งเป็นน้องที่ทำงานเดียวกันกับเขา คบกันมาเป็นเวลา 1 ปีแล้ว พอคบกันได้ 2 เดือนปุ๊บ ผู้หญิงก็ท้องเลย และเป็นการพลาดพลั้ง ถ้ามันเป็นการพลาดพลั้งจริง ๆ ทำไมเขาถึงมีการซื้อบ้านใหม่ด้วยกัน ทำไมเขาถึงสร้างทุกอย่างด้วยกันหมดแล้ว หนูก็ไม่เชื่อ แต่หนูยังรักเขา หนูรักเขามากเพราะว่าเราไม่มีปัญหาอะไรที่จะทะเลาะกันแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งเราเคลียร์กันทุกเรื่อง ทุกวันอยู่แล้ว หนูคิดว่าถ้าหนูไม่รู้เรื่องนี้ เขาก็ไม่ได้แย่ แต่หนูมานั่งทบทวนประมาณ 3-4 วัน ก็ตัดสินใจบล็อกเบอร์ ไม่ติดต่อไปหาเขาอีกเลย เพราะหนูคิดว่าเขาคงอยากไปสร้างอนาคตใหม่ด้วยกันโดยที่ไม่มีหนูแล้ว ถ้าเขารักเราจริง ๆ เขาจะไม่ทำร้ายเราทั้งที่เราผ่านความลำบากมาก่อน จนเรามีทุกวันนี้มันไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งหนูไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับฝั่งผู้ชายเลย ส่วนฝั่งนั้นเขาบอกว่า ไม่ได้จดเหมือนกัน แต่รับเป็นบุตร หนูรู้สึกแพ้แล้วกับความรัก 10 ปีที่ผ่านมาของหนู’ อยากถามคำถามแรกกับพี่เผือกว่า คิดว่าหนูทำถูกไหมที่หนูยอมเดินออกมาแทนที่จะเก็บผู้ชายไว้? ซึ่ง “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ต้องถามกลับว่าทำไมถึงรู้สึกว่ามันจะไม่ถูก เหมียวมีความลังเลหรอว่ามันจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดที่เดินออกมา ถ้าถามคนที่ได้ฟังเรื่องนี้พี่ว่าร้อยทั้งร้อยต้องบอกว่า เหมียวทำถูกแล้วแหละ พี่ยังไม่เจอเหตุผลที่จะต้องเก็บเขาเอาไว้ มันต้องแยกให้ออกระหว่างความเสียใจกับการตัดสินใจที่จะตัดใครสักคนที่เขาไม่ใช่คนดีออกไป มันคนละเรื่องกัน ไอ้ความเสียใจ ไอ้ความช็อก ตื่นมาแล้วอีกคนหนึ่งในชีวิตเราหายไป มันรู้สึกอยู่แล้วเหมียว แต่สาเหตุที่เขาไม่อยู่วันนี้มันต้องแยก พี่ไม่เห็นเหตุผลว่าการเก็บเขาไว้ในสถานการณ์ของเหมียวมันจะเป็นสิ่งที่ดีได้ยังไง ในเมื่ออีกฝั่งเขามีลูกด้วย ต่อให้คิดกันแบบ Positive สุด ๆ คุยกันได้ลงตัว ทำหน้าที่แค่พ่อ ไปดูแลแต่ยังรัก เหมียวคิดว่ามันจะไปตลอดรอดฝั่งจริง ๆ หรอ? แล้วพี่ก็ไม่เชื่อว่าตัวเหมียวเองจะรับมันได้ ไม่งั้นเหมียวคงไม่ตัดสินใจเดินออกมา พี่อยากจะเป็นอีกหนึ่งเสียงที่ให้ความมั่นใจว่า เราตัดสินใจแล้ว ทุกการตัดสินใจของเราที่เกิดขึ้นมันดีเสมอแหละ เราจะได้เรียนรู้อะไรจากมัน การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มันอาจจะรุนแรงหน่อย แต่ว่าถ้ามันผ่านพ้นไปได้ พี่ว่ามันเป็นจุดที่ดีของชีวิต ขอให้มั่นใจ ตัดสินใจแล้วก็ทำให้มันเด็ดขาด ยอมเจ็บหน่อย ยอมช็อกหน่อย แต่ถ้ามันผ่านพ้นไปจะรู้สึกโล่ง อย่างที่พี่อ้อยพูดเห็นด้วยมาก ๆ เราไม่ได้แพ้อะไร สุดท้ายพอเวลามันผ่านไป จนถึงวันหนึ่งเหมียวอาจจะเริ่มรู้สึกว่า ฉันชนะแล้วแหละที่ออกมาได้’ คำถามที่ 2 ให้พี่อ้อย หนูขอวิธีการมูฟออนที่หนูยังติดอยู่วังวนความรัก 10 ปีที่ผ่านมา หนูไม่สามารถมีใครได้หรือมีความรักครั้งใหม่หนูก็รู้สึกกลัว? ต่อมา “ดีเจอ้อย” ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าเป็นพี่จะบอกว่า วิธีการมูฟออนอย่างหนึ่งคือ ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นให้ได้ก่อน เข้าใจว่าน้องรักเขาเท่าที่เขารักน้องแหละ คบกันมาตั้ง 10 ปี รักเขาเราไม่เห็นมีใคร เขารักเราทำไมถึงทรยศ พอน้องค่อย ๆ ทำความเข้าใจกับมัน น้องอาจจะเข้าใจว่า คนบางคนนะ ออกจากชีวิตฉันไป น่าดีใจกว่าได้เขามาอีก เพียงแต่วันนี้การมูฟออนของน้อง ยังไม่สามารถมูฟออนได้เพราะยังคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของเรา มีคนในโลกนี้เยอะแยะมากมาย ลูกไม่ได้เป็นโซ่ทองคล้องใจเสมอไป มันไม่ได้แปลว่าการที่ผู้หญิงคนหนึ่งมีลูกแล้วนั่นคือที่สุดของชีวิต และการที่ผู้หญิงคนหนึ่งมีลูกไม่ได้ก็เลยถูกพิพากษาให้เขาต้องไปทรยศนอกใจกับคนอื่น พี่ว่ามันไม่ใช่เป็นเหตุเป็นผลกัน วันนี้ถ้าไม่เจอ Account ที่เขามาบอกว่า ถ้าไม่อยากโง่ก็อ่านแชทสิ แค่สิ่งที่เขาบอกกับเราก็ดูไม่ใช่ผู้หวังดีอยู่แล้ว การที่ผู้ชายคนหนึ่งไม่รับผิดชอบความรู้สึกของเราเลยแม้แต่น้อย พี่รู้สึกว่า ฉันทำดีที่สุดในฐานะของคนที่เป็นภรรยามา 10 ปีแล้ว เธอต่างหากที่ยอมให้ใครสักคนเข้ามาทำร้ายความรู้สึกฉันได้มากขนาดนั้น โดยที่มีเธอเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด พอเหมียวค่อย ๆ ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ การมูฟออนก็เกิดขึ้นจากการทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้อยู่ แต่ถ้าน้องบอกว่า ไม่เอาค่ะพี่ หนูอยากได้วิธีการมูฟออนจริง ๆ อันแรกเลิกส่อง มีคนเยอะมากที่พยายามจะมูฟออนแต่ยังไปเฝ้าดูโซเชียลเขาตลอดเวลา ที่สุดแล้วพอไปเห็นว่าเขาดูมีความสุขมาก คนที่พังสุดก็คือเราอยู่ดี วันนี้ความสัมพันธ์มันเคลื่อนตัว ต่อให้ 10 ปี ความผูกพันดันเกิดขึ้นกับเหมียวคนเดียว ไม่ได้เกิดขึ้นกับเขา ถ้าความผูกพันนี้เกิดขึ้นกับเขาด้วย เขาจะไม่ทำร้ายหนูขนาดนี้ แค่เหมียวเห็นคุณค่าในตัวเอง ชีวิตของฉัน ฉันทำเต็มที่ในตอนที่ฉันเป็นภรรยาที่น่ารัก ดูแลเธออย่างซื่อสัตย์ แต่ถ้าเธอไม่สามารถให้ความซื่อสัตย์กับฉันได้ ฉันก็แค่ตัดเธอออกจากชีวิต มันคือแบบนี้ แต่ไม่ใช่ว่าเรากลายเป็นคนที่ด้อยค่าตัวเอง พี่ว่ามันอยู่ที่วิธีคิดของเรา ถ้าน้องอยากได้เป็นแบบรูปธรรม 1.เลิกส่อง 2.ช่วยเห็นข้อดีของตัวเองใน 10 ปีที่ผ่านมาหน่อย เพราะน้องไม่เคยวอกแวกไปมีใคร และในที่สุดแล้วไม่มีใครดีพอ สำหรับคนที่ไม่รู้จักพอ ต่อให้น้องดีแทบตาย สุดท้ายเขาไม่รู้จักพอเขาก็มีคนอื่นอีก แล้วเอาสิ่งนั้นมาเป็นข้ออ้าง เพื่อทำให้เขาเลิกกับเราได้แบบที่เขารู้สึกผิดน้อยที่สุด พี่รู้สึกแบบนั้นไม่ได้ผิดที่เหมียว หนูต้องรักตัวเอง เพราะหนูมีคุณค่ามากพอ และพี่คิดว่าเดี๋ยววันหนึ่งเหมียวจะขอบคุณตัวเองที่ตัดสินใจแบบนี้’ และคำถามที่ 3 ให้พี่เติ้ล มีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับการนอกใจครั้งนี้ เป็นเพราะหนูไม่ใส่ใจเขามากพอหรือว่าเป็นเพราะหนูท้องไม่ได้ เขาก็เลยไปมีคนอื่น? สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ตอบอันหลังก่อนที่เหมียวถามว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะหนูไม่ใส่ใจหรือว่าหนูมีลูกให้เขาไม่ได้ ไปที่เรื่องไม่ใส่ใจก่อน อันนี้พี่ไม่รู้เพราะเหมียวไม่ได้บอก เหมียวบอกว่าเราเป็นชีวิตคู่ปกติ ถ้างั้นคงไม่เกี่ยวกับการใส่ใจ พี่ว่าอย่าไปเพ่งโทษตัวเองแบบนั้น กับเรื่องที่มีลูกให้เขาไม่ได้ ตอนที่เหมียวโทรมาพี่กรี๊ดเหมือนกัน เพราะว่ามันคือบทสนทนาในห้องประชุมเขียนบทเมื่อวาน ถ้าคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งที่รักกันมาก กลายเป็นว่าปัญหาเรื่องเดียวคือสามีอยากมีลูก แล้วภรรยาลูกให้เขาไม่ได้ มันจะไปได้ถึงไหน ซึ่งตอนที่พี่คุยในห้องประชุมบอกจริง ๆ ว่ามันมีสิทธิ์เกิดอะไรขึ้นก็ได้ แต่มันไม่เกี่ยวกับการนอกใจ ถ้าวันใดวันหนึ่งที่เขารู้สึกว่าอยากมีลูกจริง ๆ เขาก็ต้องซื่อสัตย์กับตัวเองและเรามากพอในฐานะคนรักกัน ไม่ว่ามันจะเกิดเหตุการณ์หรือปัญหาอะไรในชีวิตคู่ มันไม่ใช่สาเหตุที่จะมาอ้างว่า เพราะฉะนั้นฉันจะไปมีคนอื่น เพราะเธอทำข้อ 1-3 ไม่ได้ มันคือการนอกใจ คุณจะทำอะไรก็ได้เลยถ้าบอกกับคนรักตรง ๆ ว่า เราไม่แฮปปี้ ถ้าแก้ไม่ได้ เราขอไปมีคนอื่น อย่างนี้มันคือแฟร์ ยุติธรรมกันทั้ง 2 ฝ่าย เราเองก็ต้องยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นว่า เราให้ในสิ่งที่เขาอยากได้ไม่ได้ แต่การที่เขาไปมีคนอื่น มีลูกแบบนี้ พี่ว่าเขาไม่ได้พลาด เพราะพี่รู้สึกว่าคนรักกัน ถ้าพลาดเขาต้องมาบอกหนู เขาจะไม่ปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้คลอดลูกออกมาจนเรื่องนี้มาเข้าหูหนูเอง พี่ว่าอันนี้ไม่ใช่คนรักกัน เขาคือผู้ชายที่ทรยศหนู ซึ่งมันก็จะเด้งไปที่คำตอบพี่อ้อยกับพี่เผือกว่า การที่หนูตัดสินใจเลิกกับเขาแบบเด็ดขาดก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดีในชีวิตหนูที่เกิดขึ้นแล้วกับ 1 ปีที่หนูเจออะไรแบบนี้มา’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

เพื่อนโกรธสามี ลั่น "จะฟ้องหย่าชู้ให้ได้!" ผมก็เลยถามเพื่อนว่าแน่ใจนะ? เพื่อนบอก "แน่ใจ!!" เพื่อนในกลุ่มก็เลยช่วยกันหาหลักฐานครบ หาทนายให้พร้อม สุดท้ายเพื่อนไปคุยกับทนายว่า ไม่ได้อยากฟ้อง แต่โดนเพื่อนยุให้ทำ

12 ม.ค. 2024

เพื่อนโกรธสามี ลั่น "จะฟ้องหย่าชู้ให้ได้!" ผมก็เลยถามเพื่อนว่าแน่ใจนะ? เพื่อนบอก "แน่ใจ!!" เพื่อนในกลุ่มก็เลยช่วยกันหาหลักฐานครบ หาทนายให้พร้อม สุดท้ายเพื่อนไปคุยกับทนายว่า ไม่ได้อยากฟ้อง แต่โดนเพื่อนยุให้ทำ

เพื่อนโกรธสามี ลั่น "จะฟ้องหย่าชู้ให้ได้!" ผมก็เลยถามเพื่อนว่าแน่ใจนะ? เพื่อนบอก "แน่ใจ!!"เพื่อนในกลุ่มก็เลยช่วยกันหาหลักฐานครบ หาทนายให้พร้อมสุดท้ายเพื่อนไปคุยกับทนายว่า ไม่ได้อยากฟ้อง แต่โดนเพื่อนยุให้ทำตอนนี้ผมเสียความรู้สึกมาก เหมือนโดนหักหลัง เป็นหมาทั้งกลุ่ม?? “คุณเอ็ม (นามสมมติ)” อายุ 35 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (10 ม.ค. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจอ้อย กับปัญหาที่รู้สึกโดนหักหลังจากเพื่อน หลังจากที่ช่วยเพื่อนหาหลักฐานฟ้องมือที่สามของแฟน แต่สุดท้ายเทและโยนบาปมาให้เพื่อนทั้งหมด! โดย “คุณเอ็ม (นามสมมติ)” เริ่มเล่าว่า ‘เรื่องนี้เป็นเรื่องของเพื่อน เราเป็นฝ่ายไปช่วยเขา เพื่อนคนนี้เป็นเพื่อนในกลุ่ม ก่อนหน้านี้เราไม่ค่อยสนิทกันเพราะว่าทำงานคนละสาย แต่เราเริ่มมาคุยกันตอนที่ได้ทำงานร่วมกัน ผมให้เขามาช่วยงาน เราก็เห็นสภาพครอบครัวเขา พ่อแม่ลูกรักกันดี จนวันนึงเรามีงานที่ต้องทำกับเขาอีก เขาจึงได้เล่าให้เราฟังว่าตอนนี้เขาเลิกกับแฟนเขาแล้ว เราก็อ้าว! เพราะล่าสุดเพิ่งเห็นแฟนเขามาส่ง เขาก็เล่าว่าแฟนเขาไปมีอีกคนนึง ซึ่งอีกคนโปรไฟล์ดีมาก ด้วยความที่เป็นเพื่อนเรา เราก็มีความรู้สึกว่าทำไมเพื่อนเราถึงถูกกระทำแบบนี้ ทีนี้เราก็เลยนัดเพื่อนทุกคนมานั่งคุยกันว่าเกิดอะไรขึ้น คุยกันเสร็จเขาก็บอกว่า ฝั่งแฟนเขาไปมีคนอื่น ขอเลิกกับเขา และหลอกเขาไปหย่า เรื่องเป็นประมาณนี้ หลังจากนั้นเพื่อนทุกคนก็ช่วยกันหาหลักฐาน เพราะเราคุยกันแล้วว่าจะฟ้องมือที่สาม เราบอกว่า “ตอนนี้เพื่อนเราไม่มีงานทำ ฉะนั้นถ้าฟ้องชนะอย่างน้อยเพื่อนก็ได้เงินก้อนนี้ไปตั้งตัวต่อ” เราคิดกันแค่นี้ เราก็ถามเขาว่า “ตกลงจะฟ้องใช่ไหม” เขาก็บอกมาว่า “ฟ้อง ยังไงก็ฟ้อง” แต่เราก็บอกเพื่อนไว้ก่อนว่า “ถ้าฟ้องเสร็จแล้ว จะกลับไปเป็นครอบครัวเดียวกับแฟนเขาอีก เราจะถือว่าเราไม่เป็นหมานะ เพราะเราถือว่ามันเป็นเรื่องของครอบครัว เราเข้าใจได้” ทุกอย่างก็ดำเนินต่อไป เพื่อนๆ ช่วยเขาทุกอย่าง ทั้งหางานใหม่ให้ จนได้งาน อยากได้ GPS เพื่อนก็หาให้ อยากสืบว่าแฟนไปที่ไหน เพื่อนก็ไปช่วยตาม แม้แต่เวลาตี 1-2 ก็ยังช่วยตามให้ จนได้ข้อมูลครบถ้วนและสามารถส่งฟ้องได้ ทุกคนจึงถามว่า “จะส่งฟ้องเมื่อไหร่” ทีนี้เพื่อนเราเริ่มอ้าง เดี๋ยวรอวันนั้น เดี๋ยวรอวันนี้ จนมีวันนึงเขาบอกว่าเขาตั้งท้องลูกคนที่ 2 เพื่อนทุกคนตกใจมาก แต่เราก็คุยกับเพื่อนไปว่า ตอนนั้นมันแค่ไม่กี่อาทิตย์ ถ้ายุติการตั้งครรภ์ได้ เราอยากให้ยุติ เพราะไม่งั้นปัญหาหลังจากนี้มันจะวุ่นวาย ปัญหาจะเยอะมาก ถ้าเธอคิดจะฟ้อง เขาก็เหมือนบ่ายเบี่ยงไป เราก็ไม่ได้ตามอะไรต่อ จนเขาบอกว่าเขาแท้งเพราะว่าแย่งโทรศัพท์กันแล้วเด็กหลุด แต่มันก็มีความตะหงิดใจบางอย่างคือ พี่สาวเอ็มก็มาถามว่า “เขาได้ขูดมดลูกไหม” เพราะปกติถ้าแท้งจะต้องขูดมดลูกอะไรแบบนี้ เพื่อนก็บอกมาว่า “หมอเขาแทงสวน” เราไม่เคยท้องเราก็ไม่รู้ว่ามันต้องอะไรยังไง แต่ก็เริ่มตะหงิดใจมาเรื่อย ๆ ในส่วนของเรื่องฟ้องก็ไม่คืบหน้าสักที จนเราเริ่มฟางเส้นสุดท้ายขาด เราทิ้งเรื่องฟ้องไว้ก่อน เรามีงานให้เขามาช่วย แต่ทีนี้เพื่อนบอกว่าเขาจะต้องเริ่มงานอีกที่นึง เราก็คุยกับเขาว่า “ตกลงแกเริ่มงานอีกที่นึงใช่ไหม” เขาก็บอกว่า “เดี๋ยวรอทางสำนักงานใหญ่แจ้งมา” เราก็ไม่ได้ตามอะไรต่อ แต่ก็คิดว่าถ้าเขารู้สึกว่าเราเป็นเพื่อนกัน เขาควรแจ้งเราก่อนว่ามาเริ่มทำงานที่นี่ไม่ได้ แต่นี่ต้องให้เรามารอ จนถึงวันงานเขาก็ยังไม่แจ้งเรา จนถึงเรื่องฟ้อง ฟางอีกเส้นที่ขาดก็คือ เพื่อนเอ็มเขามีแฟนเป็นทนาย ครั้งแรกที่คุยกับทนาย เขาบอกแล้วว่าเขาจะทำให้ฟรี แต่ทีนี้ทนายเขาบอกว่าเหมือนเพื่อนเอ็มไม่กระตือรือร้นที่จะทำ ทนายเขารู้สึกว่าแปลก ๆ เพื่อนทุกคนก็คุยกัน เหมือนแฟนของเพื่อนแต่ละคนเขาก็มองว่าเพื่อนเราไม่กระตือรือร้น ทำไมจะทำอะไรแต่ละอย่างถึงไม่ขวนขวายเอง ทำไมต้องให้เพื่อนรอบตัววุ่นวายไปหมด จนวันที่ทนายเขาถามรอบสุดท้าย ตอนเช้าคุยกับเพื่อนก็ถามอีกว่า “จะฟ้องจริงไหม” เขาก็ตอบว่า “จะฟ้องจริง 100% จะฟ้องจริงๆ” พอตกบ่าย ทนายมาคุยอีกรอบนึง เขาตอบมาว่า “50 50 ค่ะ” เพราะว่าตอนนี้ฝั่งผู้ชายเขาก็มาขอคืนดี แล้วก็บอกว่าเขาขอโอกาส อีก 50 ก็เหมือนเกรงใจเพื่อน ใช้คำว่าเกรงใจเพื่อน เหมือนประมาณว่าเพื่อนอยากให้ฟ้องแต่ตัวเองไม่อยาก ประมาณว่า “จริง ๆ หนูก็ไม่ได้อยากฟ้องนะคะ แต่เพื่อนยุให้ฟ้อง” ตอนนั้นเรายังไม่รู้เรื่อง เพื่อนก็ต่อสายมาคุยเลยว่าให้ใจเย็น ๆ แล้วก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟัง พอเพื่อนเล่าจบเราก็รู้สึกว่าทำไมเป็นแบบนี้ เพราะว่าก่อนหน้านั้นเราเป็นคนถามเขาเองว่าจะฟ้องใช่ไหม ตอนนั้นเพื่อนก็บอกว่าจะฟ้อง แต่เราก็บอกไปว่าให้กลับไปคืนดีคุยกับแฟนก่อนไหม แต่เพื่อนก็บอกว่า “ฉันจะไม่เอาผู้ชายคนนี้เป็นพ่อของลูกเด็ดขาด” แต่พอมาวันนี้กลายเป็นว่า “ฉันจะกลับไป” เราก็รู้สึกว่าจริง ๆ ถ้าเกิดเขาแค่เดินมาขอโทษเรา แล้วบอกว่าเราขอโทษนะ เราทิ้งครอบครัวไม่ได้จริง ๆ เพื่อนทุกคนก็พร้อมให้อภัย แต่พอมันเกิดเรื่อง กลายเป็นว่า คำขอโทษจากปากเขากับเพื่อนไม่มีเลย แล้วเขาก็เหมือนโยนบาปทุกอย่างให้เพื่อนว่าเพื่อนเป็นคนยุยงให้ทำ ตอนนี้ก็เหมือนทุกอย่างบีบให้เพื่อนออกหมด แต่ว่าหลักฐานบางอย่างยังอยู่ในมือเรา เราแค่มองว่าถ้าเกิดวันนั้นเราปล่อยหลักฐานให้เขาไปหมดเลย แล้วถ้าหลักฐานนี้มันหลุด เท่ากับว่าเพื่อนทุกคนที่ทำมา ขาข้าง หนึ่งคงเข้าไปอยู่ในคุกแล้ว จริง ๆ เพื่อนทุกคนก็บอกว่าเราไม่ต้องคิดอะไรมากแค่เต็มที่กับเพื่อน แต่ความรู้สึกที่มันตกค้างอยู่ในใจเราทุกวันนี้ ที่ว่าทำไมเพื่อนแม้แต่คำขอโทษก็ไม่มีให้เรา ทั้งที่เราเต็มที่กับเขาแต่บาปทุกอย่างเหมือนโยนมาให้เราหมด มันเหมือนเราถูกหักหลังกับการที่เขาไปบอกทนายว่า “ก็เพื่อนอยากให้ฟ้องอะค่ะหนูก็เลยจะฟ้อง” มันก็เลยเกิดตะกอนที่มันลบไม่ได้ จึงอยากถามว่า “ผมจะจัดการกับความรู้สึกนอยที่มันยังตกค้างอยู่ยังไงดี วันนึงถ้าเกิดเขาเดินมาขอโทษเรา เราอาจจะรู้สึกดีขึ้นก็ได้ แต่ตอนนี้เรายังรู้สึกว่ายังไม่ได้รับคำขอโทษเพื่อปลอบประโลมความรู้สึกจากเขาเลย” โดย “ดีเจอ้อย” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ในที่สุดแล้วแต่ละคนไม่เหมือนกัน น้องลองดูสิเพื่อนแต่ละคนมีเฉดที่แตกต่างกัน และเอ็มเป็นคนพูดเองว่าต่อให้ฟ้องกันไปแล้วกลับไปเอ็มก็โอเค ขั้นตอนมันยังไม่ไปถึงตรงนั้นเลยแค่เริ่มต้น 2 – 3 ก้าวเขาก็กลับไปอยู่ด้วยกันแล้ว ถ้าเป็นเพื่อนกันก็ให้ได้ แต่อย่าไปรู้สึกว่าเพื่อนเขาต้องอินกับสิ่งที่เราทำให้เขา เพราะไม่อย่างงั้นคนที่คาดหวังและเจ็บมากจะเป็นเราเอง และร้อยทั้งล้าน พอเป็นเรื่องความรัก มีเรื่องของใจ ก็ความรักมันไม่ใช้เหตุผล เขาถึงต้องไปรักคนที่ไม่ควรรัก เราเป็นเพื่อนที่เชียร์อยู่รอบสนามแต่เราไม่ได้รักคน ๆ นั้นเหมือนที่เพื่อนเรารัก ถ้าจะเป็นหมาก็เป็นหมาที่รักเพื่อน ให้เพื่อนเห็นว่าฉันก็เป็นหมาที่รักเธอ แต่มันต้องมีบทเรียนเช่น ครั้งต่อไปถ้าเป็นเรื่องของความรักหรือเรื่องของการฟ้องร้อง เขาต้องเป็นฝ่ายทุรนทุรายที่จะฟ้องร้องเอง ตอนนี้พี่รู้สึกว่าเราเสียความรู้สึก ถ้าจะบอกว่าเขาทรยศก็อาจจะพูดไม่ได้เต็มปากเพราะอันนั้นก็เป็นเรื่องเขา พวกเราเองต่างหากที่กรูเข้าไปช่วยเขา เพราะในที่สุดการเป็นเพื่อน เราเป็นได้แค่กองเชียร์แต่เขาเป็นกองหน้า การที่จะเอาเรื่องตรงนั้นมานอยจนทำให้เราไม่มีเวลาดูแลตัวเองหรือไม่มีความสุข พี่ว่าไม่คุ้ม ให้มันเป็นบทเรียนว่าวันหลังถ้าเกิดจะเกิดอะไรขึ้น ให้เขาจัดการชีวิตตัวเอง’ ต่อมาเป็น “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘ในเรื่องของความสัมพันธ์ อันนึงที่ทำให้เราเจ็บได้เสมอคือคาดหวังในความสัมพันธ์ ลองสังเกตดูคนไหนที่เราแคร์เขามาก ถ้าเขาไม่ทำตามที่เราหวังไว้เราจะเจ็บปวด โดยเฉพาะกับเพื่อน สำหรับเอ็มพี่คิดว่าถ้าจะมูฟออนเรื่องนี้ไปให้ได้ ต้องคิดไปเลยว่าเพื่อนคนนี้เขาจะไม่มาขอโทษเอ็ม เขาจะเป็นแบบนี้และจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ แต่ถ้าวันไหนเขามาขอโทษ วันนั้นคือโบนัส แต่ถ้าตอนนี้สำหรับพี่นะเราต้องคิดไปเลยว่าเขาไม่มีวันจะมาขอโทษเรา ถ้าวันนี้เรายังโฟกัสเรื่องขอโทษว่าเมื่อไหร่ มันก็เหมือนเป็นเราที่เอาใจไปผูก ให้คิดไปว่าเราช่วยไปแล้ว เราทำดีที่สุดไปแล้ว ถึงขั้นเอาตัวเองไปเสี่ยงด้วยซ้ำ คือเราต้องการเห็นเขามีความสุขในครอบครัวใช่ไหม ถึงตอนนี้เขาจะไม่ไปฟ้อง แต่มันก็กลับไปที่จุดแรกของมันคือ เค้าได้กลับไปอยู่กับสามีและลูกของเขา สำหรับพี่พี่ว่าแค่นี้ก็พอแล้ว สุดท้ายเราก็ได้เรียนรู้คน ถ้าไม่ได้มีเหตุการณ์นี้เราก็อาจจะไม่รู้ ถ้าวันนึงเขายังอยากกลับมาเป็นเพื่อนเราเดี๋ยวเขาก็มาเอง’ สุดท้ายเป็น “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘คุณเอ็มบอกตั้งแต่ต้นเรื่องว่าได้คุยกันในกลุ่มว่าถึงยังไงเราก็ไม่หมา ผมจะบอกว่านี่แหละคือคำจำกัดความของคำว่าหมาที่แท้จริง คือจริง ๆ แล้วถ้าเกิดเราทำความเข้าใจเหมือนที่เราออกตัวไป เราจะต้องไม่รู้สึกเจ็บแค้นเคืองโกรธขนาดนี้ แสดงว่าเรายังไม่มีภูมิคุ้มกันความเป็นหมาเพียงพอ จะผ่านเรื่องนี้ไปได้ยังไงผมว่าให้ลองเข้าใจฝั่งเขาดู อย่างที่บอกเคสแบบนี้มันพร้อมที่จะกลับไปคืนดีกันไม่มีเหตุผลอยู่แล้ว แล้วเราก็ดันไปเป็นหัวหน้าทีมที่ลุยแทนเพื่อนทุกอย่าง ถ้าเราไม่ลืมความเสี่ยงนั้น วันนี้เราอาจจะลงจอดได้ง่าย พอถึงจุดนี้ผมว่าเราอาจจะต้องทำความเข้าใจเขาดู ว่าทำไมเขาถึงไม่ขอโทษ ทำไมเขาถึงเลือกวิธีที่จะแสดงออกแบบนี้ บางทีคำตอบมันอาจไม่เลวร้ายเหมือนที่คุณเอ็มคิดเอาไว้ บางทีเขาอาจจะยังไม่กล้าขอโทษในวันนี้ ใด ๆ ก็ตาม ถ้าเรายังไม่มีภูมิคุ้มกันความหมาในแบบนี้ ให้เลี่ยงที่จะเข้าไปช่วยใครหนัก ๆ เก็บไว้เป็นประสบการณ์และรอวันที่เขานิ่งขึ้น แล้วถ้ามันมีจังหวะ มีโอกาสผมว่าลึก ๆ แล้ว เขาก็คงอยากขอโทษ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1