ผมไปล้ำเส้นกับคนที่มีแฟนแล้ว! ตอนนี้เราสองคนรักกันมาก แต่เขามีผู้ชายอีกคนเป็นชาวต่างชาติ เวลาแฟนเขามา ผมก็จะอยู่เงียบๆไม่ไปวุ่นวาย ผมรู้สึกว่าน้องควรจะเจอความรักดีๆ ผมแพ้ผู้ชายคนนั้นแค่เรื่องของฐานะ ผมเลยคิดว่าจะขอเวลาพัฒนาตัวเองสัก 3 ปี

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ผมไปล้ำเส้นกับคนที่มีแฟนแล้ว! ตอนนี้เราสองคนรักกันมาก แต่เขามีผู้ชายอีกคนเป็นชาวต่างชาติ เวลาแฟนเขามา ผมก็จะอยู่เงียบๆไม่ไปวุ่นวาย ผมรู้สึกว่าน้องควรจะเจอความรักดีๆ ผมแพ้ผู้ชายคนนั้นแค่เรื่องของฐานะ ผมเลยคิดว่าจะขอเวลาพัฒนาตัวเองสัก 3 ปี

02 พ.ค. 2025

ผมไปล้ำเส้นกับคนที่มีแฟนแล้ว! ตอนนี้เราสองคนรักกันมาก แต่เขามีผู้ชายอีกคนเป็นชาวต่างชาติ

เวลาแฟนเขามา ผมก็จะอยู่เงียบๆไม่ไปวุ่นวาย ผมรู้สึกว่าน้องควรจะเจอความรักดีๆ

ผมแพ้ผู้ชายคนนั้นแค่เรื่องของฐานะ ผมเลยคิดว่าจะขอเวลาพัฒนาตัวเองสัก 3 ปี พิสูจน์ให้เขาเห็นว่าผมดูแลเขาได้

            “คุณกอล์ฟ (นามสมมติ)” อายุ 28 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [30 เมษายน 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจพี่อ้อย” เกี่ยวกับปัญหาการไปตกหลุมรักคนที่มีเเฟนเเล้ว

             โดย  “คุณกอล์ฟ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เราบังเอิญได้ไปมีความสัมพันธ์กับคนที่เเฟนอยู่เเล้ว ทั้งเรา ทั้งเขาก็เป็นคนที่ใช่สำหรับกันเเละกัน เเต่เหตุผลที่ทำให้เขาไม่สามารถจะเลิกกับเเฟนได้ เพราะว่าเเฟนของเขาเป็นที่สามารถจะซัพพอร์ตได้ทั้งเงิน เเละหน้าที่การงานก็ดี เเต่ในตอนนี้เขาก็อยู่ด้วยกันเหมือนเพื่อนรัก มากกว่าเเฟน ตัวของผู้ชายก็มีข้อบกพร่องหลายๆเรื่องเหมือนกัน เช่นเรื่องการนอกกาย นอกใจ น้องผู้หญิงที่ผมชอบเขาคบกับเเฟนมาประมาณปีครึ่งแล้ว เเต่กับความสัมพันธ์ของผม มันพึ่งเริ่มได้เเค่ครึ่งเดือน ผมก็เป็นพนักงานอยู่ที่ห้างเเห่งนึง เเต่ก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้ผมได้ย้ายมาทำงานอีกสาขานึง ในตอนเเรกที่เจอ ผมไม่ได้ชอบตัวของน้องเขา เเต่ชอบเพื่อนของเขาก่อน

             ตอนเเรกเพื่อนของน้องเขาอยู่ในความพันธ์ที่ไม่ค่อยจะดี น้องที่ผมชอบผมขอเเทนด้วยชื่อ บี (นามสมมติ) บีก็ได้เป็นสะพานให้กับผม โดยเอาไลน์ของเพื่อนมาให้ จนผมก็ไม่ได้จีบเพื่อนบีต่อ เพราะเขายังไม่ได้เลิกกับเเฟน หลังจากนั้นผมก็ได้มีการไปเที่ยวกับน้องบี ไปดื่มกัน จนเกิดความรู้สึกเเปลกๆ เพราะเราทั้งคู่สนิทกันไวมาก อาจจะเป็นเพราะชีวิตที่ผ่านมาเรามีอะไรคล้ายกันอยู่เยอะ ตอนเเรกผมก็ทราบว่าน้องเขามีเเฟนอยู่ ผมก็พยายามที่จะห้ามตัวเองไม่ให้ความรู้สึกเกินเลยไปมากกว่านี้ เเต่ก็มีอีกครั้งนึงที่ต่างฝ่ายต่างหยุดตัวเองไม่อยู่จนมารู้ทีหลังว่า น้องบีเองก็ชอบตัวเราเหมือนกัน เเต่น้องก็ไม่รู้ตัวว่าตั้งเเต่เมื่อไหร่ ตอนอยู่ที่ทำงานเราก็ทำตัวปกติ เเต่พอหลังเลิกงานเราก็ตัวติดกัน เเบบหวานชื่นเลย

             ด้วยความที่เเฟนของน้องบีเขาเป็นคนต่างชาติ เขาก็ไม่ค่อยจะได้อยู่ไทย เเต่พอเเฟนเขากลับมา เราเเทบจะไม่ได้เจอกันเลย เเค่ได้เห็นหน้าในที่ทำงาน ซึ่งเราก็มีการตกลงกันว่าผมจะไม่ได้เป็นคนทักหรือโทรไปหาน้องก่อน เเละจะรอให้น้องเป็นคนทักหรือโทรมาเอง เพราะเขาจะรู้เองว่าเวลาไหน ตอนไหนที่เราสามารถโทรได้ เราก็ไม่ได้เรียกร้องอะไร เเต่ตอนเเรกผมก็งอเเงหน่อย เเต่พอเราได้มารู้เหตุผลหลายๆอย่างว่า ทำไมน้องเขาไม่สามารถเลิกกับเเฟนได้ เป็นเพราะว่าเรื่องภาระหน้าที่ทางการเงินต่างๆที่น้องต้องส่งไปช่วยทางครอบครัว เเละผมก็ไม่สามารถที่จะซัพพอร์ตน้องเขาได้ เเละ 70% ของค่าใช้จ่ายของน้องบี เเฟนของเขาก็สามารถช่วยออกได้

             ถามว่าน้องบีรักเเฟนไหม เขาก็รักเเหละ เเต่ด้วยเรื่องข้อเสียของเเฟนน้องมันก็ทำให้บั่นทอน ลดลง เเละผมก็ชัดเจนกับน้องมากๆ ผมเคยพูดกับน้องบีไปว่า ถ้าวันไหนที่ความรักของผม มันจะทำให้น้องมีปัญหา ผมก็จะเป็นคนเลือกที่จะปล่อยมือเเละเดินออกมาเอง ใจของเขาก็รู้สึกว่า อยากให้เราไป เเต่ก็เหมือนจะรักเรา น้องเขาก็มีการพูดอ้อมๆว่า ถ้าวันไหน พี่เจอคนที่พร้อมจะเดินไปกับพี่ พี่ก็ไปได้เลยนะ สำหรับผมสิ่งที่คิดว่าเราถูกใจกันทั้งคู่ คือ นิสัยเเละความเก่งของน้องเขา ตอนเเรกครอบครัวของน้องบี เขาไม่ได้มีทุนมากพอที่จะส่งน้องบีเรียนต่อได้ เเต่น้องบีเขาก็ขอเเค่เงิน พอให้ตั้งตัวได้ เเล้วน้องก็กู้ กยศ. ส่งตัวเองเรียนจนจบได้ เเละในชีวิตที่ผ่านมา น้องเขาก็เจอเเต่ผู้ชายที่โหล่ยโทย เเต่กับเเฟนคนปัจจุบัน เขาก็มีทั้งข้อดีเเละข้อเสีย เอาจริงๆ ทุกครั้งที่ผู้ชายคนนั้นทำอะไรไม่ดีกับน้อง ผมก็จะอยู่ในเหตุการณ์นั้นเสมอ

             ตอนนี้ผมเลยพยายามที่จะตั้งเป้าหมาย ภายใน 3 ปี เพื่อที่จะพัฒนาตัวเอง ให้มีการเงินที่มั่นคง พอที่จะทำให้น้องเขามั่นใจในตัวผมได้ เเละด้วยความที่ว่าช่วงนี้ความสัมพันธ์ของน้องเขาก็ไม่ค่อยจะดี ทะเลาะกันหนักจนถึงขั้นเอ่ยปากจะเลิกกัน ส่วนตัวของผม ผมมองว่าน้องบีก็เป็นคนที่เเอบเห็นเเก่ตัว ผมเลยอยากฟังในมุมมองของพี่ๆว่า ผมควรทำทุกอย่างที่อยากทำ หรือ หยุดทุกอย่างในตอนนี้เลยดีไหมครับ?

             โดย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘สำหรับพี่ พี่มองว่าคุณกอล์ฟควรที่จะหยุด เพราะตอนนี้คุณกอล์ฟ กำลังเป็นมือที่ 3 อยู่ เเละทุกอย่างมันไม่ควร เพราะเขาก็มีเเฟนอยู่เเล้ว เเละพี่มองว่ายังไงน้องคนนั้นก็ไม่เลิกกับเเฟนหรอก เพราะผู้ชายคนนั้นสามารถซัพพอร์ตได้ในเรื่องของเงิน เพราะงั้นพี่มองว่ายังไงผู้หญิงคนนั้นก็ไม่เลือกคุณกอล์ฟหรอก’

             ต่อมา “ดีเจพี่อ้อย” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่เห็นด้วยกับที่พี่เติ้ลพูดเหมือนกันว่า เเต่ให้น้องจะหยุดหรือจะทน เขาก็มีอีกคนอยู่ดี เพราะขนาดที่ว่าเขาบอกคุณกอล์ฟเป็นคนที่ใช่ เเต่เขาก็ไม่เลิกกับเเฟนอยู่ดี เพราะผู้ชายคนนั้นมีเงิน เเละถ้าในอนาคตคุณกอล์ฟ มีเงินเยอะมากๆ เเล้วผู้หญิงมาหาคุณกอล์ฟ เพราะเงิน คุณกอล์ฟจะรู้สึกดีหรอ เพราะงั้นกอล์ฟต้องลองคิดเเล้วว่า ผู้หญิงคนนี้มีเเฟนเพราะเงิน หรือมีเเฟนเพราะเราภูมิใจ เราเห็นคุณค่า เเละเราก็รักเขา ถ้าน้องอยากมีความรักมากถึงขนาดที่ว่าต้องใช้เงินหามา นั้นจะเรียกว่าความรักจริงๆหรอ’

             สุดท้าย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ผมคิดว่าถ้ามันใช่ มันใช่ไปเเล้ว เเล้วตัวของผู้หญิงก็มีสติมาก ในเรื่องของการเลือกว่าทางนั้นคือทางที่จะสามารถทำให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้นได้ เขาอาจจะเเค่มีความชอบในตัวกอล์ฟ เเต่ไม่ได้ถึงขั้นเป็นเหตุผลให้เลิกกับอีกคน กอล์ฟอยากรอ ก็รอได้นะเเต่ว่าการรอครั้งนี้มันอาจจะไม่ได้มีจุดหมายปลายทางก็เป็นไปได้ เพราะงั้นต้องมีสติ เเละเเค่เดือนกว่า อย่าพึ่งตัดสินทุกอย่าง เพียงเพราะเวลาสั้นๆ เเละอีกอย่างนึงถ้าสมมุติเขาเลิกกับเเฟนเเล้วมาคบกับกอล์ฟจริงๆ กอล์ฟสามารถไว้ใจผู้หญิงคนนี้ได้จริงๆหรอ เราจะไว้ใจได้จริงๆหรอกับผู้หญิงที่นอกใจเเฟนตัวเองได้ เพราะงั้นถ้าอยากรอก็เอาเลย ส่วนเรื่องการพัฒนาตัวเอง ทำไปเลย เผื่อไว้สักวันนึงตอนที่เราเป็นตัวเองในเวอชั่นที่ดีเเล้ว เราอาจจะได้เจอกับคนที่ใช่สำหรับเราจริงๆก็ได้’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

แฟนดีทุกอย่างแต่เขาไม่ค่อยใส่ใจ เราเลยนอกใจแฟนไปมีอะไรกับเด็กฝึกงาน เราจะตัดสัมพันธ์กับน้องฝึกงานยังไงดีคะ แฟนเราเป็น 90% ของเรา แต่น้องฝึกงานก็เติมเต็ม 10% ที่หายไป ตอนนี้เหมือนเราหลอกผู้ชายทั้งสองคนในเวลาเดียวกัน

24 ม.ค. 2025

แฟนดีทุกอย่างแต่เขาไม่ค่อยใส่ใจ เราเลยนอกใจแฟนไปมีอะไรกับเด็กฝึกงาน เราจะตัดสัมพันธ์กับน้องฝึกงานยังไงดีคะ แฟนเราเป็น 90% ของเรา แต่น้องฝึกงานก็เติมเต็ม 10% ที่หายไป ตอนนี้เหมือนเราหลอกผู้ชายทั้งสองคนในเวลาเดียวกัน

“คุณบุ๋ม (นามสมมติ)” อายุ 31 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [22 ม.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจอ้อย’ เกี่ยวกับปัญหาความรัก แอบคบกับเด็กฝึกงานทั้งๆที่มีแฟนอยู่แล้ว โดย “คุณบุ๋ม (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูเป็นพนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ปัจจุบันคบกับแฟนมาได้ 4 ปีแล้ว แฟนอายุน้อยกว่าหนู เรื่องราวเกิดขึ้นประมาณตอนที่เราคบกันได้ 3 ปี ตอนคบกันก็ดี หนูอยู่บ้านเขามาตั้งแต่ปีแรก หนูก็ทำตัวดีมาตลอด แฟนเราเขาก็นิสัยดี ทำงานก็โอเค มีความรับผิดชอบ ดีทุกอย่าง ที่บ้านเขาก็รับหนูได้ แต่ว่าเขาก็คือเขา ทำงานอย่างเดียว ไม่ค่อยสนใจ ไม่ค่อยเทคแคร์เท่าไหร่ตั้งแต่แรกเลย เหมือนหนูเป็นคนติด skinship แต่ว่าเขาเป็นคนนิ่งๆ โดยส่วนตัวหนูเป็นคนเจ้าชู้อยู่แล้วระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่มีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นมาตลอด 3 ปี หนูก็เจอพฤติกรรมที่เขาไม่ค่อยสนใจเราเท่าไหร่ น้อยมากที่เขาจะถามว่ากินข้าวหรือยัง ไม่ได้ถามเลยว่าเราเหนื่อยมั้ย เป็นหนูมากกว่าที่ถามแบบนั้น จนวันหนึ่งมีเด็กฝึกงานเข้ามาที่บริษัท เขาก็น่ารักดีและหนูเป็นคนขี้เล่นชอบหยอดเขา ซึ่งเราก็รู้จักในฐานะที่หนูดูแลเขาแล้วก็มี LINE ส่วนตัวกัน พอเขาเข้ามาฝึกงานก็เห็นว่าน่ารักดีเลยหยอดกันไปมาจนเขาทักมาจีบหนูก็เลยได้คุยกัน คุยกันไปคุยกันมา ก็เริ่มบ่อยขึ้น มีนัดไปกินข้าวด้วยกัน สานสัมพันธ์กันมาพักใหญ่ๆ หนูกับแฟนก็เริ่มมีปัญหากันหลายเรื่อง เรื่องไม่สนใจก็สะสมมา ยังมีปัญหากับเรื่องครอบครัวเขา คือครอบครัวเขาดีทั้งหมด แต่มันจะมีอยู่คนหนึ่งที่เขาไม่ดีกับหนู หนูเลยไม่ดีกับเขามันเลยทำให้มีปัญหากัน ทำให้เราทะเลาะกันบ่อยขึ้น แล้วหนูก็ออกไปเจอเพื่อนบ่อยขึ้น หาเพื่อนไปเที่ยว ซึ่งในนั้นก็มีเด็กฝึกงานอยู่ด้วย แล้วหนูก็เริ่มห่างกับแฟน ไปกินข้าวกับเพื่อนบ่อยก็เริ่มถลำลึกจนไม่กลับบ้าน ถึงขั้นที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเด็กฝึกงาน แต่เด็กฝึกงานคนนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าหนูมีแฟนอยู่แล้ว และหนูก็ตั้งใจที่จะไม่บอกเรื่องนี้เพราะไม่ได้คิดจะเลือกเขาตั้งแต่แรก และมันก็ถลำลึกไปเรื่อยๆ มากขึ้นเรื่อยๆ หนูกับแฟนก็ทะเลาะกันหนักเข้าไปใหญ่ จนวันหนึ่งเหมือนเขาจับได้ จากที่แฟนไม่เคยพูดจาไม่เพราะก็เริ่มขึ้นมึง-กู โยนเสื้อผ้าหนูออกจากตู้ ถึงขั้นไล่หนูออกจากบ้าน หนูเลยพูดขอโอกาสว่า “จะไม่ทำอย่างงี้อีก” ซึ่งหนูตั้งใจพูดไปแบบนั้นเพื่อให้เขาอยู่ต่อเพราะว่าหนูไม่มีครอบครัวที่กรุงเทพ แล้วหนูไม่อยากเริ่มต้นใหม่ หลังจากนั้นก็ง้อเขาอยู่เรื่อยๆ ช่วงที่ทะเลาะกับเขา หนูก็พยายามกลับบ้านเร็ว ทำกับข้าวไว้ให้เขา แต่มันก็เหมือนเป็นผลของการกระทำ เพราะเขาก็ออกไปกินเหล้ากับเพื่อน กลับดึก กลับมาบ้านก็เดินหนี เหมือนเขาทำแบบที่หนูทำเพื่อประชดหนู ซึ่งหนูก็รู้อยู่แล้วว่าเขาก็ไม่ได้มีคนอื่น มันเป็นแบบนั้นอยู่ 2 เดือน แต่ในช่วงนั้นหนูก็ไม่ได้หยุดคุยกับเด็กฝึกงาน มีเวลาเจอกันก็ยังได้เจอ บางทีเลิกงานก็ยังไปเจอกัน ที่หนูยังไม่หยุดคุยกับเด็กฝึกงานเพราะหนูคิดว่าหนูยังไม่ได้แต่งงานก็ยังมีสิทธิ์เลือก กับแฟนก็ยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ หนูก็ยอมให้เขาทำแบบนั้นไปเรื่อยๆ จนมันเกิดเหตุการณ์ที่ถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาล แต่วันนั้นแฟนหนูเลือกที่จะตัดหนู ทิ้งให้หนูเผชิญปัญหาตรงนั้นคนเดียว ซึ่งมันหนักมาก หนูก็คิดว่าไม่เป็นอะไร ต้องผ่านไปให้ได้ แต่เด็กฝึกงานคอยให้กำลังใจและอยู่ข้างๆ หนู เขาบอกกับหนูว่า “มันไม่เป็นอะไร มันไม่เกิดขึ้นกับเราหรอก” แต่หนูอยากได้คำพูดแบบนี้จากแฟนหนูมากกว่า และตอนนี้ผ่านมา 1 ปีแล้ว หนูก็ยังคบซ้อนทั้ง 2 คนอยู่ อยู่กับคนนี้ 3 วัน กับอีกคนหนึ่ง 4 วัน โดยที่ทั้งคู่ยังไม่รู้ และหนูก็คิดว่าแฟนรักหนูจนไม่คิดจะตามหาว่าหนูไปทำอะไร อยู่ที่ไหน แค่หนูกลับไปบ้านเขาก็ดูมีความสุขแล้ว เพราะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เราทะเลาะกันหนักมาก จนหนูย้ายออกมาอยู่หอ เขาปล่อยให้หนูขับรถ 590 กิโล กลับบ้านคนเดียวช่วงปีใหม่ หนูเลยบอกกับแม่ว่าหนูจะย้ายออกมาจากบ้านเขา แต่สุดท้ายเขาก็นั่งรถทัวร์ตามมา ในช่วงปีใหม่ก็ยังตึงใส่กันจนไม่มีความสุข ซึ่งช่วงที่หนูย้ายมา เด็กฝึกงานก็ไม่ได้ฝึกที่บริษัทต่อแล้ว เราก็ไม่ค่อยได้คุยกัน แต่ปัจจุบันเด็กฝึกงานคนนั้นก็กลับมาทำงานที่บริษัท หนูกับแฟนก็ยังอยู่และตกลงซื้อบ้านด้วยกัน ตอนนี้เป็นรักสามเศร้าแต่ทั้ง 2 คนก็ยังไม่รู้ กับแฟน เขาดีพร้อมทุกอย่างที่หนูต้องการ 90% แต่อีก 10% ที่แฟนไม่ได้มีให้หนู แต่เด็กฝึกงานคนนั้นเขามีให้ หนูอยากถามพี่ๆดีเจว่า มีวิธีไหนที่เราจะปล่อยเด็กฝึกงานไปไหม?” เริ่มที่ “ดีเจอ้อย” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘หนูบอกว่าเขาไม่ได้ทำผิดอะไรแต่หนูไม่กล้าบอกเลิก มันแปลกตรงที่หนูไม่กล้าบอกเลิก แต่ดันกล้านอกใจ กับเด็กฝึกงานคนนั้นหนูก็ตั้งใจหลอกเขา หนูจะบอกว่าหนูยังไม่รู้จะเลือกใครดี แต่หนูยังไม่ได้เปิดโอกาสให้ใครสักคนเลือกหนูเลย เพราะหนูดันปิดบังทั้งคู่ วิธีการปล่อยเด็กฝึกงานง่ายจะตายไป หนูแค่บอกความจริงเขาไปว่า พี่ทรยศแฟนมามีหนู แล้วหนูไม่จำเป็นต้องคิดเลยว่าจะทำยังไงดีถึงจะตัดเขาได้ อยากได้ความจริงใจ แต่ทำไมหนูเอาความหลายใจเข้าไปแลกล่ะ’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘แฟนที่หนูบอกว่ามีดี 90% ทุกวันนี้เขายังรักผู้หญิงที่เห็นแก่ตัวแบบหนู 100% ได้เลย ทำไมหนูถึงคิดว่าหนูต้องการ 10% จากคนอื่น’ และสุดท้าย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘จริงๆ เราไม่จำเป็นต้องถามคนไปทั่วว่าตัดคนหนึ่งยังไง เราทำได้แค่ไม่ทำเท่านั้นเอง เด็กฝึกงานมี 10% พี่ไม่รู้ว่าต้องหาผู้ชายคนไหนที่ให้เราได้ 90% อีก แล้วเราถามตัวเองหรือยังว่าให้คนๆ นั้นกี่เปอร์เซ็นต์ เราเอา 10% มาเทียบกับคนที่ให้เรา 90% มันแทบจะไม่ต้องเป็นช้อยส์เลยด้วยซ้ำ สุดท้ายแล้วมันอยู่ที่เราจะทำหรือไม่ หรือทำเมื่อไหร่แค่นั้นเอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

เพื่อนเก่าสมัยมัธยมในกลุ่ม มาบอกว่าจะเลิกคบกับอีกคน ผมก็เลยขอเป็นคนกลาง แล้วเพื่อนคนนั้นก็แฉอีกคนให้ผมฟังว่าเขาบูลลี่ผมมาตลอด หลักฐานครบ เค้ามีกลุ่มแยกที่ไม่มีเราอยู่คนเดียว คุยลับหลังมา 3 ปี ผมเสียใจมากๆ

04 ต.ค. 2024

เพื่อนเก่าสมัยมัธยมในกลุ่ม มาบอกว่าจะเลิกคบกับอีกคน ผมก็เลยขอเป็นคนกลาง แล้วเพื่อนคนนั้นก็แฉอีกคนให้ผมฟังว่าเขาบูลลี่ผมมาตลอด หลักฐานครบ เค้ามีกลุ่มแยกที่ไม่มีเราอยู่คนเดียว คุยลับหลังมา 3 ปี ผมเสียใจมากๆ

เพื่อนเก่าสมัยมัธยมในกลุ่ม มาบอกว่าจะเลิกคบกับอีกคน ผมก็เลยขอเป็นคนกลางแล้วเพื่อนคนนั้นก็แฉอีกคนให้ผมฟังว่าเขาบูลลี่ผมมาตลอด หลักฐานครบ เค้ามีกลุ่มแยกที่ไม่มีเราอยู่คนเดียวคุยลับหลังมา 3 ปี ผมเสียใจมากๆ เพิ่งรู้ว่าเพื่อนคนนั้นที่ขอยืมรถเรา แล้วพูดว่าโง่เนอะ ให้กูยืมด้วย “คุณเติร์ด (นามสมมติ)” อายุ 19 ปี สายสุดท้ายในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [2 ต.ค.67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจอ้อย’ เกี่ยวกับปัญหาเพื่อนนินทาลับหลังเรา ทั้งที่ต่อหน้าเขาดีกับเรามาก โดย “คุณเติร์ด (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ตอนนี้ผมเรียนอยู่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เรื่องเกิดเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว คือหนึ่งในเพื่อนกลุ่มเก่าตอนมัธยมโทรมาปรึกษาผมเรื่องเพื่อนอีกคนในกลุ่ม แบบมาบอกว่าเขานิสัยไม่ดีอะไรบ้าง อยากจะเลิกคบกับเขาทำยังไงบ้าง? ผมก็เลยให้คำปรึกษาว่า จะเลิกคบหรือไม่เลิกคบกัน ผมก็ขอเป็นคนกลางเพราะว่าเพื่อนคนที่เขาเล่ามาเขาก็ดีกับผมมาตลอด แต่ประเด็นคือว่าเพื่อนพูดว่า “เติร์ดกูไม่อยากเล่าให้มึงฟังนะ แต่เรื่องที่โดนนินทา คนที่โดนเยอะสุดคือเติร์ดนะ” แต่ผมไม่รู้ตัว คิดว่าเขาดีกับผมในกลุ่ม เพราะระยะเวลาที่คบกันมา 3 ปีเขาดีกับผมมาตลอดเลย จนผมไว้ใจเพื่อนคนนี้ที่สุดในกลุ่ม จนพอมาล่าสุด ผมมารู้ว่าเพื่อนที่ผมไว้ใจที่สุดกลับกลายเป็นว่าลับหลังผม ผมโดนเละที่สุดเลยในกลุ่ม ผมโดนเยอะมากๆ แล้วเพื่อนก็แคปหลักฐานทุกอย่างมาให้ผมดูหมดเลย เพราะเพื่อนมีแชทกลุ่ม ไม่ว่าผมจะอัปเดตชีวิตในโซเชียล หรือลงอะไร ผมจะโดนแคปลงในแชทกลุ่มที่ไม่มีผม ซึ่งเพื่อนคนอื่นก็เออ ออไปด้วย พอเขาจะแตกกันก็มาเล่าให้ผมฟังว่าจะเลิกคบกับคนนั้นแล้วนะ เพราะเขานิสัยไม่ดี แต่ที่ผ่านมาเขามีการมายืมเงิน ยืมมอเตอร์ไซค์ของผม พอผมให้ยืมเขาก็เอาไปพูดลับหลังว่าผมโง่ให้ยืมด้วย เพื่อนคนนั้นยังไม่รู้ว่าผมรู้เรื่องทั้งหมดแล้วที่เขาเผาผม ตอนนี้เขาก็ยังทำเป็นดีกับผม ยังคุยกันปกติ ผมอยากถามพี่ๆว่า ควรคบเพื่อนคนนี้ต่อดีมั้ย? หรือควรตัดไปเลยเพราะผมก็รู้ความจริงหมดแล้วว่าที่ผ่านมามันก็ไม่ได้หวังดีกับเราจริงๆ’ ซึ่ง “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาเป็นคนแรกว่า ‘แน่นอนอยู่แล้วว่าพี่จะไม่คบคนกลุ่มนี้ แต่ชีวิตคนก็เป็นแบบนี้แหละ มองในแง่ดีคือมันก็เป็นภูมิคุ้มกันเรา เพราะว่าเติร์ดอาจจะได้เจอคนแบบนี้อีกก็ได้ เหมือนประสบการณ์ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียน ขนาดคนที่เราสนิทกันขนาดนี้มันยังพูดลับหลังกันได้ ซึ่งมันมีแบบนี้จริงๆบนโลกนี้ เราก็แค่ได้รู้ว่าคนๆนี้เป็นแบบนี้ ได้เรียนรู้ที่จะไว้ใจคน คนที่เราช่วยเหลือเขามาตลอด แล้วสิ่งที่มันทำคืออะไร แต่พี่ว่ายังไงก็ต้องตัด’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาเป็นคนที่สองว่า ‘คนๆนี้ถ้ามันใช่แบบที่เติร์ดเล่ามาทั้งหมด คนแบบนี้มันเน่าตั้งแต่ข้างใน คนที่มันก่อร่างสร้างตัวมาเป็นคนที่มี attitude แบบนี้มันโตมายังไง พี่ว่ามันเลวทรามยิ่งกว่าเม้าท์ปากเสีย เพราะฉะนั้นคนแบบนี้เติร์ดไม่จำเป็นต้องแคร์อะไรมันด้วยซ้ำ ถ้าเป็นพี่ พี่จะส่งแชทที่เพื่อนแคปมาให้ดูส่งให้มันไปเลย แล้วไม่ต้องคุยอะไรเลยก็ได้ ส่งเสร็จบล็อกไปเลยจบๆ หรือถ้าจะใส่กันสักชุดก็ได้ แค้นอะไรก็บอกไป คุยจบก็แยกย้ายกันเลย เป็นพี่ก็ไม่เอาไว้เหมือนกัน’ และสุดท้าย “ดีเจอ้อย” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่อ้อยเคยอ่านเจอประโยคนึงว่า เราเลือกคนที่เราเจอไม่ได้ แต่เลือกว่าจะวางเขาไว้ตรงไหนในชีวิตได้ เราไม่รู้หรอกว่าคนที่เราจริงใจกับเขา เขาจะตลบหลังเราเมื่อไร แต่เมื่อเรารู้แล้ว เราเลือกวางเขาไว้ตรงไหนที่ไม่ต้องทำให้เราดีลกันอีกก็ได้ พี่ว่าบางทีมันไม่จำเป็น เดี๋ยวเติร์ดก็มีเพื่อนอีกหลายๆกลุ่ม อาจจะไปเจอแบบเดียวกันอีก หรือเป็นอีกแบบเลยก็ได้ ใดๆก็ตามเราอาจจะเสียใจ อาจจะเจ็บแค้น แต่ที่สุดแล้วการล้างแค้นที่สาสมที่สุดคือเขาคนนั้นต้องไม่มีผลอะไรต่อใจของเติร์ดอีกตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่เติร์ดยังเจ็บปวดไปกับคนๆนั้น ถือว่าเติร์ดยังให้ความสำคัญกับคนๆนั้นอยู่นะ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หรือต้องแยกย้ายกันไปเติบโต? ถ้าเราต้องห่างกับเเฟน ช่วงเเรกห่างกันไม่ไกลมาก จากนั้นเราต้องอยู่คนละจังหวัด เราจะประคองความสัมพันธ์นี้ยังไงให้ไปรอดดีคะ

14 ก.พ. 2025

หรือต้องแยกย้ายกันไปเติบโต? ถ้าเราต้องห่างกับเเฟน ช่วงเเรกห่างกันไม่ไกลมาก จากนั้นเราต้องอยู่คนละจังหวัด เราจะประคองความสัมพันธ์นี้ยังไงให้ไปรอดดีคะ

“คุณน้ำ(นามสมมติ)” อายุ 23 ปี สายสุดท้ายของ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [12 ก.พ. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจพี่อ้อย’ เกี่ยวกับปัญหาความรักทางไกล โดย “คุณน้ำ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ตอนที่หนูอยู่มหาลัย หนูมีเเฟนคนหนึ่ง เราคบกันมาตั้งเเต่ ม.6 ในตอนนั้นยังเป็นช่วงที่เป็นรักทางไกลอยู่ เเต่หลังจากที่เขาเรียนจบ ม.ปลาย เขาก็เลือกที่จะย้ายตามมาหาเรา เขาก็อยู่ปี 1 ส่วนหนูอยู่ปี 2 เราเลยได้ใช้ชีวิตในมหาลัยด้วยกัน 4 ปี หลังจากเราเรียนจบในช่วงปีเเรก ด้วยความที่บ้านของหนูก็อยู่ใกล้กับมหาลัย เราเลยยังอยู่ใกล้กัน เเต่พอ 1 ปีผ่านไปความสัมพันธ์ของหนูเหมือนจะกลายเป็นความสัมพันธ์เเบบรักทางไกลเเล้ว เพราะเราได้มาลองคุยเรื่องอนาคตกันว่า เธออยากทำงานที่ไหน พอเราคุยกันเเบบจริงจังเลยรู้ว่าในอนาคต 5 – 6 ปีนี้เราจะไม่ได้อยู่ใกล้กันเลยเเน่ๆ เพราะด้วยหน้าที่การงานทำให้หนูกับเขาต้องอยู่ไกลกัน คนละจังหวัดเลย ต้องบอกก่อนว่าเเฟนหนูพึ่งจบฝึกงานได้ไม่นาน เเต่หนูมีที่ทำงานที่สมัครไปเเล้ว เหลือเเค่รอบรรจุ เเต่ของเเฟนตอนนี้เขาก็เลือกเเล้วว่าเขาจะทำงานตรงนี้ เเล้วบริษัทของเเฟนกับหนู เวลาเเละเรื่องของวันหยุดก็ไม่ตรงกัน ในช่วง 2 - 3ปีเเรกเราก็อยู่ไม่ไกลกันมาก แต่ก็ใช้เวลาในการเดินทางมาหากันประมาณ 5 ชั่วโมง เเต่หลังจากนั้นเราก็จะห่างกันไปอีก เพราะหนูแพลนไว้เเล้วว่าหลังจากหนูทำงานที่่เเรกได้สักพัก หนูก็จะย้ายกลับมาเพราะจะกลับมาดูแลที่บ้าน แต่สายงานที่เเฟนหนูต้องทำ เขาก็จำเป็นต้องอยู่ในกรุงเทพ เเละถ้าเป็นเเบบนั้น เราก็ต้องอยู่ห่างกันไปอีก โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 - 9ชั่วโมงเลย เเต่เเฟนหนูก็มีคิดไว้ว่าถ้าเขาเริ่มตั้งตัวได้เมื่อไหร่ เขาก็จะสร้างธุรกิจ เเล้วก็ไปอยู่ด้วยกัน ซึ่งตอนนี้หนูกับเขาก็คบกันมาประมาณ 5 ปีเเล้ว หนูอยากถามพี่ๆดีเจว่า หนูควรจะทำยังไงให้ความรักครั้งนี้ไปด้วยกันรอด เพราะหนูรักเขามากๆเลยค่ะ’ โดย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าถามว่าจะทำยังไงให้รอด ถ้าเรารักกันมากพอ มันก็มีเปอร์เซ็นต์รอดอยู่เเล้ว เเต่สิ่งที่พี่คิดว่าอาจจะทำให้ไปไม่รอดคือ เรายังเด็กกันอยู่ เเล้วยิ่งต้องห่างกันในเรื่องของสถานที่เเบบนี้ อาจจะมีใครสักคนนึงที่เกิดการไขว้เขวได้ จนทำให้ความสัมพันธ์นี้เเย่ลง ยิ่งถ้าใครสักคนนึงไปเจอกับคนที่อยู่ใกล้กว่าที่สามารถดูเเลกันได้ ก็อาจจะทำให้เริ่มลังเลใจได้ เเต่สิ่งที่สำคัญสำหรับความสัมพันธ์พี่คิดว่าเรื่องจังหวะ เวลา ก็เป็นสิ่งที่สำคัญ เเต่ถ้าน้ำรักคนนี้มากๆจริงก็จงเชื่อมั่นไว้ว่าเราต้องทำความสัมพันธ์นี้ให้ไปรอดให้ได้ เเต่ไม่ใช่ว่าน้ำต้องทำทุกอย่างคนเดียว เเฟนน้ำก็ต้องพยายามประคองความสัมพันธ์นี้ไปด้วยกัน ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ในฐานะที่พี่ก็มีรักทางไกลมาเยอะมาก เเล้วพี่ก็ไม่รอดจากรักทางไกล เเต่พี่อยากจะตอบคำถามของน้ำว่า พี่ว่าน้ำไปกันรอดในความสัมพันธ์นี้ได้ ถ้าทั้งตัวของน้ำเเละเเฟน มีเป้าหมายเดียวกัน ว่าจะทำความสัมพันธ์ให้รอดไปด้วยกัน เเค่ทั้งคู่ต้องจริงใจต่อกัน ซื่อสัตย์ต่อกันเเละรักกันจริงๆ เเละพี่ก็เชื่อว่าถ้าทั้ง 2 คน มั่นใจต่อกัน พี่ว่ายังไงก็ไปกันรอด’ ต่อมา “ดีเจพี่อ้อย” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่เป็นคนที่เชื่อว่ารักทางไกลมันไม่รอดนะตั้งเเต่เเรกเลยด้วยซ้ำ พี่เลยพูดตั้งเเต่วันเเรกว่า เเค่ไหนเเค่นั้นนะ เเต่เราใช้ชีวิตไปทีละวัน สู้ทีละวัน พอรู้สึกตัวอีกทีพี่ก็ผ่านมาด้วยกัน 24 ปีเเล้ว เเต่ตอนนี้พี่ว่าน้ำเเค่กังวลเรื่องของอนาคต จนไม่มีความสุขในปัจจุบันเเล้ว พี่เข้าใจว่ารักทางไกลมันเป็นโจทย์ที่ยาก เเต่ถ้าเราผ่านตรงนี้ไปได้เราก็จะได้รู้ว่าเรารักกันมากเเค่ไหน ก็เหมือนกับที่พี่ๆดีเจบอกกันก็คือ พยายามฝ่ายเดียวมันไม่ได้ เราต้องพยายามไปด้วยกัน เพราะขนาดเเค่ว่าคนนอนเตียงเดียวกัน อยู่ใกล้กันก็ยังนอกใจได้เลย วันนี้พูดตรงๆถ้ารู้ว่าเรารักกันจริงๆก็จับมือเเล้วเดินไปพร้อมๆกัน สื่อสารกัน พยายามไปด้วยกันให้เต็มที่ ถ้าข้างหน้าไม่ได้รักกันเท่ากับวันนี้ก็ให้คิดเเค่ว่าเราทำเต็มที่เเล้ว’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูอายุ 23 เพิ่งเริ่มงานที่ใหม่ได้ 1 เดือนกว่าๆ แต่ตลอด 1 เดือนกว่าๆที่ผ่านมา เจอคำถามจากหัวหน้าทุกวันว่า... “อายุ 23 ทำไมยังให้พ่อแม่มารับ มาส่ง” แล้วเขาก็ส่งแผนผังเดินรถเมล์มาให้ แต่ที่บ้านหนูเขาสบายใจ ที่จะมารับส่งหนูแบบนี้ทุกวันมากกว่า จะทำยังไงดี?

23 พ.ค. 2025

หนูอายุ 23 เพิ่งเริ่มงานที่ใหม่ได้ 1 เดือนกว่าๆ แต่ตลอด 1 เดือนกว่าๆที่ผ่านมา เจอคำถามจากหัวหน้าทุกวันว่า... “อายุ 23 ทำไมยังให้พ่อแม่มารับ มาส่ง” แล้วเขาก็ส่งแผนผังเดินรถเมล์มาให้ แต่ที่บ้านหนูเขาสบายใจ ที่จะมารับส่งหนูแบบนี้ทุกวันมากกว่า จะทำยังไงดี?

หนูอายุ 23 เพิ่งเริ่มงานที่ใหม่ได้ 1 เดือนกว่าๆ แต่ตลอด 1 เดือนกว่าๆที่ผ่านมา เจอคำถามจากหัวหน้าทุกวันว่า...“อายุ 23 ทำไมยังให้พ่อแม่มารับ มาส่ง” แล้วเขาก็ส่งแผนผังเดินรถเมล์มาให้ แต่ที่บ้านหนูเขาสบายใจที่จะมารับส่งหนูแบบนี้ทุกวันมากกว่า จะทำยังไงดี? หัวหน้าเช็คถามทุกวันเลยว่า วันนี้มายังไง กลับยังไงทำไมยังไม่ช่วยเหลือตัวเองอีก ลูกพี่อายุเท่าๆหนูก็ทำได้แล้ว ตอนนี้หนูอึดอัด และ เบื่อกับคำถามเดิมๆในทุกๆวันถ้าจะโกหกว่านั่งรถเมล์มา เขาก็คงจะถามซอกแซกอีก กลัวว่าตัวเองจะโป๊ะแล้วตอบคำถามเขาไม่ได้ “คุณส้ม (นามสมมติ)” อายุ 23 ปี เป็นสายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [21 พ.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจอ้อย” เกี่ยวกับปัญหาพี่ที่ทำงานตกใจที่คุณแม่ยังรับ-ส่งหนูไปทำงาน โดย “คุณส้ม (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูเพิ่งเข้าทำงานออฟฟิศที่นึง ในแผนกที่เข้าไปทำจะมีพี่หัวหน้าหนู 1 คน ซึ่งเขาเป็นผู้ชายอายุประมาณ 50 ปี แล้วห้องทำงานก็มีแค่หนูกับพี่เขาในห้องแค่ 2 คน เรื่องเกิดตั้งแต่วันแรกที่หนูเข้าไปทำงานเลย พี่เขาก็เข้ามาคุยด้วยว่า บ้านหนูอยู่แถวไหน แล้วมาทำงานยังไง หนูก็ตอบเขาไปว่า อ่อ คุณแม่หนูมาส่งค่ะ แล้วคุณแม่ก็จะมารอรับ เพราะปกติที่บ้านจะค่อนข้างหวง จะชอบไปรับ-ส่งตลอด แต่พอหนูตอบไปแบบนั้น พี่เขาก็ตกใจและถามหนูว่า เราอายุเท่าไรนะ? ทำไมยังให้แม่ไปรับ-ส่ง แล้วเขาก็บ่นหนูว่า ทำแบบนี้ไม่ได้นะ เราโตแล้ว เราต้องหัดเดินทางเองบ้างนะ หนูก็ไม่รู้จะตอบยังไง ก็เลยตอบ ค่ะๆ แล้วก็ยิ้มตอบไป พอช่วงบ่ายของวันนั้น พี่เขาก็ส่งรูปสายรถเมล์มาให้หนูดูว่า รถเมล์สายนี้มันผ่านแถวบ้านหนู แล้วมันมาถึงออฟฟิศได้เลยนะ หนูก็ไม่รู้จะตอบยังไง ก็เลยเออ ออตามเขาไปว่า จริงหรอคะ? หนูก็คิดในใจว่าหนูก็คงไม่ได้ขึ้นรถเมล์อยู่แล้ว เพราะหนูไม่เคยขึ้นรถเมล์เลย ตอนนี้หนูทำงานมาได้เดือนกว่าๆแล้ว แต่พี่เขาจะถามหนูแทบทุกเช้าเลยว่า วันนี้มาทำงานยังไงลูก? หรือ วันนี้ลองขึ้นรถเมล์หรือยัง? จริงๆเขาแนะนำวิธีการเดินทางอื่นด้วย ทั้งขึ้นรถ ลงเรือ แล้วทุกเช้าหนูก็จะตอบเขาเหมือนเดิมว่า วันนี้แม่มาส่งค่ะ บางวันเขาก็จะรับฟังเฉยๆ แต่บางวันเขาก็บ่นเราเลยว่า ทำไมไม่ลองเดินทางเอง ทำไมไม่ลองขึ้นรถเมล์ ลองดูมั้ยพรุ่งนี้ เขาชวนหนูคุยทั้งวันเลย เวลาหนูนั่งทำงานอยู่ เขาจะชอบเดินมาถามว่า เป็นยังไงบ้าง เย็นนี้กลับยังไง พรุ่งนี้กินข้าวอะไร เพราะแม่หนูจะทำข้าวกล่องมาให้ด้วยทุกวัน เขาจะชอบมาดูข้าวกล่องหนูว่าวันนี้แม่ทำอะไรมาให้กิน เขาบอกว่าลูกเขาอายุเท่าๆกับหนู หนูก็เคยตอบเขาไปแล้วว่า คุณแม่หนูเขาชอบมารับ-ส่งจริงๆ หนูไม่สามารถเดินทางแบบอื่นได้ ยกเว้นบางวันที่รีบมากๆ คุณแม่ก็จะให้ขึ้น BTS บ้าง เขาก็รู้แล้วว่าที่บ้านหนูมารับ-ส่งได้ หนูไม่ได้บังคับแม่ แต่เขาก็ยังถามหนูอยู่ทุกเช้า ที่หนูโทรมาวันนี้ คือ หนูไม่ได้อยากเปลี่ยนคำถามเขา แต่อยากเปลี่ยนคำตอบของตัวเองมากกว่า หนูไม่อยากโกหกเขาด้วย บางทีก็อยากจะตอบปัดๆไปว่า อ่อวันนี้เดินทางเอง แต่ด้วยความพี่เขาน่าจะถามต่ออีกเยอะ หนูอยากถามพี่ๆดีเจว่า หนูควรจะตอบยังไงดีให้เขาเลิกถามเรื่องนี้กับหนูไปเลย?’ ซึ่ง “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ลองบอกหัวหน้าไปว่า คุณแม่มีปมกับการขึ้นรถเมล์ การขึ้นรถเมล์ของคุณแม่คือไม่ได้เลย มันเป็นสิ่งที่คุณแม่ไม่อนุญาตให้ส้มทำ ส้มเคยอยากลองแล้วแต่ส้มทำไม่ได้จริงๆ’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘อาจจะต้องใช้วิธีอ้างคุณแม่ไปเลยว่า นี่คือช่วงเวลาที่แม่เขาชอบที่สุด ได้คุยกัน ได้ส่งลูก เขาว่างแล้วเขาก็อยากดูแลลูก เคยบอกว่าจะขึ้นรถเมล์แล้ว แม่เขาร้องไห้เลย พี่ไม่ต้องถามหนูแล้วนะ หนูจะร้องไห้เลย หรือบอกไปว่า หนูเคยบอกให้แม่ไม่มาส่งแล้ว แต่มันเป็นอย่างเดียวที่แม่อยากทำเพื่อลูกอยู่’ และสุดท้าย “ดีเจอ้อย” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่ามันก็อาจจะเป็นการแสดงออกซึ่งความห่วงใยอย่างนึง ถ้าหนูมองเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ดีที่หัวหน้าพูดคุยกับลูกน้อง เพราะถ้าเขาไม่คุยเลย แสดงว่าเราถูกเขม่นอยู่นะ พี่ไม่อยากให้หนูรู้สึกถึงขั้นว่า หนูรู้สึกไปหมดกับสิ่งที่เขาถาม หรือเราอาจจะชิงถามเขาไปก่อนว่า พี่กินข้าวหรือยัง หรืออาจจะคุยเรื่องงานไปเลยก็ได้ มันอยู่ที่ความรู้สึกของเรามากกว่า เพราะไม่งั้นหนูเองที่ดันไปให้ความสำคัญกับสิ่งที่เขาถาม ทั้งที่มันอาจจะเป็นการชวนคุยเฉยๆ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1