ผมไปล้ำเส้นกับคนที่มีแฟนแล้ว! ตอนนี้เราสองคนรักกันมาก แต่เขามีผู้ชายอีกคนเป็นชาวต่างชาติ เวลาแฟนเขามา ผมก็จะอยู่เงียบๆไม่ไปวุ่นวาย ผมรู้สึกว่าน้องควรจะเจอความรักดีๆ ผมแพ้ผู้ชายคนนั้นแค่เรื่องของฐานะ ผมเลยคิดว่าจะขอเวลาพัฒนาตัวเองสัก 3 ปี

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ผมไปล้ำเส้นกับคนที่มีแฟนแล้ว! ตอนนี้เราสองคนรักกันมาก แต่เขามีผู้ชายอีกคนเป็นชาวต่างชาติ เวลาแฟนเขามา ผมก็จะอยู่เงียบๆไม่ไปวุ่นวาย ผมรู้สึกว่าน้องควรจะเจอความรักดีๆ ผมแพ้ผู้ชายคนนั้นแค่เรื่องของฐานะ ผมเลยคิดว่าจะขอเวลาพัฒนาตัวเองสัก 3 ปี

02 พ.ค. 2025

ผมไปล้ำเส้นกับคนที่มีแฟนแล้ว! ตอนนี้เราสองคนรักกันมาก แต่เขามีผู้ชายอีกคนเป็นชาวต่างชาติ

เวลาแฟนเขามา ผมก็จะอยู่เงียบๆไม่ไปวุ่นวาย ผมรู้สึกว่าน้องควรจะเจอความรักดีๆ

ผมแพ้ผู้ชายคนนั้นแค่เรื่องของฐานะ ผมเลยคิดว่าจะขอเวลาพัฒนาตัวเองสัก 3 ปี พิสูจน์ให้เขาเห็นว่าผมดูแลเขาได้

            “คุณกอล์ฟ (นามสมมติ)” อายุ 28 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [30 เมษายน 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจพี่อ้อย” เกี่ยวกับปัญหาการไปตกหลุมรักคนที่มีเเฟนเเล้ว

             โดย  “คุณกอล์ฟ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เราบังเอิญได้ไปมีความสัมพันธ์กับคนที่เเฟนอยู่เเล้ว ทั้งเรา ทั้งเขาก็เป็นคนที่ใช่สำหรับกันเเละกัน เเต่เหตุผลที่ทำให้เขาไม่สามารถจะเลิกกับเเฟนได้ เพราะว่าเเฟนของเขาเป็นที่สามารถจะซัพพอร์ตได้ทั้งเงิน เเละหน้าที่การงานก็ดี เเต่ในตอนนี้เขาก็อยู่ด้วยกันเหมือนเพื่อนรัก มากกว่าเเฟน ตัวของผู้ชายก็มีข้อบกพร่องหลายๆเรื่องเหมือนกัน เช่นเรื่องการนอกกาย นอกใจ น้องผู้หญิงที่ผมชอบเขาคบกับเเฟนมาประมาณปีครึ่งแล้ว เเต่กับความสัมพันธ์ของผม มันพึ่งเริ่มได้เเค่ครึ่งเดือน ผมก็เป็นพนักงานอยู่ที่ห้างเเห่งนึง เเต่ก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้ผมได้ย้ายมาทำงานอีกสาขานึง ในตอนเเรกที่เจอ ผมไม่ได้ชอบตัวของน้องเขา เเต่ชอบเพื่อนของเขาก่อน

             ตอนเเรกเพื่อนของน้องเขาอยู่ในความพันธ์ที่ไม่ค่อยจะดี น้องที่ผมชอบผมขอเเทนด้วยชื่อ บี (นามสมมติ) บีก็ได้เป็นสะพานให้กับผม โดยเอาไลน์ของเพื่อนมาให้ จนผมก็ไม่ได้จีบเพื่อนบีต่อ เพราะเขายังไม่ได้เลิกกับเเฟน หลังจากนั้นผมก็ได้มีการไปเที่ยวกับน้องบี ไปดื่มกัน จนเกิดความรู้สึกเเปลกๆ เพราะเราทั้งคู่สนิทกันไวมาก อาจจะเป็นเพราะชีวิตที่ผ่านมาเรามีอะไรคล้ายกันอยู่เยอะ ตอนเเรกผมก็ทราบว่าน้องเขามีเเฟนอยู่ ผมก็พยายามที่จะห้ามตัวเองไม่ให้ความรู้สึกเกินเลยไปมากกว่านี้ เเต่ก็มีอีกครั้งนึงที่ต่างฝ่ายต่างหยุดตัวเองไม่อยู่จนมารู้ทีหลังว่า น้องบีเองก็ชอบตัวเราเหมือนกัน เเต่น้องก็ไม่รู้ตัวว่าตั้งเเต่เมื่อไหร่ ตอนอยู่ที่ทำงานเราก็ทำตัวปกติ เเต่พอหลังเลิกงานเราก็ตัวติดกัน เเบบหวานชื่นเลย

             ด้วยความที่เเฟนของน้องบีเขาเป็นคนต่างชาติ เขาก็ไม่ค่อยจะได้อยู่ไทย เเต่พอเเฟนเขากลับมา เราเเทบจะไม่ได้เจอกันเลย เเค่ได้เห็นหน้าในที่ทำงาน ซึ่งเราก็มีการตกลงกันว่าผมจะไม่ได้เป็นคนทักหรือโทรไปหาน้องก่อน เเละจะรอให้น้องเป็นคนทักหรือโทรมาเอง เพราะเขาจะรู้เองว่าเวลาไหน ตอนไหนที่เราสามารถโทรได้ เราก็ไม่ได้เรียกร้องอะไร เเต่ตอนเเรกผมก็งอเเงหน่อย เเต่พอเราได้มารู้เหตุผลหลายๆอย่างว่า ทำไมน้องเขาไม่สามารถเลิกกับเเฟนได้ เป็นเพราะว่าเรื่องภาระหน้าที่ทางการเงินต่างๆที่น้องต้องส่งไปช่วยทางครอบครัว เเละผมก็ไม่สามารถที่จะซัพพอร์ตน้องเขาได้ เเละ 70% ของค่าใช้จ่ายของน้องบี เเฟนของเขาก็สามารถช่วยออกได้

             ถามว่าน้องบีรักเเฟนไหม เขาก็รักเเหละ เเต่ด้วยเรื่องข้อเสียของเเฟนน้องมันก็ทำให้บั่นทอน ลดลง เเละผมก็ชัดเจนกับน้องมากๆ ผมเคยพูดกับน้องบีไปว่า ถ้าวันไหนที่ความรักของผม มันจะทำให้น้องมีปัญหา ผมก็จะเป็นคนเลือกที่จะปล่อยมือเเละเดินออกมาเอง ใจของเขาก็รู้สึกว่า อยากให้เราไป เเต่ก็เหมือนจะรักเรา น้องเขาก็มีการพูดอ้อมๆว่า ถ้าวันไหน พี่เจอคนที่พร้อมจะเดินไปกับพี่ พี่ก็ไปได้เลยนะ สำหรับผมสิ่งที่คิดว่าเราถูกใจกันทั้งคู่ คือ นิสัยเเละความเก่งของน้องเขา ตอนเเรกครอบครัวของน้องบี เขาไม่ได้มีทุนมากพอที่จะส่งน้องบีเรียนต่อได้ เเต่น้องบีเขาก็ขอเเค่เงิน พอให้ตั้งตัวได้ เเล้วน้องก็กู้ กยศ. ส่งตัวเองเรียนจนจบได้ เเละในชีวิตที่ผ่านมา น้องเขาก็เจอเเต่ผู้ชายที่โหล่ยโทย เเต่กับเเฟนคนปัจจุบัน เขาก็มีทั้งข้อดีเเละข้อเสีย เอาจริงๆ ทุกครั้งที่ผู้ชายคนนั้นทำอะไรไม่ดีกับน้อง ผมก็จะอยู่ในเหตุการณ์นั้นเสมอ

             ตอนนี้ผมเลยพยายามที่จะตั้งเป้าหมาย ภายใน 3 ปี เพื่อที่จะพัฒนาตัวเอง ให้มีการเงินที่มั่นคง พอที่จะทำให้น้องเขามั่นใจในตัวผมได้ เเละด้วยความที่ว่าช่วงนี้ความสัมพันธ์ของน้องเขาก็ไม่ค่อยจะดี ทะเลาะกันหนักจนถึงขั้นเอ่ยปากจะเลิกกัน ส่วนตัวของผม ผมมองว่าน้องบีก็เป็นคนที่เเอบเห็นเเก่ตัว ผมเลยอยากฟังในมุมมองของพี่ๆว่า ผมควรทำทุกอย่างที่อยากทำ หรือ หยุดทุกอย่างในตอนนี้เลยดีไหมครับ?

             โดย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘สำหรับพี่ พี่มองว่าคุณกอล์ฟควรที่จะหยุด เพราะตอนนี้คุณกอล์ฟ กำลังเป็นมือที่ 3 อยู่ เเละทุกอย่างมันไม่ควร เพราะเขาก็มีเเฟนอยู่เเล้ว เเละพี่มองว่ายังไงน้องคนนั้นก็ไม่เลิกกับเเฟนหรอก เพราะผู้ชายคนนั้นสามารถซัพพอร์ตได้ในเรื่องของเงิน เพราะงั้นพี่มองว่ายังไงผู้หญิงคนนั้นก็ไม่เลือกคุณกอล์ฟหรอก’

             ต่อมา “ดีเจพี่อ้อย” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่เห็นด้วยกับที่พี่เติ้ลพูดเหมือนกันว่า เเต่ให้น้องจะหยุดหรือจะทน เขาก็มีอีกคนอยู่ดี เพราะขนาดที่ว่าเขาบอกคุณกอล์ฟเป็นคนที่ใช่ เเต่เขาก็ไม่เลิกกับเเฟนอยู่ดี เพราะผู้ชายคนนั้นมีเงิน เเละถ้าในอนาคตคุณกอล์ฟ มีเงินเยอะมากๆ เเล้วผู้หญิงมาหาคุณกอล์ฟ เพราะเงิน คุณกอล์ฟจะรู้สึกดีหรอ เพราะงั้นกอล์ฟต้องลองคิดเเล้วว่า ผู้หญิงคนนี้มีเเฟนเพราะเงิน หรือมีเเฟนเพราะเราภูมิใจ เราเห็นคุณค่า เเละเราก็รักเขา ถ้าน้องอยากมีความรักมากถึงขนาดที่ว่าต้องใช้เงินหามา นั้นจะเรียกว่าความรักจริงๆหรอ’

             สุดท้าย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ผมคิดว่าถ้ามันใช่ มันใช่ไปเเล้ว เเล้วตัวของผู้หญิงก็มีสติมาก ในเรื่องของการเลือกว่าทางนั้นคือทางที่จะสามารถทำให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้นได้ เขาอาจจะเเค่มีความชอบในตัวกอล์ฟ เเต่ไม่ได้ถึงขั้นเป็นเหตุผลให้เลิกกับอีกคน กอล์ฟอยากรอ ก็รอได้นะเเต่ว่าการรอครั้งนี้มันอาจจะไม่ได้มีจุดหมายปลายทางก็เป็นไปได้ เพราะงั้นต้องมีสติ เเละเเค่เดือนกว่า อย่าพึ่งตัดสินทุกอย่าง เพียงเพราะเวลาสั้นๆ เเละอีกอย่างนึงถ้าสมมุติเขาเลิกกับเเฟนเเล้วมาคบกับกอล์ฟจริงๆ กอล์ฟสามารถไว้ใจผู้หญิงคนนี้ได้จริงๆหรอ เราจะไว้ใจได้จริงๆหรอกับผู้หญิงที่นอกใจเเฟนตัวเองได้ เพราะงั้นถ้าอยากรอก็เอาเลย ส่วนเรื่องการพัฒนาตัวเอง ทำไปเลย เผื่อไว้สักวันนึงตอนที่เราเป็นตัวเองในเวอชั่นที่ดีเเล้ว เราอาจจะได้เจอกับคนที่ใช่สำหรับเราจริงๆก็ได้’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

บางทีมันก็ลำไย!! น้องที่ทำงานอายุ 20 ชอบบอกว่าเราอายุ 24 แล้ว "หน้าแก่" พูดบ่อยมาก เคยสวนกลับไป "แหม ชีวิตนี้จะไม่อายุ 24 เลยมั้ง?" น้องตอบ "ถ้าผม 24 พี่ก็โคตรแก่แล้ว" ถ้าเป็นทุกคนเจอแบบนี้ทำไงคะ?

09 ก.พ. 2024

บางทีมันก็ลำไย!! น้องที่ทำงานอายุ 20 ชอบบอกว่าเราอายุ 24 แล้ว "หน้าแก่" พูดบ่อยมาก เคยสวนกลับไป "แหม ชีวิตนี้จะไม่อายุ 24 เลยมั้ง?" น้องตอบ "ถ้าผม 24 พี่ก็โคตรแก่แล้ว" ถ้าเป็นทุกคนเจอแบบนี้ทำไงคะ?

“คุณหนู (นามสมมติ)” อายุ 24 ปี สายสุดท้ายในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [7 ก.พ 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจอ้อย นภาพร เกี่ยวกับเรื่องที่น้องที่ทำงานชอบล้อว่าหน้าแก่ โดย “คุณหนู(นามสมติ)” ได้เล่าว่า ‘มีน้องผู้ชายที่ทำงานมาล้ออายุ ประมาณว่า ‘พี่อายุตั้ง 24 ปี แก่แล้ว แก่มากแล้ว’ พูดแบบนี้กับหนูหลายรอบมาก ซึ่งน้องคนนั้นอายุ 20 ปี แต่ก็มีคนในบริษัทที่อายุเยอะกว่าหนู น้องก็ไม่ได้ล้อคนอื่นนะ น้องเขาล้อแต่หนูคนเดียว หนูก็คิดว่าน้องเขาน่าจะชอบหนูแหละ ตอนแรกที่โดนล้อหนูก็รู้สึกเฉย ๆ แต่พอโดนบ่อย ๆ หนูก็เริ่มรำคาญ แล้วเหตุการณ์ล่าสุดที่หนูโดนก็คือ น้องคนนี้ก็คุยกับเพื่อนอยู่ เรื่องอะไรก็ไม่รู้ หนูก็เดินไปตรงนั้นพอดี แล้วอยู่ดี ๆ ก็จะวนพูดถึงเรื่องอายุของหนูอีก ‘อายุ 24-25 ปีแล้ว แก่ก็แก่’ หนูก็เลยตอบกลับไปว่า ‘เธอคิดว่าเธอจะไม่อายุเท่าฉันหรอ’ แล้วน้องก็ตอบกลับหนูว่า ‘กว่าผมจะอายุเท่าพี่ พี่ก็คงแก่ไปมากแล้ว’ แล้วน้องก็ทำท่าทางตลกขบขัน แต่หนูคือหน้าเสียไปแล้ว หนูก็เลยเดินหนีไป หลังจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์อีกครั้งนึง ซึ่งครั้งนี้หนูคิดว่ามันแรงสำหรับหนูมาก ก็คือ หนูทำเรื่องเอกสารการเรียนต่อ หนูก็คุยเล่นกับเพื่อนอยู่ แล้วน้องก็พูดขึ้นมาว่า ‘แก่ขนาดนี้ ยังจะเรียนต่ออีกหรอ’ แล้วหนูก็ตอบไปว่า ‘คือการเรียนไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ ก็มีสิทธิ์เรียนได้หมดทุกคน’ แล้วน้องก็ยังว่าหนู ‘หน้าลาว’ อีกด้วย งานนี้ดีเจทั้ง 3 คน ก็ได้ให้คำปรึกษาไปในทางเดียวกันว่า ‘พอพวกพี่ฟังเรื่องของคุณหนูแล้ว รู้สึกว่าคุณหนูเหมือนมีใจ ในขณะที่คุณหนูก็เหมือนมีความสุขตอนที่ถูกน้องล้อ ถ้าเรื่องแบบนี้เกิดกับพวกพี่ พวกพี่ก็จะตอบกลับไปแรงครั้งเดียว แล้วเรื่องนี้มันก็จะจบไปนานแล้ว พอคุณหนูคิดว่าตัวเองแก่จริง ๆ เรื่องนี้ก็ถูกใจคนที่ล้อ เพราะน้องก็คงคิดว่าล้อถูกคน ตอนนี้พวกพี่รู้สึกแปลกใจมากกว่า ที่คุณหนูรู้สึกกับเรื่องนี้ว่าสิ่งที่น้องล้อว่าเราแก่ แล้วเราแก่จริง ๆ พวกพี่ไม่อยากให้คุณหนูเครียดกับเรื่องนี้ ก็แค่คนปากเสียคนหนึ่ง เดี๋ยวสังคมก็ลงโทษเขาเอง...’ ก่อนวางสาย คุณหนูก็ได้อธิบายเพิ่มเติมอีกว่า ‘ตอนแรกที่หนูโดน หนูรู้สึกเครียดมาก และก็ไม่ได้หลงรักน้องคนนี้ เพราะทั้งน้องและหนูก็ต่างมีแฟนกันแล้ว ที่หนูเล่าไปด้วย หัวเราะไปด้วย เพราะหนูได้คุยกับพวกพี่ ๆ ดีเจ หนูก็รู้สึกดีขึ้น’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก ... สาวออฟฟิศหนักใจ ไปทำงาน แต่โดนจับผิดจาก ‘ภรรยาหัวหน้า’ เพราะภรรยาไปเห็นแชท ของหัวหน้าอีกคน ถ่ายรูปเราส่งไปแซวกับสามีตัวเอง หลังจากนั้นก็หึง หวง ไม่ให้คุยไลน์ส่วนตัว จับผิดผ่านกล้องวงจรปิด

19 ก.ย. 2023

คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก ... สาวออฟฟิศหนักใจ ไปทำงาน แต่โดนจับผิดจาก ‘ภรรยาหัวหน้า’ เพราะภรรยาไปเห็นแชท ของหัวหน้าอีกคน ถ่ายรูปเราส่งไปแซวกับสามีตัวเอง หลังจากนั้นก็หึง หวง ไม่ให้คุยไลน์ส่วนตัว จับผิดผ่านกล้องวงจรปิด

คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก ... สาวออฟฟิศหนักใจ ไปทำงานแต่โดนจับผิดจาก ‘ภรรยาหัวหน้า’ เพราะภรรยาไปเห็นแชทของหัวหน้าอีกคน ถ่ายรูปเราส่งไปแซวกับสามีตัวเองหลังจากนั้นก็หึง หวง ไม่ให้คุยไลน์ส่วนตัว จับผิดผ่านกล้องวงจรปิดทำงานด้วยลำบากมากตอนนี้ แต่ไม่อยากลาออก เพราะเงินเดือนดี “คุณเอ็ม (นามสมมติ)” อายุ 25 ปี สายสุดท้ายในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [13 ก.ย. 66] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจอ้อย เกี่ยวกับปัญหาโดนแฟนเจ้านายหึง โดย “คุณเอ็ม (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ต้องเกริ่นก่อนว่า หนูมาทำงานที่นี่ เพราะรู้จักกับเจ้านาย แต่หนูมีเจ้านาย 2 คน เป็นผู้ชายทั้งคู่ หนูขอแทนเจ้านายทั้ง 2 คนว่า คุณ A และคุณ B ส่วนตัวหนูรู้จักกับคุณ A มาก่อนเพราะเราเคยติดต่อเรื่องงานกัน บังเอิญช่วงก่อนหน้านี้ประมาณ 1 ปีหนูลาออกจากที่ทำงานเก่า แล้วคุณ A ก็ติดต่อมาพอดี และรู้ว่าหนูว่างงาน แกก็เลยชวนมาทำงานด้วย เพราะแกเปิดบริษัทใหม่ ทีนี้หนูก็ได้มารู้จักกับคุณ B ซึ่งเป็นหุ้นส่วนบริษัทอีกคนนึง ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้น หนูเพิ่งมาทราบก่อนที่จะขยายออฟฟิศใหม่ประมาณ 1 อาทิตย์ คุณ B เรียกหนูไปคุย เพราะภรรยาของเขาไม่โอเคกับหนู เหมือนเขาคิดว่าหนูกับคุณ B เป็นกิ๊กกัน เรื่องมันเริ่มต้นจากรูปถ่าย 1 รูปที่คุณ B แอบถ่ายหนู เหมือนเขาส่งไปให้เพื่อนดู ส่งไปแซวกันเล่นๆ ประมาณว่า วันนี้น้องแต่งตัวน่ารักนะ แล้วเพื่อนเขาก็ตอบกลับมาว่า น่ารักก็จีบสิ... ด้วยความที่เพื่อนตอบกลับมาแบบนั้น คุณ B ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไป เหมือนภรรยาเขามาเห็นแชทนั้นที่เขาคุยกับเพื่อน แล้วจุดเริ่มต้นที่เขาไม่โอเค คือที่คุณ B มาถ่ายรูปหนู ภรรยาเขาก็ถามว่าถ่ายรูปน้องเขาทำไม? แล้วกลายเป็นพาลว่าหนูกับคุณ B เป็นกิ๊กกัน ภรรยาเขาเฝ้าดูการกระทำของหนูตลอดเลยว่า หนูคุยกับสามีเขามั้ย? ซึ่งภรรยาเขาไม่ได้เข้ามาทำงานที่ออฟฟิศนี้ด้วย แต่เขาจะดูโทรศัพท์สามี และดูผ่านกล้องวงจรปิดผ่านโทรศัพท์คุณ B ตลอด บางทีหนูต้องออกไปทำงานข้างนอก โดยที่เขาก็ไม่รู้ว่าหนูออกไปไหน เจ้านายเขารู้อยู่แล้วว่าหนูไปทำอะไร แต่เขาก็มองว่าทำไมเราต้องออกไปก่อนเวลา ทำไมเราต้องอย่างงั้นอย่างงี้ ก็จะมีฟีดแบคกับการกระทำของหนูตลอด ซึ่งส่วนตัวหนูมีแต่เรื่องงาน ไม่ได้คิดอะไรกับเจ้านาย 100% เลย และหนูก็มีแฟนอยู่แล้วด้วย หลังจากที่ย้ายเข้าออฟฟิศใหม่ หนูเจอภรรยาคุณ B ครั้งแรก หนูก็ยกมือไหว้ปกติ แต่เขาไม่รับไหว้หนูแล้วมองด้วยหางตาแบบมองจิกเลย หนูก็ไม่ได้อะไร ทำงานของตัวเองปกติ แต่คุณ B ก็พยายามกันภรรยาเขาไม่ให้เข้ามายุ่งในออฟฟิศอยู่แล้ว และบ้านของคุณ B กับออฟฟิศอยู่ในระแวกเดียวกัน เรื่องที่หนูรับรู้มา หนูรู้มาจากคุณ A เพราะคุณ B เขาไปปรึกษาคุณ A แล้วคุณ A ก็มาเล่าให้หนูฟังว่าเรื่องมันเป็นแบบนี้ หนูต้องทำตัวยังไงบ้าง หนูไม่รู้สิ่งที่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่มันส่งผลกระทบ คือ มากระทบที่หนู ตัวหนูกลายเป็น แพะที่มารับเรื่องนี้ หนูทำงานเป็น Backoffice ซัพพอร์ตหลังบ้านทุกอย่าง ต้องติดต่องานโดยตรงกับเจ้านายทุกคนอยู่แล้ว ซึ่งในบริษัทก็มีแค่หนูคนเดียวที่ต้องทำงานตรงนั้น บางทีหนูก็ต้องติดต่องานกับคุณ B ซึ่งมันเป็นปัญหามาก หนูไม่สามารถโทรหาเขาได้ ไลน์ส่วนตัวก็ไม่ได้ บางทีเราโทรไป แกก็ไม่สามารถรับสายเราได้ มีเรื่องงาน เรื่องด่วน บางทีหนูก็คุยกับคุณ A ไม่ได้ ต้องคุยตรงกับคุณ B อย่างเดียว ซึ่งมันเป็นเรื่องของเขาโดยตรง มันทำให้ช่วงนั้นมันโหลด แบบโหลดมาก บางทีหนูเหนื่อยกับการทำงานอยู่แล้ว ยังต้องมาเจอเรื่องพวกนี้อีก หนูไม่ได้เป็นแบบที่เขาคิดเลย แต่ทำไมมาทำให้หนูรู้สึกแบบนั้นด้วย แต่หนูชอบทำงานที่นี่ รู้สึกเจ้านายเขาแฟร์ดี และเหมือนเขาทำงานกันจริงๆ ตอนนี้เหมือนคุณ B เขาจัดการแบบเด็ดขาดไม่ได้ เหมือนเขาก็มีปัญหาหลังบ้านอยู่ หนูอยากรู้ว่าถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับพวกพี่ จะมีวิธีจัดการกันยังไงเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูทำงานเป็น Customer Service หัวหน้ามอบหมายให้ดูแลลูกค้าคนสำคัญ VIP รายใหญ่ของบริษัท แต่กลายเป็นว่าลูกค้าคนนี้ มีปัญหา และ ต้องการคุยทุกวัน วันละ 1-2 ชั่วโมง จนหนูแทบไม่มีเวลาดูแลลูกค้าคนอื่นเลย ลูกค้า VIP รายนี้ เอาแต่ใจ ไม่ได้อะไรดั่งใจ ด่ากราด

23 พ.ค. 2025

หนูทำงานเป็น Customer Service หัวหน้ามอบหมายให้ดูแลลูกค้าคนสำคัญ VIP รายใหญ่ของบริษัท แต่กลายเป็นว่าลูกค้าคนนี้ มีปัญหา และ ต้องการคุยทุกวัน วันละ 1-2 ชั่วโมง จนหนูแทบไม่มีเวลาดูแลลูกค้าคนอื่นเลย ลูกค้า VIP รายนี้ เอาแต่ใจ ไม่ได้อะไรดั่งใจ ด่ากราด

หนูทำงานเป็น Customer Service หัวหน้ามอบหมายให้ดูแลลูกค้าคนสำคัญ VIP รายใหญ่ของบริษัทแต่กลายเป็นว่าลูกค้าคนนี้ มีปัญหา และ ต้องการคุยทุกวัน วันละ 1-2 ชั่วโมง จนหนูแทบไม่มีเวลาดูแลลูกค้าคนอื่นเลยลูกค้า VIP รายนี้ เอาแต่ใจ ไม่ได้อะไรดั่งใจ ด่ากราด คำหยาบใส่แบบเสียๆหายๆ วันไหนหนูลาป่วย ไม่สบายลูกค้ารายนี้ก็โทรมาต่อว่าว่าทำไมไม่ทำงาน เรื่องนี้รายงานหัวหน้าแล้วก็ยังเฉย ให้เราดูแลเขาต่อเพราะเราทำมานานแล้วตอนนี้เครียดมากๆ แต่ต้องเก็บอาการเวลาทำงานอย่างเดียว “คุณกบ (นามสมมติ)” อายุ 28 ปี สายที่ 2 ของรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [21 พ.ค. 68] เกี่ยวกับปัญหาเรื่องการรับมือกับพฤติกรรม Toxic ของลูกค้ารายใหญ่ จึงโทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจอ้อย” โดย “คุณกบ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูทำอาชีพ Customer Service มา 2 ปี ดูแลลูกค้ารายใหญ่ที่มีเม็ดเงินสูงของบริษัท ตอนนี้หนูรับมือกับพฤติกรรมของเขาไม่ไหวแล้ว ลูกค้าท่านนี้ค่อนข้างสูงอายุ จึงรับมือกับอารมณ์ได้ยาก ชอบเอาแต่ใจ รบกวนเวลา ถ้าวันไหนที่ต้องดูแลลูกค้าท่านนี้ หนูจะไม่ได้ทำอย่างอื่นเลย หนูมีการแจ้งหัวหน้ามาโดยตลอด แจ้งถี่มาก หนูก็บอกหัวหน้าไปว่า ลูกค้ากดดันหนู หัวหน้าจะช่วยอะไรได้บ้าง แต่หัวหน้าก็กดดันหนูกลับอีกที บอกว่า ทำอย่างไรก็ได้ให้ลูกค้าโอเคกับข้อเสนอ โดยที่เราไม่ได้ให้เขาทุกอย่างที่เขาอยากได้ หนูต้องรักษาลูกค้าคนนี้ไว้ สนใจแค่ยอดอย่างเดียว แล้วหัวหน้าก็ย้ำอย่างเดียวว่า ทำยังไงก็ได้ให้ลูกค้าพอใจ! งานนี้มีแค่หนูคนเดียวเท่านั้นที่ต้องรับมือและดีลกับลูกค้าทุกคนก่อนกระจายงานให้กับทีม หนูก็เลยโดนหัวหน้าด่าอยู่บ่อย ๆ ตอนนี้มีลูกค้ารายใหญ่ 5 ราย แต่ท่านนี้พอรวมยอดสะสมแล้วมากกว่าท่านอื่น ๆ เลยต้องดูแลเป็นพิเศษ เหตุการณ์ที่รู้สึกไม่สมเหตุสมผลของลูกค้าคนนี้ เช่น บางอย่างเขาคิดว่ามันง่ายสำหรับเรา แต่จริง ๆ มันไม่ง่าย หนูพยายามอธิบายดี ๆ เขาก็ไม่รับฟัง แถมอุทานคำหยาบใส่หนูอีก มีครั้งหนึ่งหนูแอดมิท และเขาต้องการใช้บริการตอนนั้น เขาก็พูดใส่หนูว่า โกหกหรือเปล่าเนี่ย อายุน้อยแค่นี้ป่วยเลยหรอ หนูเลยอยากถามพี่ๆดีเจสองข้อคือ 1. หนูอยากได้คำแนะนำว่าจะรับมือกับลูกค้าอย่างไรดี? 2. มีวิธีไหนที่หนูสามารถคุยกับหัวหน้าได้บ้าง? เพราะเพิ่งเลิกงานและโดนดุมาเหมือนกัน’ ซึ่ง “ดีเจทั้งสามคน” (ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจอ้อย) ได้ให้คำปรึกษาตรงกันว่า ‘คนทำอาชีพนี้ต้องเป็นคนที่เกิดมาเพื่อรองรับอารมณ์จากทุกฝ่าย ทั้งลูกค้าและฝั่งของเรา หากมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแย่ คนที่รองรับก็ต้องแย่ เพราะฉะนั้นถ้าเรารับมาก็ต้องถ่ายออก ต้องรู้วิธีกำจัดความเครียด คิดแค่เรื่องงานจริง ๆ เราคงเปลี่ยนนิสัยลูกค้าไม่ได้ แต่เราสามารถพูดคุยและต่อรองกับหัวหน้าในสิ่งที่เราพึงจะได้รับได้ เช่น ขอขึ้นเงินเดือนและได้รับค่าคอมมิชชั่นที่มากขึ้น หรือเจรจาว่า ถ้าต้องการให้เราอยู่ต่อ จะต้องส่งคนมาซัพพอร์ตในส่วนนี้เพิ่ม เพราะจากประสบการณ์การทำงานที่สูงของเราแล้ว มีสิทธิ์ที่จะต่อรองได้สูงมาก เพราะถ้าบริษัทขาดเราไป บริษัทก็เสียหายมากเช่นกัน’ ปิดท้ายด้วย “ดีเจอ้อย” บอกว่า ‘ถ้าสุดท้ายแล้ว ยังเหลือเราที่ต้องทำงานคนเดียวก็พอเลย เราต้องโอบกอดตัวเองบ้าง การทำงานทุกอย่างในโลกนี้ ถ้าเราทำไม่ได้ก็ยังหาคนมาทำแทน แต่การที่เราเสียสุขภาพจิตทุกวัน ถ้าวันหนึ่งหนูป่วยไป ครอบครัวจะเอาใครมาแทน’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

สามีที่คบกันมา 14 ปี บอกเลิกคืนเค้าท์ดาวน์ หลังจากที่เราจับได้ว่าเขามีผู้หญิงอีกคน สามีบอก "กูหมดรักมึงมา 2-3 ปีแล้วรู้ไว้ด้วย" ได้ยินแล้วช็อคเข้าโรงพยาบาลเลย ตอนนี้สามีลากกระเป๋าออกบ้านไปแล้ว ควรเดินต่อไปยังไงดีคะ

12 ม.ค. 2024

สามีที่คบกันมา 14 ปี บอกเลิกคืนเค้าท์ดาวน์ หลังจากที่เราจับได้ว่าเขามีผู้หญิงอีกคน สามีบอก "กูหมดรักมึงมา 2-3 ปีแล้วรู้ไว้ด้วย" ได้ยินแล้วช็อคเข้าโรงพยาบาลเลย ตอนนี้สามีลากกระเป๋าออกบ้านไปแล้ว ควรเดินต่อไปยังไงดีคะ

“คุณแบม (นามสมมติ)” อายุ 42 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (29 พ.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล - ดีเจอ้อย กับปัญหาที่ว่าสามีที่คบกันมานานบอกเลิกเราวันสิ้นปี เราเสียใจช็อก ถึงขั้นเข้าโรงพยาบาล โดย “คุณแบม (นามสมมติ)” ได้เริ่มปรึกษาว่า ‘โดนสามีบอกเลิกตอนวันสิ้นปีที่ผ่านมา คบกับเขามา 4 ปี แต่งงานกันอีก 10 ปี เริ่มจากแบมระแคะระคายเขามานานแล้ว เพราะมันมีเบอร์แปลก ๆ ล็อกอินเข้าใน Facebook เขา พอไปถามเขา เขาก็ตอบมาว่า ไม่รู้ เราก็เลยเก็บเบอร์นี้ไว้ เอาไปโทร เอาไปเช็กตามระบบ มันไม่ใช่เบอร์คอลเซ็นเตอร์ เราก็ไปถามเขาอีกครั้ง ให้เขาโทรไป เขาก็ไม่ยอมโทร จนเมื่อวันที่ 31 ที่ผ่านมา เป็นวันที่แบมหยุดงานอยู่บ้าน แต่แฟนต้องออกไปทำงานในคืนนั้น ระหว่างที่เขาอาบน้ำ แบมได้ใช้แท็บเล็ตของเขากดโทรไปที่เครื่องนั้น ปรากฎว่ามันมีประวัติการโทรเข้าโทรออกที่เบอร์นั้นตั้งแต่เดือนกรกฎาคม โดยที่ไม่ได้เมมเบอร์ไว้ แบมก็เลยกดโทรออกไป สักพักหนึ่งก็มีคนรับสาย แบมก็เงียบก่อน ผู้หญิงคนนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “อยู่ไหนอะ” แบมก็เลยพูดไปว่า “เธอเป็นใคร นี่เราเป็นเมียของ…นะ” ผู้หญิงก็วางสายไป เราก็ไปเคาะประตูสามีเรียกออกมาคุยว่า คืออะไร แต่เขาก็ไม่ยอมรับ เขาก็นั่งนิ่งไปสักพักนึง แล้วก็พูดว่า “กูไม่ได้รักมึงมา 2-3 ปีแล้ว” เราก็ช็อก เพราะก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้มีสัญญาณอะไร แบมก็ถามเขาไปว่า “เราผิดอะไร” เขาก็บอกว่า “เธอไม่ได้ผิดอะไรหรอก แต่เขาผิดเอง ไม่รู้จักพอเอง” แบมก็เลยบอกว่า “เลิกได้ไหม” เขาก็บอก “เลิกไม่ได้” แล้วก็บอกว่า “ขนาดกูพูดกับมึงขนาดนี้แล้ว มึงยังหน้าด้านที่จะยื้อกูไว้อีกหรอ” เขาพูดแบบนี้มา เราก็ช็อกไป เขาก็พาส่งโรงพยาบาล แล้วก็มาเฝ้าเรา 2 คืน แต่เขาก็จะพูดว่า “คือไงอะ คือกูต้องไปไหม” อย่างนี้ตลอด และในวันที่ออกก็มีจิตแพทย์มาคุยกับแบม บอกแบมว่า “คุณมีภาวะซึมเศร้าแล้วนะ เป็นมานานแล้ว” แล้วก็เรียกผู้ชายมาคุยว่า “คุณต้องรับผิดชอบในสิ่งที่คุณทำนะ ถ้าคุณจะไปจากเขา คุณต้องรับผิดชอบให้อาการเขาดีขึ้นก่อน” เขาก็บอกกับคุณหมอว่า “เขาไม่ได้เป็นคนผิด แบมเป็นคนไม่รักตัวเองเอง” อาการเราเริ่มมีตั้งแต่ช่วงที่เราเริ่มระแคะระคายเรื่องเขา จนเครียดสะสมมาตลอด และเราก็ไม่ได้บอกใครเลยเรื่องนี้ แม้กระทั่งพ่อ-แม่ เพราะว่ากลัวพ่อ-แม่จะเกลียดเขา หลังจากกลับจากโรงพยาบาล เขาก็บอกว่า “เขาจะอยู่ดูแล จนกว่าแบมจะดีขึ้น” แต่พออีกวัน เขาไปทำงานแล้วโทรกลับมาบอกแบมว่า “ทำไมเขาต้องอยู่ ในเมื่อเขาพูดชัดเจนแล้วว่าไม่รักแบมแล้ว เขาไม่อยู่หรอกนะ อยู่เพื่ออะไร ทำไมต้องยื้อไว้” แบมก็เลยบอกเขาว่า “งั้นก็เข้ามาเก็บของ” อีกสักพักนึงเขาก็เข้ามาเก็บของออกไป แล้วเขาก็ทิ้งเราไปเลย วันนี้แบมเลยอยากให้พี่ ๆ แนะนำให้มูฟออนให้ได้ ให้ลืมเรื่องฝันร้ายนี้ มันเป็นฝันร้ายที่สุดในชีวิตแบมแล้ว’ ซึ่ง ‘ดีเจเผือก’ ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า “ทุกครั้งเราพยายามจะบอกทุกคนเสมอว่า เวลามันจะช่วยนะ ช่วงนี้ก็ประคับประคองไป ใครไหวแค่ไหน เอาให้มันสุดให้มันผ่านไปได้ เวลามันจะค่อย ๆ เยียวยา วันนี้ร้องเท่านี้ พรุ่งนี้เรื่องเดิม ๆ ที่ทำให้เราร้องไห้ ก็อาจจะไม่ร้องแล้ว แค่เรามีสติรู้ตัวว่า ณ เวลานี้ฉันเศร้าและแน่นอนว่าฉันควรต้องเศร้า ถ้า 15 ปี แล้วเขาจากไปใจร้ายแบบนี้แล้ว ฉันไม่เศร้าสิถึงแปลก อยู่ด้วยกันมาตั้ง 15 ปี แต่สุดท้ายเมื่อเราเริ่มเข้มแข็งพอ คนเราก็จะต้องค่อย ๆ ลุกขึ้นได้ เดินต่อไปได้ แต่ ณ เวลานี้อาจจะต้องพักให้ร่างกายได้เยียวยาก่อน ซึ่งก็ปล่อย อยากเศร้าก็เศร้า ร้องไห้ก็ร้อง หาเพื่อนสักคนที่พร้อมจะนั่งฟังแบบ เศร้าให้หมดไป แล้วเราก็จะแข็งแรงขึ้นเอง แต่ต้องใช้เวลา คนเราใช้เวลาไม่เท่ากัน ของแบม 15 ปี อาจจะใช้เวลานานหน่อย แต่ไม่มีวิธีอื่นนอกจากจะให้เวลามันเยียวยา ในความคิดของพี่ เป็นกำลังใจให้ อย่างน้อยก็ยังไม่มีความผูกพันด้านอื่น เขาชัดเจนมาขนาดนี้ เมื่อมันจบตอนนี้ดีกว่าปล่อยให้คาราคาซังแล้วต้องปวดหัวมากว่านี้ ทุกอย่างมองในแง่ดีถึงแม้มันอาจจะยากก็ตาม” ต่อมาที่ ‘ดีเจอ้อย’ ได้ให้คำปรึกษาว่า “พี่เห็นด้วยกับเผือกอันนึงคือ เรากำลังทำสิ่งผิดธรรมชาติอยู่ รักมาขนาดนี้ เขาเดินจากไปแล้วเราต้องมูฟออนให้ได้ภายในไม่กี่วัน มันเป็นเรื่องยากมาก เข้าใจว่าคนที่กำลังเสียใจมาก ๆ แล้วมาบอกว่ามันจะดีขึ้น ไม่ค่อยมีใครเชื่อหรอก ทั้ง ๆ ที่เวลามันรักษาได้ทุกแผล แค่รอให้ไหว ในเรื่องของซึมเศร้าก็ต้องรักษากันไป ต่อมาคือที่บอกว่าไม่อยากบอกคนรอบตัวเพราะว่าไม่อยากให้ทุกคนเกลียดเขา พี่ว่าคนละเรื่อง พ่อแม่จะเกลียดหรือเปล่านั่นเป็นสิทธิของเขา พี่ไม่อยากให้น้องมีปัญหาซ้ายขวาหน้าหลัง เสียใจเรื่องสามีจากไปก็แย่แล้ว ต้องมานั่งปิดบังไม่ให้คนอื่นรู้ ไม่สามารถแสดงความอ่อนแอให้กับคนที่บ้านเห็นได้ โลกใบนี้มันจะเหมือนหนักและทับตัวหนูอยู่ หนูไม่ได้เล่าให้พ่อแม่ฟัง คิดหรอว่าเขาจะไม่รู้ อยู่ด้วยกัน ผู้ชายเก็บของออกจากบ้านลูกสาว เขาต้องรู้อยู่แล้วว่าจะต้องมีอะไรเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นเขาจะเกลียดหรือไม่เกลียด ไม่เกี่ยว ความจริงคือความจริง พี่ไม่อยากให้น้องคอยสร้างภาพลักษณ์ให้ใคร เพียงแต่ว่าพี่อยากให้น้องมีทีมของตัวเอง อย่างน้อยก็ยังมีสายซัพพอร์ต หัวเราะด้วยกันเสียงจะดังขึ้น เวลาร้องไห้เสียงสะอื้นจะเบาลง หนูร้องไห้เลยเต็มที่ อันนี้คือวิธีการเยียวยาธรรมชาติของมนุษย์ เสียใจก็ร้องออกมา ไม่ต้องพยายามเข็มแข็งในตอนที่ยังอ่อนแอ เดี๋ยวแผลจะใหญ่ไป แล้ววันนึงจะคิดได้ว่า ก็แค่คนไม่รักกัน ใครน่าเสียใจกว่ากัน เธอสูญเสียคนที่รักเธอไป 1 คน ฉันเสียคนที่ไม่รักฉันไป 1 คน คิดดูสิว่าใครน่าจะเห็นคุณค่ามากกว่ากัน วันนี้น้องกำลังแบกหลายอย่างมากเกินไป เขาจากไป ต้องปิดบังที่บ้าน ซึมเศร้าหนูก็เป็น มันเลยเป็นปัญหาที่หนูเห็นปัญหานั้นมันใหญ่โตเกินความจริงไปนิด พี่รู้แหละว่าการที่สามีจากไปแบบนี้ มันเป็นเรื่องน่าเสียใจที่สุด มันทำให้หนูมีคำถามมากมายว่าเราผิดอะไร แต่พี่เห็นแค่ว่า คนไม่รับผิดชอบความรู้สึกของน้องคนนึง อยากจะไปก็ด่า ๆ ให้รู้สึกว่าการจากไปไม่ใช่เรื่องผิด ไม่สนใจว่าหนูจะรู้สึกอย่างไร วันนี้หนูรักเขาไม่อยากให้เขาเสียใจ แต่เขารักหนูน้อยไปเลยสมารถทำให้หนูเสียใจได้ขนาดนี้เรื่อย ๆ สู้ไปทีละวัน แล้วมันจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ต้องไปตั้งคำถามว่าเมื่อไหร่จะดีขึ้น ข้างหน้าไม่รู้ เอาวันนี้ก่อน พี่จะยกตัวอย่างเสมอว่า ไม่มีใครลืมกระเป๋าสตางค์ ในวันที่ถามตัวเองเสมอว่าเมื่อไหร่จะลืมกระเป๋าสตางค์ การลืมมันเกิดขึ้นจากการใช้ชีวิตไปทุกวันตามปกติจนชิน รู้ตัวอีกทีกระเป๋าหายไปไหน การลืมความเจ็บปวดเช่นเดียวกัน เราไม่ต้องไปหาเหตุผลอะไรอีกแล้ว เพราะคนจะไปพูดอะไรก็ได้ ถ้าตอนนี้หนูรู้สึกไม่กล้าบอกใคร หนูกอดตัวเองให้แน่น แล้วคุณพ่อคุณแม่ของหนู หนูต้องดูแลหัวใจท่านด้วย ไม่มีคุณพ่อคุณแม่คนไหน เลี้ยงลูกให้มานั่งร้องไห้เพราะผู้ชายไม่รัก รักตัวเองให้เยอะ ๆ ” สุดท้าย ‘ดีเจเติ้ล’ ให้คำปรึกษาว่า “เมื่อวานได้อ่านหนังสือ Lots Of Love เป็นเรื่องของผู้หญิงคนนึงที่อยู่กับสามีมานาน ประมาณคุณแบม แล้วสามีเป็นมะเร็ง มีเวลาไม่นานสามีก็จากไป เขาเขียนเล่าว่าช่วงเวลานั้นมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วเขาผ่านมาได้อย่างไร ที่เติ้ลฟังสิ่งที่คุณแบมเล่ารู้สึกว่ามันมีความคล้ายกันอยู่ในเรื่องนี้ ตอนที่เราอ่านก็รู้สึกว่าเขาจะผ่านมันไปได้อย่างไร เราก็ลุ้น เขาเขียนว่าวันที่สามีเขาเสีย หลังจากนั้นเข้าก็ร้องแบบเดี๋ยวทรุด เดี๋ยวร่วง ตื่นเช้ามาก็ร้อง เข้าห้องน้ำก็ร้อง นั่งรถไฟฟ้าไฟก็ร้อง เพราะว่านั่งรถไปทำงานกับสามีทุกวัน แต่ว่าอันนึงที่เขาเขียนแล้วเรารู้สึกว่า มันดีมากเลย คือเขาบอกว่า พอมันร้องไป ตอนแรกเขาก็กลัวเหมือนกันว่ามันจะตาย เขาจะต้องตายแน่ ๆ ถ้าสามีเขาไม่อยู่แล้ว แต่สุดท้ายพอเขาร้องแล้วรู้สึกหายใจไม่ออก เขาก็พยายามที่จะหายใจ แล้วเขาก็บอกว่า มันไม่มีใครตายจากความเสียใจอันนี้ อยากจะบอกคุณแบมเหมือนกันว่า เราเสียใจ แล้วมันก็ผ่านมาแค่ 10 วัน เราเป็นคนปกติแล้วที่รู้สึกแบบนี้กับความผูกพันธ์ที่ตัวเองมีมา เติ้ลก็อยากจะบอกกับคุณแบมว่า ร้องไปเลย เสียใจได้ไปเลย สุดท้ายถึงเวลา อย่างคุณหมวยที่อยู่ในเรื่องนี้ เขาใช้เวลาเป็น 10 ปีเลยเหมือนกัน ในการที่จะผ่านมันไปได้ แต่แล้วในหนังสือสุดท้ายที่เขามาเขียนก็คือ ทุกวันนี้เขายังรัก และยังคิดถึงแฟนเขาที่เสียไป แต่ตอนนี้เขาตายไม่ได้เพราะเขาจะไปดูคอนเสิร์ต BTS เขามีจุดมุ่งหมายในชีวิตเขาอันใหม่ เติ้ลอยากจะเทียบกับเรื่องของคุณแบมว่า คุณแบมเห็นไหมว่าคุณหมวยที่เขาเสียคนรักไปทั้งที่เขายังรักกันอยู่มาก เราว่ามันทรมาณ ถ้าจะเทียบกับเคสคุณแบม มันอาจจะทรมาณมากกว่า เพราะว่าเขาคนนั้นเขาไม่ได้รักคุณแบมแล้ว เหมือนถ้าคนที่เขารักกันมาก ๆ แล้วเขาจากกันเขายังผ่านมันมาได้ ปัจจุบันนี้เขายังมีชีวิตเพื่อตัวเขาเองได้เติ้ลว่าคุณแบมก็ผ่านมันไปได้เหมือนกัน เพียงแต่ว่ามันต้องใช้เวลาเท่านั้นเอง อยากบอกคุณแบมว่าอยากให้กลับมารักตัวเองมาก ๆ เขาเลือกที่จะทำแบบนั้นกับเรามันไม่มีใครนอกจากเราในตอนนี้กับคุณพ่อคุณแม่ที่บ้าน มันถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องหันกลับมาดูแลตัวเอง เข้าใจว่ามันยามาก แต่เติ้ลเชื่อว่ามันจะต้องผ่านไปได้อย่างแน่นอน”เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1