ในกลุ่มมีเพื่อนสนิทคบกันอยู่ 3 คน ทีนี้เรากำลังจะแต่งงาน เราควรจะชวนอีก 2 คนมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวดีไหม? เพราะว่าเพื่อนสนิททั้ง 2 คนของเรา เขามีปัญหากัน

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ในกลุ่มมีเพื่อนสนิทคบกันอยู่ 3 คน ทีนี้เรากำลังจะแต่งงาน เราควรจะชวนอีก 2 คนมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวดีไหม? เพราะว่าเพื่อนสนิททั้ง 2 คนของเรา เขามีปัญหากัน

12 ธ.ค. 2025

ในกลุ่มมีเพื่อนสนิทคบกันอยู่ 3 คน ทีนี้เรากำลังจะแต่งงาน 
เราควรจะชวนอีก 2 คนมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวดีไหม?
เพราะว่าเพื่อนสนิททั้ง 2 คนของเรา เขามีปัญหากัน
คนนึงไปคบกับแฟนของคนนึง โดยที่ไม่ได้บอกกัน
มารู้ตัวอีกที แฟนเก่าของเพื่อน กลายเป็นแฟนของเพื่อนสนิทไปแล้ว ทำให้เขาสองคนไม่โอเค และ ไม่คุยกันไปเลย
เหตุการณ์เป็นแบบนี้ ถ้าเราชวนคนใดคนนึง แล้วไม่ชวนอีกคน เขาจะน้อยใจไหม? หรือ ถ้าชวนมาทั้งคู่
บรรยากาศงานต่างๆจะเกิดผลกระทบตามมารึเปล่า?

        “คุณซี (นามสมมติ)” อายุ 30 ปี เป็นสายที่สองในรายการ พุธทอล์คพุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (10 ธันวาคม 2568)ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” เรื่องกำลังจะแต่งงานแต่เพื่อนสนิท 2 คนที่จะให้มาเป็นเพื่อนเจ้าสาวไม่ถูกกัน

        “คุณซี (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘คือเรากำลังจะแต่งงาน เรามีเพื่อนที่สนิท 2 คน ให้แทนว่า “เอ” กับ “บี” แต่ 2 คนนี้ไม่ถูกกัน เราจะเชิญมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวดีไหม คือเราอยู่กลุ่มเดียวกันตอนมัธยม คบกันมา 10 กว่าปี แต่มันมามีจุดแตกหักตรงที่ว่าตอนนั้นเออกหัก แล้วเขาไปเล่นแอปหาคู่ แต่เอดันไปแมทช์กับแฟนเก่าของบี ทั้ง ๆ ที่ก็รู้ว่าเป็นแฟนเก่าเพื่อน เอกับแฟนเก่าเลิกกันนานแล้วแต่เอเสียใจมากจนเกือบฆ่าตัวตายเรียกว่าเป็นแฟนเก่าที่เพื่อนฝังใจมาก ๆ  แล้วตั้งแต่นั้นมาจนถึงวันนี้เอกับบีก็ไม่ได้คุยกันเลย พอหนูเป็นคนกลางก็เลยอึดอัดใจนิดหน่อย เพราะหนูก็สนิทกับทั้งคู่เท่ากันแต่พอมันเกิดเรื่องนี้ขึ้น หนูก็แอบเอนเอียงไปทางบีนิดนึงเพราะรู้สึกว่ามันก็ไม่ควร

        แรก ๆ ที่เลิกคบกัน หนูก็พยายามพูดถึงอีกคนแต่ว่ามันก็ยาก เพราะตอนที่เอไปปัดแอปมา เขาก็มาเล่าให้พวกหนูฟังว่าไปเจอคนนี้มานะ และก็บอกว่าแค่คุยเล่นเฉย ๆ แก้เบื่อไม่ได้มีอะไร แต่เขาก็คุยมาเรื่อย ๆ จนหลัง ๆ ก็เริ่มโพสต์สตอรี่ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย ๆ หนูก็เลยทักไปถามว่าสรุปว่าคบกันรึเปล่า เพราะดูเหมือนว่าบีจะไม่โอเคนะแต่เขาก็ยืนยันกับหนูว่ามันไม่มีอะไร จนเราเริ่มคุยกันน้อยลงแล้วเขาก็ค่อย ๆ หายไป และไม่นานก็เปิดตัวคบกับผู้ชายคนนั้นแบบชัดเจน แต่ปัจจุบันนี้เอกับฝ่ายชายก็เลิกกันไปนานแล้ว

        จากใจหนูเลยคือหนูอยากให้ทั้ง 2 คนมาเพราะว่าทุกครั้งที่มีแฟน หนูก็จะมีภาพในหัวตลอดว่าเพื่อนเจ้าสาวของเราต้องเป็นเขา 2 คนอย่างแน่นอน แต่ถ้าให้เลือกคนเดียวก็อาจจะเอนไปทางบีเพราะแฟนเราเป็นชาวต่างชาติแล้วบีก็พูดภาษานั้นได้ เราก็เลยจะให้เขาเหมือนมาเป็นล่ามให้เราไปด้วยเลย แต่หนูก็ไม่อยากทำให้เพื่อนเสียใจ’

        เริ่มที่ “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าเป็นผม ผมจะคุยกับบีก่อนเป็นอย่างแรกว่า ช้อยส์แรกของเรายังไงก็คือบี แต่ก็จะมาปรึกษาเรื่องเอด้วย คือเราให้ความสำคัญกับบีก่อนได้ในฐานะที่เราอาจจะสนิทกว่า หรือว่าในฐานะที่เรามองว่าเขาถูกกระทำ เพราะฉะนั้นลองคุยกับบีก่อน ถ้าเราจะชวนเอมาแล้วถ้าเขาไม่โอเค เราก็ต้องมานั่งคิดใหม่ว่าจะเอายังไงต่อในกรณีที่บีไม่โอเค เรายังรู้สึกว่าถ้าเอเป็นผู้ใหญ่มากพอ การที่คนเราเลือกไปมีความสัมพันธ์กับอดีตของเพื่อน ครึ่งหนึ่งในหัวใจมันต้องรับความเสี่ยงไว้แล้วว่าเขาอาจจะเสียเพื่อนไป ซึ่งเอเลือกแล้ว เขาก็ควรจะเข้าใจว่าเหตุผลที่เขาไม่ได้ไปอยู่ตรงเพื่อนเจ้าสาวมันเป็นเพราะอะไร ไม่ใช่เพราะว่าซีไม่ได้รักเขา แต่ด้วยบาดแผลที่มันเกิดขึ้นจากการที่เขาเลือกที่จะทำแบบนั้น อย่างมากเขาก็ไม่มางาน แต่ในกรณีที่บีบอกว่าโอเค เราก็ต้องฟังน้ำเสียงของบีให้ดีว่าเขาอยากจะกลับมาเจอหน้ากันไหมในวันสำคัญ เรื่องนี้มันมีได้แค่ 2 ทางว่าบีจะโอเคหรือไม่โอเค แต่แล้วผลที่ออกมาพี่ว่ามันก็เป็นวันที่ดีของเรานะ ไม่ว่าจะยังไงมันก็จะออกมาดีแหละ เราได้แคร์หัวใจของทั้ง 2 คนเรียบร้อยแล้ว วันนี้ที่โทรมามันก็แปลว่าซีแคร์ทั้งเอและบีมากถึงขั้นที่ตัดสินใจไม่ได้ขนาดนี้ พี่เชื่อว่าทุกอย่างมันจะคลี่คลายและมันจะเป็นวันที่ดี’

        ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาเพิ่มเติมว่า ‘งานนี้อยู่ที่สปิริตของเอและบี เพราะจะต้องมาเพื่อซี ถ้ามีสปิริตเรื่องนี้จะไม่มีปัญหา เพราะว่าทั้งเอและบีไม่ได้มีปัญหากับหนูไง แต่ว่าพี่ก็เห็นด้วยกับพี่เผือกที่ให้ลองถามบีก่อน เพราะว่าอย่างน้อยในเรื่องนี้เขาเป็นผู้ถูกกระทำ ให้ได้รู้ว่าเราก็แคร์เธอ ในเมื่อเราโตกันแล้วก็บอกได้ว่าใจจริงเราก็อยากชวนเอมาด้วยเพราะก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องเราก็อยากให้ทั้ง 2 คนมาอยู่ในงานของเรา ซึ่งพี่ว่าถ้าบีมีสปิริตถึงจะไม่โอเคแต่เขาก็จะทำให้เพื่อนได้ หรือสมมติว่าบีบอกว่าไม่ได้ อันนี้ก็อยู่ที่ว่าซียังรักเอขนาดไหน รักถึงขั้นที่จะยืนยันกับบีว่าจะชวนเอมา เพราะซีก็แคร์เอเหมือนกัน หรือถ้าไม่ได้รักก็ไม่ต้องชวนมาเป็นเพื่อนเจ้าสาว แค่นั้น มันอยู่ที่ว่าเราจะสื่อสารกับเพื่อนแบบไหน เพราะเราก็รักเพื่อนทั้ง 2 คน’

        สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาปิดท้ายว่า ‘ในงานแต่งถ้ามีคนไม่ถูกกันหรือแม้กระทั่งมีแฟนเก่าต้องบอกนะ ซึ่งซีก็ทำอย่างที่พี่เติ้ลบอกได้เลยว่า ฉันจะแต่งงาน อยากให้เธอเป็นเพื่อนเจ้าสาวแต่ก็อยากให้เอเป็นเพื่อนเจ้าสาวด้วย มันเป็นความฝันของเราที่อยากจะเห็นเธอทั้งคู่ ถ้าเธอรู้สึกอึดอัด งั้นเธอแยกกันอยู่ได้ไหม สุดท้ายเราก็ต้องไปปรึกษาบีก่อน แต่เราไม่เชิญเอไม่ได้นะ ถึงเขาจะไม่ได้มาเป็นเพื่อนเจ้าสาว ซีก็ต้องเชิญเขาอยู่ดีเพราะมันก็เป็นมารยาท แต่ถ้าบีมีปัญหามากสุดก็ให้เอไปฝึกภาษาแทน แต่ก็แนะนำให้คุยกันดี ๆ เพื่อนกันมันก็ต้องทำให้กันได้อยู่แล้ว บางทีซีอาจจะได้คำตอบว่าเขาไม่ได้คิดอะไรต่อกันแล้วก็ได้ ซีจะได้เบาใจ’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 20.00 –23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

หนูโตแล้ว แค่อยากได้พื้นที่ส่วนตัวคืน... ตั้งแต่เด็กแม่มีรหัส Facebook ของหนู แม่สวมรอย คอมเมนต์ ตอบเพื่อน ทักหาผู้ชายไปทั่ว ขอร้องหนูให้ช่วยวิดีโอคอลกับผู้ชาย 5 นาที ให้ผู้ชายมั่นใจว่าคือหนูจริงๆ

29 มี.ค. 2024

หนูโตแล้ว แค่อยากได้พื้นที่ส่วนตัวคืน... ตั้งแต่เด็กแม่มีรหัส Facebook ของหนู แม่สวมรอย คอมเมนต์ ตอบเพื่อน ทักหาผู้ชายไปทั่ว ขอร้องหนูให้ช่วยวิดีโอคอลกับผู้ชาย 5 นาที ให้ผู้ชายมั่นใจว่าคือหนูจริงๆ

หนูโตแล้ว แค่อยากได้พื้นที่ส่วนตัวคืน... ตั้งแต่เด็กแม่มีรหัส Facebook ของหนูแม่สวมรอย คอมเมนต์ ตอบเพื่อน ทักหาผู้ชายไปทั่ว ขอร้องหนูให้ช่วยวิดีโอคอลกับผู้ชาย 5 นาทีให้ผู้ชายมั่นใจว่าคือหนูจริงๆ พีคสุด นัดครอบครัวผู้ชายมากินข้าวด้วยกัน ตอนนั้นหนูยังเด็ก ทำตัวไม่ถูกเลย “คุณน้ำ(นามสมมติ)” อายุ 22 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (27 มี.ค. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาแม่สวมรอยเป็นเราไปคุยกับผู้ชายในเฟสบุ๊คจนได้คบกัน ถึงขั้นนัดกันไปกินข้าวกับครอบครัวผู้ชายคนนั้น! โดย ​“คุณน้ำ(นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘มันเริ่มมาจากหนูมีเฟซบุ๊ก น่าจะช่วงวัยประถม ประมาณ ป.4-ป.5 และไม่ได้รู้สึกว่าการที่แม่รู้พาสเวิร์ดหรือเข้าไปอ่านแชทเวลาเราคุยกับเพื่อนเป็นเรื่องผิดปกติ เพราะตอนนั้นเด็กมาก ๆ เลยคิดว่าแม่คงเป็นห่วง แต่มันกลายเป็นว่าคุณแม่ตอบแชท ตอบคอมเมนท์แทน โดยที่ทำตัวเป็นเราและเป็นอย่างนี้มาเรื่อย ๆ จนประมาณช่วง ม.1 โรงเรียนไม่ให้เอาโทรศัพท์ไป เพราะฉะนั้นหนูจะเล่นโทรศัพท์ได้ตอนที่อยู่บนรถ ก่อนจะลงจากรถเข้าโรงเรียน และตอนเลิกเรียน ทีนี้หนูก็ทิ้งโทรศัพท์ไว้ให้แม่ก่อนที่จะเข้าโรงเรียน หนูเห็นแล้วว่ามีผู้ชายคนนึงแอดเฟซบุ๊กหนูมา แต่หนูไม่ได้สนใจอะไรคิดว่าเป็นเรื่องปกติ แต่พอหนูกลับมา เฟซบุ๊กผู้ชายคนนั้นหายไป แต่มีแชทที่แบบถามต่อว่า เธอชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ คุณแม่ก็ตอบแทนปกติ แต่หนูมารู้ทีหลังว่า... จริง ๆ แล้วคุณแม่เอาไอดีไลน์ของคุณแม่ให้เขาไป แล้วเขาก็ไปคุยกันในไลน์ โดยที่คุณแม่หลาย ๆ คนอาจจะชอบเอารูปลูกสาวหรือลูกชายตั้งเป็นโปรไฟล์ เขาอาจจะรู้สึกว่าไม่ได้แปลกอะไร แต่ว่านั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความรู้สึกที่ไม่ปลอดภัย แล้วมันก็เกินเลยมาเรื่อย ๆ หนูแอบเห็น message ที่เด้งมา ตอนแรกเข้าใจว่าคงคุยกันปกติ แต่ไป ๆ มา ๆ มันเป็นการคุยเหมือนจีบกันเชิงชู้สาว จนมารู้ทีหลังว่าเขาคบกัน คุณแม่ก็มาพูดประมาณว่า ช่วยวิดีโอคอลคุยกับเขาให้หน่อยซัก 5-10 นาทีได้ไหม? ทั้ง ๆ ที่หนูไม่ได้รู้จัก ไม่ได้คุยกับเขาเลย แต่ให้หนูตีหน้าซื่อคุยวิดีโอคอลกับเขา หนูก็คุย ๆ ไปให้มันหมดเวลา แล้วก็วางสาย คุณแม่ก็คุยกันต่อในแชท คุณพ่อทำงานอยู่ต่างจังหวัดกลับมาอาทิตย์ละ 1 ครั้ง แต่คุณพ่อจับไม่ได้เพราะอาจจะเป็นคนไม่ค่อยเล่นโซเชียล และไม่ค่อยสนใจอะไร เขาก็ดูอินโทรเวิร์ตหน่อย ๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่คุยกับคุณแม่เลย ตอนหนูอายุ 15 ปี เป็นวันที่หนูต้องเปลี่ยนบัตรประชาชน หนูก็ถ่ายรูปลงมาจากอำเภอปุ๊บ แล้วคุณแม่ก็บอกว่า เดี๋ยวเราไปสยามกัน เนี่ยไปกินข้าวกัน นัดไว้แล้ว หนูก็ถามว่า ไปกินข้าวอะไร เขาก็เลยบอกว่า เขานัดผู้ชายคนนั้นกับครอบครัวเขาไว้แล้ว ต้องไปนะ เพราะว่าเขามาแล้ว หนูก็รู้สึกเหมือนโดนมัดมือชก ตอนนั่งกินอาหารก็คุยกันปกติ หนูอึดอัดมาก จนแบบหนูจะลุกไปเข้าห้องน้ำ แล้วแม่ของผู้ชายก็บอกผู้ชายคนนั้นว่า เนี่ย ไปกับน้องสิลูก จนหนูคิดว่าไม่ไปดีกว่ารู้สึกไม่ปลอดภัย หลังจากเหตุการณ์วันนั้น หนูก็พยายามที่จะบอกผู้ชาย โดยใช้แอคหลุมไอจีของหนูทักไปเลยว่า เธอรู้ไหมที่คุยกันมาตลอด 4-5 ปี แล้วที่นัดไปเจอเรื่องมันเป็นแบบนี้ ๆ ผู้ชายก็ไม่เชื่อ หนูก็ตั้งกล้องอัดหน้าตัวเองพูดว่า เนี่ย ดูหน้าเอาไว้ แล้วก็จำเสียงไว้ เสียงเราเป็นแบบนี้ พอเขาไม่เชื่อ หนูก็ไม่รู้จะทำยังไงหนูก็ปล่อยเขาไป แล้วเหมือนผู้ชายเริ่มจะรู้ว่านี่คือแอคหลุมของหนู แต่หนูไม่แน่ใจว่าเขาจะเข้าใจว่าแอคหลุมเป็นของแม่ไหม เพราะหนูคิดว่าผู้ชายมันก็ต้องแคปแชทที่หนูคุยส่งไปให้แม่ แม่ก็คงน่าจะบอกว่า นั่นแม่เราอย่าไปสนใจเลย ฟีลแบบสลับกัน และหนูพยายามหาว่าแม่กำลังจะทำอะไร ก็เลยเริ่มรู้ว่าแม่มีอีกเฟซบุ๊ก มีอีกไอจีนึงที่แม่สร้างเอง เหมือนเป็นอีกโลกที่เอาไว้คุยกับผู้ชายคนนั้น ด้วยความที่อยู่กับแม่ที่บ้าน 2 คน ก็เลยไปบอกเขาว่า แม่ทำแบบนี้ไม่โอเคเลยนะ เลิกได้ไหม เขาก็ขำแล้วบอกว่า จะอะไรนักหนาก็คุยกันผ่านแชท ไม่ได้ไปหาเขาสักหน่อย หนูก็เคย message ไลน์ไปบอกคุณพ่อ คุณพ่อก็อ่านแต่ไม่ตอบ แต่พอเวลาผ่านไปเหมือนคุณแม่ทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ หนูก็บอกว่า หนูทนไม่ไหวแล้วนะ หนูจะต้องบอกพ่อแล้วนะ เขาก็บอกว่า ครั้งที่แล้วก็บอกไปแล้วไม่ใช่หรอ ถ้าบอกอีกจะเลิกกันแล้วนะ จนปัจจุบันหนูเริ่มมีสังคม มีแฟน หนูควรจะทำยังไง หนูถึงจะเอาพื้นที่ส่วนตัวคืนมา หรือหนูควรจะเปิดเฟซบุ๊กใหม่ไปเลย? ซึ่ง “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘หนูต้องเรียกแม่มาคุย แล้วการคุยของหนูไม่ได้ถามว่าแม่โอเคไหม หนูต้องบอกโหมดที่แม่จะใช้ชีวิตอยู่กับหนูให้แม่รับทราบ หนูเปลี่ยนพาสเวิร์ดเฟซบุ๊กก่อนที่จะเรียกแม่เข้ามาคุย ให้ทุกอย่างมันเป็นไพรเวทอะไรที่เป็นเรื่องส่วนตัวของเรา คนอื่นจะเข้ามาก้าวก่ายไม่ได้ เรียกแม่มาคุยเลยว่า... 1. รับรู้เรื่องความเป็นส่วนตัวของเรา แล้วก็เราไม่ยุ่งเรื่องแม่ แม่ไม่ยุ่งเรื่องเรา อะไรที่เราอยากให้แม่รับรู้หรืออยากให้แม่แสดงความคิดเห็นเราจะบอก 2. เรื่องที่แม่แอบอ้างเป็นตัวตนของเราอันนั้นผิด อย่าทำอีก เพราะมันทำให้เรารู้สึกว่าถูกคุกคามแล้วไม่ปลอดภัย ถ้าทำทั้งหมดแล้วแม่ยังเป็นแบบนี้อยู่ เรื่องนี้จะเรียกพ่อมาคุย แล้วจะถามความคิดเห็นจากพ่อด้วย และถ้าพ่อกับแม่จะเลิกกัน ไม่ใช่ตัวหนูที่เอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อ แต่เป็นเพราะแม่ทำตัวแบบนี้ แล้วก็เราจะไม่คอลไลน์กับผู้ชายโดยที่เราหลอกเขา เพราะเท่ากับเราสมรู้ร่วมคิดกับแม่ ถ้าแม่อ้างเหตุผลอะไร ให้พูดไปเลยว่า ไม่ ก่อนที่แม่จะทำอะไร อยากให้แม่ใช้ความคิดมากกว่านี้ อีกนิดแม่จะเข้าข่ายไม่ปกติแล้ว ถ้าแม่ยังเป็นอย่างนี้หรือไม่สามารถขจัดนิสัยแบบนี้ออกไปได้ แม่ต้องปรึกษาแพทย์แล้ว’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘การปลอมตัวเพื่อสวมรอยเป็นใครสักคนเพื่อคุยมันคือการหลอก ผู้ชายโดนเต็ม ๆ พี่ดูสารคดีของเมืองนอกเยอะเกี่ยวกับพวกหลอกลวง สวมรอย แล้วจุดจบมันไม่ค่อยดีทั้งนั้นเลยที่พี่ดู พี่เลยค่อนข้างตกใจ พอคิดตาม ที่มันรู้สึกไม่ปลอดภัยถูกต้องแล้วน้ำ เพราะฉะนั้นถ้าจะคุยกับแม่ น้ำต้องเด็ดขาดว่านี่มันไม่ใช่แล้ว สิ่งที่แม่ทำ มันอาจจะทำให้เกิดอันตรายกับลูกสาวตัวเองได้ ถ้าคิดว่าคุยไม่รู้เรื่องก็ปิดเฟสบุ๊คไปเลย ให้เขารู้ว่าเราไม่เอาแล้ว’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘ก็ต้องปิดเฟสบุ๊ค ปิดช่องทางทุกอย่างที่เขาจะเป็นหนูได้ แม่ต้องไม่มีตัวตนของหนูอีกต่อไปแล้ว ต้องดูว่าเขาทนได้ไหม ถ้าเขาไม่ไหวต้องพาเขาไปหาหมอ แต่ถ้าไปหาหมอแล้วเขาทำไม่ได้ เขาก็ต้องหย่ากับพ่อ ตอนนี้เขามีพ่อเป็นสามี เขาไม่สามารถไปคุยกับคนอื่นได้ นอกจากเขาต้องหย่า ทีนี้เขาจะคุยกับคนอื่นไม่ว่า แต่เขาก็ต้องห้ามสวมรอยเป็นคนอื่น เขาต้องคุยในฐานะเป็นเขาเอง ถ้าเราอยากให้ปัญหานี้ยุติ ต้องถอนรากถอนโคน’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

คบกับแฟนมา 8 เดือน ล่าสุดแพลนทริปไปเที่ยวตปท. ด้วยกัน แต่กลับโดนแม่แฟนว่า ไปเที่ยวกัน แต่ไม่ให้เงินพ่อ-แม่ใช้ แฟนน้อยใจให้เราไปคุยแทน เลยบอกไปว่า คนอื่นเขายังขอเงินพ่อแม่ใช้อยู่เลยนะ แม่แฟนสวนกลับมาว่า คิดได้แค่นี้เองหรอ สมองหมาปัญญาควาย

01 มี.ค. 2024

คบกับแฟนมา 8 เดือน ล่าสุดแพลนทริปไปเที่ยวตปท. ด้วยกัน แต่กลับโดนแม่แฟนว่า ไปเที่ยวกัน แต่ไม่ให้เงินพ่อ-แม่ใช้ แฟนน้อยใจให้เราไปคุยแทน เลยบอกไปว่า คนอื่นเขายังขอเงินพ่อแม่ใช้อยู่เลยนะ แม่แฟนสวนกลับมาว่า คิดได้แค่นี้เองหรอ สมองหมาปัญญาควาย

คบกับแฟนมา 8 เดือน ล่าสุดแพลนทริปไปเที่ยวตปท. ด้วยกัน แต่กลับโดนแม่แฟนว่า ไปเที่ยวกัน แต่ไม่ให้เงินพ่อ-แม่ใช้แฟนน้อยใจให้เราไปคุยแทน เลยบอกไปว่า คนอื่นเขายังขอเงินพ่อแม่ใช้อยู่เลยนะแม่แฟนสวนกลับมาว่า คิดได้แค่นี้เองหรอ สมองหมาปัญญาควาย ได้ยินปุ๊บน้ำตาไหลปั๊บที่บ้านไม่เคยใช้คำพูดรุนแรงแบบนี้กับเราเลย ถ้าเจอแบบนี้อีก ควรรับมือยังไงดี? “คุณจี (นามสมมติ)” อายุ 33 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [28 ก.พ. 67] ได้โทรมาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาแม่แฟนไม่พอใจและชอบใช้คำพูดรุนแรง “คุณจี (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘พอดีหนูมีเรื่องไม่สบายใจ โดนว่าด้วยคำพูดที่ไม่โอเค คือหนูเพิ่งคบกับแฟนมาประมาณ 8 เดือน แฟนหนูอายุ 29 ปี ซึ่งแฟนก็ซื้อบ้านเป็นของตัวเองแล้ว แยกออกมาอยู่ด้วยกัน 2 คน ขอเกริ่นก่อนว่าทางแม่ของแฟนค่อนข้างเป็นห่วงลูกชายมาก เพราะเขากลัวคนจะมาหลอกลูกเขา ครั้งแรกที่หนูโดนแม่แฟนว่าคือตอนที่เพิ่งคบกัน แล้วแม่เขาก็มาว่าหนู พูดให้ลูกเขาฟังว่าหนูอายุเยอะกว่า จะมาหลอกลูกเขาหรือเปล่า? ทำงานอะไรก็ยังไม่รู้ แล้วก็ได้เคลียร์กันไปรอบนึง บางทีเขาก็มาว่าหนูตอนที่ลูกชายเขาไปทำงาน เขาเข้ามาถามว่า หนูทำงานอะไร รู้จักกันได้ยังไง มีแพลนอะไรต่อในชีวิต แล้วก็ถามว่าไม่เคยแต่งงานใช่ไหม? อายุก็ขนาดนี้แล้ว หนูก็เลยบอกเขาไปว่าหนูยังไม่เคยแต่งงาน เพื่อนๆของหนูก็ยังโสดกันอยู่เลย แล้วเขาก็บอกมาอีกว่า ไม่ได้มาชุบมือเปิบใช่ไหม หนูก็ไม่ตอบโต้อะไร แล้วก็ไปบอกแฟน แฟนหนูเลยบอกว่า ขอโทษนะแม่เราเป็นแบบนี้ตลอดเลย แต่ถ้ามีอะไรให้บอกนะ เดี๋ยวเขาจะคุยกับแม่เขาเอง ต่อมาอีก 4 เดือน หนูก็กำลังจะมีทริปไปเที่ยวต่างประเทศกัน แล้วแฟนหนูเป็นคนที่ถ้ามีอะไรก็จะบอกแม่ทุกอย่าง ตอนที่อยู่ต่อหน้ากันแม่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร พอตกเย็น แม่เขาก็โทรมาหาแฟน หนูก็ไม่รู้ว่าเขาคุยอะไรกันเพราะหนูเห็นแฟนหนูหน้าเครียด ๆ แล้วเขาก็เอาโทรศัพท์มาให้หนูคุยกับแม่เขา แม่เขาก็พูดมาว่า จะไปเที่ยวกัน ทำไมไม่เก็บเงินไว้จ่ายหนี้ บ้านเป็นหนี้แล้วนะ หนูก็บอกอธิบายไปว่า แบ่งเงินไว้แล้ว แต่อันนี้ขอไปเที่ยวหน่อย ทำงานหนักมาทั้งปี พอคุยจบก็วางสายไปและคิดว่าไม่น่ามีอะไร จนเช้ามาแม่เขาก็ส่งข้อความมาหาหนูว่า เมื่อวานไม่โอเคเลยนะ ดูไม่มีมารยาททางสังคมเลย แม่ลูกเขาคุยกันอยู่มาคุยแทรกทำไม หนูก็บอกว่า ไม่ได้คุยแทรก แฟนหนูอะเป็นคนยื่นโทรศัพท์มาให้ แม่เขาก็ส่งมาอีกว่า ฉันไม่รู้หรอกนะเพราะฉันไม่ได้ไปอยู่ตรงนั้นด้วย หนูก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร แล้วก็ไปบอกแฟนว่าแม่เธอส่งข้อความมานะ แม่ไม่โอเค แฟนก็บอกหนูว่า งั้นเดี๋ยวเย็นนี้เข้าไปคุยกัน คุยต่อหน้าจะได้ไปอธิบายด้วย พอตอนเย็นเราก็ไปหาแม่แฟนกัน แฟนหนูก็บอกแม่เขาว่า เนี่ยเมื่อวานนี้หนูอะไม่ได้แย่งโทรศัพท์ไป เพราะแฟนเริ่มอารมณ์ร้อนแล้ว เลยให้หนูคุยแทนเพราะหนูเป็นคนอารมณ์เย็น แม่เขาก็บอกว่า ฉันไม่รู้หรอก แต่ว่าพวกเธอก็เข้าข้างกันอยู่แล้ว อะไรก็ไม่เห็นหัวแม่ ทำงานได้ดิบได้ดีอะไรฉันก็ไม่รู้หรอก ไม่เห็นให้เงินแม่เลย เอาแต่ไปเที่ยว คือ บ้านแฟนหนูมีลูก 2 คน แฟนหนูเป็นลูกคนเล็ก พ่อเขาอยู่ต่างประเทศ แล้วเหมือนแม่จะคาดหวัง วันนั้นที่ไปคุยก็เกิดถกเถียงกัน แล้วเขาก็พูดประมาณว่า ทำไมลูกคนอื่นให้เงินพ่อแม่ ลูกฉันเป็นลูกอกตัญญูนะ ไม่ให้เงินพ่อแม่ใช้ แฟนหนูก็บอกว่า เดี๋ยวจะให้เงินนะ แล้วแฟนหนูก็มาบ่นตลอดเลยว่า แม่ไม่เคยภูมิใจในตัวเขาเลย ทั้ง ๆ ที่เขาก็ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนเลย หนูก็ให้กำลังใจเขาไปว่า เธอก็ดีกว่าคนอื่นตั้งเยอะนะ คนอื่น ๆ รอบตัวเราบางคนยังขอเงินพ่อแม่อยู่เลย ไปเที่ยวไหนเราก็เลี้ยงพ่อแม่ตลอดเลยนะ แฟนหนูก็บอกว่า เธอไปพูดให้แม่เขาฟังหน่อยว่าคนอื่นๆ เขาเป็นยังไงกัน หนูเลยยกตัวอย่างไปว่า เนี่ยคนอื่น ๆ เขายังไปขอเงินพ่อแม่อยู่เลยนะ เขาก็สวนมาเลยว่า โอ้โห!! เธอคิดได้แค่นี้เองหรอ สมองหมาปัญญาควาย หนูช็อคตรงนั้นเลย ทำอะไรไม่ถูก น้ำตาไหลออกมา แล้วเขาก็พูดมาอีกว่า ก็คิดกันแบบนี้ไง มันถึงได้ต่ำ มันมีที่ไหนเอาไปเทียบกับคนที่ต่ำกว่า เขามีแต่เทียบกับคนที่สูงกว่า แฟนหนูก็เลยบอกว่า แม่ มันก็แรงไป มันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น... หนูก็เฟลไปเลย แฟนหนูก็บอกว่า อย่าไปโกรธแม่เลย เพราะแม่เขาเป็นคนปากร้ายใจดี เดียวเขาก็หาย แต่หนูเสียความรู้สึกไปแล้วแล้วก็กลัวว่าวันไหนจะโดนอีกหนูอยากจะถามพี่ๆดีเจว่า หนูควรจะรับมือยังไง ถ้าเจอแบบนี้อีก?’ โดย “ดีเจเติ้ล” ให้คำแนะนำว่า ‘พี่มีคำเดียวให้น้องจี คือคำว่าอดทน เพราะพี่รู้สึกว่าแม่เขาตั้งแง่ หรือว่าเขาเห็นว่าน้องจีไม่ดีพอสำหรับลูกเขา พี่ว่าที่เขาพูดมาตอนนี้มันดูไม่มีเหตุผล เหมือนเขาแค่งองแง เอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง เหมือนเรื่องที่จะไปเที่ยวเมืองนอก ว่าจริง ๆ แล้วเราไม่ได้เอาเงินทั้งหมดไปเที่ยวนะ เราแบ่งค่าบ้านไว้แล้ว เขาก็เปลี่ยนเรื่องไป เป็นแล้วทำไม่ไม่ให้เงินฉัน เอาเงินไปเที่ยวกันน่ะ ซึ่งก่อนหน้านี้ถ้าไม่มีจี หรือไม่มีเรื่องนี้เขาก็ไม่พูด เราก็รู้แค่ว่า เขาก็แค่หาเรื่องว่าเรา แต่เท่าที่ฟังมาพี่ว่าก็ยังดีนะที่เขาก็แค่นี้ หมายถึงว่าเขาไม่ได้เข้ามาแทรก ๆ ด้วยวิธีอื่น เต็มที่ก็แค่โทรมาด่า มาคอมเม้นท์ เวลามีเรื่องมีราว พี่ก็รู้สึกว่ายังรับได้เหมือนแม่ผัวงี่เง่าที่ยังรับได้ แต่น้องจีก็ต้องอดทนและไม่เอาคำพูดเก็บมาคิดมาก พี่ว่าจีต้องอาจจะมองว่าเขาเป็นเด็กไปเลย คิดว่าสิ่งที่เขาพูดออกมามันมาจากอารมณ์เขา แล้วก็คิดไปเลยว่าเขางี่เง่า แล้วพี่คิดว่าแฟนน้องจีก็ทีมหนูนะ แม้ว่าเขาก็อาจจะสปอยแม่นิดนึง แต่ยังไงเขาก็รู้ว่าแม่เขาเป็นแบบนี้เลยไม่อยากให้ปะทะ เพราะฉนั้นรักษาความสัมพันธ์ไว้ อันไหนเลี่ยงได้เลี่ยง สำหรับพี่นะ’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ให้คำแนะนำว่า ‘เป็นเคสที่เราจะเปลี่ยนแปลงอะไรเขาได้ยากที่สุด แล้วก็ไม่เกี่ยวว่าจะเป็นจีหรือเป็นใคร หมายถึงใครที่เข้ามาก็ต้องเจอหมด ก็ต้องอดทน คนที่จะทำให้คลี่คลายได้ก็มีแค่ลูกชายเท่านั้น ไม่งั้นก็จะไม่มีปากมีเสียงถ้าลูกชายเอาอยู่ ก็ต้องทนอะถ้ารักลูกชายเขามากพอ เพราะทำอะไรไม่ได้ ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เขาอาจจะหวงลูกชายเขาเพราะเขาไม่ได้เป็นความสำคัญเบอร์หนึ่งแล้ว เขาอาจจะน้อยใจ แล้วมันอาจจะหนักขึ้นด้วยเพราะเขาอายุเยอะนิดนึง ก็ต้องทนแหละ’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ให้คำแนะนำว่า ‘แต่ถ้าทนไม่ไหว ลองบอกกับคุณแม่เขารู้สึกตัวว่า หนูไม่ได้มาให้เขาเลือกอย่างเดียว หนูก็มาดูลูกชายคุณแม่ด้วยว่าผ่านไหม แล้วแม่แบบนี้เขาจะมีความภูมิใจในลูกชายตัวเองมาก ถ้าเรารู้สึกว่าลูกเขาก็ยังไม่ผ่าน เพราะครอบครัวแบบนี้หนูก็ยังไม่อยากใช้ชีวิตอยู่ด้วย คุณแม่ไม่ต้องกังวลใจไปเพราะหนูเองก็อยู่ในช่วงศึกษา แสดงออกไปเลย เพราะแฟนมีหน้าที่เป็นกาวระหว่างคนสองคน ฉะนั้นเราให้เวลาเขาแต่เธอก็ต้องเด็ดขาดอะไรบ้าง แต่พี่รู้สึกว่าให้เว้นระยะไปเลยแล้วให้เขาไปคุยกับลูกเขา พอเขาจะวีนก็บอกไปเลยว่า แม่คุยกับลูกแม่ดีกว่า เพราะว่าลูกแม่เป็นคนตัดสินใจ ขอตัวไปนั่งรอที่อื่นดีกว่า แบบว่าให้เขาคุยกับรู้เขาดีกว่า อยู่กับปัจจุบัน ถ้าวันนี้มันยังดีอยู่ก็โอเค แต่ถ้ามาก้าวก่ายมาก็อาจจะต้องทบทวน และถามแฟนไปเลยว่า ที่เลิกกับแฟนเก่าเพราะเหตุผลอะไร นี่เป็นส่วนหนึ่งหรือป่าว เธอคิดที่จะแก้ไขไหม ถ้าเธอไม่แก้เราก็อาจจะมีจุดจบเหมือนแฟนเก่าเธอ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ผมเป็นครูมา 10 ปี เพิ่งเคยเจอ ผมเสียใจร้องไห้มา 2 อาทิตย์แล้วครับ ได้มาสอนชั้นอนุบาล เจอผู้ปกครองไปขอผอ. ย้ายลูกไปเรียนห้องอื่น เหตุผลเพราะเขาเห็นผมเป็น LGBTQ+ เขากลัวว่าลูกจะโตมาเป็นแบบผม แล้วการที่ผมเป็นแบบนี้ ผมผิดอะไร?

09 ส.ค. 2024

ผมเป็นครูมา 10 ปี เพิ่งเคยเจอ ผมเสียใจร้องไห้มา 2 อาทิตย์แล้วครับ ได้มาสอนชั้นอนุบาล เจอผู้ปกครองไปขอผอ. ย้ายลูกไปเรียนห้องอื่น เหตุผลเพราะเขาเห็นผมเป็น LGBTQ+ เขากลัวว่าลูกจะโตมาเป็นแบบผม แล้วการที่ผมเป็นแบบนี้ ผมผิดอะไร?

ผมเป็นครูมา 10 ปี เพิ่งเคยเจอ ผมเสียใจร้องไห้มา 2 อาทิตย์แล้วครับ ได้มาสอนชั้นอนุบาลเจอผู้ปกครองไปขอผอ. ย้ายลูกไปเรียนห้องอื่น เหตุผลเพราะเขาเห็นผมเป็น LGBTQ+เขากลัวว่าลูกจะโตมาเป็นแบบผม แล้วการที่ผมเป็นแบบนี้ ผมผิดอะไร? ลูกเขายังร้องไห้ อยากเรียนกับผมอยู่เลย “คุณคิม (นามสมมติ)” อายุ 30 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ [7 ส.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจอ้อม - ดีเจเติ้ล - ดีเจอั๋น’ เกี่ยวกับปัญหาสอนชั้นอนุบาล แต่ผู้ปกครองอยากย้ายลูกไปเรียนห้องอื่น เพราะเราเป็น LGBTQ โดย “คุณคิม (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘ผมเป็นครูกำลังจะเข้าปีที่ 10 ผมเป็น LGBTQ+ ผมก็มีแฟนและใช้ชีวิตปกติ ปีนี้ผมลงไปสอนชั้นอนุบาล แล้วผมก็เจอผู้ปกครองกลุ่มหนึ่งที่ค่อนข้างมีฐานะ พอเปิดเทอมได้เดือนเศษ ๆ ผู้ปกครองกลุ่มนี้ก็เข้าพบผู้อำนวยการ และจะขอย้ายลูก 2 คนไปเรียนอีกห้องหนึ่ง ซึ่งเค้าให้เหตุผลว่าไม่อยากให้ลูกเป็นเกย์ เป็นกะเทย ผมเลยถูกผู้อำนวยการเรียกไปคุยแต่ท่านไม่ได้บอกเหตุผลเพราะกลัวผมเสียใจ แต่ผมทราบจากผู้ปกครองคนอื่นที่เค้าคุยกันในกลุ่มไลน์ ผมก็เลยมีความรู้สึกว่าแล้วเราผิดอะไรที่เราเป็นแบบนี้ ผมก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ผมตั้งใจสอนเด็กทุกคน ตลอดระยะเวลาที่ผมเป็นครูมา ผมก็ไม่เคยทำอะไรที่เสียหายหรือเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีสำหรับเด็ก แล้วทุกวันนี้เด็ก 2 คนนี้ก็ถูกย้ายไปอยู่อีกห้องนึง แต่ผมก็เจอทุกวัน ล่าสุดผมเจอเหตุการณ์ที่ผมไม่ไหว คือ เด็ก 2 คนนี้ลงรถมาจากผู้ปกครอง แล้วเค้าวิ่งมาหาผมแล้วบอกว่า “อยากไปเรียนห้องครูคิม” แล้วผู้ปกครองก็เอาลูกเค้าไป แล้วเค้าตีลูกและบอกว่า “ให้เรียนอีกห้อง วิ่งไปห้องนั้นทำไม” นี่คือเหตุการณ์ที่ทำให้ผมรู้สึกว่าผมก็ไม่อยากเกิดเป็นแบบนี้ ผมเลยคิดว่าเดือนตุลาคมนี้ผมจะลาออก เพราะเหตุการณ์นี้ ผมก็เลยอยากถามพี่ ๆ ดีเจว่าผมจะมูฟออนจากเหตุการณ์นี้ยังไง และจะดำเนินชีวิตต่อยังไง? ควรไปต่อหรือพอแค่นี้’ ซึ่ง “ดีเจอั๋น” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่คิดว่าถ้าเราอยากไปต่อเราไป ถ้าเรายังมีความสุขกับการเป็นครู แล้วมันยังเป็นความฝันความตั้งใจ เรายังรู้สึกว่ามันเป็นประโยชน์ตรงนั้น เราเห็นคูณค่าของตัวเองตรงนั้น “ทำ” แค่นั้นเอง อย่างแรกเลยพี่ไม่คิดว่าเราควรเอาคุณค่าของเราไปแขวนกับความคิดเห็นหรือความรู้สึกของคนอื่น เราไม่จำเป็นต้องให้ค่ากับทุกคน มันเป็นไปไม่ได้ในชีวิตที่จะทำให้ทุก ๆ คนรักเรา ชอบเรา แม้แต่เราทำถูกต้องทุกอย่าง ก็ยังสามารถมีคนบอกว่าเราผิดได้ แม้เราทำทุกอย่างเหมาะสม ก็มีคนบอกว่าเราไม่มีมารยาทได้ เพราะฉะนั้นมันคือเรื่องปกติของโลกที่เราจะต้องเจอกับความผิดปกติ รวมถึงเราอาจจะเจอกับความผิดปกติของทัศนคติของคนที่มาจากไหนก็ไม่รู้ และบางทีไม่ต้องหาเหตุผล พี่อั๋นก็ยังยืนยันว่ามันคือส่วนน้อย และเราควรมีภูมิคุ้มกันเพราะเราต้องเจอเรื่องแบบนี้อีกเยอะ และเราควรเป็นตัวอย่างให้เด็ก ๆ ได้เห็นว่าเราจะต้องเจอกับเรื่องอะไรได้อีกเยอะมากในโลกที่มันไม่มีเหตุผลเลย โดยไม่จำเป็นจะต้องเสรยเวลาอธิบายอะไรมากมายเกี่ยวกับเรื่อง LGBTQ+ กันอีกต่อไป เพราะ ณ วันนี้อย่างแรกเลย คิมเองต้องไม่รู้สึกว่าสิ่งนี้ผิดปกติ ไม่มีใครด่าเราว่าเราผิกปกติได้ ถ้าเราไม่รู้สึกว่ามันผิดปกติเอง เราต้องไม่ทำร้ายตัวเองในสิ่งที่เราไม่ได้ผิด อย่าหยิบมีดมาแทงตัวเอง โลกมันเดินไปแล้ว แต่เราไม่สามารถบังคับให้ทุกคนเดินไปกับเราได้ ถ้าเค้าทุกข์ปล่อยเค้าทุกข์ เราแค่เอาใจช่วยว่าลูกเค้าหวังว่าลูกเค้าจะเติบโตมาดีกว่าพ่อแม่เค้า’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่พึ่งไปงานไพรด์ที่สวีเดน เค้าจะมีขบวนที่เป็นตัวแทนของครูและอาชีพต่าง ๆ สิ่งที่พี่รู้สึกคือเค้าทำให้เห็นว่ามันคือเรื่องธรรมดาและปกติ เพราะฉะนั้นเราไม่รู้สึกว่ามันคือสิ่งผิดปกติเลย เพราะว่าคิมเจอเหตุการณ์นี้และรู้สึกกับมัน พี่เป็นห่วงไม่อยากให้คิมคิดแบบนี้ เพราะพี่รู้สึกว่าสิ่งที่คิมเจอ คนอื่นก็เจอในแง่มุมอื่นเหมือนกัน พี่รู้สึกว่ามันไม่แฟร์กับคิม ส่วนผู้ปกครองเราต้องเมตตาเค้าที่เค้าไม่รู้ว่าครู LGBTQ+ ไม่ได้ทำให้ลูกเป็น LGBTQ+ เท่ากับครูพละหล่อ ๆ พี่เสียดายถ้าคิมจะยุติอาชีพที่ทำมา 10 ปีและมีความสุขกับตรงนั้น เพราะฉะนั้นอยากให้คิมมีกำลังใจ และมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองทำ’ และสุดท้าย “ดีเจอ้อม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่เห็นใจคิมนะ แต่ว่านั่นคือปัญหาของแม่เด็กนักเรียน ไม่ใช่ปัญหาเรา เพราะถ้าเป็นพี่ พี่แค่รู้สึกว่าคำว่าครูคิมมั่นใจว่าคิมทำได้ดี ขนาดที่เด็กโดนย้ายร้องไห้และอยากมาเรียนกับคิม แสดงว่าคิมต้องเป็นครูที่สอนเราได้ดี เราดีพอและเด็กรัก อวยพรให้แม่เค้าต้องย้ายลูกไปเรื่อย ๆ เพราะนั่นคือความรักของแม่ แม่ไม่ได้ผิด แต่ถ้าแม่เค้าเลือกที่จะย้ายลูกไปเรื่อย ๆ และไม่ยอมรับในสิ่งที่ลูกเป็นก็ต้องเอาใจช่วยแม่เค้าจนกว่าจะพอใจ ปัญหาหลักคือเค้าไม่สามารถสอนลูกได้ด้วยตัวเอง จึงไปจัดการสิ่งแวดล้อมอื่น และคิดหรอว่าคนเราจะจัดการสิ่งแวดล้อมไปตลอดได้ เพราะฉะนั้นในหน้าที่การงานคิมไม่ได้บกพร่อง จงภูมิใจในสิ่งที่เราเคยทำและทำมันต่อไป แล้วปล่อยให้ปัญหานี้เป็นของมารดาเค้า’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

แฟนเพื่อนไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน ! ทำยังไงดีคะ หนูมีเพื่อนสนิท 2 คน คนนึงมีแฟนแล้ว แต่คนนึงคลั่งรักแฟนเกิน ทุกครั้งที่กลุ่มแชทหนูคุยเรื่องอะไร เขาจะวกกลับมาพูดเกี่ยวกับเรื่องแฟนเขาตลอดเวลา จะทำอะไร ไปไหนกับแฟน เพื่อนจะรายงานมาในกลุ่มตลอดเวลา

07 ก.ค. 2025

แฟนเพื่อนไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน ! ทำยังไงดีคะ หนูมีเพื่อนสนิท 2 คน คนนึงมีแฟนแล้ว แต่คนนึงคลั่งรักแฟนเกิน ทุกครั้งที่กลุ่มแชทหนูคุยเรื่องอะไร เขาจะวกกลับมาพูดเกี่ยวกับเรื่องแฟนเขาตลอดเวลา จะทำอะไร ไปไหนกับแฟน เพื่อนจะรายงานมาในกลุ่มตลอดเวลา

แฟนเพื่อนไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน ! ทำยังไงดีคะ หนูมีเพื่อนสนิท 2 คน คนนึงมีแฟนแล้ว แต่คนนึงคลั่งรักแฟนเกินทุกครั้งที่กลุ่มแชทหนูคุยเรื่องอะไร เขาจะวกกลับมาพูดเกี่ยวกับเรื่องแฟนเขาตลอดเวลา จะทำอะไร ไปไหนกับแฟนเพื่อนจะรายงานมาในกลุ่มตลอดเวลา “มึง ก็ทำกับข้าวให้แฟนกินนะ ช่วยเลือกของนี้หน่อย คิดว่าแฟนกูจะชอบสีไหน?”ใน STORY ก็โพสคลิปแฟนทั้งวัน จนหนูพูดเล่นๆไปว่า “ทำไมช่วงนี้ส่งเกี่ยวกับแฟนมาเยอะจังเลยอะ เบาๆบ้างก็ได้นะ”เพื่อนก็ส่งสติ๊กเกอร์ขำๆมา แต่ก็ยังทำเหมือนเดิม จะพูดหรือเตือนเพื่อนยังไงให้ไม่เสียเพื่อนดีคะ? “คุณซี (นามสมมติ)” อายุ 29 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [2 ก.ค 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจก๊อตจิ - ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาเรื่องเพื่อนชอบอวดแฟนมากเกิน โดย “คุณซี (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘กลุ่มเพื่อนสนิทหนูมีทั้งหมด 3 คน เราสนิทกันมาก เรียนด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ จนมหาวิทยาลัย จนเรียบจบ และทำงาน ประมาณ 15 – 16 ปี ให้นามสมมติเพื่อนเป็น A กับ B ซึ่ง A เป็นคนมีแฟน ค่อนข้างเป็นคนคลั่งรักแฟนมาก ส่วน B ก็มีแฟนเช่นกัน แต่ว่าทำตัวปกติ ไม่ได้คลั่งรักแฟนอะไรมากมายขนาดนั้น ส่วนตัวหนูก็มีคนคุย ๆ อยู่บ้าง แต่ว่ายังไม่ได้เรียกว่าแฟน โดยปกติแล้วพวกเราจะมีแชตกลุ่มเพื่อนไว้สำหรับพูดคุยกันทุกวัน เกี่ยวกับเรื่องสารทุกข์สุขดิบของเรา เม้าท์มอยเพื่อนอะไรอย่างนี้ ทีนี้จุดเปลี่ยนของกลุ่มแชตคือ A เขาค่อนข้างคลั่งรักแฟนคนนี้มาก ๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ A ก็มีแฟน แต่ก็ปกติ ไม่ได้คลั่งรักอะไรมากหรือเป็นแบบนี้ เพิ่งจะมาเป็นตอนคนปัจจุบัน อย่างตอนเย็น แชตกลุ่มจะเด้งมาแล้วว่า “มึง กูทำกับข้าวแบบนี้ให้แฟนกินนะ” ซึ่งบางทีหนูกับ B จะรู้กันว่าถ้าแชตกลุ่มเด้งมา เอาละ เดี๋ยว A ต้องส่งแฟนเข้ามาแน่ ๆ เป็นแบบนี้จริง ๆ จนหนูกับ B คุยกันว่า “เออมึง จะทำยังไงดี เตือนได้ไหมหรืออะไร” พูดประมาณแบบว่า เบา ๆ ลงหน่อยได้ไหมเรื่องแฟน แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดกับ A ตรง ๆ จนบางครั้งเรารู้สึกว่าแฟน A ไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคนบนโลกใบนี้ จริง ๆ เราเคยเจอแฟน A แล้ว ช่วงเทศกาลสำคัญ หรือช่วงวันเกิด ถึงจะได้เจอกัน แต่ไม่ค่อยถูกชะตาสักเท่าไหร่ ตอนแรกเฉย ๆ แต่พอในแชตมันทุกวัน ๆ บางทีมันก็เริ่มมึนหัว ซึ่งหนูเคยพูดแบบว่า “เออ ทำไมช่วงนี้ส่งเกี่ยวกับแฟนมาเยอะจัง เบา ๆ บ้างก็ได้นะ” A ก็จะส่งสติ๊กเกอร์ขำ ๆ มา แต่ไม่ต้องรอถึงพรุ่งนี้ A ก็ส่งมาเหมือนเดิม จนบางทีหนูกับ B บอกกันว่า “เออ เดี๋ยวถ้า A ส่งแฟนมันมาอีก เดี๋ยวเราเปิดดูเฉย ๆ ไม่ต้องไปแสดงความเห็นอะไร” แต่สุดท้ายก็เป็นเหมือนเดิม คือบางทีถ้าหนูกับ B ไม่ตอบเขาก็จะชวนคุยเรื่องอื่นก่อน แต่สักพักก็วนกลับมาเรื่องแฟนอีกเหมือนเดิม ปัญหานี้ไม่เคยหายไปเลย เวลาพวกเราคุยเล่นอะไรกัน A ก็จะพยายามวนเอาเรื่องแฟนเข้ามาในกลุ่ม มันเป็นแบบนี้บ่อย ๆ เรื่อย ๆ อย่างบางทีที่หนัก ๆ เลยคือ A จะซื้ออะไรให้แฟน A จะส่งมาในกลุ่มว่า “เออ พวกมึงช่วยเลือกหน่อยสิว่าแฟนกูจะชอบสีไหน” ประมาณนี้ แม้กระทั่งเรื่องส่วนตัวของเขา อย่างเวลา A แชตคุยกับแฟน A จะแคปหน้าจอแชตส่งเข้ามาในกลุ่มให้ B กับหนูดู ซึ่งบางทีเนื้อหาที่แคปมาเรื่องที่เขาคุยกันมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา 2 คนจริง ๆ B กับหนูไม่จำเป็นต้องรับรู้ก็ได้แต่ A ก็จะพยายามส่งเข้ามาแบบนี้บ่อย ๆ เข้ามาทุกวัน ๆ 3 เวลา จนหนูกับ B เริ่มรู้สึกได้ว่า A มันคลั่งรักเกินไป จึงอยากจะมาปรึกษาดีเจทั้งสามว่า เราจะมีวิธีพูดแบบไหนกับเพื่อนว่าเรารู้สึกอึดอัดที่เพื่อนเป็นแบบนี้ โดยที่ไม่ทำให้เพื่อนเสียใจหรือรู้สึกไม่ดี’ ซึ่ง “ดีเจก็อตจิ” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘อยากให้ลองพูดกับเพื่อนตรง ๆ แต่ต้องเป็นคำพูดที่พูดได้ เช่น “เธออย่าส่งมาแล้วได้มั๊ย มันเป็นเรื่องส่วนตัวของเธอหรือเปล่า เราไม่จำเป็นต้องมารับรู้แฟนของเธอนะ” หรือไม่ก็ยื่นข้อเสนอให้เพื่อนไปว่าถ้าส่งมาอีกจะไปสร้างกลุ่มใหม่ สุดท้ายหากยังเป็นเหมือนเดิม แล้วพูดตรง ๆ ไม่ได้ก็ลองเมิน ไม่อ่านและไม่ตอบ พี่เชื่อว่าสักวันเขาจะรู้ตัวเอง’ ต่อไป “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เรื่องนี้ไม่ B ก็ C ต้องมีคนเสียสละหนึ่งคนเพื่อใช้ชื่ออ้างกับเพื่อน ถ้า C ชนะก็ทักไปหา A แล้วบอกว่า “ไม่ได้อยากให้ทะเลาะกันนะแต่ B ฝากมาบอกว่า….” แล้วพูดอ้างไปเลย แต่ B ต้องรู้ด้วยเพื่อกันการเข้าใจผิดระหว่างกลุ่มเพื่อนคือ B และ C ต้องสมัคคีกัน หาก A ทักมาหา B ก็ให้บอกว่า C ก็รำคาญเหมือนกัน ให้ A ได้ตะหงิดใจว่าเพื่อนรำคาญเราทั้งคู่เลย แต่ท้ายที่สุดแล้วหากยังแก้ไม่หายให้เมินไปได้เลยเช่นกัน นิ่ง ๆ ไป ส่งเรื่องอื่นก็คุย ส่งเรื่องแฟนก็เงียบ สุดท้ายแต่ถ้าแฟนเพื่อนเป็นคนดีก็ให้เพื่อนไปเถอะ ความสุขของเพื่อน” สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘ให้ลบทุกข้อความและไม่เข้าไปอ่าน แต่ก็ไม่ใช่ไปต่อต้านเพื่อน เป็นแค่การทำให้ A รู้ว่าทำแบบนี้เพื่อนจะไม่อ่านนะ ถ้าหากเผลอกดอ่านแล้วยังเป็นเรื่องแฟน ก็ให้อ่านแล้วไม่ตอบ ให้คุยแค่เรื่องสำคัญเท่านั้น ถ้า A ถามว่าทำไมอ่านไม่ตอบก็ให้พูดตรง ๆ ได้เลยว่ารำคาญ อ่านไปก็ไม่มีอะไร ถ้า B เข้ามาอ่าน C ก็ค่อยเข้ามา อีกวิธีอาจจะประชดเลยว่า “แฟนมึงดีที่สุดในโลกแหละ ดีก็แต่แฟนมึง” หรือท้ายที่สุดถ้ายังไม่หายก็อาจจะตั้งคำถามว่า “มึงเคยคิดมั๊ย กับสิ่งที่ส่งมา จะให้ตอบอะไร ให้ลองไปอยู่กับแฟนมึงมั้ง ในนี้ใครจะอยากรู้เรื่องส่วนตัวมึง”’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1