ติดโปร 10 เดือน ก็ยังไม่ผ่านงาน!! แฟนหนูทำงานเป็น Editor ตัดต่อให้บริษัทเล็กๆแห่งนึง ตอนแรกบริษัทบอก 3 โปรจะผ่านงาน ขึ้นเงินเดือนให้ ตอนนี้แฟนหนูโดนต่อโปร ให้ทำงานมา 10 เดือนแล้ว อยากรู้ว่าเป็นเรื่องปกติไหม?

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ติดโปร 10 เดือน ก็ยังไม่ผ่านงาน!! แฟนหนูทำงานเป็น Editor ตัดต่อให้บริษัทเล็กๆแห่งนึง ตอนแรกบริษัทบอก 3 โปรจะผ่านงาน ขึ้นเงินเดือนให้ ตอนนี้แฟนหนูโดนต่อโปร ให้ทำงานมา 10 เดือนแล้ว อยากรู้ว่าเป็นเรื่องปกติไหม?

14 พ.ย. 2025

ติดโปร 10 เดือน ก็ยังไม่ผ่านงาน!!
แฟนหนูทำงานเป็น Editor ตัดต่อให้บริษัทเล็กๆแห่งนึง
ตอนแรกบริษัทบอก 3 โปรจะผ่านงาน ขึ้นเงินเดือนให้ 
ตอนนี้แฟนหนูโดนต่อโปร ให้ทำงานมา 10 เดือนแล้ว
เงินเดือนยังเท่าเดิม แต่งานเยอะขึ้น ทำงานทั้งวัน
อยากรู้ว่าเป็นเรื่องปกติไหม? 
หนูควรแนะนำแฟนว่ายังไงดี  ควรทำต่อ หรือ หาที่ใหม่

            “คุณฟ่า” (นามสมมติ) อายุ 20 สายที่ 2 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร ในคืนวันพุธที่ผ่านมา (12 พฤศจิกายน 2568) ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม”  เกี่ยวกับปัญหาที่แฟนทำงานมา 10 เดือนแล้ว แต่เขายังไม่ผ่านโปร

            โดย “คุณฟ่า” (นามสมมติ) ได้เล่าว่า ‘หนูมีแฟน เขาอายุ 24 ปี เขาได้เข้าทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งในตำแหน่งตัดต่อ ซึ่งระยะเวลา 3 เดือนเป็นระยะเวลาที่ทดลองงาน แต่ตอนนี้ ผ่านมา 10 เดือนแล้ว แฟนหนูยังไม่ผ่านโปรเลย ทางบริษัทแจ้งว่ายังไม่ได้รับงานจากภาครัฐ เลยยังไม่สามารถให้ผ่านได้ ซึ่งเขาไม่ได้ให้เหตุผลอะไรไปมากกว่านี้

            มันทำให้แฟนของหนู ทำงานโดยไม่ได้เงินเดือนที่มากขึ้น สวัสดิการสังคมที่ควรจะได้ในตอนที่ผ่านโปรก็ยังไม่ได้รับ บริษัทนี้ไม่มีตัวสัญญา เป็นการพูดด้วยปากเปล่า และในช่วงวันหยุด แฟนหนูก็ต้องเตรียมตัว คอยรอตัดงานให้เขา ถ้าเขาสั่ง ในช่วงตีสองตีสาม ก็ยังทักมาตามงานอยู่เลย

            หนูเลยอยากปรึกษาพวกพี่ว่า มันเป็นเรื่องปกติมั้ย หรือความคิดหนูแปลกเอง’

            เริ่มที่ “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าเป็นบริษัทขนาดเล็ก ระบบหรือระเบียบ จะไม่ค่อยมี อันนี้พี่ไม่ได้เหมารวมทั้งหมดนะ ซึ่งเหตุการณ์นี้ไม่ปกติ และมันไม่ใช่เรื่องของผลการทำงานว่าดีหรือไม่ดี เพราะแฟนหนูทำงานมา 10 เดือนแล้ว คนทั้งบริษัทก็ยังไม่ได้เป็นพนักงานประจำ ถ้าเป็นที่แฟนน้องคนเดียวอันนี้ยังพอคิดไปทางอื่นได้

พี่ว่าเขายังไม่มีกำลังพอที่จะจ้างประจำหรือพร้อมที่จะให้สวัสดิการ เขาคงรอโปรเจ็คใหญ่มา  ทั้งหมดทั้งมวลก็ขึ้นอยู่กับแฟนของฟ่า ลองคิดถึงข้อดี-ข้อเสียดู แต่อย่าคิดว่ามันไม่ดี เพราะอย่างน้อยเราก็ได้พอร์ต จากการตัดคลิปต่าง ๆ ถ้าแฟนฟ่ามีทางเลือกอื่น ยื่นพอร์ตไปที่ต่าง ๆได้  ถ้ามีโอกาสคงจะได้ขยับขยายย้ายที่ได้’

            ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘อีกหนึ่งกรณี เขาอาจจะโกง พูดไปเฉย ๆ แต่จริง ๆ ตั้งใจที่จะให้เงินเดือนเท่านี้อยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับแฟนเรา ไปคุยเรื่องสัญญา ไปคุยเรื่องลิมิต ขีดเส้นให้มันชัดเจน แฟนเรารู้สึกว่าไปที่อื่นได้มั้ย การทำงานโดยไม่มีสัญญาต้องยอมรับความเสี่ยงนะ เพราะเลือกที่จะทำงานไม่มีสัญญาเอง’

            สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถึงจะไม่มีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร แต่กฎหมายคุ้มครองตามกฎหมายทุกประการ ตอนนี้คือเหมือนเขาเอาเปรียบ หล่อเลี้ยงเราไว้เฉย ๆ บริษัทจะได้งานหรือไม่ได้งาน ก็ต้องจ่ายตามข้อตกลงอยู่ดี ถ้าแฟนคุณเก่งจริงๆ ยื่นพอร์ตไปเลย เพราะตอนนี้ตัดต่อเป็นที่ต้องการมาก’

เรื่องราวทั้งหมดนี้จะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App AtimeFungFin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ทริปแสนปวดใจ !! สาวโทรปรึกษา 3 ดีเจ ไปทริปกับแฟน แต่แฟนพาแฟนเก่าไปด้วยกับเพื่อนๆ คืนแรก แฟนเก่าแฟนคนนั้นเมา ร้องไห้ เพื่อนออกไปปลอบ “ร้องทำไม ยังไงเขาก็ไม่กลับไปหาแล้ว” วันที่สอง ไปกินข้าวเขาสั่งอาหาร เมนูที่แฟนเราชอบ เครื่องดื่มที่แฟนชอบ

27 ต.ค. 2023

ทริปแสนปวดใจ !! สาวโทรปรึกษา 3 ดีเจ ไปทริปกับแฟน แต่แฟนพาแฟนเก่าไปด้วยกับเพื่อนๆ คืนแรก แฟนเก่าแฟนคนนั้นเมา ร้องไห้ เพื่อนออกไปปลอบ “ร้องทำไม ยังไงเขาก็ไม่กลับไปหาแล้ว” วันที่สอง ไปกินข้าวเขาสั่งอาหาร เมนูที่แฟนเราชอบ เครื่องดื่มที่แฟนชอบ

ทริปแสนปวดใจ !! สาวโทรปรึกษา 3 ดีเจ ไปทริปกับแฟนแต่แฟนพาแฟนเก่าไปด้วยกับเพื่อนๆ คืนแรก แฟนเก่าแฟนคนนั้นเมาร้องไห้ เพื่อนออกไปปลอบ “ร้องทำไม ยังไงเขาก็ไม่กลับไปหาแล้ว”วันที่สอง ไปกินข้าวเขาสั่งอาหาร เมนูที่แฟนเราชอบ เครื่องดื่มที่แฟนชอบคุยแต่เรื่องอดีตต่อหน้าเรา เราไม่โอเคมากๆ ถ้ามีทริปหน้าอีกจะทำไง? “คุณบี (นามสมมติ)” อายุ 22 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (18 ต.ค. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจพี่อ้อย’ กับปัญหาที่ไปเที่ยวแล้วทริปนี้แฟนเก่าของแฟนเราไปด้วย โดย “คุณบี (นามสมมติ)” เริ่มเล่าว่า ‘ได้มีโอกาสไปทริปกับแฟน เราไปกันหลายคน แต่แฟนเราได้ชวนแฟนเก่าไปด้วย เราก็โอเค จะได้มีเพื่อนไปเยอะๆ ต้องบอกก่อนว่า แฟนกับแฟนเก่าเลิกกันมาประมาณ 1 ปีแล้ว เขาจบกันไม่ค่อยดี โดยแฟนเก่าเขาทำไม่ดีต่อแฟนเรา ตอนนี้ฝ่ายหญิงก็มีแฟนใหม่แล้วด้วย แต่ในช่วง 1 ปี ที่ผ่านมาเขาสองคนก็ยังติดต่อกันอยู่ เขาคบกันมานานแล้ว ประมาณ 5 - 6 ปี แล้วพอแฟนมาคบกับเรา แฟนเก่าก็ชอบโทรมาแซะ มาแขวะ แฟนเราตลอด ว่า ‘ขอให้รักกันนานๆ นะ สมกันเหลือเกิน’ แล้วก็พอเราไปเที่ยวในที่ๆเขาไม่เคยไป หรือไปที่อาจจะแพงหน่อย เค้าก็จะส่งข้อความมาว่า ‘พากันกินหรูอยู่สบายจังเลยนะ’ แฟนเราก็มาบอกว่าเขาส่งข้อความมา แต่เขาก็ไม่ได้บอกว่าคุยอะไร แต่เราไปเห็นเอง ก่อนหน้านี้เขาเคลียกันแล้วว่าเขาไม่ได้อะไรกับเรา ไม่ได้อะไรกับแฟนเราแล้วนะ เราก็เลยเออๆ ไปเที่ยวด้วยกัน พอไปเที่ยวด้วยกัน มันจะมีวันแรกเลยที่เราดื่มแอลกอฮอล์เฮฮาปาร์ตี้กัน แล้วแฟนเก่าเขาก็เมา แล้วร้องไห้ แต่เขาไม่ได้ร้องไห้ให้เราเห็น เขาไปร้องไห้ที่หน้าร้าน แล้วเพื่อนของแฟนเราก็เดินไปพูดว่า ‘ร้องไห้ทำไม เขาไม่กลับมาหาแล้ว’ แต่ตอนนั้นเราก็เมา แล้วแฟนมาเล่าให้ฟัง เราก็เริ่มไม่โอเค แล้วฝั่งนู้นเขาก็ไม่โอเค เขาจะกลับก่อน บรรยากาศก็เริ่มตึงๆ เช้ามาแฟนเก่าเขาไม่ยอมออกจากห้อง แล้วเขาโทรมาหาแฟนเราว่า ‘จะกลับก่อน ไม่อยู่ทริปต่อแล้ว’ เพื่อนของแฟนเราเขาก็ไปคุย ไปปลอบกัน สรุปก็คือไม่กลับแล้ว อยู่ต่อ แต่บรรยากาศมันก็กร่อยไปแล้ว เราก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้ว ไม่ได้ไม่มีอะไร เหมือนที่เขาพูดแล้ว เราก็อึดอัดมาก ต่อมา เราไปร้านอาหารกัน แฟนเก่าเขาก็สั่งข้าวให้แฟนเราเลย เขารู้ว่าแฟนเราชอบกินอะไร แล้วก็จะมีอีกอย่างคือ เขาสั่งน้ำที่แฟนเราชอบมา หนูคิดแล้วว่า มันต้องสั่งมาเพราะแฟนเรามันจะขอชิมอะไรสักอย่างนี่แหละ สรุปก็ขอชิมจริงๆ เราก็ไม่ได้อะไร แต่เราก็มองทั้งคู่แสดงออกว่าเราไม่ชอบ พอกินข้าวเสร็จเราก็ไปเที่ยวกันต่อ มันก็เป็นบรรยากาศที่อึมครึมทั้งทริป จนวันสุดท้าย ก็เป็นอีก สั่งกับข้าวให้แฟนเราอีก แล้วเขาก็บอกว่า ‘สั่งเลยนะ จะกินอะไร’ เพราะเขาสั่งให้แฟนเราแล้ว วันนั้นเราก็เมากันอีก ก็พากันไปกินต่อที่ห้อง เราก็คุยกันว่า ‘สิ้นเดือนนี้เราจะมีทริปไปเที่ยวกันอีก’ แต่หนูก็ไม่ได้พูดว่าหนูจะไม่เอาเขาไปด้วยแน่ๆ แล้วที่เราจะไปเที่ยวกันทริปหน้าเนี่ย เขาอยากให้แฟนเก่าของแฟนเราเขาไปด้วย เพราะเราจะไปพักที่รีสอร์ทของเพื่อน หรือ ของญาติแฟนเรา เขาสนิทกับแฟนเก่าของแฟนเราเหมือนเป็นน้องรักกันเลย เขาเจาะจงเลยว่าอยากให้พามาด้วย แต่แฟนเขาก็มาถามหนูด้วยว่า ‘รอบหน้าจะยังให้ไปด้วยไหม’ หนูก็บอกว่า ‘ไม่ ไม่ให้ไป’ ไม่พูดเยอะด้วยเพราะว่า เดี๋ยวหนูจะดูเป็นคนไม่ดี หนูไม่เอา ไม่เอาแล้ว มันไม่สนุก อยากถามพี่ๆว่า ถ้าเขายังถามหนูอีก หนูควรจะตอบเขาว่ายังไงดี ทริปหน้าจะให้เขาไปด้วยไหม?’ ซึ่ง “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำตอบว่า ‘พี่จะตอบว่าสั้นๆ มึงยังจะต้องถามอีกหรอ!!! แค่เนี้ย มึงไม่มีสมองคิดหรอ แค่นี้เลยบี ไม่ต้องถามอะไรเลย ถามแค่นี้ แล้วไม่ต้องตอบด้วยนะ แล้วดูซิว่าจะมีสมองคิดมั้ยว่า ไม่ให้ไป ต้องไม่ให้ไปอะ เพราว่าตอนนี้มันไม่ไหวแล้ว ไม่ได้แล้วเปล่าอะ คือ ไม่มีเหตุผลที่ต้องติดต่อกันอีกแล้ว เอาจริงๆ แค่ไม่ไปร่วมทริปยังน้อยไป ถ้าเป็นพี่นะ ยังจะต้องติดต่อกันอีกหรอ ถ้าเขาชัดเจนขนาดนี้แล้วว่าเขาอยากได้แฟนหนูกลับคืนอะ แล้วฝั่งนั้นก็ยังมีแฟนอยู่แล้วด้วย ยัยผู้หญิงคนนี้เป็นอะไร ฮีสหรอหรือยังไง แล้วพี่ว่าต้องตัดเลยบี ไม่งั้นบีจะวุ่นวายกับชีวิตมาก ต้องให้เขาเลิกติดต่อ ต้องบอกเลยว่า ‘อันนี้ไม่ได้แล้ว ชัดเจนเหลือเกินว่าเขายังอะไรกับเธออยู่ การยิ่งติดต่อมันคือหมายถึงอะไร แสดงว่าเธอโอเคใช่ไหมกับการที่เขากำลังมีใจอยู่แบบนี้ ซึ่งสำหรับฉันมันไม่ ไม่ใช่แค่ไม่ไปทริป ต้องเลิกติดต่อกับเขา เพราะไม่งั้น กูนี่แหละจะเป็นฝ่ายเลิก’ ต้องอย่างนี้นะ ไม่งั้นบีก็จะต้องเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆนะ เพราะดูทรงแล้ว หนึ่งแฟนบีโอเค คนรอบข้างโอเคหมด ยัยผู้หญิงคนนั้นไม่รู้สึกอะไรเลยนะ จริงๆ เพราะบีก็ไม่ชัดเจน ไม่เข้มแข็ง ไม่ยันเขาว่าแบบ ทำแบบนี้มันผิดนะ แต่พี่ก็เข้าแหละว่าโมเม้นต์ตอนนั้นไม่อยากทำให้บรรยากาศมันเสีย แต่หลังจากนี้เราทำได้ ปิดทุกประตู ทริปที่จะไปก็ปล่อยให้ไปเอง ไปเที่ยวกับเพื่อน คิดอย่างนั้นก็ไม่เกี่ยวกับเรา ถ้าจะไปกับแฟนหนูไปทริปอื่น สำหรับพี่แค่นี้เลย” ต่อมาเป็นของ “ดีเจอ้อย” ได้ให้คำตอบว่า ‘พี่ยังรู้สึกอยู่ดีว่า คนกลางสำคัญ และแปลกมากที่ยังมีโอกาสมาถามอีกนะว่า ‘พาว่าไปด้วยอีกได้ไหมอะ’ คือพี่มีความรู้สึกว่า แฟนดีๆ อะแล้วเราเป็นแฟนใหม่ ถ้ามีคนเก่าอยู่ในใจดึงคนใหม่มานั่งเจ็บอยู่ตรงนี้ทำไม ทริปนี้ควรเป็นทริปที่เราสองคนควรมีความสุขไม่ใช่หรือ ยังมีหน้ามาถามอีกว่าเอาแฟนเก่าไปด้วยได้ไหม โดยมารยาทแล้วไม่มีใครเขาถามกันแบบนี้นะคะ หรือถ้าสมมุติหนูรู้สึกว่า ถ้าเขามาถามอีกจะทำยังไง หนูบอกไปเลยว่า ‘เอางี้ ก็เอาแฟนเก่าของเธอไปด้วยแล้วพาแฟนใหม่ของเขาไปด้วย ถ้าเธออยากจะมาเป็นมวลหมู่ ได้ค่ะ พร้อม 2 คู่เลยไหมล่ะ’ แล้วก็บอกกับเขาด้วยนะว่า ‘เธออย่าทำตัวน่าเกลียดนะ ผู้ชายที่เป็นแฟนใหม่ผู้หญิงคนนั้นจะรู้สึกยังไง เราไปดึงแฟนเขามาไปเที่ยวด้วยกันอยู่บ่อยๆ’ และไม่ได้อะไรมากนะ พาร์ทนี้มันต้องแบ่งเป็นสองส่วนนะ ส่วนนึงคือ เธอไม่แคร์ความรู้สึกฉันเลยแม้แต่นิดเดียว วันนั้นที่หนูกร่อยแทบตายมีใครสนใจหนูไหมล่ะ หนูเซ็งเอง เบื่อเอง เศร้าเอง น้อยใจเอง แล้วทริปก็จบไปอย่างเงียบๆ พี่ถึงได้บอกว่าคนอื่นดูรื่นเริงกันหมดกับทริปนั้น มีแต่หนูคนเดียว และดูเหมือนว่า อารมณ์ของหนูไม่ได้มีผลต่อใครๆ ในทริป ไม่เห็นมีใครเขาต้องมานั่งคอยดูแลหัวใจหนูหรอ ทั้งๆ ที่หนูเองคือแฟนที่ถูกต้องตอนนี้อยู่ แล้วยังมีหน้ามาถามอีก ว่าครั้งหน้าไปอีกได้ไหม เจ้าของรีสอร์ทเขาสนิทกัน ได้ ถ้าอยากไปด้วยกัน ไปกันให้หมดเลย บอกผู้หญิงคนนั้นเลย ‘พาแฟนเขาไปด้วย ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นว่า ฉันกำลังพยายามชัดเจนแล้วนะว่า ตกลงที่สุดแล้วแฟนของฉันกำลังรอแฟนเก่ากลับมาใช่ไหม เอาชัดๆ เอาตรงๆ ไม่ต้องเอาทริปมาบังหน้า เพราะถ้าไปแบบนี้แล้ว ไม่ได้มีใครมีความสุขเลยโดยเฉพาะฉัน’ การไปเที่ยวเสียเวลานะ ไปแล้วต้องมีความสุข ถ้าหนูต้องไปแล้วไปนั่งทำยังไงดี มันกร่อยไปหมดแล้วพี่ แล้วเมา ในช่วงเวลาไหนก็ตามพี่คิดว่า ช่วงเวลานั้นน้องต้องมีสติด้วยซ้ำ น้องจะได้เห็นทุกอย่างสักทีว่าตกลงแล้ว เรากำลังเป็นแฟนคนนึงที่เขาคบเพื่อรอคนเก่าหรือเปล่า มันไม่ใช่แค่ทริปเที่ยว แต่มันเป็นวิธีคิดของคนที่เป็นแฟนเราว่าเขาคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงคิดว่ามันเป็นความสามัคคีชุมนุม แฟนใหม่ก็มี แฟนเก่าก็มาแฮปปี้กันได้ เดี๋ยวก่อน ได้ถามใจคนอื่นไหม อย่าทำมาเป็นขออนุญาต เพราะเรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นขออนุญาตแล้ว เธอเองต้องคิดได้เองแล้วตั้งแต่ต้น เพราะฉะนั้นวันนี้ ได้ ถ้าอยากจะลองมาเล่นแบบนี้กันดูนะพากันมาให้หมดเลย ผู้หญิงคนนั้นก็ต้องพาแฟนใหม่ของเขามาด้วยนะ จะไปกันเองได้ยังไง ไม่อย่างนั้นมันก็กลายเป็นว่า ในที่สุดแล้วเธอสองคนมีใจอยู่ใช่ไหม แล้วคนใหม่รอบๆตัว เอาลงมาเจ็บด้วยทำไมกัน มาวุ่นวายกลายเป็นแบบสามัคคีชุมนุม แล้วมีใครมีความสุข เอาจริงๆ ต้องพูดคำว่า ทุกคนมีความสุขยกเว้นเราคนเดียว หนูลองดูนะว่าในทริปนั้น ไม่ว่าเป็นจำนวนกี่วัน หนูทุกข์ทรมานไหมล่ะ เพราะเขาก็แสดงออกเต็มที่มาก ‘อ๋อเธอชอบกินอันนี้ เดี๋ยวเราสั่งให้’ แล้วแทนที่แฟนเราจะมีความรู้สึกว่า ‘เฮ้ย แบบนี้ไม่ได้ เพราะแฟนใหม่อยู่ตรงนี้เนี่ย เราก็ควรจะดูแลหัวใจเขา’ แต่ ‘ไหนขอลองชิมหน่อยสิ’ จ้ะ เพราะฉะนั้นเหตุการณ์แบบนี้ ไม่ควรจะเกิดขึ้นซ้ำๆ ‘ถ้าเธอคิดไม่ได้เองว่า อะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ ฉันคิดให้’ บางทีเราก็ต้องแสดงออกในพื้นที่โซนความสุขของเราเช่นเดียวกัน พี่ไม่อยากให้หนูต้องไปเป็นนางเอกที่แสนดี ทั้งที่ข้างในทนทุกข์ทรมาณแทบตาย ไม่เอาค่ะ ฉันต้องมีความสุข สุดท้าย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำตอบว่า ‘สำหรับผมถ้ามาถามนะว่า ‘อีกครั้งนึง ให้เขาไปด้วยได้ไหม’ ‘ได้ ไปเลย มึงไปเลย บีไม่ไป แล้วก็ไปเลย เลิกกัน ไป เชิญ ขอให้สนุกกับทริป’ พี่ว่ามันเลยเส้นแล้ว ถ้ากลับมาอีกรอบนึงนี่ สำหรับพี่ไม่ได้คบกันแล้ว พี่เลิกเลย กูพอแล้วกับวังวนอะไรแบบนี้ มันน่าประหลาดไปหมด เพื่อนร่วมทริปเอย ไอ้ประโยคที่ว่า ‘มึงจะร้องทำไมเขาไม่กลับมาหามึงแล้ว’ อ้าว นั่นแปลว่ามึงวางแผนจะกลับมากันอยู่หรอ แล้วบรรยากาศทั้งหมด เจ้าของรีสอร์ทที่อยากจะชวนไป พี่พยายามจะคิดว่าเขาอาจจะเป็นกลุ่มก้อนกันอยู่ แล้วหนูเข้ามาเป็นสะใภ้กลุ่มนี้ทีหลัง ทำไมมันดูเหมือนไม่มีใครแคร์บี ซึ่งเป็นแฟนปัจจุบันอยู่ มันไม่แคร์บีกันสักนิด แม้กระทั่งตัวแฟนบีเอง ไอ้การขอชิมน้ำแก้วนั้นเนี่ย โทษนะมึงทำได้ยังไงวะ พี่ว่าคนปกติ ที่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนั้นมันตึงขนาดไหน นั่งยังห่างเลยหัวโต๊ะท้ายโต๊ะ มึงขอน้ำชิม ถ้ามึงอยากกินมาก ‘โทษนะครับเดี๋ยวขอแบบนี้อีกแก้วนึง’ จบ ตอนนี้ผมกำลังแบ่งแยก ไอ้มิสเตอร์ คนพวกนี้นะ หนึ่งนะ ก็คือมิสเตอร์ดีแสนดี มิสเตอร์งี่เง้า มิสเตอร์สมองทึบ ที่แบบ ไม่ได้คิดอะไรเลย ทุกคนก็คือเพื่อนกันหมด จะแฟนเก่าไรก็เพื่อนกัน แล้วก็ทำอะไรที่ทะเล่อทะล่า ไอ้นี่ก็จะมีพวกนี้ กับแบบที่สอง มิสเตอร์เลวแสนเลว มิสเตอร์หวังเลย อันนี้ก็คือจะรีเทิร์นไหม จะรออยู่ไหม หรือจะแค่กินกันขำๆ คือไปดูเอาเองว่าแฟนบีเป็นแบบไหน แต่พี่บอกเลยว่าน่ารำคาญทั้งคู่ พี่จะไม่อยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้ทั้งคู่ ไอ้ดีแสนดีนี่ก็น่ารำคาญ แล้วถ้ากลับมาถามอีกที พี่เลิกเลย ไม่ต้องมีคำตอบแล้วว่าจะไปไม่ไปทริป มึงไปเลยค่ะ แล้วเราจบกันตั้งแต่วันนี้แหละเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูเรียนจิตวิทยา แต่รู้สึกว่าสังคม และ การเรียนยังไม่ใช่ อยากย้ายคณะไปเรียนรัฐประศาสนศาสตร์ แต่ก็ต้องหาเงินส่งตัวเอง จ่ายค่าเทอมเอง ปรึกษาคนรอบข้าง บางคนบอกให้ย้าย บางคนบอกให้เรียนต่อจะได้ไม่เสียเวลา หนูควรทำยังไงดีคะ?

24 ม.ค. 2025

หนูเรียนจิตวิทยา แต่รู้สึกว่าสังคม และ การเรียนยังไม่ใช่ อยากย้ายคณะไปเรียนรัฐประศาสนศาสตร์ แต่ก็ต้องหาเงินส่งตัวเอง จ่ายค่าเทอมเอง ปรึกษาคนรอบข้าง บางคนบอกให้ย้าย บางคนบอกให้เรียนต่อจะได้ไม่เสียเวลา หนูควรทำยังไงดีคะ?

“คุณโตเกียว (นามสมมติ)” อายุ 19 ปี เป็นสายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [22 ม.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษากับ ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจอ้อย’ เกี่ยวกับปัญหาเรื่องการเรียน ที่ยังไม่สามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง ว่าควรไปต่อหรือย้ายหนีดี โดย “คุณโตเกียว (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ปัจจุบันเรียนอยู่ปี 1 สาขาจิตวิทยา หนูมีเรื่องอยากปรึกษา ตอนมัธยมหนูเรียน สายศิลป์ – ภาษา มา ซึ่งมันค่อนข้างต่างจากสาขาที่หนูเรียนอยู่ในตอนนี้ ทำให้พอเข้ามหาวิทยาลัยมาช่วงเทอมแรก หนูเรียนไม่ค่อยดี ทำให้เกรดไม่ค่อยดี และก็มีปัญหาเรื่องการปรับตัวกับเพื่อนใหม่ ทำให้ช่วงนั้นไม่อยากไปเรียนเลย พอมาเทอมที่ 2 หนูก็เริ่มมีกลุ่มเพื่อนใหม่ แต่ก็ยังไม่สนิทกัน แล้ววิชาเรียนมันก็ยากขึ้น โดยเฉพาะวิชาเรียน สายวิทย์ หนูก็เลยคิดว่าถ้าหนูฝืนเรียนต่อไป หนูจะไหวไหม? แล้วก็กลัวว่าถ้าเกรดหนูน้อยแล้วจบไป จะหางานยากรึป่าว หนูก็เลยคิดอยากจะย้ายคณะ ซึ่งคณะที่หนูจะย้ายไปเป็นคณะที่เกี่ยวกับสายงานราชการ หนูคิดว่ามันน่าจะเหมาะกับหนูมากกว่า แล้วสาขานี้ก็ยังมีสวัสดิการที่ครอบคลุมทั้งตัวหนูและครอบครัวด้วย ที่สำคัญคณะใหม่ที่หนูจะย้ายไปมันสามารถที่จะเลือกเวลาเรียนเองได้ ทำให้หนูทำงานไปด้วย เรียนไปด้วยได้ เพราะครอบครัวหนูไม่ได้มีฐานะดีเท่าไหร่ และก็ยังมีน้องชายอีก คุณพ่อ - คุณแม่ก็ซัพพอร์ตหนูแค่ค่าที่พัก กับค่าใช้จ่ายบางส่วนในแต่ละเดือนเท่านั้น แต่ในสาขาจิตวิทยาของหนูตอนนี้ มันมีคนน้อย ไม่สามารถเลือกเวลาเรียนเองได้ อาจารย์เป็นคนเลือกเวลาเรียนให้ หนูก็เลยหางานทำยาก เพราะมีเลิกเรียนค่ำเป็นบางวัน แต่การย้ายคณะของหนูก็มีข้อจำกัด เพราะว่าถ้าหนูจะย้ายช่วงซัมเมอร์นี้ หนูก็ต้องไปทำงานหาเงินค่าเทอมเพื่อสำรองจ่ายเองก่อน เพราะต้องรอช่วงเปิดเทอม ถึงจะทำเรื่องกู้เงินจากกองทุนเพื่อการศึกษาได้ หนูปรึกษามาหลายคนแล้ว มันก็จะมีเสียงแตกออกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งนึงก็บอก อย่าย้ายเลยเสียเวลา อีกฝั่งบอกว่า ถ้ามันเหมาะกับตัวเองมากกว่าก็ย้ายเลย หนูก็เลยรู้สึกสับสน ใจนึงก็อยากย้ายเพราะตอบโจทย์กับชีวิตมากกว่า แต่อีกใจนึงก็กลัวตัดสินใจพลาด หนูเลยอยากจะถามพี่ๆดีเจว่า หนูควรเลือกแบบไหน ควรย้ายคณะดีไหมคะ? ซึ่ง “ดีเจอ้อย” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าพี่ย้อนเวลากลับไปได้ พี่จะเรียนจิตวิทยา แต่อันนี้แค่ให้เป็นสิ่งประกอบการตัดสินใจของหนูนะ เพราะชีวิตเราต้องมองแบบยาวๆ ในอนาคตตลาดงานต้องการนักจิตวิทยาอีกเยอะมาก แต่ถ้าหนูอยากทำงานราชการ ในบางสายก็ไม่จำเป็นต้องเรียนสายตรงก็สามารถทำงานราชการได้อยู่ดี ยิ่งปัจจุบันอาชีพและความรู้สามารถหาประกอบได้ทั้งนั้นเลย ไม่จำเป็นต้องเรียนสิ่งนี้เพื่อที่จะได้เป็นสิ่งนี้ ปัจจุบันแม้จะเรียนอะไรก็ตาม ถ้ามีโอกาสมาก็คว้าไว้เลย’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่อยากให้โตเกียวลองไปดูหลักสูตรการเรียนการสอนของคณะนี้ก่อนว่าพวกวิชาสายวิทย์ที่โตเกียวกลัว ในตอนปี 3 ปื 4 วิชามันเพิ่มขึ้นหรือน้อยลงยังไง ไม่แน่ว่าพื้นฐานของสายวิทย์อาจจะมีแค่ในปี 1 อย่างเดียวก็ได้ ถ้ายังอยากเรียนอยู่ก็ลองชั่งน้ำหนักดู หรือถ้าเกิดไม่ไหวจริงๆ ก็ลองเปลี่ยนดู’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ พี่แค่อยากให้โตเกียวมีความสุขกับสิ่งที่เรียน ต้องถามตัวเองว่าที่เรียน เรามีความชอบ และมีความสุขกับมันไหม แต่ถ้าโตเกียวอยากย้ายไปอีกคณะ โตเกียวก็ต้องลองดูวิชาที่ต้องเรียน มันมีวิชาที่โตเกียวสนใจไหม สนใจจริงๆรึป่าว ไม่ใช่แค่เรียนเพราะว่างานราชการจะมีที่ว่างรอรับเราอยู่ พี่ว่าแค่นั้นมันไม่พอ สุดท้ายพี่อยากให้โตเกียวเลือกเรียนสิ่งที่โตเกียวสามารถเต็มที่กับมันได้’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ผมรำคาญ! มีพี่ที่ทำงานคนนึง อายุ 52 เป็นรุ่นพ่อแล้ว แต่ยังแกล้งผม แกล้งรุ่นน้องผู้ชายในที่ทำงานเหมือนเด็ก เอาน้ำแข็งหยอดใส่หลัง ดึงกางเกงให้หลุด เดินเตะขาให้สะดุด กินข้าวก็เอามือมาปัดตะเกียบ หลังๆเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ

04 มี.ค. 2024

ผมรำคาญ! มีพี่ที่ทำงานคนนึง อายุ 52 เป็นรุ่นพ่อแล้ว แต่ยังแกล้งผม แกล้งรุ่นน้องผู้ชายในที่ทำงานเหมือนเด็ก เอาน้ำแข็งหยอดใส่หลัง ดึงกางเกงให้หลุด เดินเตะขาให้สะดุด กินข้าวก็เอามือมาปัดตะเกียบ หลังๆเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ

ผมรำคาญ! มีพี่ที่ทำงานคนนึง อายุ 52 เป็นรุ่นพ่อแล้วแต่ยังแกล้งผม แกล้งรุ่นน้องผู้ชายในที่ทำงานเหมือนเด็กเอาน้ำแข็งหยอดใส่หลัง ดึงกางเกงให้หลุด เดินเตะขาให้สะดุดกินข้าวก็เอามือมาปัดตะเกียบ หลังๆเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ เคยด่าอ้อมๆไปว่า“ถ้าผมด่าพี่ได้ ผมคงด่าไปแล้วครับว่า เป็น *** อะไร?” “คุณนัท (นามสมมติ)” อายุ 30 ปี เป็นสายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [28 ก.พ 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาเรื่องพี่ที่ทำงานชอบแกล้ง โดย “คุณนัท (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘พี่ที่ทำงานอายุ 50 ปี ชอบแกล้งเหมือนเด็ก ๆ เช่น ดึงกางเกง ดึงผม ดีดหนังยาง ดึงหู บางที่ผมกำลังกินข้าวก็เอามือมาปัดแขนผม เพื่อให้ข้าวหล่น เอาน้ำแข็งใส่เสื้อ สกัดขาผมให้ล้ม เอานิ้วแหย่ก้น เอาปากกาเมจิกมาขีดแขน ผมก็รำคาญ ซึ่งผมเป็นคนหุ่นหมี พี่เขาตัวเล็กและอายุเยอะกว่า ผมจึงแกล้งเอาคืนพี่เขาไม่ลง วันไหนที่ผมต้องทำงานกับพี่เขาจะโดนแกล้งประมาณ 20 ครั้งต่อวัน ซึ่งคนอื่นก็โดนแกล้ง แต่ก็จะตะคอกและด่าพี่เขากลับ ด้วยความที่พี่เขาอายุเยอะกว่าผม เลยมีความเกรงใจ ผมจึงไม่ค่อยด่า แต่ผมก็เคยบอกกับพี่เขาไปว่า “ผมรำคาญ” พี่เขาก็หัวเราะ เห็นว่าผมอารมณ์ไม่ดีก็จะหายไปซักพัก พอเห็นว่าผมอารมณ์ดีแล้วก็จะกลับมาแกล้งผมอีก ผมก็เคยด่าเขาแต่ด่าแบบอ้อม ๆ พี่เขาก็เหมือนไม่รู้ตัว บางทีผมก็มีแกล้งเล่นกันกับเพื่อนที่ทำงาน แกล้งกันไปแกล้งกันมา ผมก็ไม่ได้โกรธอะไรเพื่อน แต่ถ้าพี่เขาแกล้งผมแล้วผมแกล้งพี่เขาคืน พี่เขาก็จะโกรธและงอนเหมือนเด็ก ทำฟึดฟัด ไม่พอใจ ผมก็ไม่ขอโทษเวลาที่พี่เขางอน เขาก็จะหายเอง แล้วก็จะกลับมาแกล้งผมอีก ตอนที่พี่เขาอยู่กับคนที่อายุใกล้ ๆ กันก็ปกติ แต่จะชอบแกล้งแค่คนที่อายุน้อยกว่า ผมไม่ได้โกรธพี่เขาแต่แค่รำคาญ บางทีก็โมโหเพราะดึงหัวครั้งแรก ครั้งที่สอง ผมก็ไม่ได้อะไร แต่พี่เขาดึงย้ำ ๆ บ่อยจนผมโมโห แล้วเขาก็จะหายไป พอผมอารมณ์ดีก็จะกลับมาอีก ผมก็สงสารพี่เขาเพราะพึ่งเข้ามาทำงาน ไม่ค่อยมีเพื่อน แต่บางทีก็ทำเกินไปจนผมโมโห มีครั้งหนึ่งผมอยากแกล้งพี่เขาคืน ก็มีการคุยกันประมาณว่า ผมให้พี่ดีดหนังยางใส่ผม 3 ครั้ง แล้วผมขอดีดพี่ครั้งเดียว แล้วพี่ห้ามโกรธ พี่เขาก็ตกลงแต่จะขอเป็นคนเริ่มก่อน พอพี่เขาดีดหนังยางใส่ผม 1 ครั้ง ก็บ่ายเบี่ยงว่ายังดีดไม่ครบ 3 ครั้งยังไม่ให้ผมดีดคืน ก็เลยอยากปรึกษาดีเจทั้ง 3 คนว่าผมควรทำยังไงให้พี่เขาหยุดแกล้งหรือจะเอาคืนพี่เขายังไงดี? ซึ่ง ดีเจทั้ง 3 คน ก็ให้คำปรึกษาว่า ‘พวกพี่ก็จะรีแอคให้เขารู้ไปเลยว่าที่โดนแกล้งอยู่มันไม่สนุก ซึ่งการกระทำของคุณนัทที่ทำทุกวันก็เหมือนเล่นกับพี่เขาไปด้วย แต่บางทีก็เกินไป ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าเราก็สนุกกับการเล่นกับพี่เขาในบางวัน เวลาแกล้งกันก็แบบนี้ อาจมีเลยเถิดไปบ้าง แต่เท่าที่ดูคุณนัทก็มีความปราณีกับพี่เขาอยู่ อยากให้เล่นกับพี่เขาต่อไป ไม่ต้องไปโกรธพี่เขา วันที่สนุกก็สนุกด้วยกัน แต่ถ้าไม่เล่นก็ต้องไม่เล่นเลยตั้งแต่แรก และต้องพูดกับพี่เขาแบบจริงจังหรือพูดตรง ๆ ไปเลยว่า “ผมรำคาญและทำงานอยู่ ผมไม่ได้มีอารมณ์เล่นกับพี่ได้ทุกครั้งนะ แต่ถ้าพี่ยังแกล้งผม ต่อไปนี้ผมจะแกล้งคืนแล้วนะ พี่จะได้รู้ว่ามันรู้สึกยังไง” เตือนพี่เขาก่อน แต่ถ้าเขายังแกล้งอีกก็แกล้งเขาให้หนักกว่าที่พี่เขาแกล้งเรา ให้พี่เขารู้ว่าเขาต้องหยุด ถ้าเราแกล้งคืนแล้วพี่เขางอน ก็ให้คุณนัทแจ้งกับฝ่ายบุคคล...’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

คบกับแฟนมา เขาหวงหนู มีข้อห้ามต่างๆ ไปผับห้ามเต้นกับเพื่อน ห้ามใส่เสื้อโป๊ ใส่ได้แค่เสื้อยืดหลวมๆ บางทีให้หนูใส่กางเกงบอล ล่าสุดสงกรานต์ห้ามหนูออกจากบ้าน ด้วยเหตุผล "เปอเซ็นต์ผู้หญิงโดนปะแป้งเยอะกว่าผู้ชาย" หนูไม่โอเคเค้าก็บอกเลิกหนูเลย จะง้อยังไงดีคะ?

12 เม.ย. 2024

คบกับแฟนมา เขาหวงหนู มีข้อห้ามต่างๆ ไปผับห้ามเต้นกับเพื่อน ห้ามใส่เสื้อโป๊ ใส่ได้แค่เสื้อยืดหลวมๆ บางทีให้หนูใส่กางเกงบอล ล่าสุดสงกรานต์ห้ามหนูออกจากบ้าน ด้วยเหตุผล "เปอเซ็นต์ผู้หญิงโดนปะแป้งเยอะกว่าผู้ชาย" หนูไม่โอเคเค้าก็บอกเลิกหนูเลย จะง้อยังไงดีคะ?

“คุณน้ำ (นามสมมติ)” อายุ 22 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (10 เม.ย. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจอ้อย นภาพร’ เกี่ยวกับปัญหาโดนแฟนหวงห้ามเล่นสงกรานต์ โดย ​“คุณน้ำ(นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘แฟนไม่ให้หนูไปเล่นน้ำสงกรานต์ เขาให้เหตุผลว่า ผู้หญิงมีเปอร์เซ็นต์ที่จะโดนปะแป้ง โดนลวนลามมากกว่าผู้ชาย เขาเป็นแฟนหนูเขาจะไม่ยุ่งเรื่องนั้นอยู่แล้ว แต่ว่าตัวหนูเป็นผู้หญิงมีโอกาสเสี่ยงเขาเลยไม่ให้หนูไป แต่เขาออกไปเล่นได้ เขาไม่พาหนูไปด้วยเพราะว่าอยู่ไกลกันก็เลยไม่ได้เล่นน้ำด้วยกัน เขาเป็นคนหวงหนูมาก ชอบห้ามหนูในสิ่งที่เป็นตัวหนู เช่น เรื่องการแต่งตัว เรื่องไปเที่ยวกับเพื่อน เขาก็จะห้ามนู่นห้ามนี่ หนูก็รู้ว่ามันเป็นความสัมพันธ์ที่ Toxic แต่หนูก็รักเขาเลยยังอยู่ หนูกับเขาอายุ 22 ปีเท่ากัน คบกันมาประมาณปีกว่า ๆ ถ้ารวมคุยด้วย สิ่งที่เขาห้ามมีเรื่องแต่งตัว แล้วก็ถ้าไปร้านเหล้าก็ห้ามเต้นกับเพื่อน ให้นั่งเฉย ๆ ต้องใส่เสื้อยืดเท่านั้น กางเกงขาสั้น บางทีก็ให้ใส่กางเกงบอล ชุดนักศึกษาหนูใส่ได้แค่ทรงพลีท ไม่สามารถใส่ทรงเอได้เลย แต่เรื่องที่กำลังเป็นปัญหาในตอนนี้คือ เรื่องเล่นน้ำสงกรานต์ หนูแค่ไม่เข้าใจว่าเขาไปเล่นได้ ทำไมหนูถึงไปเล่นไม่ได้ หรือว่าถ้าเขาไม่ให้หนูเล่น เขาก็ไม่ควรออก เพราะคนที่นอนอยู่บ้านรู้สึกกังวล เป็นห่วงเขา หนูอยากออกไปสักแค่วันนึง แต่หนูไม่ได้อยากไปสาดน้ำ แค่อยากออกไปเจอเพื่อนเฉย ๆ เวลาหนูโดนเขาห้ามเยอะ หนูก็เลยพูดกับเขาว่า เนี่ย ถ้าเกิดเธอมาห้ามในสิ่งที่เราชอบ งั้นเราก็ห้ามเธอไปร้านเหล้าเหมือนกัน เขาก็ตอบว่า ได้ แต่สุดท้ายก็มีไปอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ไปบ่อยเท่าเดิม ล่าสุดหนูพยายามไกล่เกลี่ยขอเขาว่า ขอให้เขาเล่นน้ำแค่ 2 วันได้ไหม เขาก็บอกว่า ไม่ได้เลย ทีนี้ก็ทะเลาะกันหนักมาก เพราะว่าหนูก็ขอเขา เขาไม่ยอม เถียงกันไปเถียงกันมาก็บอกเลิกหนูเลย พอเขาบอกเลิกหนูก็ง้อ หนูรู้สึกว่าไม่ควรบอกเลิกเพราะเรื่องแค่นี้ หนูก็เลยพยายามง้อเขา ตอนนี้เขาก็ไม่ค่อยจะคุยกับหนูเท่าไหร่ ค่อย ๆ เฟดตัวออกไป แต่หนูก็พยายามทำตัวดี ๆ ก็บอกเขาว่า โอเค เธอไปเล่นได้เลย เราอยู่บ้านเฉย ๆ ก็ได้ แต่สิ่งที่อยากถามพี่ๆดีเจ คือ มีวิธีไหนบ้างที่จะบอกให้เขาแฟร์ ๆ กับเรา หรือวิธีพูดให้เขาเปลี่ยนความคิดสักนิดนึงได้ไหม? ซึ่ง “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่าคนลักษณะนี้ ด้วยอายุเท่านี้ พูดไปเขาก็ไม่น่าจะฟังเหตุผลหรอก น้ำก็เคยคุยกันไปแล้วเรื่องสงกรานต์จบที่เลิกกัน พี่ยังคิดไม่ออกเหมือนกันจะมีเหตุผลอะไร ที่ทำให้คนคนนึงเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ นอกซะจากว่าวันหนึ่งเขาจะอายุมากพอ ความคิดโตพอที่จะแยกแยะได้ ระหว่างความหึงหวงใดใดก็ตามกับความไว้ใจคนของเรา แล้วก็เหมือนใจกว้างมากขึ้น ถ้าหนูพยายามที่จะหาจุดกึ่งกลางกับผู้ชายคนนี้ ณ เวลานี้พี่ว่ายังยากอยู่ ถ้ารักจริง ๆ พร้อมที่จะยอมจริง ๆ ก็อาจจะต้องทนก่อนระยะนี้ แต่พี่คิดว่าเขาไม่น่าจะเปลี่ยนเร็ว ๆ นี้ ด้วยความที่อายุ 22 ปีเท่ากันอยู่ แล้วหนูก็ไม่อยากให้เขามาเปลี่ยนตัวตนหนู แต่เอาเข้าจริงหนูก็ยอมเขา เพราะฉะนั้นถ้ายังคบกับเขา พี่ว่ายังไงก็ต้องยอมแบบนี้ ให้เอาเหตุผลอะไรไปพูด เดี๋ยวก็เลิกกันอีก เอาเป็นว่าถ้าเขามาฟัง สิ่งเดียวที่พี่พอจะช่วยได้ก็คือ ไอ้หนุ่มเอ้ย พ่อหนุ่ม เมื่อก่อนพี่ก็เป็น แต่เดี๋ยวเราโตขึ้นมันจะค่อย ๆ ใจกว้างขึ้นแหละ แล้วถ้ายิ่งโตขึ้นได้เร็วเมื่อไหร่ แฟนเราก็จะได้หายใจหายคอ แล้วความอึดอัดที่อยู่ด้วยกันก็จะยิ่งน้อยลงไปเรื่อย ๆ ชีวิตจะยิ่งมีความสุขขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเรารู้จักปล่อยวางนะไอ้หนุ่มนะ’ ต่อมา “ดีเจอ้อย” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่าก่อนจะไปคุยกับเขา หนูคุยกับตัวเองก่อน ไม่รู้สิเวลาที่คนเรารักกันมันก็ต้องอยากให้เขามีความสุขในการอยู่ข้าง ๆ เรา ไม่ได้แปลว่าอยู่กับฉัน แล้วเธอต้องทำสิ่งสิ่งนั้น สิ่งนี้ นี่มีแฟนไม่ได้เข้าคุก การที่บอกว่าต้องแฟร์กับหนูหน่อย หนูก็ต้องแฟร์กับตัวเองด้วยเหมือนกันว่า เฮ้ย ชีวิตฉัน ฉันอยากมีแฟนแล้วทำให้ฉันมีความสุขในทางของฉันเช่นเดียวกัน และเมื่อไหร่ก็ตามทีที่เขาเองบังคับใด ๆ แล้วน้องก็ทำตามสิ่งที่เขาบังคับมาโดยตลอด อะไรจะเข้าฝันเขาหรอว่า เขาฝันเสร็จปั๊บ พรุ่งนี้ปล่อยให้น้ำเป็นอิสระบ้างดีกว่า สงสารน้ำจังเลย ไม่มีทาง วันนี้พี่ยังเป็นคนที่เชื่อเสมอว่า คนเราอะไรก็ได้ ไม่มีอยู่จริงหรอก ความรักของคนที่เป็นผู้ใหญ่ มันจะไม่ใช่แค่ห้ามทำสิ่งนั้น สิ่งนี้ พี่ว่านิดนึงน้ำเองก็ดันมีความรู้สึกว่า พี่ แต่เขาก็หวงหนูไงคะ หนูก็เลยรู้สึกว่าการหวงถือว่าเป็นการรักมาก แต่พี่ไม่ได้อยากพูดให้น้องนอยด์นะ พี่เห็นมาเยอะมากว่า ไอ้คนที่หวงแฟนระดับเกินเบอร์ไปมาก ตัวเองทำทุกอย่างเลย แล้วยิ่งถ้าน้องทำตัวเองเป็นดาวบริวารที่โคจรรอบตัวเขา ยอมเขาอะไรก็ได้ ขนาดเรื่องนี้คนที่ควรโกรธคือเราด้วยซ้ำ น้องกลับกลายเป็นง้อ พี่ว่าคน 2 คนเวลารักกัน เราต้องแคร์ความสุขของกันและกันด้วย ไม่ใช่พยายามบังคับให้เราเป็นแบบนั้นแบบนี้ และเราเองก็ดันพยายามบังคับตัวเองให้เป็นแบบนี้ด้วย อึดอัดก็อึดอัด แต่แสดงออกก็ไม่ได้กลัวเขาไม่รัก พี่รู้สึกว่าหึงนิด ๆ น่ารักนะ แต่หึงมากไปคล้ายดูถูก หึงมากไม่ได้แปลว่ารักมาก แต่แค่อยากเป็นเจ้าของชีวิต พี่เป็นคนที่เชื่อว่าคนรักกันเป็นเจ้าของหัวใจ แต่ไม่ใช่เจ้าของชีวิต เขาควรจะรู้ว่าน้ำมีความสุขกับเรื่องนี้ และถ้าเกิดเขาหวงมากก็แค่มาเล่นน้ำกับหนู พาหนูไปด้วย เขาไม่แฟร์กับหนูไม่เท่าหนูไม่แฟร์กับตัวเอง คือรักเขาพี่เข้าใจ แต่การรักเขาไม่ได้แปลว่าต้องยอมทุกสิ่ง จนกระทั่งเบียดบังความสุขของตัวเอง’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าจะให้พี่พูดอะไรกับแฟนหนู พี่ก็จะบอกเขาว่า ต้องรู้จักที่จะให้เกียรติคนรักมากกว่านี้ สิ่งเดียวที่เขาทำตอนนี้มันมาจากเรื่องเดียวที่พี่รู้สึกคือ เขาไม่ไว้ใจ เหมือนเขาจะตัดสินว่าการที่น้องน้ำแต่งตัวแบบนี้ มันจะทำให้น้องน้ำนอกใจเขา สำหรับพี่รู้สึกว่าแฟนกันมันต้องไม่ทำให้พี่ไม่ชอบตัวเอง เราชอบแต่งตัวแบบนี้ เรามีความสุขกับการแต่งตัวแบบนี้ ซึ่งมันอยู่ในขอบข่ายที่ไม่ได้อนาจาร คนทั่วไปเขาก็แต่งกัน อยู่ ๆ ก็ไม่ให้เราแต่ง น้ำต้องตื่นมาใส่กางเกงบอล ใส่เสื้อตัวใหญ่ ไม่ใช่ว่ามันไม่ดี แต่ตัวเองไม่ได้ชอบ พี่รู้สึกว่ามันคือคนรักที่เราจะมีความสุขจริง ๆ หรอ คนที่อยู่ด้วยกันแต่ทำให้เราไม่ชอบตัวเองอยู่คนเดียวดีกว่าหรือเปล่า’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1