หนักใจทั้งรายการ! สาวโทรปรึกษา จะเลือกทางไหนดี? แฟนที่คบมา 10 ปี ซื้อบ้าน ซื้อรถ หมั้นด้วยกันแล้ว ประสบอุบัติเหตุ ป่วยติดเตียง สุดท้ายเราเลือกทำงานเป็นเด็กเอนฯ หาเงินเลี้ยงดูแฟน ไปเจอลูกค้าจ้างเป็นรายเดือน ตกลงจะให้เงินเลี้ยงดูเรา

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

หนักใจทั้งรายการ! สาวโทรปรึกษา จะเลือกทางไหนดี? แฟนที่คบมา 10 ปี ซื้อบ้าน ซื้อรถ หมั้นด้วยกันแล้ว ประสบอุบัติเหตุ ป่วยติดเตียง สุดท้ายเราเลือกทำงานเป็นเด็กเอนฯ หาเงินเลี้ยงดูแฟน ไปเจอลูกค้าจ้างเป็นรายเดือน ตกลงจะให้เงินเลี้ยงดูเรา

28 เม.ย. 2023

          “คุณปุ้ม (นามสมมุติ)” อายุ 26 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (26 เม.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษาดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาแฟนเกิดอุบัติเหตุ

          โดย “คุณปุ้ม (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูคบกับแฟนมาตั้งแต่ปี 2556 สถานะของเราคือหมั้นกันแล้ว และเริ่มสร้างครอบครัว มีบ้าน มีรถด้วยกัน แบบกู้ร่วม ต่างคนต่างทำงาน ระหว่างนั้นเขาก็ดูแลหนูดีมากๆ ซักชุดชั้นในให้หมด ทำกับข้าวไว้รอ เขาจะมีวันหยุดเยอะกว่าหนู เขาเลยทำให้หมดเลย แต่เดือนมิถุนายน ปี 2565 ที่ผ่านมา เขาประสบอุบัติเหตุหนัก เส้นเลือดในสมองแตก กะโหลดหน้ายุบ แขนขวาใช้งานไม่ได้ ทำให้ป่วยติดเตียง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้...

          ภาระที่กู้ร่วมกันทุกอย่างตกมาที่หนูหมดเลย ก่อนหน้านี้แม่แฟนก็ยื่นมือมาช่วยดูแลเขา และช่วยเรื่องรายเดือนไปก่อน จนช่วงนั้นหนูก็ตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อจะไปเรียน เพราะหนูได้ทุน และรอโอกาสนี้มานานแล้ว ระหว่างที่เรียนก็ยังมีเวลา หนูเลยเรียนไปด้วย ดูแลเขาไปด้วย เพราะหนูเรียนแค่ช่วงวันเสาร์ - อาทิตย์ ส่วนวันจันทร์ - ศุกร์ หนูดูแลเขาตลอด ตั้งแต่ตื่นนอนยันเข้านอน

          ช่วงที่เขาอยู่โรงพยาบาลประมาณเดือนกว่าๆ และกลับมาพักที่บ้านต่อ แต่มันมีผลกระทบที่เกิดขึ้น คือ น้ำเสียง หน้าตา นิสัยเขาเปลี่ยนไปทุกอย่างเลย เขาจำหนูได้ แต่มีปัญหาเรื่องความรู้สึก อารมณ์อ่อนไหว ซึ่งหลังจากนั้นเป็นช่วงที่ต้องกายภาพ และมันต้องใช้เวลามากๆ หนูก็ทำทุกอย่างเลย ทั้งเอาหมอมาฝังเข็ม ไม่ว่าจะเป็น หมอการแพทย์ หมอบ้าน หมอผี เอามาหมด หลังจากนั้นอาการเขาก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จากป่วยติดเตียง กลับมาเดินได้ ช่วยเหลือตัวเองได้ แต่แขนขวาใช้ไม่ได้ เพราะต้องรอผ่าตัดกระดูกก่อน

          จนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เขาล้มแบบวูบ ทรุดไปเลย หนูก็พาไปหาหมอ สรุปเขาเป็นเส้นเลือดในสมองแตกอีกครึ่งหนึ่ง ครั้งนี้เขาหนักมาก พูดไม่ชัด ลิ้นแข็ง ป่วยติดเตียงไปอีกรอบนึงเลย ซึ่งระหว่างที่เขาป่วยหนูก็ดูแลเขาเต็มที่ แม่แฟนก็ช่วยบ้าง และช่วงนั้นหนูก็ตัดสินใจออกไปทำงานกลางคืน เป็นเด็กเอนเตอร์เทน ได้เงินมาทีละ 2 – 3 พัน แต่ไม่ได้ไปบ่อย เพราะเรื่องเรียนหนูก็หนักเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน

          พอหนูไปทำงานก็มีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามา เขาเข้าหาหนูโดยการจ้างเป็นรายเดือน เดือนละ 15,000 บาท ต้องไปเจอเขาทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ไปกินข้าวด้วยกันปกติ เขาก็มีของขวัญมาให้ตลอด แล้วก็แยกย้ายกันกลับ ไม่ได้มีอะไรเกินเลย ซึ่งตอนแรกเขาก็ไม่รู้ว่าหนูมีครอบครัวแล้ว แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าหนูมีแฟนที่ป่วย หลังๆมา เหมือนเขาเริ่มอยากจะจริงจังกับหนู เขาบอกว่าเขาก็ไม่อยากทำร้ายคนป่วยเหมือนกัน แต่สงสารหนู อยากดูแลหนูเหมือนกัน เขาพร้อมดูแลและซัพพอร์ตหนู เขาอยากให้หนูชัดเจน เคลียร์ไปชัดๆเลย เขาจึงยื่นข้อเสนอมาให้ว่า หนูจะอยู่กับเขาหรือกลับไปอยู่กับแฟนที่ป่วย?

          หนูกับผู้ชายคนนี้ เราทะเลาะเรื่องนี้กันมาตลอด เรื่องอื่นไม่เคยมีปัญหาเลย เหมือนเขาอยากเป็นตัวจริง แล้วก็นอยด์หนูว่าทำไมต้องมาหลอก หลังจากที่หนูได้เงินจากพี่เขา หนูก็ไม่ได้ไปทำงานอีกเลย ตอนนี้หนูไม่แน่ใจเรื่องความรู้สึกเหมือนกัน หนูก็จะเอาเขาไปเปรียบเทียบกับแฟนที่ป่วยของหนูด้วย ก่อนหน้านี้ก็มีคนเข้ามา แต่ก็ไม่ได้มีใครดีกว่าแฟนหนูสักคน

          หนูคิดว่าถ้าแฟนไม่ป่วย หนูน่าจะตัดสินใจได้ง่ายกว่านี้ เพราะหนูเลือกแฟนแน่นอน! แต่ตอนนี้แฟนป่วยมันก็เลยทำให้เป็นอุปสรรคใหญ่มากๆกับชีวิตหนู แฟนไม่เคยบอกให้ไปหาคนใหม่ มีแต่เขาบอกว่าอย่าทิ้งเขานะ และบ้านหลังแรกของเราก็ไม่ได้อยากให้ปล่อยบ้านไป

          ประเด็น คือ หนูทิ้งแฟนที่ป่วยไม่ได้ เพราะเขาไม่มีใครเลย เขามีน้องชายอยู่ที่ต่างจังหวัด และพ่อกับแม่ก็อายุจะ 60 แล้ว บ้านเขาก็ไม่ได้มีฐานะด้วย และหนูก็ต้องซัพพอร์ตทางบ้านหนู แต่ช่วงที่หนูต้องดูแลเขา หนูก็ไม่ได้กลับบ้านตัวเองเลย...’

          3 ดีเจให้คำปรึกษา “คุณปุ้ม (นามสมมุติ)” ว่า ‘ถ้าวันนี้ปุ้มทิ้งเขา ปุ้มแอบดูเห็นแก่ตัวไปหน่อย เพราะคบกันมาเป็น 10 ปี นึกถึงวันนั้น ถ้าคนที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเราแทน ปุ้มคิดว่าเขาจะทิ้งเรามั้ย?

          สิ่งหนึ่งที่รับรู้ได้จากที่ปุ้มโทรมาวันนี้ คือ รู้เลยว่าตอนนี้ปุ้มเหนื่อยมาก เหมือนแบกทุกอย่างไว้กับตัวหมดเลย ไม่ว่าจะเรียน ฝึกงาน ส่งเงินค่าบ้าน แม้กระทั่งจะต้องดูแลเขาอีก การที่หนูต้องไปทำงานกลางคืน ต้องไปเจอข้อเสนอนี้ มันก็เกิดจากความตั้งใจของหนูที่จะเอาเงินไปดูแลเขา

          ตอนนี้ให้โฟกัสที่แฟนที่ป่วยก่อน แนะนำให้เขากลับไปอยู่ที่บ้าน ให้พ่อแม่ดูแลลูกเขาแทน ส่วนเราออกไปทำงาน บ้านที่กู้ร่วมกันคือขายออกไป เคลียภาระให้หมด ตอนนี้ไม่ใช่จังหวะที่เราจะทิ้งแฟนคนนี้ไป มันคือคนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา แต่ไม่ได้บอกให้อยู่ตรงนี้ไปตลอด เพราะการที่จะเดินออกจากชีวิตใคร เราต้องคุยกับเขาก่อน ต้องได้รับความยินยอมจากเขาด้วย ไม่งั้นมันจะกลายเป็นเราทิ้งเขา ต้องคุยและตกลงกัน  ให้เป็นสถานพเพื่อนแล้วดูแลกัน ปุ้มจะไม่รู้สึกผิดเลย แต่ถ้าวันนี้ปุ้มเดินออกจากชีวิตเขา โดยที่ทิ้งเขาไป สิ่งนี้มันจะอยู่ในใจปุ้มไปตลอดชีวิตเลย...

          ส่วนผู้ชายคนใหม่ บอกให้เขาเข้าใจว่าตอนนี้ยังคงทำไม่ได้ แต่ให้รอหน่อยได้มั้ย? ลองยืดข้อเสนอ ยืดเวลากับเขาดู แต่เราก็ไม่รู้อีกว่าเราจะฝากชีวิตไว้กับผู้ชายคนใหม่ได้ยาวนานแค่ไหน ถ้าปุ้มอยากจะไปเริ่มใหม่จริงๆ อยากให้ประวิงเวลาไปก่อน เพื่อพิสูจน์ให้มากกว่านี้ เพราะนี่แค่ช่วงแรกๆที่คบกัน เขายังอดทนรอไม่ได้เลย เรามีปัญหาขนาดนี้ แต่เขายื่นคำขาดให้เราไปทิ้งแฟนซะ มันก็มีมุมไม่ดีที่อาจจะเตือนสติตัวเอง ให้ใจเย็นๆ ค่อยๆดูไป

          ปุ้มลองไปคุยกับทางบ้านแฟน บอกเขาได้หมดเลยว่าตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไง มีคนเข้ามา มีคนเลี้ยงดูแล มีคนอยากให้ไปเริ่มต้นใหม่ แต่สิ่งที่ทำให้ปุ้มยังอยู่เพราะปุ้มรักแฟน ทางบ้านเขาก็ต้องช่วยอะไรบ้าง ความรักก็ใช่ แต่การดูแลคนป่วย เงินก็ต้องกิน ต้องใช้ เขาเองก็ต้องช่วยเหลือ เพราะนี่ก็คือลูกชายของเขา และเขาจะได้เข้าใจว่าการตัดสินใจครั้นี้มันยิ่งใหญ่กับการที่เรายังอยู่ตรงนี้

          ณ ตอนนี้ลองทำอะไรให้ภาระเหล่านี้มันเบาบางลง เพื่อให้เราได้รู้ว่าเรายังรักเขาจริงๆหรือเปล่า? แต่ถ้าวันหนึ่งที่มันไม่ไหวจริงๆ ทุกคนก็เคารพการตัดสินใจของหนู ไม่รู้ว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่ แต่สุดท้ายมันก็แล้วแต่ตัวหนู เพราะหนูต้องเป็นคนตัดสินใจ....’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ถ้าเป็นคุณ... อยากฟังความจริงแบบนี้ไหม? หนุ่มตกงานโทรเล่าในรายการ มีเพื่อนผู้หญิงชวนมาสมัครงานที่บริษัท แต่พอไปสัมภาษณ์งานนี้... เจอ หัวหน้างาน (ผู้ชาย) เป็นคนที่เคยมีอะไรกัน พอทำงานก็มีอะไรกันอีก จนรู้ความจริงทีหลังว่าหัวหน้าคนนี้...

07 ก.ค. 2023

ถ้าเป็นคุณ... อยากฟังความจริงแบบนี้ไหม? หนุ่มตกงานโทรเล่าในรายการ มีเพื่อนผู้หญิงชวนมาสมัครงานที่บริษัท แต่พอไปสัมภาษณ์งานนี้... เจอ หัวหน้างาน (ผู้ชาย) เป็นคนที่เคยมีอะไรกัน พอทำงานก็มีอะไรกันอีก จนรู้ความจริงทีหลังว่าหัวหน้าคนนี้...

ถ้าเป็นคุณ... อยากฟังความจริงแบบนี้ไหม? หนุ่มตกงานโทรเล่าในรายการมีเพื่อนผู้หญิงชวนมาสมัครงานที่บริษัท แต่พอไปสัมภาษณ์งานนี้...เจอ หัวหน้างาน (ผู้ชาย) เป็นคนที่เคยมีอะไรกัน พอทำงานก็มีอะไรกันอีกจนรู้ความจริงทีหลังว่าหัวหน้าคนนี้ เป็นแฟนกับเพื่อนที่ชวนเรามาสมัครงานสุดท้ายเมา เลยบอกความจริงกับเพื่อนว่า “แฟนเธอเคยมีอะไรกับเรามาแล้ว” “คุณคอย (นามสมมติ)” อายุ 34 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [5 ก.ค. 66] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาความสัมพันธ์แบบ FWB กับหัวหน้า โดย “คุณคอย (นามสมมติ)” เริ่มเล่าว่า ‘ผมเป็น Bisexual ย้อนไปเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว ผมได้เจอผู้ชายต่างชาติคนหนึ่งจากการไปเที่ยว เราได้มีอะไรกันและขอช่องทางการติดต่อกันไว้ เราทั้งคู่เป็น FWB กันได้ประมาณ 2-3 เดือน หลังจากนั้นก็แยกย้าย หายจากกันไป ต่างคนต่างไม่ได้จริงจัง และเขาก็ต้องกลับประเทศไปเพราะวีซ่าหมด พอช่วงโควิด เพื่อนผมที่เป็นผู้หญิงก็โพสต์หาพนักงานฝ่าย IT ผมก็เลยส่ง Resume ไป ทางบริษัทสนใจเลยนัดผมสัมภาษณ์ผ่าน Zoom แล้วจู่ๆ ผู้ชายคนที่ผมเคย FWB ด้วยก็ถูกเชิญเข้ามาในห้อง Zoom ขณะที่ผมสัมภาษณ์ เพราะเขาเป็นคนที่ผมต้องทำงานด้วย ผมตกใจมาก เพราะผมไม่รู้มาก่อนว่าเขาทำงานที่บริษัทนี้ หลังสัมภาษณ์เสร็จ ผมก็คิดว่ายังไงก็คงไม่ได้งานนี้ เพราะดูจากสีหน้าของคนที่สัมภาษณ์และจากการตอบคำถามของผม ผมเลยปล่อยไป แล้วก็นัดกับผู้ชายคนนี้ไปมีอะไรกันอีกรอบ หลังจากนั้นผ่านมา 1 เดือน เพื่อนของผมที่เป็นผู้หญิงบอกว่าผมได้งานนี้ แล้วยังบอกอีกว่ าเขาเป็นแฟนกับผู้ชายคนนั้นที่มาสัมภาษณ์งานผม ซึ่งเพื่อนผมไม่รู้ว่าผมเคยเป็น FWB กับแฟนเขา แล้วผมก็เพิ่งรู้ว่าเขาเป็นแฟนกัน แต่ผู้ชายคนนั้นน่าจะรู้ว่าผมเป็นเพื่อนกับแฟนของเขา พอผมรู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นแฟนกับเพื่อนผม ผมก็ไม่ยุ่งไม่ติดต่ออะไรกับเขาอีกเลย ช่วงที่ทำงาน 3 เดือนแรกผมมีหวั่นไหวบ้าง ฝั่งผู้ชายก็มีมาพูดคุย แซวๆบ้าง ผมพยายามเลี่ยงที่จะเจอเขา เลือกเข้าบริษัทวันที่เขาไม่เข้า เพราะบริษัททำงานแบบ Hybrid ผมเก็บเรื่องนี้ไว้ จนตอนนี้ทำงานที่นี่ได้เกือบ 2 ปี ล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ผมกับเพื่อนผู้หญิงก็นัดไปกินเหล้ากันปกติ ก็นั่งคุยเรื่องงาน เรื่องชีวิตกัน ด้วยความที่ผมเมา ผมเลยหลุดสารภาพเรื่องที่ผมเคยเป็น FWB กับแฟนเพื่อนไป เพื่อนของผมก็นิ่งไปสักพัก แล้วทุบโต๊ะ ชี้หน้าผมแล้วพูดว่า “มึงกับกูอย่าเจอหน้ากันอีก!” แล้วก็เดินออกไป เขาบล็อกช่องทางการติดต่อผมทุกช่องทาง ผมพยายามติดต่อเขาทางช่องแชทของ Microsoft team เขาก็ไม่ยอมคุยด้วย ทางเดียวที่จะสามารถติดต่อได้คือต้องผ่านผู้ชายคนนั้นที่เป็นแฟนเขา แต่ผมก็ไม่อยากติดต่อกับเขา ผมเลยรอเคลียร์กันวันที่เข้าบริษัทแล้วเจอเพื่อนคนนี้ หลังจากเกิดเรื่อง ผมรู้สึกผิด ค่อนข้างอึดอัด และอยากขอโทษ เพราะผมคิดว่าเพื่อนผมคนนี้ก็มีส่วนที่ทำให้ผมได้งานนี้ด้วย ถ้าย้อนเวลากลับไปได้แล้วรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีแฟนแล้ว ผมคงไม่ยุ่งด้วย ตอนนั้นผมแค่สนุกๆ เลยไม่ได้ถามอะไร แต่ตอนนี้ผมรู้สึกแย่มากๆ จึงอยากปรึกษาพี่ๆดีเจว่า ผมจะทำยังไงให้มิตรภาพของผมกับเพื่อนกลับมา และทำยังไงให้ทำงานที่นี่ได้ปกติเหมือนเดิม? ซึ่ง “ดีเจเผือก” ให้คำแนะนำว่า ‘ในเมื่อเพื่อนของคุณคอยปฏิเสธคุณคอยทุกช่องทาง สิ่งที่ทำได้คือพยายามสื่อสารในสิ่งที่อยากจะบอกต่อไป แต่ต้องยอมรับว่าผลมันคงจะไม่เป็นตามที่เราอยากให้เป็น เราไม่รู้ว่าคนคนนึงจะสามมารถเข้าใจ ให้อภัย และ Move on ในแต่ละเรื่องได้มากน้อยแค่ไหน แล้วเราก็ไม่มั่นใจว่าสิ่งที่เราขอโทษจะทำให้ทุกอย่างกลับมาไหม ในเรื่องงานถึงเขาจะเป็น HR แต่คงไม่มีใครไล่คนออกด้วยเหตุผลส่วนตัว ถ้าคุณคอยยังสามารถทำงานและสื่อสารกับคนอื่นๆในองค์กรได้ก็ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนเรื่องความสัมพันธ์กับเพื่อน บางครั้งเราก็ไม่ได้อยากที่จะแตกหักกับใคร แต่บางสถานการณ์ก็ทำให้ความสัมพันธ์กับคนบางคนห่างเหินกันไป คุณคอยต้องยอมรับว่าครั้งนี้เราทำพลาดไป และเรียนรู้ไว้ว่าการที่เราเมาบางทีมันก็ทำลายความสัมพันธ์ได้ คงต้องใช้เวลา ทำฝั่งเราให้ดีที่สุด และหวังว่าวันนึงเพื่อนคุณคอยจะได้รับรู้ถึงสิ่งที่คุณคอยพยายามที่จะบอกแล้วเปิดใจให้คุณคอยอีกครั้ง ถ้าไม่ คุฌคอยก็ต้องก้มหน้าและยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น’ “ดีเจเติ้ล” เสริมว่า ‘คุณคอยต้องให้เวลาเพื่อนได้จัดการความรู้สึกของเขาก่อน การที่เพื่อนคุณคอยเพิ่งรู้ว่าแฟนเขาเป็น Bisexual แค่นี้ก็หนักมากแล้ว แล้วยังมารู้อีกว่าแฟนเคยมีอะไรกับเพื่อนสนิทอีก เพื่อนคงรู้สึกแย่มากๆ ณ เวลานั้นเราไม่รู้เลยว่าเขาเข้าใจอะไร และรับสารอะไรไปบ้าง เพื่อนคุณคอยคงต้องการเวลาในการจัดการความรู้สึกตัวเอง และความสัมพันธ์กับแฟนเขา ในความเห็นของพี่ มี 3 ข้อที่เป็นไปได้คือ 1.เขาคบกับแฟนต่อแล้วไม่คุยกับคุณคอยอีกเลย 2. เขาเลิกกับแฟนแต่ไม่คุยกับคุณคอยอีก เพราะเขาคิดว่าคอยคือสาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ และ ข้อสุดท้าย เขาเลิกกับแฟนแล้วกลับมาคุยกับคุณคอย ตอนนี้พี่ไม่อยากให้คุณคอยทำอะไรเลย รอให้เพื่อนเย็นลง แล้วกลับมาฟังคุณคอยด้วยสติและเหตุผล ตอนนี้อย่าเพิ่งไปเซ้าซี้เขา ถ้าเป็นเพื่อนแท้กันจริงๆ วันนึงเขาจะกลับมา ส่วนเรื่องงานไม่ต้องถึงขั้นลาออกเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวไม่ใช่เรื่องงาน ส่วน “ดีเจต้นหอม” ให้คำแนะนำอีกว่า ‘สุดท้ายความจริงยังไงก็คือความจริง นี่คือการนอกใจของผู้ชายคนนั้น เพราะผู้ชายรู้อยู่แล้วว่าคุณคอยเป็นเพื่อนกับแฟนเขา ไม่รู้ว่าสิ่งที่เพื่อนของคุณคอยเข้าใจคือ คุณคอยมีอะไรกันตอนที่เริ่มทำงานที่นี่ หรือก่อนหน้านั้น ความรู้สึกของเพื่อนคุณคอยในตอนนี้คือ ความอาย ตกใจ และสับสน ระยะเวลามันเร็วเกินไป ถ้าคุณคอยอยากคุยกับเขาคงต้องรอแค่เขาติดต่อกลับมา ทำให้เขารู้ว่าคุณคอยยังรอและพร้อมที่จะเป็นเพื่อนเขา ถ้าเขาไม่กลับมาจริงๆก็ต้องทำใจ ก็แค่คนๆนึงเดินออกไปจากชีวิต เรื่องนี้ไม่มีอะไรที่คุณคอยทำผิดเลยเพราะคุณคอยไม่รู้ แม้กระทั่งการบอกเพื่อนเพราะหวังดีแต่อาจจะผิดจังหวะไป ส่วนเรื่องงานถ้าคุณคอยมีความสุขกับงานที่ทำอยู่ก็ทำต่อไปเพราะมันไม่ได้เกี่ยวกัน ตอนนี้ทุกอย่างมันเกิดขึ้นแล้ว ต่อจากนี้ก็ต้อง Move on สุดท้ายนี้พี่ๆดีเจบอกคุณคอยว่าอย่าคิดมากจนเกินไป เราไม่ได้ทำอะไรผิดแต่สถานการณ์มันทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเองเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ก็งานเสร็จแล้ว จะนั่งต่อเพื่อ ?? สาวออฟฟิศสุดกลุ้ม ถึงเวลาเลิกงานแล้ว แต่หัวหน้าชอบยื้อเวลาให้อยู่ต่อ ทั้งๆที่ไม่มีอะไรต้องทำแล้ว สงสัยจัง ทำไมจะกลับตรงเวลา ถึงเป็นเรื่องยากขนาดนี้ !! พี่ๆในแผนกก็เจอเหมือนกันหมด

27 มิ.ย. 2023

ก็งานเสร็จแล้ว จะนั่งต่อเพื่อ ?? สาวออฟฟิศสุดกลุ้ม ถึงเวลาเลิกงานแล้ว แต่หัวหน้าชอบยื้อเวลาให้อยู่ต่อ ทั้งๆที่ไม่มีอะไรต้องทำแล้ว สงสัยจัง ทำไมจะกลับตรงเวลา ถึงเป็นเรื่องยากขนาดนี้ !! พี่ๆในแผนกก็เจอเหมือนกันหมด

“คุณมน (นามสมมติ)” อายุ 25 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [21 มิ.ย. 66] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาเวลาการเลิกงาน โดย “คุณมน (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูเพิ่งเข้ามาทำงานที่นี่ได้ 2 เดือนกว่าแล้ว ที่นี่ไม่ใช่บริษัทใหญ่ ตอนแรกหนูคุยกับเขา เขาบอกเข้างาน 09.30 น. เลิกงาน 18.30 น. แล้วเขาก็พูดทิ้งท้ายว่า แต่กลับสักทุ่มครึ่งก็ดีนะ หนูก็เอ๊ะ! แต่ตอนนั้นหนูอยากออกจากงานเก่าเต็มที แล้วเขาก็ให้เงินเดือนหนูเยอะเกินความคาดหมาย หนูก็เลยตัดสินใจทำงานที่นี่ พอเข้ามาทำงานจริงๆแล้ว ในช่วงเดือนแรกๆหนูก็กลับบ้านตรงเวลาอยู่ เพราะหนูเป็นคนกลับบ้านตรงเวลามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่หนูงงว่าทำไมในออฟฟิศไม่มีใครกลับเลย หนูก็เลยค่อยๆตะล่อมถามคนในออฟฟิศว่า เอ้อ...ทำไมไม่มีใครกลับเลย เขาก็เล่าให้หนูฟังว่าเจ้านายเขาไม่ค่อยอยากให้กลับตรงเวลา เขาจะดึงให้ทำงาน บางคนไม่ได้มีอะไรทำ แต่เขาก็ดึงเพื่อให้อยู่ด้วยกันแล้วเขาก็จะบอกว่าเดี๋ยวซื้อข้าวให้กิน พอช่วงหลังๆมาหนูก็ไม่ได้กลับตรงเวลา เพราะว่าจะมีงานให้บ้าง ที่หนูกลับดึกที่สุดตอนนี้ประมาณ 2 ทุ่ม – 2 ทุ่มครึ่ง ซึ่งเป็นการที่หนูกลับเอง คือไม่ไหวแล้ว อยากกลับแล้ว ก็ลาเขาแล้วก็ออกไปเลย ไม่ได้รอเขาตอบกลับอะไร วันที่อยู่ดึกๆกลับช้าหนูก็ไม่ได้โอที แต่มีคนเคยบอกว่าถ้าเกิดวันไหนทำถึง 4 ทุ่ม หนูก็จะได้โอที 200 บาท ส่วนเรื่องอื่นๆ หนูเคยถามว่าลาพักร้อนมีกี่วัน เขาก็ตอบหนูไม่ชัดเจน แล้วเขาก็บอกว่าแต่ต้องทำงานให้ครบปีก่อนนะ ถึงจะได้วันลาพักร้อน แต่เขาก็ไม่บอกจำนวนวัน บรรยากาศในการทำงานมันเป็นสภาวะที่อึดอัด ทุกคนทำงานเหมือนอยู่ในสถานปฏิบัติธรรม เงียบมาก เจ้านายก็นั่งอยู่ในห้องทำงาน แต่พอเจ้านายเดินออกจากห้องทำงาน ทุกคนก็เฮฮาหัวเราะ หนูก็เลยคิดว่าทำไมบรรยากาศมันแตกต่างจังเลย หนูเคยทำที่อื่นมาก่อน แต่ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เลย และล่าสุดที่เจอมา คือ มีเพื่อนคนนึงเขาป่วยหนักหลายวัน เจ้านายก็เลยให้เรียกรถมายกคอมไปให้ทำที่บ้านเลย การกลับบ้านของเจ้านายแต่ละวันก็แล้วแต่เขาเลย บางวันเขากลับเร็วก็เร็ว บางวันเขากลับดึกก็ดึก วันไหนที่เขากลับเร็วก็เหมือนเป็น Lucky ของพนักงานที่จะได้กลับเร็ว แต่ก็จะมีอีกกรณีนึงที่คนเก่าเขาเล่ามา คือ บางตำแหน่งที่เขาต้องคุยกับลูกค้า แล้วลูกค้าโทรมาให้ทำงานให้ตอนดึกๆ เจ้านายก็จะโทรมาบอกให้อยู่ทำงานก่อน ทำงานให้เสร็จ บางคนเลิกเที่ยงคืน ตี 1 ก็มี ส่วนค่าตอบแทน ที่นี่เขาให้เงินเดือนสูง คนอื่นๆก็ได้เงินเดือนสูงเหมือนกัน ได้โบนัสดี แต่เจ้านายคนนี้เขาก็ดี แค่เรื่องเวลาที่รู้สึกไม่ค่อยโอเค... “คุณมน (นามสมมติ)” อยากถามพี่ๆ ดีเจว่า ควรจะออกจากที่ทำงานนี้เลยมั้ย หรือ ทำต่อไป เพราะเราอยากได้ประสบการณ์ “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำแนะนำว่า ‘เมื่อ15 ปีที่แล้ว ผมก็เคยทำงานออฟฟิศมาก่อน แต่ของผมเป็นออฟฟิศค่อนข้างใหญ่แบบ WorldWide ตอนนั้นก็สัมผัสได้ว่ามันเป็นวัฒนธรรมของงานในสายงานนี้ เมื่อคุณเสร็จงานประจำในช่วงเวลาปกติแล้ว หลังจากนั้นคุณสามารถทำอะไรต่อได้อีกเยอะเลย คุณสามารถทำงานเพื่อส่งประกวด เพื่อแคมเปญต่อๆไป ผมเลิกงานช้าสุดก็ตี 3 - 4 ไปเลย เน้นงานเสร็จไม่ได้เน้นเวลาการทำงาน ก่อนที่จะเลือกช้อยส์ 1 หรือช้อยส์ 2 ต้องถามตัวเองก่อนว่า มนมีทางเลือกหรือเปล่า? มีตัวเลือกอื่นที่จะทำให้มนย้ายและเงินเดือนเพิ่มขึ้น ได้งานที่รับผิดชอบที่สนุกสนานมากขึ้น หน้าที่การงานเติบโตขึ้นก็ย้าย แต่ถ้ารู้สึกว่าตัวเลือกนี้เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด จากเงินเดือนที่เขาให้มาค่อนข้างสูงและจากที่ฟังมนเล่ามา เขาไม่ได้ดูเป็นคนเลวร้ายอะไร แค่เขาอาจจะขี้เหงา และเป็นหัวหน้าที่บ้างาน บางครั้งหัวหน้าที่บ้างานมักจะเอาความเป็นตัวเองใส่มาให้ลูกน้องด้วย แต่ถ้าไม่มีทางเลือก การที่อยู่เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ มนอาจจะได้เจออะไรที่เลวร้ายกว่า 2 เดือนแรกอีก เดี๋ยวอยู่ต่อไป มีถึงตี 1 – 2 วันที่ต้องปิดงานเพื่อจะต้องส่ง นั่นแหละต้องเจออีกแน่ ถ้าไม่มีทางเลือกก็อยู่ต่อไป มีทางเลือกเมื่อไหร่ก็บายบ๊าย เงินเดือนเพิ่มขึ้น ธรรมชาติของงานแบบนี้ย้ายกันบ่อยอยู่แล้ว ยิ่งย้าย มีผลงานเป็นที่พิสูจน์ ยิ่งอัพเงินเดือนเพิ่มขึ้น ถ้าเป็นพี่เมื่อ 15 ปีที่แล้วพี่ยังคงทำ...’ ‘ดีเจเติ้ล’ ให้คำแนะนำว่า ‘มนต้องถามตัวเองว่าเป็นคนประเภทไหน แน่นอนมันจะมีคนที่สู้เพื่องาน จะเหนื่อยเท่าไร จะไม่สบายยังไง แต่ถ้าทำงานแล้วงานมันดี มันทำให้เราเจริญเติบโตก้าวหน้ายอมเสียสละ ถ้าเอาแค่ปัญหาที่อยู่แล้วไม่มีงานทำ ก็อาจจะลองถามคนอื่นว่ามีอะไรให้ช่วย เพราะว่างานที่หนูทำอยู่มันไม่ใช่งานที่ทำแล้วจบ มันสามารถทำอย่างอื่นเพื่อเพิ่มสกิล ทักษะอื่นๆได้ ถ้าหนูอยากหาประสบการณ์ คือ มันอยู่ที่ทัศนคติของหนูในการทำงานว่าจะทำให้มันดีกับตัวเองได้หรือเปล่า หรือแค่มานั่งว่างๆเพื่อรอให้คนอื่นกลับ แล้วฉันจะกลับ อันนี้พี่ว่ามันไม่มีประโยชน์ เอาจริงๆ มันควรต้องแก้ที่ตัวหัวหน้า ที่จะให้เขารู้ว่า เวลาในการทำงานมันไม่ได้เท่ากับประสิทธิภาพในการทำงานนะ มันไม่ได้เสมอไปว่า ถ้าทำงานดึกๆ มันจะได้งานที่ดี แต่ถ้าเขาเป็นแบบนี้ เราไปเปลี่ยนเขาไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเราไปเป็นลูกน้องเขา ตอนนี้มันก็มีแค่มนที่ต้องปรับ อยู่แบบนี้ให้ได้ โดยที่อยู่ยังไงให้ดีกับตัวเรา เหมือนที่พี่ถามมนตั้งแต่แรกว่ามนเป็นคนประเภทไหน มันแล้วแต่เลยว่าเราอยากเห็นชีวิตเราเป็นแบบไหน เราเลือกเป็นแบบไหน ซึ่งมันไม่มีถูก ไม่มีผิด มันแล้วแต่ว่าเราแฮปปี้หรือไม่แฮปปี้เท่านั้นเอง ตอนนี้มนต้องถามตัวเองว่ามนแฮปปี้มั้ยที่เป็นแบบนี้ แต่ก็ต้องดูองค์ประกอบอื่นๆด้วยว่า ถ้ามนออก ที่อื่นจะยังไง จะรับเข้าทำงานมั้ย ตอนนี้เงื่อนไขชีวิตเป็นยังไง หรือถ้าทนได้ แล้วไม่มีอะไรทำก็หาอะไรทำได้ ถ้างานมันยังดี เจ้านายดี ติดแค่เวลาการทำงานที่ชอบให้อยู่ดึก ลองชั่งน้ำหนักดูแล้วถ้าข้อดีมันมีเยอะกว่าก็อยู่ต่อ...’ ‘ดีเจต้นหอม’ ให้คำแนะนำว่า ‘ถ้าพี่เป็นเจ้านายแล้วลูกน้องกลับก่อนคนอื่น พี่จะเช็คว่างานเขาเสร็จหรือยัง เพราะฉะนั้นมันจะฟ้องด้วยผลงาน ถ้าเกิดงานหมดมันเสร็จแล้ว มันก็สามารถกลับได้ เราก็เคยไปบอกเขาว่ากลับก่อนนะคะ เขาก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร พี่ว่าเราอาจจะยังไม่ต้องคิดอะไรไปก่อนก็ได้ คือ ถ้ามนทำงานแล้วคุณภาพมันไม่ได้ลดลง มนกลับได้! เจ้านายไม่ไล่ออกหรอก ถ้าคุณภาพการทำงานของมนดี ทำงานเกินเงินเดือน ถึงเวลาเราทำงาน เราทำเต็มที่ วัดกันที่คุณภาพ แต่ถ้าวันไหนที่เขามีเคสเร่งด่วนหน่อย เราก็มีน้ำใจในการช่วยเหลือเขา คนละครึ่งทาง มันก็คือการเอื้ออาทรต่อกัน ถามว่าจะอยู่ต่อหรือพอแค่นี้ เอามวลความสุขของเราว่าการที่เราอยู่ที่นี่เรารู้สึกมีความสุขมั้ย บางทีมันไม่ใช่เรื่องหัวหน้า ไม่ใช่เรื่องเวลาอย่างเดียวหรอก เพื่อนร่วมงาน องค์ประกอบทุกอย่าง เราอยู่แล้วเราโอเคมั้ย แล้วเงินมันจำเป็นมั้ยที่ต้องได้เท่านี้ มันมีปัจจัยให้มนตัดสินใจได้อีกเยอะ 2 เดือนยังตัดสินใจอะไรไม่ได้ ให้เวลากว่านี้หน่อย...’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

สาวคบแฟนมา 11 ปี ตั้งแต่สมัยเรียน มีลูกด้วยกัน 2 คน ชีวิตกำลังราบรื่นดีทุกอย่าง เพิ่งตรวจพบว่าเป็นมะเร็งโพรงจมูก ลุกลามจนระยะสุดท้าย หลังจากนั้นจับได้สามีแอบมีผู้หญิงอีกคน สามีขออยู่วันเว้นวันกับผู้หญิงอีกคน ถ้าทนไม่ไหวก็พร้อมหย่าเสมอ

23 มิ.ย. 2023

สาวคบแฟนมา 11 ปี ตั้งแต่สมัยเรียน มีลูกด้วยกัน 2 คน ชีวิตกำลังราบรื่นดีทุกอย่าง เพิ่งตรวจพบว่าเป็นมะเร็งโพรงจมูก ลุกลามจนระยะสุดท้าย หลังจากนั้นจับได้สามีแอบมีผู้หญิงอีกคน สามีขออยู่วันเว้นวันกับผู้หญิงอีกคน ถ้าทนไม่ไหวก็พร้อมหย่าเสมอ

สาวคบแฟนมา 11 ปี ตั้งแต่สมัยเรียน มีลูกด้วยกัน 2 คน ชีวิตกำลังราบรื่นดีทุกอย่าง เพิ่งตรวจพบว่าเป็นมะเร็งโพรงจมูก ลุกลามจนระยะสุดท้าย หลังจากนั้นจับได้สามีแอบมีผู้หญิงอีกคน สามีขออยู่วันเว้นวันกับผู้หญิงอีกคน ถ้าทนไม่ไหวก็พร้อมหย่าเสมอ ตอนนี้ยังรัก ไม่อยากเสียเขาไป แล้วก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะจากไปวันไหน... “คุณเอ (นามสมมติ)” อายุ 25 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [21 มิ.ย. 66] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับมรสุมชีวิต เป็นมะเร็ง และสามีแอบไปมีชู้ โดย “คุณเอ (นามสมมติ)” เริ่มเล่าว่า ‘หนูรู้จักและคบกับแฟนมาประมาณ 11 ปี ตั้งแต่สมัยเรียน แฟนหนูเด็กกว่าประมาณ 3 ปี หนูกับเขาเรียนที่เดียวกัน บ้านก็อยู่ใกล้กัน เป็นแฟนคนแรกของกันและกัน คบกันมาเรื่อยๆ ช่วงที่หนูเข้ามหาลัยก็มีห่างๆกันไปบ้าง แต่ก็กลับมาคบกันจนแต่งงาน ตอนนี้หนูกับเขาเพิ่งแต่งงานกันได้ประมาณ 5 ปี มีลูกด้วยกัน 2 คน คนโตอายุ 4 ปี ส่วนคนเล็กอายุ 9 เดือน ปกติหนูกับแฟนจะช่วยกันออกค่าเทอม ค่าประกัน ค่านมของลูกคนละครึ่ง หลังจากแต่งงานกันมาช่วงแรกชีวิตหนูดีมาก ราบรื่น ไม่มีเรื่องอะไรเลย ต้องบอกก่อนว่าหนูเคยมีเนื้องอก เคยผ่าออกไปแล้ว ก็ไม่มีปัญหาอะไร จนมารอบนี้ช่วงประมาณเดือนธันวาคม ปี 64 หนูมีอาการเลือดออกที่จมูกเลยไปตรวจอีกรอบ รอบนี้ไม่ใช่เนื้องอก แต่เป็นมะเร็งโพรงจมูก หมอเลยนัดผ่าอาทิตย์ถัดไป พอกลับบ้านมาหนูรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเลยซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจเล่นๆเพราะตอนนั้นหนูฉีดยาคุมด้วย เลยไม่คิดว่าตัวเองจะท้อง แต่ปรากฏว่าหนูท้องลูกคนที่ 2 หนูเลยไปปรึกษาคุณหมอว่าจะทำยังไงได้บ้าง คุณหมอบอกว่า ถ้าผ่าตอนนี้ลูกเสียชีวิตแน่นอน หนูเลยถามหมออีกว่า สามารถเลื่อนผ่าตัดไปก่อนได้ไหม หมอตอบว่า จริงๆรอได้ ยังไม่ได้เป็นหนักมาก เพราะเพิ่งเป็นแค่ระยะแรก หนูเลยยังไม่ผ่าตัดจนหนูคลอด ทำให้กระบวนการการรักษาค่อนข้างช้า เพราะหนูก็ตั้งใจที่จะปั้มนมไว้ให้ลูกให้ได้เยอะที่สุดก่อน พอกลับไปรักษาอีกรอบ เนื้องอกกลายเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย แล้วก็เริ่มลามไปที่ตาขวา ตอนนี้ตาขวาหนูเริ่มมองไม่ค่อยเห็นแล้ว แต่หนูยังคิดว่าหนูโชคดีที่มีแฟน ครอบครัว และลูกที่น่ารักคอยอยู่ข้างๆ แต่ช่วงเดือนที่แล้ว แฟนหนูหายไปช่วงเวลาตั้งแต่ 3 ทุ่ม ถึงเที่ยงคืนทั้งอาทิตย์ หนูติดต่อเขาไม่ได้ โทรติดแต่ไม่มีคนรับสาย ด้วยเซนส์ของผู้หญิงหนูรู้สึกว่ามันแปลกๆแต่ก็ยังจับไม่ได้ หลังจากวันนั้นแฟนก็ขอไปกินเหล้ากับเพื่อนกลุ่มนี้อีก แล้วก็ขอกลับบ้านหลังร้านเหล้าปิด หนูเข้าไปดู IG story ของเพื่อนเขากลุ่มนี้ แต่พวกเขาไม่ได้อยู่ร้านเหล้า หนูก็เอะใจแล้วว่าไม่น่าใช่แน่ๆ หนูเลยโทรถามเพื่อนว่าแฟนหนูได้ไปด้วยไหม เพื่อนเขาก็ตอบว่า ไม่ได้เข้ามาหานานแล้ว หนูเลยเข้า IG ของแฟนผ่านโน๊ตบุ๊ก แล้วไปเจอข้อความหนึ่งที่คุยกับผู้หญิงว่า ‘อันนี้เราให้เธอแหละ’ แต่ก็ไม่เจอข้อความอื่นๆ หนูเลยเอาชื่อ IG ของผู้หญิงคนนี้ไปเสิร์ชในเฟสบุ๊ก แต่ไม่เจอรูปอะไรเกี่ยวกับแฟนหนูเลย ซึ่งผู้หญิงคนนี้เคยมีลูก แล้วก็เลิกกับแฟนแล้ว หนูลองทักผู้หญิงคนนี้แล้วส่งรูปแฟนของหนูไป หนูถามเขาตรงๆว่า รู้จักคนนี้ไหม เป็นแฟนกันหรอ เขาก็ตอบกลับมาว่า รู้จักแล้วก็เพิ่งคบกัน หนูเลยบอกเขาไปว่า หนูเป็นภรรยาของผู้ชายคนนี้ หนูพยายามโทรหาผู้หญิงคนนี้ โทรจนเขารับสาย สิ่งแรกที่เขาพูดคือ ขอไปล้างก่อนนะเพิ่งมีอะไรกับแฟนหนูเสร็จ หนูเลยบอกเขาไปว่า แฟนเราอยู่ไหน ขอคุยกับเขาหน่อยได้ไหม เราเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายนะ ทำไมถึงทำกับเราแบบนี้ จนประมาณตี 4 เขาก็ติดต่อกลับมาบอกว่า แฟนเรากำลังกลับบ้าน แล้วก็บอกว่าจะเลิกยุ่ง เพราะไม่ชอบเป็นชู้ใคร พอแฟนกลับมาถึงบ้านหนูก็ถามว่าเรื่องมันเป็นยังไง มีอะไรคุยหรือบอกได้เลย แต่เขาบอกว่าเขาจะหย่ากับหนู หนูก็ถามเขาว่าหนูผิดอะไร ทำอะไรผิด เลี้ยงลูกไม่ดีหรอ หนูให้อิสระกับเขามากแต่ทำไมมันถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น 11 ปี ไม่มีความหมายเลยหรอ ไหนจะลูกอีก แล้วหนูจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหนก็ไม่รู้ หนูพยายามพูดทุกอย่างจนแฟนหนูยื่นข้อเสนอว่า ขอวันเว้นวันที่จะอยู่กับหนูและผู้หญิงอีกคนหนึ่ง หนูก็ยอมมาตลอดประมาณหนึ่งเดือนจนหนูทนไม่ไหวแล้ว เพราะมันกลายเป็นเหลือเวลาให้หนูแค่ 2 วันต่อสัปดาห์ หนูรู้สึกเศร้าและเครียดตลอด จนที่บ้านพาไปหาจิตแพทย์ หมอบอกว่าหนูเป็นซึมเศร้า จากการเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ บวกกับการทำคีโม หนูก็ได้ยากลับมากิน แล้วหนูก็บอกเขาว่าช่วยดูลูกให้ได้ไหม หนูอยากพัก แต่เขาก็ไม่สนใจ หนูพยายามยื่นข้อเสนอให้เขา แต่เขาก็ไม่พอใจสักอย่าง ล่าสุด หนูต้องไปให้คีโมที่โรงพยาบาล หนูขอให้เขามาหา แต่เขาบอกว่าไม่ว่าง ต้องไปทำงาน หนูก็เชื่อเขา แต่เพื่อนหนูไปเจอเขาที่ร้านสเต็กแถวๆพระราม 7 เลยวิดีโอคอลมาหาหนู คือเขานั่งนัวเนียอยู่กับผู้หญิงคนเดิม หนูพยายามติดต่อแฟนแต่ติดต่อไม่ได้ แล้วเขาก็กลับบ้านมาตอนประมาณ 5 ทุ่ม หนูเลยเอารูปที่แคปไว้ตอนคอลกับเพื่อนให้เขาดู แล้วถามว่าทำไมไม่เลิกยุ่งกัน เขาตอบกลับมาประมาณว่า ก็บอกแล้วไงว่าให้หย่ากันตั้งแต่แรก เขาไม่ได้เลือกหนูแล้ว หนูไม่รู้จะทำยังไงเพราะหนูไม่อยากเลิกกับเขา จนวันหนึ่งลูกหนูเริ่มพูดประมาณว่า ทำไมป๊าไม่รักเราเลย ทำไมต้องไปหาเมียน้อย ทำไมไม่อยู่กับเรา หนูทักไปเคลียร์กับผู้หญิงคนนั้น เขาก็ขู่ว่าเขาจะฟ้อง ถ้ายังไม่เลิกยุ่งวุ่นวายกับเขา หนูเลยบอกแฟนว่าผู้หญิงคนนี้เขาพูดแบบนี้กับหนูแต่เขาก็ว่าหนูกลับว่าจะไปยุ่งกับเขาทำไม ทักไปหาแม่เขาทำไม จริงๆหนูตั้งใจจะฟ้องเขาแต่ทางบ้านของหนูบอกว่า ถ้าจะฟ้องต้องใช้ค่าใช้จ่ายเยอะมาก ทำไมไม่เก็บไว้ให้ลูก หรือเก็บไว้รักษาอาการป่วยตัวเอง ถอยออกมาดีกว่า หย่าไปเลย ยังไงเขาก็ไม่ได้ช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายอะไรอยู่แล้ว ทางบ้านก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องการเงิน พ่อแม่ของหนูก็ช่วยเลี้ยงลูกหนูได้ หนูไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อ มันรู้สึกแย่ไปหมดเลย แต่หนูออกมาจากตรงนั้นไม่ได้ หนูไม่อยากเลิก ไม่รู้ว่าเพราะผูกพันหรือเปล่า หนูเสียใจ แย่ลงทุกวัน แต่หนูไม่ออกมาสักที “คุณเอ (นามสมมติ)” ถามพี่ๆดีเจทั้ง 3 คนว่า หนูต้องทำยังไงให้หลุดออกมาจากตรงนี้สักที? “ดีเจต้นหอม” ให้คำแนะนำว่า ‘การที่เราจะอยู่ใช้ชีวิตคู่กับใครสักคน มันคือการตกลงด้วยกันทั้งคู่ แต่ตอนนี้มีคุณเอฝ่ายเดียวที่อยากอยู่ ส่วนอีกฝ่ายเขาชัดเจนแล้วว่าไม่อยากอยู่ เขาไม่ได้ช่วยซัพพอร์ตอะไรคุณเอเยอะอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าจะเก็บเขาไว้ในชีวิตทำไม นอกจากไม่ช่วยอะไรแล้วยังทำให้คุณเอรู้สึกบั่นทอนเพิ่มขึ้นอีก อย่าเอาตัวเองไปอยู่ในที่ที่เขาไม่ต้องการ เรื่องการฟ้องใช้เงินเยอะมากจริงๆ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าจะเห็นผลเมื่อไร ดังนั้นวิธีที่ง่ายและปลอดภัยที่สุดคือ หย่ากับเขา ปล่อยเขาไป ผู้ชายคนนี้ก็เหมือนมะเร็ง คุณเอไม่จำเป็นต้องเก็บเขาไว้ ยังไงเขาก็ไปอยู่ดี ตัดเขาออกไปเลย’ ส่วนเรื่องลูก “ดีเจต้นหอม” แนะนำว่า ‘เรื่องนี้ควรให้เป็นแค่เรื่องของพ่อกับแม่ ไม่ควรเอาไปฝังไว้ในหัวลูก คุณเอคือโลกทั้งใบของลูก ฉะนั้นลูกจะต้องจำแต่ความสุขเท่านั้น เราไม่ได้เสียคนที่รักเราแต่เราเสียคนที่ไม่รักเรา มันอาจจะต้องใช้เวลา คุณเอต้องบอกตัวเองว่า คุณเอจะมีความสุข คนเราจะทุกข์ไปได้นานแค่ไหน แล้วถ้าคุณเอเป็นอะไรไปลูกจะรู้สึกยังไง ปัญหาของคุณเอตอนนี้คือการรักษาร่างกายตัวเองให้อยู่ได้นานๆ สุดท้ายคุณเอคือคนที่ต้องเลือกและตัดสินใจกับเส้นทางของตัวเอง ถามตัวเองว่าจะอนุญาตให้ความสุขเข้ามาในชีวิตได้เมื่อไร’ “ดีเจเผือก” แนะนำว่า ‘คู่ชีวิตคือคนที่จะอยู่ด้วยกันในตอนที่ทุกข์ไม่ใช่แค่ตอนที่มีความสุข แล้วมันก็ห้ามไม่ได้ที่จะไม่ให้ลูกของคุณเอจดจำเรื่องนี้ จริงๆแล้วเนื้อร้ายในชีวิตของคุณเอคือผู้ชายคนนี้ เนื้อร้ายแบบนี้คุณหมอก็รักษาให้หายไม่ได้ เนื้อร้ายอันนี้มันทำร้ายทั้งคุณเอ ลูกและคนรอบตัว ณ เวลานี้คุณเอควรตั้งสติและโฟกัสว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตกันแน่ การที่มีร่างกายและสุขภาพที่ดีเพื่อที่จะได้อยู่กับคนที่เรารัก คือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคุณเอตอนนี้ ไม่ใช่การยื้อผู้ชายแย่ๆแบบนั้น’ และ “ดีเจเติ้ล” เสริมอีกว่า ถ้าสมมติคุณเอโชคร้ายแล้วต้องจากไปในอีก 2 วัน คุณเออยากให้ลูกจดจำคุณเอในแบบไหน ระหว่างแม่ที่โดนพ่อทิ้ง นอกใจไปมีคนอื่น แล้วแม่ก็ร้องไห้รอให้พ่อกลับมาแต่สุดท้ายพ่อก็ทิ้งคุณเอไป หรืออยากให้ลูกจำว่าคุณเอเป็นแม่ที่เข้มแข็ง รักตัวเอง ดูแลตัวเอง อยู่กับลูกแบบมีความสุขและสู้กับมะเร็งจนจากไป แบบไหนที่คุณเออยากเป็น มันขึ้นอยู่กับคุณเอ แล้วคุณเอต้องยอมรับว่า ไม่ว่าเราจะรัก ผูกพันกับใครนานแค่ไหน ถ้าอีกฝ่ายหมดใจเขาก็ไปอยู่ดี คนที่ move on ได้เร็วที่สุดคือคนที่มีความสุขเร็วที่สุดเช่นกัน สุดท้ายพี่ๆดีเจทั้ง 3 ขอส่งกำลังใจให้คุณเอที่พบเจอเรื่องแบบนี้ ดูแลรักษาร่างกายตัวเองให้ดี และเชื่อว่าคุณเอจะผ่านเรื่องราวแย่ๆนี้ไปได้เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

สาวข้องใจ... โทรปรึกษา และ ขอถามความเห็นจากทุกคน ถ้าเจอ ‘กิ๊กเก่า’ ของแฟนเรา ในร้านอาหาร ทุกคนจะทำยังไงคะ? ระหว่าง “เดินเข้าไปนั่งกิน สู้หน้าไปเลย” กับ “เดินออกมาจากร้าน” แล้วถ้านั่งกินจะทำตัวยังไง? หรือ เดินออกมาแล้วจะดูแพ้ไหม?

15 พ.ค. 2023

สาวข้องใจ... โทรปรึกษา และ ขอถามความเห็นจากทุกคน ถ้าเจอ ‘กิ๊กเก่า’ ของแฟนเรา ในร้านอาหาร ทุกคนจะทำยังไงคะ? ระหว่าง “เดินเข้าไปนั่งกิน สู้หน้าไปเลย” กับ “เดินออกมาจากร้าน” แล้วถ้านั่งกินจะทำตัวยังไง? หรือ เดินออกมาแล้วจะดูแพ้ไหม?

“คุณเอ (นามสมมติ)” สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (10 พ.ค. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหา โดย “คุณเอ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ก่อนหน้านี้หนูไม่ได้อยู่กับแฟน คืออยู่คนละที่กัน แฟนก็นอกใจหนู แอบไปคุยกับคนอื่น แล้วผู้หญิงก็มาหาแฟนที่ห้องตลอด แต่แฟนก็ยังคุยกับหนูปกติ มาหาหนูปกติเลย แต่ตอนนี้เขาเลิกคุยกันแล้ว วันนี้ที่โทรมา อยากถามพี่ๆดีเจว่า ถ้าเราไปร้านอาหาร แล้วเจอคนที่เคยเป็นกิ๊กเก่าของแฟน เราจะเดินเข้าไปทานอาหารปกติ หรือจะเดินออกเลย...?เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1