หนูคิดมาก หรือ สังคมเพื่อนแฟนที่แปลกกันแน่? แฟนหนูคบหนูอยู่แล้ว เพื่อนเขาก็รู้ แต่จะมีเพื่อนแฟนที่เป็นผู้ชาย 2 คน ชอบชงผู้หญิงคนอื่นๆให้แฟนเราตลอด เราไม่ชอบเลย ถ้าเจอเพื่อนแฟนประเภทนี้ จัดการยังไงกันคะ?

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

หนูคิดมาก หรือ สังคมเพื่อนแฟนที่แปลกกันแน่? แฟนหนูคบหนูอยู่แล้ว เพื่อนเขาก็รู้ แต่จะมีเพื่อนแฟนที่เป็นผู้ชาย 2 คน ชอบชงผู้หญิงคนอื่นๆให้แฟนเราตลอด เราไม่ชอบเลย ถ้าเจอเพื่อนแฟนประเภทนี้ จัดการยังไงกันคะ?

14 ก.พ. 2025

          “คุณหนู (นามสมมติ)” อายุ 19 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [12 ก.พ. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจอ้อย’ เกี่ยวกับปัญหาเป็นตัวหนูที่แปลกหรือสังคมแฟนหนูที่ไม่ดี

            โดย “คุณหนู (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘หนูกับแฟนคบกันมาเข้าปีที่ 5 แต่อยู่คนละจังหวัดกัน แฟนหนูอายุ 23 ปี เมื่อปีที่แล้วเป็นช่วงที่หนูกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย และแฟนก็เริ่มไปทำงานเสริมเพื่อหารายได้ ทำให้เริ่มคุยกันน้อยลง ช่วงนั้นเริ่มมีผู้หญิงอื่นเข้ามาจีบแฟน แล้วตัวเพื่อนแฟนก็ชอบชงให้ ทั้งที่รู้ว่าแฟนคบกับหนูอยู่ เวลามีผู้หญิงอื่นเข้ามาก็จะช่วยชง แล้วผู้หญิงที่เข้ามาก็รู้จักกับเพื่อนแฟนด้วย เขามาขอให้เพื่อนแฟนช่วยนัดแฟนเราออกมากินเหล้า อ้างว่าเป็นงานของมหาลัย เป็นแบบนักศึกษามารวมตัวกัน แฟนเราก็เข้าใจแบบนั้น แต่พอไปถึงจริง ๆ สรุปคือได้ไปกินห้องผู้หญิงคนนั้น แล้วเพื่อนก็ชงให้ทำความรู้จักกัน และเวลาเจอหรือเดินผ่านที่มหาลัย เพื่อนคนนี้ก็จะชอบแซว แต่พอผ่านไปสักพักแฟนหนูเริ่มชัดเจนขึ้นว่าไม่สนใจ ผู้หญิงก็ห่างออกไปเอง

            ผ่านมาได้สักพักก็มีผู้หญิงเข้ามาอีก ผู้หญิงคนนี้เป็นรุ่นพี่ของเอ (นามสมมติ) เอคนนี้เป็นเหมือนหัวหน้านักศึกษา ซึ่งเอเป็นเพื่อนกับผู้หญิงคนนี้ และก็รู้จักกับแฟนหนู แล้วก็รู้จักกับเพื่อนของแฟนหนูด้วย พอเอรู้ว่าเพื่อนของเขาสนใจแฟนหนู เอเลยพยายามติดต่อชวนให้แฟนของหนูมาเที่ยว มาเจอทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าแฟนมีหนูอยู่แล้ว และแฟนหนูก็ไม่รู้จริง ๆ ว่ามีผู้หญิงอยากจีบตัวเอง ก็เลยไปตามที่เขาชวน หลังจากกินเหล้ากัน ผู้หญิงคนนี้ก็เหมือนอยากทำความรู้จัก พยายามที่จะเข้าหา เขาก็ถามแฟนหนูว่ามีแฟนไหม? ซึ่งแฟนหนูก็ตอบไปว่ามีแฟนแล้ว แต่เหมือนผู้หญิงคนนี้ก็ยังจะเอา ยังจะคุย พอผ่านไปสามวัน แฟนหนูก็บอกว่าขอไม่ยุ่งแล้วได้ไหม ไม่อยากทำให้ใครไม่สบายใจ

            พอจบกันไป ผู้หญิงคนนี้ก็เอาแฟนหนูเข้าไปใน Close friend ของ IG และโพสต์เศร้า ๆ ว่าอยากให้กลับมาคุยกัน แฟนหนูก็ไม่ได้สนใจ เรื่องก็จบไป แล้วเขาก็มาเล่าให้หนูฟังทีหลัง หนูก็รู้สึกไม่โอเคก็เลยทักไปหาเพื่อนแฟนว่า ‘ทำไมถึงไม่ให้เกียรติกันเลย ไม่มีใครเขาโอเคหรอกที่ทำแบบนี้’ เขาก็ตอบกลับมาว่า ‘ไร้สาระ ปัญญาอ่อน’ หนูก็แบบโอเค งั้นก็จบ ไม่คุย หลังจากนั้นก็มีการทักไปคุยกับฝั่งผู้หญิงด้วยว่า ‘ทำไมถึงทำแบบนี้ ทั้งที่รู้ว่าเขามีแฟนนะ’ ทางผู้หญิงก็อธิบายและขอโทษว่าไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ และถามกลับมาว่าแล้วหนูไปรู้ได้ไงทั้ง ๆ ที่ลบแชทไปหมดแล้ว เพื่อนแฟนไปบอกเหรอ หนูก็บอกไปว่าขอโทษนะ บอกไม่ได้จริง ๆ แล้วเขาก็ไม่พอใจเลยด่าหนูกลับมา หนูก็นอยตัวเองไปเลย หรือว่าเป็นตัวหนูที่แปลก เพราะเพื่อน ๆ แฟนทุกคนว่าหนูกันหมดเลยว่า หนูไร้สาระ ทำไมไม่ไปจัดการตัวเอง หลังจากนั้นเพื่อนแฟนก็ยังโทรมาชวนไปกินเหล้าอีก ทางแฟนก็ปัดไปว่าไม่อยากทำให้แฟนไม่สบายใจ เพื่อนก็พิมพ์กลับมาว่า ‘ถ้ามีแฟนแล้วชีวิตมึงแย่ ไม่ต้องมีก็ได้นะ’ หนูเลยอยากปรึกษาพี่ ๆ ดีเจว่า เป็นตัวหนูที่แปลกหรือสังคมของแฟนหนูแปลกกันแน่?

            โดยเริ่มที่ “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าถามว่าหนูผิดปกติไหม พี่ว่าไม่ มันก็ควรจะรู้สึกอะไรแบบนี้อยู่แล้ว แต่ถ้าเทียบว่าหนูผิดปกติหรือสังคมเขาที่ผิดปกติ พี่ว่าทุกอย่างมันปกติหมดเลย แต่ตัวแปรสำคัญคือแฟนหนูมากกว่า ในมุมมองพี่ การที่เราจะมีเพื่อนแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ ส่วนการที่หนูรู้สึกไม่สบายใจก็เป็นเรื่องที่ปกติ แต่พี่ว่าแฟนหนูควรทำอะไรมากกว่านี้ แต่ที่รู้สึกไม่ปกติคือแฟนหนูมากกว่า หลงกลออกไปหลายต่อหลายครั้ง สุดท้ายเราก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง หนูก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะมันเป็นการเล่าผ่านปากของเขาเท่านั้น ถ้าเพื่อนเป็นตัวปัญหาที่ทำให้ไม่โอเค พี่ว่าพี่ก็จะยอมแฟนก่อนนะ พี่ไม่ได้จะแต่งงานกับเพื่อนในความหมายของพี่ เพราะฉะนั้นพี่รู้สึกว่าแฟนหนูต้องทำอะไรสักอย่างให้หนูรู้สึกสบายใจมากกว่านี้’

            ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ยืนยันว่าฝั่งของหนูปกติ ใครก็ต้องรู้สึกแบบนี้ เมื่อรู้ว่าเพื่อนแฟนทำแบบนี้ ส่วนฝั่งเพื่อนแฟน พี่ว่าเขาทำเรื่องไม่ปกติจนเป็นเรื่องปกติ พี่ว่าหนูไม่ต้องไปจัดการอะไร แต่ต้องเป็นแฟนหนูที่เป็นคนจัดการหรือทำอะไรบางอย่าง แต่ก็เข้าใจว่าหนูอายุ 19 หนูก็ค่อนข้างเด็กอยู่ แต่พี่ไม่อยากให้หนูโทรหาเพื่อนเขาหรือส่งข้อความไปเคลียร์ เพราะว่ามันไม่จำเป็นต้องทำ เรื่องนี้มันอยู่ที่คนของเราก็คือแฟนของหนู ถ้าพี่เป็นหนู พี่คงถามแฟนว่าทำไมยังคบเพื่อนแบบนี้อยู่

            และสุดท้าย “ดีเจอ้อย” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คนเรามีสิทธิ์ในการหวงแฟน แต่พี่ว่าวิธีการของหนูต่างหากที่พี่รู้สึกว่ามันไม่ปกติ เป็นพี่จะขอบคุณเพื่อนสองคนนั้น เพราะมันจะเป็นโจทย์ให้พี่รู้ว่าแฟนของพี่เป็นคนยังไง อาจจะด้วยวัยของน้องที่รู้สึกว่าถ้าเลือกฉัน เธอต้องไม่เลือกเพื่อนสิ แต่พี่จะรู้สึกว่าหนูเสียเวลาจะตายที่ต้องไปแชทหาเพื่อนเขา ไปแชทหาผู้หญิงคนนั้น ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่เพื่อนของเราเป็นโจทย์ เราจะเห็นทันทีว่าแฟนของเราเป็นคนที่หนักแน่นขนาดไหน ไม่ใช่คนนั้นลากไปทีก็ไป คนนี้ลากไปทีก็ไป เขาจะต้องดูแลหัวใจของแฟนก่อน ถึงจะมีกี่คนมาชงมันจะไม่มีทางมาสั่นคลอนหัวใจเขาได้ แต่ตอนนี้เราเองรู้สึกว่าเดี๋ยวเพื่อนชวนก็จะไปตามเพื่อนอีก ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ แฟนหนูจะไม่มีความเป็นตัวของตัวเองเลย การที่หนูทำแบบนี้อาจไปปิดโอกาส ที่จะทำให้เห็นอะไรอีกหลาย ๆ อย่าง หลายครั้งที่เกิดอะไรขึ้นกับคนกลาง ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปคุยกับคนอื่น ถ้าคนสองคนจับมือกันแน่นพอ หนูไม่ต้องกลัวมือที่สาม เพราะฉะนั้นตอนนี้ เมื่อไหร่ก็ตามที่ใครลากไป แล้วเขาไปตลอด อันนั้นพี่รู้สึกว่าคนกลางหนูต้องดูดี ๆ ว่าเขารักหนูมากพอหรือเปล่า ถ้าเกิดคนคนหนึ่งรักเรา เขาจะเลือกเรา แม้ว่าจะเจอคนอื่น ๆ อีกมากมาย’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

หนูเป็นประเภท Introvert สุดๆ กว่าจะสนิทกับใคร ให้ใจกับใครนั้นต้องใช้เวลามากๆ ตอนนี้อายุ 35 แล้ว มีเพื่อนสนิทที่สุดคนเดียว เขาคือคนที่ผ่านอะไรมาด้วยกัน 15 ปี ไว้ใจกันที่สุด แต่ล่าสุดเพื่อนคนนี้เส้นเลือดในสมองแตก เสียชีวิตกระทันหัน หนูไม่ทันตั้งตัว

23 พ.ค. 2025

หนูเป็นประเภท Introvert สุดๆ กว่าจะสนิทกับใคร ให้ใจกับใครนั้นต้องใช้เวลามากๆ ตอนนี้อายุ 35 แล้ว มีเพื่อนสนิทที่สุดคนเดียว เขาคือคนที่ผ่านอะไรมาด้วยกัน 15 ปี ไว้ใจกันที่สุด แต่ล่าสุดเพื่อนคนนี้เส้นเลือดในสมองแตก เสียชีวิตกระทันหัน หนูไม่ทันตั้งตัว

หนูเป็นประเภท Introvert สุดๆ กว่าจะสนิทกับใคร ให้ใจกับใครนั้นต้องใช้เวลามากๆ ตอนนี้อายุ 35 แล้วมีเพื่อนสนิทที่สุดคนเดียว เขาคือคนที่ผ่านอะไรมาด้วยกัน 15 ปี ไว้ใจกันที่สุด แต่ล่าสุดเพื่อนคนนี้เส้นเลือดในสมองแตกเสียชีวิตกระทันหัน หนูไม่ทันตั้งตัว ความรู้สึกมันเหมือนขาดอะไรไป เสียใจมากๆ และ คิดว่าอายุ 35 ขนาดนี้แล้วถ้าจะเริ่มหาเพื่อนใหม่ ทำความรู้จัก เริ่มสนิทกันใหม่ คงเป็นเรื่องที่ยากมากๆสำหรับหนู แต่ลึกๆก็อยากมีเพื่อนสนิทในชีวิตบ้างหรือจะไม่ต้องมีเพื่อน เอาเวลาอยู่กับลูก กับ สามีก็พอ ทุกคนมีความเห็นยังไงกันคะ ?? “คุณแคท (นามสมมติ)” อายุ 35 ปี เป็นสายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [21 พ.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจอ้อย” เกี่ยวกับปัญหาการจากไปอย่างกระทันหันของเพื่อนสนิทที่คบกันมา 15 ปี โดย “คุณแคท (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘แคทค่อนข้างเป็น introvert มาก ๆ ถ้าไม่ใช่คนสนิทก็จะไม่พูดเรื่องส่วนตัวเลย และไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นเลยนอกจากการทำงาน แล้วเพื่อนสนิทของแคทเขาก็เพิ่งเสียชีวิตไป เขาเป็นเพื่อนรัก เพื่อนสนิทหนึ่งเดียวของเรา วันนี้ที่เขาเสียไปแล้ว เราก็รู้สึกว่าส่วนหนึ่งของเรามันหายไปด้วย แต่แคทก็มีครอบครัวแล้ว มีทั้งสามีและลูก แต่มันก็จะมีบาง topic ที่เราอยากคุยกับเพื่อน แต่ถ้าวันนี้ต้องโทรหาใครสักคน ไม่ก็มีใครให้โทรหาหรือทักไปคุยได้ในบางเรื่องเลย ก่อนหน้านี้แคทเคยมีเพื่อน แต่เคยโดนหักหลังมา มันเลยทำให้เราไม่อยากคบใครเป็นเพื่อน ถ้าไม่ไว้ใจเขาจริง ๆ พอมีคนมาถามว่าวันหยุดแคททำอะไร แคทก็จะตอบไปว่า อยู่บ้านกับลูก แล้วมักจะโดนถามว่า ไม่มีเพื่อนเลยหรอ? แคทเลยรู้สึกสตั๊นไปเหมือนกัน ใจนึงเราก็คิดว่าเราควรมีเพื่อนใหม่มั้ย? หรือจริงๆแล้วถ้าไม่มีก็อยู่กับตัวเอง กับสามี กับลูกหรืออยู่กับงาน มันอาจจะเหงาๆหน่อย แต่มันจะมีบางกิจกรรมในชีวิตที่มันหายไป อย่างการไปสปา เม้าท์มอยดารา ช้อปปิ้ง มันก็ไม่มีใครที่ไปกับเรา แคทรู้จักกับเพื่อนคนนี้จากที่ทำงานที่แรก เป็นเพื่อนที่สนิทและคลิกกันที่สุด แต่กับเพื่อนในที่ทำงานคนอื่นเราวางเขาไว้แค่เป็นเพื่อนร่วมงาน แต่กับเพื่อนสนิทคนนี้เราเคยไปทำงานต่างประเทศด้วยกันเลยมีช่วงเวลาที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกัน แคทเลยอยากถามพี่ๆดีเจว่า ในวัย 35 ปีการมีเพื่อนยังจำเป็นมั้ย? ถ้าไม่มีจะเป็นอะไรมั้ย? แล้วเราควรจะจัดการกับตัวเอง จัดการความรู้สึกยังไงต่อเมื่อไม่มีเพื่อนรักคนนี้แล้ว?’ ซึ่ง “ดีเจอ้อย” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่าการเป็นเพื่อนกันมันไม่ใช่การรับสมัครงาน บางทีการที่เพื่อนคนนี้เป็นเพื่อนสนิทของเรา มันอาจจะมีลักษณะบางอย่างเหมือนกัน และเราก็ไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาที่จะให้เขาเป็นเพื่อนสนิทเราตั้งแต่แรก ถ้าถามว่าจำเป็นอยู่มั้ยที่ต้องมีเพื่อน ต้องถามตัวเองว่าอยากมีเพื่อนมั้ย และถ้าไม่มีเพื่อน มันก็ไม่เป็นไร ไม่จำเป็นต้องตั้งหน้าตั้งตาหา จนกว่าจะได้เจอใครสักคนที่ คนที่ชอบอะไรเหมือน ๆ กันหรือคนที่คุยด้วยแล้วสนุก ไม่ได้มีคำตอบว่า “ต้องหรือไม่ต้อง” อาจจะเจอเพื่อนที่ไม่ได้สนิทเท่าเดิมเพราะมันต้องใช้เวลา แต่ก็ยังสามารถแชร์เรื่องราวในชีวิตด้วยกัน ให้ใช้ชีวิตแบบธรรมชาติ ไม่ต้องตั้งหน้าตั้งตาหาจนเกินไปมันจะมีโอกาสทำให้เราผิดหวังมากขึ้น เพราะเราคาดหวัง’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าถามพี่ว่าเพื่อนจำเป็นต้องมีมั้ย พี่จะตอบว่ามันไม่จำเป็นต้องมี ถ้าวันนี้แคทอยู่กับตัวเองแล้วมันมีความสุขได้ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ การมีเพื่อนเลยน่าจะดีกว่าอยู่แล้ว แต่จะทำยังไงให้มีเพื่อน การจะมีเพื่อนด้วยความตั้งใจที่อยากให้มี มันมักจะไม่ค่อยได้หรอก มันจะต้องปล่อยให้จังหวะชีวิตพาไปเจอคนๆนั้นเหมือนเพื่อนสนิทคนนี้ และการที่แคทจะเจอคน ๆ นี้ได้อีกครั้ง คือ แคทต้องเปิดใจว่า มันยังมีเพื่อนดี ๆ อีกตั้งเยอะ ไม่ใช่แค่เพื่อนที่เคยหักหลังแคท’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ผู้หญิงกับผู้ชายจะมีวิธีการคุย หรือ การปฏิบัติกับเพื่อนสนิทต่างกัน เมื่ออายุผ่านไปเรื่อยๆ เพื่อนที่เราใช้คำว่าสนิท มันจะถูกชีวิตพัดพาให้ห่างหายไป กลายเป็นว่าคนที่เราคุยด้วยบ่อย ๆ คือคนใหม่ ๆ ที่เราได้รู้จัก ถ้าในวันนี้เพื่อนที่เราสนิทที่สุดไม่อยู่ คนต่อไปที่เราจะรู้จักเป็นไปได้มั้ยที่เขาจะไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่เป็นแค่เพื่อนที่พูดคุยในเรื่องนั้น มันอาจจะช่วยลดความคาดหวังลงได้’ และสุดท้ายดีเจทั้ง 3 คนได้ให้ความคิดเห็นตรงกันว่า ‘ให้คุณแคทปล่อยทุกอย่างไปอย่างธรรมชาติ อย่าปิดกั้นตัวเองจากคนใหม่ ๆ คุณแคทจะมีความสุขและอาจจะเจอเพื่อนคนใหม่ที่ตามหาก็ได้’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูเรียนจิตวิทยา แต่รู้สึกว่าสังคม และ การเรียนยังไม่ใช่ อยากย้ายคณะไปเรียนรัฐประศาสนศาสตร์ แต่ก็ต้องหาเงินส่งตัวเอง จ่ายค่าเทอมเอง ปรึกษาคนรอบข้าง บางคนบอกให้ย้าย บางคนบอกให้เรียนต่อจะได้ไม่เสียเวลา หนูควรทำยังไงดีคะ?

24 ม.ค. 2025

หนูเรียนจิตวิทยา แต่รู้สึกว่าสังคม และ การเรียนยังไม่ใช่ อยากย้ายคณะไปเรียนรัฐประศาสนศาสตร์ แต่ก็ต้องหาเงินส่งตัวเอง จ่ายค่าเทอมเอง ปรึกษาคนรอบข้าง บางคนบอกให้ย้าย บางคนบอกให้เรียนต่อจะได้ไม่เสียเวลา หนูควรทำยังไงดีคะ?

“คุณโตเกียว (นามสมมติ)” อายุ 19 ปี เป็นสายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [22 ม.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษากับ ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจอ้อย’ เกี่ยวกับปัญหาเรื่องการเรียน ที่ยังไม่สามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง ว่าควรไปต่อหรือย้ายหนีดี โดย “คุณโตเกียว (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ปัจจุบันเรียนอยู่ปี 1 สาขาจิตวิทยา หนูมีเรื่องอยากปรึกษา ตอนมัธยมหนูเรียน สายศิลป์ – ภาษา มา ซึ่งมันค่อนข้างต่างจากสาขาที่หนูเรียนอยู่ในตอนนี้ ทำให้พอเข้ามหาวิทยาลัยมาช่วงเทอมแรก หนูเรียนไม่ค่อยดี ทำให้เกรดไม่ค่อยดี และก็มีปัญหาเรื่องการปรับตัวกับเพื่อนใหม่ ทำให้ช่วงนั้นไม่อยากไปเรียนเลย พอมาเทอมที่ 2 หนูก็เริ่มมีกลุ่มเพื่อนใหม่ แต่ก็ยังไม่สนิทกัน แล้ววิชาเรียนมันก็ยากขึ้น โดยเฉพาะวิชาเรียน สายวิทย์ หนูก็เลยคิดว่าถ้าหนูฝืนเรียนต่อไป หนูจะไหวไหม? แล้วก็กลัวว่าถ้าเกรดหนูน้อยแล้วจบไป จะหางานยากรึป่าว หนูก็เลยคิดอยากจะย้ายคณะ ซึ่งคณะที่หนูจะย้ายไปเป็นคณะที่เกี่ยวกับสายงานราชการ หนูคิดว่ามันน่าจะเหมาะกับหนูมากกว่า แล้วสาขานี้ก็ยังมีสวัสดิการที่ครอบคลุมทั้งตัวหนูและครอบครัวด้วย ที่สำคัญคณะใหม่ที่หนูจะย้ายไปมันสามารถที่จะเลือกเวลาเรียนเองได้ ทำให้หนูทำงานไปด้วย เรียนไปด้วยได้ เพราะครอบครัวหนูไม่ได้มีฐานะดีเท่าไหร่ และก็ยังมีน้องชายอีก คุณพ่อ - คุณแม่ก็ซัพพอร์ตหนูแค่ค่าที่พัก กับค่าใช้จ่ายบางส่วนในแต่ละเดือนเท่านั้น แต่ในสาขาจิตวิทยาของหนูตอนนี้ มันมีคนน้อย ไม่สามารถเลือกเวลาเรียนเองได้ อาจารย์เป็นคนเลือกเวลาเรียนให้ หนูก็เลยหางานทำยาก เพราะมีเลิกเรียนค่ำเป็นบางวัน แต่การย้ายคณะของหนูก็มีข้อจำกัด เพราะว่าถ้าหนูจะย้ายช่วงซัมเมอร์นี้ หนูก็ต้องไปทำงานหาเงินค่าเทอมเพื่อสำรองจ่ายเองก่อน เพราะต้องรอช่วงเปิดเทอม ถึงจะทำเรื่องกู้เงินจากกองทุนเพื่อการศึกษาได้ หนูปรึกษามาหลายคนแล้ว มันก็จะมีเสียงแตกออกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งนึงก็บอก อย่าย้ายเลยเสียเวลา อีกฝั่งบอกว่า ถ้ามันเหมาะกับตัวเองมากกว่าก็ย้ายเลย หนูก็เลยรู้สึกสับสน ใจนึงก็อยากย้ายเพราะตอบโจทย์กับชีวิตมากกว่า แต่อีกใจนึงก็กลัวตัดสินใจพลาด หนูเลยอยากจะถามพี่ๆดีเจว่า หนูควรเลือกแบบไหน ควรย้ายคณะดีไหมคะ? ซึ่ง “ดีเจอ้อย” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าพี่ย้อนเวลากลับไปได้ พี่จะเรียนจิตวิทยา แต่อันนี้แค่ให้เป็นสิ่งประกอบการตัดสินใจของหนูนะ เพราะชีวิตเราต้องมองแบบยาวๆ ในอนาคตตลาดงานต้องการนักจิตวิทยาอีกเยอะมาก แต่ถ้าหนูอยากทำงานราชการ ในบางสายก็ไม่จำเป็นต้องเรียนสายตรงก็สามารถทำงานราชการได้อยู่ดี ยิ่งปัจจุบันอาชีพและความรู้สามารถหาประกอบได้ทั้งนั้นเลย ไม่จำเป็นต้องเรียนสิ่งนี้เพื่อที่จะได้เป็นสิ่งนี้ ปัจจุบันแม้จะเรียนอะไรก็ตาม ถ้ามีโอกาสมาก็คว้าไว้เลย’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่อยากให้โตเกียวลองไปดูหลักสูตรการเรียนการสอนของคณะนี้ก่อนว่าพวกวิชาสายวิทย์ที่โตเกียวกลัว ในตอนปี 3 ปื 4 วิชามันเพิ่มขึ้นหรือน้อยลงยังไง ไม่แน่ว่าพื้นฐานของสายวิทย์อาจจะมีแค่ในปี 1 อย่างเดียวก็ได้ ถ้ายังอยากเรียนอยู่ก็ลองชั่งน้ำหนักดู หรือถ้าเกิดไม่ไหวจริงๆ ก็ลองเปลี่ยนดู’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ พี่แค่อยากให้โตเกียวมีความสุขกับสิ่งที่เรียน ต้องถามตัวเองว่าที่เรียน เรามีความชอบ และมีความสุขกับมันไหม แต่ถ้าโตเกียวอยากย้ายไปอีกคณะ โตเกียวก็ต้องลองดูวิชาที่ต้องเรียน มันมีวิชาที่โตเกียวสนใจไหม สนใจจริงๆรึป่าว ไม่ใช่แค่เรียนเพราะว่างานราชการจะมีที่ว่างรอรับเราอยู่ พี่ว่าแค่นั้นมันไม่พอ สุดท้ายพี่อยากให้โตเกียวเลือกเรียนสิ่งที่โตเกียวสามารถเต็มที่กับมันได้’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูอายุ 23 เพิ่งเริ่มงานที่ใหม่ได้ 1 เดือนกว่าๆ แต่ตลอด 1 เดือนกว่าๆที่ผ่านมา เจอคำถามจากหัวหน้าทุกวันว่า... “อายุ 23 ทำไมยังให้พ่อแม่มารับ มาส่ง” แล้วเขาก็ส่งแผนผังเดินรถเมล์มาให้ แต่ที่บ้านหนูเขาสบายใจ ที่จะมารับส่งหนูแบบนี้ทุกวันมากกว่า จะทำยังไงดี?

23 พ.ค. 2025

หนูอายุ 23 เพิ่งเริ่มงานที่ใหม่ได้ 1 เดือนกว่าๆ แต่ตลอด 1 เดือนกว่าๆที่ผ่านมา เจอคำถามจากหัวหน้าทุกวันว่า... “อายุ 23 ทำไมยังให้พ่อแม่มารับ มาส่ง” แล้วเขาก็ส่งแผนผังเดินรถเมล์มาให้ แต่ที่บ้านหนูเขาสบายใจ ที่จะมารับส่งหนูแบบนี้ทุกวันมากกว่า จะทำยังไงดี?

หนูอายุ 23 เพิ่งเริ่มงานที่ใหม่ได้ 1 เดือนกว่าๆ แต่ตลอด 1 เดือนกว่าๆที่ผ่านมา เจอคำถามจากหัวหน้าทุกวันว่า...“อายุ 23 ทำไมยังให้พ่อแม่มารับ มาส่ง” แล้วเขาก็ส่งแผนผังเดินรถเมล์มาให้ แต่ที่บ้านหนูเขาสบายใจที่จะมารับส่งหนูแบบนี้ทุกวันมากกว่า จะทำยังไงดี? หัวหน้าเช็คถามทุกวันเลยว่า วันนี้มายังไง กลับยังไงทำไมยังไม่ช่วยเหลือตัวเองอีก ลูกพี่อายุเท่าๆหนูก็ทำได้แล้ว ตอนนี้หนูอึดอัด และ เบื่อกับคำถามเดิมๆในทุกๆวันถ้าจะโกหกว่านั่งรถเมล์มา เขาก็คงจะถามซอกแซกอีก กลัวว่าตัวเองจะโป๊ะแล้วตอบคำถามเขาไม่ได้ “คุณส้ม (นามสมมติ)” อายุ 23 ปี เป็นสายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [21 พ.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจอ้อย” เกี่ยวกับปัญหาพี่ที่ทำงานตกใจที่คุณแม่ยังรับ-ส่งหนูไปทำงาน โดย “คุณส้ม (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูเพิ่งเข้าทำงานออฟฟิศที่นึง ในแผนกที่เข้าไปทำจะมีพี่หัวหน้าหนู 1 คน ซึ่งเขาเป็นผู้ชายอายุประมาณ 50 ปี แล้วห้องทำงานก็มีแค่หนูกับพี่เขาในห้องแค่ 2 คน เรื่องเกิดตั้งแต่วันแรกที่หนูเข้าไปทำงานเลย พี่เขาก็เข้ามาคุยด้วยว่า บ้านหนูอยู่แถวไหน แล้วมาทำงานยังไง หนูก็ตอบเขาไปว่า อ่อ คุณแม่หนูมาส่งค่ะ แล้วคุณแม่ก็จะมารอรับ เพราะปกติที่บ้านจะค่อนข้างหวง จะชอบไปรับ-ส่งตลอด แต่พอหนูตอบไปแบบนั้น พี่เขาก็ตกใจและถามหนูว่า เราอายุเท่าไรนะ? ทำไมยังให้แม่ไปรับ-ส่ง แล้วเขาก็บ่นหนูว่า ทำแบบนี้ไม่ได้นะ เราโตแล้ว เราต้องหัดเดินทางเองบ้างนะ หนูก็ไม่รู้จะตอบยังไง ก็เลยตอบ ค่ะๆ แล้วก็ยิ้มตอบไป พอช่วงบ่ายของวันนั้น พี่เขาก็ส่งรูปสายรถเมล์มาให้หนูดูว่า รถเมล์สายนี้มันผ่านแถวบ้านหนู แล้วมันมาถึงออฟฟิศได้เลยนะ หนูก็ไม่รู้จะตอบยังไง ก็เลยเออ ออตามเขาไปว่า จริงหรอคะ? หนูก็คิดในใจว่าหนูก็คงไม่ได้ขึ้นรถเมล์อยู่แล้ว เพราะหนูไม่เคยขึ้นรถเมล์เลย ตอนนี้หนูทำงานมาได้เดือนกว่าๆแล้ว แต่พี่เขาจะถามหนูแทบทุกเช้าเลยว่า วันนี้มาทำงานยังไงลูก? หรือ วันนี้ลองขึ้นรถเมล์หรือยัง? จริงๆเขาแนะนำวิธีการเดินทางอื่นด้วย ทั้งขึ้นรถ ลงเรือ แล้วทุกเช้าหนูก็จะตอบเขาเหมือนเดิมว่า วันนี้แม่มาส่งค่ะ บางวันเขาก็จะรับฟังเฉยๆ แต่บางวันเขาก็บ่นเราเลยว่า ทำไมไม่ลองเดินทางเอง ทำไมไม่ลองขึ้นรถเมล์ ลองดูมั้ยพรุ่งนี้ เขาชวนหนูคุยทั้งวันเลย เวลาหนูนั่งทำงานอยู่ เขาจะชอบเดินมาถามว่า เป็นยังไงบ้าง เย็นนี้กลับยังไง พรุ่งนี้กินข้าวอะไร เพราะแม่หนูจะทำข้าวกล่องมาให้ด้วยทุกวัน เขาจะชอบมาดูข้าวกล่องหนูว่าวันนี้แม่ทำอะไรมาให้กิน เขาบอกว่าลูกเขาอายุเท่าๆกับหนู หนูก็เคยตอบเขาไปแล้วว่า คุณแม่หนูเขาชอบมารับ-ส่งจริงๆ หนูไม่สามารถเดินทางแบบอื่นได้ ยกเว้นบางวันที่รีบมากๆ คุณแม่ก็จะให้ขึ้น BTS บ้าง เขาก็รู้แล้วว่าที่บ้านหนูมารับ-ส่งได้ หนูไม่ได้บังคับแม่ แต่เขาก็ยังถามหนูอยู่ทุกเช้า ที่หนูโทรมาวันนี้ คือ หนูไม่ได้อยากเปลี่ยนคำถามเขา แต่อยากเปลี่ยนคำตอบของตัวเองมากกว่า หนูไม่อยากโกหกเขาด้วย บางทีก็อยากจะตอบปัดๆไปว่า อ่อวันนี้เดินทางเอง แต่ด้วยความพี่เขาน่าจะถามต่ออีกเยอะ หนูอยากถามพี่ๆดีเจว่า หนูควรจะตอบยังไงดีให้เขาเลิกถามเรื่องนี้กับหนูไปเลย?’ ซึ่ง “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ลองบอกหัวหน้าไปว่า คุณแม่มีปมกับการขึ้นรถเมล์ การขึ้นรถเมล์ของคุณแม่คือไม่ได้เลย มันเป็นสิ่งที่คุณแม่ไม่อนุญาตให้ส้มทำ ส้มเคยอยากลองแล้วแต่ส้มทำไม่ได้จริงๆ’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘อาจจะต้องใช้วิธีอ้างคุณแม่ไปเลยว่า นี่คือช่วงเวลาที่แม่เขาชอบที่สุด ได้คุยกัน ได้ส่งลูก เขาว่างแล้วเขาก็อยากดูแลลูก เคยบอกว่าจะขึ้นรถเมล์แล้ว แม่เขาร้องไห้เลย พี่ไม่ต้องถามหนูแล้วนะ หนูจะร้องไห้เลย หรือบอกไปว่า หนูเคยบอกให้แม่ไม่มาส่งแล้ว แต่มันเป็นอย่างเดียวที่แม่อยากทำเพื่อลูกอยู่’ และสุดท้าย “ดีเจอ้อย” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ว่ามันก็อาจจะเป็นการแสดงออกซึ่งความห่วงใยอย่างนึง ถ้าหนูมองเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ดีที่หัวหน้าพูดคุยกับลูกน้อง เพราะถ้าเขาไม่คุยเลย แสดงว่าเราถูกเขม่นอยู่นะ พี่ไม่อยากให้หนูรู้สึกถึงขั้นว่า หนูรู้สึกไปหมดกับสิ่งที่เขาถาม หรือเราอาจจะชิงถามเขาไปก่อนว่า พี่กินข้าวหรือยัง หรืออาจจะคุยเรื่องงานไปเลยก็ได้ มันอยู่ที่ความรู้สึกของเรามากกว่า เพราะไม่งั้นหนูเองที่ดันไปให้ความสำคัญกับสิ่งที่เขาถาม ทั้งที่มันอาจจะเป็นการชวนคุยเฉยๆ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ธุระกงการอะไรของหนู !? เจ้านายต่างชาติ มีครอบครัวอยู่แล้ว แต่ไปทำสาวไทยท้อง ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นติดต่อเขาผ่านหนู เพราะเจ้านายบล็อกผู้หญิงไปแล้ว หนูเจรจาเรื่องเงินค่าเลี้ยงดู เจ้านายให้รวมๆหลายล้านแล้ว แต่ผู้หญิงก็ไม่ยอมหยุด มาขอเจ้านายผ่านหนูอีก

14 ก.พ. 2025

ธุระกงการอะไรของหนู !? เจ้านายต่างชาติ มีครอบครัวอยู่แล้ว แต่ไปทำสาวไทยท้อง ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นติดต่อเขาผ่านหนู เพราะเจ้านายบล็อกผู้หญิงไปแล้ว หนูเจรจาเรื่องเงินค่าเลี้ยงดู เจ้านายให้รวมๆหลายล้านแล้ว แต่ผู้หญิงก็ไม่ยอมหยุด มาขอเจ้านายผ่านหนูอีก

ธุระกงการอะไรของหนู !? เจ้านายต่างชาติ มีครอบครัวอยู่แล้ว แต่ไปทำสาวไทยท้องตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นติดต่อเขาผ่านหนู เพราะเจ้านายบล็อกผู้หญิงไปแล้ว หนูเจรจาเรื่องเงินค่าเลี้ยงดูเจ้านายให้รวมๆหลายล้านแล้ว แต่ผู้หญิงก็ไม่ยอมหยุด มาขอเจ้านายผ่านหนูอีกพอหนูจะไม่คุย เขาก็อ้างว่าจะมาแฉถึงที่ทำงาน ตอนนี้อยากจบเรื่องนี้สักที “คุณกล้วย (นามสมมติ)” อายุ 26 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [12 ก.พ. 66] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจอ้อย” เกี่ยวกับปัญหาโดนเป็นคนกลาง ระหว่างเจ้านายกับผู้หญิงที่เจ้านายไปทำเขาท้อง โดย “คุณกล้วย (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูทำงานกับบริษัทที่มีเจ้านายเป็นชาวต่างชาติ ทำงานกันมานานประมาณ 3 - 4 ปีเลยค่อนข้างสนิทกัน มีอยู่วันหนึ่งเจ้านายมาเล่าให้ฟังว่า เขาไปเที่ยวกลางคืนแล้วทำผู้หญิงท้อง แล้วก็ให้หนูเป็นคนกลางคุยกับผู้หญิงคนนั้น เพราะเจ้านายเขาพูดไทยไม่ค่อยได้ และที่สำคัญคือเขามีครอบครัวอยู่แล้วที่ต่างประเทศ ตอนแรกที่รู้เรื่อง หนูก็ตกใจ เลยถามว่าเขาจะเอาเด็กไว้ไหม? แต่เจ้านายบอกว่าผู้หญิงคนนั้นอยากมีลูก อยากเก็บเด็กไว้ บอกว่าถ้าเขาจะกลับประเทศก็กลับไปเลย ผู้หญิงคนนั้นจะเลี้ยงลูกเอง พอถึงวันที่คลอด มันดันตรงกับช่วงที่เจ้านายกลับไปอยู่ต่างประเทศพอดี ผู้หญิงคนนั้นเลยพยายามติดต่อหาเขา ซึ่งทำให้ภรรยาของเจ้านายจับได้และรู้เรื่องนี้ สุดท้ายภรรยาเลยยื่นคำขาดให้เจ้านายจ่ายเงินก้อนหนึ่งแล้วตัดขาดกันไป ทางเจ้านายก็ตกลง แต่หลังจากตกลงข้อตกลงจบไปแล้ว ปัญหามันเกิด เพราะผู้หญิงคนนั้นก็ยังติดต่อมาหาหนูตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโรงเรียนบ้าง ลูกป่วยบ้าง ขอเงินค่าเลี้ยงดู สารพัดเรื่องเกี่ยวกับลูก ซึ่งมันบ่อยมาก ล่าสุดเจ้านายตัดสินใจให้เงินก้อนสุดท้ายไปประมาณครึ่งล้าน แต่ผู้หญิงก็บอกว่าจะเอาไปทำธุรกิจบ้าง อะไรบ้าง แต่พอเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับลูกจริง ๆ กลับไม่มี จนถึงตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นก็ยังทักมาขอเงินที่หนูอยู่เลย ขอให้ช่วยพูดกับเจ้านายให้หน่อย หนูถึงขั้นบอกไปแล้วว่าหนูจะลาออก หนูไม่อยากเป็นคนกลางอีกแล้ว มันบั่นทอนชีวิตหนูมาก หนูอยากออกมาให้พ้นจากเรื่องนี้ แต่ปัญหาคือถ้าหนูไม่ติดต่อให้ เขาก็ขู่จะมาหาเจ้านายถึงที่ทำงาน เพราะเจ้านายเขาก็กลัวเรื่องหน้าที่การงานด้วย หนูอยากปรึกษาพี่ๆดีเจว่า หนูควรพูดกับเจ้านายและผู้หญิงคนนั้นว่ายังไงดีคะ? เริ่มที่ “ดีเจอ้อย” ให้คำปรึกษาว่า ‘นี่คือปัญหาของเขา แต่ตอนนี้หนูกำลังเอาใจลงไปเล่น ทั้งที่จริง ๆ แล้วหนูเป็นแค่ล่าม คนที่สร้างปัญหาคือเขา และเขาควรรับผิดชอบเอง ถ้าอีกฝ่ายขู่จะมาตามถึงออฟฟิศ เจ้านายต้องเป็นคนจัดการ เพราะหนูก็ต้องทำงาน ไม่ใช่คนกลาง ถ้าฝั่งนั้นยังติดต่อมาไม่หยุด หนูก็แค่บอกว่า “พี่ลองติดต่อเจ้านายเองนะ เพราะหนูบอกไปหมดแล้ว” และนี่คือเวลางานของหนู ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็แค่บล็อก แต่ต้องแจ้งเจ้านายก่อนว่าหนูกำลังถูกรบกวน ข่มขู่ จนเริ่มเป็นการกรรโชก ทั้งที่มันไม่ใช่ปัญหาของหนู หนูต้องทำหน้าที่เป็นล่ามเท่านั้น ไม่อย่างนั้นหนูจะกลายเป็นกรรชนแทน เพราะเจ้านายไม่เคยชนปัญหาของตัวเอง แต่ใช้หนูเป็นตัวปะทะตลอด หนูต้องขีดเส้นให้ชัด ว่าหนูแค่สื่อสาร ไม่ใช่คนแก้ปัญหา’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘นี่ไม่ใช่ปัญหาของหนู แต่หนูกลับเอามาเป็นปัญหาของตัวเอง ทั้งที่ไม่ควรแบกเรื่องของใครเลย หนูแค่บอกผู้หญิงว่า “หนูลาออกแล้วนะ ต่อไปคุยกันเองนะคะ” ส่วนเจ้านายต้องพูดตรง ๆ ว่า “ชีวิตส่วนตัวหนูแย่ลงเพราะเรื่องนี้ หนูช่วยมามากแล้ว ต่อไปนี้ต้องจัดการกันเอง” เราไม่จำเป็นต้องรับปัญหาของใครมาแบกอีก’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘ทั้งสองฝั่งต้องเกรงใจคุณกล้วยแล้วด้วยซ้ำ ถ้าเขายังไม่เกรงใจ ก็ไม่จำเป็นต้องแบกไว้ให้เหนื่อย ถ้าเป็นพี่จะทำแถลงการณ์ให้ชัดกับทั้งสองฝั่ง แล้วบล็อกไปเลย บอกให้เขารู้ว่าไม่ใช่หน้าที่ของเรา จากนี้ไปเชิญจัดการชีวิตของตัวเอง ถ้ามันดีหรือร้ายก็เป็นปัญหาที่พวกเขาสร้างขึ้นเอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1