หนูเรียนจิตวิทยา แต่รู้สึกว่าสังคม และ การเรียนยังไม่ใช่ อยากย้ายคณะไปเรียนรัฐประศาสนศาสตร์ แต่ก็ต้องหาเงินส่งตัวเอง จ่ายค่าเทอมเอง ปรึกษาคนรอบข้าง บางคนบอกให้ย้าย บางคนบอกให้เรียนต่อจะได้ไม่เสียเวลา หนูควรทำยังไงดีคะ?

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

หนูเรียนจิตวิทยา แต่รู้สึกว่าสังคม และ การเรียนยังไม่ใช่ อยากย้ายคณะไปเรียนรัฐประศาสนศาสตร์ แต่ก็ต้องหาเงินส่งตัวเอง จ่ายค่าเทอมเอง ปรึกษาคนรอบข้าง บางคนบอกให้ย้าย บางคนบอกให้เรียนต่อจะได้ไม่เสียเวลา หนูควรทำยังไงดีคะ?

24 ม.ค. 2025

            “คุณโตเกียว (นามสมมติ)” อายุ 19 ปี เป็นสายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [22 ม.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษากับ ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจอ้อย’ เกี่ยวกับปัญหาเรื่องการเรียน ที่ยังไม่สามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง ว่าควรไปต่อหรือย้ายหนีดี

            โดย “คุณโตเกียว (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ปัจจุบันเรียนอยู่ปี 1 สาขาจิตวิทยา หนูมีเรื่องอยากปรึกษา ตอนมัธยมหนูเรียน สายศิลป์ – ภาษา มา ซึ่งมันค่อนข้างต่างจากสาขาที่หนูเรียนอยู่ในตอนนี้ ทำให้พอเข้ามหาวิทยาลัยมาช่วงเทอมแรก หนูเรียนไม่ค่อยดี ทำให้เกรดไม่ค่อยดี และก็มีปัญหาเรื่องการปรับตัวกับเพื่อนใหม่ ทำให้ช่วงนั้นไม่อยากไปเรียนเลย พอมาเทอมที่ 2 หนูก็เริ่มมีกลุ่มเพื่อนใหม่ แต่ก็ยังไม่สนิทกัน แล้ววิชาเรียนมันก็ยากขึ้น โดยเฉพาะวิชาเรียน สายวิทย์ หนูก็เลยคิดว่าถ้าหนูฝืนเรียนต่อไป หนูจะไหวไหม? แล้วก็กลัวว่าถ้าเกรดหนูน้อยแล้วจบไป จะหางานยากรึป่าว หนูก็เลยคิดอยากจะย้ายคณะ

            ซึ่งคณะที่หนูจะย้ายไปเป็นคณะที่เกี่ยวกับสายงานราชการ หนูคิดว่ามันน่าจะเหมาะกับหนูมากกว่า แล้วสาขานี้ก็ยังมีสวัสดิการที่ครอบคลุมทั้งตัวหนูและครอบครัวด้วย ที่สำคัญคณะใหม่ที่หนูจะย้ายไปมันสามารถที่จะเลือกเวลาเรียนเองได้ ทำให้หนูทำงานไปด้วย เรียนไปด้วยได้ เพราะครอบครัวหนูไม่ได้มีฐานะดีเท่าไหร่ และก็ยังมีน้องชายอีก คุณพ่อ - คุณแม่ก็ซัพพอร์ตหนูแค่ค่าที่พัก กับค่าใช้จ่ายบางส่วนในแต่ละเดือนเท่านั้น แต่ในสาขาจิตวิทยาของหนูตอนนี้ มันมีคนน้อย ไม่สามารถเลือกเวลาเรียนเองได้ อาจารย์เป็นคนเลือกเวลาเรียนให้ หนูก็เลยหางานทำยาก เพราะมีเลิกเรียนค่ำเป็นบางวัน แต่การย้ายคณะของหนูก็มีข้อจำกัด เพราะว่าถ้าหนูจะย้ายช่วงซัมเมอร์นี้ หนูก็ต้องไปทำงานหาเงินค่าเทอมเพื่อสำรองจ่ายเองก่อน เพราะต้องรอช่วงเปิดเทอม ถึงจะทำเรื่องกู้เงินจากกองทุนเพื่อการศึกษาได้ หนูปรึกษามาหลายคนแล้ว มันก็จะมีเสียงแตกออกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งนึงก็บอก อย่าย้ายเลยเสียเวลา อีกฝั่งบอกว่า ถ้ามันเหมาะกับตัวเองมากกว่าก็ย้ายเลย หนูก็เลยรู้สึกสับสน ใจนึงก็อยากย้ายเพราะตอบโจทย์กับชีวิตมากกว่า แต่อีกใจนึงก็กลัวตัดสินใจพลาด หนูเลยอยากจะถามพี่ๆดีเจว่า หนูควรเลือกแบบไหน ควรย้ายคณะดีไหมคะ?

            ซึ่ง “ดีเจอ้อย” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าพี่ย้อนเวลากลับไปได้ พี่จะเรียนจิตวิทยา แต่อันนี้แค่ให้เป็นสิ่งประกอบการตัดสินใจของหนูนะ เพราะชีวิตเราต้องมองแบบยาวๆ ในอนาคตตลาดงานต้องการนักจิตวิทยาอีกเยอะมาก แต่ถ้าหนูอยากทำงานราชการ ในบางสายก็ไม่จำเป็นต้องเรียนสายตรงก็สามารถทำงานราชการได้อยู่ดี ยิ่งปัจจุบันอาชีพและความรู้สามารถหาประกอบได้ทั้งนั้นเลย ไม่จำเป็นต้องเรียนสิ่งนี้เพื่อที่จะได้เป็นสิ่งนี้ ปัจจุบันแม้จะเรียนอะไรก็ตาม ถ้ามีโอกาสมาก็คว้าไว้เลย’

            ต่อมา “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่อยากให้โตเกียวลองไปดูหลักสูตรการเรียนการสอนของคณะนี้ก่อนว่าพวกวิชาสายวิทย์ที่โตเกียวกลัว ในตอนปี 3 ปื 4 วิชามันเพิ่มขึ้นหรือน้อยลงยังไง ไม่แน่ว่าพื้นฐานของสายวิทย์อาจจะมีแค่ในปี 1 อย่างเดียวก็ได้ ถ้ายังอยากเรียนอยู่ก็ลองชั่งน้ำหนักดู หรือถ้าเกิดไม่ไหวจริงๆ ก็ลองเปลี่ยนดู’

            ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ พี่แค่อยากให้โตเกียวมีความสุขกับสิ่งที่เรียน ต้องถามตัวเองว่าที่เรียน เรามีความชอบ และมีความสุขกับมันไหม แต่ถ้าโตเกียวอยากย้ายไปอีกคณะ โตเกียวก็ต้องลองดูวิชาที่ต้องเรียน มันมีวิชาที่โตเกียวสนใจไหม สนใจจริงๆรึป่าว ไม่ใช่แค่เรียนเพราะว่างานราชการจะมีที่ว่างรอรับเราอยู่ พี่ว่าแค่นั้นมันไม่พอ สุดท้ายพี่อยากให้โตเกียวเลือกเรียนสิ่งที่โตเกียวสามารถเต็มที่กับมันได้’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

หนูอายุ 18 แล้ว เริ่มอยากมีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง แต่คุณแม่ก็ยังเข้าห้องมาตลอด แบบไม่เคาะประตู บางทีเข้ามาย้ายของ จัดของจนหนูหาของอะไรไม่เจอเลย เคยล็อคกุญแจแล้ว แต่คุณแม่ก็มีกุญแจสำรอง จะเจรจา

07 ต.ค. 2024

หนูอายุ 18 แล้ว เริ่มอยากมีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง แต่คุณแม่ก็ยังเข้าห้องมาตลอด แบบไม่เคาะประตู บางทีเข้ามาย้ายของ จัดของจนหนูหาของอะไรไม่เจอเลย เคยล็อคกุญแจแล้ว แต่คุณแม่ก็มีกุญแจสำรอง จะเจรจา

หนูอายุ 18 แล้ว เริ่มอยากมีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง แต่คุณแม่ก็ยังเข้าห้องมาตลอดแบบไม่เคาะประตู บางทีเข้ามาย้ายของ จัดของจนหนูหาของอะไรไม่เจอเลย เคยล็อคกุญแจแล้วแต่คุณแม่ก็มีกุญแจสำรอง จะเจรจา พูดกับแม่ยังไงให้เขาเข้าใจหนูสักทีคะ? หนูให้เข้ามาได้แต่อย่ามาย้ายของ “คุณแจกัน (นามสมมติ)” อายุ 18 ปี สายที่ 2 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [2 ต.ค.67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจอ้อย‘ เกี่ยวกับปัญหาทำยังไงให้คุณเเม่เลิกเข้าห้องส่วนตัวเรา เพราะรู้สึกเริ่มโตเเล้ว โดย “คุณเเจกัน (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ครอบครัวหนูแยกทางกัน มีพี่น้อง 3 คน หนูเป็นคนกลาง พ่อแม่แยกทางกัน พี่สาวไปอยู่กับแฟน น้องชายไปอยู่กับพ่อ ส่วนหนูอยู่กับเเม่ ตอนนี้คุณเเม่อายุ 42 ปี เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา หนูขอแม่เเยกห้องนอนส่วนตัว คุณเเม่ก็โอเค ให้แยกนอนได้ บางทีคุยกันก็เหมือนเขาไม่พอใจ ผ่านไปอาทิตย์นึงคุณเเม่ก็เริ่มเข้าห้องเราโดยที่ไม่เคาะหรือบอกเราก่อน บางทีหนูไปโรงเรียนกลับมาของที่วางอยู่บนโต๊ะเหมือนเดิมก็หายหรือหาไม่เจอ เช่น หนูเรียนมีการบ้าน เขาจะชอบจัดเเล้วเขาจะเก็บรวมไปเลย บางทีหนูล็อคห้อง หรือติดป้ายไว้เเล้ว เคยคุยกับเเม่เเล้วด้วย เเม่ก็โอเคจะไม่เข้า เเต่พอผ่านไปแค่ 2 - 3 วันเขาก็ยังเข้าห้องเหมือนเดิม หนูไม่ได้ว่าที่เขาเข้าห้อง เเต่หนูอยากให้เขาบอกก่อนว่า จะเข้าไปเก็บของนะหรือจะเข้าไปห้องให้ บางทีหนูนอนอยู่ เขาก็จะเข้ามาโดยที่ไม่บอกเรา เข้ามาเฉย ๆ ดูเเล้วก็ออกไป บางทีหนูอาบน้ำเเต่งตัวอยู่ เขาก็เข้ามาเลย ทำให้หนูรู้สึกเหมือนเขาเข้ามาในพื้นที่ของหนู ทำให้หนูเกิดอาการเหมือนหงุดหงิดตัวเอง ไม่ได้หงุดหงิดแม่ หนูก็เก็บไว้ว่าอย่าไปหงุดหงิดเขา เหมือนเราเคยนอนด้วยในห้องเดียวกัน พอหนูแยกออกมาเขาอาจจะเเบบอยากรู้รึเปล่าว่าเราแยกออกมาเเล้ว ยังเป็นเหมือนเดิมรึเปล่า? หนูเป็นคนทำความสะอาดทั้งบ้านเอง เหมือนเรื่องของเราก็จะไม่ให้แม่ยุ่ง ซักผ้าหรืออะไรก็ทำเองหมดเลย เพราะไม่อยากให้แม่ทำ หนูไม่รู้ว่าต้องจัดการยังไง ก็เลยอยากถามพี่ ๆ ดีเจทั้งสามคนว่า หนูควรต้องทำยังไงดี? โดยเริ่มที่ “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘หัวอกคนเป็นพ่อเป็นเเม่รู้เเหละว่าวันนึงลูกจะโต จะไปมีชีวิตของตัวเอง เราจะไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าห้องโดยพลการอีกต่อไป นี่คือที่พ่อแม่รุ่นใหม่พยายามบอกตัวในทุก ๆ วัน เเต่มันโครตยากเลย ด้วยวัยของคุณเเม่ที่เท่า ๆ พี่พี่ว่าคุยได้ มันเปลี่ยนได้ เพราะฉะนั้นต้องมีวิธีการคุยจะไม้อ่อนไม้เเข็งอันนี้เเล้วเเต่เเจกัน ถ้าเคยคุยแบบไม้อ่อนเเล้วยังเหมือนเดิม ก็ตเองขยับเป็นไม้เเข็งขึ้น เเต่ก็ไม่รู้ความคิดเขาถ้าโดนอย่างงี้พอเขาโดนเเบบนี้จะยังไง เเต่พี่ว่าถ้าเห็นลูกเริ่มจริงจังขึ้นไม่ว่าจะคำพูดหรือการกระทำที่โตขึ้น เป็นพี่พี่ยอมเปลี่ยนนะ อย่างน้อยยังได้ก้าวเข้าไปในห้องเขาอ่ะ ถ้าไม่ได้จริง ๆ ให้คุณเเม่ฟังคลิปนี้’ ต่อมา “ดีเจอ้อย” ได้ให้คำปรึกษา ‘เข้าใจหมดว่าเราอยากมีโลกส่วนตัว เเต่ก็ต้องเข้าใจความเป็นเเม่เลี้ยงเดี่ยวเเล้วหนูเป็นลูกที่ใกล้เขามากที่สุด เขาก็จะเเอบคิดเข้าใจไปเองว่า ยังไงลูกต้องอยู่ในอ้อมกอดของชั้นตลอดไป ชั้นจะปกป้องเขาให้เขาไม่เจอสิ่งที่ไม่ดีต่าง ๆ นา ๆ เเละม่ความไม่ค่อยไว้ใจลูกสาวหน่อย ๆ การที่เขาได้เข้าไปในห้องของลูกสาว เหมือนเขาได้เข้าไปอยู่โลกของลูกสาวด้วย เขาเลยอยากสร้างความมั่นใจว่ายังอยู่ในสายตาชั้น ไม่มีอะไรหรอก อยากให้ทำความเข้าใจด้วย เเม่ไม่ได้เข้ามาอยู่ในห้องตลอดชีวิตเราหรอก วันนึงก็ต้องจากกัน ก่อนจะถึงวันนั้นปรับวิธีคิดเราจะได้ไม่หงุดหงิดมากเกินไป ยังไงก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านเรา มันก็เป็นบทเรียนให้หนูเหมือนกัน ที่หนูต้องรักเเละปกป้องตัวเองด้วย ค่อย ๆ สร้างความมั่นใจไปเรื่อย ๆ ถ้าเเม่มั่นใจในตัวเรามากขึ้น สิ่งเหล่านี้มันจะค่อย ๆ หายไป เพราะฉะนั้นมันไม่ได้แปลว่าพูดกับเเม่ 1 ครั้งเเล้วเเม่อยู่ในโอวาทของลูกสาวตลอดไป เเต่เมื่อไหร่ที่มันมาจากความรัก ปัญหาความรักแก้ง่ายกว่าปัญหาความไม่รัก ให้สื่อสารที่เป็นทางบวกเเละลองเข้าใจความเป็นห่วงของคุณเเม่ดูบ้าง’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘มันต้องหาตรงกลางที่ทั้งคู่แฮปปี้ พี่ว่ามันสามารถคุยได้นะถ้ามันส่งผลกระทบการเรียนเราอ่ะหรือเรามีนัดกันกับเขามั้ย ทุกวันอาทิตย์หรือทุกวันใด ๆ หนูอยู่ในห้องด้วยเเล้วเเม่ก็จัดจะได้รู้ว่าย้ายของเเล้วก็บอกหนูจะได้รู้ อย่าทำโดยที่หนูไม่อยู่อ่ะเพราะบางทีมันจะวุ่นวายต่อการหาของ ส่วนไอการเข้ามาโดยที่ไม่มีสัญญาณก่อนอ่ะ หรือมันโมบายอะไรหน้าห้องมั้ย อะไรก็ได้ให้ถ้าร่างเข้าผ่านเเล้วมันจะเกิดเสียงอะ เพื่อให้เขาเองก็ต้องมีสติด้วยนะว่าต้องเคาะก่อนต้องบอกก่อนเข้าอ่ะ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

แต่งงานกับสามีมา 8 ปี ชีวิตคู่ราบรื่น ปกติดีมาตลอด ติดเรื่องเดียว "หนูมีปัญหาสุขภาพ ไม่สามารถมีลูกได้" พยายามกันมาตลอด อยู่ๆมีเฟสผู้หวังดี มาเม้นรูปหนูว่า "ถ้าไม่อยากโง่ให้เปิดแชทอ่าน" ถึงรู้ว่าสามีไปมีลูกกับผู้หญิงอีกคน

26 เม.ย. 2024

แต่งงานกับสามีมา 8 ปี ชีวิตคู่ราบรื่น ปกติดีมาตลอด ติดเรื่องเดียว "หนูมีปัญหาสุขภาพ ไม่สามารถมีลูกได้" พยายามกันมาตลอด อยู่ๆมีเฟสผู้หวังดี มาเม้นรูปหนูว่า "ถ้าไม่อยากโง่ให้เปิดแชทอ่าน" ถึงรู้ว่าสามีไปมีลูกกับผู้หญิงอีกคน

แต่งงานกับสามีมา 8 ปี ชีวิตคู่ราบรื่น ปกติดีมาตลอด ติดเรื่องเดียว"หนูมีปัญหาสุขภาพ ไม่สามารถมีลูกได้" พยายามกันมาตลอด อยู่ๆมีเฟสผู้หวังดีมาเม้นรูปหนูว่า "ถ้าไม่อยากโง่ให้เปิดแชทอ่าน" ถึงรู้ว่าสามีไปมีลูกกับผู้หญิงอีกคนสามีบอกเป็นความพลาด แต่เขาขึ้นบ้านใหม่ด้วยกันแล้ว “คุณเหมียว (นามสมมติ)” อายุ 36 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (24 เม.ย. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจอ้อย นภาพร’ เกี่ยวกับปัญหามีลูกให้สามีไม่ได้ แต่เขาดันไปมีลูกกับคนอื่น โดย ​“คุณเหมียว(นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘คบกับแฟนมา 10 ปี พอคบกันได้ 2 ปีก็ตัดสินใจแต่งงาน ก็คือแต่งงานกันมาแล้ว 8 ปี สร้างตัวจากที่ไม่มีอะไรเลย แล้วเราก็คบกันปกติเหมือนคู่รักคู่อื่น ตอนแรกเรา 2 คนก็ขายของตามตลาดนัดด้วยกัน แต่เศรษฐกิจไม่ดี ผู้ชายเลยตัดสินใจไปทำงานประจำ ซึ่งช่วงแรก ๆ ที่เขาไปทำงาน เราก็มีไปที่ทำงานผู้ชายบ้าง ที่ทำงานก็รู้หมดว่าเป็นสามีภรรยากัน เหมือนปีที่ 9 เราทำงานหนักเลยไม่มีเวลาไปตามผู้ชายสักเท่าไหร่ ไม่ค่อยได้ออกจากบ้าน ไม่ได้ไปไหนด้วยกัน เพราะว่าต่างคนก็ต่างทำงาน จึงไม่ได้สงสัยหรือระแวงในตัวเขา และหนูก็เป็นโรคเกี่ยวกับมดลูก ซึ่งตอนแรกผู้ชายก็บอกว่า อยากมีลูก แล้วหนูก็ได้มีการปรึกษากันมาตลอดว่า ถ้าเกิดว่าเราไม่มีลูกจะเป็นอะไรไหม ผู้ชายบอกว่า ไม่เป็นไร เรารักกัน เราเก็บเงินให้กันและกันไปเรื่อย ๆ เรื่องนี้ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรเลย ถ้าเราอยากมีจริง ๆ อาจจะใช้เป็นวิธีอื่นได้ในอนาคต ซึ่งปรึกษากันตลอด ไม่เคยทะเลาะกันรุนแรง เพราะเราเป็นคู่ที่ใช้ชีวิตปกติมาก ๆ แต่มาวันหนึ่งก็มีเฟซบุ๊คพึ่งสร้างใหม่ส่งข้อความมาหาว่า ถ้าไม่อยากโง่ให้เปิดข้อความในแชทอ่าน ในวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งพอเราเปิดเข้าไปอ่านก็เป็นรูปสามีเราไปขึ้นบ้านใหม่กับผู้หญิง แล้วก็มีแม่สามีนั่งอยู่ข้าง ๆ เป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ มีรูปสลิปการโอนเงิน ซึ่งเป็นชื่อ - นามสกุลของสามีเรา แล้วมีแคปชั่นว่า ขอบคุณสามีที่เปย์ให้กันตลอดมา เป็นรูปการโพสต์ด่าเราเรื่องต่าง ๆ นานา เขาแคปมาให้เราดูหมด ซึ่งผู้หญิงคนนั้นเป็นคนโพสต์ ที่พีคไปกว่านั้นคือ มีรูปการคลอดลูก ซึ่งเป็นแคปชั่นที่มีนามสกุลสามีของเรา เรื่องความสัมพันธ์เขาบอกว่า คบกันมา 1 ปีแล้ว แต่ว่าคบกัน 2 เดือนผู้หญิงก็ท้องเลย และเป็นรูปสามีของเราอยู่ในห้องคลอดซึ่งมีเด็กด้วย รายละเอียดในรูปคือ เหมือนผู้หญิงพึ่งคลอดลูกมาเมื่อวาน แล้วเอาเฟซบุ๊คปลอมส่งมาบอกเราในวันนี้ แบบพึ่งเกิดแล้วให้เรารู้เลย เราก็ช็อกมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น และไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็น เราก็เลยโทรไปถามผู้ชายว่า มันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ตอนแรกผู้ชายเขาก็ไม่ได้ยอมรับผิด เราก็เลยบอกว่า ถ้ามันเกิดเรื่องอะไรแล้ว เดี๋ยวเรามาช่วยกันแก้ไขปัญหาด้วยกันไหม หนูอยากให้เขายอมรับความจริง เขาก็เลยสารภาพว่า เขาไปทำผู้หญิงท้อง ซึ่งเป็นน้องที่ทำงานเดียวกันกับเขา คบกันมาเป็นเวลา 1 ปีแล้ว พอคบกันได้ 2 เดือนปุ๊บ ผู้หญิงก็ท้องเลย และเป็นการพลาดพลั้ง ถ้ามันเป็นการพลาดพลั้งจริง ๆ ทำไมเขาถึงมีการซื้อบ้านใหม่ด้วยกัน ทำไมเขาถึงสร้างทุกอย่างด้วยกันหมดแล้ว หนูก็ไม่เชื่อ แต่หนูยังรักเขา หนูรักเขามากเพราะว่าเราไม่มีปัญหาอะไรที่จะทะเลาะกันแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งเราเคลียร์กันทุกเรื่อง ทุกวันอยู่แล้ว หนูคิดว่าถ้าหนูไม่รู้เรื่องนี้ เขาก็ไม่ได้แย่ แต่หนูมานั่งทบทวนประมาณ 3-4 วัน ก็ตัดสินใจบล็อกเบอร์ ไม่ติดต่อไปหาเขาอีกเลย เพราะหนูคิดว่าเขาคงอยากไปสร้างอนาคตใหม่ด้วยกันโดยที่ไม่มีหนูแล้ว ถ้าเขารักเราจริง ๆ เขาจะไม่ทำร้ายเราทั้งที่เราผ่านความลำบากมาก่อน จนเรามีทุกวันนี้มันไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งหนูไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับฝั่งผู้ชายเลย ส่วนฝั่งนั้นเขาบอกว่า ไม่ได้จดเหมือนกัน แต่รับเป็นบุตร หนูรู้สึกแพ้แล้วกับความรัก 10 ปีที่ผ่านมาของหนู’ อยากถามคำถามแรกกับพี่เผือกว่า คิดว่าหนูทำถูกไหมที่หนูยอมเดินออกมาแทนที่จะเก็บผู้ชายไว้? ซึ่ง “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ต้องถามกลับว่าทำไมถึงรู้สึกว่ามันจะไม่ถูก เหมียวมีความลังเลหรอว่ามันจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดที่เดินออกมา ถ้าถามคนที่ได้ฟังเรื่องนี้พี่ว่าร้อยทั้งร้อยต้องบอกว่า เหมียวทำถูกแล้วแหละ พี่ยังไม่เจอเหตุผลที่จะต้องเก็บเขาเอาไว้ มันต้องแยกให้ออกระหว่างความเสียใจกับการตัดสินใจที่จะตัดใครสักคนที่เขาไม่ใช่คนดีออกไป มันคนละเรื่องกัน ไอ้ความเสียใจ ไอ้ความช็อก ตื่นมาแล้วอีกคนหนึ่งในชีวิตเราหายไป มันรู้สึกอยู่แล้วเหมียว แต่สาเหตุที่เขาไม่อยู่วันนี้มันต้องแยก พี่ไม่เห็นเหตุผลว่าการเก็บเขาไว้ในสถานการณ์ของเหมียวมันจะเป็นสิ่งที่ดีได้ยังไง ในเมื่ออีกฝั่งเขามีลูกด้วย ต่อให้คิดกันแบบ Positive สุด ๆ คุยกันได้ลงตัว ทำหน้าที่แค่พ่อ ไปดูแลแต่ยังรัก เหมียวคิดว่ามันจะไปตลอดรอดฝั่งจริง ๆ หรอ? แล้วพี่ก็ไม่เชื่อว่าตัวเหมียวเองจะรับมันได้ ไม่งั้นเหมียวคงไม่ตัดสินใจเดินออกมา พี่อยากจะเป็นอีกหนึ่งเสียงที่ให้ความมั่นใจว่า เราตัดสินใจแล้ว ทุกการตัดสินใจของเราที่เกิดขึ้นมันดีเสมอแหละ เราจะได้เรียนรู้อะไรจากมัน การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มันอาจจะรุนแรงหน่อย แต่ว่าถ้ามันผ่านพ้นไปได้ พี่ว่ามันเป็นจุดที่ดีของชีวิต ขอให้มั่นใจ ตัดสินใจแล้วก็ทำให้มันเด็ดขาด ยอมเจ็บหน่อย ยอมช็อกหน่อย แต่ถ้ามันผ่านพ้นไปจะรู้สึกโล่ง อย่างที่พี่อ้อยพูดเห็นด้วยมาก ๆ เราไม่ได้แพ้อะไร สุดท้ายพอเวลามันผ่านไป จนถึงวันหนึ่งเหมียวอาจจะเริ่มรู้สึกว่า ฉันชนะแล้วแหละที่ออกมาได้’ คำถามที่ 2 ให้พี่อ้อย หนูขอวิธีการมูฟออนที่หนูยังติดอยู่วังวนความรัก 10 ปีที่ผ่านมา หนูไม่สามารถมีใครได้หรือมีความรักครั้งใหม่หนูก็รู้สึกกลัว? ต่อมา “ดีเจอ้อย” ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าเป็นพี่จะบอกว่า วิธีการมูฟออนอย่างหนึ่งคือ ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นให้ได้ก่อน เข้าใจว่าน้องรักเขาเท่าที่เขารักน้องแหละ คบกันมาตั้ง 10 ปี รักเขาเราไม่เห็นมีใคร เขารักเราทำไมถึงทรยศ พอน้องค่อย ๆ ทำความเข้าใจกับมัน น้องอาจจะเข้าใจว่า คนบางคนนะ ออกจากชีวิตฉันไป น่าดีใจกว่าได้เขามาอีก เพียงแต่วันนี้การมูฟออนของน้อง ยังไม่สามารถมูฟออนได้เพราะยังคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของเรา มีคนในโลกนี้เยอะแยะมากมาย ลูกไม่ได้เป็นโซ่ทองคล้องใจเสมอไป มันไม่ได้แปลว่าการที่ผู้หญิงคนหนึ่งมีลูกแล้วนั่นคือที่สุดของชีวิต และการที่ผู้หญิงคนหนึ่งมีลูกไม่ได้ก็เลยถูกพิพากษาให้เขาต้องไปทรยศนอกใจกับคนอื่น พี่ว่ามันไม่ใช่เป็นเหตุเป็นผลกัน วันนี้ถ้าไม่เจอ Account ที่เขามาบอกว่า ถ้าไม่อยากโง่ก็อ่านแชทสิ แค่สิ่งที่เขาบอกกับเราก็ดูไม่ใช่ผู้หวังดีอยู่แล้ว การที่ผู้ชายคนหนึ่งไม่รับผิดชอบความรู้สึกของเราเลยแม้แต่น้อย พี่รู้สึกว่า ฉันทำดีที่สุดในฐานะของคนที่เป็นภรรยามา 10 ปีแล้ว เธอต่างหากที่ยอมให้ใครสักคนเข้ามาทำร้ายความรู้สึกฉันได้มากขนาดนั้น โดยที่มีเธอเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด พอเหมียวค่อย ๆ ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ การมูฟออนก็เกิดขึ้นจากการทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้อยู่ แต่ถ้าน้องบอกว่า ไม่เอาค่ะพี่ หนูอยากได้วิธีการมูฟออนจริง ๆ อันแรกเลิกส่อง มีคนเยอะมากที่พยายามจะมูฟออนแต่ยังไปเฝ้าดูโซเชียลเขาตลอดเวลา ที่สุดแล้วพอไปเห็นว่าเขาดูมีความสุขมาก คนที่พังสุดก็คือเราอยู่ดี วันนี้ความสัมพันธ์มันเคลื่อนตัว ต่อให้ 10 ปี ความผูกพันดันเกิดขึ้นกับเหมียวคนเดียว ไม่ได้เกิดขึ้นกับเขา ถ้าความผูกพันนี้เกิดขึ้นกับเขาด้วย เขาจะไม่ทำร้ายหนูขนาดนี้ แค่เหมียวเห็นคุณค่าในตัวเอง ชีวิตของฉัน ฉันทำเต็มที่ในตอนที่ฉันเป็นภรรยาที่น่ารัก ดูแลเธออย่างซื่อสัตย์ แต่ถ้าเธอไม่สามารถให้ความซื่อสัตย์กับฉันได้ ฉันก็แค่ตัดเธอออกจากชีวิต มันคือแบบนี้ แต่ไม่ใช่ว่าเรากลายเป็นคนที่ด้อยค่าตัวเอง พี่ว่ามันอยู่ที่วิธีคิดของเรา ถ้าน้องอยากได้เป็นแบบรูปธรรม 1.เลิกส่อง 2.ช่วยเห็นข้อดีของตัวเองใน 10 ปีที่ผ่านมาหน่อย เพราะน้องไม่เคยวอกแวกไปมีใคร และในที่สุดแล้วไม่มีใครดีพอ สำหรับคนที่ไม่รู้จักพอ ต่อให้น้องดีแทบตาย สุดท้ายเขาไม่รู้จักพอเขาก็มีคนอื่นอีก แล้วเอาสิ่งนั้นมาเป็นข้ออ้าง เพื่อทำให้เขาเลิกกับเราได้แบบที่เขารู้สึกผิดน้อยที่สุด พี่รู้สึกแบบนั้นไม่ได้ผิดที่เหมียว หนูต้องรักตัวเอง เพราะหนูมีคุณค่ามากพอ และพี่คิดว่าเดี๋ยววันหนึ่งเหมียวจะขอบคุณตัวเองที่ตัดสินใจแบบนี้’ และคำถามที่ 3 ให้พี่เติ้ล มีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับการนอกใจครั้งนี้ เป็นเพราะหนูไม่ใส่ใจเขามากพอหรือว่าเป็นเพราะหนูท้องไม่ได้ เขาก็เลยไปมีคนอื่น? สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ตอบอันหลังก่อนที่เหมียวถามว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะหนูไม่ใส่ใจหรือว่าหนูมีลูกให้เขาไม่ได้ ไปที่เรื่องไม่ใส่ใจก่อน อันนี้พี่ไม่รู้เพราะเหมียวไม่ได้บอก เหมียวบอกว่าเราเป็นชีวิตคู่ปกติ ถ้างั้นคงไม่เกี่ยวกับการใส่ใจ พี่ว่าอย่าไปเพ่งโทษตัวเองแบบนั้น กับเรื่องที่มีลูกให้เขาไม่ได้ ตอนที่เหมียวโทรมาพี่กรี๊ดเหมือนกัน เพราะว่ามันคือบทสนทนาในห้องประชุมเขียนบทเมื่อวาน ถ้าคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งที่รักกันมาก กลายเป็นว่าปัญหาเรื่องเดียวคือสามีอยากมีลูก แล้วภรรยาลูกให้เขาไม่ได้ มันจะไปได้ถึงไหน ซึ่งตอนที่พี่คุยในห้องประชุมบอกจริง ๆ ว่ามันมีสิทธิ์เกิดอะไรขึ้นก็ได้ แต่มันไม่เกี่ยวกับการนอกใจ ถ้าวันใดวันหนึ่งที่เขารู้สึกว่าอยากมีลูกจริง ๆ เขาก็ต้องซื่อสัตย์กับตัวเองและเรามากพอในฐานะคนรักกัน ไม่ว่ามันจะเกิดเหตุการณ์หรือปัญหาอะไรในชีวิตคู่ มันไม่ใช่สาเหตุที่จะมาอ้างว่า เพราะฉะนั้นฉันจะไปมีคนอื่น เพราะเธอทำข้อ 1-3 ไม่ได้ มันคือการนอกใจ คุณจะทำอะไรก็ได้เลยถ้าบอกกับคนรักตรง ๆ ว่า เราไม่แฮปปี้ ถ้าแก้ไม่ได้ เราขอไปมีคนอื่น อย่างนี้มันคือแฟร์ ยุติธรรมกันทั้ง 2 ฝ่าย เราเองก็ต้องยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นว่า เราให้ในสิ่งที่เขาอยากได้ไม่ได้ แต่การที่เขาไปมีคนอื่น มีลูกแบบนี้ พี่ว่าเขาไม่ได้พลาด เพราะพี่รู้สึกว่าคนรักกัน ถ้าพลาดเขาต้องมาบอกหนู เขาจะไม่ปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้คลอดลูกออกมาจนเรื่องนี้มาเข้าหูหนูเอง พี่ว่าอันนี้ไม่ใช่คนรักกัน เขาคือผู้ชายที่ทรยศหนู ซึ่งมันก็จะเด้งไปที่คำตอบพี่อ้อยกับพี่เผือกว่า การที่หนูตัดสินใจเลิกกับเขาแบบเด็ดขาดก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดีในชีวิตหนูที่เกิดขึ้นแล้วกับ 1 ปีที่หนูเจออะไรแบบนี้มา’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ลูกชายกับหลานขอออกไปเล่นน้ำแถวๆบ้าน เราบอกเขาว่าเย็นๆแม่พาไปนะ ผ่านไปแปปเดียวมีคนตะโกน “เด็กจมน้ำๆ” ไปถึงเห็นหลานดิ้นอยู่ กระโดดลงไปช่วย สุดท้ายช่วยลูกไว้ไม่ทัน ผ่านมาหลายเดือน เราดิ่งมาก ทุกครั้งที่เรามีความสุข หัวเราะ

02 พ.ค. 2025

ลูกชายกับหลานขอออกไปเล่นน้ำแถวๆบ้าน เราบอกเขาว่าเย็นๆแม่พาไปนะ ผ่านไปแปปเดียวมีคนตะโกน “เด็กจมน้ำๆ” ไปถึงเห็นหลานดิ้นอยู่ กระโดดลงไปช่วย สุดท้ายช่วยลูกไว้ไม่ทัน ผ่านมาหลายเดือน เราดิ่งมาก ทุกครั้งที่เรามีความสุข หัวเราะ

ลูกชายกับหลานขอออกไปเล่นน้ำแถวๆบ้าน เราบอกเขาว่าเย็นๆแม่พาไปนะ ผ่านไปแปปเดียวมีคนตะโกน“เด็กจมน้ำๆ” ไปถึงเห็นหลานดิ้นอยู่ กระโดดลงไปช่วย สุดท้ายช่วยลูกไว้ไม่ทัน ผ่านมาหลายเดือนเราดิ่งมาก ทุกครั้งที่เรามีความสุข หัวเราะ เราก็จะบอกตัวเองว่า ลูกเพิ่งตาย ทำไมถึงกล้าหัวเราะ? “คุณแอน (นามสมมติ)” อายุ 34 ปี สายที่หนึ่งในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [30 เม.ย. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจอ้อย” เกี่ยวกับปัญหาการสูญเสียคนในครอบครัว โดย “คุณแอน (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา มีแพลนจะกลับบ้านที่ต่างจังหวัด เรามีลูกอยู่ 3 คน คนกลางเป็นผู้ชาย ส่วน 2 คนที่เหลือเป็นผู้หญิง ก็กลับต่างจังหวัดกันแค่ 2 คน คือคนกลางกับคนเล็ก และมีน้ากับหลานชายอีกคนหนึ่ง กลับเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม ไปถึงต่างจังหวัดประมาณวันที่ 28 ธันวาคม ตอนเช้า ลูกคนกลางกับหลานก็เตรียมเบ็ดไปด้วยเพื่อจะไปตกปลากัน เราก็บอกว่า “อย่าเพิ่งไปตกปลานะ น้ำมันลึก เดี๋ยวแม่จะพาไปตอนเย็น” แต่พวกเขาก็พากันไป เราก็ไม่ว่าอะไรเพราะว่าไปแค่ใกล้ ๆ ทีนี้ยายก็ไปตามกลับมารอบนึงแล้ว แล้วทีนี้พวกเขาก็จะไปเล่นกันฝั่งบ้านญาติ ซึ่งยายจะพาไป เราเลยบอกว่า “งั้นแม่ขอนอนก่อนแป๊บนึงนะ” ลูกก็ไปกัน เราก็นอนอยู่บนบ้านกับน้า นอนไม่ถึง 20 นาทีก็ได้ยินเสียงมีคนตะโกนบอกว่า “เด็กจมน้ำ! เด็กจมน้ำ!” เราได้ยินแค่นั้นก็รีบลงบ้านมา แล้วในใจเราก็คิดว่า “อย่าเป็นลูกกับหลานเรานะ” พอเราไปถึง เราก็เห็นหลานลอยอยู่ แต่ตอนนั้นเราไม่เห็นลูกเรา เราเห็นแต่หลาน ในใจเราก็คิดว่าลูกเราอาจจะไม่ได้อยู่ในน้ำก็ได้ ทีนี้เราก็กระโดดลงไป เราเห็นหลานยังดิ้นอยู่เลย เราก็เลยบอกให้น้ารีบไปคว้าเขามา แล้วเราก็ถามคนที่เห็นเหตุการณ์ว่า “น้องอีกคนไปไหน?” เขาก็บอกว่าอยู่ด้วยกันตรงนั้น เราก็เลยบอกให้น้าลงไปหน่อย พอดึงน้องขึ้นมา แม่ก็ผายปอด แล้วก็จะมีเศษอาหาร เพราะเขาเพิ่งกินข้าวไป ก็เลยควักเศษอาหาร แล้วปั๊มหัวใจ และตรงท้องเขาก็ป่องเพราะน้ำเข้าไป เลยพยายามปั๊มไล่น้ำออกให้หมด แต่น้องไม่รู้สึกตัวเลย น้องไม่มีชีพจร เราก็พยายามจนรถพยาบาลมา เขาก็มาช่วย แล้วเขาก็ฉีดยาเหมือนยากระตุ้นหัวใจ แล้วก็ไปรอที่โรงพยาบาล หมอเขาก็บอกว่า ถ้าหากว่าน้องไม่ได้กินข้าวไปหรือมีเศษอาหารอุดตัน น้องอาจจะรอด เพราะน้องยังจมได้ไม่นาน ทีนี้เราก็ดำเนินทุกอย่าง ทำพิธีตัดสายสัมพันธ์ ทำบุญจนเสร็จ ก็ขึ้นมาชลบุรีเพื่อขายของต่อ แล้วหลังจากนั้นสองอาทิตย์แรก เราร้องไห้ตลอด เพราะเราคิดถึงเขา พอหลังจากนั้นเราก็เริ่มพูดคุยกับคนมากขึ้น เริ่มหัวเราะได้ แต่มันก็จะมีเสียงที่ไม่รู้ว่าเราคิดไปเองหรือเปล่าว่า “หัวเราะทำไมอ่ะ ลูกตายนะ หัวเราะได้ยังไง” เป็นเสียงแบบนี้มาตลอด เราก็คิดว่าเราคิดไปเองหรือเปล่า เพราะคิดถึงลูกมากเกินไป แต่ไม่เคยฝันถึงเขาเลย พอกลับบ้านมาอาบน้ำ มันก็จะมีภาพขึ้นมาเรื่อย ๆ ว่า “ทำไมเราถึงช่วยเขาไม่ได้ เราต้องทำให้ดีกว่านี้ เขาอาจจะรอดก็ได้” มันก็จะมีเสียงแบบนี้อยู่ตลอด เราก็เลยคิดว่า เราเป็นอะไร? เราคิดไปเอง? หรือเราคิดมากหรือเปล่า? แต่มันจะมีภาพมาตลอดเวลาเราหลับตา เราจะเห็นรูปเราขึ้นจากน้ำ แล้วเราก็ปั๊มหัวใจ เป็นแบบนี้มาตลอดจนถึงทุกวันนี้ ยังไม่เคยไปพบจิตแพทย์โดยตรง แต่ตอนงานวันเผาลูก จะมีหมอทางโรงพยาบาลเขามาช่วยดูแล สอบถาม เขาได้บอกว่า ถ้านอนไม่หลับ มีภาพหลอน หรือเห็นภาพซ้ำ ๆ สามารถให้ไปรับยาที่โรงพยาบาลได้ เลยอยากปรึกษาพี่ ๆ ว่า อยากจะปรับ Mind set ตัวเอง ขออนุญาตให้ตัวเองมีความสุขบ้าง และขอกำลังใจจากพี่ ๆ ทุกคนด้วย ทุกวันนี้ยังโทษตัวเองอยู่ว่า ถ้าวันนั้นเราช่วยได้กว่านี้ มันอาจจะไม่เป็นแบบนี้’ เริ่มที่ “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘บางเรื่องเราไม่สามารถควบคุมได้จริง ๆ จังหวะเวลาของชีวิตด้วย ณ ตอนนั้นคุณแอนไม่ได้อยู่ตรงนั้น มันไม่ได้เกิดจากการที่คุณแอนละเลย ไม่ได้สนใจ หรือทอดทิ้งเขา ซึ่งคุณแอนจะไปตั้งคำถามแบบนี้กับตัวเอง มันก็ไม่มีประโยชน์ มีแต่จะบั่นทอนตัวเองว่าตัวเองทำผิด ตัวเองไปช่วยไม่ได้ อยากให้มองว่าถ้าก่อนหน้านั้นคุณแอนดูแลเขาอย่างเต็มที่ เท่าที่แม่คนนึงดูแลลูกได้ ให้ความรัก ใส่ใจ ดูแลเขา มันก็คือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เราจะให้ได้ในตอนที่เราทำได้ แต่อะไรที่มันเหนือการควบคุมของเรา เราก็ไม่สามารถไปแก้ไขมันได้จริง ๆ เมื่อชีวิตหนึ่งมันจบสิ้นไป แต่มันยังมีชีวิตที่เหลือที่ยังต้องอยู่ต่อ เพื่อตัวเอง และลูกคุณแอนอีกสองคนที่ยังเหลือ และเพื่อสามีของคุณแอนที่ยังอยู่ข้าง ๆ เพราะถ้าเรายังคงเศร้า ยังคงไม่สามารถอนุญาตให้ตัวเองหัวเราะหรือมีความสุขได้ตามที่ชีวิตมันควรจะมี มันจะทุกข์ทั้งตัวคุณแอนและคนรอบข้าง ถ้าลูกคุณแอนเขามองลงมาจากข้างบน แล้วเขาเห็นแม่ เขาคงอยากให้แม่เขามีความสุข’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘อย่างแรกเลยคงแนะนำให้คุณแอนต้องมีผู้เชี่ยวชาญที่เขาช่วยได้จริง ๆ คุณหมอ นักจิตวิทยา นักจิตบำบัด เพราะฉะนั้นมีคุณหมอที่เรารู้สึกว่าคุยกับคนนี้แล้วเราดีขึ้น วันไหนที่เราไม่ไหว ก็รีบนัด รีบไปหา นอกนั้นแล้วคงมีแต่กำลังใจ แล้วก็คำปลอบใจให้กับคุณแอน สุดท้ายคนเราก็ต้องจากกัน จะช้าจะเร็ว จากเป็นจากตาย วันนึงเราก็ต้องบอกลากัน มันอาจจะทำให้เราเสียใจมากที่การจากลาครั้งนี้มันค่อนข้างกระทันหัน แต่ว่าใด ๆ ก็ตาม มันเกิดขึ้นไปแล้ว คนที่ยังอยู่ ยากเสมอ ถ้าเรารักใครมากสักคนนึง เราจะไม่อยากเป็นคนที่อยู่ทีหลัง มันจะเป็นการอยู่ที่ทรมานมาก ๆ เพราะฉะนั้นก็คงต้องฝากคนที่อยู่ทุกคนช่วยดูแลกัน มันทำอะไรไม่ได้ นอกจากเราต้องใช้ชีวิตต่อไป โดยที่มีอีกสองคน เขารอคุณแม่อยู่ อยากให้คุณแม่เข้มแข็งให้ไวที่สุด ผมเชื่อว่าคนรอบตัวก็ต่างให้กำลังใจ และหวังเหลือเกินว่าสักวันนึงมันจะดีขึ้น แล้วมันก็จะเหลือเป็นแค่ความทรงจำบาง ๆ ที่อาจจะแวบเข้ามาบ้าง แต่เราจะรับมือกับมันได้ในสักวันนึง’ สุดท้าย “ดีเจอ้อย” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าอยู่ใกล้ ๆ พี่จะเข้าไปกอดก่อน พี่รู้ว่าเราจิตใจกระสับกระส่ายแค่ไหน และหนักสุดคือการสูญเสียคนที่เรารัก โดยเฉพาะคนที่เป็นลูกด้วย ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้แน่นอน แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว คุณแอนร้องไห้ได้ ก็ร้องเถอะ ไม่เป็นไร แต่อย่าถึงขั้นไม่อนุญาตให้ตัวเองสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ การร้องไห้เป็นเรื่องปกติ ร้องไห้ไปร้องเลย ก็คนที่เรารักคนนึงจากไปอย่างกระทันหัน เป็นใครก็เสียใจ เพียงแต่แค่ว่ากลัวเหลือเกินว่า เวลาที่แอนจะสามารถประคองชีวิตแล้วเดินหน้าต่อไปได้ แอนกลับรู้สึกว่าฉันกำลังผิดอยู่ พี่อ้อยว่าเสียงดัง ๆ ที่มันก้องขึ้นมา คือเสียงจากความรู้สึกเราเอง ไม่มีใครผิดในเรื่องนี้ แต่ในโลกนี้คำว่า “อุบัติเหตุ” มันเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ชีวิตมันเดินหน้าไปตามสิ่งที่ควรเป็น และเมื่อไหร่ก็ตามที่มันเกิดขึ้นแล้ว เวลารักษาได้ทุกแผล แค่ต้องรอให้ไหว วันนี้อยากร้องไห้ก็ออกมาเลย แต่ก็เหมือน ๆ กับที่ทุกคนพูดเหมือนกัน แอนยังเป็นหัวใจของคนในครอบครัว ซึ่งคนในครอบครัวมีทั้งสามีของคุณแอน ซึ่งเขาก็สูญเสียลูกเหมือนกันในฐานะของความเป็นพ่อ ไหนจะเด็ก ๆ อีกสองคน ซึ่งเขาก็ยังอยากได้แอนเป็นศูนย์รวมจิตใจ เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจเช่นเดียวกัน มากที่สุดเราต้องกอดกันแน่น ๆ ในครอบครัว วันนี้แอนยังเสียใจ วันนึงที่แอนดีขึ้น แอนเองจะเข้าใจว่า ที่สุดแล้วไม่มีคำพูดไหนประคองหัวใจแอนได้เท่ากับแอนปล่อยให้เวลามันค่อย ๆ เยียวยา และทำให้หัวใจของแม่คนนึงกลับมาเข้มแข็ง เพื่อครอบครัวต่อไป’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูคิดมาก หรือ สังคมเพื่อนแฟนที่แปลกกันแน่? แฟนหนูคบหนูอยู่แล้ว เพื่อนเขาก็รู้ แต่จะมีเพื่อนแฟนที่เป็นผู้ชาย 2 คน ชอบชงผู้หญิงคนอื่นๆให้แฟนเราตลอด เราไม่ชอบเลย ถ้าเจอเพื่อนแฟนประเภทนี้ จัดการยังไงกันคะ?

14 ก.พ. 2025

หนูคิดมาก หรือ สังคมเพื่อนแฟนที่แปลกกันแน่? แฟนหนูคบหนูอยู่แล้ว เพื่อนเขาก็รู้ แต่จะมีเพื่อนแฟนที่เป็นผู้ชาย 2 คน ชอบชงผู้หญิงคนอื่นๆให้แฟนเราตลอด เราไม่ชอบเลย ถ้าเจอเพื่อนแฟนประเภทนี้ จัดการยังไงกันคะ?

“คุณหนู (นามสมมติ)” อายุ 19 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [12 ก.พ. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจอ้อย’ เกี่ยวกับปัญหาเป็นตัวหนูที่แปลกหรือสังคมแฟนหนูที่ไม่ดี โดย “คุณหนู (นามสมมติ)” เล่าว่า ‘หนูกับแฟนคบกันมาเข้าปีที่ 5 แต่อยู่คนละจังหวัดกัน แฟนหนูอายุ 23 ปี เมื่อปีที่แล้วเป็นช่วงที่หนูกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย และแฟนก็เริ่มไปทำงานเสริมเพื่อหารายได้ ทำให้เริ่มคุยกันน้อยลง ช่วงนั้นเริ่มมีผู้หญิงอื่นเข้ามาจีบแฟน แล้วตัวเพื่อนแฟนก็ชอบชงให้ ทั้งที่รู้ว่าแฟนคบกับหนูอยู่ เวลามีผู้หญิงอื่นเข้ามาก็จะช่วยชง แล้วผู้หญิงที่เข้ามาก็รู้จักกับเพื่อนแฟนด้วย เขามาขอให้เพื่อนแฟนช่วยนัดแฟนเราออกมากินเหล้า อ้างว่าเป็นงานของมหาลัย เป็นแบบนักศึกษามารวมตัวกัน แฟนเราก็เข้าใจแบบนั้น แต่พอไปถึงจริง ๆ สรุปคือได้ไปกินห้องผู้หญิงคนนั้น แล้วเพื่อนก็ชงให้ทำความรู้จักกัน และเวลาเจอหรือเดินผ่านที่มหาลัย เพื่อนคนนี้ก็จะชอบแซว แต่พอผ่านไปสักพักแฟนหนูเริ่มชัดเจนขึ้นว่าไม่สนใจ ผู้หญิงก็ห่างออกไปเอง ผ่านมาได้สักพักก็มีผู้หญิงเข้ามาอีก ผู้หญิงคนนี้เป็นรุ่นพี่ของเอ (นามสมมติ) เอคนนี้เป็นเหมือนหัวหน้านักศึกษา ซึ่งเอเป็นเพื่อนกับผู้หญิงคนนี้ และก็รู้จักกับแฟนหนู แล้วก็รู้จักกับเพื่อนของแฟนหนูด้วย พอเอรู้ว่าเพื่อนของเขาสนใจแฟนหนู เอเลยพยายามติดต่อชวนให้แฟนของหนูมาเที่ยว มาเจอทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าแฟนมีหนูอยู่แล้ว และแฟนหนูก็ไม่รู้จริง ๆ ว่ามีผู้หญิงอยากจีบตัวเอง ก็เลยไปตามที่เขาชวน หลังจากกินเหล้ากัน ผู้หญิงคนนี้ก็เหมือนอยากทำความรู้จัก พยายามที่จะเข้าหา เขาก็ถามแฟนหนูว่ามีแฟนไหม? ซึ่งแฟนหนูก็ตอบไปว่ามีแฟนแล้ว แต่เหมือนผู้หญิงคนนี้ก็ยังจะเอา ยังจะคุย พอผ่านไปสามวัน แฟนหนูก็บอกว่าขอไม่ยุ่งแล้วได้ไหม ไม่อยากทำให้ใครไม่สบายใจ พอจบกันไป ผู้หญิงคนนี้ก็เอาแฟนหนูเข้าไปใน Close friend ของ IG และโพสต์เศร้า ๆ ว่าอยากให้กลับมาคุยกัน แฟนหนูก็ไม่ได้สนใจ เรื่องก็จบไป แล้วเขาก็มาเล่าให้หนูฟังทีหลัง หนูก็รู้สึกไม่โอเคก็เลยทักไปหาเพื่อนแฟนว่า ‘ทำไมถึงไม่ให้เกียรติกันเลย ไม่มีใครเขาโอเคหรอกที่ทำแบบนี้’ เขาก็ตอบกลับมาว่า ‘ไร้สาระ ปัญญาอ่อน’ หนูก็แบบโอเค งั้นก็จบ ไม่คุย หลังจากนั้นก็มีการทักไปคุยกับฝั่งผู้หญิงด้วยว่า ‘ทำไมถึงทำแบบนี้ ทั้งที่รู้ว่าเขามีแฟนนะ’ ทางผู้หญิงก็อธิบายและขอโทษว่าไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ และถามกลับมาว่าแล้วหนูไปรู้ได้ไงทั้ง ๆ ที่ลบแชทไปหมดแล้ว เพื่อนแฟนไปบอกเหรอ หนูก็บอกไปว่าขอโทษนะ บอกไม่ได้จริง ๆ แล้วเขาก็ไม่พอใจเลยด่าหนูกลับมา หนูก็นอยตัวเองไปเลย หรือว่าเป็นตัวหนูที่แปลก เพราะเพื่อน ๆ แฟนทุกคนว่าหนูกันหมดเลยว่า หนูไร้สาระ ทำไมไม่ไปจัดการตัวเอง หลังจากนั้นเพื่อนแฟนก็ยังโทรมาชวนไปกินเหล้าอีก ทางแฟนก็ปัดไปว่าไม่อยากทำให้แฟนไม่สบายใจ เพื่อนก็พิมพ์กลับมาว่า ‘ถ้ามีแฟนแล้วชีวิตมึงแย่ ไม่ต้องมีก็ได้นะ’ หนูเลยอยากปรึกษาพี่ ๆ ดีเจว่า เป็นตัวหนูที่แปลกหรือสังคมของแฟนหนูแปลกกันแน่? โดยเริ่มที่ “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าถามว่าหนูผิดปกติไหม พี่ว่าไม่ มันก็ควรจะรู้สึกอะไรแบบนี้อยู่แล้ว แต่ถ้าเทียบว่าหนูผิดปกติหรือสังคมเขาที่ผิดปกติ พี่ว่าทุกอย่างมันปกติหมดเลย แต่ตัวแปรสำคัญคือแฟนหนูมากกว่า ในมุมมองพี่ การที่เราจะมีเพื่อนแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ ส่วนการที่หนูรู้สึกไม่สบายใจก็เป็นเรื่องที่ปกติ แต่พี่ว่าแฟนหนูควรทำอะไรมากกว่านี้ แต่ที่รู้สึกไม่ปกติคือแฟนหนูมากกว่า หลงกลออกไปหลายต่อหลายครั้ง สุดท้ายเราก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง หนูก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะมันเป็นการเล่าผ่านปากของเขาเท่านั้น ถ้าเพื่อนเป็นตัวปัญหาที่ทำให้ไม่โอเค พี่ว่าพี่ก็จะยอมแฟนก่อนนะ พี่ไม่ได้จะแต่งงานกับเพื่อนในความหมายของพี่ เพราะฉะนั้นพี่รู้สึกว่าแฟนหนูต้องทำอะไรสักอย่างให้หนูรู้สึกสบายใจมากกว่านี้’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ยืนยันว่าฝั่งของหนูปกติ ใครก็ต้องรู้สึกแบบนี้ เมื่อรู้ว่าเพื่อนแฟนทำแบบนี้ ส่วนฝั่งเพื่อนแฟน พี่ว่าเขาทำเรื่องไม่ปกติจนเป็นเรื่องปกติ พี่ว่าหนูไม่ต้องไปจัดการอะไร แต่ต้องเป็นแฟนหนูที่เป็นคนจัดการหรือทำอะไรบางอย่าง แต่ก็เข้าใจว่าหนูอายุ 19 หนูก็ค่อนข้างเด็กอยู่ แต่พี่ไม่อยากให้หนูโทรหาเพื่อนเขาหรือส่งข้อความไปเคลียร์ เพราะว่ามันไม่จำเป็นต้องทำ เรื่องนี้มันอยู่ที่คนของเราก็คือแฟนของหนู ถ้าพี่เป็นหนู พี่คงถามแฟนว่าทำไมยังคบเพื่อนแบบนี้อยู่’ และสุดท้าย “ดีเจอ้อย” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘คนเรามีสิทธิ์ในการหวงแฟน แต่พี่ว่าวิธีการของหนูต่างหากที่พี่รู้สึกว่ามันไม่ปกติ เป็นพี่จะขอบคุณเพื่อนสองคนนั้น เพราะมันจะเป็นโจทย์ให้พี่รู้ว่าแฟนของพี่เป็นคนยังไง อาจจะด้วยวัยของน้องที่รู้สึกว่าถ้าเลือกฉัน เธอต้องไม่เลือกเพื่อนสิ แต่พี่จะรู้สึกว่าหนูเสียเวลาจะตายที่ต้องไปแชทหาเพื่อนเขา ไปแชทหาผู้หญิงคนนั้น ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่เพื่อนของเราเป็นโจทย์ เราจะเห็นทันทีว่าแฟนของเราเป็นคนที่หนักแน่นขนาดไหน ไม่ใช่คนนั้นลากไปทีก็ไป คนนี้ลากไปทีก็ไป เขาจะต้องดูแลหัวใจของแฟนก่อน ถึงจะมีกี่คนมาชงมันจะไม่มีทางมาสั่นคลอนหัวใจเขาได้ แต่ตอนนี้เราเองรู้สึกว่าเดี๋ยวเพื่อนชวนก็จะไปตามเพื่อนอีก ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ แฟนหนูจะไม่มีความเป็นตัวของตัวเองเลย การที่หนูทำแบบนี้อาจไปปิดโอกาส ที่จะทำให้เห็นอะไรอีกหลาย ๆ อย่าง หลายครั้งที่เกิดอะไรขึ้นกับคนกลาง ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปคุยกับคนอื่น ถ้าคนสองคนจับมือกันแน่นพอ หนูไม่ต้องกลัวมือที่สาม เพราะฉะนั้นตอนนี้ เมื่อไหร่ก็ตามที่ใครลากไป แล้วเขาไปตลอด อันนั้นพี่รู้สึกว่าคนกลางหนูต้องดูดี ๆ ว่าเขารักหนูมากพอหรือเปล่า ถ้าเกิดคนคนหนึ่งรักเรา เขาจะเลือกเรา แม้ว่าจะเจอคนอื่น ๆ อีกมากมาย’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1