ธุระกงการอะไรของหนู !? เจ้านายต่างชาติ มีครอบครัวอยู่แล้ว แต่ไปทำสาวไทยท้อง ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นติดต่อเขาผ่านหนู เพราะเจ้านายบล็อกผู้หญิงไปแล้ว หนูเจรจาเรื่องเงินค่าเลี้ยงดู เจ้านายให้รวมๆหลายล้านแล้ว แต่ผู้หญิงก็ไม่ยอมหยุด มาขอเจ้านายผ่านหนูอีก

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ธุระกงการอะไรของหนู !? เจ้านายต่างชาติ มีครอบครัวอยู่แล้ว แต่ไปทำสาวไทยท้อง ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นติดต่อเขาผ่านหนู เพราะเจ้านายบล็อกผู้หญิงไปแล้ว หนูเจรจาเรื่องเงินค่าเลี้ยงดู เจ้านายให้รวมๆหลายล้านแล้ว แต่ผู้หญิงก็ไม่ยอมหยุด มาขอเจ้านายผ่านหนูอีก

14 ก.พ. 2025

ธุระกงการอะไรของหนู !? เจ้านายต่างชาติ มีครอบครัวอยู่แล้ว แต่ไปทำสาวไทยท้อง

ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นติดต่อเขาผ่านหนู เพราะเจ้านายบล็อกผู้หญิงไปแล้ว หนูเจรจาเรื่องเงินค่าเลี้ยงดู

เจ้านายให้รวมๆหลายล้านแล้ว แต่ผู้หญิงก็ไม่ยอมหยุด มาขอเจ้านายผ่านหนูอีก

พอหนูจะไม่คุย เขาก็อ้างว่าจะมาแฉถึงที่ทำงาน ตอนนี้อยากจบเรื่องนี้สักที

            “คุณกล้วย (นามสมมติ)” อายุ 26 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [12 ก.พ. 66] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจอ้อย” เกี่ยวกับปัญหาโดนเป็นคนกลาง ระหว่างเจ้านายกับผู้หญิงที่เจ้านายไปทำเขาท้อง

            โดย “คุณกล้วย (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูทำงานกับบริษัทที่มีเจ้านายเป็นชาวต่างชาติ ทำงานกันมานานประมาณ 3 - 4 ปีเลยค่อนข้างสนิทกัน มีอยู่วันหนึ่งเจ้านายมาเล่าให้ฟังว่า เขาไปเที่ยวกลางคืนแล้วทำผู้หญิงท้อง แล้วก็ให้หนูเป็นคนกลางคุยกับผู้หญิงคนนั้น เพราะเจ้านายเขาพูดไทยไม่ค่อยได้ และที่สำคัญคือเขามีครอบครัวอยู่แล้วที่ต่างประเทศ ตอนแรกที่รู้เรื่อง หนูก็ตกใจ เลยถามว่าเขาจะเอาเด็กไว้ไหม? แต่เจ้านายบอกว่าผู้หญิงคนนั้นอยากมีลูก อยากเก็บเด็กไว้ บอกว่าถ้าเขาจะกลับประเทศก็กลับไปเลย ผู้หญิงคนนั้นจะเลี้ยงลูกเอง พอถึงวันที่คลอด มันดันตรงกับช่วงที่เจ้านายกลับไปอยู่ต่างประเทศพอดี ผู้หญิงคนนั้นเลยพยายามติดต่อหาเขา ซึ่งทำให้ภรรยาของเจ้านายจับได้และรู้เรื่องนี้ สุดท้ายภรรยาเลยยื่นคำขาดให้เจ้านายจ่ายเงินก้อนหนึ่งแล้วตัดขาดกันไป ทางเจ้านายก็ตกลง แต่หลังจากตกลงข้อตกลงจบไปแล้ว ปัญหามันเกิด เพราะผู้หญิงคนนั้นก็ยังติดต่อมาหาหนูตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโรงเรียนบ้าง ลูกป่วยบ้าง ขอเงินค่าเลี้ยงดู สารพัดเรื่องเกี่ยวกับลูก ซึ่งมันบ่อยมาก

            ล่าสุดเจ้านายตัดสินใจให้เงินก้อนสุดท้ายไปประมาณครึ่งล้าน แต่ผู้หญิงก็บอกว่าจะเอาไปทำธุรกิจบ้าง อะไรบ้าง แต่พอเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับลูกจริง ๆ กลับไม่มี จนถึงตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นก็ยังทักมาขอเงินที่หนูอยู่เลย ขอให้ช่วยพูดกับเจ้านายให้หน่อย หนูถึงขั้นบอกไปแล้วว่าหนูจะลาออก หนูไม่อยากเป็นคนกลางอีกแล้ว มันบั่นทอนชีวิตหนูมาก หนูอยากออกมาให้พ้นจากเรื่องนี้ แต่ปัญหาคือถ้าหนูไม่ติดต่อให้ เขาก็ขู่จะมาหาเจ้านายถึงที่ทำงาน เพราะเจ้านายเขาก็กลัวเรื่องหน้าที่การงานด้วย หนูอยากปรึกษาพี่ๆดีเจว่า หนูควรพูดกับเจ้านายและผู้หญิงคนนั้นว่ายังไงดีคะ?

            เริ่มที่ “ดีเจอ้อย” ให้คำปรึกษาว่า ‘นี่คือปัญหาของเขา แต่ตอนนี้หนูกำลังเอาใจลงไปเล่น ทั้งที่จริง ๆ แล้วหนูเป็นแค่ล่าม คนที่สร้างปัญหาคือเขา และเขาควรรับผิดชอบเอง ถ้าอีกฝ่ายขู่จะมาตามถึงออฟฟิศ เจ้านายต้องเป็นคนจัดการ เพราะหนูก็ต้องทำงาน ไม่ใช่คนกลาง ถ้าฝั่งนั้นยังติดต่อมาไม่หยุด หนูก็แค่บอกว่า “พี่ลองติดต่อเจ้านายเองนะ เพราะหนูบอกไปหมดแล้ว” และนี่คือเวลางานของหนู ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็แค่บล็อก แต่ต้องแจ้งเจ้านายก่อนว่าหนูกำลังถูกรบกวน ข่มขู่ จนเริ่มเป็นการกรรโชก ทั้งที่มันไม่ใช่ปัญหาของหนู หนูต้องทำหน้าที่เป็นล่ามเท่านั้น ไม่อย่างนั้นหนูจะกลายเป็นกรรชนแทน เพราะเจ้านายไม่เคยชนปัญหาของตัวเอง แต่ใช้หนูเป็นตัวปะทะตลอด หนูต้องขีดเส้นให้ชัด ว่าหนูแค่สื่อสาร ไม่ใช่คนแก้ปัญหา’

            ต่อมา “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘นี่ไม่ใช่ปัญหาของหนู แต่หนูกลับเอามาเป็นปัญหาของตัวเอง ทั้งที่ไม่ควรแบกเรื่องของใครเลย หนูแค่บอกผู้หญิงว่า “หนูลาออกแล้วนะ ต่อไปคุยกันเองนะคะ” ส่วนเจ้านายต้องพูดตรง ๆ ว่า “ชีวิตส่วนตัวหนูแย่ลงเพราะเรื่องนี้ หนูช่วยมามากแล้ว ต่อไปนี้ต้องจัดการกันเอง” เราไม่จำเป็นต้องรับปัญหาของใครมาแบกอีก’

            สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘ทั้งสองฝั่งต้องเกรงใจคุณกล้วยแล้วด้วยซ้ำ ถ้าเขายังไม่เกรงใจ ก็ไม่จำเป็นต้องแบกไว้ให้เหนื่อย ถ้าเป็นพี่จะทำแถลงการณ์ให้ชัดกับทั้งสองฝั่ง แล้วบล็อกไปเลย บอกให้เขารู้ว่าไม่ใช่หน้าที่ของเรา จากนี้ไปเชิญจัดการชีวิตของตัวเอง ถ้ามันดีหรือร้ายก็เป็นปัญหาที่พวกเขาสร้างขึ้นเอง’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

บ้านหนูของหายทุกเสาร์ อาทิตย์ พ่อกับน้องชายเลยแอบติดกล้องวงจรปิดจับคนร้าย สุดท้ายเป็น แฟนของพี่ชาย เข้าออกห้องหนูทุกครั้งที่มาบ้าน เคยขโมยกระปุกครีมไป พอถาม ยอมรับว่าเอาไปจริง แต่เอาไปทิ้งเพราะไม่ชอบหนู

23 ก.พ. 2024

บ้านหนูของหายทุกเสาร์ อาทิตย์ พ่อกับน้องชายเลยแอบติดกล้องวงจรปิดจับคนร้าย สุดท้ายเป็น แฟนของพี่ชาย เข้าออกห้องหนูทุกครั้งที่มาบ้าน เคยขโมยกระปุกครีมไป พอถาม ยอมรับว่าเอาไปจริง แต่เอาไปทิ้งเพราะไม่ชอบหนู

​บ้านหนูของหายทุกเสาร์ อาทิตย์ พ่อกับน้องชายเลยแอบติดกล้องวงจรปิดจับคนร้ายสุดท้ายเป็น แฟนของพี่ชาย เข้าออกห้องหนูทุกครั้งที่มาบ้าน เคยขโมยกระปุกครีมไปพอถาม ยอมรับว่าเอาไปจริง แต่เอาไปทิ้งเพราะไม่ชอบหนูพี่ชายหนูจ่ายค่าครีมให้แล้ว พ่อบอกไม่อยากให้ทะเลาะกัน ทำไงดีคะ? “คุณอาย(นามสมมติ)” อายุ 26 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (21 ก.พ. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเติ้ล - ดีเจเผือก - ดีเจอ้อย นภาพร’ กับปัญหาของหาย แต่คนที่ขโมยคือแฟนของพี่ชาย... โดย ​“คุณอาย(นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ที่บ้านหนูมีกันอยู่ 4 คน มีพ่อ พี่ชาย หนู แล้วก็น้องชาย และพี่ชายก็ชอบพาแฟนมาอยู่ที่บ้านทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ก่อนหน้านั้นก็ปกติไม่ได้มีปัญหาอะไร ทุกคนก็ทำหน้าที่ของตัวเอง จนวันหนึ่งพ่อกับน้องรู้สึกว่ามันเริ่มมีของหาย และหายไปทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ไม่ว่าจะเป็นเงิน ของมีค่าต่าง ๆ ทีนี้พ่อกับน้องก็เลยแอบติดกล้องวงจรปิดในบ้าน โดยที่หนูเองก็ยังไม่รู้ หลังจากติดกล้องก็เจอขโมย คือ แฟนของพี่ชายแอบมารื้อของในบ้าน แล้วก็แอบเข้าห้องของอาย วันนั้นอายกลับจากทำงาน ซึ่งกำลังจะล็อกห้อง พ่อก็บอกว่า ห้ามเก็บเงินสดหรือของมีค่าไว้ในห้องนอนตัวเอง และพ่อก็ไม่บอกว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่พ่อเกริ่นมาขนาดนี้หนูก็เลยรู้สึกว่า อ้าว ทำไมเราเก็บของไว้ในห้องนอนตัวเองไม่ได้ หนูก็สงสัยเลยถามพ่อว่า เกิดอะไรขึ้น? พ่อก็บอกว่า เขากับน้องแอบติดกล้องวงจรปิดในบ้าน ก็เจอว่าแฟนของพี่ชายแอบรื้อของในห้องอาย ขโมยของไป และรื้อห้องน้องชายกับพ่อด้วย แอบย่องตอนที่ไม่มีคนอยู่บ้าน เขาก็จะเข้าห้องอายทุกอาทิตย์ อาทิตย์แรกที่แอบติดกล้องก็เจอแต่ไม่แน่ใจว่าเอาอะไรไปแต่เห็นควักใส่กระเป๋าตัวเอง ส่วนอาทิตย์ที่สองเจอว่าเอาครีมกระปุกใหญ่ของหนูไป ตั้งแต่นั้นมาหนูไม่พกเงินสด ปกติหนูก็เป็นคนไม่ได้ใส่ของมีค่าในตัวอยู่แล้ว จะมีพวกครีม พวกเซรั่มมากกว่า ตอนแรกพี่ชายยังไม่รู้ เราก็เลยคุยกัน 3 คน พ่อ น้องชาย แล้วก็อาย คุยกันว่าจะแก้ไขปัญหานี้ยังดี พ่อก็บอกว่า เรื่องนี้รู้เมื่อวันจันทร์ถ้าเราจะรอเขามา เราต้องรอวันเสาร์เพื่อที่จะคุยกับเขาโดยตรง จริง ๆ หนูอยากคุยกับเขาโดยตรง แต่พ่อน่าจะรู้ว่าหนูเป็นคนค่อนข้างรุนแรง พ่อก็เลยบอกว่า ให้พี่ชายเป็นคนคุยดีกว่า เพราะว่าพ่อกลัวพี่ชายจะเสียความรู้สึก แค่นี้พี่ชายก็เสียความรู้สึกมากพอแล้วที่แฟนตัวเองเป็นขโมย ก็เลยบอกพี่ชายว่าไปจัดการมา ทุกคนในบ้านไม่โอเคที่จะให้พามาที่บ้านอีก แล้วเราก็เอาหลักฐานกล้องวงจรปิดให้พี่ชายไป เขาก็ไปคุยกัน... หลังจากนั้นหนูก็ถามว่า เรื่องเป็นไงบ้าง? พี่ชายบอกว่า ตอนแรกเขาไม่ยอมรับ เขาบอกว่าที่เข้าห้องหนูเพราะมาเอาไม้แขวนเสื้อ แต่สถานการณ์ตอนนั้นเขาเพิ่งตากเสื้อผ้าเสร็จ หนูก็งงว่าตากเสร็จแล้วจะมาเอาอีกทำไม แล้วก็เข้าห้องเราบอกว่ามาเอาไม้แขนเสื้อ แต่จริง ๆ ไม่ได้มาเอาไม้แขวนเสื้อ ทีนี้พี่ชายก็เอาคลิปหลักฐานให้ดู สรุปเขาก็เลยยอมรับว่าเขาขโมยของอายไปจริง ๆ เขาบอกสาเหตุที่ขโมยว่า เขาไม่ได้เอาไปใช้ แต่เขาขโมยไปทิ้ง เขาบอกว่าเขาไม่ชอบหนู ทีนี้เขาก็ให้เหตุผลว่าของหนูมันหายบ่อย แต่จับขโมยไม่ได้ ด้วยความที่ของหายก็ต้องโวยวาย หนูก็เลยโวยวายว่า ของหายอีกแล้ว แต่ว่าเราจับไม่ได้สักที หนูว่าทุกคนก็ต้องเป็นต้องโวยวายเพราะของเราหาย เขาก็บอกว่า หนูชอบโวยวายเวลาของหายก็เลยเอาครีมของหนูไปทิ้งข้างบ้าน ของพ่อกับน้องที่หายมันไม่ได้มีหลักฐานชัดเจนว่าเอาไป พอเขาบอกว่าขโมยไปทิ้งตรงทุ่งหญ้าข้างบ้าน หนูกับน้องชายเลยไปรื้อตรงนั้น ก็ไม่มี... พี่ชายเลยชดใช้โดยการโอนเงินค่าครีมคืนมา หลังจากนั้นทุกคนก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้อีกเพราะว่าไม่มีเหตุการณ์อะไรที่ของหายแล้ว เรื่องมันก็เริ่มเงียบ พี่ชายก็ไม่พาแฟนมาที่บ้าน แต่สุดท้ายเขาก็พาเข้ามาที่บ้านอีก คือของไม่หายเพราะว่าทุกคนล็อกห้องทำทุกอย่างใหม่ แล้วกลายเป็นว่าบ้านไม่ใช่เซฟโซน เราต้องระวังตัวเองแล้ว ตอนนั้นหนูไม่ค่อยได้เจอหน้าใครเพราะหนูทำงานกลับมาคนละเวลากับที่บ้าน หนูก็เลยทักไปหาพี่ชาย หนูบอกว่า ทำไมยังพามาอีกอะ ทั้ง ๆ ที่ทุกคนในบ้านไม่โอเคที่พาเขามา พี่ชายหนูก็บอกว่า เดี๋ยวถ้าเรียนจบอะ จะเป็นคนย้ายออกไปอยู่กับแฟนเอง จะได้ไม่ต้องพามาที่บ้านให้ทุกคนในบ้านรู้สึกไม่สบายใจ แต่ปัจจุบันพี่ชายหนูเรียนจบแล้ว แต่ก็ยังพามาอยู่ แล้วคือการที่หนูจะไล่พี่ชายออกจากบ้านมันก็ไม่ใช่ เราก็ทำไม่ได้ เพราะว่าบ้านมันคือของทุกคน หนูแค่รู้สึกว่าทำไมจะต้องเจอคนนี้ในบ้านทุกอาทิตย์เลย เมื่ออาทิตย์ก่อนน้องชายเดินมาถามหนูว่า พี่อายรู้สึกว่ามีคนเข้าห้องหรือเปล่า? เพราะก่อนออกไปน้องก็ปิดไฟแล้ว แต่ทำไมไฟยังเปิด รู้สึกว่าของในห้องมันย้ายที่ หนูก็ไม่อยากให้น้องคิดมากเลยบอกว่า อาจจะลืมปิดไฟเองหรือเปล่า มันเป็นเรื่องปกติที่เราลืม ต่อไปก็ห้ามลืมล็อกห้อง หนูก็เลยพูดแทนน้องชายไปวันนั้นว่า ไหนบอกว่าถ้าเรียนจบถ้าไม่พามาก็จะย้ายออกไปไง แบบให้คนในบ้านสบายใจ แต่พี่ชายหนูบอกว่า แล้วทำไมจะพามาไม่ได้เราเป็นแฟนกัน อันนี้ก็บ้านเราเหมือนกัน หนูเข้าใจว่ามันเป็นห้องใครห้องมัน แต่สุดท้ายของส่วนรวม ห้องโถงมันก็คือห้องของทุกคน เราก็ไม่สบายใจ ทีนี้พ่อได้ยินหนู 2 คนเริ่มทะเลาะกัน พ่อก็เลยออกมาคุยด้วย กลายเป็นว่าพ่อว่าหนู ทำไมหนูถึงยังรื้อฟื้นเรื่องเดิม ๆ ออกมา ทั้ง ๆ ที่เรื่องมันจบไปแล้ว คือพ่อไม่อยากมีเรื่อง หนูบอกว่า แต่หนูเป็นคนโดนกระทำ โดนขโมยของ โดนขโมยนู่นขโมยนี่ไป แล้วทำไมเรายังจะต้องเห็นหน้าคนนี้อยู่ในบ้าน แค่ไม่เอาเขามาให้ทุกคนสบายใจ นั่นคือปัญหามันจบหรือเปล่า แต่ทำไมพ่อต้องโมโหมาก ตะโกนด่าอายว่า เป็นตัวสร้างปัญหาที่เอาเรื่องเก่ามาพูดทั้งที่เรื่องมันจบไปแล้ว หนูก็เลยแบบ อ้าว แล้วคือเราต้องรอให้ของหายอีกรอบหรือโดนยกเค้าใช่ไหม เราถึงจะจัดการปัญหาได้ หนูเลยอยากปรึกษาพี่ ๆ ว่า หนูจะจัดการหรือไปทางไหนดี หนูจะทำยังไงที่จะสามารถคุยกับพ่อให้เปลี่ยนความคิดได้ว่าเราไม่ควรให้เขาเข้ามาที่บ้าน’ โดย “ดีเจเผือก” ให้คำปรึกษาว่า ‘ประเด็นคือพี่ชายเราเขารัก เขาหลงมาก แล้วเขาก็ไม่ถือสาหาความ ตั้งแต่เหตุการณ์เกิดขึ้นใหม่ ๆ เขาก็เป็นคนโอนเงินมาให้ แล้วก็เหมือนทำให้ทุกอย่างปกติ นั่นแปลว่าเขายอมรับในความนิสัยขโมยของแฟนเขาได้ ตอนแรกพี่ก็ตั้งคำถามของตัวเองว่า ถ้าแฟนเราขโมยของคนในบ้านจะเลิกไหม? นี่คือคนที่เราจะเลือกเป็นคู่ชีวิตของเราในระยะยาวหรอ? แล้วมันไม่ใช่ขโมยของกินในตู้เย็นที่เคลียร์กันง่าย ๆ อันนี้คือขโมยไปทั่วด้วยซ้ำ ที่มันเป็นหลักฐานอาจจะของอายคนเดียว แต่ว่ามันมีของที่หายไปโดยที่หาคำตอบไม่ได้ และหายไปเฉพาะเสาร์-อาทิตย์อีก มันค่อนข้างที่จะชัดเจน ถ้าพี่เป็นพี่ชายอาย พี่คงตั้งคำถามตั้งแต่ตอนนั้น แต่ว่าพี่ชายเขาก็ก้าวข้ามผ่านมาได้ด้วยความรัก พี่มองว่าต่อให้อายสามารถกันเขาออกไปจากบ้านได้ แต่การที่ไม่เจอกันทั้งชีวิตก็ยาก พี่เข้าใจว่าคนโดนแล้วมันก็ฝังใจ ตอนนี้เราจะไปเปลี่ยนความคิดของพี่ชายก็คงลำบาก เขาเลือกที่จะอยู่กับคนนี้ อายเองก็ยังจำเป็นที่จะต้องอยู่บ้านนี้ ณ วันนี้ถ้าไปยื่นคำขาด บอกว่าพ่อต้องไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปให้ได้ ตอนนี้กระแสมันจะเทมาทางอายเป็นตัวร้ายแล้ว ทุกคนพยายามทำให้ครอบครัวยังอยู่ด้วยกันได้ อะไรที่ผิดพลาดไปแล้วให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเขาจะเลิกได้หรือไม่ได้ อาจจะต้องกล้ำกลืนฝืนทน ถ้าเป็นพี่ พี่ก็คงต้องดูแลตัวเอง ทำให้รู้เลยว่าเราไม่มีวันไว้ใจ แล้วระมัดระวังตัวเองให้ดี และถ้ามันเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้แหละเราจะมีน้ำหนักยื่นข้อเสนอครั้งสำคัญแล้วว่ามีอายไม่มีเขา มีเขาไม่มีอายหรือใดใดก็ตาม แต่ ณ ตอนนี้เหตุการณ์มันยังไม่เกิดขึ้นใหม่ คำถามที่ว่า ต้องรอให้เกิดขึ้นอีกครั้งหรอ? วันนี้พี่อาจจะต้องตอบว่า อาจจะเป็นอย่างนั้น โดยที่เราก็ยังต้องตั้งกล้องระแวดระวัง อาจจะลำบากทั้งที่เป็นบ้านของเราแท้ ๆ แต่มันเป็นบ้านของทุกคนจริง ๆ แหละ แล้วพี่เขาก็เลือกของเขาแล้ว เราเองก็อาจจะต้องวัดใจกันดู และก็ภาวนาไม่ให้เกิดขึ้นอีก ความไม่ชอบกันก็ยังฝังอยู่และถ้าเขามาเป็นพี่สะใภ้เรา มันก็คงยังต้องมีความรู้สึกแบบนี้ทุกครั้งที่รวมญาตินั่นแหละ แต่ว่าถ้าเกิดขึ้นอีกครั้ง อายมีสิทธ์เต็มที่ ที่จะยื่นคำขาด ตอนนี้ก็ระมัดระวังตัวเองละกันนะอาย อาจจะต้องอดทนกับความลำบากใจนิดนึง ต่อมา “ดีเจอ้อย” ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่มีความรู้สึกอย่างหนึ่ง ตอนนี้หนูกำลังไปให้คุณค่าเขาเยอะมาก นี่คือบ้านหนู เขามาแค่ช่วงเสาร์-อาทิตย์ หนูไปให้คุณค่าเขาขนาดที่ว่า เธอทำให้ฉันไม่มีความสุขในบ้านนี้ได้ยังไง และความสุขของฉันจะกลับมาทันที ถ้าพี่ชายเอาผู้หญิงคนนี้ออกไปจากบ้าน พี่รู้สึกว่าในที่สุดวันนี้คนที่พี่จะโกรธ พี่ไม่ได้โกรธว่าที่พี่สะใภ้ พี่โกรธพี่ชายหนู เพราะคนอะไรมีสเปคเป็นมิจฉาชีพขนาดนั้น คือพี่ว่าดูประหลาดไป แต่คราวนี้พี่เห็นด้วยกับสิ่งหนึ่งคือ ต้องปกป้องตัวเองก่อน เป็นพี่ พี่จะอยู่ในบ้านอย่างมีความสุขก่อน ยิ่งเขาเข้ามาจะยิ่งทำให้เห็นว่า ฉันล็อคประตูนี้ อันนี้เปลี่ยนกุญแจ ถ้าเขาถามว่าทำไมต้องล็อคกุญแจขนาดนี้ อ้าว ก็กลัวของหายแล้วก็เพลิน ๆ กับการอยู่ในบ้านของเรา ทำไมเราต้องไปทำให้เขารู้สึกว่า เขาดูมีอิทธิพลต่อบ้านฉันเหลือเกิน พี่ว่าคุณพ่ออาจจะอยากได้ความสงบสุขในบ้าน ไม่มีใครหรอกอยากเอาขโมยเข้าบ้านแล้วแฮปปี้มีความสุข ถ้าน้องทะเลาะกับพี่ชายด้วยเรื่องนี้ มันจะกลายเป็นว่าทะเลาะกันเรื่องผู้หญิงคนอื่นด้วยซ้ำ แล้วถ้าเกิดว่าผู้ชายมีรสนิยมชอบแนว ๆ นี้ ชอบแนวต้องลุ้นกับตำรวจไปด้วย พี่เคารพการตัดสินใจของพี่ชาย แต่เราจะปกป้องสิทธิ์และความสุขในบ้าน เพราะนี่คือบ้านฉัน พี่ว่าเขาต้องมีความผิดปกติทางจิตใจบางอย่าง เพราะฉะนั้นพี่ว่าหนูต้องล็อคให้เห็นเลยว่า ตั้งแต่เธอเข้าบ้านฉัน ฉันรู้สึกว่าจะต้องปกป้องทรัพย์สมบัติของฉันให้ดีที่สุด ต้องดูกันไปสักตั้ง บางทีมันต้องมีอารยะขัดขืนกันบ้าง ตอนนี้พี่กำลังรู้สึกว่าเรากำลังโดนป่วน แล้วเราก็ดันป่วนไปตามแผนด้วย เพราะจริง ๆ นี่คือบ้านของหนู ปกป้องสิทธิ์ของเรา ไม่อยากได้อยากให้เราลุกขึ้นมาแล้วบอกว่า เธอจะต้องเลิกกับผู้หญิงคนนี้ เลิกเอาผู้หญิงคนนี้เข้ามาเดี๋ยวนี้นะ อะไรมันไม่ได้ดั่งใจเราทุกอย่างหรอก พี่ชายเรา เราก็ต้องเคารพในการเลือก แล้วอย่าไปถือโทษคุณพ่อ หนูบอกกับพ่อเลยว่า ในเมื่อพี่เขาเลือกแบบนี้ หนูไม่อยากจะไปแตะอะไร แค่หนูจะทำตามที่พ่อบอกละกันว่า หนูจะปกป้องสิทธิ์ของหนู และบ้านของหนู รวมไปถึงความสุขในบ้านหนูด้วย สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘ในเมื่อบ้านหลังนี้ทุกคนมีสิทธิ์การเป็นเจ้าของร่วมกัน พี่ก็ไม่สามารถบอกให้อายไล่ทุกคนที่ไม่ชอบออกไปได้ เพราะว่าเขาก็มีสิทธิ์ของเขา พี่กลับมองว่าเหมือนพี่รู้สึกเห็นใจทุกคน ในแง่ที่ว่าทุกคนตกที่นั่งลำบากหมดเรื่องนี้ ทั้งหมดมันก็เกิดจากความรักนั่นแหละ แต่รักแบบไหนว่ากันอีกเรื่อง ทุกคนหวังดีต่อกันเลยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ทีนี้มันจำเป็นที่อายจะต้องอยู่กับเรื่องนี้เพราะว่าหนูก็ไม่สามารถย้ายออกได้ มองอย่างงี้ละกัน นางโจรนี้ นางก็จะมาขโมยแค่เสาร์-อาทิตย์ จันทร์-ศุกร์นางไม่มา ก็ให้เป็นเสาร์-อาทิตย์ที่เตือนใจเราว่า เป็นวันที่เราต้องรัดกุม ก็ล็อกห้อง แล้วถ้าวันนั้นนางถึงขนาดงัดประตู งัดหน้าต่างแล้วเข้าบ้าน พี่ก็เรียกตำรวจ คือถ้าขนาดนั้นพ่อกับพี่ชายก็พูดอะไรไม่ได้อีกต่อไป เราก็ทำให้เห็นว่าล็อกแล้ว มันจะเอาไปไม่ได้ ถ้าเพื่อแลกให้คุณพ่อยังโอเค พี่ชายยังอยู่กันได้ อาจจะต้องยอมทำเพราะว่ามันไม่มีทางออกสำหรับเรื่องนี้ ของมีค่าในห้องเราเก็บให้เรียบร้อยวันเสาร์-อาทิตย์ และถ้านางทำอีกพี่ก็ขอให้แจ้งตำรวจ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูอายุ 18 แล้ว เริ่มอยากมีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง แต่คุณแม่ก็ยังเข้าห้องมาตลอด แบบไม่เคาะประตู บางทีเข้ามาย้ายของ จัดของจนหนูหาของอะไรไม่เจอเลย เคยล็อคกุญแจแล้ว แต่คุณแม่ก็มีกุญแจสำรอง จะเจรจา

07 ต.ค. 2024

หนูอายุ 18 แล้ว เริ่มอยากมีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง แต่คุณแม่ก็ยังเข้าห้องมาตลอด แบบไม่เคาะประตู บางทีเข้ามาย้ายของ จัดของจนหนูหาของอะไรไม่เจอเลย เคยล็อคกุญแจแล้ว แต่คุณแม่ก็มีกุญแจสำรอง จะเจรจา

หนูอายุ 18 แล้ว เริ่มอยากมีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง แต่คุณแม่ก็ยังเข้าห้องมาตลอดแบบไม่เคาะประตู บางทีเข้ามาย้ายของ จัดของจนหนูหาของอะไรไม่เจอเลย เคยล็อคกุญแจแล้วแต่คุณแม่ก็มีกุญแจสำรอง จะเจรจา พูดกับแม่ยังไงให้เขาเข้าใจหนูสักทีคะ? หนูให้เข้ามาได้แต่อย่ามาย้ายของ “คุณแจกัน (นามสมมติ)” อายุ 18 ปี สายที่ 2 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [2 ต.ค.67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจอ้อย‘ เกี่ยวกับปัญหาทำยังไงให้คุณเเม่เลิกเข้าห้องส่วนตัวเรา เพราะรู้สึกเริ่มโตเเล้ว โดย “คุณเเจกัน (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ครอบครัวหนูแยกทางกัน มีพี่น้อง 3 คน หนูเป็นคนกลาง พ่อแม่แยกทางกัน พี่สาวไปอยู่กับแฟน น้องชายไปอยู่กับพ่อ ส่วนหนูอยู่กับเเม่ ตอนนี้คุณเเม่อายุ 42 ปี เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา หนูขอแม่เเยกห้องนอนส่วนตัว คุณเเม่ก็โอเค ให้แยกนอนได้ บางทีคุยกันก็เหมือนเขาไม่พอใจ ผ่านไปอาทิตย์นึงคุณเเม่ก็เริ่มเข้าห้องเราโดยที่ไม่เคาะหรือบอกเราก่อน บางทีหนูไปโรงเรียนกลับมาของที่วางอยู่บนโต๊ะเหมือนเดิมก็หายหรือหาไม่เจอ เช่น หนูเรียนมีการบ้าน เขาจะชอบจัดเเล้วเขาจะเก็บรวมไปเลย บางทีหนูล็อคห้อง หรือติดป้ายไว้เเล้ว เคยคุยกับเเม่เเล้วด้วย เเม่ก็โอเคจะไม่เข้า เเต่พอผ่านไปแค่ 2 - 3 วันเขาก็ยังเข้าห้องเหมือนเดิม หนูไม่ได้ว่าที่เขาเข้าห้อง เเต่หนูอยากให้เขาบอกก่อนว่า จะเข้าไปเก็บของนะหรือจะเข้าไปห้องให้ บางทีหนูนอนอยู่ เขาก็จะเข้ามาโดยที่ไม่บอกเรา เข้ามาเฉย ๆ ดูเเล้วก็ออกไป บางทีหนูอาบน้ำเเต่งตัวอยู่ เขาก็เข้ามาเลย ทำให้หนูรู้สึกเหมือนเขาเข้ามาในพื้นที่ของหนู ทำให้หนูเกิดอาการเหมือนหงุดหงิดตัวเอง ไม่ได้หงุดหงิดแม่ หนูก็เก็บไว้ว่าอย่าไปหงุดหงิดเขา เหมือนเราเคยนอนด้วยในห้องเดียวกัน พอหนูแยกออกมาเขาอาจจะเเบบอยากรู้รึเปล่าว่าเราแยกออกมาเเล้ว ยังเป็นเหมือนเดิมรึเปล่า? หนูเป็นคนทำความสะอาดทั้งบ้านเอง เหมือนเรื่องของเราก็จะไม่ให้แม่ยุ่ง ซักผ้าหรืออะไรก็ทำเองหมดเลย เพราะไม่อยากให้แม่ทำ หนูไม่รู้ว่าต้องจัดการยังไง ก็เลยอยากถามพี่ ๆ ดีเจทั้งสามคนว่า หนูควรต้องทำยังไงดี? โดยเริ่มที่ “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘หัวอกคนเป็นพ่อเป็นเเม่รู้เเหละว่าวันนึงลูกจะโต จะไปมีชีวิตของตัวเอง เราจะไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าห้องโดยพลการอีกต่อไป นี่คือที่พ่อแม่รุ่นใหม่พยายามบอกตัวในทุก ๆ วัน เเต่มันโครตยากเลย ด้วยวัยของคุณเเม่ที่เท่า ๆ พี่พี่ว่าคุยได้ มันเปลี่ยนได้ เพราะฉะนั้นต้องมีวิธีการคุยจะไม้อ่อนไม้เเข็งอันนี้เเล้วเเต่เเจกัน ถ้าเคยคุยแบบไม้อ่อนเเล้วยังเหมือนเดิม ก็ตเองขยับเป็นไม้เเข็งขึ้น เเต่ก็ไม่รู้ความคิดเขาถ้าโดนอย่างงี้พอเขาโดนเเบบนี้จะยังไง เเต่พี่ว่าถ้าเห็นลูกเริ่มจริงจังขึ้นไม่ว่าจะคำพูดหรือการกระทำที่โตขึ้น เป็นพี่พี่ยอมเปลี่ยนนะ อย่างน้อยยังได้ก้าวเข้าไปในห้องเขาอ่ะ ถ้าไม่ได้จริง ๆ ให้คุณเเม่ฟังคลิปนี้’ ต่อมา “ดีเจอ้อย” ได้ให้คำปรึกษา ‘เข้าใจหมดว่าเราอยากมีโลกส่วนตัว เเต่ก็ต้องเข้าใจความเป็นเเม่เลี้ยงเดี่ยวเเล้วหนูเป็นลูกที่ใกล้เขามากที่สุด เขาก็จะเเอบคิดเข้าใจไปเองว่า ยังไงลูกต้องอยู่ในอ้อมกอดของชั้นตลอดไป ชั้นจะปกป้องเขาให้เขาไม่เจอสิ่งที่ไม่ดีต่าง ๆ นา ๆ เเละม่ความไม่ค่อยไว้ใจลูกสาวหน่อย ๆ การที่เขาได้เข้าไปในห้องของลูกสาว เหมือนเขาได้เข้าไปอยู่โลกของลูกสาวด้วย เขาเลยอยากสร้างความมั่นใจว่ายังอยู่ในสายตาชั้น ไม่มีอะไรหรอก อยากให้ทำความเข้าใจด้วย เเม่ไม่ได้เข้ามาอยู่ในห้องตลอดชีวิตเราหรอก วันนึงก็ต้องจากกัน ก่อนจะถึงวันนั้นปรับวิธีคิดเราจะได้ไม่หงุดหงิดมากเกินไป ยังไงก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านเรา มันก็เป็นบทเรียนให้หนูเหมือนกัน ที่หนูต้องรักเเละปกป้องตัวเองด้วย ค่อย ๆ สร้างความมั่นใจไปเรื่อย ๆ ถ้าเเม่มั่นใจในตัวเรามากขึ้น สิ่งเหล่านี้มันจะค่อย ๆ หายไป เพราะฉะนั้นมันไม่ได้แปลว่าพูดกับเเม่ 1 ครั้งเเล้วเเม่อยู่ในโอวาทของลูกสาวตลอดไป เเต่เมื่อไหร่ที่มันมาจากความรัก ปัญหาความรักแก้ง่ายกว่าปัญหาความไม่รัก ให้สื่อสารที่เป็นทางบวกเเละลองเข้าใจความเป็นห่วงของคุณเเม่ดูบ้าง’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘มันต้องหาตรงกลางที่ทั้งคู่แฮปปี้ พี่ว่ามันสามารถคุยได้นะถ้ามันส่งผลกระทบการเรียนเราอ่ะหรือเรามีนัดกันกับเขามั้ย ทุกวันอาทิตย์หรือทุกวันใด ๆ หนูอยู่ในห้องด้วยเเล้วเเม่ก็จัดจะได้รู้ว่าย้ายของเเล้วก็บอกหนูจะได้รู้ อย่าทำโดยที่หนูไม่อยู่อ่ะเพราะบางทีมันจะวุ่นวายต่อการหาของ ส่วนไอการเข้ามาโดยที่ไม่มีสัญญาณก่อนอ่ะ หรือมันโมบายอะไรหน้าห้องมั้ย อะไรก็ได้ให้ถ้าร่างเข้าผ่านเเล้วมันจะเกิดเสียงอะ เพื่อให้เขาเองก็ต้องมีสติด้วยนะว่าต้องเคาะก่อนต้องบอกก่อนเข้าอ่ะ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

เพื่อนเก่าสมัยมัธยมในกลุ่ม มาบอกว่าจะเลิกคบกับอีกคน ผมก็เลยขอเป็นคนกลาง แล้วเพื่อนคนนั้นก็แฉอีกคนให้ผมฟังว่าเขาบูลลี่ผมมาตลอด หลักฐานครบ เค้ามีกลุ่มแยกที่ไม่มีเราอยู่คนเดียว คุยลับหลังมา 3 ปี ผมเสียใจมากๆ

04 ต.ค. 2024

เพื่อนเก่าสมัยมัธยมในกลุ่ม มาบอกว่าจะเลิกคบกับอีกคน ผมก็เลยขอเป็นคนกลาง แล้วเพื่อนคนนั้นก็แฉอีกคนให้ผมฟังว่าเขาบูลลี่ผมมาตลอด หลักฐานครบ เค้ามีกลุ่มแยกที่ไม่มีเราอยู่คนเดียว คุยลับหลังมา 3 ปี ผมเสียใจมากๆ

เพื่อนเก่าสมัยมัธยมในกลุ่ม มาบอกว่าจะเลิกคบกับอีกคน ผมก็เลยขอเป็นคนกลางแล้วเพื่อนคนนั้นก็แฉอีกคนให้ผมฟังว่าเขาบูลลี่ผมมาตลอด หลักฐานครบ เค้ามีกลุ่มแยกที่ไม่มีเราอยู่คนเดียวคุยลับหลังมา 3 ปี ผมเสียใจมากๆ เพิ่งรู้ว่าเพื่อนคนนั้นที่ขอยืมรถเรา แล้วพูดว่าโง่เนอะ ให้กูยืมด้วย “คุณเติร์ด (นามสมมติ)” อายุ 19 ปี สายสุดท้ายในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [2 ต.ค.67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจอ้อย’ เกี่ยวกับปัญหาเพื่อนนินทาลับหลังเรา ทั้งที่ต่อหน้าเขาดีกับเรามาก โดย “คุณเติร์ด (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ตอนนี้ผมเรียนอยู่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เรื่องเกิดเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว คือหนึ่งในเพื่อนกลุ่มเก่าตอนมัธยมโทรมาปรึกษาผมเรื่องเพื่อนอีกคนในกลุ่ม แบบมาบอกว่าเขานิสัยไม่ดีอะไรบ้าง อยากจะเลิกคบกับเขาทำยังไงบ้าง? ผมก็เลยให้คำปรึกษาว่า จะเลิกคบหรือไม่เลิกคบกัน ผมก็ขอเป็นคนกลางเพราะว่าเพื่อนคนที่เขาเล่ามาเขาก็ดีกับผมมาตลอด แต่ประเด็นคือว่าเพื่อนพูดว่า “เติร์ดกูไม่อยากเล่าให้มึงฟังนะ แต่เรื่องที่โดนนินทา คนที่โดนเยอะสุดคือเติร์ดนะ” แต่ผมไม่รู้ตัว คิดว่าเขาดีกับผมในกลุ่ม เพราะระยะเวลาที่คบกันมา 3 ปีเขาดีกับผมมาตลอดเลย จนผมไว้ใจเพื่อนคนนี้ที่สุดในกลุ่ม จนพอมาล่าสุด ผมมารู้ว่าเพื่อนที่ผมไว้ใจที่สุดกลับกลายเป็นว่าลับหลังผม ผมโดนเละที่สุดเลยในกลุ่ม ผมโดนเยอะมากๆ แล้วเพื่อนก็แคปหลักฐานทุกอย่างมาให้ผมดูหมดเลย เพราะเพื่อนมีแชทกลุ่ม ไม่ว่าผมจะอัปเดตชีวิตในโซเชียล หรือลงอะไร ผมจะโดนแคปลงในแชทกลุ่มที่ไม่มีผม ซึ่งเพื่อนคนอื่นก็เออ ออไปด้วย พอเขาจะแตกกันก็มาเล่าให้ผมฟังว่าจะเลิกคบกับคนนั้นแล้วนะ เพราะเขานิสัยไม่ดี แต่ที่ผ่านมาเขามีการมายืมเงิน ยืมมอเตอร์ไซค์ของผม พอผมให้ยืมเขาก็เอาไปพูดลับหลังว่าผมโง่ให้ยืมด้วย เพื่อนคนนั้นยังไม่รู้ว่าผมรู้เรื่องทั้งหมดแล้วที่เขาเผาผม ตอนนี้เขาก็ยังทำเป็นดีกับผม ยังคุยกันปกติ ผมอยากถามพี่ๆว่า ควรคบเพื่อนคนนี้ต่อดีมั้ย? หรือควรตัดไปเลยเพราะผมก็รู้ความจริงหมดแล้วว่าที่ผ่านมามันก็ไม่ได้หวังดีกับเราจริงๆ’ ซึ่ง “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาเป็นคนแรกว่า ‘แน่นอนอยู่แล้วว่าพี่จะไม่คบคนกลุ่มนี้ แต่ชีวิตคนก็เป็นแบบนี้แหละ มองในแง่ดีคือมันก็เป็นภูมิคุ้มกันเรา เพราะว่าเติร์ดอาจจะได้เจอคนแบบนี้อีกก็ได้ เหมือนประสบการณ์ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียน ขนาดคนที่เราสนิทกันขนาดนี้มันยังพูดลับหลังกันได้ ซึ่งมันมีแบบนี้จริงๆบนโลกนี้ เราก็แค่ได้รู้ว่าคนๆนี้เป็นแบบนี้ ได้เรียนรู้ที่จะไว้ใจคน คนที่เราช่วยเหลือเขามาตลอด แล้วสิ่งที่มันทำคืออะไร แต่พี่ว่ายังไงก็ต้องตัด’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาเป็นคนที่สองว่า ‘คนๆนี้ถ้ามันใช่แบบที่เติร์ดเล่ามาทั้งหมด คนแบบนี้มันเน่าตั้งแต่ข้างใน คนที่มันก่อร่างสร้างตัวมาเป็นคนที่มี attitude แบบนี้มันโตมายังไง พี่ว่ามันเลวทรามยิ่งกว่าเม้าท์ปากเสีย เพราะฉะนั้นคนแบบนี้เติร์ดไม่จำเป็นต้องแคร์อะไรมันด้วยซ้ำ ถ้าเป็นพี่ พี่จะส่งแชทที่เพื่อนแคปมาให้ดูส่งให้มันไปเลย แล้วไม่ต้องคุยอะไรเลยก็ได้ ส่งเสร็จบล็อกไปเลยจบๆ หรือถ้าจะใส่กันสักชุดก็ได้ แค้นอะไรก็บอกไป คุยจบก็แยกย้ายกันเลย เป็นพี่ก็ไม่เอาไว้เหมือนกัน’ และสุดท้าย “ดีเจอ้อย” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่อ้อยเคยอ่านเจอประโยคนึงว่า เราเลือกคนที่เราเจอไม่ได้ แต่เลือกว่าจะวางเขาไว้ตรงไหนในชีวิตได้ เราไม่รู้หรอกว่าคนที่เราจริงใจกับเขา เขาจะตลบหลังเราเมื่อไร แต่เมื่อเรารู้แล้ว เราเลือกวางเขาไว้ตรงไหนที่ไม่ต้องทำให้เราดีลกันอีกก็ได้ พี่ว่าบางทีมันไม่จำเป็น เดี๋ยวเติร์ดก็มีเพื่อนอีกหลายๆกลุ่ม อาจจะไปเจอแบบเดียวกันอีก หรือเป็นอีกแบบเลยก็ได้ ใดๆก็ตามเราอาจจะเสียใจ อาจจะเจ็บแค้น แต่ที่สุดแล้วการล้างแค้นที่สาสมที่สุดคือเขาคนนั้นต้องไม่มีผลอะไรต่อใจของเติร์ดอีกตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่เติร์ดยังเจ็บปวดไปกับคนๆนั้น ถือว่าเติร์ดยังให้ความสำคัญกับคนๆนั้นอยู่นะ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

บางทีมันก็ลำไย!! น้องที่ทำงานอายุ 20 ชอบบอกว่าเราอายุ 24 แล้ว "หน้าแก่" พูดบ่อยมาก เคยสวนกลับไป "แหม ชีวิตนี้จะไม่อายุ 24 เลยมั้ง?" น้องตอบ "ถ้าผม 24 พี่ก็โคตรแก่แล้ว" ถ้าเป็นทุกคนเจอแบบนี้ทำไงคะ?

09 ก.พ. 2024

บางทีมันก็ลำไย!! น้องที่ทำงานอายุ 20 ชอบบอกว่าเราอายุ 24 แล้ว "หน้าแก่" พูดบ่อยมาก เคยสวนกลับไป "แหม ชีวิตนี้จะไม่อายุ 24 เลยมั้ง?" น้องตอบ "ถ้าผม 24 พี่ก็โคตรแก่แล้ว" ถ้าเป็นทุกคนเจอแบบนี้ทำไงคะ?

“คุณหนู (นามสมมติ)” อายุ 24 ปี สายสุดท้ายในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [7 ก.พ 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจอ้อย นภาพร เกี่ยวกับเรื่องที่น้องที่ทำงานชอบล้อว่าหน้าแก่ โดย “คุณหนู(นามสมติ)” ได้เล่าว่า ‘มีน้องผู้ชายที่ทำงานมาล้ออายุ ประมาณว่า ‘พี่อายุตั้ง 24 ปี แก่แล้ว แก่มากแล้ว’ พูดแบบนี้กับหนูหลายรอบมาก ซึ่งน้องคนนั้นอายุ 20 ปี แต่ก็มีคนในบริษัทที่อายุเยอะกว่าหนู น้องก็ไม่ได้ล้อคนอื่นนะ น้องเขาล้อแต่หนูคนเดียว หนูก็คิดว่าน้องเขาน่าจะชอบหนูแหละ ตอนแรกที่โดนล้อหนูก็รู้สึกเฉย ๆ แต่พอโดนบ่อย ๆ หนูก็เริ่มรำคาญ แล้วเหตุการณ์ล่าสุดที่หนูโดนก็คือ น้องคนนี้ก็คุยกับเพื่อนอยู่ เรื่องอะไรก็ไม่รู้ หนูก็เดินไปตรงนั้นพอดี แล้วอยู่ดี ๆ ก็จะวนพูดถึงเรื่องอายุของหนูอีก ‘อายุ 24-25 ปีแล้ว แก่ก็แก่’ หนูก็เลยตอบกลับไปว่า ‘เธอคิดว่าเธอจะไม่อายุเท่าฉันหรอ’ แล้วน้องก็ตอบกลับหนูว่า ‘กว่าผมจะอายุเท่าพี่ พี่ก็คงแก่ไปมากแล้ว’ แล้วน้องก็ทำท่าทางตลกขบขัน แต่หนูคือหน้าเสียไปแล้ว หนูก็เลยเดินหนีไป หลังจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์อีกครั้งนึง ซึ่งครั้งนี้หนูคิดว่ามันแรงสำหรับหนูมาก ก็คือ หนูทำเรื่องเอกสารการเรียนต่อ หนูก็คุยเล่นกับเพื่อนอยู่ แล้วน้องก็พูดขึ้นมาว่า ‘แก่ขนาดนี้ ยังจะเรียนต่ออีกหรอ’ แล้วหนูก็ตอบไปว่า ‘คือการเรียนไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ ก็มีสิทธิ์เรียนได้หมดทุกคน’ แล้วน้องก็ยังว่าหนู ‘หน้าลาว’ อีกด้วย งานนี้ดีเจทั้ง 3 คน ก็ได้ให้คำปรึกษาไปในทางเดียวกันว่า ‘พอพวกพี่ฟังเรื่องของคุณหนูแล้ว รู้สึกว่าคุณหนูเหมือนมีใจ ในขณะที่คุณหนูก็เหมือนมีความสุขตอนที่ถูกน้องล้อ ถ้าเรื่องแบบนี้เกิดกับพวกพี่ พวกพี่ก็จะตอบกลับไปแรงครั้งเดียว แล้วเรื่องนี้มันก็จะจบไปนานแล้ว พอคุณหนูคิดว่าตัวเองแก่จริง ๆ เรื่องนี้ก็ถูกใจคนที่ล้อ เพราะน้องก็คงคิดว่าล้อถูกคน ตอนนี้พวกพี่รู้สึกแปลกใจมากกว่า ที่คุณหนูรู้สึกกับเรื่องนี้ว่าสิ่งที่น้องล้อว่าเราแก่ แล้วเราแก่จริง ๆ พวกพี่ไม่อยากให้คุณหนูเครียดกับเรื่องนี้ ก็แค่คนปากเสียคนหนึ่ง เดี๋ยวสังคมก็ลงโทษเขาเอง...’ ก่อนวางสาย คุณหนูก็ได้อธิบายเพิ่มเติมอีกว่า ‘ตอนแรกที่หนูโดน หนูรู้สึกเครียดมาก และก็ไม่ได้หลงรักน้องคนนี้ เพราะทั้งน้องและหนูก็ต่างมีแฟนกันแล้ว ที่หนูเล่าไปด้วย หัวเราะไปด้วย เพราะหนูได้คุยกับพวกพี่ ๆ ดีเจ หนูก็รู้สึกดีขึ้น’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1