เจอแต่ผู้ชาย “โปรไฟล์ดีๆ” รู้สึกดี แต่พอถึงขั้นจะต้องจริงจัง นัดเจอ หนูกลับเป็นฝ่ายที่ไม่กล้าเจอ เพราะ แอบเข้าไปส่อง IG ส่องโปรไฟล์เขามาแล้ว ก็คิดไปเองว่า เราไม่คู่ควรกับเขาเลย 4 คนแล้ว ที่เรารู้สึกแบบนี้

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

เจอแต่ผู้ชาย “โปรไฟล์ดีๆ” รู้สึกดี แต่พอถึงขั้นจะต้องจริงจัง นัดเจอ หนูกลับเป็นฝ่ายที่ไม่กล้าเจอ เพราะ แอบเข้าไปส่อง IG ส่องโปรไฟล์เขามาแล้ว ก็คิดไปเองว่า เราไม่คู่ควรกับเขาเลย 4 คนแล้ว ที่เรารู้สึกแบบนี้

31 ม.ค. 2025

เจอแต่ผู้ชาย “โปรไฟล์ดีๆ” รู้สึกดี แต่พอถึงขั้นจะต้องจริงจัง นัดเจอ หนูกลับเป็นฝ่ายที่ไม่กล้าเจอ

เพราะ แอบเข้าไปส่อง IG ส่องโปรไฟล์เขามาแล้ว ก็คิดไปเองว่า เราไม่คู่ควรกับเขาเลย 4 คนแล้ว

ที่เรารู้สึกแบบนี้ จะสร้างความมั่นใจให้ตัวเองกล้าอยู่ในความสัมพันธ์ที่จริงจังยังไงดีคะ?

            “คุณน้ำตาล (นามสมมติ)” อายุ 22 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [29 ม.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาความไม่มั่นใจในตัวเองที่ส่งผลต่อความรัก ความสัมพันธ์

            โดย “คุณน้ำตาล (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูเป็นคนที่ขาดความมั่นใจในตัวเองมาก ๆ จนกระทบต่อชีวิตและความสัมพันธ์ หนูเคยเลิกกับผู้ชายมาแล้ว 4 คน เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเขา ตั้งแต่เด็ก ครอบครัวเลี้ยงหนูให้พึ่งพาตัวเอง ไม่ซัพพอร์ตเรื่องที่มองว่าไม่จำเป็น เช่น การเที่ยวเล่นหรือการซื้อของฟุ่มเฟือย ฐานะที่บ้านก็เป็นฐานะปานกลาง แต่หนูก็ต้องหาเงินเองมาตลอด และหนูก็เริ่มมองคนที่ประสบความสำเร็จ สวยๆ รวยๆ และเก่งๆ เพราะหนูอยากเป็นแบบนั้น รู้สึกว่าการมีเงินทำให้ชีวิตดีขึ้น

            ซึ่งหนูมองว่าความคิดนี้มันก็ดี เพราะผลักดันให้หนูพยายามพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด เพราะตอนที่เราเริ่มมีเงิน ชีวิตมันก็ดีขึ้นเรื่อยๆ  จริงๆ แต่ข้อเสียคือ หนูจะชอบเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนที่ดูดีและมีพร้อมทุกอย่าง จนเกิดความรู้สึกด้อยค่าตัวเอง รู้สึกซึมไปเลยว่าเราจะมีแบบนี้ได้มั้ย แล้วทำไมเราถึงไม่มีชีวิตแบบนี้? ต่อให้หนูจะมีแล้ว แต่หนูรู้สึกว่ามันยังไม่พอ เท่าไรก็ไม่พอ หนูอิจฉาคนที่มีอาชีพดี ชีวิตสบาย และครอบครัวที่ซัพพอร์ตโดยไม่ต้องดิ้นรน ไม่ต้องลำบาก

            พอหนูเข้าใกล้ช่วงเรียนจบ หนูก็สร้างฐานะของตัวเองได้ในระดับที่ไม่ต้องลำบากเหมือนเมื่อก่อน มีบ้าน มีรถ และเริ่มมีคนที่มีฐานะดีเข้ามาจีบ แต่พอความสัมพันธ์เริ่มจริงจัง หนูกลับคิดมาก เริ่มเปรียบเทียบตัวเองกับสังคมและเพื่อนรอบข้างของเขา แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองสวยไม่พอ ฐานะปานกลาง หนูรู้สึกแย่มาก หนูเลยเลือกที่จะถอยห่างและหายไปแบบเงียบ ๆ เพราะไม่อยากคิดมากซ้ำ ๆ เป็นแบบนี้กับคนที่เข้ามาถึงสี่ครั้งแล้ว

            จนมาถึงช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา หนูได้รู้จักผู้ชายคนหนึ่งผ่านแอปฯ แล้วก็คุยกัน เลยได้แลก IG กัน หนูก็แอบอึ้งเพราะเขามีผู้ติดตามเยอะ และเป็นนักกีฬาระดับประเทศ มีหน้าตาดี จนเพจต่าง ๆ เอาไปลง และมีแฟนคลับสาว ๆ กรี๊ดเยอะ แรก ๆ หนูไม่ได้คิดอะไรมาก คุยกันตามปกติ แต่พอได้ลองพูดคุยจริง ๆ หนูกลับรู้สึกว่าเราเข้ากันได้ดีมาก ทั้งเรื่องฐานะ การงาน ปัญหาชีวิต รวมถึงความสัมพันธ์เก่า ๆ ของเขา เขากล้าเปิดใจและคุยกันจนหนูรู้สึกสบายใจมาก ไลฟ์สไตล์ก็ตรงกัน จนมันถึงในจุดๆนึงที่เขาอยากเจอหนู แต่ความรู้สึกเดิม ๆ ของหนูก็กลับมาอีก หนูเริ่มกังวล หนูรู้สึกไม่มั่นใจ ไม่พร้อม หนูก็เลยหาข้ออ้างมาเรื่อยๆที่จะไม่ไปเจอเขา เขาเองก็เริ่มรู้สึกไม่ดีที่หนูเป็นแบบนี้ สุดท้ายความสัมพันธ์เราก็เริ่มห่างกันไป ต่างคนต่างหาย

            หลังจากนั้น หนูลงสตอรี่แล้วเขาตอบกลับมา เราเลยกลับมาคุยกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้หนูรู้สึกว่าเราเข้าใจกันมากกว่าเดิม จนถึงจุดที่ต้องเจอกันอีกครั้ง แต่หนูยังไม่มั่นใจเหมือนเดิม หนูก็ยังคงหาข้ออ้างไม่ไปหาเขาเหมือนเดิม หนูกังวลเพราะเพื่อนของเขาสวยมาก สังคมเขาครบมาก หนูกลัวว่าตัวเองจะไม่ดีพอสำหรับเขา หนูกลัวผิดหวัง และสงสัยว่าทำไมเขาถึงมาชอบหนู ทั้งที่คนรอบตัวเขามีแต่คนที่ดูดีและสมบูรณ์แบบ หนูก็เลยอยากจะมาปรึกษาพี่ ๆ ว่า หนูควรทำยังไงถึงจะก้าวข้ามความรู้สึกนี้ไปได้? ถึงจะไม่เจอคนนี้ แต่พอไปเจอคนอื่นต่อไป หนูไม่อยากจะหนีเขาไปอีกแล้ว เพราะเราก็มีโอกาสมาอยู่ข้างหน้าแล้ว’

            เริ่มที่ “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าความไม่มั่นใจของหนูรุนแรงจนกลัวไปหมด อาจต้องลองปรึกษานักจิตวิทยา เพราะต่อให้หนูไปเจอเขา ก็ไม่มีอะไรการันตีว่าความสัมพันธ์จะราบรื่น และอย่ากังวลที่เขาจะมีแต่คนสวย ๆอยู่รอบตัว ผู้ชายไม่ได้ชอบผู้หญิงสวยทุกคน บางคนมองหาคนที่ใช่ และไม่ใช่แค่เขาที่เป็นฝ่ายเลือก หนูก็มีสิทธิ์เลือกเหมือนกัน แต่ถ้าความรู้สึกนี้มันฝังลึกจริง ๆ การพบนักจิตวิทยาอาจช่วยได้’

            ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ให้คำปรึกษาว่า ‘หนูต้องเลิกเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นก่อนเลย เพราะว่าไม่มีทางที่หนูจะสวยที่สุด ดีที่สุด รวยที่สุด เพราะทุกอย่างจะมีขั้นกว่าเสมอ ถ้าหนูเทียบตัวเองกับคนอื่นไปเรื่อย ๆ จะไม่มีวันพอใจในตัวเอง และโลกโซเชียลเต็มไปด้วยภาพที่แต่งมาแล้ว หนูต้องเป็น The Best Version of ตัวเอง และอย่าลืมว่า ถ้าหนูไม่มีอะไรดี ทำไมถึงมีผู้ชายสี่คนมาสนใจ?

            สุดท้าย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ในอีกมุมหนึ่ง คนที่ใช่สำหรับเรา ควรทำให้เรารู้สึกมีคุณค่า ไม่ใช่ทำให้เราด้อยกว่าคนอื่น บางทีหนูอาจเคยเจอคนที่ดีแล้ว แต่ไม่ได้ให้โอกาสเขา และลอง Social Detox ถ้าหนูรู้ว่าตัวเองเปรียบเทียบกับโซเชียลจนเป็นปัญหา การลดการใช้ลงอาจช่วยให้หนูรู้สึกดีขึ้น‘

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ผ่านมา 14 ปี ผมมีเรื่องสารภาพ ผมปิ๊งสาวเฝ้าร้านเกมเชียงใหม่ วันนั้นเข้าห้องน้ำ แต่ทำสายฉีดตกพื้น หัวฉีดหลุดน้ำสะบัดทั้งห้อง ตกใจจนลืมเช็ดตูด หันไปเห็นฟองน้ำล้างจานเลยหยิบมาเช็ด เช็ดเสร็จ ล้างวางที่เดิม กดชักโครก อ้าว ส้วมเต็ม

10 มิ.ย. 2024

ผ่านมา 14 ปี ผมมีเรื่องสารภาพ ผมปิ๊งสาวเฝ้าร้านเกมเชียงใหม่ วันนั้นเข้าห้องน้ำ แต่ทำสายฉีดตกพื้น หัวฉีดหลุดน้ำสะบัดทั้งห้อง ตกใจจนลืมเช็ดตูด หันไปเห็นฟองน้ำล้างจานเลยหยิบมาเช็ด เช็ดเสร็จ ล้างวางที่เดิม กดชักโครก อ้าว ส้วมเต็ม

ผ่านมา 14 ปี ผมมีเรื่องสารภาพ ผมปิ๊งสาวเฝ้าร้านเกมเชียงใหม่ วันนั้นเข้าห้องน้ำแต่ทำสายฉีดตกพื้น หัวฉีดหลุดน้ำสะบัดทั้งห้อง ตกใจจนลืมเช็ดตูด หันไปเห็นฟองน้ำล้างจานเลยหยิบมาเช็ดเช็ดเสร็จ ล้างวางที่เดิม กดชักโครก อ้าว ส้วมเต็ม ไปบอกน้อง จากนั้นผมก็ไม่ได้ไปร้านนั้นอีกเลย “คุณเกม (นามสมมติ)” อายุ 36 ปี สายสุดท้ายในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [5 มิ.ย. 67] ได้โทรเข้ามาสารภาพความผิดกับ ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปแล้วในอดีต ซึ่งผ่านมา 14 ปีแล้ว และวันนี้ก็มาถึง… วันที่คุณเกมได้ตัดสินใจอยากที่จะสารภาพความผิด! โดย ​“คุณเกม (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เมื่อ 14 ปีที่แล้ว ผมมักจะไปเล่นเกมที่ร้านหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งหนึ่งในเหตุผลที่ผมไปร้านนี้เป็นประจำ เพราะผมแอบชอบน้องผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นคนดูแลร้าน และในทุกครั้งที่ผมจะเข้าไปเล่นเกม ผมมักจะซื้อขนมขบเคี้ยวติดไม้ติดมือเข้าไปด้วยอยู่เสมอ ผมเป็นคนที่เมื่อกินเสร็จก็จะถ่ายเลยทันที เป็นเหมือนภารกิจประจำวันที่ผมจะทำทุกครั้งเมื่อมาที่ ‘ร้านเกม’ แห่งนี้ จนมีวันหนึ่งผมก็เข้ามาเล่นเกมตามปกติ ผมก็ปวดท้องจึงลุกไปเข้าห้องน้ำ หลังทำภารกิจเสร็จสิ้น ผมก็เอื้อมมือไปหยิบสายฉีดชำระ จังหวะที่หยิบขึ้นมา มือของผมดันไปปัดชนกับขอบผนัง สายฉีดชำระจึงหล่นลงพื้นเสียงดัง ปั๊ก… ทำให้ตัวจับของสายฉีดชำระแตก สายฉีดชำระจึงสะบัดน้ำกระจายไปทั่วทั้งห้องน้ำ ซึ่งน้ำมันแรงมาก ทำให้ความเปียกครอบคลุมทุกพื้นที่ ทั้งพื้นกระเบื้อง พื้นผนัง พื้นเพดาน รวมถึงตัวผมด้วย เปียกตั้งแต่เส้นผมจดถึงเท้า ในใจผมก็คิดว่า ผมควรจะทำยังไงดี ? เพราะผมยังไม่เสร็จธุระ และเท่าที่สมองผมจะคิดได้ ผมก็พยายามมองหาวาล์วปิดน้ำ แต่มันไม่มี! ผมเลยเลือกที่จะทนเปียก และลากสายอ้อมทางด้านหลังจากฝั่งขวามาฝั่งซ้าย เพราะทางฝั่งซ้ายมีรูท่อระบายน้ำอยู่ ผมจึงตัดสินใจ จุ่มหัวของสายฉีดชำระลงไปในรูท่อระบาย และใช้เท้าเหยียบสายกดเอาไว้ หลังจากนั้นผมก็สบายใจขึ้นที่จะไม่ต้องเปียกเพิ่ม แต่ผมลืมคิดไปว่า ผมยังไม่ได้ล้างก้น !? ซึ่งผมไม่สามารถใช้น้ำตรงนั้นได้เลย เพราะน้ำมันแรงมาก ทำได้เพียงแต่กดเท้าซ้ายไว้ ในใจก็ค่อนข้างกระวนกระวายมาก แต่ก็ต้องทำอะไรสักอย่าง เมื่อเงยหน้าขึ้นมา ผมก็เห็นอ่างล้างหน้าที่มีสก็อตไบรท์วางอยู่ ด้วยสถานการณ์ที่ผมเลือกอะไรไม่ได้ ผมคิดว่าจะต้องจัดการปัญหาให้เร็วที่สุด ผมจึงเอี้ยวตัวพยายามเอื้อมมือไปหยิบ ‘สก็อตไบรท์’ และพยายามที่จะเปิดน้ำที่อ่าง ทั้งที่ธุระของผมก็ยังค้างอยู่ ผมจึงเอาสก็อตไบรท์ชุบกับน้ำมาเช็ดก้น ซึ่งหลังจากเช็ดเสร็จ ผมก็ล้างทำความสะอาดสก๊อตไบรท์ และวางมันไว้ที่เดิม… หลังจากนั้นผมก็คิดว่า ผมจะทำอะไรต่อไปดี ? แม้ว่าผมจะทำธุระล้างก้นเสร็จแล้ว ผมก็ยังไม่สามารถลุกขึ้นได้ เพราะเท้าของผมยังเหยียบกับสายฉีดชำระอยู่ ผมจึงตัดสินใจถอดถุงเท้าข้างหนึ่ง และยัดอุดเข้าไปในรูท่อ เพื่อที่จะล็อคสายฉีดชำระกับรูท่อระบายไว้ด้วยกันได้ ซึ่งมันก็ได้ผล ! ผมจึงสามารถลุกขึ้นเพื่อที่จะแต่งตัว และทำการกดชักโครก เพื่อที่จะเคลียร์กับปัญหาตรงนี้ให้หมดไปได้สักที แต่เหมือนผมมีเคราะห์ซัดกรรมซัด… เพราะชักโครกมันตัน ซึ่งหลังจากที่ผมกดชักโครก ทำให้น้ำและสิ่งปฏิกูลตรงนั้นมันเอ่อล้นขึ้นมา ผมจึงรีบปิดฝาชักโครก และตั้งสติใหม่อีกครั้ง ผมเลือกที่จะไม่กดน้ำซ้ำ เพราะกลัวว่าครั้งนี้มันจะล้นออกมาข้างนอก หลังจากนั้นผมจึงจัดการกับตัวเอง สะบัดผมให้แห้ง รวมถึงบิดเสื้อผ้าให้หมาด ทำให้ทุกอย่างดูเป็นปกติที่สุด แต่เมื่อผมเดินเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ… ผมก็เจอกับน้องผู้หญิงคนนั้น ผมบอกกับเธอว่า ขอโทษครับ ห้องน้ำพัง… น้องผู้หญิงคนนั้นก็ทำหน้างุนงงใส่ผม แล้วก็เดินตรงไปเช็คที่ห้องน้ำ ด้วยความที่ผมกลัวความผิดและอับอาย จึงรีบเก็บของและออกไปทันที จากนั้นผมก็นำเหตุการณ์นี้มาเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนก็ถามผมว่า แล้วทำไมถึงไม่เอาสก็อตไบรท์ทิ้งไปใส่ถังขยะ !? ผมจึงตอบว่า ก็ตอนนั้นมันคิดไม่ทัน แล้วผมก็นึกขึ้นได้ว่า สก็อตไบรท์อันนั้น โดยปกติแล้ว น้องผู้หญิงคนนั้นน่าจะเอาไว้ใช้ล้างแก้วและจาน เพราะมันเป็นที่เดียวที่เธอสามารถจัดการกับภาชนะได้ ซึ่งหลังเหตุการณ์นั้นมันทำให้ผมรู้สึกผิดและฝังใจกับเรื่องนี้มาก ๆ เพราะผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่า ทำไมถึงไม่ทิ้งสก็อตไบรท์ไป ทำไมถึงเลือกที่จะทำความสะอาด เพื่อที่จะทำลายหลักฐาน หรือมันเป็นเพราะว่า ผมรนที่จะแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้า’ งานนี้ 3 ดีเจก็ให้ความคิดเห็นคล้ายกันว่า ‘เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคุณเกม มันทรหดและเป็นปัญหาเฉพาะหน้าจริง ๆ ซึ่งคนที่น่าสงสารที่สุดสำหรับเรื่องนี้ ก็คือ น้องผู้หญิงคนนั้น ไม่รู้ว่าตอนนั้นเธอได้ใช้สก็อตไบรท์ไปหรือเปล่า ?’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ไม่คิดว่าจะเป็นลุงตัวเอง ! ทำยังไงดีลุงหนูชอบทำตัวเป็น มนุษย์ลุง ด่าคนไปทั่ว พูดจาไม่ดี เคยไปร้านอาหาร นั่งหน้าพัดลม สั่งน้ำมูกกระเด็นติดคนด้านหลัง พอเขาเดินมาเตือน ก็ด่ากราดเขาอีก กลัวว่าสักวันเขาจะเจอคนจริงเข้า หนูควรเตือนหรือปล่อยไปเลย

31 พ.ค. 2024

ไม่คิดว่าจะเป็นลุงตัวเอง ! ทำยังไงดีลุงหนูชอบทำตัวเป็น มนุษย์ลุง ด่าคนไปทั่ว พูดจาไม่ดี เคยไปร้านอาหาร นั่งหน้าพัดลม สั่งน้ำมูกกระเด็นติดคนด้านหลัง พอเขาเดินมาเตือน ก็ด่ากราดเขาอีก กลัวว่าสักวันเขาจะเจอคนจริงเข้า หนูควรเตือนหรือปล่อยไปเลย

“คุณบิว (นามสมมติ)” อายุ 28 ปี สายที่สี่ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (29 พ.ค. 67) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจต้นหอม - ดีเจเติ้ล – ดีเจเผือก’ เกี่ยวกับปัญหาอยากตักเตือนมนุษย์ลุง โดย “คุณบิว (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูมีลุงคนหนึ่ง เป็นคนที่อารมณ์ร้อน บางครั้งการพูดของแกก็จะดูเป็นการบูลลี่คนอื่น แต่หนูก็ไม่รู้ว่าแกจะรู้ตัวหรือไม่ จนมีเหตุการณ์นึงที่หนูรู้สึกว่ามันหนักแล้ว เหตุการณ์ก็คือ เมื่อประมาณ 10 วันที่แล้วหนูไปงานแต่ง ซึ่งมีแม่ หนู และลุงอายุ 67 ปี ในงานจะนั่งโต๊ะจีน โต๊ะละ 10 คน สักพักนึงก็จะมีผู้หญิงอายุประมาณ 60 กว่าๆ มาขอนั่งแชร์โต๊ะด้วย นั่งข้างหนู หลังจากนั้นก็มีคนมานั่งเรื่อยๆจนครบ 10 คน และพิธีการก็เริ่มไป งานเลี้ยงตอนนั้นเป็นเวลาเที่ยงตรง ก็จะมีคนที่พ่อแม่ของบ่าวสาว ให้เกียรติขึ้นไปอวยพร ซึ่งก็เป็นผู้ใหญ่ที่เคารพ พออวยพรเสร็จ ปกติงานอื่นๆมีมอบของที่ระลึก แม่ก็เลยถามว่า เอ๊ะ งานนี้เขาไม่มอบหรอ เพราะว่าพอพูดเสร็จก็เชิญลงไปพักผ่อนเลย หนูก็เลยแบบ เขาคงลืมแหล่ะแม่ แล้วลุงหนูอยู่ๆก็พูดขึ้นมา เขาเชิญมาก็บุญแล้ว ที่เขายังให้ความสำคัญอยู่ หนูก็อึ้งมากเลย เพราะว่าแกพูดต่อหน้าคนบนโต๊ะ 10 คน ซึ่งหนูนั่งห่างกับแกที่มีแม่นั่งขั้นกลาง ยังได้ยินชัด แล้วหนูคิดว่าคนอื่นที่เป็นแขกในงานเขาก็ต้องรู้จัก ไม่พ่อก็แม่ของบ่าวสาว หนูก็แบบ อึ้งว่าแกพูดไปได้ยังไง แกก็ดูเหมือนไม่สลด หนูก็เลยหันไปบอกแม่ แม่ก็บอกลุงว่า พี่อย่าพูดแบบนั้น แล้วก็นั่งไปจนจบงาน หลังจากนั้นป้าคนที่นั่งข้างหนูเขาก็บอกว่า เดี๋ยวขอตัวก่อนนะคะ พอดีสามีโทรตามไปอีกงานแล้ว แล้วเขาก็เอียงตัวมาหาหนูพุูดเบาๆว่า สามีพี่คือคนที่ขึ้นไปอวยพรเมื่อตะกี้ แต่เขาจงใจพูดให้หนูได้ยิน คือหนูก็แบบ ทำยังไงดีนะ แล้วหนูก็เก็บเรื่องนี้จนถึงบ้าน แล้วอยู่ๆแม่ก็พูดกับลุงขึ้นมาว่า วันนี้พี่ไม่ควรพูดแบบนั้นเลย เพราะคนที่นั่งในโต๊ะเราก็ไม่รู้ว่าเป็นใครบ้าง แล้วลุงก็พูดเสียงดังด้วย หนูก็เลยเล่าประโยคที่ผู้หญิงคนนี้พูดกับหนูให้แม่ฟัง แล้วแม่ก็แบบ โอ๊ะ ตายละ และก็ยังมีเหตุการณ์พีคๆอีก วันนั้นหนูไปทานก๋วยเตี๋ยว หนูนั่งฝั่งเดียวกับแม่ ลุงแกนั่งตรงข้าม แล้วทีนี้พัดลมเป่าจากข้างหลังหนู แล้วเป่าไปก็ต้องผ่านแก แล้วแกมีอาการไอและเป็นหวัด ปกติเราก็ต้องเอาทิชชู่มาปิดตอนไอหรือเป็นหวัด แต่แกดันไอแล้วสั่งน้ำมูกไป แล้วลมมันก็พัดพอดี ไปโดนคนข้างหลัง แล้วคนข้างหลังก็เหมือนบ่นอะไรไม่รู้ แต่ประมาณว่า คุณสั่งน้ำมูกแล้วมันกระเด็นมาโดนฉัน แกเลยหันไปเหมือนจะหาเรื่อง ทำให้หนูอดกินก๋วยเตี๋ยวร้านนั้นไปครึ่งปี พอชวนลุงไปลุงก็บอกว่าไม่ไป ไม่อร่อย ไม่อยากกินร้านนี้ ไม่กล้าไปกินเลย หลังจากนั้นหนูก็มาคุยกับแม่ว่า ถ้าเราจะปล่อยลุงเป็นอย่างงี้ แล้วไม่รู้ว่าแกรู้ตัวมั้ยว่าการพูดเเบบนี้ทำให้คนที่อยู่ด้วยอึ้ง และคนที่ไม่รู้จักก็มองลุงไม่ดี แล้วถ้าวันนึงเจอคนที่เอาจริง เอาเรื่องมาจะทำยังไง หนูเลยบอกแม่ว่า หรือเราควรสะกิดเวลาที่ลุงมีพฤติกรรมแบบนี้ แม่หนูบอกว่า อย่าเลย แกดึงดัน เถียงไปก็ไม่ชนะหรอกลูก ก่อนหน้านี้เขาก็เป็น แต่เป็นน้อยกว่านี้ ภรรยาเขาก็มองเวลาเขาพูดแบบนี้ แต่ก็ตามๆ คือหนูอยากรู้ว่า หนูควรพูดเตือนใน ณ ขณะนั้นดี หรือว่า อยู่ๆไปพูดกับลุงทีหลัง มันจะแปลกๆมั้ยคะ’ ซึ่ง “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เป็นพี่ พี่ไม่พูด เพราะว่าพี่ไม่คิดว่าเขาจะเปลี่ยน และพี่ก็ไม่คิดว่า เขาจะมาเห็นความสำคัญของพี่ ที่เขาจะเปลี่ยนอะไร ถ้าเป็นแม่พี่ พี่จะพูด แต่นี่เป็นลุงพี่ไม่พูด พูดไปพี่คิดว้าเขาไม่เปลี่ยนนะถ้าทำมาขนาดนี้ ถามว่าเขารู้ตัวมั้ย พี่ว่าเขารู้แหล่ะ แต่เขาก็คือ ก็รู้แล้ว กูก็จะทำ จนกว่าเขาจะเจอของแข็ง เขา 67 ปี แล้ว ถ้าวันไหนเขาเจอของแข็ง มันก็จะเป็นบทเรียนของเขา ก็เพราะลุงทำตัวแบบนี้ไง เขาไม่ใช่คนไม่มีสติ กินเหล้าเมา หรืออะไรอย่างงี้ เขาพูด เขารู้ เขามีสติทุกอย่าง เพียงแต่มันเป็นนิสัยของเขาที่เขาปากไวแบบนั้น คนที่จะเตือนเขาก็คือเมีย และลูกเขา หรือไม่ก็แม่บิว สำหรับพี่คิดนะ บิวไม่จำเป็นต้องพูด นอกจากสมมติอย่างเรื่องก๋วยเตี๋ยว พี่คิดว่าบิวไม่ต้องไปยอมไม่ไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านนั้นนะ ถ้าจะไป แล้วทำไมลุงต้องมาห้ามไม่ให้หนูไปกินละ แล้วถ้าแกบอกว่า ”ก็วันนั้นลุงไปทะเลาะกับเขา“ เราก็บอกไปเลย ก็ลุงไปสั่งขี้มูกโดนเขา ลุงควรที่จะขอโทษเขาสิ แบบนี้ มันจะได้มีเรื่องที่ทำให้พูด แต่พี่จะไม่อยู่ๆไปพูดว่าแบบ ”ลุง หนูว่าลุงเป็นคนพูดไม่คิด“ พี่ว่าจังหวะมันไม่ได้ มันงงอะ และคิดว่าพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ เขาไม่แก้ไข’ ต่อด้วย “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ไม่คิดว่าพูดแล้ว จะมีผลดีขึ้นมา ไม่คิดว่าจะเปลี่ยนอะไรเขาได้ ยิ่งอายุเยอะจะยิ่งหนักขึ้นด้วย ถ้าอยากจะพูดจริงๆ ลองได้ แต่พี่ค่อนข้างอยากจะการันตีแทบจะ 100% ว่าจะไม่มีอะไรดีขึ้น ถ้าอยากพูด พูดหลังจากเหตุการณ์นั้นได้ แต่ไม่ใช่สดๆร้อนๆ รอออกมาจากร้านก๋วยเตี๋ยวก่อน ขึ้นรถแล้วพูดว่า พูดแบบนี้ไม่ได้นะ เดี๋ยวทัวร์ลงนะ เอาเป็นว่าคนรุ่นเราจะเปลี่ยนตัวเองยังยากเลย ขนาดเรารู้ว่าสังคมมันเป็นยังไง บางทีข้อเสียของเราก็ยังเปลี่ยนกันยากเลย นี่เขาอยู่มาจะ 70 ปี นิสัยมันคงฝังลึกไปแล้วแหล่ะ ยิ่งอายุเยอะมันจะคิดน้อย พูดมาก อย่าไปอยู่กับเขามาก เวลาเสียมันไม่ได้เสียที่เขาคนเดียว มันเสียทั้งตระกูล เสียทั้งกลุ่ม’ และสุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ให้คำปรึกษาว่า ‘ก็อย่างที่รู้เเหล่ะ ไม้แก่ดัดยาก แต่มันต้องพูดนะ บอกเขาว่า เอาวัน เดือน ปีเกิดของลุงไปดูมาละ ชาติที่แล้วลุงฆ่าเป็นอย่างทรมานเพื่อเอาปากเป็นมากิน ชาตินี้ปากลุงเลยไม่ดี ฉะนั้น เมื่อไหร่ลุงอยากเจริญ ลุงต้องพูดดีๆ แล้วไปหาลิปมันสาลิกาที่หมอดูเขาลงมาทาปากบอกเขาไปว่า ถ้าทาปากแล้วให้พูดแต่สิ่งดีๆ แล้วสิ่งดีๆจะเข้ามาหาตัวลุง บางทีเรื่องไสยศาสตร์ อาจจะช่วยได้ และไปไหนมาไหนกับเขาน้อยลง ให้เขารู่ว่าเขาไม่น่าคบหา’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

ผู้ชายออกตัวแรง จีบเก่ง ดูแลดี แค่ช่วงแรกๆ พอเราเริ่มจริงจัง คุยมาเดือนกว่าๆ เขาก็เทแรง ซ่อนสตอรี่IG บล็อกเบอร์ ติดต่อไม่ได้ หายไปเลย ครั้งหน้าถ้าเจอผู้ชายทรงนี้อีก จะทำยังไงดีคะ?

27 พ.ค. 2024

ผู้ชายออกตัวแรง จีบเก่ง ดูแลดี แค่ช่วงแรกๆ พอเราเริ่มจริงจัง คุยมาเดือนกว่าๆ เขาก็เทแรง ซ่อนสตอรี่IG บล็อกเบอร์ ติดต่อไม่ได้ หายไปเลย ครั้งหน้าถ้าเจอผู้ชายทรงนี้อีก จะทำยังไงดีคะ?

“คุณสอง (นามสมมติ)” อายุ 20 ปีกว่าๆ สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [22 พ.ค. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาไม่เข้าใจผู้ชายที่เข้ามาจีบ ตอนจีบก็จีบแรง แต่พอจะเทก็เทแรงเหมือนกัน… โดย “คุณสอง (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูคุยกับผู้ชายคนหนึ่งมาได้ประมาณเดือนกว่าๆ ผู้ชายคนนี้เขาแก่กว่าหนู ประมาณ 3 ปี บุคลิกของเขาจะเป็นคนที่ขี้เล่น ขี้หยอด จีบแรง เหมือนเพลย์บอยคนนึง แต่เขาก็จะมีมุมที่จริงจังเหมือนกัน เขาบอกกับหนูว่า เขาอยากจะมองหาความสัมพันธ์ที่ระยะยาว คนที่จะสร้างอนาคตไปด้วยกันได้ แล้ว ณ ตอนนั้น เขาก็บอกกับหนูอีกว่า หนูตรงกับคนที่เขาวางเอาไว้มากๆ เป็นคนที่ใช่เลย แล้วเขาก็เคยเล่าให้ฟังว่า ถ้าเกิดว่าเขาเจอคนที่ไม่ตรงกับภาพในหัวของเขา เขาก็จะเทเลย ในช่วงที่คุยกันเหมือนเขาจะรู้สึกอินกับหนูมากๆ ทั้งเสมอต้นเสมอปลาย ทั้งดูแล้วเขาก็ดูแคร์หนูมากๆ เลยด้วย มีอยู่วันนึง หนูมีนัดกับเพื่อนตอนค่ำๆ แล้วสรุปเพื่อนเทหนู หนูก็เลยทักแชทไปหาเขาว่า ว่างมั้ย แล้วเขาก็ตอบกลับมาว่า เขามีนัดกินข้าวกับที่บ้านแล้ว หนูก็เลยบอกว่า ไม่เป็นไร งั้นไว้นัดกันวันหน้าก็ได้ แล้วหลังจากนั้นเขาก็ปกติดีทุกอย่าง จนกระทั่งช่วงเวลาดึกๆ ของวันนั้นหนูส่งข้อความไปเขา เขาก็ไม่ตอบ หนูก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ เพราะปกติเวลาแบบนี้เขาจะตอบแชทหนู วันถัดไปหนูก็เลยส่งข้อความไปหาเขาอีก สลับกับโทรหา พยายามติดต่อเขาทุกช่องทาง แต่เขาก็ไม่ตอบข้อความแล้วก็ไม่รับสายโทรศัพท์ด้วย แล้วทีนี้เหมือนใน IG เขาจะ Hide ไม่ให้หนูเห็น Story เขาด้วย ที่หนูรู้ว่าเขา Hide เพราะโปรไฟล์เขาเป็นสาธารณะ มันก็จะมีเว็บไซต์ที่เอาไว้ส่องโปรไฟล์สาธารณะได้ แล้วดูว่าเขาลง Story อะไร เราก็แค่พิมพ์ชื่อแอคเคาท์ไปก็สามารถรู้ได้เลย แล้ววันนั้นที่เขาไม่ตอบแชท ไม่รับสายหนู แต่ใน IG เขาลง Story เยอะมาก คือหลังจากนั้นหนูก็มีทักไปหาเขาประมาณว่า เราขอ Unfollow แล้วกัน จนถึงตอนนี้ก็ไม่ได้พยายามทักอะไรเขากลับไป ส่วนเขาก็ไม่ได้มีทักอะไรหนูกลับมาเหมือนกัน มันเป็นความคาใจมากๆ เพราะก่อนหน้านี้หนูก็เคยเล่าให้เขาฟังว่า เคยเจอคนที่นิสัยเหมือนเขามากๆ แล้วเราก็โดนเทแรง ซึ่งตอนนั้นเขาก็รับฟัง แล้วก็ให้คำแนะนำดีมากๆ ดูเข้าอกเข้าใจ แต่มันกลับกลายมาเป็นว่าเขาเป็นคนทำซะเอง หนูก็เลยไม่เข้าใจคนแบบนี้มากๆ หรือมันมีอะไรในตัวหนูที่ไปทำให้เขาตัดสินใจหายออกไปจากชีวิตได้ไวขนาดนี้ วันนี้หนูมี 3 คำถามที่อยากจะปรึกษาพี่ๆ ดีเจ คำถามที่ 1. อยากรู้ว่าคนแบบอะไรที่มันทำให้เขาเปลี่ยนไปได้ไวขนาดนี้ ? คำถามที่ 2. เขาไม่ละอายคำพูดตัวเองบ้างหรอ เพราะสิ่งที่เขาทำกับสิ่งที่เขาพูดมันคนละเรื่องกันเลย? คำถามที่ 3. ถ้าเราเจอคนที่นิสัยประมาณนี้อีก เราจะรู้ได้ยังไงว่าเขามาหลอกเรา? งานนี้ “ดีเจเผือก” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘อะไรที่ทำให้เขาเปลี่ยนพี่ไม่รู้หรอก มันสารพัดเหตุผลถ้าแค่รู้ว่าเรา ไม่ใช่สำหรับเขาอีกต่อไปแล้ว ส่วนคำถามกล้าพูดได้ยังไง คนบุคลิกแบบนี้ไม่ละอายคำพูดตัวเองหรอ ช่วงการทำความรู้จักกันกับใครสักคนในช่วงแรกๆ เราก็จะพยายามทำให้อีกฝ่ายประทับใจกับสิ่งที่เราพูดอยู่แล้ว เพราะงั้นคำพูดที่อยู่ในช่วงนี้ก็อย่าไปนับ อย่าไปเชื่อมันมาก ให้ดูยาวๆ แล้วถ้าเจอคนประมาณนี้อีกทำยังไง ก็อยู่ที่ตัวเราว่า พร้อมจะเจ็บมั้ย ความรักคือการเสี่ยงอยู่แล้ว เราไม่มีวันรู้หรอกว่า คนทรงเดิม หน้าตาแบบเดิม เขาจะทำกับเราแบบเดิมมั้ย มนุษย์ถูกออกแบบมาไม่เหมือนกัน คนเรามีวิธีชิ่งจากใครสักคนหนึ่งในแบบที่แตกต่างกัน จงคิดในแง่ดีว่า อย่างน้อยเขาเด็ดขาดพอที่จะชัดเจน ไม่ก็คือไม่ หายก็คือหาย เพราะฉะนั้นจงคิดว่าเขาแฟร์กับเราแล้วนะ อาจจะไม่ได้บอกลากันดีๆ ก็เถอะ แล้วพี่ว่า 3 คำถามที่สองถามมา ขีดฆ่าไปได้เลย มันเป็นแค่ความสัมพันธ์ครั้งหนึ่งที่คนเราทำความรู้จักกัน แล้วมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่อยากจะไปต่อแล้ว แต่มันดันซวยมาเกิดขึ้นกับสอง คล้ายๆ กันถึง 2 ครั้งแล้ว ทำให้สองเสียความมั่นใจในตัวเอง เราทำอะไรผิดมั้ย หรือในทางกลับกันไปโทษอีกฝั่งหนึ่งว่า ทำไมฉันต้องเจอคนอย่างเธอ แต่ทั้งหลายทั้งมวลแค่ ถ้าสองตั้งสติแล้วบอกกับตัวเองว่า คน 2 คนที่คุยกันแล้วมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตัดสินใจไม่เดินต่อ ก็คือจบ เราก็แค่เริ่มมองหาความสัมพันธ์ใหม่ แล้วก็เสี่ยงวัดดวงกันใหม่ ชีวิตมีเท่านี้เอง แค่ยอมรับความจริงว่า “เออเทก็เท” มันโชคร้ายที่คน 2 คนรู้สึกไม่เท่ากันแค่นั้นเอง เราเลยพยายามที่จะหาคำตอบแวดล้อมเพื่อให้การโดนเทครั้งนี้มันชอบธรรมสำหรับเรามากขึ้น สุดท้ายแล้วมันก็ไม่มีประโยชน์ ต่อให้มีความรักครั้งที่ 15 16 มันก็ยังต้องเสี่ยง ปัญหาบางอย่างอาจจะไปเกิดตอนคบกันก็ได้ สุดท้ายมันคือการเดิมพัน มันอีกเยอะอ่ะ เราอยู่แค่สเตจแรกแล้วมันไม่สมหวังแค่นั้นเอง มันยังเหลืออีกหลายสเตจเลยสอง ต่อให้ไม่ทิ้งไม่เทกันก็เถอะ อยู่กันไป แล้วเกิดการด่าทอ ตบสองทุกวัน อย่างงี้เอามั้ยล่ะ เทียบกับคนนี้ที่เขาชัดเจนว่า ไม่ใช่ก็ไป แยกย้ายจบ อย่าไปคิดว่าเราโชคร้าย อย่าไปคิดว่าฉันไม่ดี มีคนที่โชคร้ายในความรักหนักกว่าเราอีกเยอะเลยสอง ถ้าโชคดีแล้วล่ะที่ทุกอย่างมันจบภายในเดือนหนึ่งอ่ะ ให้เธอได้มีเวลา ให้เธอยังไม่ได้ผูกพันมาก แล้วก็ให้เธอได้ตั้งหลักพอที่จะหาใหม่’ ต่อด้วย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เท่าที่ฟังพี่ว่าสองเป็นคนที่อินกับคนง่ายมากเลยนะ ยิ่งถ้าหนูเจอในออนไลน์อีกก็คือไม่ต้องสงสัยเลย อะไรทำให้เขาเปลี่ยนไป อันนี้พี่ไม่รู้เลย คือเขาไม่ชอบหนู หนูไม่ใช่ไทป์เขาแล้ว เขามีอีกคนที่ดูไว้อยู่ อะไรก็เกิดขึ้นได้ ถ้าเขาคิดจะทิ้งหนู แต่พี่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่มันเป็นไปได้หมดทุกอย่าง คนที่บุคลิกแบบนี้ทำไมไม่ละอายคำพูดตัวเอง พี่ก็ไม่รู้อีก คนปกติก็มีแบบนี้ ยิ่งคนในออนไลน์เรื่องแบบนี้ยิ่งปกติสุดๆ มันอยู่ที่กมลสันดานของแต่ละคนด้วย บางคนก็อาจจะพูดไปเพราะเขาอยากได้เรา ให้เราชอบเขา เขาก็พูดไปก่อน สักพักไม่ชอบแล้วเขาก็เทเลย หรือบางคนอาจจะมีปมอะไรก็ได้หมดเลย เช่นเดียวกันพี่ก็ตอบไม่ได้ ถ้าเจอคนประมาณนี้อีกทำไง อย่างแรกที่พี่อยากจะแนะนำถ้าจะคุยผ่านออนไลน์ อย่าอินคนง่าย ต้องดูเขานานๆ มันมีคนดีแน่นอน แต่มันมีคนไม่ดีเยอะมาก อย่างแรกที่พี่ขอก็คือ 1.อย่าอินเกิน 2.ทำใจ เพราะว่าเจอแบบนี้ปกติสุดๆ 3.ถ้าอยากจะมีความรักก็ต้องยอมรับว่าเราต้องเจอคนแบบนี้เต็มไปหมดเลย ไม่ว่าจะออนไลน์หรือว่าจะในชีวิตจริง แต่ว่าถ้าวันหนึ่งมันมีคนดีจริง เดี๋ยวมันก็มีคนเข้ามาหาเราต้องรีบ อย่าไปลดคุณค่าตัวเอง อย่างที่พี่เผือกบอก ก็แค่หนึ่งคนที่คุยแล้ว มันไม่คลิกก็ไป ไม่ต้องไปตั้งคำถามมันเสียเวลา ยิ่งกับคนออนไลน์ เราหาใหม่ได้เลย’ สุดท้าย “ดีเจต้นหอม” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ตอบคำถามแรกอะไรที่ทำให้เขาเปลี่ยนไป เขาอาจจะไม่ได้เปลี่ยนไปก็ได้ เขาอาจจะเป็นคนแบบนั้นอยู่แล้ว แล้วก็เขาก็ออกตัวแล้วนะว่า ถ้าไม่ใช่เขาก็เท แปลว่า ความสัมพันธ์ยังอยู่ในช่วงของการดูใจ แล้วก็สองแค่ไม่ใช่สำหรับเขาอีกต่อไป พอไม่ใช่เขาก็ไป คือเดือนหนึ่งโดนเทโดยที่ตัดขาดเลยอ่ะ ไม่น่าเกลียดนะเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าคุยกันมานานๆ แบบ 5 - 6 เดือนเกิดความผูกพันกัน แล้วเขาจะเทถ้าเป็นผู้ชายดีๆ เขาก็จะบอกเลยว่า ขอลดระดับความสัมพันธ์ ก็จะมีคำพูดดีๆ แบบนี้ แต่ถ้าแค่เดือนเดียวมันไม่ใช่แค่ผู้ชาย ถ้าเป็นพี่ พี่ก็เทเพราะมันไม่ใช่ มันเป็นช่วงเวลาที่ไม่จำเป็นต้องแคร์กัน ส่วนทำไมไม่ละอายคำตัวเอง ก็อย่างที่พี่เผือกบอกเลย มันเป็นช่วงเวลาของการทำคะแนน ช่วงนี้อะไรมันก็ดีไปหมดแหล่ะ มันอยากได้อ่ะเนอะ บางคนก็มาเพื่อแบบหลอกฟันก็มี พอได้แล้วก็เลิก หรือช่วงนั้นเขาอาจะรู้สึกแบบ แฮปปี้ฉันอยู่กับเธอแล้วมีความสุข เพราะมันเป็นช่วงของการหลงใหลอยู่ไง แล้วพออยู่ไปนานๆ แล้วมันไม่ใช่ พอไม่ใช่เขาก็ไม่จำเป็นต้องแคร์ ทำยังไงถ้าเจอคนประมาณนี้อีก เป็นสิ่งที่เราก็ต้องใช้เวลาในการเลือกเยอะๆ ไม่ให้ใจใครง่ายๆ วิธีการเช็คก็เข้าไปตรงแพลตฟอร์มเขา อย่างเช่นใน IG ผู้ชายคนนี้สนใจเรื่องอะไร ถ้าใน Followers มีแต่ผู้หญิงเซ็กซี่ๆ ก็มีความสุ่มเสี่ยงที่จะเป็นผู้ชายเจ้าชู้ หรือผู้ชายที่ชอบเซลฟี่หน้าตัวเองแล้วทำหน้าเซ็กซี่ๆ อันนี้ต้องการเรตติ้ง หรือถ่ายบอดี้ตัวเองที่แบบหุ่นดีๆ พยายามพรีเซ้นท์ความเซ็กซี่ของตัวเอง คนเหล่านี้มีความสุ่มเสี่ยง ไม่ได้บอกว่าเขาไม่ดี หรือไม่ได้บอกว่าเขาไม่ใช่ แต่ผู้ชายเหล่านี้สุ่มเสี่ยงที่จะบริหารเสน่ห์มีความเป็นไปได้ ฉะนั้นถ้าเราเจอคนประเภทนี้ เราอาจจะค่อยๆ ที่จะเรียนรู้กันไป ยังไม่ต้องรีบเท่านั้นเอง โดยสรุปเลยก็คือว่า สิ่งที่โดนเทมาไม่ใช่เรื่องแปลก แล้วตัวสองเองก็สามารถที่จะเลือกคนใหม่ได้ แล้วถ้ามันไม่ใช่ก็สามารถเทแบบนี้ได้เหมือนกัน ไม่น่าเกลียด ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันอย่าไปย้อนดูว่า ตอนนั้นทำไมเขาพูดดีกับเราจัง อันนั้นเป็นช่วงเวลาที่อยากได้ คือมันต้องเจอคนเยอะๆ เจอคนบ่อยๆ ถึงจะประเมินได้โดยเบื้องต้นว่า คนนี้ไม่ธรรมดา คนนี้เจ้าชู้ มันจะมีการกระทำอะไรบางอย่าง ให้วัดที่การกระทำ ไม่ใช่วัดที่คำพูด’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หัวหน้างานมาจีบหนูก่อน จากนั้นเราก็รู้สึกดี รู้ตัวอีกที สายปริศนาโทรมาที่ทำงาน เป็นภรรยาเขา หนูตกใจ เป็นมือที่สามไม่รู้ตัว เลยลาออก หัวหน้าลาออกด้วย หนูได้งานใหม่ แต่เขายังไม่ได้งาน ทักมาขอยืมเงิน 2-3 รอบ

27 ก.ย. 2024

หัวหน้างานมาจีบหนูก่อน จากนั้นเราก็รู้สึกดี รู้ตัวอีกที สายปริศนาโทรมาที่ทำงาน เป็นภรรยาเขา หนูตกใจ เป็นมือที่สามไม่รู้ตัว เลยลาออก หัวหน้าลาออกด้วย หนูได้งานใหม่ แต่เขายังไม่ได้งาน ทักมาขอยืมเงิน 2-3 รอบ

หัวหน้างานมาจีบหนูก่อน จากนั้นเราก็รู้สึกดี รู้ตัวอีกที สายปริศนาโทรมาที่ทำงานเป็นภรรยาเขา หนูตกใจ เป็นมือที่สามไม่รู้ตัว เลยลาออก หัวหน้าลาออกด้วย หนูได้งานใหม่แต่เขายังไม่ได้งาน ทักมาขอยืมเงิน 2-3 รอบ พอหนูทวงไป สองสามีภรรยานั้นบอกว่า "จะฟ้องหนูในฐานคบชู้" “คุณตาล (นามสมมติ)” อายุ 28 ปี สายที่ 2 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [25 ก.ย.67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาเพิ่งรู้ตัวว่าเป็นมือที่ 3 โดย “คุณตาล (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูมีแฟน ซึ่งฝ่ายชายเป็นหัวหน้าที่เคยทำงานอยู่ด้วยกัน เเล้วทีนี้เขาได้เข้ามาจีบ จีบกันไปมา ๆ ศึกษาดูใจกันประมาณ 2 เดือน ก็เลยตัดสินใจคบกับเขา ตอนนั้นยังไม่ได้ทราบว่าฝั่งผู้ชายมีภรรยาอยู่แล้ว เพราะเขาก็ประกาศปาว ๆ ที่ทำงานว่าโสด ไม่มีครอบครัวใด ๆ ทั้งสิ้น ตอนเเรกหนูไม่ทราบว่าเขาจดทะเบียนสมรส มารู้หลัง ๆ ก็คือตอนที่จะตัดความสัมพันธ์กับเขาเเบบจริงจัง เเล้วพอคบกับเขามาซักพักนึง เขาก็คุยเหมือนเรื่องจะไปออกรถกับบ้านเขา เขาก็กลับบ้านของเขาบ่อย ๆ เราก็ไม่ได้ติดใจอะไร เราก็ทำงานของเราอยู่ปกติ พอซักพักนึง มันมีสายโทรเข้ามาในระหว่างที่เขากลับมา พอผู้หญิงโทรเข้ามา เขาก็บอกว่า “ไม่รู้หรอว่าฝั่งผู้ชายเขามีครอบครัวอยู่เเล้ว” เราก็ช็อค เลยจะพยายามตัดความสัมพันธ์ตั้งเเต่ตอนนั้น ช่วงเเรกก็ไม่ได้กลับมาบ้านตัวเอง พยายามหนีไปนอนที่อื่น ไปเช่าโรงเเรมบ้าง ไปนอนบ้านเเม่บ้าง เเต่ก็ได้ยินข่าวว่าเขาตามมา เหมือนจะตามง้อ ก็เป็นอีหรอบเดิมก็เลยยอมคุยกับเขา ฟังเรื่องราวเขาก่อน เพราะเหมือนต้องทำงานด้วยกันอยู่เเล้ว เวลาไปทำงานมันต้องเจอกันอยู่เเล้ว เเต่ตอนเย็นก็พยายามไม่กลับไปที่ที่เราอยู่คนเดียว ไม่ให้เขาคุยกับเรา 2 ต่อ 2 ได้ มันก็มีช่วงที่เขาให้เพื่อนที่ทำงานมาคุยกับเรา ประมาณว่า “ขอคุยหน่อย มีเรื่องต้องเคลียร์ เราเข้าใจผิด” เราก็เลย อ่ะถ้างั้นก็ลองฟังดูว่าเรื่องเป็นอะไรยังไง เขาก็มาอีหรอบประมาณว่า “จะเลิกกันนั่นนู่นนี่โน่น” ตามสเต็ปผู้ชาย เหมือนพยายามง้อเรากลับไป เราก็เลยใจอ่อนเเล้วก็เชื่อคำพูดเขาด้วย ช่วงที่อยู่ด้วยกันมา ช่วงที่ตัดสินใจกับเขาต่อ ฝั่งผู้หญิงภรรยาเขาก็ไม่ได้โทรมา ก็เลยคิดว่าสงสัยเป็นเรื่องจริง ฝั่งผู้หญิงน่าจะไม่ยอมจบรึเปล่า? จนมีวันนึงที่เขาก็มาอยู่บ้านของหนู เเล้วก็มีผู้หญิงโทรมาถามว่า “ยังอยู่ด้วยกันหรอ?” ผู้ชายเลยส่งข้อความในโทรศัพท์ของหนูไปประมาณว่า “ก็คุยกันเเล้วไงว่าเลิกกันเเล้ว” หนูก็เลยเข้าใจว่าเลิกกันเเล้วจริง ๆ เเต่ทีนี้ตั้งเเต่รู้มา ก็พยายามที่จะปลีกตัวเเละตัดความสัมพันธ์มาโดยตลอด เเต่มันมีเรื่องเงิน เรื่องทอง ซึ่งตอนนั้นข่าวลือที่ว่าหนูคบกับเขามันก็เริ่มเเพร่กระจายในหมู่หัวหน้างานของเขา พอหัวหน้างานของเขารู้ รู้จากภรรยาของเขาที่โทรไปบอก โทรไปแจ้งฝั่งหัวหน้างาน เขาก็โดนเรียกเขาเข้าไปคุยว่าให้หยุดพฤติกรรมแบบนี้ซะ เขาก็เหมือนไม่ยอมรับ บ่ายเบี่ยงไป พอไม่ยอมรับปุ๊บ เหมือนหนูมันอายไปแล้ว มันทำงานไม่ได้ เพราะหนูก็เสื่อมเสียชื่อเสียงในตรงนี้ไปด้วย ก็เลยตัดสินใจที่จะลาออก บวกกับมีปัญหาเรื่องงานนิดหน่อย พอลาออกปุ๊บเขาก็ลาออกตาม หนูไม่เคยเช็คโซเชียลเขาเลย ปกติเป็นคนทำงานก็คือทำงาน หลุดอยู่ในโลกงาน สนใจเเต่ชีวิตตัวเอง ชีวิตครอบครัว กับผู้ชายพูดตรง ๆ ว่าไม่ได้โฟกัสเลย พอหลุดเข้ามาก็เป็นแบบนี้เลย เเล้วมันไม่ได้เป็นเเค่เคสเขา ปกติคบเพื่อนผู้ชายเยอะอยู่เเล้ว พอมีข่าวนี้หลุดรอดไป เหมือนฝั่งเเฟนของเพื่อนผู้ชายเขาก็ไม่ไว้ใจเรา ถึงขั้นโทรมาที่ทำงานใหม่ว่าทำไมต้องไปกินข้าวตอนกลางคืนกับเพื่อนผู้ชายที่เป็นเเฟนเขา หนูก็คุยกับฝั่งผู้หญิงเเล้วเขาก็บอกว่า “อ่าว เเล้วคุณออกจากที่ทำงานเก่าเพราะอะไร” หนูก็โมโหละบอกว่า “อย่าเอาความผิดพลาดครั้งเดียวของชีวิตชั้น มาตัดสินชีวิตคนทั้งชีวิต” เลยทำให้หนูรู้สึกว่าครั้งเดียวมันเสียไปหมดเเม้กระทั่งเพื่อนที่คบมาประมาณ 4-5 ปี ระหว่างที่ลาออกตามฝั่งผู้ชายเขาก็ไม่ได้หางานจนกระทั่งปัจจุบัน ส่วนหนูได้งานทำมาเเล้ว พอได้งานทำมาเเล้วฝั่งเขาก็มายืมเงินหนูตั้งเเต่ช่วงเเรก ๆ ยืมเป็นเรทไม่เยอะ ไม่ถึงหมื่น พอหลัง ๆ มาหลังจากที่ลาออกมา ไม่มีงานทำ เขาก็เลยโทรมายืมหนูอีกเรื่อย ๆ หนูก็สงสาร เพราะเขาส่งเเมสเสจพูดเหมือนไม่มีเงินกินข้าว เเล้วก็ไม่มีเงินค่ารถนั่นนี่โน่นของเขาเต็มไปหมด หนูก็เลยช่วยเขาไป พอนานเข้า ๆ หนูเริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่ละ เพราะว่าตอนที่เขามาหาที่ต่างจังหวัด พอเขากลับไปก็บอกว่าไม่อยู่กับฝั่งภรรยาเขาเเล้วนะ เเต่อาจจะต้องคุยกันเรื่องลูกไรงี้ เขากับฝั่งนู้นเขาก็บอกอยู่บ้านเดียวกันเเต่คนละชั้น ที่ฝั่งนู้นย้ายออกไม่ได้เพราะเกี่ยวติดพันธ์เรื่องลูก หนูก็เลยคิดประมาณว่าถ้าอย่างงั้น หนูเลยคุยกับเขาเป็นลายลักษณ์อักษร ถ้าเขาจะยืมเงินจะคืนได้เมื่อไหร่อะไรยังไง เเล้วมันก็มีช็อตนึงที่เขายืมเงินหนูไปเยอะมาก ซึ่งทำให้หนูเดือดร้อน พอเดือดร้อนหนูก็ทักไปถามเขา หนูโมโหมากเพราะหนูเพิ่งมารู้ว่าเขาไปเที่ยวกับภรรยาะขาที่ต่างประเทศ เเละหนูพยายามโทรมาผู้ชาย เเต่เขาปิดเครื่องไปแล้ว หนูก็เลยทักไปหาภรรยาเขาว่า “เห็นผู้ชายคนนี้มั้ย พอดีหนูติดต่อเขาไม่ได้ หนูต้องการให้เขาโอนเงินคืนจำนวนนี้ที่คุยกันไว้” ฝั่งผู้หญิงก็พิมพ์ด่าหนูฉ่ำมาก ประมาณว่า “ก็ให้ยืมเอง ก็ไปทวงกับเขาเองสิ จะมายุ่งอะไรกับชั้น ชั้นบอกชั้นเตือนเธอเเล้วว่าผู้ชายคนนี้เป็นยังไง” เเต่ทั้งที่เขาอยู่ด้วยกัน หนูก็เลยไม่ได้อ่านอะไรเยอะ หนูก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรเเละบอกว่า “ดูเเลกันดี ๆ นะคะ แต่ถ้าติดต่อกันได้ก็รบกวนบอกผู้ชายโอนเงินคืนหนูหน่อย หนูมีธุระต้องใช้” พอเขากลับมาจากไปเที่ยวซักประมาณอาทิตย์นึงเขาก็ติดต่อกลับมา หนูก็เลยถามว่า “สรุปจะเอายังไง จะโอนคืนมั้ย” เขาก็บอก “โอนคืนเเต่ต้องขึ้นมาเอา ผมอยากเจอคุณครั้งสุดท้าย” หนูก็เลยยอมไปเจอเขาเเต่ก็ยังไม่ได้คืนเหมือนเดิม เพราะตอนไปเจอเขาก็มาง้อหนูอีก อ้างว่าที่ไปเที่ยวก็เพราะลูก ซึ่งตอนนั้นหนูก็ใจอ่อน เเล้วก็กลับไปคุยกับเขาเรื่อย ๆ ละมันเหมือนเราโง่ซ้ำซอก กลับไปอีหรอบเดิม มันมีหลายช็อตที่เขาทะเลาะกันกับภรรยาว่า “ก็ผมไม่ได้เลือกคุณตั้งเเต่เเรกไง เเล้วผมก็ไม่ได้ให้ความหวังคุณ ที่อยู่กับคุณก็เพราะลูก อยากทำให้ครอบครัวมันเป็นพ่อแม่เเละลูก เเต่ถ้าผมไปให้ความหวังคุณผมก็ขอโทษ” เขาก็พูดกับภรรยาเขาประมาณนี้ เเต่ตอนนี้หนูกับเขาตัดสัมพันธ์เหมือนไม่ได้คุยกันซักระยะนึง หลายเดือนเเล้ว หนูก็เลยทักไปทวงเขาใหม่ พอไปทวงเขาใหม่เขาก็เหมือนประมาณว่าไม่ยอม จะให้ภรรยาเขาฟ้องชู้หนูกลับมา หนูก็บอกเขาว่าถ้ายังไม่มีความคืบหน้าอะไรใด ๆ หนูจะขอดำเนินทางกฎหมายนะ เพราะหนูก็ไม่ยอมแล้ว ห็ขู่เขาไป เเต่ที่จริงในใจหนูไม่ได้ทำแบบนั้นหรอก ในใจก็รู้สึกผิดต่อภรรยาของเขาด้วย ก็เลยคิดว่าอีเงินก้อนนี้อ่ะเหมือนจะให้เขาไปเลย ตอนนี้หนูปรึกษาฝั่งทนาย เขาก็บอกว่ามันไม่เหี่ยวกัน เราก็พยามตัดความสัมพันธ์มาโดยตลอด ก็เลยอยากถามพี่ ๆ ดีเจทั้งสามคนว่า หนูควรจะปล่อยไปเลยดีมั้ย หรือว่าหนูควรต้องทำยังไงดี?’ ซึ่งดีเจทั้งสามคน (ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม) ก็ได้ให้คำปรึกษาว่าไปในทิศทางเดียวกันว่า ‘ยกให้เขาไปเลย ก็ถ้าฟ้องก็ต้องจ่ายมากกว่ายอดที่จะได้คืน โอกาสได้คืนคือต้องไปฟ้องร้องอย่างเดียวโดยที่เราไม่รู้ด้วยว่าจะชนะมั้ยด้วยซ้ำ เราเจออย่างงี้มันก็เเค้น เเต่ถ้าเราเดินสู้ต่อไปอ่ะมีโอกาสชนะมั้ยมันยากไง ถ้าเเพ้กลายเป็นเเค้นหนักคูณ 2 เข้าไปอีก เงินที่เสียไปเสียดายมั้ย เสียดาย เข้าใจเลย เเต่มันคือค่าโง่ที่ต้องจ่าย โง่มากจ่ายมาก โง่น้อยจ่ายน้อย เขามาเอาหลายรอบเเปลว่าครั้งเเรกก็เข็ด จนมีครั้งต่อไป ๆ ฉะนั้นพี่รู้สึกว่าเงินที่เสียไป ซื้อผู้ชายเลว ๆ ให้ออกไปจากชีวิตยกให้มันไป คุ้มกว่าไปฟ้องร้องมัน ถ้ามองอีกมุมคือเป็นบทเรียนให้ชีวิต เเละจำสิ่งนี้ไว้เป็นบทเรียน ต่อให้คบใคร เรื่องเงินเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ครั้งหน้าให้ระวัง คิดซะว่าบทเรียนนี้ทำบุญเเละก็ซื้อประสบการณ์ให้ตัวเอง’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1