สิ่งที่หนูเจอจาก HR บริษัท! เอาเงินค่าคอม ค่าOT พูดให้พนักงานคนอื่นฟัง ได้เยอะขนาดนี้ แบ่งเพื่อนๆบ้าง เคยเรียกไปรับเงินที่ห้องยื่นซองให้แล้วพูดว่าเมื่อคืนทำดีมากป๋าให้ค่าตัว พีคสุดงานประกาศรางวัลพนง. หัวหน้าชมเราบนเวทีเขาตะโกน“โกหกทั้งนั้น!”

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

สิ่งที่หนูเจอจาก HR บริษัท! เอาเงินค่าคอม ค่าOT พูดให้พนักงานคนอื่นฟัง ได้เยอะขนาดนี้ แบ่งเพื่อนๆบ้าง เคยเรียกไปรับเงินที่ห้องยื่นซองให้แล้วพูดว่าเมื่อคืนทำดีมากป๋าให้ค่าตัว พีคสุดงานประกาศรางวัลพนง. หัวหน้าชมเราบนเวทีเขาตะโกน“โกหกทั้งนั้น!”

02 พ.ค. 2025

สิ่งที่หนูเจอจาก HR บริษัท! เอาเงินค่าคอม ค่าOT พูดให้พนักงานคนอื่นฟัง ได้เยอะขนาดนี้

แบ่งเพื่อนๆบ้าง เคยเรียกไปรับเงินที่ห้องยื่นซองให้แล้วพูดว่าเมื่อคืนทำดีมากป๋าให้ค่าตัว

พีคสุดงานประกาศรางวัลพนง. หัวหน้าชมเราบนเวทีเขาตะโกน“โกหกทั้งนั้น!” HR ทำแบบนี้ควรปรึกษาใครแทนคะ?

              “คุณหนู(นามสมมติ)” อายุ 23 ปี สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [30 เมษายน 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล – ดีเจพี่อ้อย” เกี่ยวกับปัญหารุ่นพี่ที่ทำงานไม่ให้เกียรติกัน

             โดย “คุณหนู (นามสมมุติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูอายุ 23 ปี งานนี้เป็นงานเเรกที่หนูได้ทำหลังจากเรียนจบ เเต่ก็ได้มีปัญหากับพี่ฝ่าย HR ที่บริษัท เขาค่อนข้างที่จะพูดจา Sexual Harassment กับหนูตลอดเวลา ในตอนเเรกๆเขาก็ทักทายกับหนูดี ครั้งเเรกที่เขาพูดจาเเบบนั้นคือตอนที่หนูต้องไปรับเงินจากเขา พอรับเงิน เขาก็พูดกับหนูว่า เมื่อคืนทำดีมาก อะ ป๋าให้ค่าตัว เขาพูดเเบบนี้ในที่สาธารณะ เเล้วอีก 2 วันต่อมาหนูก็เอาเงินทอนไปให้เขา เเล้วเขาก็พูดอีกครั้งว่า เอาไปเถอะ ค่าตัวหนู

             ในเหตุการณ์ต่อมา คือ เขาพูดเรื่องเงินเดือนของหนูต่อหน้าทุกคน เพราะว่าหนูก็ได้ค่าคอม ค่าทำ OT ค่อนข้างพอสมควร เเล้วเขาก็พูดว่า ทำไมไม่เเบ่งให้คนอื่นบ้าง เอามาเเบ่งให้พี่บ้างสิ อีกครั้งนึงก็คื อ ตอนที่หนูต้องขึ้นไปเอาเอกสารกับเขา เขาก็พูดเเซวเล่นว่า เออนี่เอาใบลาออกให้มันหน่อยสิ อยากให้มันลาออกละ มันไม่สวย หนูก็เลยตอบไปว่า อ้าวพี่อย่าพูดเเบบนี้นะ หนูต่อยเป็นนะ เขาก็ตอบว่า มึงมาต่อยสิ เดี๋ยวกูต่อยท้อง หนูก็ตอบไปอีกว่า อ้าวพี่ นี่มันข่มขู่พนักงานเเล้ว เเต่หนูก็ตกใจกับสิ่งที่เขาตอบมาอีกว่า กูไม่ได้ข่มขู่ กูจะข่มขืนด้วย เเละหนูไม่เคยได้ยินว่าคนอื่นโดนเเบบนี้เหมือนกับหนูบ้างไหม

       เเต่อีกเหตุการณ์นึงที่ทำให้หนูรู้สึกว่าทนไม่ไหวเเล้ว คือ ตอนที่หนูได้รับรางวัลนึง ที่เป็นเหมือนกับความภาคภูมิใจของหนู ตอนที่หัวหน้ากำลังชมหนูอยู่บนเวที HR คนนั้นก็ตะโกนขึ้นมาว่า โห่ๆ ไม่จริง ซึ่งครั้งนี้หนูก็ได้เเสดงสีหน้าออกไปชัดเจนเลยว่าไม่พอใจ ทั้งโกรธ ทั้งเสียใจ เเละพอหนูลงจากเวทีมา เขาก็เดินเข้ามาพูดอีกว่า โห่ไม่จริงเลย โกหกทั้งนั้น หนูเลยถามเขากลับไปเลยว่า พี่พูดว่ายังไงนะ เขาก็ตอบว่า ป่าว ไม่มีอะไร พี่พูดกับคนอื่น เเต่ก็มีเเบบยิบย่อยอีก ประมาณว่าอีกครั้งที่หนูขึ้นไปเอาเอกสาร เขาก็ทักหนูว่า อุ้ย สิวขึ้นหรอ เเฟนไม่พาไปเที่ยวหรอ หรือบางครั้งที่หนูต้องรบกวนให้พี่เขาส่งเอกสารให้ เขาก็จะพูดว่า พี่ไม่ส่งให้คนมีผัวหรอกนะ เป็นเเบบนี้ตลอดที่หนูต้องเจอเขา

             ซึ่งหนูก็ได้เเจ้งหัวหน้าของหนูไปเเล้ว เเต่หัวหน้าหนูบอกว่า เพราะหนูเป็นคนน่ารัก น่าเอ็นดู เขาเลยเเซว เเกล้งเล่น หัวหน้าหนูเขาเป็นคนต่างชาติ เลยคิดว่าอาจจะสื่อสารไม่ตรงกันรึป่าว จนอีกครั้งนึงที่หนูไม่ไหวจริงๆ หนูเลยร้องไห้ บอกหัวหน้าไปเลย พอหัวหน้าได้ไปคุย เขาก็เดินมาหาหนู เเล้วเขาก็พูดว่า ไหนใครทำน้องสาวพี่ร้องไห้เนี่ย หลังจากครั้งนั้นเขาก็ไม่เคยที่จะเเซวหนูอีกเลย เเต่กับตัวหนู มันทำให้บรรยากาศในการทำงานของหนูเสียไปเลย หนูเลยอยากปรึกษาพี่ๆดีเจว่า ถ้าหนูต้องเจอกับเหตุการณ์เเบบนี้อีก หนูควรที่จะปกป้องตัวเองยังไงคะ? หรือเป็นเพราะหนูยังเด็กหนู เลยยังไม่กล้าที่จะพูดรึป่าว?

             เริ่มที่ “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ตัวพี่ก็ไม่ได้รู้จักกับเขาเนอะ เเต่การที่เขาเเสดงออกเเบบนี้ เขาเหมือนกับเเบบโลกยุคเก่าเขาอยากที่จะเล่นกับใคร เขาก็ใช้วิธีที่คนยุคใหม่ไม่ทำกัน ก็ถ้าหนูคิดว่าอยากจะออกจากที่นี้ หนูก็ควรสร้างอะไรบางอย่างทิ้งไว้ก่อนออกก็ได้ เพื่อจะทำให้เขารู้ว่า เขาไม่ควรที่จะเล่นเเบบนี้ บางทีเราอาจจะไม่ต้องรักษาน้ำใจกับคนที่ไม่มีมารยาท เช่นบางทีมีคนมาทำเเบบนี้ พี่ก็จะยิ้มน้อยๆให้เขารู้ว่าเราไม่ได้ตลกกับเขาด้วยนะ หรือบางทีเขาก็อาจจะมาง้อหนูเเล้ว ด้วยการมาคุยเเบบนั้นเเต่เขาอาจจะสื่อสารไม่เก่ง’

             ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เห็นด้วยกับพี่เผือกนะตรงเรื่องการเเสดงออก เเต่ว่าการที่หนูจะออกเพราะ อีตาลุงนี้คนเดียวพี่ว่าก็ไม่ควร ควรจะให้หัวหน้าได้รับรู้ดีกว่าว่า ระหว่างที่จะต้องเสียพนักงานดีเด่นไป กับเพราะHr คนเดียว เเต่รู้สึกว่าการที่คุณหนูจัดการกับปัญหานี้ ถือว่าถูกต้องเเล้ว เเล้วพี่ก็คิดว่าเขาก็รู้เเล้วในตอนนี้ว่าเขาไม่สามารถเล่นเเบบนี้ได้ ถ้าบริษัทจัดการเเล้วด้วย พี่ว่าตอนนี้ทุกอย่างก็โอเคเเล้ว’

             สุดท้าย “ดีเจพี่อ้อย” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘สำหรับพี่ ที่ทำงานเลือกได้ เเต่เพื่อนร่วมงานเลือกยากมาก เเละพี่ก็รู้สึกว่าหนูให้ค่ากับคนๆนี้มากเกินไป หรือถ้าหนูย้ายออกจากที่นี้ หนูมั่นใจได้ไงว่าหนูจะไม่เจอกับเพื่อนร่วมงานเเบบนี้อีก พี่เลยไม่อยากให้หนูต้องหนีไปตลอดชีวิต เเละพี่ก็เคยเจอประโยคนึงมาว่า เราเลือกคนที่เข้ามาในชีวิตไม่ได้ เเต่เราเลือกวางเขาไว้ตรงไหนในชีวิตได้ เหมือนกับว่าการที่เขา ทำเเบบนี้กับเรา ก็เหมือนกับเขาประจานตัวเองในที่สาธารณเหมือนกัน หรือหนูก็สามารถเเอบอัดเสียง เพื่อไปฟ้องกับหัวหน้าได้ เเละ อย่าให้ปากของใครมีค่า จนมาทำร้ายความรู้สึกของเราได้’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION

รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

สามีที่คบกันมา 14 ปี บอกเลิกคืนเค้าท์ดาวน์ หลังจากที่เราจับได้ว่าเขามีผู้หญิงอีกคน สามีบอก "กูหมดรักมึงมา 2-3 ปีแล้วรู้ไว้ด้วย" ได้ยินแล้วช็อคเข้าโรงพยาบาลเลย ตอนนี้สามีลากกระเป๋าออกบ้านไปแล้ว ควรเดินต่อไปยังไงดีคะ

12 ม.ค. 2024

สามีที่คบกันมา 14 ปี บอกเลิกคืนเค้าท์ดาวน์ หลังจากที่เราจับได้ว่าเขามีผู้หญิงอีกคน สามีบอก "กูหมดรักมึงมา 2-3 ปีแล้วรู้ไว้ด้วย" ได้ยินแล้วช็อคเข้าโรงพยาบาลเลย ตอนนี้สามีลากกระเป๋าออกบ้านไปแล้ว ควรเดินต่อไปยังไงดีคะ

“คุณแบม (นามสมมติ)” อายุ 42 ปี สายแรกในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (29 พ.ย. 66) ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล - ดีเจอ้อย กับปัญหาที่ว่าสามีที่คบกันมานานบอกเลิกเราวันสิ้นปี เราเสียใจช็อก ถึงขั้นเข้าโรงพยาบาล โดย “คุณแบม (นามสมมติ)” ได้เริ่มปรึกษาว่า ‘โดนสามีบอกเลิกตอนวันสิ้นปีที่ผ่านมา คบกับเขามา 4 ปี แต่งงานกันอีก 10 ปี เริ่มจากแบมระแคะระคายเขามานานแล้ว เพราะมันมีเบอร์แปลก ๆ ล็อกอินเข้าใน Facebook เขา พอไปถามเขา เขาก็ตอบมาว่า ไม่รู้ เราก็เลยเก็บเบอร์นี้ไว้ เอาไปโทร เอาไปเช็กตามระบบ มันไม่ใช่เบอร์คอลเซ็นเตอร์ เราก็ไปถามเขาอีกครั้ง ให้เขาโทรไป เขาก็ไม่ยอมโทร จนเมื่อวันที่ 31 ที่ผ่านมา เป็นวันที่แบมหยุดงานอยู่บ้าน แต่แฟนต้องออกไปทำงานในคืนนั้น ระหว่างที่เขาอาบน้ำ แบมได้ใช้แท็บเล็ตของเขากดโทรไปที่เครื่องนั้น ปรากฎว่ามันมีประวัติการโทรเข้าโทรออกที่เบอร์นั้นตั้งแต่เดือนกรกฎาคม โดยที่ไม่ได้เมมเบอร์ไว้ แบมก็เลยกดโทรออกไป สักพักหนึ่งก็มีคนรับสาย แบมก็เงียบก่อน ผู้หญิงคนนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “อยู่ไหนอะ” แบมก็เลยพูดไปว่า “เธอเป็นใคร นี่เราเป็นเมียของ…นะ” ผู้หญิงก็วางสายไป เราก็ไปเคาะประตูสามีเรียกออกมาคุยว่า คืออะไร แต่เขาก็ไม่ยอมรับ เขาก็นั่งนิ่งไปสักพักนึง แล้วก็พูดว่า “กูไม่ได้รักมึงมา 2-3 ปีแล้ว” เราก็ช็อก เพราะก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้มีสัญญาณอะไร แบมก็ถามเขาไปว่า “เราผิดอะไร” เขาก็บอกว่า “เธอไม่ได้ผิดอะไรหรอก แต่เขาผิดเอง ไม่รู้จักพอเอง” แบมก็เลยบอกว่า “เลิกได้ไหม” เขาก็บอก “เลิกไม่ได้” แล้วก็บอกว่า “ขนาดกูพูดกับมึงขนาดนี้แล้ว มึงยังหน้าด้านที่จะยื้อกูไว้อีกหรอ” เขาพูดแบบนี้มา เราก็ช็อกไป เขาก็พาส่งโรงพยาบาล แล้วก็มาเฝ้าเรา 2 คืน แต่เขาก็จะพูดว่า “คือไงอะ คือกูต้องไปไหม” อย่างนี้ตลอด และในวันที่ออกก็มีจิตแพทย์มาคุยกับแบม บอกแบมว่า “คุณมีภาวะซึมเศร้าแล้วนะ เป็นมานานแล้ว” แล้วก็เรียกผู้ชายมาคุยว่า “คุณต้องรับผิดชอบในสิ่งที่คุณทำนะ ถ้าคุณจะไปจากเขา คุณต้องรับผิดชอบให้อาการเขาดีขึ้นก่อน” เขาก็บอกกับคุณหมอว่า “เขาไม่ได้เป็นคนผิด แบมเป็นคนไม่รักตัวเองเอง” อาการเราเริ่มมีตั้งแต่ช่วงที่เราเริ่มระแคะระคายเรื่องเขา จนเครียดสะสมมาตลอด และเราก็ไม่ได้บอกใครเลยเรื่องนี้ แม้กระทั่งพ่อ-แม่ เพราะว่ากลัวพ่อ-แม่จะเกลียดเขา หลังจากกลับจากโรงพยาบาล เขาก็บอกว่า “เขาจะอยู่ดูแล จนกว่าแบมจะดีขึ้น” แต่พออีกวัน เขาไปทำงานแล้วโทรกลับมาบอกแบมว่า “ทำไมเขาต้องอยู่ ในเมื่อเขาพูดชัดเจนแล้วว่าไม่รักแบมแล้ว เขาไม่อยู่หรอกนะ อยู่เพื่ออะไร ทำไมต้องยื้อไว้” แบมก็เลยบอกเขาว่า “งั้นก็เข้ามาเก็บของ” อีกสักพักนึงเขาก็เข้ามาเก็บของออกไป แล้วเขาก็ทิ้งเราไปเลย วันนี้แบมเลยอยากให้พี่ ๆ แนะนำให้มูฟออนให้ได้ ให้ลืมเรื่องฝันร้ายนี้ มันเป็นฝันร้ายที่สุดในชีวิตแบมแล้ว’ ซึ่ง ‘ดีเจเผือก’ ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า “ทุกครั้งเราพยายามจะบอกทุกคนเสมอว่า เวลามันจะช่วยนะ ช่วงนี้ก็ประคับประคองไป ใครไหวแค่ไหน เอาให้มันสุดให้มันผ่านไปได้ เวลามันจะค่อย ๆ เยียวยา วันนี้ร้องเท่านี้ พรุ่งนี้เรื่องเดิม ๆ ที่ทำให้เราร้องไห้ ก็อาจจะไม่ร้องแล้ว แค่เรามีสติรู้ตัวว่า ณ เวลานี้ฉันเศร้าและแน่นอนว่าฉันควรต้องเศร้า ถ้า 15 ปี แล้วเขาจากไปใจร้ายแบบนี้แล้ว ฉันไม่เศร้าสิถึงแปลก อยู่ด้วยกันมาตั้ง 15 ปี แต่สุดท้ายเมื่อเราเริ่มเข้มแข็งพอ คนเราก็จะต้องค่อย ๆ ลุกขึ้นได้ เดินต่อไปได้ แต่ ณ เวลานี้อาจจะต้องพักให้ร่างกายได้เยียวยาก่อน ซึ่งก็ปล่อย อยากเศร้าก็เศร้า ร้องไห้ก็ร้อง หาเพื่อนสักคนที่พร้อมจะนั่งฟังแบบ เศร้าให้หมดไป แล้วเราก็จะแข็งแรงขึ้นเอง แต่ต้องใช้เวลา คนเราใช้เวลาไม่เท่ากัน ของแบม 15 ปี อาจจะใช้เวลานานหน่อย แต่ไม่มีวิธีอื่นนอกจากจะให้เวลามันเยียวยา ในความคิดของพี่ เป็นกำลังใจให้ อย่างน้อยก็ยังไม่มีความผูกพันด้านอื่น เขาชัดเจนมาขนาดนี้ เมื่อมันจบตอนนี้ดีกว่าปล่อยให้คาราคาซังแล้วต้องปวดหัวมากว่านี้ ทุกอย่างมองในแง่ดีถึงแม้มันอาจจะยากก็ตาม” ต่อมาที่ ‘ดีเจอ้อย’ ได้ให้คำปรึกษาว่า “พี่เห็นด้วยกับเผือกอันนึงคือ เรากำลังทำสิ่งผิดธรรมชาติอยู่ รักมาขนาดนี้ เขาเดินจากไปแล้วเราต้องมูฟออนให้ได้ภายในไม่กี่วัน มันเป็นเรื่องยากมาก เข้าใจว่าคนที่กำลังเสียใจมาก ๆ แล้วมาบอกว่ามันจะดีขึ้น ไม่ค่อยมีใครเชื่อหรอก ทั้ง ๆ ที่เวลามันรักษาได้ทุกแผล แค่รอให้ไหว ในเรื่องของซึมเศร้าก็ต้องรักษากันไป ต่อมาคือที่บอกว่าไม่อยากบอกคนรอบตัวเพราะว่าไม่อยากให้ทุกคนเกลียดเขา พี่ว่าคนละเรื่อง พ่อแม่จะเกลียดหรือเปล่านั่นเป็นสิทธิของเขา พี่ไม่อยากให้น้องมีปัญหาซ้ายขวาหน้าหลัง เสียใจเรื่องสามีจากไปก็แย่แล้ว ต้องมานั่งปิดบังไม่ให้คนอื่นรู้ ไม่สามารถแสดงความอ่อนแอให้กับคนที่บ้านเห็นได้ โลกใบนี้มันจะเหมือนหนักและทับตัวหนูอยู่ หนูไม่ได้เล่าให้พ่อแม่ฟัง คิดหรอว่าเขาจะไม่รู้ อยู่ด้วยกัน ผู้ชายเก็บของออกจากบ้านลูกสาว เขาต้องรู้อยู่แล้วว่าจะต้องมีอะไรเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นเขาจะเกลียดหรือไม่เกลียด ไม่เกี่ยว ความจริงคือความจริง พี่ไม่อยากให้น้องคอยสร้างภาพลักษณ์ให้ใคร เพียงแต่ว่าพี่อยากให้น้องมีทีมของตัวเอง อย่างน้อยก็ยังมีสายซัพพอร์ต หัวเราะด้วยกันเสียงจะดังขึ้น เวลาร้องไห้เสียงสะอื้นจะเบาลง หนูร้องไห้เลยเต็มที่ อันนี้คือวิธีการเยียวยาธรรมชาติของมนุษย์ เสียใจก็ร้องออกมา ไม่ต้องพยายามเข็มแข็งในตอนที่ยังอ่อนแอ เดี๋ยวแผลจะใหญ่ไป แล้ววันนึงจะคิดได้ว่า ก็แค่คนไม่รักกัน ใครน่าเสียใจกว่ากัน เธอสูญเสียคนที่รักเธอไป 1 คน ฉันเสียคนที่ไม่รักฉันไป 1 คน คิดดูสิว่าใครน่าจะเห็นคุณค่ามากกว่ากัน วันนี้น้องกำลังแบกหลายอย่างมากเกินไป เขาจากไป ต้องปิดบังที่บ้าน ซึมเศร้าหนูก็เป็น มันเลยเป็นปัญหาที่หนูเห็นปัญหานั้นมันใหญ่โตเกินความจริงไปนิด พี่รู้แหละว่าการที่สามีจากไปแบบนี้ มันเป็นเรื่องน่าเสียใจที่สุด มันทำให้หนูมีคำถามมากมายว่าเราผิดอะไร แต่พี่เห็นแค่ว่า คนไม่รับผิดชอบความรู้สึกของน้องคนนึง อยากจะไปก็ด่า ๆ ให้รู้สึกว่าการจากไปไม่ใช่เรื่องผิด ไม่สนใจว่าหนูจะรู้สึกอย่างไร วันนี้หนูรักเขาไม่อยากให้เขาเสียใจ แต่เขารักหนูน้อยไปเลยสมารถทำให้หนูเสียใจได้ขนาดนี้เรื่อย ๆ สู้ไปทีละวัน แล้วมันจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ต้องไปตั้งคำถามว่าเมื่อไหร่จะดีขึ้น ข้างหน้าไม่รู้ เอาวันนี้ก่อน พี่จะยกตัวอย่างเสมอว่า ไม่มีใครลืมกระเป๋าสตางค์ ในวันที่ถามตัวเองเสมอว่าเมื่อไหร่จะลืมกระเป๋าสตางค์ การลืมมันเกิดขึ้นจากการใช้ชีวิตไปทุกวันตามปกติจนชิน รู้ตัวอีกทีกระเป๋าหายไปไหน การลืมความเจ็บปวดเช่นเดียวกัน เราไม่ต้องไปหาเหตุผลอะไรอีกแล้ว เพราะคนจะไปพูดอะไรก็ได้ ถ้าตอนนี้หนูรู้สึกไม่กล้าบอกใคร หนูกอดตัวเองให้แน่น แล้วคุณพ่อคุณแม่ของหนู หนูต้องดูแลหัวใจท่านด้วย ไม่มีคุณพ่อคุณแม่คนไหน เลี้ยงลูกให้มานั่งร้องไห้เพราะผู้ชายไม่รัก รักตัวเองให้เยอะ ๆ ” สุดท้าย ‘ดีเจเติ้ล’ ให้คำปรึกษาว่า “เมื่อวานได้อ่านหนังสือ Lots Of Love เป็นเรื่องของผู้หญิงคนนึงที่อยู่กับสามีมานาน ประมาณคุณแบม แล้วสามีเป็นมะเร็ง มีเวลาไม่นานสามีก็จากไป เขาเขียนเล่าว่าช่วงเวลานั้นมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วเขาผ่านมาได้อย่างไร ที่เติ้ลฟังสิ่งที่คุณแบมเล่ารู้สึกว่ามันมีความคล้ายกันอยู่ในเรื่องนี้ ตอนที่เราอ่านก็รู้สึกว่าเขาจะผ่านมันไปได้อย่างไร เราก็ลุ้น เขาเขียนว่าวันที่สามีเขาเสีย หลังจากนั้นเข้าก็ร้องแบบเดี๋ยวทรุด เดี๋ยวร่วง ตื่นเช้ามาก็ร้อง เข้าห้องน้ำก็ร้อง นั่งรถไฟฟ้าไฟก็ร้อง เพราะว่านั่งรถไปทำงานกับสามีทุกวัน แต่ว่าอันนึงที่เขาเขียนแล้วเรารู้สึกว่า มันดีมากเลย คือเขาบอกว่า พอมันร้องไป ตอนแรกเขาก็กลัวเหมือนกันว่ามันจะตาย เขาจะต้องตายแน่ ๆ ถ้าสามีเขาไม่อยู่แล้ว แต่สุดท้ายพอเขาร้องแล้วรู้สึกหายใจไม่ออก เขาก็พยายามที่จะหายใจ แล้วเขาก็บอกว่า มันไม่มีใครตายจากความเสียใจอันนี้ อยากจะบอกคุณแบมเหมือนกันว่า เราเสียใจ แล้วมันก็ผ่านมาแค่ 10 วัน เราเป็นคนปกติแล้วที่รู้สึกแบบนี้กับความผูกพันธ์ที่ตัวเองมีมา เติ้ลก็อยากจะบอกกับคุณแบมว่า ร้องไปเลย เสียใจได้ไปเลย สุดท้ายถึงเวลา อย่างคุณหมวยที่อยู่ในเรื่องนี้ เขาใช้เวลาเป็น 10 ปีเลยเหมือนกัน ในการที่จะผ่านมันไปได้ แต่แล้วในหนังสือสุดท้ายที่เขามาเขียนก็คือ ทุกวันนี้เขายังรัก และยังคิดถึงแฟนเขาที่เสียไป แต่ตอนนี้เขาตายไม่ได้เพราะเขาจะไปดูคอนเสิร์ต BTS เขามีจุดมุ่งหมายในชีวิตเขาอันใหม่ เติ้ลอยากจะเทียบกับเรื่องของคุณแบมว่า คุณแบมเห็นไหมว่าคุณหมวยที่เขาเสียคนรักไปทั้งที่เขายังรักกันอยู่มาก เราว่ามันทรมาณ ถ้าจะเทียบกับเคสคุณแบม มันอาจจะทรมาณมากกว่า เพราะว่าเขาคนนั้นเขาไม่ได้รักคุณแบมแล้ว เหมือนถ้าคนที่เขารักกันมาก ๆ แล้วเขาจากกันเขายังผ่านมันมาได้ ปัจจุบันนี้เขายังมีชีวิตเพื่อตัวเขาเองได้เติ้ลว่าคุณแบมก็ผ่านมันไปได้เหมือนกัน เพียงแต่ว่ามันต้องใช้เวลาเท่านั้นเอง อยากบอกคุณแบมว่าอยากให้กลับมารักตัวเองมาก ๆ เขาเลือกที่จะทำแบบนั้นกับเรามันไม่มีใครนอกจากเราในตอนนี้กับคุณพ่อคุณแม่ที่บ้าน มันถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องหันกลับมาดูแลตัวเอง เข้าใจว่ามันยามาก แต่เติ้ลเชื่อว่ามันจะต้องผ่านไปได้อย่างแน่นอน”เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูอายุ 18 แล้ว เริ่มอยากมีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง แต่คุณแม่ก็ยังเข้าห้องมาตลอด แบบไม่เคาะประตู บางทีเข้ามาย้ายของ จัดของจนหนูหาของอะไรไม่เจอเลย เคยล็อคกุญแจแล้ว แต่คุณแม่ก็มีกุญแจสำรอง จะเจรจา

07 ต.ค. 2024

หนูอายุ 18 แล้ว เริ่มอยากมีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง แต่คุณแม่ก็ยังเข้าห้องมาตลอด แบบไม่เคาะประตู บางทีเข้ามาย้ายของ จัดของจนหนูหาของอะไรไม่เจอเลย เคยล็อคกุญแจแล้ว แต่คุณแม่ก็มีกุญแจสำรอง จะเจรจา

หนูอายุ 18 แล้ว เริ่มอยากมีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง แต่คุณแม่ก็ยังเข้าห้องมาตลอดแบบไม่เคาะประตู บางทีเข้ามาย้ายของ จัดของจนหนูหาของอะไรไม่เจอเลย เคยล็อคกุญแจแล้วแต่คุณแม่ก็มีกุญแจสำรอง จะเจรจา พูดกับแม่ยังไงให้เขาเข้าใจหนูสักทีคะ? หนูให้เข้ามาได้แต่อย่ามาย้ายของ “คุณแจกัน (นามสมมติ)” อายุ 18 ปี สายที่ 2 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [2 ต.ค.67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจอ้อย‘ เกี่ยวกับปัญหาทำยังไงให้คุณเเม่เลิกเข้าห้องส่วนตัวเรา เพราะรู้สึกเริ่มโตเเล้ว โดย “คุณเเจกัน (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ครอบครัวหนูแยกทางกัน มีพี่น้อง 3 คน หนูเป็นคนกลาง พ่อแม่แยกทางกัน พี่สาวไปอยู่กับแฟน น้องชายไปอยู่กับพ่อ ส่วนหนูอยู่กับเเม่ ตอนนี้คุณเเม่อายุ 42 ปี เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา หนูขอแม่เเยกห้องนอนส่วนตัว คุณเเม่ก็โอเค ให้แยกนอนได้ บางทีคุยกันก็เหมือนเขาไม่พอใจ ผ่านไปอาทิตย์นึงคุณเเม่ก็เริ่มเข้าห้องเราโดยที่ไม่เคาะหรือบอกเราก่อน บางทีหนูไปโรงเรียนกลับมาของที่วางอยู่บนโต๊ะเหมือนเดิมก็หายหรือหาไม่เจอ เช่น หนูเรียนมีการบ้าน เขาจะชอบจัดเเล้วเขาจะเก็บรวมไปเลย บางทีหนูล็อคห้อง หรือติดป้ายไว้เเล้ว เคยคุยกับเเม่เเล้วด้วย เเม่ก็โอเคจะไม่เข้า เเต่พอผ่านไปแค่ 2 - 3 วันเขาก็ยังเข้าห้องเหมือนเดิม หนูไม่ได้ว่าที่เขาเข้าห้อง เเต่หนูอยากให้เขาบอกก่อนว่า จะเข้าไปเก็บของนะหรือจะเข้าไปห้องให้ บางทีหนูนอนอยู่ เขาก็จะเข้ามาโดยที่ไม่บอกเรา เข้ามาเฉย ๆ ดูเเล้วก็ออกไป บางทีหนูอาบน้ำเเต่งตัวอยู่ เขาก็เข้ามาเลย ทำให้หนูรู้สึกเหมือนเขาเข้ามาในพื้นที่ของหนู ทำให้หนูเกิดอาการเหมือนหงุดหงิดตัวเอง ไม่ได้หงุดหงิดแม่ หนูก็เก็บไว้ว่าอย่าไปหงุดหงิดเขา เหมือนเราเคยนอนด้วยในห้องเดียวกัน พอหนูแยกออกมาเขาอาจจะเเบบอยากรู้รึเปล่าว่าเราแยกออกมาเเล้ว ยังเป็นเหมือนเดิมรึเปล่า? หนูเป็นคนทำความสะอาดทั้งบ้านเอง เหมือนเรื่องของเราก็จะไม่ให้แม่ยุ่ง ซักผ้าหรืออะไรก็ทำเองหมดเลย เพราะไม่อยากให้แม่ทำ หนูไม่รู้ว่าต้องจัดการยังไง ก็เลยอยากถามพี่ ๆ ดีเจทั้งสามคนว่า หนูควรต้องทำยังไงดี? โดยเริ่มที่ “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘หัวอกคนเป็นพ่อเป็นเเม่รู้เเหละว่าวันนึงลูกจะโต จะไปมีชีวิตของตัวเอง เราจะไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าห้องโดยพลการอีกต่อไป นี่คือที่พ่อแม่รุ่นใหม่พยายามบอกตัวในทุก ๆ วัน เเต่มันโครตยากเลย ด้วยวัยของคุณเเม่ที่เท่า ๆ พี่พี่ว่าคุยได้ มันเปลี่ยนได้ เพราะฉะนั้นต้องมีวิธีการคุยจะไม้อ่อนไม้เเข็งอันนี้เเล้วเเต่เเจกัน ถ้าเคยคุยแบบไม้อ่อนเเล้วยังเหมือนเดิม ก็ตเองขยับเป็นไม้เเข็งขึ้น เเต่ก็ไม่รู้ความคิดเขาถ้าโดนอย่างงี้พอเขาโดนเเบบนี้จะยังไง เเต่พี่ว่าถ้าเห็นลูกเริ่มจริงจังขึ้นไม่ว่าจะคำพูดหรือการกระทำที่โตขึ้น เป็นพี่พี่ยอมเปลี่ยนนะ อย่างน้อยยังได้ก้าวเข้าไปในห้องเขาอ่ะ ถ้าไม่ได้จริง ๆ ให้คุณเเม่ฟังคลิปนี้’ ต่อมา “ดีเจอ้อย” ได้ให้คำปรึกษา ‘เข้าใจหมดว่าเราอยากมีโลกส่วนตัว เเต่ก็ต้องเข้าใจความเป็นเเม่เลี้ยงเดี่ยวเเล้วหนูเป็นลูกที่ใกล้เขามากที่สุด เขาก็จะเเอบคิดเข้าใจไปเองว่า ยังไงลูกต้องอยู่ในอ้อมกอดของชั้นตลอดไป ชั้นจะปกป้องเขาให้เขาไม่เจอสิ่งที่ไม่ดีต่าง ๆ นา ๆ เเละม่ความไม่ค่อยไว้ใจลูกสาวหน่อย ๆ การที่เขาได้เข้าไปในห้องของลูกสาว เหมือนเขาได้เข้าไปอยู่โลกของลูกสาวด้วย เขาเลยอยากสร้างความมั่นใจว่ายังอยู่ในสายตาชั้น ไม่มีอะไรหรอก อยากให้ทำความเข้าใจด้วย เเม่ไม่ได้เข้ามาอยู่ในห้องตลอดชีวิตเราหรอก วันนึงก็ต้องจากกัน ก่อนจะถึงวันนั้นปรับวิธีคิดเราจะได้ไม่หงุดหงิดมากเกินไป ยังไงก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านเรา มันก็เป็นบทเรียนให้หนูเหมือนกัน ที่หนูต้องรักเเละปกป้องตัวเองด้วย ค่อย ๆ สร้างความมั่นใจไปเรื่อย ๆ ถ้าเเม่มั่นใจในตัวเรามากขึ้น สิ่งเหล่านี้มันจะค่อย ๆ หายไป เพราะฉะนั้นมันไม่ได้แปลว่าพูดกับเเม่ 1 ครั้งเเล้วเเม่อยู่ในโอวาทของลูกสาวตลอดไป เเต่เมื่อไหร่ที่มันมาจากความรัก ปัญหาความรักแก้ง่ายกว่าปัญหาความไม่รัก ให้สื่อสารที่เป็นทางบวกเเละลองเข้าใจความเป็นห่วงของคุณเเม่ดูบ้าง’ สุดท้าย “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘มันต้องหาตรงกลางที่ทั้งคู่แฮปปี้ พี่ว่ามันสามารถคุยได้นะถ้ามันส่งผลกระทบการเรียนเราอ่ะหรือเรามีนัดกันกับเขามั้ย ทุกวันอาทิตย์หรือทุกวันใด ๆ หนูอยู่ในห้องด้วยเเล้วเเม่ก็จัดจะได้รู้ว่าย้ายของเเล้วก็บอกหนูจะได้รู้ อย่าทำโดยที่หนูไม่อยู่อ่ะเพราะบางทีมันจะวุ่นวายต่อการหาของ ส่วนไอการเข้ามาโดยที่ไม่มีสัญญาณก่อนอ่ะ หรือมันโมบายอะไรหน้าห้องมั้ย อะไรก็ได้ให้ถ้าร่างเข้าผ่านเเล้วมันจะเกิดเสียงอะ เพื่อให้เขาเองก็ต้องมีสติด้วยนะว่าต้องเคาะก่อนต้องบอกก่อนเข้าอ่ะ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หรือต้องแยกย้ายกันไปเติบโต? ถ้าเราต้องห่างกับเเฟน ช่วงเเรกห่างกันไม่ไกลมาก จากนั้นเราต้องอยู่คนละจังหวัด เราจะประคองความสัมพันธ์นี้ยังไงให้ไปรอดดีคะ

14 ก.พ. 2025

หรือต้องแยกย้ายกันไปเติบโต? ถ้าเราต้องห่างกับเเฟน ช่วงเเรกห่างกันไม่ไกลมาก จากนั้นเราต้องอยู่คนละจังหวัด เราจะประคองความสัมพันธ์นี้ยังไงให้ไปรอดดีคะ

“คุณน้ำ(นามสมมติ)” อายุ 23 ปี สายสุดท้ายของ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [12 ก.พ. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจพี่อ้อย’ เกี่ยวกับปัญหาความรักทางไกล โดย “คุณน้ำ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ตอนที่หนูอยู่มหาลัย หนูมีเเฟนคนหนึ่ง เราคบกันมาตั้งเเต่ ม.6 ในตอนนั้นยังเป็นช่วงที่เป็นรักทางไกลอยู่ เเต่หลังจากที่เขาเรียนจบ ม.ปลาย เขาก็เลือกที่จะย้ายตามมาหาเรา เขาก็อยู่ปี 1 ส่วนหนูอยู่ปี 2 เราเลยได้ใช้ชีวิตในมหาลัยด้วยกัน 4 ปี หลังจากเราเรียนจบในช่วงปีเเรก ด้วยความที่บ้านของหนูก็อยู่ใกล้กับมหาลัย เราเลยยังอยู่ใกล้กัน เเต่พอ 1 ปีผ่านไปความสัมพันธ์ของหนูเหมือนจะกลายเป็นความสัมพันธ์เเบบรักทางไกลเเล้ว เพราะเราได้มาลองคุยเรื่องอนาคตกันว่า เธออยากทำงานที่ไหน พอเราคุยกันเเบบจริงจังเลยรู้ว่าในอนาคต 5 – 6 ปีนี้เราจะไม่ได้อยู่ใกล้กันเลยเเน่ๆ เพราะด้วยหน้าที่การงานทำให้หนูกับเขาต้องอยู่ไกลกัน คนละจังหวัดเลย ต้องบอกก่อนว่าเเฟนหนูพึ่งจบฝึกงานได้ไม่นาน เเต่หนูมีที่ทำงานที่สมัครไปเเล้ว เหลือเเค่รอบรรจุ เเต่ของเเฟนตอนนี้เขาก็เลือกเเล้วว่าเขาจะทำงานตรงนี้ เเล้วบริษัทของเเฟนกับหนู เวลาเเละเรื่องของวันหยุดก็ไม่ตรงกัน ในช่วง 2 - 3ปีเเรกเราก็อยู่ไม่ไกลกันมาก แต่ก็ใช้เวลาในการเดินทางมาหากันประมาณ 5 ชั่วโมง เเต่หลังจากนั้นเราก็จะห่างกันไปอีก เพราะหนูแพลนไว้เเล้วว่าหลังจากหนูทำงานที่่เเรกได้สักพัก หนูก็จะย้ายกลับมาเพราะจะกลับมาดูแลที่บ้าน แต่สายงานที่เเฟนหนูต้องทำ เขาก็จำเป็นต้องอยู่ในกรุงเทพ เเละถ้าเป็นเเบบนั้น เราก็ต้องอยู่ห่างกันไปอีก โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 - 9ชั่วโมงเลย เเต่เเฟนหนูก็มีคิดไว้ว่าถ้าเขาเริ่มตั้งตัวได้เมื่อไหร่ เขาก็จะสร้างธุรกิจ เเล้วก็ไปอยู่ด้วยกัน ซึ่งตอนนี้หนูกับเขาก็คบกันมาประมาณ 5 ปีเเล้ว หนูอยากถามพี่ๆดีเจว่า หนูควรจะทำยังไงให้ความรักครั้งนี้ไปด้วยกันรอด เพราะหนูรักเขามากๆเลยค่ะ’ โดย “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ถ้าถามว่าจะทำยังไงให้รอด ถ้าเรารักกันมากพอ มันก็มีเปอร์เซ็นต์รอดอยู่เเล้ว เเต่สิ่งที่พี่คิดว่าอาจจะทำให้ไปไม่รอดคือ เรายังเด็กกันอยู่ เเล้วยิ่งต้องห่างกันในเรื่องของสถานที่เเบบนี้ อาจจะมีใครสักคนนึงที่เกิดการไขว้เขวได้ จนทำให้ความสัมพันธ์นี้เเย่ลง ยิ่งถ้าใครสักคนนึงไปเจอกับคนที่อยู่ใกล้กว่าที่สามารถดูเเลกันได้ ก็อาจจะทำให้เริ่มลังเลใจได้ เเต่สิ่งที่สำคัญสำหรับความสัมพันธ์พี่คิดว่าเรื่องจังหวะ เวลา ก็เป็นสิ่งที่สำคัญ เเต่ถ้าน้ำรักคนนี้มากๆจริงก็จงเชื่อมั่นไว้ว่าเราต้องทำความสัมพันธ์นี้ให้ไปรอดให้ได้ เเต่ไม่ใช่ว่าน้ำต้องทำทุกอย่างคนเดียว เเฟนน้ำก็ต้องพยายามประคองความสัมพันธ์นี้ไปด้วยกัน ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘ในฐานะที่พี่ก็มีรักทางไกลมาเยอะมาก เเล้วพี่ก็ไม่รอดจากรักทางไกล เเต่พี่อยากจะตอบคำถามของน้ำว่า พี่ว่าน้ำไปกันรอดในความสัมพันธ์นี้ได้ ถ้าทั้งตัวของน้ำเเละเเฟน มีเป้าหมายเดียวกัน ว่าจะทำความสัมพันธ์ให้รอดไปด้วยกัน เเค่ทั้งคู่ต้องจริงใจต่อกัน ซื่อสัตย์ต่อกันเเละรักกันจริงๆ เเละพี่ก็เชื่อว่าถ้าทั้ง 2 คน มั่นใจต่อกัน พี่ว่ายังไงก็ไปกันรอด’ ต่อมา “ดีเจพี่อ้อย” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่เป็นคนที่เชื่อว่ารักทางไกลมันไม่รอดนะตั้งเเต่เเรกเลยด้วยซ้ำ พี่เลยพูดตั้งเเต่วันเเรกว่า เเค่ไหนเเค่นั้นนะ เเต่เราใช้ชีวิตไปทีละวัน สู้ทีละวัน พอรู้สึกตัวอีกทีพี่ก็ผ่านมาด้วยกัน 24 ปีเเล้ว เเต่ตอนนี้พี่ว่าน้ำเเค่กังวลเรื่องของอนาคต จนไม่มีความสุขในปัจจุบันเเล้ว พี่เข้าใจว่ารักทางไกลมันเป็นโจทย์ที่ยาก เเต่ถ้าเราผ่านตรงนี้ไปได้เราก็จะได้รู้ว่าเรารักกันมากเเค่ไหน ก็เหมือนกับที่พี่ๆดีเจบอกกันก็คือ พยายามฝ่ายเดียวมันไม่ได้ เราต้องพยายามไปด้วยกัน เพราะขนาดเเค่ว่าคนนอนเตียงเดียวกัน อยู่ใกล้กันก็ยังนอกใจได้เลย วันนี้พูดตรงๆถ้ารู้ว่าเรารักกันจริงๆก็จับมือเเล้วเดินไปพร้อมๆกัน สื่อสารกัน พยายามไปด้วยกันให้เต็มที่ ถ้าข้างหน้าไม่ได้รักกันเท่ากับวันนี้ก็ให้คิดเเค่ว่าเราทำเต็มที่เเล้ว’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

สามีแอบไปจดทะเบียนสมรสกับแฟนเก่าครั้งที่ 2 ! สามีบอกจำเป็นต้องทำ เพราะช่วยเรื่องสิทธิรักษาพยาบาล ตอนนี้เขาก็ไม่ยอมหย่ากัน อ้างติดต่อแฟนเก่าไม่ได้ เจ็บสุด เห็นแชทสามีคุยกับลูกสาวของแฟนเก่า

14 ก.พ. 2025

สามีแอบไปจดทะเบียนสมรสกับแฟนเก่าครั้งที่ 2 ! สามีบอกจำเป็นต้องทำ เพราะช่วยเรื่องสิทธิรักษาพยาบาล ตอนนี้เขาก็ไม่ยอมหย่ากัน อ้างติดต่อแฟนเก่าไม่ได้ เจ็บสุด เห็นแชทสามีคุยกับลูกสาวของแฟนเก่า

สามีแอบไปจดทะเบียนสมรสกับแฟนเก่าครั้งที่ 2 ! สามีบอกจำเป็นต้องทำ เพราะช่วยเรื่องสิทธิรักษาพยาบาลตอนนี้เขาก็ไม่ยอมหย่ากัน อ้างติดต่อแฟนเก่าไม่ได้ เจ็บสุด เห็นแชทสามีคุยกับลูกสาวของแฟนเก่า“พ่อไม่คิดจะจดทะเบียนกับผู้หญิงคนนั้น ไม่เคยคิดจะให้อะไรผู้หญิงคนนั้นเลย” “คุณมีน (นามสมมติ)” อายุ 35 ปี สายที่หนึ่งในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [12 ก.พ. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจพี่อ้อย’ เกี่ยวกับปัญหาแฟนแอบไปจดทะเบียนสมรสกับแฟนเก่า โดย “คุณมีน (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘แต่งงานกับสามีมาได้ประมาณ 3 ปีแล้ว จับได้ว่าสามีของตัวเองไปจดทะเบียนสมรสกับแฟนเก่า แต่ของเรายังไม่ได้จดทะเบียนกันเลย ขอเกริ่นก่อนว่า สามีเคยแต่งงานมีครอบครัวมาแล้ว มีลูกด้วยกัน 2 คน แต่ตอนที่เราคบกัน เขาบอกกับเราว่า เขาหย่ากับแฟนเก่าแล้ว คือเขาก็เอาใบหย่ามาให้เราดู ตอนแต่งงานเราก็ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องจดทะเบียนสมรสกัน แต่ก็มีการจัดงานแต่ง พ่อแม่ ญาติพี่น้อง ก็รับรู้หมดทุกคน ปกติเราจะไม่ค่อยได้เช็คโทรศัพท์เขา แต่วันนั้นไม่รู้ว่าคิดอะไรขึ้นมา เราเลยไปเช็คโทรศัพท์แล้วไปเจอเขาคุยแชทกับลูกสาวของเขา ประมาณว่า ‘ถ้าแม่มีแฟนใหม่ ก็ให้แม่มาหย่า’ แล้วลูกสาวเขาก็ตอบประมาณว่า ‘พ่ออะ อยากจะหย่ามากเลยหรอ อยากไปจดทะเบียนกับคนใหม่ใช่ไหม’ ซึ่งคนใหม่ที่ว่าก็คือเรา พออ่านแชทเราก็งงว่า เอ้า แล้วใบหย่าที่เอามาให้ฉันดูมันคืออะไร? หลังจากนั้นหนูก็ถามหยั่งเชิงเขาประมาณว่า ‘ไปดูคลิปมา คนที่ทำใบหย่าปลอมเนี่ยมีโทษจำคุกนะ’ เราก็พูดลอยๆ แบบนี้ไป เพราะเราเข้าใจว่าที่เขาเอามาให้ดูมันเป็นของปลอมหรือเปล่า พอเค้นไปเค้นมา เขาก็ยอมรับออกมาว่า หย่าแล้ว ที่ให้ดูใบหย่าคือของจริง แต่ไปจดใหม่อีกรอบหนึ่ง เขาก็บอกเหตุผลที่ไปจดใหม่ คือฝ่ายผู้หญิงป่วย จะไปใช้สิทธิการรักษา เพราะผู้หญิงไม่ได้ทำงาน ไม่มีประกันสังคม ก็เลยมาขอสิทธิ์ผู้ชายแต่พอเขาผ่าตัดอะไรเรียบร้อย ไปทำงานได้แล้ว เราก็ถามว่า‘แล้วทำไมยังไม่หย่าละ?’ เขาก็อ้างเหตุผลว่า เขาก็คิดอยากจะหย่าตอนเขาเกษียณ แต่พอไปรู้ว่าผู้หญิงไปมีคนใหม่ ก็อยากจะหย่า เราก็ไม่ได้เชื่อคำพูดของเขาที่ว่าจะหย่า ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า ทางลูกเขาก็ยังมีการส่งเสียค่าเรียนอยู่ เราก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับตรงนี้ แต่ที่มีปัญหาเลยคือ ใบจดทะเบียนสมรส เราขอดูเอกสารการรักษา เอกทะเบียนสมรสอันใหม่ เอกสารต่างๆ ทุกวันนี้เราก็ยังไม่ได้ดูเลย แล้วมันมีประเด็นในไลน์ที่เขาคุยกับลูกเขาอีกว่า เขาไม่ได้คิดอยากจะจดทะเบียนกับเรา ไม่เคยคิดอยากจะให้อะไรเราเลย มันเจ็บที่ประเด็นตรงนี้มาก เขาก็ดูแลเราดี ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ให้เงินใช้ จ่ายนู้นนี่นั้นให้ตลอด แต่พอเราถามเรื่องนี้ว่าถ้าเราจับได้ ไม่คิดว่าเราจะเสียใจบ้างหรอ เขาก็บอกว่า ‘ก็คิด แต่ก็สงสารทางนู้น ต้องใช้เงินผ่าตัด เพราะทางนู้นก็ดูแลลูกให้ อยากให้ได้ใช้สิทธิ์ตรงนี้’ตอนที่เห็นแชท คือเสียใจมาก มือไม้สั่น น้ำตาไหลแบบมันจุกมากเลย เราก็กลัวว่าในอนาคตจะมีการฟ้องกัน แต่เขาบอกว่าคุยกันแล้ว ไม่มีทางมาฟ้องหรอก เขาคุยกันผ่านลูก ฝั่งผู้หญิงคนนั้นก็บล็อกกันไปแล้วไม่ได้ติดต่อกันโดยตรง สถานการณ์ตอนนี้ เราบอกเขาว่า ‘พี่กลับไปเคลียร์ไหม ไปหย่ากับเขา เราแยกกันอยู่ก็ได้’ พอเราพูดหรือถามเรื่องนี้ทีไร เขาก็จะมีอาการหงุดหงิด โมโหใส่เรา แต่จะไม่ให้เราถามเลยมันก็ไม่ใช่ มันก็ยังเคืองในใจเรา แล้วเราก็ไม่รู้ว่าเขาคิดยังไง เลยอยากถามพี่ๆ ดีเจว่า ถ้าจะตัดจากความสัมพันธ์นี้ โดยที่ไม่ต้องให้ตัวเองรู้สึกเสียใจมาก ต้องทำยังไงคะ?’ เริ่มที่ “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘อย่าไปตั้งโจทย์ให้ตัวเองว่า ฉันจะจบความสัมพันธ์ยังไงไม่ให้เสียใจ มันเจ็บแน่นอน เพราะคนเราเลิกกันก็เสียใจทั้งนั้น อยู่ที่ว่าอยากจะเสียใจสั้นๆ แล้ว Move on หรืออยากให้มันคาราคาซังแบบนี้ ยอมตัดใจเจ็บแรงๆ เศร้าหนักๆ สักที แล้วก็ออกจากความสัมพันธ์นี้ ลองถามตัวเองว่าเราจะทนกับความสัมพันธ์นี้ได้ไหม ถามตัวเองว่าเราต้องการชีวิตแบบไหน บางคนเขาก็ยอมทนนะ เพราะเขาแค่รู้สึกว่าเขาไม่มีใครจริงๆ แล้วชีวิตมันอาจจะมีเรื่องอื่นๆ ด้วย เรื่องช่วยเหลือดูแลกัน เรื่องเงินทอง บางคนก็ต้องเลือกทางที่ต้องเจ็บแต่ชีวิตเขาอยู่ต่อไปได้ แล้วดูเหมือนเขาไม่ได้ทำอะไรให้มันชัดเจน หรือเด็ดขาดเลยในเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่มีนเป็นคนปัจจุบัน และถ้ามีนรู้สึกว่ามีนดูแลตัวเองได้ มีนไม่อยากมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ก็เจ็บแปปเดียวแล้ว move on ไปหาชีวิตที่มันดีกว่า’ ต่อมา “ดีเจเติ้ล” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่คงไม่มีคำตอบที่จะทำให้มีนรู้สึกไม่เสียใจ คำตอบของพี่จะทำให้มีนเสียใจ แต่ช่วยให้มีนไปต่อได้ สิ่งที่มีนจะตัดสินใจมันไม่ใช่เพื่อใคร มันคือเพื่อตัวมีนเอง ยกเรื่องเหตุผลของการเซ็นต์ช่วยเรื่องรักษาพยาบาล ยกเหตุผลที่ยังไม่ได้เซ็นใบหย่าทิ้งไปให้หมด ข้อเท็จจริงเรื่องนี้คือ มีนจะเป็นภรรยาที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย อันนี้มันก็เป็นสิ่งสำคัญที่มีนจะต้องตัดสินใจ ถ้าเขาไม่คิดจะทำอะไรกับเรื่องนี้เลย มีนจะอยากอยู่แบบนี้ไปเพื่ออะไร? มันไม่ถูกต้องตั้งแต่แรกเลย สำหรับเงื่อนไขที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เขาไม่ได้เห็นอนาคตร่วมกันแบบที่มีนมารักเขา มาแต่งงานกับเขา มีนต้องออกมาเพื่อตัวเราเอง’ สุดท้าย “ดีเจอ้อย” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่เข้าใจความรักที่เรามีให้เขา คนที่เราคิดว่าเราคือตัวจริงของกันและกันมาตลอดถึงขั้นแต่งงาน คนอื่นก็รับรู้ แต่พอวันนึงพึ่งมารู้ว่า ตกลงฉันไม่ได้เป็นแค่ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย มันมีทั้งความเสียใจและมีทั้งความเสียศรัทธา แต่สิ่งหนึ่งที่มีนถามว่าจะเลิกยังไงไม่ให้เจ็บ มันต้องเจ็บอยู่แล้วเพราะเรารักเขา แต่เขารักเราน้อยไปถึงยังมีครอบครัวของเขาอยู่ พี่รู้สึกว่าเรากำลังทำตามเงื่อนไขของเขาเต็มไปหมด ทำไมในความสัมพันธ์นี้ไม่เห็นเราได้รับรู้แล้วตัดสินใจด้วยเลย เขาทำอะไรโดยพลการทุกสิ่ง ทั้งๆ ที่หนูคือ ภรรยาคนปัจจุบัน และระยะยาว เราจะเชื่ออะไรเขาได้อีก มันเป็น 3 ปีที่ทำให้เรารู้ว่ามันไม่จริงใจ เราก็ต้องพยายามเอาหัวใจไปฝากที่อื่นให้ได้’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1