จะทำยังไงดีคะ? เป็นห่วงคุณแม่วัย 76 แกเป็น ซุปเปอร์ฮีโร่ ของทุกคนเลย ช่วยเหลือทุกคนที่เข้ามา ให้เงินญาติ หลานห่างๆ อาสาขับรถไปส่งคนนู้น คนนี้ ไปเปลี่ยนหลอดไฟ ซ่อมอุปกรณ์ให้บ้านคนอื่น แกทำหมดเลย บางวันออกบ้านไปติดต่อไม่ได้แบตหมด

พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

จะทำยังไงดีคะ? เป็นห่วงคุณแม่วัย 76 แกเป็น ซุปเปอร์ฮีโร่ ของทุกคนเลย ช่วยเหลือทุกคนที่เข้ามา ให้เงินญาติ หลานห่างๆ อาสาขับรถไปส่งคนนู้น คนนี้ ไปเปลี่ยนหลอดไฟ ซ่อมอุปกรณ์ให้บ้านคนอื่น แกทำหมดเลย บางวันออกบ้านไปติดต่อไม่ได้แบตหมด

09 ธ.ค. 2024

จะทำยังไงดีคะ? เป็นห่วงคุณแม่วัย 76 แกเป็น ซุปเปอร์ฮีโร่ ของทุกคนเลย ช่วยเหลือทุกคนที่เข้ามา

ให้เงินญาติ หลานห่างๆ อาสาขับรถไปส่งคนนู้น คนนี้ ไปเปลี่ยนหลอดไฟ ซ่อมอุปกรณ์ให้บ้านคนอื่น

แกทำหมดเลย บางวันออกบ้านไปติดต่อไม่ได้แบตหมด ลืมเอามือถือไป ก็เป็นห่วงเค้ามาก

          “คุณมะม่วง (นามสมมติ)” อายุ 40 ปี สายที่สามในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคือวันพุธที่ [4 ธ.ค 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาคุณแม่ชอบช่วยเหลือคนอื่น

            โดย “คุณมะม่วง (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘มันเริ่มจากคุณแม่เป็นคนที่ชอบช่วยเหลือทุกคนตั้งแต่ญาติพี่น้อง แล้วตอนนี้ก็ขยายไปถึงเพื่อนของญาติพี่น้องด้วย อย่างญาติพี่น้องก็จะขอหยิบยืมเงิน แต่ส่วนใหญ่คือให้ไปเลย ญาติห่าง ๆ ใครมาขอก็จะให้ไป หลาน ๆ ก็จะให้ 1,000 – 5,000 บาท เรื่องเงินก็เรื่องนึง ตอนนี้ด้วยความที่ท่านก็อายุเยอะแล้ว 76 ปี แต่ท่านก็ยังแอคทีฟมาก ช่วยเหลือทุกคน เช่น เพื่อนไม่สบายก็ขับรถไปรับเพื่อนที่บ้าน แล้วก็พาไปหาหมอนั่งรอ และก็พากลับไปส่งบ้าน แล้วก็ขับกลับบ้านเรา บางที่เป็นโรงบาลรัฐก็ต้องไปรอนาน ๆ ก็เลยคิดทำไมแม่เราต้องไปนั่งรอกับเขาด้วย? ทำไมญาติพี่น้องเขาไม่ช่วย

            จนล่าสุดอันนี้เป็นเพื่อนคุณป้าอีกทีนึง เขาอยู่ตัวคนเดียวแล้วขโมยขึ้นบ้าน ขโมยก็แงะประตู หน้าต่างแล้วเหมือนก็เขาอยู่ไม่ได้ ไม่ปลอดภัย คุณแม่ก็เลยไปซ่อมหน้าต่าง ซ่อมประตู ซื้อม่าน คือเหมือนทำบ้านให้เขาใหม่ เราก็แบบทำไมญาติพี่น้องเขาไม่ทำให้ ซึ่งเรื่องการช่วยเหลือความใจดีของคุณแม่เนี่ยเคยเป็นประเด็นในที่บ้านมาแล้ว เพราะว่าตอนนั้นคุณพ่อยังอยู่ คุณพ่อก็ค่อนข้างจะน้อยใจว่า ทำไมไม่ดูแลคนที่บ้านก่อน คุณแม่ออกจากบ้านแทบทุกวัน ไปช่วยคนนู้นช่วยคนนี้ ขับรถให้ญาติ ๆ บ้างเพื่อนบ้าง  แต่ตอนนี้คุณพ่อไม่อยู่แล้ว คุณแม่เลยยิ่งแอคทีฟไปใหญ่ ทั้งที่อายุก็เยอะขึ้นเรื่อย ๆ ปัญหาคือคุณแม่ก็อายุเยอะแล้วก็ไม่อยากให้ขับรถ บางครั้งรถก็มีไปเฉี่ยวกับที่จอดรถบ้าง แต่ไม่ได้รุนแรง เคยพยามพูดแล้วแต่แม่ก็ไม่เชื่อ หนูอยากจะถามพี่ ๆ ดีเจ 2 ข้อคือ “พอจะพูดยังไงให้มัน Effective กว่านี้ หรือว่าเราควรจะพอได้แล้ว?” กับ “ควรจะหากิจกรรมอะไรให้ทำดี”

            ทางด้านดีเจทั้ง 3 ท่าน “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” ให้ความคิดเห็นไปในทางเดียวกันว่า ‘ทั้งสองข้อแก้ให้ไม่ได้ค่ะ มันคือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ในคำถามแรกพูดยังไงให้แม่เปลี่ยนไม่ได้ ถ้าถามว่าคุณแม่ทำมาทั้งชีวิตจะเปลี่ยนยังไงคะ ไม่มีทางเลยก็ให้มอง ถ้ามันเป็นความสุขของเขาก็ปล่อยเขา แต่ว่าดูอันนี้ไม่ได้อันตรายกับท่าน แล้วท่านยังดูแข็งแรงอยู่นะ 76 แล้วออกมาทำแบบบเนี้ยมันคือความสุขจริง ๆ ก็ได้นะถ้าอยู่บ้านแล้วมันไม่มีอะไร เพราะฉะนั้นข้อแรกเราตีไปเลยว่ามันทำไม่ได้มันไม่มีวิธีพูดใด ๆ ส่วนข้อสองกิจกรรมมีครบหลากหลายแล้ว มันต้องมีกิจกรรมที่คนสูงอายุทำแล้วเผาเวลา อย่างเช่นกิจกรรมที่บ้านพักคนชราเขาทำกัน “ไผ่นกกระจอก”

            “คุณมะม่วง” เสริมต่อว่า ‘เสาร์-อาทิตย์ ถ้าไม่ได้ทำงานก็จะพาแม่ไปกินข้าวไปคาเฟ่กับหลานซึ่งท่านก็ไปด้วย’ ดีเจเลยให้คำปรึกษาต่อว่า ‘คุณแม่ก็ทำดีแล้ว ทำครบทุกย่างแล้วจัดสรรเวลาดีซะด้วย ไม่ได้บกพร่องอะไรที่เราจะไปริดรอนความสุขเขา’

            “ดีเจเติ้ล” เสริมต่อว่า ‘เพราะนี่พึ่งเห็นบทความ ‘การที่เราปล่อยให้พ่อแม่เราเกษียณ แล้วปล่อยให้อยู่บ้านเฉย ๆ อ่ะยิ่งทำให้เขาแก่ทำให้เสี่ยงอัลไซเมอร์’ ทำให้ชีวิตเฉามากเลยนะ เพราะเขารู้สึกว่าทำได้อีกตั้งเยอะ นอกจากนี้อาจจะให้ท่านเล่นเกม ออกกำลังกายหน้าห้าง เต้นลีลาศอะไรประมาณนี้ ดีเจมองว่า สิ่งที่คุณแม่ทำเป็นเรื่องน่ารักในวัยเขามากเลยนะ ถ้ามันไม่ได้เสี่ยงอันตรายอะไร แต่ทางที่ดีควรหาคนไปเป็นเพื่อนเขาคอยโทรบอกเวลามีอะไร ถ้าเราไม่มีเวลาตามเขาไปตลอด หรือหาอะไรติดตาม’

เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทาง

ใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 20.00 – 23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

related พุธทอล์ค พุธโทร RECAP

ที่หนีบปูหนูผิดตรงไหน? พรุ่งนี้หนูจะไปกินเลี้ยงปีใหม่ ทุกครอบครัวจะเอาอาหารไปรวมกัน บ้านเจ้าภาพเลี้ยงกุ้งล็อบสเตอร์ กับ ปูขน หนูบอกพ่อแม่ว่าเตรียมที่หนีบปูไปด้วยไหม จะได้กินกันสะดวก พ่อแม่หัวเราะ บอกเอาไปไม่ได้ จะดูตั้งใจไปกินเกิน

17 ม.ค. 2025

ที่หนีบปูหนูผิดตรงไหน? พรุ่งนี้หนูจะไปกินเลี้ยงปีใหม่ ทุกครอบครัวจะเอาอาหารไปรวมกัน บ้านเจ้าภาพเลี้ยงกุ้งล็อบสเตอร์ กับ ปูขน หนูบอกพ่อแม่ว่าเตรียมที่หนีบปูไปด้วยไหม จะได้กินกันสะดวก พ่อแม่หัวเราะ บอกเอาไปไม่ได้ จะดูตั้งใจไปกินเกิน

ที่หนีบปูหนูผิดตรงไหน? พรุ่งนี้หนูจะไปกินเลี้ยงปีใหม่ ทุกครอบครัวจะเอาอาหารไปรวมกันบ้านเจ้าภาพเลี้ยงกุ้งล็อบสเตอร์ กับ ปูขน หนูบอกพ่อแม่ว่าเตรียมที่หนีบปูไปด้วยไหม จะได้กินกันสะดวกพ่อแม่หัวเราะ บอกเอาไปไม่ได้ จะดูตั้งใจไปกินเกิน หนูแค่หวังดีอยากให้ทุกคนกินกันสะดวกขึ้น “คุณเอฟ (นามสมมติ)” อายุ 24 ปี สายที่ห้าในรายการ ‘พุธทอล์ค พุธโทร’ เมื่อคือวันพุธที่ [15 ม.ค. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาปาร์ตี้บ้านเพื่อน โดย “คุณเอฟ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘เพื่อนสนิทของพ่อ เขาจัดงานปีใหม่วันที่ 18 มกราคมนี้แล้วเขาเชิญครอบครัวเราไป ในงานจะมีประมาณ 10 คน หนูก็เลยถามพ่อว่าในงานเป็นแบบไหนยังไง เราจะได้เตรียมพร้อม เตรียมตัว เพื่อให้ดูเข้ากับงาน พ่อก็เลยบอกว่าทุกคนจะเอาอาหารไปแชร์กัน ฟีลแบบหนังฝรั่งที่มีเพื่อนบ้านมาปาร์ตี้กัน เราก็เลยคุยกันว่า เราจะเอาอาหารอิตาลีไปไหม? พวกสปาเก็ตตี้ พิซซ่า สั่งจากร้านอาหารแล้วเอาไป เราก็เลยตกลงกันว่าจะเอาอันนั้นไป คราวนี้พ่อก็มาบอกว่าเจ้าบ้าน เขาเลี้ยงล็อบสเตอร์กับปูขนนะ หนูก็เลยบอกว่าจะเอาที่หนีบปูไปนะ พอบอกเสร็จพ่อกับแม่ก็ขำหนักมากเลย กับสิ่งที่เราพูดว่าจะเอาที่หนีบปูไป แล้วเราก็เลยงงว่าเขาขำอะไรกันเหรอ พ่อก็เลยบอกว่า “อย่าเอาไปเลย มันดูแบบไม่มีมารยาท เหมือนเราตั้งใจจะไปกินปูอย่างเดียว” ซึ่งตัวเราไม่ได้ชอบกินปูขนาดนั้นด้วยซ้ำ ก็เลยเล่าเจตนาให้พ่อฟังตอนนั้นว่า ‘งานเขาจัดที่บ้าน บ้านคนเราจะมีที่หนีบปูสักกี่อันเชียว มันก็น่าจะมีสักอันสองอัน แต่คนไปประมาณ 10 กว่าคนเลย ถ้าทุกคนกินปู คนก็ต้องรอนานไหม เพราะมีที่หนีบปู 1-2 อัน เจตนาเราคือหวังดี ที่หนูเอาไปไม่ได้จะเอาไปวางให้เขาเห็นเลย แต่สิ่งที่เราคิดคือแค่พกไป ดูสถานการณ์ก่อนว่ามันพอใช้ไหม ละการที่เราเอาไปเพิ่มอีกหนึ่งอัน มันจะกลายเป็น 3 อัน มันอาจจะทำให้การหมุนเวียนที่หนีบปูดีขึ้น ทุกคนจะได้กินไวขึ้น’ ละเขาก็ไม่เก็ทกับสิ่งที่เราอธิบาย เขาก็ขำหนักอีกหลังจากที่เราอธิบายเจตนาของเราไป แล้วเขาก็บอกว่า “ถึงขออธิบายไปก็ไม่เข้าใจหรอก ลองไปเล่าให้คนอื่นฟัง ให้คนอื่นอธิบายเอาละกัน อาจจะเข้าใจมากกว่า” หนูเลยอยากถามพี่ ๆ ดีเจทั้งสามคนว่าหนูผิดไหมที่หนูเอาที่หนีบปูไป’ ทางด้านดีเจทั้ง 3 ท่าน “ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม” ให้ความคิดเห็นไปในทางเดียวกันว่า ‘ไม่ผิดเลย แล้วก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ด้วย แต่เข้าใจในมุมของพ่อแม่ เนื่องจากว่ามันเป็นอาหารที่เขาเตรียมมาเอง แสดงว่าบ้านเอฟเตรียมตัวขนาดนั้น เพื่อที่จะเตรียมตัวมากินปู การที่เราไปแล้วเอาที่หนีบไปด้วย ต่อให้มีพิซซ่าอะไรอยู่ในมือ มันก็เข้าใจในมุมผู้ปกครองที่คิดว่าตั้งใจเกินไป เพราะว่าผู้ใหญ่อาจจะไม่ได้มองว่าที่หนีบปูมันจำเป็นขนาดนั้น คนกินปูก็ใช้มือแกะกันส่วนใหญ่ เพราะฉะนั้นมันเป็นความหวังดีที่ไม่จำเป็นต้องทำ ถ้าบ้านหนูจัดเป็นโฮสต์ว่าไปอย่าง แต่นี่เราไปในฐานะแขก’ ดีเจทั้งสามท่านยังเสริมอีกว่า ‘ถ้าอยากทดลองแนะนำให้เอาไป ใส่กระเป๋าไป แล้วดูว่ามันจะต้องใช้ไหม?’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATION รับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 20.00 – 23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

พ่อหนู เขาชอบเอาเฟซบุ๊กของแม่ไปเล่น แล้วโพสอะไรที่เสี่ยงโดนทัวร์ลง เอาสถานการณ์บ้านเมือง มาทำเป็นเรื่องตลก บอกพ่อแล้ว แต่พ่อให้เหตุผลว่า เฟซบุ๊กแม่เพื่อนเยอะ พ่อก็เลยอยากโพส ตอนนี้หนูเป็นห่วงแม่

30 มิ.ย. 2025

พ่อหนู เขาชอบเอาเฟซบุ๊กของแม่ไปเล่น แล้วโพสอะไรที่เสี่ยงโดนทัวร์ลง เอาสถานการณ์บ้านเมือง มาทำเป็นเรื่องตลก บอกพ่อแล้ว แต่พ่อให้เหตุผลว่า เฟซบุ๊กแม่เพื่อนเยอะ พ่อก็เลยอยากโพส ตอนนี้หนูเป็นห่วงแม่

พ่อหนู เขาชอบเอาเฟซบุ๊กของแม่ไปเล่น แล้วโพสอะไรที่เสี่ยงโดนทัวร์ลง เอาสถานการณ์บ้านเมืองมาทำเป็นเรื่องตลก บอกพ่อแล้ว แต่พ่อให้เหตุผลว่า เฟซบุ๊กแม่เพื่อนเยอะ พ่อก็เลยอยากโพสตอนนี้หนูเป็นห่วงแม่ว่า ถ้าพ่อยังทำต่ออีกเรื่อยๆ อนาคตอาจจะเกิดกระทบต่อแม่ได้เรื่องนี้ปรึกษาพี่ชายแล้ว พี่ชายบอกว่า ไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับพ่อ ปล่อยให้เขาทำไปแต่หนูเห็นโพสแล้วก็อดเป็นห่วงแม่ไม่ได้ “คุณก้าน (นามสมมติ)” สายที่สองในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [25 มิ.ย 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา “ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม” เกี่ยวกับปัญหาพ่อเอาเฟซบุ๊กแม่มาโพสต์สุ่มเสี่ยง โดย “คุณก้าน (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘พ่อชอบเอาเฟซบุ๊กแม่ไปโพสต์เล่น แล้วโพสต์ล่าสุดจริง ๆ มันเป็นเหมือนโพสต์ตลก แต่หนูรู้สึกว่ามันสุ่มเสี่ยง เพราะมันเกี่ยวกับบ้านเมือง หนูเลยค่อนข้างเป็นห่วงแม่ เพราะมันไม่ใช่แนวที่แม่จะทำ ปกติแม่ลงแต่เรื่องผ้าปัก หนูจึงถามพ่อ เขาให้เหตุผลมาว่า “เขาเพื่อนในเฟสน้อย อยากให้แม่ลองโพสต์อะไรออกสื่อบ้าง” ซึ่งตอนโพสต์แม่น่าจะรู้ เพราะเหมือนก่อนหน้านี้ พ่อได้เอาเฟซบุ๊กแม่ไปโพสต์เกี่ยวกับเรื่องไปเที่ยว ในส่วนนี้หนูไม่ติดอะไร ตอนแรกที่เห็น หนูคิดว่าพ่อโพสต์ จึงไม่ได้อะไร เพราะปกติพ่อเขาเป็นคนตลก แต่จะเจ้าอารมณ์หน่อย แล้วหนูพึ่งมาเห็นว่าเป็นเฟซบุ๊กแม่ที่โพสต์ หนูจึงทักไปถามพ่อว่า “ทำไมไม่เอาเฟซบุ๊กตัวเองโพสต์ มันไม่ควรหรือเปล่า ทำไมถึงเอาเฟซบุ๊กแม่ไปโพสต์แบบนั้น” พ่อจึงตอบกลับแนวประชด ๆ กวน ๆ มาประมาณว่า “พ่อก็โพสต์ไปแบบขำ ๆ อย่าซีเรียส ใครไม่โอเคก็เรื่องของเขา” แต่กลายเป็นว่าตัวของหนูเองที่ไม่โอเค จึงพูดกับพ่อไปว่า “ลูกไม่โอเค คือ ลูกต้องต้องไปจัดการตัวเองใช่ไหม” พ่อจึงตอบกลับมาว่า “ถูกต้อง” หนูยังไม่เคยคุยเรื่องนี้กับแม่เลย เพราะเขาอยู่ด้วยกันสองคนที่ต่างจังหวัด ส่วนหนูอยู่กรุงเทพ พ่อเขาจะเป็นคนเอาโทรศัพท์ของแม่ไปเล่นเป็นเหมือนของตัวเองเลย ก่อนหน้านี้พ่อเขาไม่ได้โพสต์เชิงนี้ มีแต่โพสต์รูปไปเที่ยว, เช็คอิน แค่นั้นเลย แต่จะใช้เฟซบุ๊กแม่ลง อีกทั้งพ่อเขาจะเอาเฟซบุ๊กตัวเองไปเมนต์ในโพสที่ลงในเฟซบุ๊กแม่อีกที คือเจตนาของหนูคือหนูแค่เป็นห่วงแม่เฉย ๆ กลัวในอนาคตเผื่อพ่อไปทำอะไรมากกว่านี้มันจะมีปัญหา คือถ้าโพสต์ไปอยู่ในเฟซบุ๊กพ่อหนูจะไม่อะไรเลย รวมถึงจริง ๆ พ่อเขาเป็นข้าราชการเกษียณ หนูเลยค่อนข้างห่วงเขาด้วย’ โดยดีเจทั้งสาม (ดีเจเผือก – ดีเจเติ้ล – ดีเจต้นหอม) ได้ให้คำปรึกษาไปในทิศทางเดียวกันว่า ‘จริง ๆ พ่อเขาคงตั้งใจให้มันเป็น comedy แต่ว่าข้อความและแคปชั่น มันค่อนข้าง sensitive ซึ่งจริง ๆ หนูควรบอกเขาเรื่องนี้ อย่างแรกคือ ควรเริ่มต้นคุยกับแม่ก่อนว่า “แม่โอเคไหม กลัวไหม” ซึ่งถ้าแม่บอกกลับมาว่า “โอ๊ย แม่ชอบ แม่ก็ขำด้วยเนี่ย” แบบนี้ก้านจะทำอย่างไร คงทำได้เพียงแค่เตือนไปว่า “โพสต์อะไร ให้ระวัง ๆ หน่อย” หรืออาจจะต้องพูดบอกทั้งแม่และพ่อไปว่า“เรื่องนี้มันค่อนข้างเสี่ยงมาก หากมีคนไม่หวังดี เอาไป เดี๋ยวมันจะเป็นเรื่องไป อย่าไปเล่นเรื่องนี้ ข้อความมันแรงไปหน่อย ไปเล่นเรื่องอื่นแทน จริง ๆ มันแก้แค่ไม่กี่คำ แค่ดึงบางคำออกมันจะเซฟขึ้นเยอะ แต่นึกภาพออกนะว่าคนแก่ อาจจะอารมณ์ขันประมาณนี้ พี่แนะนำคือ เตือนพ่อได้ ซึ่งพ่ออาจจะเข้าใจ แต่เขาอาจจะตอบกวน ๆ กลับมา แต่ว่าอนาคตเขาอาจจะระวังขึ้น ถ้าเขาไม่ระวัง หากเขาโดนทัวร์ลงครั้งนึง เดี๋ยวเขาจะระวังขึ้นเอง อาจจะรีพอร์ต ลบโพสต์เฟซบุ๊กแม่ หรือไม่ก็ไปแก้ไขโพสต์ให้เป็น privacy ให้เห็นแค่ only me เลย เขาจับไม่ได้หรอก อีกทั้งหนูเองอยู่ไกลแม่ ไม่สามารถ control ได้ หนูอาจจะต้องสอนแม่อีกที มันสามารถจัดการได้คุณก้าน ลองคุยดูนะ’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

หนูโดนกาหัวข้อสอบ รอบสัมภาษณ์ ตอนสอบเข้าโรงเรียนเพื่อเตรียมเป็นทหาร “ไม่ผ่านเพราะเป็น LGBTQ+” หลังจากที่เขารู้ว่าหนูเป็น คำถามที่โดนถาม ไม่มีอะไรเกี่ยวกับการเป็นทหารเลย หนูโดนถามว่า “เป็นตุ๊ดหรอ เป็นรุกหรือรับ? มีแฟนเป็นผู้ชายใช่ไหม?”

06 มิ.ย. 2025

หนูโดนกาหัวข้อสอบ รอบสัมภาษณ์ ตอนสอบเข้าโรงเรียนเพื่อเตรียมเป็นทหาร “ไม่ผ่านเพราะเป็น LGBTQ+” หลังจากที่เขารู้ว่าหนูเป็น คำถามที่โดนถาม ไม่มีอะไรเกี่ยวกับการเป็นทหารเลย หนูโดนถามว่า “เป็นตุ๊ดหรอ เป็นรุกหรือรับ? มีแฟนเป็นผู้ชายใช่ไหม?”

หนูโดนกาหัวข้อสอบ รอบสัมภาษณ์ ตอนสอบเข้าโรงเรียนเพื่อเตรียมเป็นทหาร “ไม่ผ่านเพราะเป็น LGBTQ+”หลังจากที่เขารู้ว่าหนูเป็น คำถามที่โดนถาม ไม่มีอะไรเกี่ยวกับการเป็นทหารเลย หนูโดนถามว่า “เป็นตุ๊ดหรอ เป็นรุกหรือรับ?มีแฟนเป็นผู้ชายใช่ไหม?” พอหนูตอบทุกอย่างตามจริง ผลออกมา ไม่ผ่าน ทั้งๆที่ หนูสอบปฏิบัติ ทดสอบร่างกายหนูทำได้ดีทุกอย่าง คะแนน 200 ได้ 170 คะแนน เหมือนความพยายามทั้งหมดที่หนูฝึกฝนมา 7-8 เดือน สูญเปล่าไปเลยแต่เพื่อนผู้ชายแท้ว่ายน้ำไม่ได้ ทำคะแนนไม่ดี กลับสอบติดตัวจริง ปีหน้าคงหมดหวังแล้วเพราะอายุหนูเกิน “คุณเอ (นามสมมติ)” อายุ 23 ปี สายที่ 2 ในรายการ พุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [4 มิ.ย. 68] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ‘ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม’ เกี่ยวกับปัญหาการสอบทหาร ซึ่งทำได้ดีในทุกรอบ แต่ตกรอบสัมภาษณ์เพราะเป็น LGBTQIA+ โดย “คุณเอ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘หนูอยากเป็นทหาร เลยเตรียมตัวฝึกฝนจนสอบผ่าน แต่มาตกเอารอบสัมภาษณ์ เพราะหนูเป็น LGBTQIA+ หนูเคยผ่านการเป็นทหารเกณฑ์มาก่อน รู้สึกว่าระบบการทำงานมันตอบโจทย์กับหนู ถึงจะเป็นแบบนี้ก็จริง แต่หนูไม่ชอบทำงานนั่งสวย ๆ ในออฟฟิศเท่าไหร่ หนูชอบงานท้าทาย ตอนไปสอบก็พยายามแอ๊บแมน และในวันที่สอบสัมภาษณ์ ปกติแล้วคำถามในการสัมภาษณ์มันควรจะถามเกี่ยวกับองค์กรที่เราจะเข้าไปทำงานใช่ไหม? แต่อันนี้เขาไม่ถามเลย เขาถามแค่ว่า เป็นตุ๊ดใช่ไหม มีแฟนเป็นผู้ชายใช่ไหม เป็นรุกหรือเป็นรับ? เขาถามแค่เรื่องเพศสภาพของหนู เขาไม่ถามเกี่ยวกับทหารเลย หนูคิดว่าเขาคงไม่อคติขนาดนั้น เพราะในส่วนต่าง ๆ หนูทำได้ดีมาก ตอนเทสร่างกายเขาให้ว่ายน้ำ วิ่ง ดันพื้น และดึงข้อ หนูทำได้ดีเกือบทุกสนามจนหนูยังตกใจตัวเอง ขนาดกรรมการยังถามว่า ไปกินอะไรมา แต่คนที่เขาเลือกให้ผ่านเข้าไป กลับเป็นคนที่ได้คะแนนน้อยกว่าหนู ที่หนูรู้สึกว่ามันไม่แฟร์กับหนู คือ เพื่อนที่ไปสอบด้วยกัน เขาเป็นชายแท้ แต่เขาว่ายน้ำไม่ได้ ทำคะแนนได้ไม่ดี ซึ่งคะแนนเต็มทั้งหมด 200 คะแนน หนูทำได้ทั้งหมด 170 คะแนน ตอนนั้นหนูเลยไม่มีความคิดว่าจะไม่ติด เพราะเราเตรียมตัวมาดี ทำให้หนูคิดว่า พอเราเป็นแบบนี้แล้วทำไมไม่ให้โอกาสเราเลย ถ้าคุณบอกว่าการเป็นทหารต้องแข็งแรง หนูก็ทำให้เห็นแล้วว่าหนูทำได้ แล้วทำไมถึงไม่เอาหนูเข้าไป หนูน้อยใจในจุดนี้ หนูใช้เวลาทั้งหมด 8 เดือน ทั้งอ่านหนังสือ ฝึกฝน เตรียมร่างกาย หนูทำไปเพื่ออะไร? หนูออกไปวิ่งทุกเช้าทุกเย็น จริง ๆ หนูเคยไปสอบอีกสนาม หนูก็ไม่ผ่าน ซึ่งสนามนั้นหนูรู้ว่าหนูพลาดอะไร หนูเลยไม่ได้อะไรมาก แล้วในกฏเขาก็ไม่ได้มีเขียนบัญญัติไว้ว่าห้ามรับ LGBTQIA+ แถมตอนสัมภาษณ์หนูยังโดนย้ายไปห้องสอบสัมภาษณ์พิเศษ แต่ก็โดนถามแค่คำถามเดิม ๆ ที่เกี่ยวกับเพศสภาพ หนูแค่สงสัยว่า ทำไมถึงไม่เปิดโอกาสให้หนูตอบคำถามที่หนูควรจะได้ตอบเหมือนคนอื่น ๆ เพื่อที่หนูจะได้โชว์ว่าหนูทำได้ หนูเสียใจเพราะมันเป็นปีสุดท้ายที่หนูจะสมัครได้ เพราะเขารับอายุไม่เกิน 24 ปี แล้วปีนี้หนูกำลังจะครบอายุ 24 ปี เรื่องนี้ผ่านมา 3 เดือนแล้ว แต่หนูไม่สามารถปล่อยวางได้เลย หนูเลยอยากได้คำปลอบใจจากพี่ ๆ ดีเจว่า หนูควรทำยังไงดี?’ ซึ่ง “ดีเจเติ้ล” ก็ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘พี่ก็เคยเจอแบบหนูเหมือนกัน เคยโดนกีดกันไม่ให้เป็นพิธีกรโรงเรียน แต่พี่ก็ไม่ได้สนใจ พี่แค่อยากจะบอกเอว่ามันก็ไม่แฟร์จริง ๆ แต่เรื่องแบบนี้มันก็สามารถเกิดขึ้นได้แหละในชีวิตจริง เข้าใจแหละว่าเสียใจ แต่ถ้าเราไม่ยอมแพ้ และไม่มองว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพสุดท้ายที่เอจะทำได้ ถ้าเอเปิดใจมันยังมีทางอื่นให้เอได้ลองทำอีกนะ ไม่อยากให้เอาสิ่งที่เกิดขึ้นไปตัดสินคุณค่าในตัวเอง’ ต่อมา “ดีเจเผือก” ได้ให้คำปรึกษาว่า ‘เข้าใจในสิ่งที่เอเจอนะ ไม่อยากให้เอคิดว่ามันเป็นความผิดของเอ เราไม่รู้หรอกว่าเหตุผลจริง ๆ คืออะไร มันยังมีหลายที่ ๆ เขาโอเคกับความเป็นตัวเรา เราเป็นคนมีความสามารถและความตั้งใจ พี่เชื่อว่ามันจะทำให้เอสามารถไปยังอาชีพอื่น ๆ อีกมากมาย’ ต่อมา “ดีเจต้นหอม” ได้คำคำปรึกษาว่า ‘เอดีเกินไปที่จะเข้าไปอยู่ในระบบราชการไทย หนูสามารถไปทำอะไรได้เยอะกว่านี้ ถ้าหนูเข้าไปหนูก็อาจจะโดนกลืนกิน เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ และเขาก็ไม่เชื่อว่าหนูจะทำมันได้อยู่แล้ว คนที่มุ่งมั่นขนาดนี้ สามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ได้แน่นอน แค่ที่นั่นไม่ได้เหมาะกับเรา’ และสุดท้าย ดีเจทั้ง 3 คน ได้ให้ความเห็นตรงกันว่า ‘อย่าด้อยค่าตัวเองและอย่าหยุดพยายาม ปล่อยให้ตัวเองไปเจอสิ่งที่ดีกว่าแล้วเราจะใช้ชีวิตแบบมีความสุข’เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

อายุ 27 เปลี่ยนงานมา 10 กว่าที่แล้ว งานแรกอยู่นานสุด 3 ปี เคยไปทำได้เดือนเดียว สองเดือน หรือ บางที่ไปทำวันเดียว ผมก็ออกมาเลย รู้สึกไม่โอเคกับสังคม เพื่อนร่วมงานที่อื่น วนลูปแบบนี้มานานแล้ว

24 มิ.ย. 2024

อายุ 27 เปลี่ยนงานมา 10 กว่าที่แล้ว งานแรกอยู่นานสุด 3 ปี เคยไปทำได้เดือนเดียว สองเดือน หรือ บางที่ไปทำวันเดียว ผมก็ออกมาเลย รู้สึกไม่โอเคกับสังคม เพื่อนร่วมงานที่อื่น วนลูปแบบนี้มานานแล้ว

อายุ 27 เปลี่ยนงานมา 10 กว่าที่แล้ว งานแรกอยู่นานสุด 3 ปีเคยไปทำได้เดือนเดียว สองเดือน หรือ บางที่ไปทำวันเดียว ผมก็ออกมาเลยรู้สึกไม่โอเคกับสังคม เพื่อนร่วมงานที่อื่น วนลูปแบบนี้มานานแล้วตอนนี้ผมเพิ่งผ่านโปรงานปัจจุบัน แต่ความรู้สึกนั้นเริ่มกลับมาอีกแล้ว “คุณโต๋ (นามสมมติ)” อายุ 27 ปี สายที่สี่ในรายการพุธทอล์ค พุธโทร เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา [19 มิ.ย. 67] ได้โทรเข้ามาปรึกษา ดีเจเผือก - ดีเจเติ้ล - ดีเจต้นหอม เกี่ยวกับปัญหาการเปลี่ยนงาน โดย “คุณโต๋ (นามสมมติ)” ได้เล่าว่า ‘ผมรู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนงานบ่อยมากเลย คือ ผมเรียนจบสายสังคมศาสตร์ หลังจากที่ผมเรียนจบมา ผมได้มีโอกาสเข้าไปทำงานที่แรกเกี่ยวกับงานบริการ อาจจะไม่ตรงกับสายที่เรียน แต่ก็ยังได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาอยู่บ้าง ทำได้อยู่ 3 ปี ซึ่งเพื่อนร่วมงานก็ดี คอยช่วย คอยซัพพอร์ต คอยให้กำลังใจกัน เวลาโดนหัวหน้าด่าหรือโดนกดดันแต่พอได้เจอเพื่อน มันก็ยังอยู่ได้ จนผ่านมา 2 – 3 ปีเพื่อนก็ทยอยลาออกกันไปหมด แล้วต่อมาผมก็ลาออก เพราะผมต้องไปบวช ซึ่งใช้เวลาในการบวชค่อนข้างนานอยู่ และอยากออกไปหาประสบการณ์ใหม่ด้วย แต่ก็ไปทำงานที่ไหนก็ทำได้ไม่เคยถึงปีเลย ส่วนใหญ่เหตุผลที่ลาออก บางทีไปเจอสภาพแวดล้อมการทำงาน หรือว่าบรรยากาศการทำงานที่มันรู้สึกอึดอัด ต้องเจอเพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้างานที่กดดัน พอเราเข้าไปแล้วเหมือนเราเป็นเด็กใหม่ แล้วพยายามปรับตัวเข้าหาเขา แต่พออยู่ไปสักพักเหมือนเราเข้ากับเขาไม่ได้เลย หลังจากลาออกจากที่ทำงานที่แรก ผมเปลี่ยนที่ทำงานไปก็รวมๆ 10 ที่ได้แล้ว ในระยะเวลา 2 ปี ระยะเวลาในการทำงานที่สั้นสุด 1 - 2 วันก็ไม่ไปแล้ว ซึ่งสภาพแวดล้อมที่ผมต้องการ คือ อยากเจอเพื่อนร่วมงานที่ดี และระยะทางของการไปทำงาน ที่ทำงานอยู่ตอนนี้ ผมทำงานผ่านโปรมาได้ 4 – 5 เดือนแล้ว ผมมีความรู้สึกกลับไปวนลูปเดิม รู้สึกอยากเปลี่ยนงานอีกแล้ว รู้สึกที่นี่ไม่เหมาะกับเราอีกแล้ว เพราะเวลาที่ผมไปตามงานหรือถามงานอะไร เพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้าเหมือนหงุดหงิดใส่ คุยกับผมเหมือนไม่อยากคุย แกล้งบ้าง หรือไม่อยากตอบบ้าง ซึ่งเวลาพี่ๆเขาสอน ผมก็จดไว้ตลอด แต่คำถามส่วนใหญ่เป็นคำถามเรื่องใหม่ตลอด ผมอยากปรึกษาพี่ๆดีเจว่าผมจะทำยังไงดี?เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร สามารถติดตามรับชมได้ทางใครมีปัญหาอยากโทรเข้ามาในรายการ Inbox ฝากเรื่องมาที่ Facebook Fanpage EFM STATIONรับชมรายการสดได้ทุกวันพุธ เวลา 21.00-23.00 น. ทางรายการวิทยุ EFM94 และ App Atime Fung Fin

album

0
0.8
1