คุณครูสังเกตเห็นรูปวาดของเด็กหญิงเก็บตัว ‘ต้นไม้ = แม่ ส่วนผู้หญิง..คือใครไม่รู้!’ เมื่อตามไปถึงบ้านก็พบหญิงร่างใหญ่แปลกหน้า พอถามพ่อ ดันตอบว่าอยู่กันแค่ 2 คน!

ENTERTAINMENT NEWS

คุณครูสังเกตเห็นรูปวาดของเด็กหญิงเก็บตัว ‘ต้นไม้ = แม่ ส่วนผู้หญิง..คือใครไม่รู้!’ เมื่อตามไปถึงบ้านก็พบหญิงร่างใหญ่แปลกหน้า พอถามพ่อ ดันตอบว่าอยู่กันแค่ 2 คน!

01 ก.พ. 2023

รายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (24 มกราคม 2566) ที่ผ่านมา ‘คุณตั้ม The Shock’ หรือ ‘คุณตั้ม รถขนไม้’ ได้เข้ามานั่งเล่าเรื่องหลอนกันแบบสด ๆ ถึงห้องจัดรายการ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณครูโรงเรียนประถมที่สังเกตเห็นอาการแปลก ๆ ของ ‘น้องเมย์’ เด็กหญิงที่มีนิสัยเก็บตัว แต่จะหลอนอย่างไรนั้น เราสรุปไว้ให้คุณแล้ว!

เรื่องนี้มาจาก ‘คุณแอล’ เธอเล่าให้ฟังว่าเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาได้กลับบ้านต่างจังหวัด และได้พูดคุยกับน้องชาย ซึ่งเป็นคุณครูสอนคณิตศาสตร์ประจำโรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่ง (จะขอเรียกน้องชายคุณแอลว่า ‘คุณครู’) หนึ่งในเรื่องที่คุยกันนั้นเป็นเรื่องของนักเรียนคนหนึ่ง นามว่า ‘น้องเมย์’ เด็กสาวบุคลิกเงียบขรึม ที่ไม่ค่อยสนใจใคร และปลีกตัวไปนั่งอยู่ที่มุมห้องคนเดียว คุณครูจึงเข้าไปถามไถ่ แต่น้องเมย์ก็ไม่ตอบรับอะไร และพยายามหลบตา จนกระทั่งสังเกตเห็นรอยช้ำที่ต้นแขน ก็ถามน้องว่าไปโดนอะไรมา ด้วยความเป็นเด็ก น้องยังไม่รู้ว่ารอยช้ำคืออะไร แต่ก็บอกคุณครูว่า “เป็นผลจากการทำการบ้านแล้วถูกพ่อดุ” คุณครูได้ยินดังนั้นก็เป็นห่วง และคิดว่าปล่อยเอาไว้คงไม่ดีแน่ จึงพาน้องไปที่สถานีตำรวจ แต่ตำรวจกลับไม่สนใจ มองว่าเป็นเรื่องเล็ก และไม่รับเรื่อง ด้วยความเป็นครูจึงไม่ยอมแพ้ พาน้องเมย์เข้าพบครูใหญ่ แต่กลับได้คำตอบว่า “อย่าไปยุ่งเลย พ่อของน้องเป็นนักการเมือง เดี๋ยวโรงเรียนเราจะมีปัญหา” เมื่อได้ยินดังนั้นคุณครูก็ผิดหวัง และก็คิดว่าจะพยายามดูแลน้องเมย์เท่าที่ตัวเองจะทำได้..

วันรุ่งขึ้น ครูใหญ่ก็แจ้งกับคุณครูว่าให้ย้ายขึ้นไปสอนชั้นป.2 แทน ทำให้ต้องจำใจย้ายขึ้นไปตามคำสั่ง แต่ก็ยังเป็นห่วงน้องเมย์อยู่ เมื่อไหร่ที่มีเวลาว่าง ก็จะแวะไปดูน้องเมย์เป็นครั้งคราว วันหนึ่ง คุณครูแวะมาดูน้องเมย์ ก็เห็นน้องกำลังก้มหน้าก้มตาวาดรูปอยู่คนเดียว ภาพวาดของน้องจะมีต้นไม้อยู่ตรงกลาง ข้าง ๆ มีผู้หญิง และเด็กผู้หญิง ส่วนด้านบนมีดวงอาทิตย์ คุณครูจึงพยายามที่จะพูดคุยด้วยการเอ่ยปากชม “น้องเมย์วาดรูปสวยมากเลย คุณครูขอเอากลับไปได้มั้ย?” น้องเมย์ก็พยักหน้าตอบรับ คุณครูจึงคิดว่านี่เป็นสัญญาณที่ดี เพราะน้องเริ่มตอบรับแล้ว

วันต่อมา คุณครูก็มาหาน้องเมย์อีกครั้ง น้องยังคงวาดรูปอยู่ที่มุมเดิม และเป็นรูปเหมือนเดิมทุกรูป คุณครูจึงคิดว่าจะเริ่มชวนคุยผ่านรูปภาพเหล่านี้ และเอ่ยปากขอรูปอีกครั้ง น้องเมย์ก็ตอบว่า “ได้” เมื่อน้องเริ่มตอบโต้ คุณครูจึงบอกน้องว่า “น้องเมย์ลองเขียนอธิบายภาพนี้หน่อยสิ ว่ามันมีอะไรบ้าง ใครเป็นใคร” น้องก็นั่งเขียนรายละเอียดตามที่คุณครูบอก ไม่นานน้องเมย์ก็เขียนเสร็จ รายละเอียดที่น้องเขียนคือ พระอาทิตย์ = พระอาทิตย์, เด็กผู้หญิง = เมย์, ใต้ต้นไม้ = แม่ และ ผู้หญิง = ใครไม่รู้ นั่นทำให้คุณครูคิดไปไกลว่าผู้หญิงคนนั้นอาจจะเป็นคนที่ทารุณกรรมน้อง!

ด้วยความร้อนใจ เย็นวันนั้นคุณครูก็รีบไปที่บ้านน้องทันที เมื่อไปถึงบ้าน ก็เห็นว่าบ้านมีลักษณะคล้าย ๆ กับรูปที่น้องเมย์วาด หลังจากกวาดสายตาไปรอบ ๆ ก็มองขึ้นไปที่หน้าต่างชั้นสอง คุณครูก็เห็นผู้หญิงร่างใหญ่คนนึง มองมาที่คุณครู ทางด้านคุณพ่อก็ต้อนรับอย่างดี และกำลังจะพาไปห้องรับแขก น้องเมย์ก็วิ่งออกมา แล้วกระซิบบอกคุณครูว่า “เขาไม่พอใจ ในสิ่งที่คุณครูมาทำแบบนี้นะ” คุณครูก็ตอบกลับไปว่า “อ๋อ ผู้หญิงที่อยู่ข้างบนหรอ? ไม่เป็นไร เขาทำอะไรครูไม่ได้หรอก” สิ้นเสียงคุณครู น้องเมย์ก็ไม่ตอบกลับอะไร คุณครูจึงเข้าไปพูดคุยกับคุณพ่อ เมื่อคุยไปคุยมา คุณครูก็หยิบเอาภาพที่น้องเมย์วาดมาให้คุณพ่อดู น้ำเสียงและสีหน้าก็เปลี่ยนไป กลายเป็นโมโหบอกว่า “มันก็แค่รูปถ่าย! ทำไมอ่ะ มันมีปัญหาอะไร” เมื่อเห็นว่าคุณพ่อไม่พอใจ จึงเปลี่ยนเรื่องไปถามถึงผู้หญิงที่อยู่ข้างบนแทน คุณพ่อก็ยิ่งหัวเสียเพิ่มขึ้นไปอีก! แล้วบอกว่า “คุณพูดอะไร แม่น้องเมย์เขาตายตั้งแต่น้องอายุ 2 ขวบ ผมอยู่กันสองคนพ่อลูก ไม่เคยเอาใครเข้าบ้าน!” คุณครูก็ไปต่อไม่ได้ ท้ายที่สุด คุณพ่อก็เชิญคุณครูออกไป แม้ในใจจะสงสัยมากก็ตามที

เมื่อสลัดความสงสัยออกไปไม่ได้ จึงไปถามจากคนละแวกบ้าน ได้คำตอบมาว่า แม่ของน้องเมย์เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ หลังจากแม่เสีย พ่อของน้องเมย์ก็กลายเป็นคนเก็บตัว และเขาอยู่กันสองพ่อลูกจริง ๆ เมื่อคุณพ่อทราบเรื่องว่าคุณครูทำแบบนั้นก็ไม่พอใจ จึงย้ายน้องเมย์ออกจากโรงเรียน ส่วนที่บ้านก็ไม่รู้ว่าย้ายหรืออยู่ต่อ เพราะคุณครูก็ไม่ได้เจอน้องเมย์อีกเลย..

แม้เรื่องที่เจอจะจบไปแล้ว แต่ความสงสัยของคุณครูยังไม่จบ เรื่องแรก ถ้าน้องเมย์อยู่กับคุณพ่อ ทำไมรูปที่วาดถึงไม่มีคุณพ่อเลย แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร..? แล้วที่น้องถูกกระทำ ถูกทำร้ายร่างกาย อาจจะเกิดจากผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า?      

related ENTERTAINMENT NEWS

เมื่อสถานบันเทิง ไม่ได้ให้ความบันเทิงอย่างที่คุณคิด! รวม 3 เรื่องสั้น ‘สถานไม่บันเทิง’ จาก ‘ตั้น The Shock’

02 ธ.ค. 2022

เมื่อสถานบันเทิง ไม่ได้ให้ความบันเทิงอย่างที่คุณคิด! รวม 3 เรื่องสั้น ‘สถานไม่บันเทิง’ จาก ‘ตั้น The Shock’

หนึ่งในสถานที่ที่ใครหลายคนเลือกไปคลายทุกข์ แล้วปลดปล่อยความสนุกคงหนีไม่พ้น ‘สถานบันเทิง’ แต่เรื่องราวที่คุณ ‘ตั้น The Shock’ นำมาเล่า อาจทำให้นักท่องราตรีหลายคนต้องมีเสียวสันหลังกันบ้าง กับ 3 เรื่องหลอนในตีม ‘สถานไม่บันเทิง’ ในรายการ ‘อังคารคลุมโปง’ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (29 พฤศจิกายน 2565)เรื่องแรกที่จะเล่าต่อไปนี้ คุณตั้นบอกว่าเป็นเรื่องที่เล่ากันปากต่อปาก เกิดขึ้นที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ในภาคอีสาน ที่แห่งนี้เป็นศูนย์รวมแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ มีทั้งโรงแรม สถานบันเทิง คาราโอเกะ รวมถึงอาบอบนวดด้วย แต่ในปัจจุบันมีแค่โรงแรมเท่านั้นที่ยังเปิดบริการอยู่ แต่นอกนั้นได้ปิดทำการไปเรียบร้อยแล้วเนื่องจากเป็นสถานบันเทิงที่มีขนาดใหญ่ ทำให้มีพนักงานที่เป็นช่างซ่อมบำรุงเข้าออกอยู่บ่อยครั้ง วันหนึ่ง ทางสถานบันเทิงแห่งนี้ได้มีการแจ้ง ‘พี่ชัย (นามสมมติ)’ ให้เข้ามาซ่อมไฟเพดาน การเข้าไปซ่อมครั้งนี้ กำหนดเวลาไว้ที่ 2 ทุ่ม พี่ชัยพร้อมกับลูกน้องอีก 1 คน เตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ และบันไดลิงเพื่อที่จะปีนขึ้นไปซ่อมไฟบนเพดาน เมื่อเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว พี่ชัยก็ขอไปเข้าห้องน้ำ…ในระหว่างที่เดินไปเข้าห้องน้ำ พี่ชัยก็รู้สึกว่าทางเดินนี้มันมืดเกินไป และก็มองเห็นเป็นเงาคนอยู่ข้างหน้า แต่ก็คิดว่าคงเป็นพนักงานของที่นี่ จากนั้นก็เดินตามเขาไป จังหวะที่เดินไปนั้น ก็เกิดเสียง “ปึ้ง!” พี่ชัยเดินชนเข้ากับกำแพง! ในใจจึงคิดว่า “อ้าว...แล้วเขาเดินไปไหนวะ? แล้วห้องน้ำไปทางไหน?” แล้วก็คลำกำแพงเพื่อหาทางเดินไปต่อ คิดว่าตาคงพร่าเพราะความมืด เมื่อเข้าห้องน้ำเสร็จแล้วจึงเดินกลับมา มองซ้ายมองขวาหาลูกน้องก็ไม่เจอ พวกอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เตรียมไว้ก็ไม่มี สงสัยจะขึ้นไปข้างบนแล้ว งั้นเดี๋ยวจะตามขึ้นไป…คิดได้ดังนั้น พี่ชัยก็ปีนบันไดตามขึ้นไป ด้วยความมืดก็เปิดไฟที่คาดอยู่กับหัวแล้วส่องมองขึ้นไป ก็พบว่าเป็นขาที่สวมชุดพนักงาน พี่ชัยคิดในใจว่านี่คงเป็นลูกน้องของตัวเองแน่ ๆ จึงแกล้งเงียบ เพราะอยากให้ตกใจ จากนั้นก็ค่อย ๆ ปีนย่องขึ้นไปจับขาคู่นั้น ในจังหวะที่เอื้อมมือไปจับขาก็มีเสียงคุ้นหูเรียก “พี่ชัย! ขึ้นไปทำอะไร ไม่รอกันเลยนะ” พี่ชัยคิดในใจว่า “เสียงมาจากไหนวะ?” ระหว่างนั้นเสียงคุ้นหูก็ตะโกนดังขึ้นมาอีกว่า “พี่ชัย ลงมาก่อน ของยังอยู่นี่อยู่เลย” ตอนนี้พี่ชัยรู้แล้วว่าเสียงอยู่ข้างล่าง แต่มือยังจับขาคู่นั้นอยู่ไม่ปล่อย พี่ชัยหันไปมองข้างล่าง แสงไฟจากไฟฉายคาดหัวสาดส่องไปหาลูกน้องที่อยู่ข้างล่าง จากนั้นพี่ชัยก็ค่อย ๆ เงยหน้ากลับขึ้นไปมองด้านบน สิ่งที่จับอยู่นั้นมั่นใจได้เลยว่าเป็นขา แต่มีแค่ขาเท่านั้น! ท่อนบนไม่มีอะไรทั้งนั้น! พี่ชัยตกใจสุดขีด รีบปล่อยมือและพลาดตกลงมาทันทีเมื่อสืบไปสืบมาก็พบว่า ก่อนหน้าที่พี่ชัยจะได้รับการจ้างวานให้เข้ามาทำงาน เคยมีช่างที่เข้ามาซ่อมฝ้าแล้วก็ถูกไฟช็อตจนเสียชีวิต เขาก็อาจจะเป็นช่างคนนั้นก็เป็นได้...เรื่องถัดมา ต้องขอย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว ช่วงที่สถานบันเทิงยังสามารถเปิดได้ถึงตี 2-3 มีแม่บ้านคนหนึ่ง นามสมมติว่า ‘ป้าพิมพ์’ อายุประมาณ 60 ปี รับหน้าที่ทำความสะอาดอยู่ในส่วนเดียวกับที่พี่ชัยเข้าไปซ่อมไฟ และชอบมากวาดพื้นโดยจะห้ามไม่ให้คนอื่นเข้ามาช่วย เพราะมักจะมีเศษเงิน หรือของมีค่าเล็ก ๆ น้อย ๆ ตกตามพื้น ป้าพิมพ์จะได้เก็บไว้คนเดียว และด้วยความที่ป้าพิมพ์ไม่อยากให้ใครเข้ามาช่วยหรือแอบมาเก็บของมีค่าไป จึงจะกวาดพื้นจากหน้าเวทีไล่ไปจนถึงประตูทางออก เพื่อที่จะได้มองประตูอยู่ตลอดเวลาคืนหนึ่ง หลังจากที่สถานบันเทิงปิดบริการ ป้าพิมพ์ก็บอกให้ทุกคนกลับบ้าน ส่วนตัวเองจะอยู่ทำความสะอาดคนเดียวเช่นเคย ระหว่างที่ป้าพิมพ์กวาดขยะอยู่นั้นก็เงยหน้าขึ้นมา เห็นผู้หญิงคนนึง ใส่เสื้อผ้าดูเป็นนักท่องราตรี เธอยืนอยู่ที่โต๊ะถัดไปจากจุดที่ป้าพิมพ์ยืนอยู่ประมาณ 3-4 โต๊ะ ป้าพิมพ์ก็ตกใจ แล้วร้องถามว่า “หนู! ที่นี่ปิดแล้วนะ หนูไม่กลับบ้านหรอ? หนูรอใครอยู่” ผู้หญิงคนนั้นนิ่งแล้วก็ตอบกลับว่า “หนูมารอแฟน” ด้วยความสงสัยป้าพิมพ์ก็ถามต่อไปว่า “แล้วแฟนหนูไปไหนแล้ว?” อีกฝ่ายตอบกลับมาว่า “หนูก็ไม่รู้” ป้าจึงพูดไปว่า “อ้าว แล้วทำไมไม่กลับบ้านล่ะ?” ผู้หญิงคนนั้นก็ตอบกลับว่า “หนูก็ไม่รู้จะกลับยังไง” ป้าพิมพ์ที่เป็นห่วงจึงบอกไปว่า “งั้นรอป้ามั้ย? ป้าจะไปส่ง” อีกฝ่ายตอบกลับด้วยเสียงนิ่งเรียบว่า “หนูไปไหนไม่ได้ หนูต้องอยู่ที่นี่…”ป้าพิมพ์ที่ในใจเต็มไปด้วยความมึนงงแต่ก็ไม่ได้จะซักไซ้ถามต่อ จึงกลับมาทำหน้าที่ของตัวเอง เมื่อกำลังกวาดไล่เข้าไปใกล้อีกฝ่ายขึ้นเรื่อย ๆ สิ่งที่ป้าพิมพ์มองเห็นก็คือร่างกายของผู้หญิงคนนี้ก็เริ่มบวมและปริเหมือนกำลังจะแตก ผิวเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียว สิ่งที่ป้าพิมพ์เห็นชัดที่สุดเลยก็คือลิ้นของผู้หญิงคนนี้จุกปาก แล้วเธอก็บอกกับป้าพิมพ์ว่า “หนูต้องอยู่ จนกว่าเขาจะให้หนูไป...” จากนั้นผู้หญิงคนนี้ก็ค่อย ๆ เดินผ่านไหล่ของป้าพิมพ์ไป ป้าพิมพ์ก็หันตามไปดู แล้วร่างของผู้หญิงคนนั้นก็หายไป ไม่ทันไรก็มีเสียงกรี๊ดของผู้หญิงจากข้างบนดังสนั่นไปทั่วทั้งบริเวณ พอป้าพิมพ์เงยหน้ามองขึ้นไป ก็เห็นเป็นร่างของผู้หญิงคนนึงแขวนคอห้อยลงมา!รู้ตัวอีกที ก็ได้ยินเสียงจากใครบางคนพูดว่า “ป้าทำอะไร ทำไมไม่กลับบ้าน? หวงเงินถึงกับต้องนอนเฝ้าที่นี่เลยหรอ” ป้าพิมพ์จึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง แล้วทุกคนที่ได้ฟังต่างก็งงว่าผีผู้หญิงที่ว่านี้ มาจากไหน? ลุงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ทำงานอยู่ที่มานานที่สุด จึงเล่าว่าน่าจะเป็นผู้หญิงคนนึง เป็นนักเที่ยวแล้วดันมาชอบนักร้องคนนึง แต่ก็เหมือนถูกหลอกให้มานั่งเฝ้าเขาทุกคืน แต่นักร้องคนนั้นก็ไม่เคยกลับพร้อมกับเธอเลย จนวันหนึ่ง ผู้หญิงคนนี้ก็จับได้ว่านักร้องคนนี้กลับไปกับผู้หญิงคนอื่น ด้วยความเสียใจเพราะโดนหลอก จึงแขวนคอฆ่าตัวตาย!!และเรื่องสุดท้าย เกิดขึ้นในโรงแรมที่มีอาบอบนวดเปิดให้บริการ นักเที่ยวคนหนึ่งเดินทางมาจากต่างจังหวัดพร้อมกับกลุ่มเพื่อน ขอใช้นามสมมติว่า ‘บอย’ เขาเป็นนักเที่ยวอาบอบนวดที่ไปมาแทบทุกจังหวัด เมื่อมาเยือนถึงจังหวัดนี้ ก็ต้องลองใช้บริการที่นี่สักหน่อยคืนนั้นบอยรู้สึกว่าสาว ๆ ที่อยู่ในตู้ข้างหน้า ช่างไม่โดนใจเขาเอาเสียเลย จนเพื่อนที่มาด้วยกันเลือกได้แล้วก็ขึ้นไปเรียบร้อยแล้ว บอยก็ยังนั่งรออยู่ หวังว่าจะมีสักคนที่โดนใจเขาสักที เวลาล่วงเลยไปถึง 5 ทุ่ม สาว ๆ ในตู้หลาย ๆ คนก็เริ่มไปรับแขก พนักงานเชียร์แขกก็เริ่มเอือมระอากับบอยที่ไม่ยอมเลือกผู้หญิงสักที จึงไม่ขอยุ่งและไม่สนใจบริการบอยระหว่างนั้นบอยก็จิบเครื่องดื่มไปเรื่อย ๆ มีคนเข้าออกวนเวียนไปมา ปรากฏว่าบอยหันไปสะดุดตากับผู้หญิงคนนึง เดินออกมาจากประตูทางเดิน แล้วก็มานั่งอยู่คนเดียว บอยถูกใจมากแต่ก็ขอดูอีกหน่อยว่าสวยโดนใจจริงหรือไม่ เพราะไฟในที่นี่มักจะหลอกตา เมื่อนั่งเพ่งจนรู้สึกว่าคนนี้ใช่ จึงกวักมือเรียกพนักงานเชียร์แขก แต่ก็ไม่มีใครสนใจ พอหันกลับไปมองที่ผู้หญิงคนนั้นอีกรอบ ก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติของผู้หญิงคนนี้..โดยปกติสาว ๆ ในตู้กระจกก็มักจะนั่งแต่งหน้าบ้าง หรือมองลูกค้าไปเรื่อยเปื่อย แต่กับเธอไม่ใช่ เธอมองจ้องมาที่บอยอย่างเห็นได้ชัด บอยสบตากลับไป จากนั้นผู้หญิงคนนั้นก็เริ่มร้องไห้ จากน้ำตาสีใสกลายเป็นสีแดงเหมือนเลือด จนทั้งตัวเริ่มเปียกเป็นสีแดงไปหมด ตามธรรมชาติของคนเมื่อเจอเรื่องแบบนี้ก็จะต้องโวยวายหรือรีบเข้าไปถามไถ่ว่าเป็นอะไร ไม่ก็หาคนมาช่วย แต่ ณ ตอนนั้น บอยกลับขยับตัวไม่ได้!ไม่นานบอยก็ได้ยินเสียงดังเข้ามาในหูว่า “มึงฆ่ากูทำไม” พูดย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ อยู่แบบนั้น ตัวบอยเองนั้นพูดไม่ได้ ขยับตัวไม่ได้ ในระหว่างที่คิดอยู่ในหัวว่าจะทำยังไง ผู้หญิงคนนั้นก็เริ่มลุกขึ้น เดินลงมาจากบันไดทีละขั้นด้วยความไม่เป็นธรรมชาติ เหมือนเดินลงมาแล้วขาหักไปทีละข้าง จนล้มลงไปแล้วก็คลานมากับพื้น เธอลากตัวเองมาจนถึงที่กั้น ส่วนมือก็ข้ามกระจกออกมา ตรงมาหาบอยที่นั่งอยู่! ระหว่างที่คลานมาบอยก็ได้ยินเสียงในหูดังอยู่ตลอดว่า “มึงฆ่ากูทำไม!”เมื่อเข้ามาประชิดตัว มือทั้ง 2 ข้างของผู้หญิงคนนี้จิกอยู่ที่ขาของบอย แล้วก็เงยหน้ามอง แล้วปากก็พูดว่า “มึง ฆ่า กูทำ ไม!” หลังจากนั้นบอยก็รู้สึกเหมือนหลุดจากภวังค์ แล้วก็ตะโกนขึ้นมาว่า “กูไม่ได้ทำ!” จากนั้นภาพก็ตัดไป!เมื่อรู้สึกตัว บอยที่อยู่ในสภาพน็อคอยู่กับเก้าอี้ลืมตาขึ้นมาก็เห็นกลุ่มเพื่อน และพนักงานเชียร์แขกมารุมถามว่าเกิดอะไรขึ้น บอยได้เล่าเรื่องที่เจอให้กับทุกคนฟังถึงได้รู้ว่า ผู้หญิงคนนี้เธอเคยให้บริการอยู่ที่นี่จริง ๆ แต่ถูกชาวต่างชาติทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตอยู่ในห้องที่ให้บริการ ทำให้สภาพที่บอยเห็นว่ามีขาหักแขนหักนั้น ก็อาจจะเกิดจากการโดนซ้อมจนกระดูกหักนั่นเองติดตามความหลอนย้อนหลังได้

หลอนกลางดึก เมื่อเจอชายแปลกหน้า ต้องสวดมนต์ตามพระถึงหลุดจากภวังค์ ช็อค! ห้องนี้เคยมีคนฆ่าตัวตาย | อังคารคลุมโปง

05 ม.ค. 2023

หลอนกลางดึก เมื่อเจอชายแปลกหน้า ต้องสวดมนต์ตามพระถึงหลุดจากภวังค์ ช็อค! ห้องนี้เคยมีคนฆ่าตัวตาย | อังคารคลุมโปง

เริ่มต้นปีใหม่ด้วยความหลอนต่อเนื่องกับเรื่อง หอพัก@สระบุรี จากคุณส้ม ที่ได้โทรเข้ามาเล่าเรื่องชวนขนหัวลุกในรายการ ‘อังคารคลุมโปง’ ที่ผ่านมา (27 ธันวาคม 2565) เรื่องราวจะเป็นยังไง แท็กชวนเพื่อนมาอ่านไปด้วยกันเลย!คุณส้มที่มีอาชีพเป็นวิศวกร ต้องย้ายไปประจำไซต์งานที่ต่างจังหวัดบ่อยครั้ง ครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2-3 ปีก่อน คุณส้มได้ไปประจำไซต์งานที่จังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็นครั้งแรกที่คุณส้มได้ไปที่จังหวัดนี้ การจองหอพักจึงเป็นการจองออนไลน์ ไม่ได้มีการเข้าไปดูห้องจริงแต่อย่างใด เมื่อตกลงเสร็จสรรพ เวลาย้ายเข้าหอก็มาถึง...คุณส้มมีความเชื่อว่า ประตู 3 ชั้นอย่าตรงกัน เพราะเป็นทางผีผ่าน แต่หอที่เข้าไปพักอยู่เป็นแบบนั้นเลย เมื่ออยู่ไปสักพัก ก็มักจะได้ยินเสียงคนวิ่งหรือคุยกันตลอดเวลา แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากวันพระใหญ่มาถึง คุณส้มเลิกงานแล้วกลับห้องตามปกติก็อาบน้ำ ด้วยความที่เป็นคนสายตาสั้น จึงเข้าใจว่ามีเชือกห้อยอยู่ตรงผ้าม่านกลางห้อง พอเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ จึงพบว่าเป็นงูตัวเล็กที่กำลังชูคออยู่! คุณส้มตกใจร้องกรี๊ดและรีบวิ่งออกไปขอความช่วยเหลือจากแม่บ้านประจำหอทันที คุณส้มตั้งใจว่าอยากให้ช่วยไล่ออกไป แต่พอแม่บ้านมาถึงดันใช้ไม้ถูพื้นตีหัวงูจนตาย คุณส้มมองภาพนั้นด้วยความสยอง และคิดว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว หลังจากนั้นประมาณ 2 ทุ่ม ก็เตรียมเข้านอนก่อนนอนนั้น คุณส้มก็โทรคุยกับแฟนตามปกติ ผ่านไปประมาณเที่ยงคืน แฟนคุณส้มก็ปลุกคุณส้มด้วยความโมโห แล้วบอกให้เปิดกล้องระหว่างคุยกันด้วย เพราะอยากจะเช็คว่าคุณส้มอยู่กับคนอื่นหรือเปล่า แฟนคุณส้มบอกว่าได้ยินเสียงเหมือนมีคนอยู่ใกล้ ๆ คุณส้ม เมื่อได้ยินดังนั้นคุณส้มก็เริ่มใจคอไม่ดี พอเช็คว่าห้องไม่มีใครอื่นอยู่ก็ยังไม่วายทะเลาะกัน คุณส้มที่กลัวมากก็นอนไม่หลับ จึงโทรไปคุยกับคุณแม่ต่อ เวลาผ่านไปจนตี 2 คุณส้มอยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น ก็รู้สึกเหมือนเห็นตัวเองนอนหลับอยู่ แล้วก็เปิดประตูออกจากห้องไป แต่นอกห้องดันเป็นบ้านไม้ 2 ชั้นเก่า ๆ ท่ามกลางหญ้ารกร้าง พอกลับเข้าไปในห้อง ก็เข้าไปนอนต่อ แล้วก็เห็นผู้ชายคนนึง ลักษณะมีฟันเหยิน ยิ้มอย่างขนลุก รูปร่างซูบผอม ทรงผมรากไทร ใส่เสื้อยืดสีดำ คุณส้มบอกว่าหน้าตาน่าเกลียดมาก มานั่งคร่อมตรงหน้าขาคุณส้ม แล้วก็พยายามจับมือดึงให้คุณส้มลุกขึ้นมา แล้วลากไปห้องน้ำ ถึงจะรู้สึกว่าร่างตัวเองถูกพาไป แต่คุณส้มก็ยังเห็นว่ามีร่างของตัวเองนอนอยู่ที่เตียงเหมือนเดิม!เมื่อฉุดกระชากกันไปกันมาสักพักใหญ่ คุณส้มก็เห็นพระ ซึ่งปกติแล้วคุณส้มก็มักจะสวดมนต์ก่อนนอนอยู่แล้ว แต่ทุกครั้งที่สวดนั้น จะต้องมีบทสวดเพราะถ้าไม่มีบทสวดก็จะสวดไม่จบ หลังจากที่เห็นพระ ท่านก็บอกว่าให้สวดตาม เมื่อสวดตามจนจบ ก็ได้ยินเสียงนกร้อง แล้วก็สะดุ้งตื่นทันที! เมื่อดูนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลา 6 โมงเช้า ด้วยความกลัวจึงรีบออกไปทำงานคุณส้มเล่าเรื่องที่เจอให้คุณแม่ฟัง คุณแม่ที่เชื่อเรื่องร่างทรง จึงขอที่อยู่หอ ขอเลขห้อง เพื่อให้ร่างทรงช่วย ทางร่างทรงก็บอกว่าห้องที่คุณส้มอยู่นั้น มีการฆ่าตัวตาย 6 คน โดยการรมควัน ตอนแรกคุณส้มก็ไม่เชื่อเท่าไหร่ หลังจากนั้นคุณแม่ก็เดินทางมาหา และได้ไปถามคนแถวนั้น ปรากฏว่าก็มีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริงคุณส้มเล่าเพิ่มอีกว่ามีจุดที่ผิดสังเกตุคือ เจ้าของหอมักจะบอกให้อยู่ให้ครบ 6 เดือน กุญแจก็ต้องคืนถึงจะได้เงินประกัน พอคุณส้มออกกะทันหัน ยังไม่ทันได้คืนกุญแจ แต่ก็ไม่มีใครโทรตามให้กลับมาคืนเลย คนที่มาอยู่ห้องนี้ก่อนหน้า ก็อยู่ไม่ครบสัญญาเหมือนกัน และตอนที่ย้ายเข้าไปใหม่ ๆ ก็มีพวงมาลัยดอกไม้แห้ง ๆ วางอยู่หน้าห้องตอนนี้คุณส้มเปลี่ยนงาน ทำให้ไม่ต้องย้ายที่อยู่แล้ว ส่วนภาพของผู้ชายคนนั้นก็ยังจำได้มาจนถึงทุกวันนี้...ติดตามความหลอนย้อนหลัง

วิ่งหนีขวัญผวา เมื่อตื่นมาหาเพื่อนไม่เจอ! จะทำยังไงเมื่อเจอชายแปลกหน้ากวักมือเรียก แต่คนเรียกดันไม่มีหัว!!

06 ต.ค. 2022

วิ่งหนีขวัญผวา เมื่อตื่นมาหาเพื่อนไม่เจอ! จะทำยังไงเมื่อเจอชายแปลกหน้ากวักมือเรียก แต่คนเรียกดันไม่มีหัว!!

เรื่องชวนขนหัวลุกนี้ มาจากคุณอาร์ม สายที่ 2 ในรายการ “อังคารคลุมโปง” เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา (4 ตุลาคม 2565) ได้โทรเข้ามาเล่าเรื่องราวสุดหลอนของคุณพ่อ ให้กับดีเจแนน และดีเจเจ็มได้คลุมโปงไปด้วยกัน เรื่องราวจะเป็นอย่างไร เราสรุปไว้ให้คุณแล้วเรื่องราวนี้เป็นเรื่องราวที่คุณพ่อได้เล่าให้คุณอาร์มฟัง ในสมัยที่คุณพ่อยังเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 วันนั้นเป็นวันที่จะมีการฉายหนังกลางแปลงที่ต่างจังหวัด คุณพ่อจึงชวนเพื่อนอีก 2 คน ที่ชื่นชอบการดูหนังเหมือนกัน นั่นก็คือ “ลุงโพน” กับ “ป้าแกะ”ระหว่างทางที่เดินมา ป้าแกะได้สังเกตเห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินวนไปวนมาอยู่ใต้ต้นมะม่วง เธอจึงหันไปถามพ่อของคุณอาร์ม แต่คุณพ่อก็ตอบกลับไปว่า “ไม่ต้องไปสนใจหรอก เจ้าของสวนมะม่วงมั้ง ไป ๆ รีบไปดูหนังกันดีกว่า”เมื่อทั้ง 3 ไปถึงงานประมาณ 4 โมงเย็น ก็เริ่มโพล้เพล้แล้ว และเมื่อเจ้าหน้าที่ได้เตรียมอุปกรณ์เพื่อฉายหนังกลางแปลงเสร็จ พอเข้า 6 โมงเย็น หนังก็เริ่มฉาย…หนังกลางแปลงที่ได้ดูในวันนั้น คุณอาร์มเล่าให้ฟังว่ามันคือเรื่อง “แสงกระสือ” เมื่อหนังฉายจบ ทั้ง 3 ต้องกลับบ้าน แต่ด้วยเส้นทางที่แทบจะไม่มีไฟ ทำให้ทั้ง 3 คนเริ่มเสียวสันหลัง คุณพ่อคุณอาร์มเลยตัดสินใจถามเพื่อนทั้งสองว่า “คืนนี้จะไปนอนที่ไหนกันดี ระหว่างนอนที่วัด, เถียงนา หรือโรงเรียน” เพราะทุกที่ล้วนเป็นสถานที่คุ้นเคย ทั้ง 3 คนจึงตกลงกันว่า ไปนอนที่โรงเรียนดีกว่า เพราะไปง่าย แล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยแยกย้ายกันกลับบ้านเมื่อทั้ง 3 คนเดินมาถึงโรงเรียน ก็จัดแจงหาพื้นที่นอน แต่พอนอนไปสักพัก คุณพ่อก็เริ่มรู้สึกแปลก ๆ จึงคิดจะปลุกเพื่อน แล้วชวนไปนอนที่เถียงนาดีกว่า แต่พอจะปลุกลุงโพน เขาก็รู้สึกเหมือนว่าไปจับโดนมือที่เย็นเฉียบของใครบางคนเข้า ตอนแรกก็คิดว่าลุงโพนคงจะหนาว ครั้งนี้เขาก็เลยเริ่มสะกิดเพื่อนอีกครั้ง และพอพ่อคุณอาร์มเริ่มปรับสายตาให้ชินความมืดได้แล้ว ทันใดนั้นก็มองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งผมปิดหน้า พร้อมกับพูดขึ้นมาว่า “มึงจะไปไหน นอนเป็นเพื่อนกันก่อน” เมื่อได้ยินดังนั้น คุณพ่อก็ตกใจ แล้วพยายามปลุกเพื่อนทั้งสอง แต่ปรากฏว่าเพื่อนไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว เขาจึงรีบวิ่งหนีออกมาทันที!ซึ่งในระหว่างทาง จะต้องผ่านต้นมะม่วง ที่ป้าแกะเคยเห็นผู้ชายเดินวนอยู่ คุณพ่อจึงหยุดวิ่งแล้วมองไปที่ต้นมะม่วงต้นนั้น ก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมาแต่ไม่มีหัว! จากนั้น ชายคนนั้นก็ค่อย ๆ หยิบหัวตัวเองออกมา แล้วถามคุณพ่อว่า “ไปไหน! ไปไหนไอ้หนุ่ม! เอามะม่วงไปกินป่าว?” พูดจบ คุณพ่อก็สบถคำหยาบแล้วก็วิ่งออกไปที่เถียงนาทันที!เช้าวันถัดมา เมื่อคุณพ่อตื่นขึ้นก็เห็นป้าแกะและลุงโพนนอนอยู่ที่นั่นแล้ว คุณพ่อจึงถามว่า “พวกมึงไปไหนกันเมื่อคืน ทำไมทิ้งให้กูอยู่คนเดียว” ทั้ง 2 จึงตอบกลับว่า “เห็นมึงนอนสบายดี ปลุกยังไงก็ไม่ตื่น กูก็เลยไปก่อน” หลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมดจากคุณพ่อ เพื่อนอีก 2 คนก็บอกว่าตอนที่วิ่งหนีออกมาจากโรงเรียนนั้น ไม่ได้เจอกับผู้ชายที่อยู่ใต้ต้นมะม่วงเหตุการณ์วันนั้น ทำให้คุณพ่อไปถามคนที่อาศัยอยู่ระแวกใกล้เคียงกับต้นมะม่วงว่าเคยเกิดอะไรขึ้นแถวนี้หรือเปล่า? คนแถวนั้นจึงตอบกลับมาว่า “เคยมีเจ้าของสวนมะม่วงอยู่ เขาชอบแกล้งเด็ก และเป็นคนนิสัยหวงของ พอเสียชีวิตไป วิญญาณก็ยังคงวนเวียนอยู่แถวนี้” นอกจากคุณพ่อแล้ว ก็ยังมีเด็กอีกหลายคนถูกแกล้งเยอะเหมือนกัน ส่วนสาเหตุการตายนั้น คุณพ่อเองก็ไม่แน่ใจ คิดว่าน่าจะตกจากต้นมะม่วงแล้วเสียชีวิต!!สามารถติดตามชมความหลอนย้อนหลังเพิ่มเติมได้ทางรับชมรายการสดได้ทุกวันอังคาร เวลา 20.00-22.00 น. ทางคลื่นวิทยุ EFM94 และ App : Atimefungfinภาพ : อังคารคลุมโปง

หลอนไม่ให้ได้พัก!! กับเรื่องเล่าสุดผวาจาก 'เอ๋ ชบาแก้ว คนเล่าผี'

20 ก.ย. 2022

หลอนไม่ให้ได้พัก!! กับเรื่องเล่าสุดผวาจาก 'เอ๋ ชบาแก้ว คนเล่าผี'

หลอนไม่ให้ได้พักเลย สำหรับเรื่องเล่าสุดขนลุกจาก 'พี่เอ๋ ชบาแก้ว คนเล่าผี' บอกเลยว่า แต่ละเรื่องที่พี่เอ๋นำมาฝากชาวอังคารคลุมโปง หลอนสุดๆ !! ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง "เงินปากผี" เงินที่เหมาะกับผีแต่ไม่เหมาะกับคน พร้อมด้วยเรื่อง "กอดสุดท้าย" กอดแห่งการร่ำลาแต่ความหลอนยังไม่หมดเพราะสายคนฟังทางบ้านนั้นก็น่ากลัวไม่แพ้กัน ทั้งเรื่อง "เพื่อนข้างห้อง" จากคุณต้น และเรื่องราวจากคุณวีที่มาถึงสองเรื่องจุกๆ อย่าง "เสียงที่ได้ยิน" และ "้ห้องเบิกของ"ไปติดตามฟังเรื่องราวหลอนๆ กันแบบเต็มๆ ได้ที่และสำหรับใครที่มีเรื่องหลอนแล้วอยากแชร์ สามารถฝากเข้ามาได้ทาง inbox facebook : https://www.facebook.com/efmstation หรือ Website : atime.live/efm

album

0
0.8
1