‘ขวัญ INDIGO’ เผลอพูดจะทำบุญให้ แต่ไม่ได้ไป สุดท้ายเจอโดนของดีเข้าอย่างจัง!

ENTERTAINMENT NEWS

‘ขวัญ INDIGO’ เผลอพูดจะทำบุญให้ แต่ไม่ได้ไป สุดท้ายเจอโดนของดีเข้าอย่างจัง!

17 พ.ย. 2022

เรื่องเล่าที่ชาว EFM ต้องขนหัวลุกทั้งสตูนี้ มาจากประสบการณ์หลอนของ ‘ขวัญ วง INDIGO’

ที่ได้แชร์เรื่องราวของการไปทัวร์คอนเสิร์ตที่ต่างจังหวัดในรายการ ‘อังคารคลุมโปง’ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (15 พฤศจิกายน 2565) เรื่องราวของ ‘ขวัญ’ จะเป็นอย่างไร เตรียมขนหัวลุกกันในเรื่องที่มีชื่อว่า ‘หุ่นพยนต์’

          ก่อนที่จะเริ่มเล่าเรื่อง ขวัญได้เท้าความว่าหลังจากที่ได้มีการบวช ต้องยอมรับว่าตัวเองนั้นเป็นคนมี sense ทำให้ขวัญนั้นค่อนข้างที่จะรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง แต่จะรู้สึกได้กับคนใกล้ชิดที่อยู่ด้วยกันเป็นส่วนใหญ่ กับคนที่ไม่สนิทหรือพึ่งเคยเจอกัน จะไม่รู้สึกถึงอะไรเลย จากนั้น ขวัญก็ย้ำอย่างชัดเจนในรายการว่า ‘หุ่นพยนต์’ ที่พูดถึงนี้ ไม่ได้เป็นของสมาชิกในวงและทีมงานใด ๆ แต่เกี่ยวข้องกับโรงแรมแห่งหนึ่ง ที่ล่าสุด ‘INDIGO’ ได้ไปทัวร์คอนเสิร์ตร้องเพลงเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

ขวัญเล่าว่า ทุกครั้งที่จะเข้าโรงแรมหรือเปลี่ยนสถานที่นอน ก็มักจะพูดเสมอว่า “ถ้าวันนี้มีโอกาส จะไปทำบุญให้นะ แล้วก็ขอนอน ขอเข้าพื้นที่ตรงนี้นะ” ขวัญยังบอกอีกว่าถ้าไม่พูดหรือไม่พกพระไปด้วย ขวัญจะโดนตลอด “คล้าย ๆ กับว่าโดนคนมาขอบุญอะไรแบบนี้ค่ะ” ขวัญกล่าว และยังเสริมว่าขวัญเคยมานอนที่โรงแรมแห่งนี้ และรู้ดีว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ที่นี่...

วันนี้เองก็เช่นกัน เมื่อมาถึงโรงแรมในช่วงเกือบจะพลบค่ำ ขวัญจึงขึ้นไปพักผ่อนบนห้อง และพูดประโยคที่ต้องพูดทุกวัน แต่ด้วยความที่เหนื่อยมาก จึงคิดในใจว่า “วันนี้คงไม่ได้ไปทำบุญแล้วแหละ ไม่เป็นไร พรุ่งนี้เช้าถ้ามีโอกาสค่อยว่ากัน” จากนั้นก็ผล็อยหลับไป

หลังจากนั้น ขวัญก็เริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก จึงทุบหน้าอกตัวเองเบาๆ แต่ก็ไม่มีอะไร สักพักก็มี ‘ขาม้าสีน้ำตาล’ มาวางพาดบนหน้าอกของขวัญ! ขวัญพยายามคิดว่าตัวเองคงฝันไป และบอกในใจว่า “อย่ามายุ่ง” ไม่ทันไร ม้าทั้งตัวก็ทับตัวขวัญ แล้วก็ร้องเสียงแหลมโหยหวนชวนขนลุก! ขวัญคิดในใจว่า “หายใจไม่ออก เอาออกไปเถอะ” ทันดันใดนั้นเอง ก็มี ‘คุณยาย’ ที่มีผมหยิกฟันดำกระโดดมาทับตัวขวัญอีก แล้วก็ยื่นหน้าเข้ามายิ้มใกล้ ๆ แถมยังหัวเราะเสียงแหลมดังก้อง!

ขวัญรู้ทันทีว่าโดนเข้าให้แล้ว แต่จะให้ขยับตัวก็ทำไม่ได้เช่นกัน นอกจากนี้ก็ไม่สามารถท่องบทสวดมนต์อะไรได้เลย ทั้ง ๆ ที่ตัวขวัญนั้นเข้าห้องพระสวดมนต์ทุกเช้า ขวัญพยายามรวบรวมสติและพูดในใจว่า “เดี๋ยวขวัญทำบุญให้ ตอนนั้นที่พูดว่าจะไปทำบุญให้แล้วไม่ได้ไป ขวัญปากพล่อย ขวัญขอโทษ ขวัญไม่ได้ลบหลู่นะ” สักพักแสงสว่างจ้าก็ว้าบขึ้นมา แล้วภาพก็ตัดหายไป

ไม่นาน ขวัญก็รู้สึกตัวและหายใจได้อย่างเต็มปอดอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้ขยับตัวไปไหน และยังไม่กล้าลืมตาเพราะกลัวจะเห็นม้าอยู่ แต่แล้วก็ตัดสินใจเฮือกสุดท้าย เอื้อมมือไปขวานหาโทรศัพท์ที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล และค่อย ๆ ลืมตาขึ้น จากนั้นก็พิมพ์ไปหาผู้จัดการว่า “หนูเจอยายแก่กับม้าว่ะ หนูเจอแล้วก็หายใจไม่ออก” ผู้จัดการถามกลับมาด้วยความห่วงใยว่าอยู่ได้มั้ย ขวัญที่เริ่มได้สติกลับมาก็ตอบกลับไปว่า “อยู่ได้ค่ะ” จากนั้นผ่านไปสักพักก็ได้เวลาที่จะต้องไปทำงานแล้ว เมื่อขวัญเตรียมตัวออกจากห้องเสร็จ ลงมาที่หน้า Lobby ผู้จัดการก็ถามว่า “เขามายังไง” ขวัญก็เล่ารายละเอียดให้ฟัง

ระหว่างนั้นก็ลงลิฟต์แล้วเดินไปที่หน้าประตูโรงแรม ผู้จัดการก็วิ่งมาหาขวัญหน้าตาตื่น แล้วกระซิบบอกให้ขวัญดูทางขวามือ เมื่อหันไปดูก็พบ ‘หุ่นพยนต์ที่เป็นผู้หญิงผมหยิกฟันดำขี่ม้าสีน้ำตาล’ วางตั้งไว้กับประตูโรงแรม ซึ่งก่อนหน้านี้ ทีมงานทั้งหมด รวมทั้งขวัญและสมาชิกในวงเองก็ไม่ได้สังเกตเห็นเลย

ขวัญเล่าเพิ่มเติมว่า หุ่นนั้นได้ถูกนำมาวางครอบไว้ที่ประตูอีกทีนึง จนกระทั่งต้องเดินทางกลับ ขวัญจึงได้เล่าเรื่องนี้ให้กับ ‘บลู’ และ ‘โดนัท’ สมาชิกในวงได้ฟัง โดนัทจึงลองหาข้อมูลแล้วก็นำมาสันนิษฐานกันเองว่า เขาน่าจะนำหุ่นนี้มาครอบเพื่อปกปักรักษาโรงแรมไว้ เพราะที่ตรงนั้นเคยเกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ขึ้น

หลังจากนั้น ขวัญก็ได้ไปแสดงคอนเสิร์ตในงานไหว้พระจันทร์ และก็ได้ไหว้พร้อมทั้งบอกว่า “บุญนั้นหนูอุทิศให้หมดเลย

 

ติดตามชมรายการย้อนหลังได้

related ENTERTAINMENT NEWS

‘เจฟ ซาเตอร์’ จัดเต็มกับคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกในไทยกับ ‘JEFF SATUR LIVE ON SATURN : FIRST SOLO CONCERT IN BANGKOK’

24 มี.ค. 2023

‘เจฟ ซาเตอร์’ จัดเต็มกับคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกในไทยกับ ‘JEFF SATUR LIVE ON SATURN : FIRST SOLO CONCERT IN BANGKOK’

ผ่านไปแล้วสำหรับคอนเสิร์ตที่หลายคนยกให้เป็นหนึ่งในโมเมนต์หูเคลือบทองของแฟนเพลง สำหรับ JEFF SATUR LIVE ON SATURN : FIRST SOLO CONCERT IN BANGKOK เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 มีนาคม ที่ผ่านมา ณ รอยัลพารากอน ฮอลล์ ที่ ‘เจฟ ซาเตอร์’ มาพร้อมกับเพอร์ฟอร์มานซ์จัดเต็ม ที่ทำให้เราสัมผัสได้ถึงตัวตนและความสามารถทางด้านดนตรี ของเจฟอย่างแท้จริงบรรยากาศหน้างานเต็มไปด้วยเหล่าแฟนคลับ (คุณวันเสาร์) ที่รอเข้างาน พร้อมด้วยเจ้ามาสคอตดาวเสาร์สุดน่ารักที่แฟน ๆ ร่วมกันสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อคอนเสิร์ตครั้งนี้โดยเฉพาะ เริ่มด้วย 3 เพลงแรกที่อยู่ในสังกัด Wayfer Records ภายใต้ Warner Music Thailand อย่าง Highway, ทำไมมันยาก (Complicated) และ แค่เงา (Hide) ก่อนจะทักทายเหล่าคุณวันเสาร์สั้น ๆ แล้วไปมันส์กันต่อ กับเพลงใหม่ล่าสุด Dum Dum ที่เพิ่งปล่อยมาเพียงแค่ 3 วันก่อนคอนเสิร์ต และแสดงสดที่นี่เป็นที่แรก ตามมาด้วย Steal The Show ผลงานร่วมกับศิลปินเกาหลี SHAUN ที่มาพร้อมกับโชว์สุดอลังการสร้างเสียงกรี๊ดได้สนั่นฮอลล์และในคอนเสิร์ตครั้งนี้เจฟไม่ได้มาแค่คนเดียว ยังชวนอีก 2 แขกรับเชิญที่คาดไม่ถึงว่าจะมาร่วมโชว์กับเจฟในคอนเสิร์ตครั้งนี้ นั่นก็คือ โจอี้ ภูวศิษฐ์ และ มิลลิ ดนุภา โดยเจฟและโจอี้ได้ร่วมกันร้องเพลงฮิตอย่างนะหน้าทอง พร้อมกับการประชันฝีมือโซโล่พิณของ 2 หนุ่มที่หาดูไม่ได้ที่ไหนแน่นอน รวมถึงเพลงสุดใจ ที่ทั้งคู่ได้โชว์สกิลล์เสียง จนผู้ชมขนลุกกันไปทั้งฮอลล์เมื่อถึงคิวของสาวมิลลิ ทั้งฮอลล์ก็ส่งเสียงดังลั่นต้อนรับ มาพร้อมกับเพลง Weekend และ โลกคู่ขนาน (Isekai) ที่มิลลิตั้งใจเลือกเพลงขึ้นมาเพื่อโชว์สกิลล์การร้องเพลงแบบอื่น ที่นอกเหนือจากสกิลล์การเป็นแร็พเปอร์ของมิลลิที่เราคุ้นชินและที่พลาดไม่ได้กับเพลงที่แฟน ๆ ชาวไทยตั้งตารออย่าง Hype Boy ที่เจฟได้ไปโชว์ลีลาการเต้นสุดน่ารักไว้ในโชว์หลาย ๆ ประเทศก่อนหน้านี้ ซึ่งเจฟได้เต้นจัดเต็มพร้อมกับทีมแดนเซอร์ที่มาสร้างความสดใสไปทั้งเวทีและมาถึงจุดเซอร์ไพรส์ของโชว์ สำหรับใครที่เป็นแฟนคลับ เจฟ ซาเตอร์ มายาวนาน จะต้องฟินไปกับซิงเกิ้ลสุดฮิตในตำนาน ไม่กล้าบอกชัด ที่หนุ่มเจฟนำกลับมามาร้องในคอนเสิร์ตครั้งนี้ เพื่อเป็นของขวัญให้แฟน ๆ ที่ติดตามเจฟมาตลอดระยะเวลา 10 ปีของการเดินทาง และเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพของการเป็นศิลปินมากความสามารถอย่างแท้จริงJEFF SATUR LIVE ON SATURN : FIRST SOLO CONCERT IN BANGKOK เป็นอีกหนึ่งโชว์คุณภาพที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า 'เจฟ ซาเตอร์' ศิลปินไทยคนนี้พร้อมที่จะแสดงความสามารถในเวทีต่าง ๆ ทั่วโลก และตั้งตารอคอยจะได้เห็นเจฟ ซาเตอร์ ขึ้นคอนเสิร์ต โชว์เพอร์ฟอร์มานซ์หูเคลือบทองให้แฟน ๆ ได้ฟังกันอีกสักครั้ง!ภาพ: Warner Music Thailand

คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรก ของ “ก้อง สหรัถ” ตั้งแต่เข้าวงการมา 34 ปี “KONG SAHARAT IN MY LIFE CONCERT”

03 ส.ค. 2022

คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรก ของ “ก้อง สหรัถ” ตั้งแต่เข้าวงการมา 34 ปี “KONG SAHARAT IN MY LIFE CONCERT”

ซึ่งคอนเสิร์ตในครั้งนี้นอกจากแฟนๆ จะได้ฟังเพลงฮิตแล้ว ยังได้ฟังเพลงละคร รวมถึงเพลงที่ “พี่ก้อง” อยากร้อง แต่ยังไม่เคยร้องที่ไหนมาก่อนอีกด้วย พร้อมพาทุกคนมาสัมผัสถึงตัวตนในมุมอื่นๆ ที่นอกเหนือจากการเป็นนักดนตรี ได้ที่คอนเสิร์ต “KONG SAHARAT IN MY LIFE CONCERT” พร้อมกัน ในวันเสาร์ที่ 10 กันยายน 2565 เวลา 18.00 น. ณ IMPACT ARENA เมืองทองธานีโดย “ก้อง สหรัถ” กล่าวว่า “ตอนที่ทีมงาน GMM SHOW โทรมาชวนทำคอนเสิร์ตด้วยกัน คิดไม่นานเลยครับ ตอบตกลงไปทันที เหมือนได้กลับบ้านที่ GMM GRAMMY ความรู้สึกตอนนี้คือนับวันรอ ว่าเมื่อไรจะถึงวันที่ 10 กันยายน ที่จะได้กลับมาเจอแฟนเพลง ในคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกของผมตั้งแต่เข้าวงการมา 34 ปี เพราะแฟนเพลงสำหรับผมเป็นพลังชีวิต เหมือนกับต้นไม้ที่ได้ปุ๋ยดีๆ มาเติมให้ชีวิตเรามีพลัง เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนที่จะทำให้เราได้เดินต่อไปบอกเลยว่าผมและทีมงาน พวกเราทุกคนตั้งใจและเต็มที่กับคอนเสิร์ตครั้งนี้มากครับ เพราะอยากให้แฟนๆ ประทับใจมากที่สุด รวมถึงซีนของแขกรับเชิญแต่ละท่านรับรองพิเศษแน่นอน แล้วมาเจอกันนะครับ”เปิดจำหน่ายบัตรแล้วตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2565 ที่ไทยทิกเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา แล้วมาเจอ “พี่ก้อง สหรัถ” ได้ในคอนเสิร์ต “KONG SAHARAT IN MY LIFE CONCERT” ที่จะรวบรวมเรื่องราว 34 ปี ในวงการบันเทิงของนักดนตรีตัวจริงภาพ : GMM SHOW

จำฝังใจ!! แม่เปลี่ยนไป เพราะปลดเบาผิดที่…

20 ต.ค. 2022

จำฝังใจ!! แม่เปลี่ยนไป เพราะปลดเบาผิดที่…

เรื่องราวชวนขนหัวลุกนี้ มาจากคุณฟีน สายแรกที่โทรเข้ามาแชร์ประสบการณ์ของคุณแม่ให้ดีเจแนน และดีเจเคเบิลได้คลุมโปงไปด้วยกัน ในรายการ “อังคารคลุมโปง” เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา (18 ตุลาคม 2565)คุณฟีนเล่าว่า ครอบครัวของคุณฟีนมีกิจการคณะลิเก ในช่วงๆ หนึ่งของทุกปี จะต้องเดินทางไปแสดงลิเกที่วัดชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรปราการ และในปีที่ทำให้ต้องพบกับประสบการณ์หลอนนั้น คือปี พ.ศ. 2545 ทางวัดได้จัดพื้นที่ให้คณะลิเกตั้งซุ้มคณะใกล้ๆ กับพื้นที่ก่อสร้างด้วยพื้นที่ที่จำกัดทำให้คณะลิเก จัดตั้งได้เพียงแค่ด้านหน้าเวทีการแสดงเท่านั้น ส่วนด้านหลังที่เป็นพื้นที่พักผ่อนหรือแต่งตัวแต่งหน้าของทีมงานและนักแสดง ต้องย้ายไปจัดอยู่ในพื้นที่ก่อสร้างข้างๆ ที่เป็นลักษณะลานกว้างและหลังคายังสร้างไม่เสร็จดี ถัดจากลานกว้าง ก็มีห้องๆ หนึ่งที่ยังเป็นโครงประตู หน้าต่างที่กำลังก่อสร้างอยู่และเนื่องจากทางวัดไม่เคยจัดให้โรงลิเกอยู่ในพื้นที่นี้มาก่อน ทำให้ระยะทางระหว่างโรงลิเกและห้องน้ำอยู่ห่างกันมาก ทีมงานและนักแสดงหลายคนจึงตัดสินใจปลดเบาที่ห้องห้องนั้นแทน...จนกระทั่งวันหนึ่ง ขณะที่ยังมีการแสดงลิเกอยู่นั้น คุณแม่ของคุณฟีนก็ได้ไปปลดเบาที่ห้องนั้นเช่นเคย หลังจากนั้นแกก็เริ่มมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรงราวกับว่ามีคนเอาไม้หน้าสามมาตีที่หัวอย่างไรอย่างนั้น!เมื่อการแสดงจบลง คนในครอบครัวก็สังเกตว่าอาการปวดหัวนั้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั้งทำให้ตาของคุณแม่เหล่ และเมื่อคุณแม่ไปหาหมอ ก็ได้รับมาเพียงยาพาราเซตามอลคุณฟีนเล่าต่ออีกว่า บ้านของเธอเป็นบ้าน 2 ชั้น ชั้นบนมี 4 ห้อง แบ่งเป็นฝั่งซ้ายขวาอย่างละ 2 ห้อง ซึ่งทางด้านขวาเป็นห้องพระ ในระหว่างที่คุณพ่อกำลังประคองคุณแม่เดินขึ้นมายังชั้น 2 จู่ๆ คุณแม่ก็ก้มหัวตัวเองลงกับพื้น จากนั้นก็ไถหัวแล้วเบนหน้าหนีจากห้องพระเพื่อขึ้นบันไดจนถึงห้องแล้วก็ปิดประตูทันที!คุณฟีนเสริมว่า ภายในห้องพระนั้น มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของต้นตระกูลอยู่มากมาย หนึ่งในนั้นคือพ่อแก่ที่ตกทอดมาตั้งแต่รุ่นปู่ของทวด ซึ่งไม่มีใครกล้าบูรณะให้เพราะหลายคนสัมผัสได้ถึงความดุของท่านเมื่ออาการของคุณแม่เริ่มหนักขึ้น บรรดาญาติๆ ต่างก็แวะเวียนมาเยี่ยมเยียน ไม่ต่างจากคุณลุง ผู้ซึ่งทำงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งแถบบางรัก คุณลุงเองก็อยากให้คุณแม่ไปรักษาที่โรงพยาบาลนี้ และตั้งใจจะไปขอให้คุณหมอที่สนิทกันช่วยรักษาให้เมื่อไปถึงโรงพยาบาล คุณหมอก็ยินดีรับคุณแม่เข้ารับการรักษา ซึ่งตอนนั้นคุณฟีนเองก็สัมผัสได้ว่าตอนนี้เหมือนคุณแม่ของเธอเหมือนมีสองคนอยู่ในร่างเดียว บางครั้งก็เป็นคุณแม่ที่คุณฟีนรู้จัก แต่ในบางครั้งก็จะแสดงท่าทีแปลกไปทางด้านลูกพี่ลูกน้องของคุณฟีน ก็รู้สึกแปลกใจเรื่องนี้เช่นกัน ขณะที่คุณแม่กำลังพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ญาติของคุณฟีน จึงลองสวดคาถาชินบัญชร พอสวดเสร็จก็สอดคาถาไว้ใต้หมอนของคุณแม่ จากนั้น คุณแม่ก็ตื่นขึ้น!แต่กลับกลายเป็นว่า คุณแม่ไม่ยอมนอนหนุนหมอนที่มีคาถาซ่อนอยู่ พร้อมกันนั้นแกกลับสลับเอาเท้าไปพาดกับหมอนแทน ก่อนจะพูดว่า “ไม่นอน ไม่อยากนอน ไม่เอา” ซ้ำวนไปมาหลายรอบ แล้วยังบอกอีกว่า “เอาบทสวดมนต์ออกไป” เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนเข้าใจแล้วว่า คุณแม่ต้องโดนของหรืออะไรบางอย่างแน่ๆ... แต่ก็จะรักษาด้านวิทยาศาสตร์ควบคู่กับความเชื่อไปด้วยผ่านไปได้ 3-4 วัน คุณอาที่รับหน้าที่เฝ้าคุณแม่ก็ได้โทรมาบอกว่า คุณแม่เริ่มอาการไม่ดี ให้รีบมาที่โรงพยาบาลด่วน ถ้าคืนนี้ไม่ไหว ก็อาจจะต้องปล่อยให้คุณแม่ไป เมื่อไปถึงโรงพยาบาล บรรดาญาติก็เห็นว่าคุณแม่ไม่ได้นอนซมเพราะป่วย แต่ลุกขึ้นมาพูดด้วยเสียงเล็กเสียงน้อยว่า “ขอตังค์หน่อยสิ ขอตังค์หน่อยได้ไหม” ญาติก็ถามกลับว่า “จะเอาตังค์ไปทำอะไร?” แม่ก็ตอบว่า “อยากได้เงิน ต้องใช้เงิน”หลังจากนั้นคุณหมอก็พาเข้าห้องไป เมื่อรักษาเสร็จก็พาออกมา และดูเหมือนว่า อาการของคุณแม่จะดีขึ้น แต่ก็ถูกมัดมือมัดเท้าเพราะมีสายท่อที่ใช้ในการรักษาระโยงระยางเต็มไปหมดทางครอบครัวยังคงรักษาคุณแม่ต่อในโรงพยาบาล ส่วนในแง่ของความเชื่อ ก็มีคนแนะนำมาว่าให้ไปหาพระวัดป่ารูปหนึ่งในจ.ราชบุรี เผื่อท่านจะช่วยได้ จากนั้นคุณย่าก็ไปหาพระรูปนั้น เพื่อนำวันเดือนปีเกิดของคุณแม่ไปให้ พอยื่นให้ท่าน ท่านก็พูดว่า “เขาโกรธนะ ไปเยี่ยวรดหัวเขาแบบนั้น คนมอญน่ะเขาโกรธนะ เขาจะเอาไปเลยนะ”นอกจากนี้ยังบอกอีกว่า “คนที่มาสิง เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ ผิวสองสี เป็นคนมอญ”และยังถามอีกว่า “มีลูก 2 คนใช่ไหม?” ย่าก็ตอบว่า “ใช่” พระท่านจึงแนะนำว่า “ให้คนโตบวช 15 วัน ส่วนคนเล็กให้เลิกกินเนื้อตลอดชีวิต และให้นำของไหว้ ไปที่ที่แม่เคยโดนของ แล้วก็ขอขมา บอกว่าเราไม่ได้ตั้งใจ” หลังจากนั้นไม่กี่วัน คุณย่าก็รีบไปทำพิธีตามที่พระท่านบอก คุณย่าเล่าให้ฟังว่า ที่ตรงนั้นทั้งมืด ทั้งน่ากลัว แต่ก็ทำการสวดมนต์และขอขมาจนเสร็จสิ้นกลับมาที่ฝั่งของโรงพยาบาล ก็เหมือนมีอะไรมาดลใจคุณหมอให้เดินมาที่เตียงของคุณแม่ แล้วถามคุณอาว่า “ขอถามหน่อยสิ คนไข้ตาเหล่มาตั้งแต่กำเนิดเลยไหม?” อาก็ตอบกลับว่า “ไม่ใช่ค่ะ” เมื่อคุณหมอได้ยินดังนั้น ก็ให้นักศึกษาแพทย์มาช่วยกันตรวจอาการของคุณแม่ทันที เพราะมีเคสน้อยมากที่จะปวดหัวจนตาเหล่แบบนี้ เมื่อคุณหมอได้วินิจฉัยเสร็จแล้ว ผลตรวจออกมาว่า คุณแม่มีอาการไวรัสขึ้นสมอง เป็นช่วงเวลาไล่เลี่ยกับที่คุณย่าได้ไปขอขมาพอดี คุณแม่ก็เริ่มมีอาการดีขึ้นแต่ก็ใช้เวลาเกือบ 1 เดือนเต็มเลยทีเดียวเมื่อได้ออกจากโรงพยาบาล คุณแม่ก็กลายเป็นคนที่พูดช้าลง รวมทั้งการกระทำต่างๆ ก็ด้วย แล้วคุณแม่ก็เล่าให้ฟังว่า “ก่อนที่แม่จะไปโรงพยาบาล แม่ก็ยืนอยู่หน้าห้องพระ แล้วพูดว่าพ่อแก่ ขอให้ลูกหายกลับมา ลูกจะบวช 15 วัน” แล้วก็บอกว่าตอนที่อยู่โรงพยาบาลแม่ฝันว่า “มีคนมาจ้างลิเกให้ไปเล่นบนสวรรค์ แม่ก็ชักรอกขึ้นไป แล้วก็มีคนเอาตุ๊กตามาให้แม่ถือเต็มมือเลย แต่แม่ก็ทำหล่น คนข้างล่างที่เป็นเหมือนคนมอญก็พูดขึ้นมาว่าทำหล่นเหรอ แล้วก็โดนด่า” แล้วยังฝันอีกว่า “แม่กระโดดข้ามตึกไปมา แล้วก็ไม่ตาย มีคนมาช่วย แล้วก็เห็นคนที่ตายทุกคนมายืนล้อมเตียงเหมือนพยายามจะมาช่วยแม่”หลังจากนั้น คุณแม่และพี่ชายของคุณฟีนก็ไปบวช ส่วนคุณฟีนก็เลิกกินเนื้อตลอดชีวิต และคุณแม่ก็ได้ไปหาพระรูปนั้นที่คุณย่าเคยไปหา พระท่านก็แนะนำอีกว่า “ให้เลิกกินหอยที่มีคนเอาไปปล่อย พยายามทำบุญตักบาตรเรื่อยๆ นะ”แต่หลายคนก็สงสัยว่ามีทีมงานและนักแสดงหลายคนที่ไปปลดเบาในห้องนั้น ไม่เห็นมีใครมีอาการเหมือนคุณแม่เลย ท่านจึงบอกว่า “อาจเพราะดวงกำลังตก และเป็นคนจิตอ่อนทำให้โดนได้ง่าย”นับตั้งแต่วันนั้น คุณแม่ก็ยังคงพูดช้าจวบจนทุกวันนี้ แต่ก็ไม่มีอาการแปลกๆ เหมือนช่วงที่เข้าโรงพยาบาลอีกเลย... สามารถติดตามชมความหลอนย้อนหลังแบบเต็มๆได้ทางหากคุณชอบเรื่องหลอน และอยากแชร์ประสบการณ์ขนหัวลุก รับชมรายการสดได้ทุกวันอังคาร เวลา 20.00-22.00 น. ทางคลื่นวิทยุ EFM94 และ App : Atimefungfin

บอยซ์ไทย ห้ามพลาด 30 กรกฎาคมนี้ เจอ ‘จอง ยงฮวา’ แน่ๆ ! กับงาน 2023 JUNG YONG HWA LIVE 'ALL-ROUNDER' IN BANGKOK

16 พ.ค. 2023

บอยซ์ไทย ห้ามพลาด 30 กรกฎาคมนี้ เจอ ‘จอง ยงฮวา’ แน่ๆ ! กับงาน 2023 JUNG YONG HWA LIVE 'ALL-ROUNDER' IN BANGKOK

บอยซ์ไทยไปกับหนุ่ม จอง ยงฮวา พี่ใหญ่จากวง CNBLUE หนุ่มหล่อครบเครื่อง ทั้งงานร้องเพลง การแต่งเพลง หรืองานแสดง ที่มีโอกาสทำเมื่อไหร่ก็มักจะได้รับความรักและการสนับสนุนจากแฟนคลับ และแฟนเพลง อย่างล้นหลาม ซึ่งในปี 2023 นี้ได้เริ่มเปิดฉากทัวร์คอนเสิร์ตเดี่ยวไปในเมืองต่างๆ จนขึ้น Sold Out ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังเปิดจำหน่ายบัตร!!!โดยในคอนเสิร์ตครั้งนี้หนุ่มยงฮวาก็ไม่พลาดที่จะกลับมาประเทศไทยในรอบหลายปีเพื่อมาเขย่าใจแฟนๆ บอยซ์ไทย ต้องโดนตกอีกครั้ง!!! ใน “2023 JUNG YONG HWA LIVE 'ALL-ROUNDER' IN BANGKOK” วันอาทิตย์ที่ 30 กรกฎาคม 2566 เวลา 6 โมงเย็น ณ ยูเนี่ยนฮอลล์ เปิดจำหน่ายบัตร :วันเสาร์ที่ 10 มิถุนายน 2566 ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป ทางเว็บไซต์ www.ticketmelon.com บัตรราคา 6,500 / 5,500 /4,800 / 3,800 และ 2,500 บาทภาพ Bestwarin

album

0
0.8
1