เมื่อสถานบันเทิง ไม่ได้ให้ความบันเทิงอย่างที่คุณคิด! รวม 3 เรื่องสั้น ‘สถานไม่บันเทิง’ จาก ‘ตั้น The Shock’

ENTERTAINMENT NEWS

เมื่อสถานบันเทิง ไม่ได้ให้ความบันเทิงอย่างที่คุณคิด! รวม 3 เรื่องสั้น ‘สถานไม่บันเทิง’ จาก ‘ตั้น The Shock’

02 ธ.ค. 2022

หนึ่งในสถานที่ที่ใครหลายคนเลือกไปคลายทุกข์ แล้วปลดปล่อยความสนุกคงหนีไม่พ้น ‘สถานบันเทิง’ แต่เรื่องราวที่คุณ ‘ตั้น The Shock’ นำมาเล่า อาจทำให้นักท่องราตรีหลายคนต้องมีเสียวสันหลังกันบ้าง กับ 3 เรื่องหลอนในตีม ‘สถานไม่บันเทิง’ ในรายการ ‘อังคารคลุมโปง’ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (29 พฤศจิกายน 2565)

เรื่องแรกที่จะเล่าต่อไปนี้ คุณตั้นบอกว่าเป็นเรื่องที่เล่ากันปากต่อปาก เกิดขึ้นที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ในภาคอีสาน ที่แห่งนี้เป็นศูนย์รวมแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ มีทั้งโรงแรม สถานบันเทิง คาราโอเกะ รวมถึงอาบอบนวดด้วย แต่ในปัจจุบันมีแค่โรงแรมเท่านั้นที่ยังเปิดบริการอยู่ แต่นอกนั้นได้ปิดทำการไปเรียบร้อยแล้ว

เนื่องจากเป็นสถานบันเทิงที่มีขนาดใหญ่ ทำให้มีพนักงานที่เป็นช่างซ่อมบำรุงเข้าออกอยู่บ่อยครั้ง วันหนึ่ง ทางสถานบันเทิงแห่งนี้ได้มีการแจ้ง ‘พี่ชัย (นามสมมติ)’ ให้เข้ามาซ่อมไฟเพดาน การเข้าไปซ่อมครั้งนี้ กำหนดเวลาไว้ที่ 2 ทุ่ม พี่ชัยพร้อมกับลูกน้องอีก 1 คน เตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ  และบันไดลิงเพื่อที่จะปีนขึ้นไปซ่อมไฟบนเพดาน เมื่อเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว พี่ชัยก็ขอไปเข้าห้องน้ำ…

ในระหว่างที่เดินไปเข้าห้องน้ำ พี่ชัยก็รู้สึกว่าทางเดินนี้มันมืดเกินไป และก็มองเห็นเป็นเงาคนอยู่ข้างหน้า แต่ก็คิดว่าคงเป็นพนักงานของที่นี่ จากนั้นก็เดินตามเขาไป จังหวะที่เดินไปนั้น ก็เกิดเสียง “ปึ้ง!” พี่ชัยเดินชนเข้ากับกำแพง! ในใจจึงคิดว่า “อ้าว...แล้วเขาเดินไปไหนวะ? แล้วห้องน้ำไปทางไหน?” แล้วก็คลำกำแพงเพื่อหาทางเดินไปต่อ คิดว่าตาคงพร่าเพราะความมืด เมื่อเข้าห้องน้ำเสร็จแล้วจึงเดินกลับมา มองซ้ายมองขวาหาลูกน้องก็ไม่เจอ พวกอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เตรียมไว้ก็ไม่มี สงสัยจะขึ้นไปข้างบนแล้ว งั้นเดี๋ยวจะตามขึ้นไป…

คิดได้ดังนั้น พี่ชัยก็ปีนบันไดตามขึ้นไป ด้วยความมืดก็เปิดไฟที่คาดอยู่กับหัวแล้วส่องมองขึ้นไป ก็พบว่าเป็นขาที่สวมชุดพนักงาน พี่ชัยคิดในใจว่านี่คงเป็นลูกน้องของตัวเองแน่ ๆ จึงแกล้งเงียบ เพราะอยากให้ตกใจ จากนั้นก็ค่อย ๆ ปีนย่องขึ้นไปจับขาคู่นั้น ในจังหวะที่เอื้อมมือไปจับขาก็มีเสียงคุ้นหูเรียก “พี่ชัย! ขึ้นไปทำอะไร ไม่รอกันเลยนะ” พี่ชัยคิดในใจว่า “เสียงมาจากไหนวะ?” ระหว่างนั้นเสียงคุ้นหูก็ตะโกนดังขึ้นมาอีกว่า “พี่ชัย ลงมาก่อน ของยังอยู่นี่อยู่เลย” ตอนนี้พี่ชัยรู้แล้วว่าเสียงอยู่ข้างล่าง แต่มือยังจับขาคู่นั้นอยู่ไม่ปล่อย พี่ชัยหันไปมองข้างล่าง แสงไฟจากไฟฉายคาดหัวสาดส่องไปหาลูกน้องที่อยู่ข้างล่าง จากนั้นพี่ชัยก็ค่อย ๆ เงยหน้ากลับขึ้นไปมองด้านบน สิ่งที่จับอยู่นั้นมั่นใจได้เลยว่าเป็นขา แต่มีแค่ขาเท่านั้น! ท่อนบนไม่มีอะไรทั้งนั้น! พี่ชัยตกใจสุดขีด รีบปล่อยมือและพลาดตกลงมาทันที

เมื่อสืบไปสืบมาก็พบว่า ก่อนหน้าที่พี่ชัยจะได้รับการจ้างวานให้เข้ามาทำงาน เคยมีช่างที่เข้ามาซ่อมฝ้าแล้วก็ถูกไฟช็อตจนเสียชีวิต เขาก็อาจจะเป็นช่างคนนั้นก็เป็นได้...

เรื่องถัดมา ต้องขอย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว ช่วงที่สถานบันเทิงยังสามารถเปิดได้ถึงตี 2-3 มีแม่บ้านคนหนึ่ง นามสมมติว่า ‘ป้าพิมพ์’ อายุประมาณ 60 ปี รับหน้าที่ทำความสะอาดอยู่ในส่วนเดียวกับที่พี่ชัยเข้าไปซ่อมไฟ และชอบมากวาดพื้นโดยจะห้ามไม่ให้คนอื่นเข้ามาช่วย เพราะมักจะมีเศษเงิน หรือของมีค่าเล็ก ๆ น้อย ๆ ตกตามพื้น ป้าพิมพ์จะได้เก็บไว้คนเดียว และด้วยความที่ป้าพิมพ์ไม่อยากให้ใครเข้ามาช่วยหรือแอบมาเก็บของมีค่าไป จึงจะกวาดพื้นจากหน้าเวทีไล่ไปจนถึงประตูทางออก เพื่อที่จะได้มองประตูอยู่ตลอดเวลา

คืนหนึ่ง หลังจากที่สถานบันเทิงปิดบริการ ป้าพิมพ์ก็บอกให้ทุกคนกลับบ้าน ส่วนตัวเองจะอยู่ทำความสะอาดคนเดียวเช่นเคย ระหว่างที่ป้าพิมพ์กวาดขยะอยู่นั้นก็เงยหน้าขึ้นมา เห็นผู้หญิงคนนึง ใส่เสื้อผ้าดูเป็นนักท่องราตรี เธอยืนอยู่ที่โต๊ะถัดไปจากจุดที่ป้าพิมพ์ยืนอยู่ประมาณ 3-4 โต๊ะ ป้าพิมพ์ก็ตกใจ แล้วร้องถามว่า “หนู! ที่นี่ปิดแล้วนะ หนูไม่กลับบ้านหรอ? หนูรอใครอยู่” ผู้หญิงคนนั้นนิ่งแล้วก็ตอบกลับว่า “หนูมารอแฟน” ด้วยความสงสัยป้าพิมพ์ก็ถามต่อไปว่า “แล้วแฟนหนูไปไหนแล้ว?” อีกฝ่ายตอบกลับมาว่า “หนูก็ไม่รู้” ป้าจึงพูดไปว่า “อ้าว แล้วทำไมไม่กลับบ้านล่ะ?” ผู้หญิงคนนั้นก็ตอบกลับว่า “หนูก็ไม่รู้จะกลับยังไง” ป้าพิมพ์ที่เป็นห่วงจึงบอกไปว่า “งั้นรอป้ามั้ย? ป้าจะไปส่ง” อีกฝ่ายตอบกลับด้วยเสียงนิ่งเรียบว่า “หนูไปไหนไม่ได้ หนูต้องอยู่ที่นี่…

ป้าพิมพ์ที่ในใจเต็มไปด้วยความมึนงงแต่ก็ไม่ได้จะซักไซ้ถามต่อ จึงกลับมาทำหน้าที่ของตัวเอง เมื่อกำลังกวาดไล่เข้าไปใกล้อีกฝ่ายขึ้นเรื่อย ๆ สิ่งที่ป้าพิมพ์มองเห็นก็คือร่างกายของผู้หญิงคนนี้ก็เริ่มบวมและปริเหมือนกำลังจะแตก ผิวเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียว สิ่งที่ป้าพิมพ์เห็นชัดที่สุดเลยก็คือลิ้นของผู้หญิงคนนี้จุกปาก แล้วเธอก็บอกกับป้าพิมพ์ว่า “หนูต้องอยู่ จนกว่าเขาจะให้หนูไป...” จากนั้นผู้หญิงคนนี้ก็ค่อย ๆ เดินผ่านไหล่ของป้าพิมพ์ไป ป้าพิมพ์ก็หันตามไปดู แล้วร่างของผู้หญิงคนนั้นก็หายไป ไม่ทันไรก็มีเสียงกรี๊ดของผู้หญิงจากข้างบนดังสนั่นไปทั่วทั้งบริเวณ พอป้าพิมพ์เงยหน้ามองขึ้นไป ก็เห็นเป็นร่างของผู้หญิงคนนึงแขวนคอห้อยลงมา!

รู้ตัวอีกที ก็ได้ยินเสียงจากใครบางคนพูดว่า “ป้าทำอะไร ทำไมไม่กลับบ้าน? หวงเงินถึงกับต้องนอนเฝ้าที่นี่เลยหรอ” ป้าพิมพ์จึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง แล้วทุกคนที่ได้ฟังต่างก็งงว่าผีผู้หญิงที่ว่านี้ มาจากไหน? ลุงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ทำงานอยู่ที่มานานที่สุด จึงเล่าว่าน่าจะเป็นผู้หญิงคนนึง เป็นนักเที่ยวแล้วดันมาชอบนักร้องคนนึง แต่ก็เหมือนถูกหลอกให้มานั่งเฝ้าเขาทุกคืน แต่นักร้องคนนั้นก็ไม่เคยกลับพร้อมกับเธอเลย จนวันหนึ่ง ผู้หญิงคนนี้ก็จับได้ว่านักร้องคนนี้กลับไปกับผู้หญิงคนอื่น ด้วยความเสียใจเพราะโดนหลอก จึงแขวนคอฆ่าตัวตาย!!

และเรื่องสุดท้าย เกิดขึ้นในโรงแรมที่มีอาบอบนวดเปิดให้บริการ นักเที่ยวคนหนึ่งเดินทางมาจากต่างจังหวัดพร้อมกับกลุ่มเพื่อน ขอใช้นามสมมติว่า ‘บอย’ เขาเป็นนักเที่ยวอาบอบนวดที่ไปมาแทบทุกจังหวัด เมื่อมาเยือนถึงจังหวัดนี้ ก็ต้องลองใช้บริการที่นี่สักหน่อย

คืนนั้นบอยรู้สึกว่าสาว ๆ ที่อยู่ในตู้ข้างหน้า ช่างไม่โดนใจเขาเอาเสียเลย จนเพื่อนที่มาด้วยกันเลือกได้แล้วก็ขึ้นไปเรียบร้อยแล้ว บอยก็ยังนั่งรออยู่ หวังว่าจะมีสักคนที่โดนใจเขาสักที เวลาล่วงเลยไปถึง 5 ทุ่ม สาว ๆ ในตู้หลาย ๆ คนก็เริ่มไปรับแขก พนักงานเชียร์แขกก็เริ่มเอือมระอากับบอยที่ไม่ยอมเลือกผู้หญิงสักที จึงไม่ขอยุ่งและไม่สนใจบริการบอย

ระหว่างนั้นบอยก็จิบเครื่องดื่มไปเรื่อย ๆ มีคนเข้าออกวนเวียนไปมา ปรากฏว่าบอยหันไปสะดุดตากับผู้หญิงคนนึง เดินออกมาจากประตูทางเดิน แล้วก็มานั่งอยู่คนเดียว บอยถูกใจมากแต่ก็ขอดูอีกหน่อยว่าสวยโดนใจจริงหรือไม่ เพราะไฟในที่นี่มักจะหลอกตา เมื่อนั่งเพ่งจนรู้สึกว่าคนนี้ใช่ จึงกวักมือเรียกพนักงานเชียร์แขก แต่ก็ไม่มีใครสนใจ พอหันกลับไปมองที่ผู้หญิงคนนั้นอีกรอบ ก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติของผู้หญิงคนนี้..

โดยปกติสาว ๆ ในตู้กระจกก็มักจะนั่งแต่งหน้าบ้าง หรือมองลูกค้าไปเรื่อยเปื่อย แต่กับเธอไม่ใช่ เธอมองจ้องมาที่บอยอย่างเห็นได้ชัด บอยสบตากลับไป จากนั้นผู้หญิงคนนั้นก็เริ่มร้องไห้ จากน้ำตาสีใสกลายเป็นสีแดงเหมือนเลือด จนทั้งตัวเริ่มเปียกเป็นสีแดงไปหมด ตามธรรมชาติของคนเมื่อเจอเรื่องแบบนี้ก็จะต้องโวยวายหรือรีบเข้าไปถามไถ่ว่าเป็นอะไร ไม่ก็หาคนมาช่วย แต่ ณ ตอนนั้น บอยกลับขยับตัวไม่ได้!

ไม่นานบอยก็ได้ยินเสียงดังเข้ามาในหูว่า “มึงฆ่ากูทำไม” พูดย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ อยู่แบบนั้น ตัวบอยเองนั้นพูดไม่ได้ ขยับตัวไม่ได้ ในระหว่างที่คิดอยู่ในหัวว่าจะทำยังไง ผู้หญิงคนนั้นก็เริ่มลุกขึ้น เดินลงมาจากบันไดทีละขั้นด้วยความไม่เป็นธรรมชาติ เหมือนเดินลงมาแล้วขาหักไปทีละข้าง จนล้มลงไปแล้วก็คลานมากับพื้น เธอลากตัวเองมาจนถึงที่กั้น ส่วนมือก็ข้ามกระจกออกมา ตรงมาหาบอยที่นั่งอยู่! ระหว่างที่คลานมาบอยก็ได้ยินเสียงในหูดังอยู่ตลอดว่า “มึงฆ่ากูทำไม!”

เมื่อเข้ามาประชิดตัว มือทั้ง 2 ข้างของผู้หญิงคนนี้จิกอยู่ที่ขาของบอย แล้วก็เงยหน้ามอง แล้วปากก็พูดว่า “มึง ฆ่า กูทำ ไม!” หลังจากนั้นบอยก็รู้สึกเหมือนหลุดจากภวังค์ แล้วก็ตะโกนขึ้นมาว่า “กูไม่ได้ทำ!” จากนั้นภาพก็ตัดไป!

เมื่อรู้สึกตัว บอยที่อยู่ในสภาพน็อคอยู่กับเก้าอี้ลืมตาขึ้นมาก็เห็นกลุ่มเพื่อน และพนักงานเชียร์แขกมารุมถามว่าเกิดอะไรขึ้น บอยได้เล่าเรื่องที่เจอให้กับทุกคนฟังถึงได้รู้ว่า ผู้หญิงคนนี้เธอเคยให้บริการอยู่ที่นี่จริง ๆ แต่ถูกชาวต่างชาติทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตอยู่ในห้องที่ให้บริการ ทำให้สภาพที่บอยเห็นว่ามีขาหักแขนหักนั้น ก็อาจจะเกิดจากการโดนซ้อมจนกระดูกหักนั่นเอง

ติดตามความหลอนย้อนหลังได้

related ENTERTAINMENT NEWS

Netflix ประกาศไลน์อัพที่จ่อสตรีมให้ชมตลอดปี 2024 และเตรียมพบกับ ‘อังคารคลุมโปง: เอ็กซ์ตรีม’ ซีรีส์ผีจากเรื่องเล่าหลอนในรายการวิทยุ

03 ก.พ. 2024

Netflix ประกาศไลน์อัพที่จ่อสตรีมให้ชมตลอดปี 2024 และเตรียมพบกับ ‘อังคารคลุมโปง: เอ็กซ์ตรีม’ ซีรีส์ผีจากเรื่องเล่าหลอนในรายการวิทยุ

Netflix ประเทศไทย จัดงานสุดยิ่งใหญ่ประเดิมต้นปีด้วยการประกาศไลน์อัพผลงานหลากรสชาติ ปี 2024ในงาน Next on Netflix Thailand ซึ่งนอกจากผลงานที่น่าตื่นเต้นจากทั่วโลกแล้ว ยังมีการเปิดตัวคอนเทนต์ไทยใน ‘ทีไทย ทีมันส์’ อัดแน่นซีรีส์และภาพยนตร์ 8 เรื่องเยี่ยม ที่จะทยอยสตรีมสู่สายตาผู้ชมชาวไทยและอีกกว่า 190 ประเทศทั่วโลก เพื่อประกาศความยิ่งใหญ่ และคุณภาพที่เข้มข้นของอุตสาหกรรมบันเทิงไทยด้วยโดย ยงยุทธ ทองกองทุน ผู้อำนวยการฝ่ายคอนเทนต์ประจำประเทศไทยของ Netflix กล่าวว่า“ผมเชื่อมาโดยตลอดว่าเรื่องราวไทย ๆ มีเสน่ห์เฉพาะตัว และมีความเป็นสากล ปีนี้เราจึงก้าวไปอีกขั้นกับงานคุณภาพระดับโลกความหลากหลายของคอนเทนต์ รวมถึงการเล่าเรื่องในแบบที่ผู้ชมชาวไทยอาจไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นแนวไซไฟ สยองขวัญ โรแมนติกคอเมดี้ หรือดราม่าพรีเมียมสุดแซ่บ เราตั้งใจให้คอนเทนต์ในปีนี้มีหลากหลายและครบรสยิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์ผู้ชมทุกแนว ที่คาดหวังจะได้เห็นงานโปรดักชันที่ดีที่สุด“โดยในปีนี้ Netflix ก็ได้ยกระดับมาตรฐานไปอีกขั้นผ่านการร่วมงานกับผู้สร้างระดับแถวหน้าของไทยทั้งผู้กำกับชื่อดังและผู้กำกับดาวรุ่ง ผู้ผลิตคอนเทนต์ไทยมากฝีมือ รวมถึงเหล่านักแสดงมากความสามารถอีกคับคั่ง เพื่อปักธงให้ปี 2024 นี้เป็นปีแห่งการพลิกโฉมอุตสาหกรรมบันเทิงไทยอย่างแท้จริง”จากไลน์อัพคอนเทนต์ซึ่งประกาศเปิดตัวในงาน Next on Netflix Thailand 2024 ผู้ชมจะได้เห็นตั้งแต่การใช้เทคนิค VFXถ่ายทอดภาพอนาคตของเมืองไทยในซีรีส์เรื่อง ‘Tomorrow and I’ ไปจนถึงการนำละครเมโลดราม่าสไตล์ไทยมาเล่าแบบเล่นใหญ่ ชิงไหวชิงพริบ และหักเหลี่ยมเฉือนคมในซีรีส์เรื่อง ‘สืบสันดาน’ ยิ่งไปกว่านั้น Netflix ยังมีความตั้งใจจะขยายขอบเขตความหลากหลายของคอนเทนต์ไทย ไปสู่ประเด็นสังคมที่นับว่าสดใหม่สำหรับผู้ชมชาวไทยและยังไม่เคยมีใครหยิบมาเล่า ไม่ว่าจะเป็นประเด็นศาสนาในซีรีส์เรื่อง ‘สาธุ’ และประเด็นของเซ็กซ์ในซีรีส์เรื่อง ‘Doctor Climax ปุจฉาพาเสียว’เพราะคนไทยกับเรื่องผีเป็นของคู่กัน Netflix ยังเซอร์ไพรส์ผู้ชมด้วยการนำเรื่องราวสุดหลอนจาก อังคารคลุมโปง X รายการวิทยุสุดฮิตมาเล่าใหม่ในรูปแบบของซีรีส์สยองขวัญเรื่อง ‘อังคารคลุมโปง: เอ็กซ์ตรีม’ และพาผู้ชมดำดิ่งลงสู่ปมปริศนาชวนขนลุกในซีรีสเรื่อง ‘อย่ากลับบ้าน’ พร้อมกันนี้ยังประกาศสร้างภาคแยกของซีรีส์ ‘Bangkok Breaking มหานครเมืองลวง’ ซึ่งจะมาในเวอร์ชันภาพยนตร์ที่จะเข้มข้นขึ้นและระทึกยิ่งขึ้นไปกับฉากบู๊จัดเต็ม โดยใช้ชื่อว่า ‘Bangkok Breaking: ฝ่านรกเมืองเทวดา’แต่ก่อนหน้านั้น Netflix ขอเปิดปีอย่างสดใสด้วยซีรีส์ ‘Ready, Set, Love เกมชนคนโสด’ ผลงานแนวโรแมนติกคอเมดี้สีลูกกวาด ที่อาจแฝงความหมายไว้มากกว่าที่คิด ซึ่งพร้อมสตรีมให้ได้รับชมในกว่า 190 ประเทศทั่วโลกในวันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้ที่ Netflix เท่านั้นรอติดตามชมความบันเทิงจัดเต็มจากไอน์อัพคอนเทนต์ฝีมือคนไทยใน ‘ทีไทย ทีมันส์’ ได้ตลอดทั้งปี 2024 นี้ผ่านทาง Netflixภาพ : Netflix

ปากดีเป็นเหตุ เมื่อเข้าห้องพักหลอน แล้วเจอวิญญาณสยองนองเลือด พร้อมเสียงกระซิบข้างหู “มึงอยากเห็นกูตายมั้ยล่ะ” คลั่งจนธาตุแตก! | อังคารคลุมโปง

29 ธ.ค. 2022

ปากดีเป็นเหตุ เมื่อเข้าห้องพักหลอน แล้วเจอวิญญาณสยองนองเลือด พร้อมเสียงกระซิบข้างหู “มึงอยากเห็นกูตายมั้ยล่ะ” คลั่งจนธาตุแตก! | อังคารคลุมโปง

ช่วงวันหยุดยาวแบบนี้ หลายคนมีแพลนไปเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ แน่นอนว่าต้อง ‘เช่าห้องพัก’ ค้างคืนกันบ้าง หรือใครที่ต้องเดินทางไปทำงานต่างจังหวัด ก็คงจะคุ้นเคยกับการหาห้องพัก ที่ในบางครั้งเราก็คาดเดาไม่ได้ เช่นเดียวกับเรื่อง ‘ห้องพักรายวัน’ จากคุณหยก แม่มณี ที่ได้โทรเข้ามาเล่าประสบการณ์หลอนของรุ่นพี่ที่เจอดีจนต้องแอดมิทเข้าโรงพยาบาล ในรายการ ‘อังคารคลุมโปง’ ที่ผ่านมา (20 ธันวาคม 2565)คุณหยกเล่าว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับ ‘คุณโก้’ รุ่นพี่ที่รู้จักกัน ตอนนั้นคุณโก้ต้องเดินทางไปคุยงานกับลูกค้าที่ต่างจังหวัดพร้อมกับรุ่นน้องอีก 1 คน เมื่อไปถึงทั้งคู่ก็หาโรงแรมเพื่อพักผ่อน ซึ่งไม่ได้มีการจองล่วงหน้า ทำให้ไม่ทราบว่าทุกห้องของโรงแรมนั้นถูกจองเต็มไปหมดแล้ว พนักงานจึงแนะนำที่พักอื่นใกล้ ๆ กันให้ คุณโก้จึงเลือกโรงแรมที่ใกล้กับบ้านของลูกค้า เพื่อที่จะได้เดินทางไปง่ายเมื่อไปถึงโรงแรมนั้น ทั้งคู่ก็ตกใจ เพราะลักษณะภายนอกนั้นดูเหมือนกึ่งอะพาร์ตเมนต์กึ่งม่านรูดผสมกัน จากนั้นเด็กรับรถก็เดินเข้ามาทักทาย “ค้างคืนหรือชั่วคราวครับพี่?” คุณโก้จึงตอบกลับไปว่า “ค้างคืนเท่าไหร่อ่ะน้อง?” เด็กรับรถตอบว่า “300 ครับพี่” นั่นทำให้คุณโก้รู้สึกตกใจมาก และคิดว่ามันถูกเกินไป จึงถามกลับไปว่า “ไม่ใช่มีของแถมอะไรนะ” เด็กรับรถตอบกลับทันควันว่า “พวกถุงยางหรืออุปกรณ์เสริมอื่น ๆ พี่ซื้อเองได้เลยครับ” คุณโก้ที่ไม่ได้หมายความอย่างว่าจึงตอบไปว่า “ไม่ใช่ ชั้นหมายถึงผี!” เด็กรับรถเงียบไปสักพัก แล้วก็ตอบกลับว่า “ทุกที่มีคนตาย อยู่ที่ว่าพี่จะเจอหรือเปล่า” เมื่อทำอะไรมากไม่ได้ คุณโก้ก็ตกลงเข้าพัก แล้วแยกย้ายกับน้องที่มาด้วย เพื่อเข้าห้องของใครของมัน...เมื่อเข้าห้องพัก คุณโก้ก็เตรียมอุปกรณ์เพื่อที่จะไปอาบน้ำ นั่นทำให้คุณโก้สังเกตุเห็นผ้าม่าน พอเปิดม่านออกก็จะพบกับอ่างอาบน้ำ เรียกได้ว่าวิวดีเกินราคาสุด ๆ หลังจากนั้นคุณโก้ก็เตรียมน้ำแล้วลงไปแช่ในอ่าง กลิ่นหอมของสบู่คละคลุ้งไปทั่วทั้งบริเวณ เวลาผ่านไปสักพัก กลิ่นเหม็นเน่าคาวเลือดก็แทรกเข้ามาแทนที่ คุณโก้จึงพยายามเดินตามหาที่มาของกลิ่น แต่ยิ่งเดินเข้าไปใกล้เท่าไหร่ ก็ดูเหมือนกลิ่นนั้นจะลอยไกลออกไปทุกที คุณโก้จึงคิดว่าหรือมันจะมาจากช่องระบายอากาศ แต่เมื่อเปิดดูแล้วก็ไม่พบอะไรที่ผิดปกติ จึงตัดสินใจเลิกหาต้นตอ และรีบอาบน้ำให้เสร็จเมื่อทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย คุณโก้ก็นอนหลับไป จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงเที่ยงคืน คุณโก้รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ จึงตะแคงพลิกตัวด้วยความงัวเงียเพื่อที่จะลุกขึ้น หน้าของคุณโก้หันไปทางกระจกห้องน้ำ แต่แล้วก็รู้สึกว่าขยับตัวไม่ได้ จากนั้นคุณโก้ก็ค่อย ๆ ลืมตา ก็รู้สึกเหมือนมีคนมาถ่างตาขึงไว้ให้มันตึงจนเหมือนตาจะถลนออกมา! และผู้หญิงที่เปลือยกายยืนหันหลังให้ก็ปรากฏขึ้นมา คุณโก้พยายามร้องและดิ้นแต่ก็ไม่สำเร็จ จากนั้นผู้หญิงคนนั้นก็ค่อย ๆ หันหน้ามาแล้วก็ยิ้มมุมปากมาให้คุณโก้!สิ่งที่คุณโก้ทำคือด่า! แต่ด่าในใจว่า “โถ่ อีชะนี มึงจะมายั่วอะไรกู กูเป็นตุ๊ด!” และก็บอกว่า “ถ้าจะอำแล้วอำกูแค่นี้ มึงจะทำเพื่ออะไร?” สิ้นเสียงในใจนั้น ก็มีเสียงเล็กแหลมลอดเข้ามาในหูว่า “แล้วมึงอยากเห็นกูตายมั้ยล่ะ?” จากนั้นผู้หญิงคนนั้นก็หันทั้งตัวกลับมา เผยให้เห็นใบหน้าและสรีระที่สะสวย ริมฝากเคลือบลิปสติกสีแดงสด เธอค่อย ๆ หย่อนตัวลงในอ่างอาบน้ำ แล้วค่อย ๆ บรรจงอาบน้ำให้คุณโก้เห็น คุณโก้ที่ควบคุมความคิดไม่ได้ก็คิดอยู่ในใจว่า “มึงจะอาบให้กูดูทำไมวะ?” จากนั้นเธอก็ดำลงไปในอ่างแล้วก็ขึ้นมาพร้อมกับหันหน้ามาหาคุณโก้ รอยยิ้มที่มุมปากผุดขึ้นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับดูน่ากลัวกว่าครั้งแรก! เพราะมุมปากเริ่มสูงขึ้นจนเกือบจะถึงโหนกแก้ม ไม่นานเธอก็ลุกขึ้นแล้วมายืนที่หน้าอ่างล้างหน้า มือซ้ายก็หยิบอะไรบางอย่าง คุณโก้คิดในใจอีกครั้งว่า “อย่ามาหลอกมาหลอนกูเลย เดี๋ยวจะทำบุญไปให้ก็ได้” พร้อมกับสวดทุกบทที่รู้จัก แต่ไม่นาน ผู้หญิงคนนั้นก็หันหน้ามายิ้มอย่างสยดสยองอีกครั้ง แล้วก็บอกว่า “มึงพร้อมจะเห็นกูตายหรือยัง?”หลังจากนั้น มือซ้ายที่หยิบเอาใบมีดโกนขึ้นมา แล้วก็กรีดตั้งแต่กกหูลากมาจนถึงต้นคอ ยาวมาจนถึงราวหน้าอกซ้ายแล้วก็สะบัดแรง ๆ ไม่พอแค่นั้น เธอยังแอ่นตัวเพื่อให้เลือดกระฉูดออกมา! เธอหัวเราะออกมาด้วยเสียงเล็กแหลมสยดสยอง พร่ำพูดว่า “มึงอยากเห็นกูตายอีกมั้ย...มึงอยากเห็นกูตายอีกมั้ย!” แล้วเธอก็กรีดตามเนื้อตามตัวด้วยความบ้าคลั่ง ภาพนั้นทำให้คุณโก้สั่นเทาด้วยความกลัวอย่างถึงขีดสุด จึงพยายามเหลือกตาให้เหลือแค่ตาขาวเพื่อที่จะได้น็อคหลับไป… สักพักไม่นาน คุณโก้ก็รู้สึกว่าทุกอย่างเริ่มผ่อนคลาย แต่ก็ยังขยับตัวไม่ได้ คุณโก้ยังรู้สึกตาพร่ามัว แต่นั่นไม่ใช่เพราะหลับตา แต่ขณะนั้นยังลืมตาอยู่แค่ยังโฟกัสไม่เข้าที่ เมื่อเริ่มเห็นภาพชัดขึ้น ก็รู้สึกได้ว่ามีสองมือเหม็นคาวเลือดมาโอบจากด้านหลังมากระชับที่เอวของคุณโก้ด้วยแรงแน่น จากนั้นก็มีคอมาวางเกยไหล่คุณโก้ พร้อมกับเสียงสยองเดิมว่า “มึงอยากเห็นกูตายอีกรอบมั้ยล่ะ?” คุณโก้คิดในใจว่า “ไม่ต้องตายแล้วแหล่ะ” สภาพของคุณโก้ตอนนี้ธาตุแตก ฉี่แตกเละเทะ ตาเหลือก นอนไม่ได้สติอยู่อย่างนั้น…เช้าวันต่อมา น้องที่มาด้วยกันก็มาเคาะที่ห้อง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับ โทรไปก็ไม่มีใครรับ รถก็ยังจอดแน่นิ่งอยู่ จึงถามพนักงานแถวนั้นว่ามีเห็นใครออกมาจากห้องนี้หรือยัง ทางพนักงานก็ส่ายหัว เมื่อเห็นท่าไม่ดีจึงขอให้ใช้กุญแจสำรองเปิดห้อง พอเข้าไปก็พบคุณโก้นอนอยู่บนเตียงด้วยสภาพที่แทบจะดูไม่ได้ ตาเหลือก ธาตุแตก ฉี่ราดเละเทะไปหมด จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลทันทีคุณโก้ไม่ได้สติ 2 คืนเต็ม เมื่อได้สติก็โทรเล่าเรื่องให้กับเจ้านายฟัง ด้วยความที่เป็นเพื่อนกัน จึงบอกให้คุณโก้รักษาตัวให้เรียบร้อย พอวางสายเสร็จกำลังจะล้มตัวนอนลง เสียงเล็กแหลมเดิมก็ลอดเข้ามาในหูอีกครั้งด้วยประโยคเดิมว่า “มึงอยากเห็นกูตายอีกรอบมั้ยล่ะ?” ประโยคนั้นทำให้คุณโก้สติแตกอีกครั้ง เรียกได้ว่าจิตเสียไปเลย จนกระทั่งกลับมากรุงเทพ คุณโก้ก็พยายามใช้ชีวิตประจำวันให้เป็นปกติมากที่สุด แต่ทุกครั้งที่จิตว่าง ก็จะมีเสียงเดิมพูดข้างหูขึ้นมา “มึงอยากเห็นกูตายอีกรอบมั้ย”คุณโก้ก็ไม่รู้จะทำยังไง จึงปรึกษาเพื่อน เพื่อนก็แนะนำให้ไปทำบุญชุดใหญ่ แต่ก็ยังเหมือนเดิม จึงคิดว่าหรือต้องบวชพระ พอดีกับแม่บ้านที่บริษัทก็กำลังจะบวชลูกชาย จึงตัดสินใจจะไปช่วยงานบวชนี้ ระหว่างที่อยู่ในงาน คุณโก้ก็คิดว่าหลังจากนี้จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว จังหวะที่ส่งนาคนั้น ก็มีเสียงพูดขึ้นมาดัง ๆ ว่า “กูไม่ได้จะเอาบุญ! มึงอยากเห็นกูตายอีกรอบมั้ย!” แม้จะมาแค่เสียง แต่คุณโก้ก็ไม่สบายใจ เพื่อนจึงแนะนำให้ไปอาบน้ำมนต์ วัดที่หนึ่งก็แล้ว วัดที่สองก็ยังเจอ จนมาวัดที่สาม พระท่านก็รดมาขันแรกไม่เท่าไหร่ ขันที่สองลงหัวปุ๊บ น้ำที่หลังจากรดตัวคุณโก้ไปแล้วมันกลายเป็นสีขุ่นเลือด สรุปแล้วก็รดไปประมาณ 4 ถัง จนน้ำมันเริ่มจางลง คุณโก้ก็เล่าเรื่องที่เจอให้กับพระฟัง ท่านก็บอกว่า “มันเป็นกรรมที่เกิดจากวาจาของโยม โยมลองไปถือศีลเรื่องวาจาดูมั้ย” คุณโก้ก็ตกลงจะทำ พระท่านก็ถามต่อว่า “ตอนที่เจอได้แผ่เมตตามั้ย? ถ้าไม่ เขาก็อาจจะเข้าใจว่าโยมสื่อสารกับเขาได้ เขาก็เลยตามต่อ แถมยังเขาหลอกให้ทำบุญให้อีก เพราะเราสื่อสารได้แล้วเขาจะไปทำไม เขาก็อยู่กับโยมสิ” เมื่อรู้แบบนั้นแล้ว คุณโก้จึงถือศีลปิดวาจาประมาณ 2 อาทิตย์ถึงจะหลุดออกไป...ชมความหลอนย้อนหลัง

จำฝังใจ!! แม่เปลี่ยนไป เพราะปลดเบาผิดที่…

20 ต.ค. 2022

จำฝังใจ!! แม่เปลี่ยนไป เพราะปลดเบาผิดที่…

เรื่องราวชวนขนหัวลุกนี้ มาจากคุณฟีน สายแรกที่โทรเข้ามาแชร์ประสบการณ์ของคุณแม่ให้ดีเจแนน และดีเจเคเบิลได้คลุมโปงไปด้วยกัน ในรายการ “อังคารคลุมโปง” เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา (18 ตุลาคม 2565)คุณฟีนเล่าว่า ครอบครัวของคุณฟีนมีกิจการคณะลิเก ในช่วงๆ หนึ่งของทุกปี จะต้องเดินทางไปแสดงลิเกที่วัดชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรปราการ และในปีที่ทำให้ต้องพบกับประสบการณ์หลอนนั้น คือปี พ.ศ. 2545 ทางวัดได้จัดพื้นที่ให้คณะลิเกตั้งซุ้มคณะใกล้ๆ กับพื้นที่ก่อสร้างด้วยพื้นที่ที่จำกัดทำให้คณะลิเก จัดตั้งได้เพียงแค่ด้านหน้าเวทีการแสดงเท่านั้น ส่วนด้านหลังที่เป็นพื้นที่พักผ่อนหรือแต่งตัวแต่งหน้าของทีมงานและนักแสดง ต้องย้ายไปจัดอยู่ในพื้นที่ก่อสร้างข้างๆ ที่เป็นลักษณะลานกว้างและหลังคายังสร้างไม่เสร็จดี ถัดจากลานกว้าง ก็มีห้องๆ หนึ่งที่ยังเป็นโครงประตู หน้าต่างที่กำลังก่อสร้างอยู่และเนื่องจากทางวัดไม่เคยจัดให้โรงลิเกอยู่ในพื้นที่นี้มาก่อน ทำให้ระยะทางระหว่างโรงลิเกและห้องน้ำอยู่ห่างกันมาก ทีมงานและนักแสดงหลายคนจึงตัดสินใจปลดเบาที่ห้องห้องนั้นแทน...จนกระทั่งวันหนึ่ง ขณะที่ยังมีการแสดงลิเกอยู่นั้น คุณแม่ของคุณฟีนก็ได้ไปปลดเบาที่ห้องนั้นเช่นเคย หลังจากนั้นแกก็เริ่มมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรงราวกับว่ามีคนเอาไม้หน้าสามมาตีที่หัวอย่างไรอย่างนั้น!เมื่อการแสดงจบลง คนในครอบครัวก็สังเกตว่าอาการปวดหัวนั้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั้งทำให้ตาของคุณแม่เหล่ และเมื่อคุณแม่ไปหาหมอ ก็ได้รับมาเพียงยาพาราเซตามอลคุณฟีนเล่าต่ออีกว่า บ้านของเธอเป็นบ้าน 2 ชั้น ชั้นบนมี 4 ห้อง แบ่งเป็นฝั่งซ้ายขวาอย่างละ 2 ห้อง ซึ่งทางด้านขวาเป็นห้องพระ ในระหว่างที่คุณพ่อกำลังประคองคุณแม่เดินขึ้นมายังชั้น 2 จู่ๆ คุณแม่ก็ก้มหัวตัวเองลงกับพื้น จากนั้นก็ไถหัวแล้วเบนหน้าหนีจากห้องพระเพื่อขึ้นบันไดจนถึงห้องแล้วก็ปิดประตูทันที!คุณฟีนเสริมว่า ภายในห้องพระนั้น มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของต้นตระกูลอยู่มากมาย หนึ่งในนั้นคือพ่อแก่ที่ตกทอดมาตั้งแต่รุ่นปู่ของทวด ซึ่งไม่มีใครกล้าบูรณะให้เพราะหลายคนสัมผัสได้ถึงความดุของท่านเมื่ออาการของคุณแม่เริ่มหนักขึ้น บรรดาญาติๆ ต่างก็แวะเวียนมาเยี่ยมเยียน ไม่ต่างจากคุณลุง ผู้ซึ่งทำงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งแถบบางรัก คุณลุงเองก็อยากให้คุณแม่ไปรักษาที่โรงพยาบาลนี้ และตั้งใจจะไปขอให้คุณหมอที่สนิทกันช่วยรักษาให้เมื่อไปถึงโรงพยาบาล คุณหมอก็ยินดีรับคุณแม่เข้ารับการรักษา ซึ่งตอนนั้นคุณฟีนเองก็สัมผัสได้ว่าตอนนี้เหมือนคุณแม่ของเธอเหมือนมีสองคนอยู่ในร่างเดียว บางครั้งก็เป็นคุณแม่ที่คุณฟีนรู้จัก แต่ในบางครั้งก็จะแสดงท่าทีแปลกไปทางด้านลูกพี่ลูกน้องของคุณฟีน ก็รู้สึกแปลกใจเรื่องนี้เช่นกัน ขณะที่คุณแม่กำลังพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ญาติของคุณฟีน จึงลองสวดคาถาชินบัญชร พอสวดเสร็จก็สอดคาถาไว้ใต้หมอนของคุณแม่ จากนั้น คุณแม่ก็ตื่นขึ้น!แต่กลับกลายเป็นว่า คุณแม่ไม่ยอมนอนหนุนหมอนที่มีคาถาซ่อนอยู่ พร้อมกันนั้นแกกลับสลับเอาเท้าไปพาดกับหมอนแทน ก่อนจะพูดว่า “ไม่นอน ไม่อยากนอน ไม่เอา” ซ้ำวนไปมาหลายรอบ แล้วยังบอกอีกว่า “เอาบทสวดมนต์ออกไป” เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนเข้าใจแล้วว่า คุณแม่ต้องโดนของหรืออะไรบางอย่างแน่ๆ... แต่ก็จะรักษาด้านวิทยาศาสตร์ควบคู่กับความเชื่อไปด้วยผ่านไปได้ 3-4 วัน คุณอาที่รับหน้าที่เฝ้าคุณแม่ก็ได้โทรมาบอกว่า คุณแม่เริ่มอาการไม่ดี ให้รีบมาที่โรงพยาบาลด่วน ถ้าคืนนี้ไม่ไหว ก็อาจจะต้องปล่อยให้คุณแม่ไป เมื่อไปถึงโรงพยาบาล บรรดาญาติก็เห็นว่าคุณแม่ไม่ได้นอนซมเพราะป่วย แต่ลุกขึ้นมาพูดด้วยเสียงเล็กเสียงน้อยว่า “ขอตังค์หน่อยสิ ขอตังค์หน่อยได้ไหม” ญาติก็ถามกลับว่า “จะเอาตังค์ไปทำอะไร?” แม่ก็ตอบว่า “อยากได้เงิน ต้องใช้เงิน”หลังจากนั้นคุณหมอก็พาเข้าห้องไป เมื่อรักษาเสร็จก็พาออกมา และดูเหมือนว่า อาการของคุณแม่จะดีขึ้น แต่ก็ถูกมัดมือมัดเท้าเพราะมีสายท่อที่ใช้ในการรักษาระโยงระยางเต็มไปหมดทางครอบครัวยังคงรักษาคุณแม่ต่อในโรงพยาบาล ส่วนในแง่ของความเชื่อ ก็มีคนแนะนำมาว่าให้ไปหาพระวัดป่ารูปหนึ่งในจ.ราชบุรี เผื่อท่านจะช่วยได้ จากนั้นคุณย่าก็ไปหาพระรูปนั้น เพื่อนำวันเดือนปีเกิดของคุณแม่ไปให้ พอยื่นให้ท่าน ท่านก็พูดว่า “เขาโกรธนะ ไปเยี่ยวรดหัวเขาแบบนั้น คนมอญน่ะเขาโกรธนะ เขาจะเอาไปเลยนะ”นอกจากนี้ยังบอกอีกว่า “คนที่มาสิง เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ ผิวสองสี เป็นคนมอญ”และยังถามอีกว่า “มีลูก 2 คนใช่ไหม?” ย่าก็ตอบว่า “ใช่” พระท่านจึงแนะนำว่า “ให้คนโตบวช 15 วัน ส่วนคนเล็กให้เลิกกินเนื้อตลอดชีวิต และให้นำของไหว้ ไปที่ที่แม่เคยโดนของ แล้วก็ขอขมา บอกว่าเราไม่ได้ตั้งใจ” หลังจากนั้นไม่กี่วัน คุณย่าก็รีบไปทำพิธีตามที่พระท่านบอก คุณย่าเล่าให้ฟังว่า ที่ตรงนั้นทั้งมืด ทั้งน่ากลัว แต่ก็ทำการสวดมนต์และขอขมาจนเสร็จสิ้นกลับมาที่ฝั่งของโรงพยาบาล ก็เหมือนมีอะไรมาดลใจคุณหมอให้เดินมาที่เตียงของคุณแม่ แล้วถามคุณอาว่า “ขอถามหน่อยสิ คนไข้ตาเหล่มาตั้งแต่กำเนิดเลยไหม?” อาก็ตอบกลับว่า “ไม่ใช่ค่ะ” เมื่อคุณหมอได้ยินดังนั้น ก็ให้นักศึกษาแพทย์มาช่วยกันตรวจอาการของคุณแม่ทันที เพราะมีเคสน้อยมากที่จะปวดหัวจนตาเหล่แบบนี้ เมื่อคุณหมอได้วินิจฉัยเสร็จแล้ว ผลตรวจออกมาว่า คุณแม่มีอาการไวรัสขึ้นสมอง เป็นช่วงเวลาไล่เลี่ยกับที่คุณย่าได้ไปขอขมาพอดี คุณแม่ก็เริ่มมีอาการดีขึ้นแต่ก็ใช้เวลาเกือบ 1 เดือนเต็มเลยทีเดียวเมื่อได้ออกจากโรงพยาบาล คุณแม่ก็กลายเป็นคนที่พูดช้าลง รวมทั้งการกระทำต่างๆ ก็ด้วย แล้วคุณแม่ก็เล่าให้ฟังว่า “ก่อนที่แม่จะไปโรงพยาบาล แม่ก็ยืนอยู่หน้าห้องพระ แล้วพูดว่าพ่อแก่ ขอให้ลูกหายกลับมา ลูกจะบวช 15 วัน” แล้วก็บอกว่าตอนที่อยู่โรงพยาบาลแม่ฝันว่า “มีคนมาจ้างลิเกให้ไปเล่นบนสวรรค์ แม่ก็ชักรอกขึ้นไป แล้วก็มีคนเอาตุ๊กตามาให้แม่ถือเต็มมือเลย แต่แม่ก็ทำหล่น คนข้างล่างที่เป็นเหมือนคนมอญก็พูดขึ้นมาว่าทำหล่นเหรอ แล้วก็โดนด่า” แล้วยังฝันอีกว่า “แม่กระโดดข้ามตึกไปมา แล้วก็ไม่ตาย มีคนมาช่วย แล้วก็เห็นคนที่ตายทุกคนมายืนล้อมเตียงเหมือนพยายามจะมาช่วยแม่”หลังจากนั้น คุณแม่และพี่ชายของคุณฟีนก็ไปบวช ส่วนคุณฟีนก็เลิกกินเนื้อตลอดชีวิต และคุณแม่ก็ได้ไปหาพระรูปนั้นที่คุณย่าเคยไปหา พระท่านก็แนะนำอีกว่า “ให้เลิกกินหอยที่มีคนเอาไปปล่อย พยายามทำบุญตักบาตรเรื่อยๆ นะ”แต่หลายคนก็สงสัยว่ามีทีมงานและนักแสดงหลายคนที่ไปปลดเบาในห้องนั้น ไม่เห็นมีใครมีอาการเหมือนคุณแม่เลย ท่านจึงบอกว่า “อาจเพราะดวงกำลังตก และเป็นคนจิตอ่อนทำให้โดนได้ง่าย”นับตั้งแต่วันนั้น คุณแม่ก็ยังคงพูดช้าจวบจนทุกวันนี้ แต่ก็ไม่มีอาการแปลกๆ เหมือนช่วงที่เข้าโรงพยาบาลอีกเลย... สามารถติดตามชมความหลอนย้อนหลังแบบเต็มๆได้ทางหากคุณชอบเรื่องหลอน และอยากแชร์ประสบการณ์ขนหัวลุก รับชมรายการสดได้ทุกวันอังคาร เวลา 20.00-22.00 น. ทางคลื่นวิทยุ EFM94 และ App : Atimefungfin

หลอนไม่ให้ได้พัก!! กับเรื่องเล่าสุดผวาจาก 'เอ๋ ชบาแก้ว คนเล่าผี'

20 ก.ย. 2022

หลอนไม่ให้ได้พัก!! กับเรื่องเล่าสุดผวาจาก 'เอ๋ ชบาแก้ว คนเล่าผี'

หลอนไม่ให้ได้พักเลย สำหรับเรื่องเล่าสุดขนลุกจาก 'พี่เอ๋ ชบาแก้ว คนเล่าผี' บอกเลยว่า แต่ละเรื่องที่พี่เอ๋นำมาฝากชาวอังคารคลุมโปง หลอนสุดๆ !! ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง "เงินปากผี" เงินที่เหมาะกับผีแต่ไม่เหมาะกับคน พร้อมด้วยเรื่อง "กอดสุดท้าย" กอดแห่งการร่ำลาแต่ความหลอนยังไม่หมดเพราะสายคนฟังทางบ้านนั้นก็น่ากลัวไม่แพ้กัน ทั้งเรื่อง "เพื่อนข้างห้อง" จากคุณต้น และเรื่องราวจากคุณวีที่มาถึงสองเรื่องจุกๆ อย่าง "เสียงที่ได้ยิน" และ "้ห้องเบิกของ"ไปติดตามฟังเรื่องราวหลอนๆ กันแบบเต็มๆ ได้ที่และสำหรับใครที่มีเรื่องหลอนแล้วอยากแชร์ สามารถฝากเข้ามาได้ทาง inbox facebook : https://www.facebook.com/efmstation หรือ Website : atime.live/efm

album

0
0.8
1