Netflix ส่งตัวอย่างแรกสุดสะพรึงจาก ‘อังคารคลุมโปง: เอ็กซ์ตรีม’ อุ่นเครื่องความหลอน ก่อนพบความสยองขวัญพร้อมกัน 20 ส.ค.นี้

ENTERTAINMENT NEWS

Netflix ส่งตัวอย่างแรกสุดสะพรึงจาก ‘อังคารคลุมโปง: เอ็กซ์ตรีม’ อุ่นเครื่องความหลอน ก่อนพบความสยองขวัญพร้อมกัน 20 ส.ค.นี้

23 ก.ค. 2024

เตรียมพบกับความหลอนแบบสุดขีดที่จะทำให้วันอังคารของคุณเปลี่ยนไปตลอดกาล! เมื่อ Netflix จับมือ เอไทม์ รับประกันความขนหัวลุกด้วยตัวอย่างแรกสุดสะพรึงพร้อมโปสเตอร์เรียกน้ำย่อยของซีรีส์สยองขวัญเรื่องใหม่ ‘อังคารคลุมโปง: เอ็กซ์ตรีม’ ที่ถูกปล่อยออกมาเขย่าความผวา กับ 8 เรื่องหลอนครบรสที่จะทำให้วันอังคารของคุณกลายเป็นวันที่ลืมไม่ลง ก่อนไปรับชมพร้อมกันกว่า 190 ประเทศทั่วโลก 20 สิงหาคมนี้

สร้างความหลอนอย่างต่อเนื่องกับตัวอย่างแรกของ ซีรีส์ ‘อังคารคลุมโปง: เอ็กซ์ตรีม’ ที่ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องราวที่เคยสร้างความระทึกขวัญชวนผวามาแล้วในรายการวิทยุยอดฮิตจาก EFM อย่าง ‘อังคารคลุมโปง’ มาถ่ายทอดเป็นรูปแบบซีรีส์ จัดเต็มทั้ง 8 ตอนเล่าเรื่องราวครบรส พร้อมเติมรสชาติเพิ่มดีกรีความสยองแบบเข้มข้นที่จะทำให้ผู้ชมผวาจนนั่งเก้าอี้ไม่ติด

ซีรีส์ ‘อังคารคลุมโปง: เอ็กซ์ตรีม’ ได้ถ่ายทอดเรื่องราวสุดสยองยอดนิยมของคนไทย รวมหลากแง่มุมความหลอนที่หลายคนคุ้นชิน ไม่ว่าจะเป็น ตุ๊กตาหลอน ชุดเจ้าสาวผีสิง บ้านต้องคำสาป คำสาบานสยองขวัญ โรงเรียนเฮี้ยน วิญญาณอาฆาต พิธีกรรมอาถรรพ์ หรือแม้แต่ความลับในครอบครัวที่ชวนขนหัวลุก ซึ่งครั้งนี้ได้ 8 ผู้กำกับที่แค่ชื่อก็การันตีความหลอน นำทีมโดย มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล, เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์, อภิโชค จันทรเสน, สุรพงษ์ เพลินแสง, พฤกษ์ เอมะรุจิ, ปริญญ์ กีรติรัตนลักษณ์, ชยันต์ เล้ายอดตระกูล และ เอลิซ่า เปียง แท็กทีมกับทัพนักแสดงมากฝีมือกว่า 20 ชีวิต ที่จะพาทุกคนดำดิ่งสู่ความสยองขวัญแบบเอ็กซ์ตรีมทั้ง มดดำ คชาภา, เฌอปราง อารีย์กุล, มิวสิค-แพรวา สุธรรมพงษ์, จี๋-สุทธิรักษ์ ทรัพย์วิจิตร, แพต-ชญานิษฐ์ ชาญสง่าเวช, ต้นหอม ศกุนตลา, เอแคลร์ จือปาก, บี-น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์, ณัฏฐ์ กิจจริต, ญารินดา บุนนาค, เข็ม-ลภัสรดา ช่วยเกื้อ, แพรว-นฤภรกมล ฉายแสง, น็อต-วรฤทธิ์ เฟื่องอารมย์, พิกเล็ท-ชาราฎา อิมราพร, สไมล์ ภาลฎา, พ้อยท์ ชลวิทย์, แคร์-ปาณิสรา ริกุลสุรกาน, ซิดนีย์-สุพิชชา สังขจินดา, ปูน มิตรภักดี, ธัญพร สนธิขันธ์, อรรถพล เทศทะวงศ์ และ ไอรีน มาลาริน

นับถอยหลังเตรียมพร้อมกับความเอ็กซ์ตรีมครั้งใหม่ที่จะทำให้คุณผวาจนไม่กล้าลืมตาใน ‘อังคารคลุมโปง: เอ็กซ์ตรีม’ สะพรึงพร้อมกัน 20 สิงหาคมนี้ ที่ Netflix เท่านั้น

ภาพ : Netflix

related ENTERTAINMENT NEWS

“หลวงตาไหนโยม? วัดนี้ไม่มีหลวงตานะ..” กุฏิชวนหลอน ร่างหลวงตาหายวับไปกับตา !

13 ธ.ค. 2022

“หลวงตาไหนโยม? วัดนี้ไม่มีหลวงตานะ..” กุฏิชวนหลอน ร่างหลวงตาหายวับไปกับตา !

สายแรกของรายการ ‘อังคารคลุมโปง’ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (6 ธันวาคม 2565) เป็นสายจาก ‘คุณต้น’ ที่ได้แชร์ประสบการณ์หลอนของรุ่นพี่ที่รู้จัก มีชื่อเรื่องว่า ‘กุฏิหลอน’ เรื่องราวจะหลอนชวนขนหัวลุกขนาดไหน เชิญสัมผัสได้ข้างล่างนี้เลย..คุณต้นบอกว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 8-9 ปีที่ผ่านมา เป็นเรื่องของรุ่นพี่เอ (นามสมมติ) เกิดขึ้นที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.เพชรบุรี ซึ่งพี่เอนั้นเรียนทางด้านจิตรกรรม พอเรียนจบ ก็รับงานวาดรูปตามผนังในโบสถ์วัดต่าง ๆ อยู่มาวันหนึ่งก็มีคนติดต่อให้ไปวาดรูปผนังโบสถ์ที่วัดแห่งนี้ให้ เมื่อตกลงกันเสร็จเรียบร้อย ก็ถึงวันที่พี่เอ จะต้องเดินทางไปวาดรูปที่วัดเมื่อมาถึง พี่เอก็ได้ติดต่อกับหลวงพี่รูปหนึ่ง จากนั้นก็เข้าไปดูสถานที่ รวมถึงรับบรีฟเพื่อให้เข้าใจตรงกันจนเสร็จเรียบร้อย หลวงพี่ก็พาพี่เอไปห้องพัก (คุณต้นเล่าเพิ่มเติมว่า ถ้าพี่เอรับงานวาดรูปที่วัดไหน พี่เอก็จะนอนอยู่ที่วัดเลย) เมื่อไปถึงห้องพัก ซึ่งเป็นกุฏิที่ว่างอยู่ ไม่มีใครใช้ พี่เอที่รับงานและมักจะนอนที่วัดบ่อย ๆ ก็ไม่ได้คิดอะไร บวกกับไม่ใช่คนขี้กลัว จึงจะนอนที่วัดและนำของที่เตรียมมาไปวางไว้ในกุฏิอย่างเช่นที่เคยทำวันแรกของการทำงานเริ่มขึ้นและดำเนินไปอย่างปกติ ช่วงเที่ยงหลังเวลาเพลของพระ ขณะที่พี่เอกำลังวาดรูปอยู่นั้น ก็มีหลวงตารูปหนึ่งเดินมาเรียก “โยม ๆ มากินข้าวก่อนมั้ย?” เมื่อเห็นว่าหลวงตาเอ่ยปาก พี่เอจึงละจากงานที่ทำอยู่ไปกินข้าวตามที่หลวงตาบอก หลังจากเสร็จเรียบร้อย ก็กลับมาทำงานต่อจนถึงเย็นแล้วก็กลับห้องเพื่อพักผ่อนคุณต้นอธิบายลักษณะของกุฏิหรือห้องพักเพิ่มเติมว่า ข้างในก็เป็นกุฏิธรรมดาทั่วไป แต่ตรงกลางห้อง จะมีม่านกั้นอยู่ ทำให้ห้องนั้นแบ่งเป็น 2 ฝั่ง ทางพี่เอเองก็ไม่ได้คิดอะไร คิดว่าคงเป็นถ้วยจานชาม หรือเป็นของที่ไม่ค่อยได้ใช้ คล้ายกับเป็นห้องเก็บของก็เป็นได้ เมื่อไม่ได้คิดอะไร และไม่มีอะไรน่าสงสัยจึงไม่ได้ลองเปิดดู พี่เอก็นอนหลับพักผ่อน ผ่านคืนนั้นไป...เช้าวันต่อมา พี่เอยังคงทำงานปกติ จนกระทั่งคืนนี้ ขณะที่พี่เอกำลังนอนอยู่ ก็ได้ยินเสียงสวดมนต์แว่วดังขึ้นมา จากนั้นก็เริ่มดังก้องกังวานไปทั่วห้อง พี่เอพยายามไม่คิดอะไร และเข้าใจว่าเราอยู่ในวัด ก็คงจะพระสวดมนต์ หรือใครสักคนเปิดเสียงสวดมนต์ดังขึ้นมาเป็นธรรมดา ผ่านไปสักพัก ขณะกำลังจะเคลิ้มหลับ ก็มีกลิ่นธูปลอยมาแตะที่จมูก พี่เอที่มองโลกในแง่ดีแบบสุด ๆ ก็คิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ จากนั้นก็ผล็อยหลับไปเช้าวันที่ 3 นับได้ว่าเป็นครึ่งทางของการทำงานแล้ว (ตกลงกันว่างานจะแล้วเสร็จภายใน 5-6 วัน) ช่วงเย็นหลังเลิกงาน ประมาณ 6 โมง พี่เอจึงลองเดินสำรวจรอบ ๆ วัดว่ามีอะไรบ้าง หลังจากสำรวจจนพอใจก็จะเดินกลับไปยังห้องพัก เมื่อใกล้ถึงห้องพักก็ได้ยินเสียงคนเรียก หันไปตามเสียงก็เห็นเป็นหลวงตาแก่ ๆ รูปหนึ่ง เดินเข้ามาคุยด้วย เป็นคำถามทั่วไปที่ดูเหมือนเป็นการทำความรู้จักกัน เช่น “โยมมาทำอะไร?” ระหว่างที่คุยกับหลวงตา พี่เอก็รู้สึกได้กลิ่นธูปลอยมาจากตัวหลวงตารูปนี้อยู่ตลอดเวลา จังหวะที่คุยกับหลวงตาอยู่นั้น หลวงพี่ที่จัดหาห้องพักให้ก็เปิดกุฏิของท่านออกมา แล้วก็ถามว่า “อ้าวโยม ทำอะไร ยังไม่เข้ากุฏิไปพักอีกหรอ?” พี่เอจึงตอบหลวงพี่ไปว่า “อ๋อ คุยกับหลวงตาอยู่ครับ เดี๋ยวแปปนึง” จังหวะที่หันไปตอบหลวงพี่ แล้วหันกลับมา หลวงตารูปนั้นก็หายไป ไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว! พี่เอคิดในใจว่าทำไมท่านเดินไปเร็วจัง จึงได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ และพยายามทำตัวตามปกติ แต่สายตาของหลวงพี่ได้มองไปข้างหลังของพี่เอ จากนั้นจึงบอกว่า “รีบเข้านอนได้แล้ว” และกลับเข้ากุฏิของตัวเองไปกลางดึกคืนนั้น พี่เอรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำขึ้นมา แต่ห้องน้ำนั้นอยู่ไกลต้องเดินออกไปนอกห้องพัก จึงพยายามข่มตาให้หลับ สักพักก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินไปเดินมาอยู่รอบ ๆ มุ้งที่พี่เอนอนอยู่ พอมองออกไปก็เห็นเป็นเงาคนเดินอยู่จริง ๆ จึงเปิดมุ้งออกมาดู ก็เห็นเป็นร่างนึง ยืนอยู่ตรงมุมประตู เป็นชุดจีวรสีเหลืองห่มอยู่ พี่เอจึงพยายามจะเดินไปใกล้ ๆ แล้วร่างนั้นก็หายวับไปกับตา! พี่เอตกใจจึงรีบวิ่งเข้ามาในมุ้ง จากที่ตอนแรกไม่กลัว ตอนนี้พี่เอรู้สึกกลัวมาก ๆ อาการอยากเข้าห้องน้ำก็หายไปหมด และเกิดคำถามว่า “ใครอ่ะ มันคืออะไร?” พี่เอพยายามสงบสติอารมณ์และกลั้นใจนอนต่อไป ไม่นานก็มีเสียงสวดมนต์ดังขึ้นมาจากฝั่งที่เป็นผ้าม่านกั้นอยู่ คราวนี้เป็นกลิ่นสาปเหมือนหนูตายลอยมา พี่เอลืมตาและตามหากลิ่น จากนั้นก็ได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรสักอย่างร่วงตกลงสู่พื้น! ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าคนเดินรอบ ๆ มุ้งของพี่เออีกครั้ง พี่เอจึงเริ่มสวดมนต์เพื่อให้หลุดพ้นจากเหตุการณ์นี้ หลังจากนั้นฝีเท้าก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหัวนอนที่พี่เอนอน แล้วกลิ่นก็หายไป พี่เอที่ไม่รู้จะทำยังไง สวดมนต์เสร็จก็หลับไป ราวกับว่าภาพมันตัดไปเองปกติแล้วทุกเช้า พี่เอจะตื่นออกไปช่วยหลวงพี่ตอนบินฑบาตร แต่เช้านี้ยังไม่เห็นพี่เอตื่น หลวงพี่จึงมาเคาะเรียกที่กุฏิห้องพัก พี่เอได้เล่าเรื่องที่เจอให้หลวงพี่ฟัง หลวงพี่ก็ไม่ได้พูดอะไร เมื่อถึงวันสุดท้ายของการทำงาน พี่เอเก็บข้าวของเสร็จเรียบร้อย ก็บอกหลวงพี่ว่าเห็นหลวงตารูปหนึ่ง อยากจะไปกราบลาท่าน หลวงพี่ก็ถามว่า “หลวงตาไหน?” พี่เอก็อธิบายลักษณะของหลวงตา เมื่อหลวงพี่ได้ยินก็เงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะบอกว่า “ถ้าอย่างนั้น โยมตามมานี่” หลวงพี่พาพี่เอกลับมายังกุฏิห้องที่พี่เอพัก แล้วก็เปิดม่านที่กั้นอยู่ สิ่งที่เห็นคือร่างของพระรูปหนึ่งนอนอยู่ในโลงแก้ว!พี่เอเห็นดังนั้นจึงตกใจ ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เพราะจำได้แม่นว่าลักษณะเหมือนกันกับหลวงตาที่เดินเข้ามาคุยและที่เจอในคืนนั้นเลย มองข้าง ๆ ก็จะมีรูปตั้งอยู่ นั่นยิ่งตอกย้ำกับพี่เอเลยว่าใช่ ใช่แน่ ๆ เมื่อตั้งสติได้ พี่เอก็กราบลาหลวงพี่และหลวงตา จากนั้นก็กลับบ้านไป...ชมไลฟ์สดย้อนหลัง

ปั๊บ พัฒน์ชัย เผยว่าอัลบั้มใหม่ของวง POTATO จะพูดถึงการรู้จักตัวเอง ซึ่งได้ไอเดียจากบท ‘พระดล’ ในซีรีส์ ‘สาธุ’

10 เม.ย. 2024

ปั๊บ พัฒน์ชัย เผยว่าอัลบั้มใหม่ของวง POTATO จะพูดถึงการรู้จักตัวเอง ซึ่งได้ไอเดียจากบท ‘พระดล’ ในซีรีส์ ‘สาธุ’

ถือว่าได้การตอบรับที่ดีทั้งในแง่เรตติ้งและคำวิจารณ์ สำหรับผลงานการแสดงชิ้นล่าสุดของ ปั๊บ-พัฒน์ชัย ภักดีสู่สุข นักร้องนำแห่งวง POTATO กับการสวมคาแรกเตอร์ ‘พระดล’ ในออริจินัลซีรีส์จาก Netflix เรื่อง ‘สาธุ’ ที่สามารถทำให้ผู้ชมอินและซึ่งในรสพระธรรมจนลืมภาพนักร้องไปได้ชั่วขณะ แถมยังกลายเป็นไวรัลทั่วโลกอินเตอร์เน็ตในวันนี้วันที่ซีรีส์ออกอากาศจบครบทุกตอน กระแสของ ‘พระดล’ ก็ยังฮอตไม่เลิก ซึ่ง ปั๊บ ก็ได้ออกมาเล่าถึงประสบการณ์พิเศษหลังจากได้ประเดิมงานซีรีส์ว่า เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดครั้งหนึ่ง เพราะนอกจากจะเป็นการลองอะไรใหม่ ๆ แล้ว บท ‘พระดล’ ยังช่วยจุดประกายไอเดียเพื่อลุยสร้างสรรค์ผลงานเพลงในอัลบั้มใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วย“ผมว่าอาชีพนักแสดงเป็นอาชีพที่น่าสนใจครับ ตั้งเเต่ได้เเสดงในหนังขอบคุณที่รักกันหรือซีรีส์ทิ้งไว้กลางทางก็คิดว่าน่าสนุกดี พอพี่เเจ็ค วัฒนพงศ์ ผู้กำกับมาชวน ด้วยเวลาที่ลงตัวและบอกว่ารับบทเป็นพระก็อยากเล่นเเล้วครับ ตอนนั้นไม่ได้คาดหวังอะไรเลย แค่ดีใจที่ได้ทำในสิ่งที่เเปลกใหม่“ก่อนถ่ายทำก็ตั้งใจเตรียมตัวเต็มที่เลย ศึกษาคาแรกเตอร์เพื่อให้เป็นพระดลที่สุด และผมจะสะใจมากเวลาผู้กำกับบอกว่า ผ่าน! แค่นั้นก็พึงพอใจแล้วครับ แต่พอภาพเเรกที่เป็นรูปพระปล่อยออกมา คนเเซว คนหยอก เอาภาพไปเล่นต่อ เอาเพลงมาเชื่อมโยง ขอบคุณที่ให้ความสนใจและสนุกไปกับสิ่งที่ผมทำ แถมได้ย้อนกลับไปฟังเพลงเก่า ๆ ด้วย น่ารักมากเลยครับ“สำหรับกระแสหลังจากซีรีส์ออนเเอร์ก็ได้รับความสนใจมาก ผมว่าทุกคนในทีมน่าจะดีใจที่ได้รับการตอบรับที่ดี ตอนนี้เวลาไปร้องเพลงก็มีคนเเซวเรียกพระดลบ้าง บอกให้เทศน์บ้างครับ (หัวเราะ) ซึ่งก็ต้องขอบคุณพี่เเจ็ค ทีมผู้สร้าง ทีม Netflix ทีมงานทุกคนทุกฝ่าย นักแสดงมืออาชีพ ดีใจที่ได้ร่วมงานกับทุกคนครับ ภูมิใจครับ ติดใจด้วยตอบแบบไม่อ้อมแอ้มเลย ถ้าจังหวะได้โอกาสดี อาจจะลองดูอีกครับ ซึ่งการได้รับบทพระดลก็ได้เเรงบันดาลใจในการทำเพลงนะ อัลบั้มใหม่ผมมองว่าน่าจะพูดถึงเรื่องการรู้จักตัวเอง พูดเรื่องความเป็นจริงมากขึ้น ตอนนี้ก็เริ่มแล้วได้ฟังกันเร็ว ๆ นี้ครับ”ภาพ : NetflixTH

เมื่อสถานบันเทิง ไม่ได้ให้ความบันเทิงอย่างที่คุณคิด! รวม 3 เรื่องสั้น ‘สถานไม่บันเทิง’ จาก ‘ตั้น The Shock’

02 ธ.ค. 2022

เมื่อสถานบันเทิง ไม่ได้ให้ความบันเทิงอย่างที่คุณคิด! รวม 3 เรื่องสั้น ‘สถานไม่บันเทิง’ จาก ‘ตั้น The Shock’

หนึ่งในสถานที่ที่ใครหลายคนเลือกไปคลายทุกข์ แล้วปลดปล่อยความสนุกคงหนีไม่พ้น ‘สถานบันเทิง’ แต่เรื่องราวที่คุณ ‘ตั้น The Shock’ นำมาเล่า อาจทำให้นักท่องราตรีหลายคนต้องมีเสียวสันหลังกันบ้าง กับ 3 เรื่องหลอนในตีม ‘สถานไม่บันเทิง’ ในรายการ ‘อังคารคลุมโปง’ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (29 พฤศจิกายน 2565)เรื่องแรกที่จะเล่าต่อไปนี้ คุณตั้นบอกว่าเป็นเรื่องที่เล่ากันปากต่อปาก เกิดขึ้นที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ในภาคอีสาน ที่แห่งนี้เป็นศูนย์รวมแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ มีทั้งโรงแรม สถานบันเทิง คาราโอเกะ รวมถึงอาบอบนวดด้วย แต่ในปัจจุบันมีแค่โรงแรมเท่านั้นที่ยังเปิดบริการอยู่ แต่นอกนั้นได้ปิดทำการไปเรียบร้อยแล้วเนื่องจากเป็นสถานบันเทิงที่มีขนาดใหญ่ ทำให้มีพนักงานที่เป็นช่างซ่อมบำรุงเข้าออกอยู่บ่อยครั้ง วันหนึ่ง ทางสถานบันเทิงแห่งนี้ได้มีการแจ้ง ‘พี่ชัย (นามสมมติ)’ ให้เข้ามาซ่อมไฟเพดาน การเข้าไปซ่อมครั้งนี้ กำหนดเวลาไว้ที่ 2 ทุ่ม พี่ชัยพร้อมกับลูกน้องอีก 1 คน เตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ และบันไดลิงเพื่อที่จะปีนขึ้นไปซ่อมไฟบนเพดาน เมื่อเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว พี่ชัยก็ขอไปเข้าห้องน้ำ…ในระหว่างที่เดินไปเข้าห้องน้ำ พี่ชัยก็รู้สึกว่าทางเดินนี้มันมืดเกินไป และก็มองเห็นเป็นเงาคนอยู่ข้างหน้า แต่ก็คิดว่าคงเป็นพนักงานของที่นี่ จากนั้นก็เดินตามเขาไป จังหวะที่เดินไปนั้น ก็เกิดเสียง “ปึ้ง!” พี่ชัยเดินชนเข้ากับกำแพง! ในใจจึงคิดว่า “อ้าว...แล้วเขาเดินไปไหนวะ? แล้วห้องน้ำไปทางไหน?” แล้วก็คลำกำแพงเพื่อหาทางเดินไปต่อ คิดว่าตาคงพร่าเพราะความมืด เมื่อเข้าห้องน้ำเสร็จแล้วจึงเดินกลับมา มองซ้ายมองขวาหาลูกน้องก็ไม่เจอ พวกอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เตรียมไว้ก็ไม่มี สงสัยจะขึ้นไปข้างบนแล้ว งั้นเดี๋ยวจะตามขึ้นไป…คิดได้ดังนั้น พี่ชัยก็ปีนบันไดตามขึ้นไป ด้วยความมืดก็เปิดไฟที่คาดอยู่กับหัวแล้วส่องมองขึ้นไป ก็พบว่าเป็นขาที่สวมชุดพนักงาน พี่ชัยคิดในใจว่านี่คงเป็นลูกน้องของตัวเองแน่ ๆ จึงแกล้งเงียบ เพราะอยากให้ตกใจ จากนั้นก็ค่อย ๆ ปีนย่องขึ้นไปจับขาคู่นั้น ในจังหวะที่เอื้อมมือไปจับขาก็มีเสียงคุ้นหูเรียก “พี่ชัย! ขึ้นไปทำอะไร ไม่รอกันเลยนะ” พี่ชัยคิดในใจว่า “เสียงมาจากไหนวะ?” ระหว่างนั้นเสียงคุ้นหูก็ตะโกนดังขึ้นมาอีกว่า “พี่ชัย ลงมาก่อน ของยังอยู่นี่อยู่เลย” ตอนนี้พี่ชัยรู้แล้วว่าเสียงอยู่ข้างล่าง แต่มือยังจับขาคู่นั้นอยู่ไม่ปล่อย พี่ชัยหันไปมองข้างล่าง แสงไฟจากไฟฉายคาดหัวสาดส่องไปหาลูกน้องที่อยู่ข้างล่าง จากนั้นพี่ชัยก็ค่อย ๆ เงยหน้ากลับขึ้นไปมองด้านบน สิ่งที่จับอยู่นั้นมั่นใจได้เลยว่าเป็นขา แต่มีแค่ขาเท่านั้น! ท่อนบนไม่มีอะไรทั้งนั้น! พี่ชัยตกใจสุดขีด รีบปล่อยมือและพลาดตกลงมาทันทีเมื่อสืบไปสืบมาก็พบว่า ก่อนหน้าที่พี่ชัยจะได้รับการจ้างวานให้เข้ามาทำงาน เคยมีช่างที่เข้ามาซ่อมฝ้าแล้วก็ถูกไฟช็อตจนเสียชีวิต เขาก็อาจจะเป็นช่างคนนั้นก็เป็นได้...เรื่องถัดมา ต้องขอย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว ช่วงที่สถานบันเทิงยังสามารถเปิดได้ถึงตี 2-3 มีแม่บ้านคนหนึ่ง นามสมมติว่า ‘ป้าพิมพ์’ อายุประมาณ 60 ปี รับหน้าที่ทำความสะอาดอยู่ในส่วนเดียวกับที่พี่ชัยเข้าไปซ่อมไฟ และชอบมากวาดพื้นโดยจะห้ามไม่ให้คนอื่นเข้ามาช่วย เพราะมักจะมีเศษเงิน หรือของมีค่าเล็ก ๆ น้อย ๆ ตกตามพื้น ป้าพิมพ์จะได้เก็บไว้คนเดียว และด้วยความที่ป้าพิมพ์ไม่อยากให้ใครเข้ามาช่วยหรือแอบมาเก็บของมีค่าไป จึงจะกวาดพื้นจากหน้าเวทีไล่ไปจนถึงประตูทางออก เพื่อที่จะได้มองประตูอยู่ตลอดเวลาคืนหนึ่ง หลังจากที่สถานบันเทิงปิดบริการ ป้าพิมพ์ก็บอกให้ทุกคนกลับบ้าน ส่วนตัวเองจะอยู่ทำความสะอาดคนเดียวเช่นเคย ระหว่างที่ป้าพิมพ์กวาดขยะอยู่นั้นก็เงยหน้าขึ้นมา เห็นผู้หญิงคนนึง ใส่เสื้อผ้าดูเป็นนักท่องราตรี เธอยืนอยู่ที่โต๊ะถัดไปจากจุดที่ป้าพิมพ์ยืนอยู่ประมาณ 3-4 โต๊ะ ป้าพิมพ์ก็ตกใจ แล้วร้องถามว่า “หนู! ที่นี่ปิดแล้วนะ หนูไม่กลับบ้านหรอ? หนูรอใครอยู่” ผู้หญิงคนนั้นนิ่งแล้วก็ตอบกลับว่า “หนูมารอแฟน” ด้วยความสงสัยป้าพิมพ์ก็ถามต่อไปว่า “แล้วแฟนหนูไปไหนแล้ว?” อีกฝ่ายตอบกลับมาว่า “หนูก็ไม่รู้” ป้าจึงพูดไปว่า “อ้าว แล้วทำไมไม่กลับบ้านล่ะ?” ผู้หญิงคนนั้นก็ตอบกลับว่า “หนูก็ไม่รู้จะกลับยังไง” ป้าพิมพ์ที่เป็นห่วงจึงบอกไปว่า “งั้นรอป้ามั้ย? ป้าจะไปส่ง” อีกฝ่ายตอบกลับด้วยเสียงนิ่งเรียบว่า “หนูไปไหนไม่ได้ หนูต้องอยู่ที่นี่…”ป้าพิมพ์ที่ในใจเต็มไปด้วยความมึนงงแต่ก็ไม่ได้จะซักไซ้ถามต่อ จึงกลับมาทำหน้าที่ของตัวเอง เมื่อกำลังกวาดไล่เข้าไปใกล้อีกฝ่ายขึ้นเรื่อย ๆ สิ่งที่ป้าพิมพ์มองเห็นก็คือร่างกายของผู้หญิงคนนี้ก็เริ่มบวมและปริเหมือนกำลังจะแตก ผิวเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียว สิ่งที่ป้าพิมพ์เห็นชัดที่สุดเลยก็คือลิ้นของผู้หญิงคนนี้จุกปาก แล้วเธอก็บอกกับป้าพิมพ์ว่า “หนูต้องอยู่ จนกว่าเขาจะให้หนูไป...” จากนั้นผู้หญิงคนนี้ก็ค่อย ๆ เดินผ่านไหล่ของป้าพิมพ์ไป ป้าพิมพ์ก็หันตามไปดู แล้วร่างของผู้หญิงคนนั้นก็หายไป ไม่ทันไรก็มีเสียงกรี๊ดของผู้หญิงจากข้างบนดังสนั่นไปทั่วทั้งบริเวณ พอป้าพิมพ์เงยหน้ามองขึ้นไป ก็เห็นเป็นร่างของผู้หญิงคนนึงแขวนคอห้อยลงมา!รู้ตัวอีกที ก็ได้ยินเสียงจากใครบางคนพูดว่า “ป้าทำอะไร ทำไมไม่กลับบ้าน? หวงเงินถึงกับต้องนอนเฝ้าที่นี่เลยหรอ” ป้าพิมพ์จึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง แล้วทุกคนที่ได้ฟังต่างก็งงว่าผีผู้หญิงที่ว่านี้ มาจากไหน? ลุงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ทำงานอยู่ที่มานานที่สุด จึงเล่าว่าน่าจะเป็นผู้หญิงคนนึง เป็นนักเที่ยวแล้วดันมาชอบนักร้องคนนึง แต่ก็เหมือนถูกหลอกให้มานั่งเฝ้าเขาทุกคืน แต่นักร้องคนนั้นก็ไม่เคยกลับพร้อมกับเธอเลย จนวันหนึ่ง ผู้หญิงคนนี้ก็จับได้ว่านักร้องคนนี้กลับไปกับผู้หญิงคนอื่น ด้วยความเสียใจเพราะโดนหลอก จึงแขวนคอฆ่าตัวตาย!!และเรื่องสุดท้าย เกิดขึ้นในโรงแรมที่มีอาบอบนวดเปิดให้บริการ นักเที่ยวคนหนึ่งเดินทางมาจากต่างจังหวัดพร้อมกับกลุ่มเพื่อน ขอใช้นามสมมติว่า ‘บอย’ เขาเป็นนักเที่ยวอาบอบนวดที่ไปมาแทบทุกจังหวัด เมื่อมาเยือนถึงจังหวัดนี้ ก็ต้องลองใช้บริการที่นี่สักหน่อยคืนนั้นบอยรู้สึกว่าสาว ๆ ที่อยู่ในตู้ข้างหน้า ช่างไม่โดนใจเขาเอาเสียเลย จนเพื่อนที่มาด้วยกันเลือกได้แล้วก็ขึ้นไปเรียบร้อยแล้ว บอยก็ยังนั่งรออยู่ หวังว่าจะมีสักคนที่โดนใจเขาสักที เวลาล่วงเลยไปถึง 5 ทุ่ม สาว ๆ ในตู้หลาย ๆ คนก็เริ่มไปรับแขก พนักงานเชียร์แขกก็เริ่มเอือมระอากับบอยที่ไม่ยอมเลือกผู้หญิงสักที จึงไม่ขอยุ่งและไม่สนใจบริการบอยระหว่างนั้นบอยก็จิบเครื่องดื่มไปเรื่อย ๆ มีคนเข้าออกวนเวียนไปมา ปรากฏว่าบอยหันไปสะดุดตากับผู้หญิงคนนึง เดินออกมาจากประตูทางเดิน แล้วก็มานั่งอยู่คนเดียว บอยถูกใจมากแต่ก็ขอดูอีกหน่อยว่าสวยโดนใจจริงหรือไม่ เพราะไฟในที่นี่มักจะหลอกตา เมื่อนั่งเพ่งจนรู้สึกว่าคนนี้ใช่ จึงกวักมือเรียกพนักงานเชียร์แขก แต่ก็ไม่มีใครสนใจ พอหันกลับไปมองที่ผู้หญิงคนนั้นอีกรอบ ก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติของผู้หญิงคนนี้..โดยปกติสาว ๆ ในตู้กระจกก็มักจะนั่งแต่งหน้าบ้าง หรือมองลูกค้าไปเรื่อยเปื่อย แต่กับเธอไม่ใช่ เธอมองจ้องมาที่บอยอย่างเห็นได้ชัด บอยสบตากลับไป จากนั้นผู้หญิงคนนั้นก็เริ่มร้องไห้ จากน้ำตาสีใสกลายเป็นสีแดงเหมือนเลือด จนทั้งตัวเริ่มเปียกเป็นสีแดงไปหมด ตามธรรมชาติของคนเมื่อเจอเรื่องแบบนี้ก็จะต้องโวยวายหรือรีบเข้าไปถามไถ่ว่าเป็นอะไร ไม่ก็หาคนมาช่วย แต่ ณ ตอนนั้น บอยกลับขยับตัวไม่ได้!ไม่นานบอยก็ได้ยินเสียงดังเข้ามาในหูว่า “มึงฆ่ากูทำไม” พูดย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ อยู่แบบนั้น ตัวบอยเองนั้นพูดไม่ได้ ขยับตัวไม่ได้ ในระหว่างที่คิดอยู่ในหัวว่าจะทำยังไง ผู้หญิงคนนั้นก็เริ่มลุกขึ้น เดินลงมาจากบันไดทีละขั้นด้วยความไม่เป็นธรรมชาติ เหมือนเดินลงมาแล้วขาหักไปทีละข้าง จนล้มลงไปแล้วก็คลานมากับพื้น เธอลากตัวเองมาจนถึงที่กั้น ส่วนมือก็ข้ามกระจกออกมา ตรงมาหาบอยที่นั่งอยู่! ระหว่างที่คลานมาบอยก็ได้ยินเสียงในหูดังอยู่ตลอดว่า “มึงฆ่ากูทำไม!”เมื่อเข้ามาประชิดตัว มือทั้ง 2 ข้างของผู้หญิงคนนี้จิกอยู่ที่ขาของบอย แล้วก็เงยหน้ามอง แล้วปากก็พูดว่า “มึง ฆ่า กูทำ ไม!” หลังจากนั้นบอยก็รู้สึกเหมือนหลุดจากภวังค์ แล้วก็ตะโกนขึ้นมาว่า “กูไม่ได้ทำ!” จากนั้นภาพก็ตัดไป!เมื่อรู้สึกตัว บอยที่อยู่ในสภาพน็อคอยู่กับเก้าอี้ลืมตาขึ้นมาก็เห็นกลุ่มเพื่อน และพนักงานเชียร์แขกมารุมถามว่าเกิดอะไรขึ้น บอยได้เล่าเรื่องที่เจอให้กับทุกคนฟังถึงได้รู้ว่า ผู้หญิงคนนี้เธอเคยให้บริการอยู่ที่นี่จริง ๆ แต่ถูกชาวต่างชาติทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตอยู่ในห้องที่ให้บริการ ทำให้สภาพที่บอยเห็นว่ามีขาหักแขนหักนั้น ก็อาจจะเกิดจากการโดนซ้อมจนกระดูกหักนั่นเองติดตามความหลอนย้อนหลังได้

อัด อวัช ขอบคุณทุกการสนับสนุน หลังคว้ารางวัล Rising Star Award จากภาพยนตร์ ‘ดอยบอย (DOI BOY)’ ซึ่งกำลังจะเข้าฉายทาง Netflix 24 พ.ย.นี้

15 พ.ย. 2023

อัด อวัช ขอบคุณทุกการสนับสนุน หลังคว้ารางวัล Rising Star Award จากภาพยนตร์ ‘ดอยบอย (DOI BOY)’ ซึ่งกำลังจะเข้าฉายทาง Netflix 24 พ.ย.นี้

อัด-อวัช รัตนปิณฑะ ศิลปินและนักแสดงชื่อดัง โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย เพื่อแทนคำขอบคุณอีกครั้ง สำหรับการสนับสนุนที่ดีเสมอมา หลังจากที่เขานั้นเพิ่งคว้ารางวัล Rising Star Award จากภาพยนตร์เรื่อง ‘ดอยบอย (DOI BOY)’ ในงาน Marie Claire with BIFF Asia Star Awards 2023 เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติปูซาน ครั้งที่ 28 (BIFF) ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 4-13 ตุลาคมที่ผ่านมาโดย อัด เขียนความรู้สึกเอาไว้ว่า “ขอบคุณ Marie Claire อีกครั้งสำหรับรางวัล Rising Star รางวัลนี้มีความหมายกับผมมากในฐานะนักแสดง ผมอยากขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนด้วยดีเสมอมา ขอบคุณผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ ทีมนักแสดง และทีมเบื้องหลังทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่กล้าหยิบเรื่องราวที่ละเอียดอ่อนซึ่งเกิดขึ้นจริงในไทยขึ้นมานำเสนอ”“หนทางของการในฐานะนักแสดงไม่ใช่เรื่องง่าย มีหลายครั้งที่เกือบจะยอมแพ้ แต่ต้องขอบคุณภาพยนตร์เรื่อง DOI BOY ที่ได้รับคัดเลือกให้ฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติปูซาน ซึ่งรางวัลนี้ทำให้ผมได้รู้ว่าผมรักในอาชีพนักแสดงมากแค่ไหน จากโอกาสที่ได้รับบทคนชายขอบสุดท้าทาย”“ผมหวังว่าทุกคนที่ได้รับผมภาพยนตร์เรื่องนี้ จะหันกลับมาให้ความสนใจเรื่องราวของพวกเขา และสนับสนุนให้เกิดความเท่าเทียมกันในฐานะเพื่อนมนุษย์ ผมเชื่อว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นพลังในการเปลี่ยนแปลง เรามาทำให้มันเกิดขึ้นกันเถอะ”สำหรับภาพยนตร์เรื่อง ‘ดอยบอย (DOI BOY)’ เป็นผลงานการกำกับของ เบิ้ล-นนทวัฒน์ นำเบญจพล และดำเนินงานสร้างโดยค่ายเนรมิตรหนัง ฟิล์ม นำแสดงโดย อัด-อวัช รัตนปิณฑะ, เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ, เอม-ภูมิภัทร ถาวรศิริ, แคร์-ปาณิสรา ริกุลสุรกาน และ แป้ง-อรจิรา แหลมวิไล ที่จะพาผู้ชมดำดิ่งไปกับความมืดดำของสังคมไทย เรื่องราวการดิ้นรนของเด็กหนุ่มชาวไทใหญ่ที่หนีข้ามแดนมาค้าแรงงานผิดกฎหมาย แต่สถานการณ์บีบบังคับให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับสถานขายบริการ กำลังจะเข้าฉายทาง Netflix ในวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ภาพ : ud_awat

album

0
0.8
1