Netflix ส่งตัวอย่างแรกสุดสะพรึงจาก ‘อังคารคลุมโปง: เอ็กซ์ตรีม’ อุ่นเครื่องความหลอน ก่อนพบความสยองขวัญพร้อมกัน 20 ส.ค.นี้

ENTERTAINMENT NEWS

Netflix ส่งตัวอย่างแรกสุดสะพรึงจาก ‘อังคารคลุมโปง: เอ็กซ์ตรีม’ อุ่นเครื่องความหลอน ก่อนพบความสยองขวัญพร้อมกัน 20 ส.ค.นี้

23 ก.ค. 2024

เตรียมพบกับความหลอนแบบสุดขีดที่จะทำให้วันอังคารของคุณเปลี่ยนไปตลอดกาล! เมื่อ Netflix จับมือ เอไทม์ รับประกันความขนหัวลุกด้วยตัวอย่างแรกสุดสะพรึงพร้อมโปสเตอร์เรียกน้ำย่อยของซีรีส์สยองขวัญเรื่องใหม่ ‘อังคารคลุมโปง: เอ็กซ์ตรีม’ ที่ถูกปล่อยออกมาเขย่าความผวา กับ 8 เรื่องหลอนครบรสที่จะทำให้วันอังคารของคุณกลายเป็นวันที่ลืมไม่ลง ก่อนไปรับชมพร้อมกันกว่า 190 ประเทศทั่วโลก 20 สิงหาคมนี้

สร้างความหลอนอย่างต่อเนื่องกับตัวอย่างแรกของ ซีรีส์ ‘อังคารคลุมโปง: เอ็กซ์ตรีม’ ที่ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องราวที่เคยสร้างความระทึกขวัญชวนผวามาแล้วในรายการวิทยุยอดฮิตจาก EFM อย่าง ‘อังคารคลุมโปง’ มาถ่ายทอดเป็นรูปแบบซีรีส์ จัดเต็มทั้ง 8 ตอนเล่าเรื่องราวครบรส พร้อมเติมรสชาติเพิ่มดีกรีความสยองแบบเข้มข้นที่จะทำให้ผู้ชมผวาจนนั่งเก้าอี้ไม่ติด

ซีรีส์ ‘อังคารคลุมโปง: เอ็กซ์ตรีม’ ได้ถ่ายทอดเรื่องราวสุดสยองยอดนิยมของคนไทย รวมหลากแง่มุมความหลอนที่หลายคนคุ้นชิน ไม่ว่าจะเป็น ตุ๊กตาหลอน ชุดเจ้าสาวผีสิง บ้านต้องคำสาป คำสาบานสยองขวัญ โรงเรียนเฮี้ยน วิญญาณอาฆาต พิธีกรรมอาถรรพ์ หรือแม้แต่ความลับในครอบครัวที่ชวนขนหัวลุก ซึ่งครั้งนี้ได้ 8 ผู้กำกับที่แค่ชื่อก็การันตีความหลอน นำทีมโดย มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล, เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์, อภิโชค จันทรเสน, สุรพงษ์ เพลินแสง, พฤกษ์ เอมะรุจิ, ปริญญ์ กีรติรัตนลักษณ์, ชยันต์ เล้ายอดตระกูล และ เอลิซ่า เปียง แท็กทีมกับทัพนักแสดงมากฝีมือกว่า 20 ชีวิต ที่จะพาทุกคนดำดิ่งสู่ความสยองขวัญแบบเอ็กซ์ตรีมทั้ง มดดำ คชาภา, เฌอปราง อารีย์กุล, มิวสิค-แพรวา สุธรรมพงษ์, จี๋-สุทธิรักษ์ ทรัพย์วิจิตร, แพต-ชญานิษฐ์ ชาญสง่าเวช, ต้นหอม ศกุนตลา, เอแคลร์ จือปาก, บี-น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์, ณัฏฐ์ กิจจริต, ญารินดา บุนนาค, เข็ม-ลภัสรดา ช่วยเกื้อ, แพรว-นฤภรกมล ฉายแสง, น็อต-วรฤทธิ์ เฟื่องอารมย์, พิกเล็ท-ชาราฎา อิมราพร, สไมล์ ภาลฎา, พ้อยท์ ชลวิทย์, แคร์-ปาณิสรา ริกุลสุรกาน, ซิดนีย์-สุพิชชา สังขจินดา, ปูน มิตรภักดี, ธัญพร สนธิขันธ์, อรรถพล เทศทะวงศ์ และ ไอรีน มาลาริน

นับถอยหลังเตรียมพร้อมกับความเอ็กซ์ตรีมครั้งใหม่ที่จะทำให้คุณผวาจนไม่กล้าลืมตาใน ‘อังคารคลุมโปง: เอ็กซ์ตรีม’ สะพรึงพร้อมกัน 20 สิงหาคมนี้ ที่ Netflix เท่านั้น

ภาพ : Netflix

related ENTERTAINMENT NEWS

Netflix เตรียมสร้างการแข่งขัน Squid Game ชิงเงินรางวัลมหาศาลสูงถึง 4.56 ล้านเหรียญฯ หรือ 160 ล้านบาท

16 มิ.ย. 2022

Netflix เตรียมสร้างการแข่งขัน Squid Game ชิงเงินรางวัลมหาศาลสูงถึง 4.56 ล้านเหรียญฯ หรือ 160 ล้านบาท

หลังจากซีรีส์เกาหลี Squid Game ซีซั่น 1 ได้สร้างปรากฏการณ์ไปทั่วโลก จนกลายเป็นซีรีส์ที่มีคนดูมากที่สุดของ Netflix และเพิ่งประกาศอย่างเป็นทางการของการกลับมาในซีซั่น 2 (วันที่ 12 มิถุนายน 2565)ล่าสุด! Netflix เตรียมสร้างการแข่งขัน Squid Game: The Challenge จำนวนทั้งหมด 10 ตอน ที่เลียนแบบเกมในซีรีส์ ซึ่งจะเปิดโอกาสรับสมัครผู้เข้าแข่งขันมากถึง 456 คน เพื่อชิงเงินรางวัลมหาศาลสูงถึง 4.56 ล้านเหรียญฯ หรือประมาณ 160 ล้านบาทไทย ถือได้ว่าทุบสถิติในประวัติศาสตร์รายการเรียลลิตี้โชว์ทั้งจำนวนผู้เล่นและเงินรางวัล โดยทางเน็ตฟลิกซ์ยังไม่ได้มีการเปิดเผยข้อมูลของการถ่ายทำหรือช่วงกำหนดฉายแต่อย่างได้แต่ทางเว็บไซต์ของ SquidGameCasting.com ได้ยืนยันว่าการแข่งขันในครั้งนี้จะไม่มีมีใครได้รับบาดเจ็บ มีเพียงแค่กลับบ้านไปมือเปล่าเท่านั้น เพราะฉะนั้นแฟนๆ “สควิดเกม” ที่มีคุณสมบัติ อายุ 21 ปีขึ้นไป สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ และพร้อมถ่ายทำเป็นเวลานานถึง 4 สัปดาห์ ในช่วงต้นปี 2566 พุ่งตัวเข้าไปสมัครทางเว็บ ตอนนี้! ได้เลยโดยการแข่งขัน จะแบ่งผู้เล่นเป็นวงกลม : ผู้สมัครสหรัฐอเมริกาสามเหลี่ยม : ผู้สมัครในสหราชอาณาจักรสี่เหลี่ยม : ผู้สมัครจากทั่วโลกภาพ : Netflix

คุณครูสังเกตเห็นรูปวาดของเด็กหญิงเก็บตัว ‘ต้นไม้ = แม่ ส่วนผู้หญิง..คือใครไม่รู้!’ เมื่อตามไปถึงบ้านก็พบหญิงร่างใหญ่แปลกหน้า พอถามพ่อ ดันตอบว่าอยู่กันแค่ 2 คน!

01 ก.พ. 2023

คุณครูสังเกตเห็นรูปวาดของเด็กหญิงเก็บตัว ‘ต้นไม้ = แม่ ส่วนผู้หญิง..คือใครไม่รู้!’ เมื่อตามไปถึงบ้านก็พบหญิงร่างใหญ่แปลกหน้า พอถามพ่อ ดันตอบว่าอยู่กันแค่ 2 คน!

รายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (24 มกราคม 2566) ที่ผ่านมา ‘คุณตั้ม The Shock’ หรือ ‘คุณตั้ม รถขนไม้’ ได้เข้ามานั่งเล่าเรื่องหลอนกันแบบสด ๆ ถึงห้องจัดรายการ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณครูโรงเรียนประถมที่สังเกตเห็นอาการแปลก ๆ ของ ‘น้องเมย์’ เด็กหญิงที่มีนิสัยเก็บตัว แต่จะหลอนอย่างไรนั้น เราสรุปไว้ให้คุณแล้ว!เรื่องนี้มาจาก ‘คุณแอล’ เธอเล่าให้ฟังว่าเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาได้กลับบ้านต่างจังหวัด และได้พูดคุยกับน้องชาย ซึ่งเป็นคุณครูสอนคณิตศาสตร์ประจำโรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่ง (จะขอเรียกน้องชายคุณแอลว่า ‘คุณครู’) หนึ่งในเรื่องที่คุยกันนั้นเป็นเรื่องของนักเรียนคนหนึ่ง นามว่า ‘น้องเมย์’ เด็กสาวบุคลิกเงียบขรึม ที่ไม่ค่อยสนใจใคร และปลีกตัวไปนั่งอยู่ที่มุมห้องคนเดียว คุณครูจึงเข้าไปถามไถ่ แต่น้องเมย์ก็ไม่ตอบรับอะไร และพยายามหลบตา จนกระทั่งสังเกตเห็นรอยช้ำที่ต้นแขน ก็ถามน้องว่าไปโดนอะไรมา ด้วยความเป็นเด็ก น้องยังไม่รู้ว่ารอยช้ำคืออะไร แต่ก็บอกคุณครูว่า “เป็นผลจากการทำการบ้านแล้วถูกพ่อดุ” คุณครูได้ยินดังนั้นก็เป็นห่วง และคิดว่าปล่อยเอาไว้คงไม่ดีแน่ จึงพาน้องไปที่สถานีตำรวจ แต่ตำรวจกลับไม่สนใจ มองว่าเป็นเรื่องเล็ก และไม่รับเรื่อง ด้วยความเป็นครูจึงไม่ยอมแพ้ พาน้องเมย์เข้าพบครูใหญ่ แต่กลับได้คำตอบว่า “อย่าไปยุ่งเลย พ่อของน้องเป็นนักการเมือง เดี๋ยวโรงเรียนเราจะมีปัญหา” เมื่อได้ยินดังนั้นคุณครูก็ผิดหวัง และก็คิดว่าจะพยายามดูแลน้องเมย์เท่าที่ตัวเองจะทำได้..วันรุ่งขึ้น ครูใหญ่ก็แจ้งกับคุณครูว่าให้ย้ายขึ้นไปสอนชั้นป.2 แทน ทำให้ต้องจำใจย้ายขึ้นไปตามคำสั่ง แต่ก็ยังเป็นห่วงน้องเมย์อยู่ เมื่อไหร่ที่มีเวลาว่าง ก็จะแวะไปดูน้องเมย์เป็นครั้งคราว วันหนึ่ง คุณครูแวะมาดูน้องเมย์ ก็เห็นน้องกำลังก้มหน้าก้มตาวาดรูปอยู่คนเดียว ภาพวาดของน้องจะมีต้นไม้อยู่ตรงกลาง ข้าง ๆ มีผู้หญิง และเด็กผู้หญิง ส่วนด้านบนมีดวงอาทิตย์ คุณครูจึงพยายามที่จะพูดคุยด้วยการเอ่ยปากชม “น้องเมย์วาดรูปสวยมากเลย คุณครูขอเอากลับไปได้มั้ย?” น้องเมย์ก็พยักหน้าตอบรับ คุณครูจึงคิดว่านี่เป็นสัญญาณที่ดี เพราะน้องเริ่มตอบรับแล้ววันต่อมา คุณครูก็มาหาน้องเมย์อีกครั้ง น้องยังคงวาดรูปอยู่ที่มุมเดิม และเป็นรูปเหมือนเดิมทุกรูป คุณครูจึงคิดว่าจะเริ่มชวนคุยผ่านรูปภาพเหล่านี้ และเอ่ยปากขอรูปอีกครั้ง น้องเมย์ก็ตอบว่า “ได้” เมื่อน้องเริ่มตอบโต้ คุณครูจึงบอกน้องว่า “น้องเมย์ลองเขียนอธิบายภาพนี้หน่อยสิ ว่ามันมีอะไรบ้าง ใครเป็นใคร” น้องก็นั่งเขียนรายละเอียดตามที่คุณครูบอก ไม่นานน้องเมย์ก็เขียนเสร็จ รายละเอียดที่น้องเขียนคือ พระอาทิตย์ = พระอาทิตย์, เด็กผู้หญิง = เมย์, ใต้ต้นไม้ = แม่ และ ผู้หญิง = ใครไม่รู้ นั่นทำให้คุณครูคิดไปไกลว่าผู้หญิงคนนั้นอาจจะเป็นคนที่ทารุณกรรมน้อง!ด้วยความร้อนใจ เย็นวันนั้นคุณครูก็รีบไปที่บ้านน้องทันที เมื่อไปถึงบ้าน ก็เห็นว่าบ้านมีลักษณะคล้าย ๆ กับรูปที่น้องเมย์วาด หลังจากกวาดสายตาไปรอบ ๆ ก็มองขึ้นไปที่หน้าต่างชั้นสอง คุณครูก็เห็นผู้หญิงร่างใหญ่คนนึง มองมาที่คุณครู ทางด้านคุณพ่อก็ต้อนรับอย่างดี และกำลังจะพาไปห้องรับแขก น้องเมย์ก็วิ่งออกมา แล้วกระซิบบอกคุณครูว่า “เขาไม่พอใจ ในสิ่งที่คุณครูมาทำแบบนี้นะ” คุณครูก็ตอบกลับไปว่า “อ๋อ ผู้หญิงที่อยู่ข้างบนหรอ? ไม่เป็นไร เขาทำอะไรครูไม่ได้หรอก” สิ้นเสียงคุณครู น้องเมย์ก็ไม่ตอบกลับอะไร คุณครูจึงเข้าไปพูดคุยกับคุณพ่อ เมื่อคุยไปคุยมา คุณครูก็หยิบเอาภาพที่น้องเมย์วาดมาให้คุณพ่อดู น้ำเสียงและสีหน้าก็เปลี่ยนไป กลายเป็นโมโหบอกว่า “มันก็แค่รูปถ่าย! ทำไมอ่ะ มันมีปัญหาอะไร” เมื่อเห็นว่าคุณพ่อไม่พอใจ จึงเปลี่ยนเรื่องไปถามถึงผู้หญิงที่อยู่ข้างบนแทน คุณพ่อก็ยิ่งหัวเสียเพิ่มขึ้นไปอีก! แล้วบอกว่า “คุณพูดอะไร แม่น้องเมย์เขาตายตั้งแต่น้องอายุ 2 ขวบ ผมอยู่กันสองคนพ่อลูก ไม่เคยเอาใครเข้าบ้าน!” คุณครูก็ไปต่อไม่ได้ ท้ายที่สุด คุณพ่อก็เชิญคุณครูออกไป แม้ในใจจะสงสัยมากก็ตามทีเมื่อสลัดความสงสัยออกไปไม่ได้ จึงไปถามจากคนละแวกบ้าน ได้คำตอบมาว่า แม่ของน้องเมย์เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ หลังจากแม่เสีย พ่อของน้องเมย์ก็กลายเป็นคนเก็บตัว และเขาอยู่กันสองพ่อลูกจริง ๆ เมื่อคุณพ่อทราบเรื่องว่าคุณครูทำแบบนั้นก็ไม่พอใจ จึงย้ายน้องเมย์ออกจากโรงเรียน ส่วนที่บ้านก็ไม่รู้ว่าย้ายหรืออยู่ต่อ เพราะคุณครูก็ไม่ได้เจอน้องเมย์อีกเลย..แม้เรื่องที่เจอจะจบไปแล้ว แต่ความสงสัยของคุณครูยังไม่จบ เรื่องแรก ถ้าน้องเมย์อยู่กับคุณพ่อ ทำไมรูปที่วาดถึงไม่มีคุณพ่อเลย แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร..? แล้วที่น้องถูกกระทำ ถูกทำร้ายร่างกาย อาจจะเกิดจากผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า?

โศกนาฏกรรมสุดเศร้า คละเคล้าความสยอง ‘หมอบี’ พบหุ่นจำลองปริศนา กับพฤติกรรมประหลาดของอาม่าเจ้าของบ้าน!

10 พ.ย. 2022

โศกนาฏกรรมสุดเศร้า คละเคล้าความสยอง ‘หมอบี’ พบหุ่นจำลองปริศนา กับพฤติกรรมประหลาดของอาม่าเจ้าของบ้าน!

ประสบการณ์ชวนตระหนกตกใจและขนหัวลุกนี้ เป็นของ ‘หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ’ ที่ได้เข้ามาร่วมแชร์ประสบการณ์หลอนในรายการ ‘อังคารคลุมโปง’ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (8 พฤศจิกายน 2565) เรื่องที่นำมาเล่าจะน่าตกใจและเสียวสันหลังขนาดไหน เราสรุปไว้ให้คุณอ่านข้างล่างนี้แล้ว กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘สายใยของครอบครัว’‘หมอบี’ เล่าว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นมาไม่นาน และเหตุเกิดที่ต่างประเทศ โดยมีผู้ว่าจ้างคนหนึ่งสงสัยว่า ‘พี่ชาย’ ถูกของเข้า และอยากให้มาช่วยดูพฤติกรรมแปลก ๆ ของ ‘อาม่า’ ด้วยต้องบอกก่อนว่าครอบครัวนี้ค่อนข้างมีอิทธิพลและร่ำรวย ชาวบ้านแถวนั้นต่างก็รู้จักกันดี เมื่อไปถึง ผู้ว่าจ้างก็บอกว่าพี่ชายของเขามีอาการผิดปกติ และยังไม่มีใครเห็นพี่ชายมานานเป็นเดือนแล้วด้วย ทางผู้ว่าจ้างเองก็ยืนยันและมั่นใจว่า พี่ชายของเขาถูกทำของใส่โดยพี่สะใภ้แน่นอน นอกจากนี้ ‘อาม่า’ หรือแม่ของผู้ว่าจ้าง ที่เรียกได้ว่ามีอำนาจสูงสุดของบ้าน ก็ยังคอยซื้อวัตถุดิบต่าง ๆ ไปทำอาหารที่บ้านของพี่ชายอยู่ทุกวัน แม้จะไม่มีใครเคยเห็น แม้แต่เงาของพี่ชายและครอบครัวเลยก็ตาม..ถึงอย่างนั้น ‘อาม่า’ ก็ยืนกรานว่าครอบครัวของเธอไม่มีอะไรผิดปกติ อยู่กันอย่างมีความสุข ลูกสะใภ้ก็ทำตัวดีไม่มีปัญหาอะไร และไม่ยอมให้หมอบีเจอเดินทางไปบ้านของพี่ชาย หมอบีจึงจำใจยอมแพ้และกำลังจะออกจากบ้านหลังนั้น แต่น้องหมาสูงอายุที่นอนติดเตียง เพียงแค่หายใจก็ยังยากลำบาก ซึ่งโดยปกติแล้วจะนอนอยู่เฉยๆ ไม่มีปฏิกิริยากับใคร อยู่ ๆ ก็ตะเกียกตะกายตัวเข้ามาขวางหมอบีไว้ไม่ให้ออกจากบ้าน คนในบ้านเองก็แปลกใจว่าทำไมน้องถึงทำแบบนี้ แต่หมอบีเองก็ไม่ได้สนใจ จึงเดินเลี่ยงไปอีกทาง แต่น้องก็ยังคลานมาขวางหมอบีอีกอยู่ดี หมอบีจึงทำได้เพียงลูบหัวและส่งความรู้สึกบอกน้องไปว่า “ไม่เป็นไรนะ ถ้ามีอะไรจะช่วยเต็มที่” สุดท้ายก็เดินออกจากบ้านไปในคืนนั้น ทางผู้ว่าจ้างก็ได้โทรมาหาหมอบีและบอกว่า น้องหมาตัวนั้นได้ส่งเสียงหอนโหยหวนที่หน้าประตูห้องของพี่ชาย (เดิมเคยอยู่บ้านหลังนี้ แต่ปัจจุบันย้ายออกไปมีบ้านเป็นของตัวเอง) เรียกได้ว่าผิดปกติกว่าทุกครั้ง เพราะมันไม่เคยเห่าหรือหอนมานานมากแล้ว..วันรุ่งขึ้น หมอบีก็ไปที่บ้านหลังนั้นตั้งแต่เช้าตรู่ ทุกคนในบ้านก็พยายามช่วยพูดให้อาม่ายอมใจอ่อนพาไปหาพี่ชายที่บ้านอีกหลัง อาม่าจึงบอกให้พิสูจน์อะไรบางอย่าง ถ้าเชื่อว่าช่วยได้จะยอมพาไป หมอบีจึงทำบางสิ่งบางอย่างให้อาม่าเชื่อ (หมอบีขอละตรงนี้ไว้เป็นความลับ) เมื่ออาม่าเชื่อแล้ว จึงบอกว่าจะพาไป แต่มีเงื่อนไขว่าหมอบีจะต้องไปคนเดียวเท่านั้น!พอไปถึงบ้านของพี่ชาย หมอบีก็ได้ยินเพื่อนบ้านโวยวายเรื่องกลิ่นเหม็นที่มาจากบ้านหลังนี้ และเมื่อได้เดินเข้าไปในบ้าน หมอบีก็ได้กลิ่นเหม็นที่ว่านั้นเข้าอย่างจัง หมอบีคิดในใจว่าจะต้องมีศพที่เน่าจนหนอนขึ้นยั๊วะเยี๊ยะเต็มไปหมดแน่นอน แต่ภาพที่เห็นกลับเป็นอาหารเน่าบูดกองใหญ่วางซ้อนกันอยู่บนโต๊ะอาหาร สภาพเละเทะเกินจะบรรยาย แต่เมื่อหันกลับมามองที่อาม่า ท่านกลับมีสีหน้าเรียบเฉยจนผิดปกติ แถมอาม่ายังบอกอีกว่า ก็เนี่ยไง ยังอยู่กันดี เป็นปกติ อาม่าก็ยังมาทำอาหารให้ ‘พวกเขา’ กินทุกวันอยู่เลย นั่นทำให้หมอบีรู้สึกขนหัวลุกกับพฤติกรรมแบบนี้ และเกิดข้อสงสัยว่า “แล้วอาม่าทำอาหารให้ใครกิน?”เมื่อเดินไปห้องนั่งเล่นของบ้าน ทีวีถูกเปิดทิ้งไว้ อากาศในห้องเย็นเฉียบ และหมอบีก็รู้สึกประหลาดใจอีกครั้ง ภาพตรงหน้าคือก้อนอะไรบางอย่างที่ถูกมัดกันจนมีรูปร่างคล้ายกับคนในสภาพนั่งอยู่บนโซฟา และมีอะไรบางอย่างที่หมอบีก็ยังไม่ทราบ ถูกนำมาแปะจนกลายเป็นใบหน้า วาดปากฉีกยิ้มชวนเสียวสันหลัง หมอบีเล่าว่าหุ่นนี้ประกอบไปด้วย ‘พี่ชาย’ และลูกของพี่ชายอีก 2 คน อาม่าบอกเพิ่มเติมว่า “ก็เนี่ยไง ลูกชั้นก็อยู่ตรงนี้”สักพักนึง อาม่าก็พาเดินเข้าไปที่ครัว ซึ่งหมอบีเองก็สัมผัสได้ว่าครัวนี้ถูกใช้ทำอาหารเป็นประจำ มีการเก็บล้างอย่างดี หมอบีคิดในใจ 2 อย่าง อย่างแรก อาม่าอาจมีอาการป่วยทางจิต และสอง ลูกสะใภ้หายไปไหน? เมื่อเดินดูข้างในบ้านเสร็จแล้ว หมอบีจึงเดินออกมาสำรวจนอกบ้าน รวมทั้งได้ข้อมูลสำคัญจากเพื่อนบ้านแถวนั้นว่า ในทุกวัน ๆ ลูกสะใภ้จะพาอาม่ามาที่บ้านในช่วงเย็นหลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายพิสูจน์หลักฐานก็ได้เข้ามาตรวจสอบบ้านหลังนี้ หมอบีก็ถูกเรียกตัวให้ไปที่บ้านหลังเกิดเหตุนั้นอีกครั้ง จึงได้ทราบว่า หุ่นที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นที่มีอะไรบางอย่างแปะไว้เป็นใบหน้า มันคือหน้าจริง! หมอบีอธิบายต่อว่ามันคือชิ้นเนื้อเละ ๆ ที่ถูกนำมาตัดแต่ง และติดเข้าไปที่หุ่น เมื่อเข้าไปในครัว และเปิดข้างล่างซิงก์ล้างจานออก ก็พบกับหุ่นของผู้หญิงนั่งคดคู้อยู่ใต้ซิงก์ อีกมือถือมีดอยู่ในท่าเตรียมจะจ้วงอะไรบางอย่าง และเช่นกัน ใบหน้านั้นคือเศษชิ้นเนื้อที่ถูกตัดแต่งจนเป็นใบหน้าที่มีรอยยิ้มอย่างสยดสยอง!กลายเป็นว่าทุกคนที่ตามหา เสียชีวิตไปหมดแล้ว เมื่อสืบให้ลึกขึ้นก็พบว่าศพทั้งหมดนั้น ถูกนำไปทำพิธีและฌาปนกิจเรียบร้อยทุกอย่างแล้ว แต่ไม่มีใครรู้ ส่วนทางด้านอาม่าก็มีอาการเบลอ คุยด้วยไม่ได้ หมอบีไม่สามารถสอบถามอะไรอาม่าเพิ่มเติมได้เลย หลังจากนั้นได้มีการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า หุ่นเหล่านั้นมีอาหารปนเปื้อนอยู่ อาจจะเป็นอาม่าที่ป้อนอาหารเข้าไปก็เป็นได้ ซึ่งอาหารเหล่านั้นเมื่อตรวจสอบดูอีกทีก็พบว่ามีเศษชิ้นเนื้อของลูกสะใภ้ปะปนอยู่ด้วย หมอบีเล่าต่อว่าเนื้อพวกนี้ เขาจะแยกเก็บไว้เป็นบางส่วนเพื่อทำฮวงซุ้ย และอาจจะถูกขโมยออกมาก็เป็นได้นอกจากนี้ตำรวจยังได้สืบหาเบาะแสเพิ่มเติมพบว่า ลูกสะใภ้มักจะถูกผู้เป็นสามีทำร้ายร่างกายอยู่บ่อย ๆ แต่ก็ไม่เคยปริปากบอกใคร และพยายามดูแลครอบครัวให้ดีที่สุดอยู่เสมอ ในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่ เธอก็มักจะพาอาม่าไปซื้อวัตถุดิบเพื่อมาทำอาหารทุกวัน นี่อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมหุ่นของลูกสะใภ้จึงถือมีดและอยู่ในท่าพร้อมที่จะทำร้ายคนอื่นอยู่นั่นเองหมอบีเล่าต่อว่า ศพทั้ง 4 ชีวิตนั้น เสียชีวิตไปเป็นระยะเกือบ 1 เดือน ตรงตามกับที่ผู้ว่าจ้างบอกว่าไม่มีใครพบเห็นพี่ชายมาเป็นเวลากว่า 1 เดือนหลังจากนี้หมอบีก็ยังต้องกลับไปสืบเรื่องนี้ต่ออีกครั้ง เพราะตอนนี้ทางตำรวจเองก็สันนิษฐานว่าคนทำอาจไม่ใช่ลูกสะใภ้ ถ้าอย่างนั้นแล้ว ใครคือคนร้ายตัวจริง? หรือมีอะไรอยู่เบื้องลึกเบื้องหลังโศกนาฏกรรมในครั้งนี้กันแน่...ชมไลฟ์สดย้อนหลัง

บ้านพักร้างสร้างเรื่อง! 12 พยานหลอนเห็นตรงกัน ขนาดทำบุญใหญ่แล้วก็ยังดุดัน ไม่เกรงใจใคร! | อังคารคลุมโปง

27 ธ.ค. 2022

บ้านพักร้างสร้างเรื่อง! 12 พยานหลอนเห็นตรงกัน ขนาดทำบุญใหญ่แล้วก็ยังดุดัน ไม่เกรงใจใคร! | อังคารคลุมโปง

รายการ ‘อังคารคลุมโปง’ ที่ผ่านมา (20 ธันวาคม 2565) ได้เชิญ ‘คุณแจ็ค The Ghost Radio’ กลับมาเล่าเรื่องผีกันอีกครั้ง คราวนี้แพ็คความหลอนมาเต็มกระเป๋าต้อนรับปีใหม่ กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘ผีในวงเหล้า’ งานนี้ทำเอาดีเจแนน และดีเจซันเดย์ต้องอ้าปากค้าง ยกให้เป็นเรื่องหลอนระดับสิบกันเลยทีเดียว !คุณแจ็คเกริ่นเรื่องว่า ในทุก ๆ วงสนทนา และการดื่มกินสังสรรค์ ภายใต้ค่ำคืนแห่งความมืดมิด บรรยากาศหลอน ๆ ชวนให้ต้องเล่าเรื่องผี ดังนั้นเรื่องที่จะเล่านี้ ผีไม่ได้ปรากฏขึ้นมาในวงเหล้าให้เห็นจะ ๆ แต่เป็นเรื่องเล่าที่เกิดขึ้นในวงสนทนาเรื่องนี้มาจาก ‘คุณเยี่ยม’ เพื่อนของ ‘คุณเซน’ แฟนรายการ The Ghost Radio เขาเล่าว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับกลุ่มคน 12 คน ที่อยู่ในสถานที่เดียวกัน ทั้งหมดเป็นพยานความหลอนในครั้งนี้ ย้อนกลับไปเมื่อช่วงที่พึ่งเข้าไปทำงานใหม่กับบริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่งในตำแหน่ง ‘โฟร์แมน’ หรือ ‘ผู้ควบคุมงานก่อสร้าง’ ครั้งนั้นได้รับมอบหมายให้ไปทำงานสร้างห้างสรรพสินค้าในจังหวัดปราจีนบุรี ทางคุณเยี่ยมและเพื่อนร่วมงาน ก็ต้องเดินทางไปประจำที่ไซต์งานแห่งนั้น โดยทางบริษัทได้จัดหาที่พักไว้ให้ และต้องอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 7 เดือนเต็มที่พักแห่งนี้มีลักษณะเป็นคูหาทั้งหมด 8 ห้องใหญ่ กำแพงไม่ติดกัน เหมือนเป็นแท่งสี่เหลี่ยมยาว ๆ ลึกเข้าไป ด้านหน้าของตึกติดตั้งระเบียงเหล็ก (คล้ายกับตะแกรงเหล็ก) และมีบันไดขึ้นทั้ง 2 ทาง เหมือนทางขึ้นเมรุอย่างไรอย่างนั้น ซึ่งทางบริษัทจัดหาไว้ให้ 3 ห้อง นับเรียงจากฝั่งซ้าย (คุณแจ็คขอเรียกเป็นห้องซ้าย ห้องกลาง ห้องขวา) แต่ละห้องจะแบ่งเป็น 2 ห้องนอน (นอนด้วยกันห้องนอนละ 2 คน ก็จะพอดีจำนวน 12 คน) คุณแจ็คเล่าเสริมว่า อาชีพโฟร์แมนจะมีความรู้เรื่ององค์ประกอบการก่อสร้าง แต่เมื่อได้เห็นที่พักที่ถูกจัดให้พักนั้นก็เกิดความรู้สึกว่ามัน ‘แปลก’ ชอบกลในแต่ละห้อง ส่วนของชั้นล่างจะโล่ง มีบันไดขึ้นชั้นบน มีห้องนอน 2 ห้อง คือ ห้องนอนด้านหน้าที่ติดกับระเบียงเหล็ก และห้องนอนด้านหลัง ส่วนที่แปลกคือประตูทางเข้าของห้องนอนด้านหน้าต้องเข้าจากทางระเบียงเท่านั้น ไม่มีประตูให้เข้าจากข้างใน แม้จะเป็นสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยเพียงใด เหล่าโฟร์แมนทั้ง 12 คนก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะที่พักแห่งนี้ถูกจัดมาให้เรียบร้อยแล้ว ถ้าจะให้หาที่พักใหม่ ก็จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเองวันหนึ่ง หลังจากเลิกงาน ก็มีปาร์ตี้สังสรรค์กินดื่มกันบ้างเป็นเรื่องปกติ 1 ใน 12 โฟร์แมน นามว่า ‘คุณต้อม’ บอกว่ารู้สึกเหนื่อย จึงขอเข้าไปนอนพักแทนที่จะสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงาน สมาชิกที่เหลือไม่ได้ผิดสังเกตอะไร จึงดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน จนถึงเวลาประมาณ 4 ทุ่ม คุณต้อมก็วิ่งหน้าตื่นออกมาจากห้อง แล้วบอกว่า “ผีอำว่ะ” เพื่อนร่วมงานที่เป็นชายปากกล้าก็ถามกลับไปว่า “คิดมากไปหรือเปล่า นอนมากไป ฝันมากไป ผีไม่มีหรอก และผีที่อำเนี่ย ผู้หญิงหรือผู้ชาย ถ้าเป็นผู้หญิง เดี๋ยวจัดการให้” สิ้นเสียงนั้น ทุกคนในที่นั้นก็เห็นผ้าขนหนูผืนบางที่ถูกแขวนอยู่ตรงผนังหลุดออกมา แล้วก็ถูกเหวี่ยงมาใส่หน้าของผู้ชายคนนั้น! ทุกคนทั้งอึ้งและงงกับเหตุการณ์นั้น จากนั้นพี่ซีเนียร์ในกลุ่มก็พยายามพูดเพื่อไม่ให้ทุกคนหวั่นกระเจิงไปกันใหญ่ว่า “ห้องนี้ไม่ได้ปิดประตูหน้าต่างให้มันดี ลมมันอาจจะพัดมาก็ได้” แต่ทุกคนก็อดคิดไม่ได้ช่วงกลางวันของวันต่อมา คุณเยี่ยมก็ออกเดินสำรวจพื้นที่รอบ ๆ สิ่งหนึ่งที่เห็นคือบริเวณหน้าประตูมีปี่เซียะตั้งอยู่ นั่นไม่ใช่จุดที่ผิดสังเกต แต่สิ่งที่ชวนสงสัยคือทุกซอกทุกมุมของตึกไม่ว่าจะเป็นประตู หน้าต่าง มีปี่เซียะวางอยู่ทุกจุด! คุณเยี่ยมคิดว่าเจ้าของตึกอาจจะมีความเชื่อทางด้านนี้ และเขาเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าปี่เซียะมีไว้ทำไม จึงไม่ได้สนใจแม้จะสงสัยอยู่ในใจก็ตามหลังจากนั้นหลังเลิกงาน ปาร์ตี้สังสรรค์ก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง เวลาประมาณเที่ยงคืนทุกคนก็เริ่มแยกย้ายไปนอน เริ่มจากห้องกลาง เป็นห้องของคุณเยี่ยมและคุณต้อม ระหว่างที่กำลังจะเคลิ้มหลับประมาณตีหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงคนเดินขึ้นมาจากบันได คล้ายกับเสียงรองเท้าคัทชูไม่ก็ส้นสูง คุณเยี่ยมนอนฟังอยู่ก็นึกสงสัยว่าใครกันที่จะใส่รองเท้าแบบนั้นเดินขึ้นบันได เพราะทั้งเขาและคุณต้อมต่างก็เป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ จากเสียงรองเท้ากระทบกับปูนก็เปลี่ยนเป็นเสียงที่กระทบกับเหล็กดัง “ก๊องแก๊ง ก๊องแก๊ง” ไปตามจังหวะการเดินคุณเยี่ยมที่นอนอยู่มองเห็นเงาของผู้หญิงผ่านหน้าต่าง สักพักเงานี้ก็เอาอะไรบางอย่างทุบกำแพงดัง “ตึงๆๆๆๆ” ซึ่งคุณเยี่ยมที่นอนอยู่ก็คิดว่าคงโดนเข้าให้แล้ว จึงหันไปหาคุณต้อมที่นอนอยู่ข้าง ๆ ก็พบว่า คุณต้อมเองก็ไม่ได้หลับเช่นกัน! ทั้งคู่ตาเบิกโพลงและทำได้แค่มองหน้ากัน ไม่ทันได้หายตกใจ เงาร่างนั้นก็เดินไล่บนระเบียงไปห้องซ้ายไปห้องขวา เดินไปเดินมา (ระเบียงเชื่อมกันหมด) จนถึงตีสาม คุณเยี่ยมและคุณต้อมก็ยังนอนฟังเสียงนั้นอยู่และไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเจอกับอะไร!วันต่อมา ทั้งคู่ได้เล่าเรื่องที่เจอให้กับทุกคนฟัง ฝ่ายห้องขวาเป็นผู้หญิงก็บอกว่า “หนูคิดว่าหนูได้ยินแค่ 2 คน” ส่วนห้องทางซ้ายเป็นพี่ซีเนียร์คู่กับผู้ชายปากกล้าก็บอกว่า “ได้ยินเสียงเดินแบบนี้ทั้งคืน ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร” เมื่อทุกคนไม่รู้ว่ากำลังเจอกับอะไร แต่หลังจากนั้นเป็นเวลากว่า 1 อาทิตย์ เมื่อเข้าสู่เวลาตีหนึ่ง เสียงนั้นก็จะดังขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า และไม่มีใครใจกล้าพอที่จะออกไปดูว่ามันคืออะไรกันแน่..เรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นจากห้องข้างหน้าไม่พอ ห้องข้างหลังเองก็เช่นกัน เขาเล่าว่า “ตอนที่นอนอยู่นั้น ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย แต่ผมโดนผีอำ” ไม่ได้โดนผีอำแค่คนเดียว แต่ทุกคนที่นอนอยู่ห้องข้างหลังก็โดนผีอำกันทุกคน! เมื่อเรื่องมันชักจะไปกันใหญ่ ทุกคนจึงตกลงกันว่าหลังจากนี้จะไม่ดื่มแอลกอฮอล์กันอีกและนอนให้เร็วขึ้น เผื่อว่าจะดีขึ้นเมื่อเปลี่ยนเวลาให้นอนเร็วขึ้น คุณเยี่ยมกลับไม่สบายตัวอย่างที่คิด เขานอนกระสับกระส่าย จนถึงเวลา 4 ทุ่ม เสียงเคาะหน้าต่างก็ดังขึ้น! “พี่ๆ ช่วยหนูด้วย!” เป็นน้องผู้หญิง 2 คน ที่มาจากห้องขวาวิ่งมาขอความช่วยเหลือ เมื่อเปิดประตูออกไป น้องก็บอกว่า “หนูอ่ะ หลับไปแล้ว ส่วนเพื่อนอีกคนลุกไปเข้าห้องน้ำ ก็ได้ยินเสียงเหมือนมีคนมาทำกับข้าวอยู่ข้างล่าง แล้วก็มีเสียงคนซักผ้า” เธอเล่าต่อว่าพอเข้าห้องน้ำเสร็จก็ปิดไฟเดินกลับมาที่ห้อง เพื่อนคนที่นอนอยู่ก็นอนบิดไปบิดมา สักพักก็เอามาคว้าอะไรบางอย่าง แล้วก็ตะโกนออกมา “ว๊ากกกกก!” หลุดออกมาจากอาการผีอำ! เธอเล่าเพิ่มเติมว่าเหมือนมีผู้หญิงคนนึงมานั่งทับที่หน้าอก แล้วก็จับตัวไว้ไม่ให้ขยับ พอเพื่อนที่ลุกไปเข้าห้องน้ำกลับมา ถึงได้หลุดออกจากตรงนั้น เมื่อเห็นท่าไม่ดี จึงวิ่งออกมาขอความช่วยเหลือหลังจากได้ยินเสียงผู้หญิงเรียก ทุกคนก็มารวมตัวกันที่ห้องกลาง และพร้อมใจบอกว่า “โดนผีอำเหมือนกัน” ซึ่งจะโดนแตกต่างกันไป ผู้หญิงบ้าง ผู้ชายบ้าง บางคนไม่เห็นตัวแต่ขยับตัวไม่ได้ คุณเยี่ยมซึ่งไม่เคยโดนผีอำก็โดนเช่นกัน เหตุการณ์คือ ขณะที่กำลังนอนอยู่ เห็นผู้หญิงเดินเข้ามาในห้อง แล้วก็เอามานั่งทับที่หน้าอก จากนั้นก็บีบคอ คุณเยี่ยมก็พยายามขัดขืนแต่ก็ทำไม่ได้ และหันไปหาเพื่อนที่นอนอยู่ข้าง ๆ พร้อมกับตะโกนเรียก แต่เรียกเท่าไหร่ ก็ไม่มีเสียงใดเล็ดลอด จึงนึกถึงพระ จากนั้นเสียงก็ออกมา เพื่อนที่นอนอยู่บอกว่าได้ยินเสียงแปลก ๆ จึงปลุกคุณเยี่ยมให้ตื่นด้วยความที่ทั้งหมดเป็นพนักงานใหม่ การจะย้ายออกแล้วต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเองนั้นก็ดูจะเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ทุกคนจึงจำใจอยู่ที่นี่ต่อ ในทุก ๆ คืน ตี 1 – 3 ก็จะต้องเจอกับเหตุการณ์หลอนซ้ำ ๆ วนมาไม่จบสิ้น จะมีเพียงวันเสาร์อาทิตย์ที่แต่ละคนได้กลับบ้าน นั่นจึงเป็นเวลาหาเครื่องรางของขลังมาป้องกันตัวเอง ซึ่งมันก็ไม่ได้ช่วยอะไร…เหตุการณ์ดำเนินมาจนถึงช่วงประมาณเดือนที่ 4 – 5 บริษัทได้เรียกพนักงาน 6 คน เปลี่ยนไปทำงานที่อื่น ทำให้เหลือเพียง 6 คน ที่โชคร้ายยังต้องเผชิญเรื่องหลอนไม่จบไม่สิ้น ทุกคนตกลงกันว่าจะนอนด้วยกัน ห้องละ 3 คน เพื่อความสบายใจ พี่ซีเนียร์พูดขึ้นมาว่า “ที่เราเจอกันอยู่เนี่ย มันไม่ใช่ผีแค่ตัวเดียว น่าจะมีเป็นสิบ” น้อง ๆ ในกลุ่มจึงถามขึ้นว่า “พี่รู้ได้ยังไง?” พี่ซีเนียร์ตอบว่า “กูไปรู้อะไรบางอย่างมา มึงรู้มั้ยว่าค่าเช่าของที่นี่เดือนละเท่าไหร่? 3 คูหา มันเดือนละ 5,000” ซึ่งก็ได้วิเคราะห์ว่า อาจเป็นเพราะตึกนี้มันร้างมาก่อน แล้วพอมีบริษัทมาเช่าให้พนักงานอยู่ เขาก็เลยพยายามมาเคลียร์โดยการเอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ มาวางไว้ และยังสังเกตอีกว่า ตลอดเวลา 4 – 5 เดือนที่ผ่านมานี้ ไม่มีใครสักคนที่เดินเข้ามาถามว่าอีก 5 คูหาที่เหลือยังว่างให้เช่ามั้ย ทั้ง ๆ ที่ตรงนี้เป็นทำเลดี ติดถนนใหญ่ ทุกคนจึงคุยกันอีกรอบว่าจะแก้ปัญหานี้กันอย่างไรดี ได้ข้อสรุปว่าจะทำบุญครั้งใหญ่ จึงไปซื้ออาหารและจัดเตรียมสิ่งของสำหรับการทำบุญ…เมื่อวันทำบุญมาถึง ช่วงเวลากลางวันแสก ๆ หลังจากปักธูปไหว้เสร็จ พี่ซีเนียร์ก็ดันคิดอะไรแปลก ๆ ไปหยิบจานและตะเกียบมาเคาะแล้วพูดว่า “อ้าว มากินข้าวกินเร็ว” หลังจากเคาะ ก็ได้ยินเสียงเหมือนมีคนกำลังวิ่งลงมาเป็นสิบ ๆ คน ผ้าม่านที่อยู่ตรงนั้นก็ไหวไปมา ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น!หลังจากทำบุญให้ ก็ยังเจออยู่เหมือนเดิมไม่เบาลงเลย แม้ทุกคนจะรู้อยู่แก่ใจว่าที่แห่งนี้มีอะไรบางอย่างมาอยู่ร่วมด้วย แต่ก็ทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ จึงต้องอยู่และทำงานกันต่อไป จนกระทั่งถึงเดือนที่ 7 พนักงานกลุ่มนี้ต้องย้ายออก ก็ได้มีพนักงานใหม่เข้ามาอยู่แทน ทั้ง 2 กลุ่มได้คุยกัน หนึ่งในกลุ่มที่มาใหม่บอกว่า “ผมเอาลูกมาอยู่ด้วย วันหนึ่งผมเห็นลูกผมยื่นขนมให้ใครก็ไม่รู้” ในวันย้ายออกมีการจ้างรถชาวบ้านมาช่วยขนย้าย คุณลุงที่เป็นคนขับรถก็ชวนคุยระหว่างทาง “นึกว่าใครมาอยู่ ที่แท้ก็นายช่างนี่เอง แล้วมาอยู่ได้ยังไง ที่นี่ผีดุ นายช่างไม่รู้เหรอ” จากนั้นทุกคนก็รุมถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่…คุณลุงเล่าว่าย้อนกลับไปว่า สมัยก่อนที่ตรงนั้นยังเป็นป่าช้า จากนั้นก็มีการล้างป่าช้า ซึ่งก็ไม่รู้ว่าล้างหมดหรือไม่ ส่วนใกล้ ๆ กับบริเวณนั้นเป็นลานโล่ง แล้วก็มีการสร้างโรงพยาบาล คนที่เป็นเจ้าของที่เห็นว่ามันน่าจะพัฒนาที่ดินได้ จึงอยากสร้างอาคารพาณิชย์ แม้จะมีเสียงรอบข้างห้ามปราม แต่เขาก็ดึงดันที่จะสร้าง รวมทั้งไม่ได้สนใจโครงสร้างและการออกแบบเลย ตึกที่ได้จึงมีลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมยาววางเรียงกันเหมือนกับโลงศพ! พอมีคนมาเช่า ผลประกอบการก็ไม่ดี ทำมาค้าขายไม่ขึ้น จึงให้ซินแสเข้ามาช่วยดู เขาจึงแนะนำว่าให้ปรับหน้าตาของอาคารให้ดูดีขึ้น ให้มันมีอะไรอยู่ข้างหน้าหน่อย จึงเป็นที่มาของการสร้างระเบียงนั่นเอง นั่นยิ่งทำให้เหมือนทางขึ้นเมรุเข้าไปอีก เรียกได้ว่ายิ่งแก้ยิ่งเละและเมื่อขุดประวัติลึกเท่าไหร่ ความน่ากลัวของคูหาเหล่านี้ก็ยิ่งทวีคูณ ห้องกลางนั้นมีเคยมีผู้หญิงผูกคอตาย ห้องขวาเคยมีสามีภรรยาทะเลาะกัน ฝ่ายชายลงมือฆ่า ส่วนห้องซ้ายเป็นสามีภรรยาเช่นกัน ฝ่ายชายฆ่าฝ่ายหญิง แล้วกินยาฆ่าตัวตายตาม ยังไม่นับรวมเคสอื่น ๆ อีก รวมแล้วมีการเสียชีวิตเกิดขึ้นกว่า 5 ราย ส่วนคูหาอื่นที่ไม่มีคนเข้าไปอยู่ก็ไม่รู้ว่ามีเคสอะไรเกิดขึ้นบ้าง…และนี่คือเหตุการณ์หลอนทั้งหมด ที่โฟร์แมนทั้ง 12 คนเป็นพยานรู้เห็นความหลอนในครั้งนี้ติดตามความหลอนย้อนหลังได้

album

0
0.8
1