Netflix ส่งตัวอย่างแรกสุดสะพรึงจาก ‘อังคารคลุมโปง: เอ็กซ์ตรีม’ อุ่นเครื่องความหลอน ก่อนพบความสยองขวัญพร้อมกัน 20 ส.ค.นี้

ENTERTAINMENT NEWS

Netflix ส่งตัวอย่างแรกสุดสะพรึงจาก ‘อังคารคลุมโปง: เอ็กซ์ตรีม’ อุ่นเครื่องความหลอน ก่อนพบความสยองขวัญพร้อมกัน 20 ส.ค.นี้

23 ก.ค. 2024

เตรียมพบกับความหลอนแบบสุดขีดที่จะทำให้วันอังคารของคุณเปลี่ยนไปตลอดกาล! เมื่อ Netflix จับมือ เอไทม์ รับประกันความขนหัวลุกด้วยตัวอย่างแรกสุดสะพรึงพร้อมโปสเตอร์เรียกน้ำย่อยของซีรีส์สยองขวัญเรื่องใหม่ ‘อังคารคลุมโปง: เอ็กซ์ตรีม’ ที่ถูกปล่อยออกมาเขย่าความผวา กับ 8 เรื่องหลอนครบรสที่จะทำให้วันอังคารของคุณกลายเป็นวันที่ลืมไม่ลง ก่อนไปรับชมพร้อมกันกว่า 190 ประเทศทั่วโลก 20 สิงหาคมนี้

สร้างความหลอนอย่างต่อเนื่องกับตัวอย่างแรกของ ซีรีส์ ‘อังคารคลุมโปง: เอ็กซ์ตรีม’ ที่ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องราวที่เคยสร้างความระทึกขวัญชวนผวามาแล้วในรายการวิทยุยอดฮิตจาก EFM อย่าง ‘อังคารคลุมโปง’ มาถ่ายทอดเป็นรูปแบบซีรีส์ จัดเต็มทั้ง 8 ตอนเล่าเรื่องราวครบรส พร้อมเติมรสชาติเพิ่มดีกรีความสยองแบบเข้มข้นที่จะทำให้ผู้ชมผวาจนนั่งเก้าอี้ไม่ติด

ซีรีส์ ‘อังคารคลุมโปง: เอ็กซ์ตรีม’ ได้ถ่ายทอดเรื่องราวสุดสยองยอดนิยมของคนไทย รวมหลากแง่มุมความหลอนที่หลายคนคุ้นชิน ไม่ว่าจะเป็น ตุ๊กตาหลอน ชุดเจ้าสาวผีสิง บ้านต้องคำสาป คำสาบานสยองขวัญ โรงเรียนเฮี้ยน วิญญาณอาฆาต พิธีกรรมอาถรรพ์ หรือแม้แต่ความลับในครอบครัวที่ชวนขนหัวลุก ซึ่งครั้งนี้ได้ 8 ผู้กำกับที่แค่ชื่อก็การันตีความหลอน นำทีมโดย มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล, เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์, อภิโชค จันทรเสน, สุรพงษ์ เพลินแสง, พฤกษ์ เอมะรุจิ, ปริญญ์ กีรติรัตนลักษณ์, ชยันต์ เล้ายอดตระกูล และ เอลิซ่า เปียง แท็กทีมกับทัพนักแสดงมากฝีมือกว่า 20 ชีวิต ที่จะพาทุกคนดำดิ่งสู่ความสยองขวัญแบบเอ็กซ์ตรีมทั้ง มดดำ คชาภา, เฌอปราง อารีย์กุล, มิวสิค-แพรวา สุธรรมพงษ์, จี๋-สุทธิรักษ์ ทรัพย์วิจิตร, แพต-ชญานิษฐ์ ชาญสง่าเวช, ต้นหอม ศกุนตลา, เอแคลร์ จือปาก, บี-น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์, ณัฏฐ์ กิจจริต, ญารินดา บุนนาค, เข็ม-ลภัสรดา ช่วยเกื้อ, แพรว-นฤภรกมล ฉายแสง, น็อต-วรฤทธิ์ เฟื่องอารมย์, พิกเล็ท-ชาราฎา อิมราพร, สไมล์ ภาลฎา, พ้อยท์ ชลวิทย์, แคร์-ปาณิสรา ริกุลสุรกาน, ซิดนีย์-สุพิชชา สังขจินดา, ปูน มิตรภักดี, ธัญพร สนธิขันธ์, อรรถพล เทศทะวงศ์ และ ไอรีน มาลาริน

นับถอยหลังเตรียมพร้อมกับความเอ็กซ์ตรีมครั้งใหม่ที่จะทำให้คุณผวาจนไม่กล้าลืมตาใน ‘อังคารคลุมโปง: เอ็กซ์ตรีม’ สะพรึงพร้อมกัน 20 สิงหาคมนี้ ที่ Netflix เท่านั้น

ภาพ : Netflix

related ENTERTAINMENT NEWS

ปากดีเป็นเหตุ เมื่อเข้าห้องพักหลอน แล้วเจอวิญญาณสยองนองเลือด พร้อมเสียงกระซิบข้างหู “มึงอยากเห็นกูตายมั้ยล่ะ” คลั่งจนธาตุแตก! | อังคารคลุมโปง

29 ธ.ค. 2022

ปากดีเป็นเหตุ เมื่อเข้าห้องพักหลอน แล้วเจอวิญญาณสยองนองเลือด พร้อมเสียงกระซิบข้างหู “มึงอยากเห็นกูตายมั้ยล่ะ” คลั่งจนธาตุแตก! | อังคารคลุมโปง

ช่วงวันหยุดยาวแบบนี้ หลายคนมีแพลนไปเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ แน่นอนว่าต้อง ‘เช่าห้องพัก’ ค้างคืนกันบ้าง หรือใครที่ต้องเดินทางไปทำงานต่างจังหวัด ก็คงจะคุ้นเคยกับการหาห้องพัก ที่ในบางครั้งเราก็คาดเดาไม่ได้ เช่นเดียวกับเรื่อง ‘ห้องพักรายวัน’ จากคุณหยก แม่มณี ที่ได้โทรเข้ามาเล่าประสบการณ์หลอนของรุ่นพี่ที่เจอดีจนต้องแอดมิทเข้าโรงพยาบาล ในรายการ ‘อังคารคลุมโปง’ ที่ผ่านมา (20 ธันวาคม 2565)คุณหยกเล่าว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับ ‘คุณโก้’ รุ่นพี่ที่รู้จักกัน ตอนนั้นคุณโก้ต้องเดินทางไปคุยงานกับลูกค้าที่ต่างจังหวัดพร้อมกับรุ่นน้องอีก 1 คน เมื่อไปถึงทั้งคู่ก็หาโรงแรมเพื่อพักผ่อน ซึ่งไม่ได้มีการจองล่วงหน้า ทำให้ไม่ทราบว่าทุกห้องของโรงแรมนั้นถูกจองเต็มไปหมดแล้ว พนักงานจึงแนะนำที่พักอื่นใกล้ ๆ กันให้ คุณโก้จึงเลือกโรงแรมที่ใกล้กับบ้านของลูกค้า เพื่อที่จะได้เดินทางไปง่ายเมื่อไปถึงโรงแรมนั้น ทั้งคู่ก็ตกใจ เพราะลักษณะภายนอกนั้นดูเหมือนกึ่งอะพาร์ตเมนต์กึ่งม่านรูดผสมกัน จากนั้นเด็กรับรถก็เดินเข้ามาทักทาย “ค้างคืนหรือชั่วคราวครับพี่?” คุณโก้จึงตอบกลับไปว่า “ค้างคืนเท่าไหร่อ่ะน้อง?” เด็กรับรถตอบว่า “300 ครับพี่” นั่นทำให้คุณโก้รู้สึกตกใจมาก และคิดว่ามันถูกเกินไป จึงถามกลับไปว่า “ไม่ใช่มีของแถมอะไรนะ” เด็กรับรถตอบกลับทันควันว่า “พวกถุงยางหรืออุปกรณ์เสริมอื่น ๆ พี่ซื้อเองได้เลยครับ” คุณโก้ที่ไม่ได้หมายความอย่างว่าจึงตอบไปว่า “ไม่ใช่ ชั้นหมายถึงผี!” เด็กรับรถเงียบไปสักพัก แล้วก็ตอบกลับว่า “ทุกที่มีคนตาย อยู่ที่ว่าพี่จะเจอหรือเปล่า” เมื่อทำอะไรมากไม่ได้ คุณโก้ก็ตกลงเข้าพัก แล้วแยกย้ายกับน้องที่มาด้วย เพื่อเข้าห้องของใครของมัน...เมื่อเข้าห้องพัก คุณโก้ก็เตรียมอุปกรณ์เพื่อที่จะไปอาบน้ำ นั่นทำให้คุณโก้สังเกตุเห็นผ้าม่าน พอเปิดม่านออกก็จะพบกับอ่างอาบน้ำ เรียกได้ว่าวิวดีเกินราคาสุด ๆ หลังจากนั้นคุณโก้ก็เตรียมน้ำแล้วลงไปแช่ในอ่าง กลิ่นหอมของสบู่คละคลุ้งไปทั่วทั้งบริเวณ เวลาผ่านไปสักพัก กลิ่นเหม็นเน่าคาวเลือดก็แทรกเข้ามาแทนที่ คุณโก้จึงพยายามเดินตามหาที่มาของกลิ่น แต่ยิ่งเดินเข้าไปใกล้เท่าไหร่ ก็ดูเหมือนกลิ่นนั้นจะลอยไกลออกไปทุกที คุณโก้จึงคิดว่าหรือมันจะมาจากช่องระบายอากาศ แต่เมื่อเปิดดูแล้วก็ไม่พบอะไรที่ผิดปกติ จึงตัดสินใจเลิกหาต้นตอ และรีบอาบน้ำให้เสร็จเมื่อทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย คุณโก้ก็นอนหลับไป จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงเที่ยงคืน คุณโก้รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ จึงตะแคงพลิกตัวด้วยความงัวเงียเพื่อที่จะลุกขึ้น หน้าของคุณโก้หันไปทางกระจกห้องน้ำ แต่แล้วก็รู้สึกว่าขยับตัวไม่ได้ จากนั้นคุณโก้ก็ค่อย ๆ ลืมตา ก็รู้สึกเหมือนมีคนมาถ่างตาขึงไว้ให้มันตึงจนเหมือนตาจะถลนออกมา! และผู้หญิงที่เปลือยกายยืนหันหลังให้ก็ปรากฏขึ้นมา คุณโก้พยายามร้องและดิ้นแต่ก็ไม่สำเร็จ จากนั้นผู้หญิงคนนั้นก็ค่อย ๆ หันหน้ามาแล้วก็ยิ้มมุมปากมาให้คุณโก้!สิ่งที่คุณโก้ทำคือด่า! แต่ด่าในใจว่า “โถ่ อีชะนี มึงจะมายั่วอะไรกู กูเป็นตุ๊ด!” และก็บอกว่า “ถ้าจะอำแล้วอำกูแค่นี้ มึงจะทำเพื่ออะไร?” สิ้นเสียงในใจนั้น ก็มีเสียงเล็กแหลมลอดเข้ามาในหูว่า “แล้วมึงอยากเห็นกูตายมั้ยล่ะ?” จากนั้นผู้หญิงคนนั้นก็หันทั้งตัวกลับมา เผยให้เห็นใบหน้าและสรีระที่สะสวย ริมฝากเคลือบลิปสติกสีแดงสด เธอค่อย ๆ หย่อนตัวลงในอ่างอาบน้ำ แล้วค่อย ๆ บรรจงอาบน้ำให้คุณโก้เห็น คุณโก้ที่ควบคุมความคิดไม่ได้ก็คิดอยู่ในใจว่า “มึงจะอาบให้กูดูทำไมวะ?” จากนั้นเธอก็ดำลงไปในอ่างแล้วก็ขึ้นมาพร้อมกับหันหน้ามาหาคุณโก้ รอยยิ้มที่มุมปากผุดขึ้นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับดูน่ากลัวกว่าครั้งแรก! เพราะมุมปากเริ่มสูงขึ้นจนเกือบจะถึงโหนกแก้ม ไม่นานเธอก็ลุกขึ้นแล้วมายืนที่หน้าอ่างล้างหน้า มือซ้ายก็หยิบอะไรบางอย่าง คุณโก้คิดในใจอีกครั้งว่า “อย่ามาหลอกมาหลอนกูเลย เดี๋ยวจะทำบุญไปให้ก็ได้” พร้อมกับสวดทุกบทที่รู้จัก แต่ไม่นาน ผู้หญิงคนนั้นก็หันหน้ามายิ้มอย่างสยดสยองอีกครั้ง แล้วก็บอกว่า “มึงพร้อมจะเห็นกูตายหรือยัง?”หลังจากนั้น มือซ้ายที่หยิบเอาใบมีดโกนขึ้นมา แล้วก็กรีดตั้งแต่กกหูลากมาจนถึงต้นคอ ยาวมาจนถึงราวหน้าอกซ้ายแล้วก็สะบัดแรง ๆ ไม่พอแค่นั้น เธอยังแอ่นตัวเพื่อให้เลือดกระฉูดออกมา! เธอหัวเราะออกมาด้วยเสียงเล็กแหลมสยดสยอง พร่ำพูดว่า “มึงอยากเห็นกูตายอีกมั้ย...มึงอยากเห็นกูตายอีกมั้ย!” แล้วเธอก็กรีดตามเนื้อตามตัวด้วยความบ้าคลั่ง ภาพนั้นทำให้คุณโก้สั่นเทาด้วยความกลัวอย่างถึงขีดสุด จึงพยายามเหลือกตาให้เหลือแค่ตาขาวเพื่อที่จะได้น็อคหลับไป… สักพักไม่นาน คุณโก้ก็รู้สึกว่าทุกอย่างเริ่มผ่อนคลาย แต่ก็ยังขยับตัวไม่ได้ คุณโก้ยังรู้สึกตาพร่ามัว แต่นั่นไม่ใช่เพราะหลับตา แต่ขณะนั้นยังลืมตาอยู่แค่ยังโฟกัสไม่เข้าที่ เมื่อเริ่มเห็นภาพชัดขึ้น ก็รู้สึกได้ว่ามีสองมือเหม็นคาวเลือดมาโอบจากด้านหลังมากระชับที่เอวของคุณโก้ด้วยแรงแน่น จากนั้นก็มีคอมาวางเกยไหล่คุณโก้ พร้อมกับเสียงสยองเดิมว่า “มึงอยากเห็นกูตายอีกรอบมั้ยล่ะ?” คุณโก้คิดในใจว่า “ไม่ต้องตายแล้วแหล่ะ” สภาพของคุณโก้ตอนนี้ธาตุแตก ฉี่แตกเละเทะ ตาเหลือก นอนไม่ได้สติอยู่อย่างนั้น…เช้าวันต่อมา น้องที่มาด้วยกันก็มาเคาะที่ห้อง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับ โทรไปก็ไม่มีใครรับ รถก็ยังจอดแน่นิ่งอยู่ จึงถามพนักงานแถวนั้นว่ามีเห็นใครออกมาจากห้องนี้หรือยัง ทางพนักงานก็ส่ายหัว เมื่อเห็นท่าไม่ดีจึงขอให้ใช้กุญแจสำรองเปิดห้อง พอเข้าไปก็พบคุณโก้นอนอยู่บนเตียงด้วยสภาพที่แทบจะดูไม่ได้ ตาเหลือก ธาตุแตก ฉี่ราดเละเทะไปหมด จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลทันทีคุณโก้ไม่ได้สติ 2 คืนเต็ม เมื่อได้สติก็โทรเล่าเรื่องให้กับเจ้านายฟัง ด้วยความที่เป็นเพื่อนกัน จึงบอกให้คุณโก้รักษาตัวให้เรียบร้อย พอวางสายเสร็จกำลังจะล้มตัวนอนลง เสียงเล็กแหลมเดิมก็ลอดเข้ามาในหูอีกครั้งด้วยประโยคเดิมว่า “มึงอยากเห็นกูตายอีกรอบมั้ยล่ะ?” ประโยคนั้นทำให้คุณโก้สติแตกอีกครั้ง เรียกได้ว่าจิตเสียไปเลย จนกระทั่งกลับมากรุงเทพ คุณโก้ก็พยายามใช้ชีวิตประจำวันให้เป็นปกติมากที่สุด แต่ทุกครั้งที่จิตว่าง ก็จะมีเสียงเดิมพูดข้างหูขึ้นมา “มึงอยากเห็นกูตายอีกรอบมั้ย”คุณโก้ก็ไม่รู้จะทำยังไง จึงปรึกษาเพื่อน เพื่อนก็แนะนำให้ไปทำบุญชุดใหญ่ แต่ก็ยังเหมือนเดิม จึงคิดว่าหรือต้องบวชพระ พอดีกับแม่บ้านที่บริษัทก็กำลังจะบวชลูกชาย จึงตัดสินใจจะไปช่วยงานบวชนี้ ระหว่างที่อยู่ในงาน คุณโก้ก็คิดว่าหลังจากนี้จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว จังหวะที่ส่งนาคนั้น ก็มีเสียงพูดขึ้นมาดัง ๆ ว่า “กูไม่ได้จะเอาบุญ! มึงอยากเห็นกูตายอีกรอบมั้ย!” แม้จะมาแค่เสียง แต่คุณโก้ก็ไม่สบายใจ เพื่อนจึงแนะนำให้ไปอาบน้ำมนต์ วัดที่หนึ่งก็แล้ว วัดที่สองก็ยังเจอ จนมาวัดที่สาม พระท่านก็รดมาขันแรกไม่เท่าไหร่ ขันที่สองลงหัวปุ๊บ น้ำที่หลังจากรดตัวคุณโก้ไปแล้วมันกลายเป็นสีขุ่นเลือด สรุปแล้วก็รดไปประมาณ 4 ถัง จนน้ำมันเริ่มจางลง คุณโก้ก็เล่าเรื่องที่เจอให้กับพระฟัง ท่านก็บอกว่า “มันเป็นกรรมที่เกิดจากวาจาของโยม โยมลองไปถือศีลเรื่องวาจาดูมั้ย” คุณโก้ก็ตกลงจะทำ พระท่านก็ถามต่อว่า “ตอนที่เจอได้แผ่เมตตามั้ย? ถ้าไม่ เขาก็อาจจะเข้าใจว่าโยมสื่อสารกับเขาได้ เขาก็เลยตามต่อ แถมยังเขาหลอกให้ทำบุญให้อีก เพราะเราสื่อสารได้แล้วเขาจะไปทำไม เขาก็อยู่กับโยมสิ” เมื่อรู้แบบนั้นแล้ว คุณโก้จึงถือศีลปิดวาจาประมาณ 2 อาทิตย์ถึงจะหลุดออกไป...ชมความหลอนย้อนหลัง

จำฝังใจ!! แม่เปลี่ยนไป เพราะปลดเบาผิดที่…

20 ต.ค. 2022

จำฝังใจ!! แม่เปลี่ยนไป เพราะปลดเบาผิดที่…

เรื่องราวชวนขนหัวลุกนี้ มาจากคุณฟีน สายแรกที่โทรเข้ามาแชร์ประสบการณ์ของคุณแม่ให้ดีเจแนน และดีเจเคเบิลได้คลุมโปงไปด้วยกัน ในรายการ “อังคารคลุมโปง” เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา (18 ตุลาคม 2565)คุณฟีนเล่าว่า ครอบครัวของคุณฟีนมีกิจการคณะลิเก ในช่วงๆ หนึ่งของทุกปี จะต้องเดินทางไปแสดงลิเกที่วัดชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรปราการ และในปีที่ทำให้ต้องพบกับประสบการณ์หลอนนั้น คือปี พ.ศ. 2545 ทางวัดได้จัดพื้นที่ให้คณะลิเกตั้งซุ้มคณะใกล้ๆ กับพื้นที่ก่อสร้างด้วยพื้นที่ที่จำกัดทำให้คณะลิเก จัดตั้งได้เพียงแค่ด้านหน้าเวทีการแสดงเท่านั้น ส่วนด้านหลังที่เป็นพื้นที่พักผ่อนหรือแต่งตัวแต่งหน้าของทีมงานและนักแสดง ต้องย้ายไปจัดอยู่ในพื้นที่ก่อสร้างข้างๆ ที่เป็นลักษณะลานกว้างและหลังคายังสร้างไม่เสร็จดี ถัดจากลานกว้าง ก็มีห้องๆ หนึ่งที่ยังเป็นโครงประตู หน้าต่างที่กำลังก่อสร้างอยู่และเนื่องจากทางวัดไม่เคยจัดให้โรงลิเกอยู่ในพื้นที่นี้มาก่อน ทำให้ระยะทางระหว่างโรงลิเกและห้องน้ำอยู่ห่างกันมาก ทีมงานและนักแสดงหลายคนจึงตัดสินใจปลดเบาที่ห้องห้องนั้นแทน...จนกระทั่งวันหนึ่ง ขณะที่ยังมีการแสดงลิเกอยู่นั้น คุณแม่ของคุณฟีนก็ได้ไปปลดเบาที่ห้องนั้นเช่นเคย หลังจากนั้นแกก็เริ่มมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรงราวกับว่ามีคนเอาไม้หน้าสามมาตีที่หัวอย่างไรอย่างนั้น!เมื่อการแสดงจบลง คนในครอบครัวก็สังเกตว่าอาการปวดหัวนั้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั้งทำให้ตาของคุณแม่เหล่ และเมื่อคุณแม่ไปหาหมอ ก็ได้รับมาเพียงยาพาราเซตามอลคุณฟีนเล่าต่ออีกว่า บ้านของเธอเป็นบ้าน 2 ชั้น ชั้นบนมี 4 ห้อง แบ่งเป็นฝั่งซ้ายขวาอย่างละ 2 ห้อง ซึ่งทางด้านขวาเป็นห้องพระ ในระหว่างที่คุณพ่อกำลังประคองคุณแม่เดินขึ้นมายังชั้น 2 จู่ๆ คุณแม่ก็ก้มหัวตัวเองลงกับพื้น จากนั้นก็ไถหัวแล้วเบนหน้าหนีจากห้องพระเพื่อขึ้นบันไดจนถึงห้องแล้วก็ปิดประตูทันที!คุณฟีนเสริมว่า ภายในห้องพระนั้น มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของต้นตระกูลอยู่มากมาย หนึ่งในนั้นคือพ่อแก่ที่ตกทอดมาตั้งแต่รุ่นปู่ของทวด ซึ่งไม่มีใครกล้าบูรณะให้เพราะหลายคนสัมผัสได้ถึงความดุของท่านเมื่ออาการของคุณแม่เริ่มหนักขึ้น บรรดาญาติๆ ต่างก็แวะเวียนมาเยี่ยมเยียน ไม่ต่างจากคุณลุง ผู้ซึ่งทำงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งแถบบางรัก คุณลุงเองก็อยากให้คุณแม่ไปรักษาที่โรงพยาบาลนี้ และตั้งใจจะไปขอให้คุณหมอที่สนิทกันช่วยรักษาให้เมื่อไปถึงโรงพยาบาล คุณหมอก็ยินดีรับคุณแม่เข้ารับการรักษา ซึ่งตอนนั้นคุณฟีนเองก็สัมผัสได้ว่าตอนนี้เหมือนคุณแม่ของเธอเหมือนมีสองคนอยู่ในร่างเดียว บางครั้งก็เป็นคุณแม่ที่คุณฟีนรู้จัก แต่ในบางครั้งก็จะแสดงท่าทีแปลกไปทางด้านลูกพี่ลูกน้องของคุณฟีน ก็รู้สึกแปลกใจเรื่องนี้เช่นกัน ขณะที่คุณแม่กำลังพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ญาติของคุณฟีน จึงลองสวดคาถาชินบัญชร พอสวดเสร็จก็สอดคาถาไว้ใต้หมอนของคุณแม่ จากนั้น คุณแม่ก็ตื่นขึ้น!แต่กลับกลายเป็นว่า คุณแม่ไม่ยอมนอนหนุนหมอนที่มีคาถาซ่อนอยู่ พร้อมกันนั้นแกกลับสลับเอาเท้าไปพาดกับหมอนแทน ก่อนจะพูดว่า “ไม่นอน ไม่อยากนอน ไม่เอา” ซ้ำวนไปมาหลายรอบ แล้วยังบอกอีกว่า “เอาบทสวดมนต์ออกไป” เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนเข้าใจแล้วว่า คุณแม่ต้องโดนของหรืออะไรบางอย่างแน่ๆ... แต่ก็จะรักษาด้านวิทยาศาสตร์ควบคู่กับความเชื่อไปด้วยผ่านไปได้ 3-4 วัน คุณอาที่รับหน้าที่เฝ้าคุณแม่ก็ได้โทรมาบอกว่า คุณแม่เริ่มอาการไม่ดี ให้รีบมาที่โรงพยาบาลด่วน ถ้าคืนนี้ไม่ไหว ก็อาจจะต้องปล่อยให้คุณแม่ไป เมื่อไปถึงโรงพยาบาล บรรดาญาติก็เห็นว่าคุณแม่ไม่ได้นอนซมเพราะป่วย แต่ลุกขึ้นมาพูดด้วยเสียงเล็กเสียงน้อยว่า “ขอตังค์หน่อยสิ ขอตังค์หน่อยได้ไหม” ญาติก็ถามกลับว่า “จะเอาตังค์ไปทำอะไร?” แม่ก็ตอบว่า “อยากได้เงิน ต้องใช้เงิน”หลังจากนั้นคุณหมอก็พาเข้าห้องไป เมื่อรักษาเสร็จก็พาออกมา และดูเหมือนว่า อาการของคุณแม่จะดีขึ้น แต่ก็ถูกมัดมือมัดเท้าเพราะมีสายท่อที่ใช้ในการรักษาระโยงระยางเต็มไปหมดทางครอบครัวยังคงรักษาคุณแม่ต่อในโรงพยาบาล ส่วนในแง่ของความเชื่อ ก็มีคนแนะนำมาว่าให้ไปหาพระวัดป่ารูปหนึ่งในจ.ราชบุรี เผื่อท่านจะช่วยได้ จากนั้นคุณย่าก็ไปหาพระรูปนั้น เพื่อนำวันเดือนปีเกิดของคุณแม่ไปให้ พอยื่นให้ท่าน ท่านก็พูดว่า “เขาโกรธนะ ไปเยี่ยวรดหัวเขาแบบนั้น คนมอญน่ะเขาโกรธนะ เขาจะเอาไปเลยนะ”นอกจากนี้ยังบอกอีกว่า “คนที่มาสิง เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ ผิวสองสี เป็นคนมอญ”และยังถามอีกว่า “มีลูก 2 คนใช่ไหม?” ย่าก็ตอบว่า “ใช่” พระท่านจึงแนะนำว่า “ให้คนโตบวช 15 วัน ส่วนคนเล็กให้เลิกกินเนื้อตลอดชีวิต และให้นำของไหว้ ไปที่ที่แม่เคยโดนของ แล้วก็ขอขมา บอกว่าเราไม่ได้ตั้งใจ” หลังจากนั้นไม่กี่วัน คุณย่าก็รีบไปทำพิธีตามที่พระท่านบอก คุณย่าเล่าให้ฟังว่า ที่ตรงนั้นทั้งมืด ทั้งน่ากลัว แต่ก็ทำการสวดมนต์และขอขมาจนเสร็จสิ้นกลับมาที่ฝั่งของโรงพยาบาล ก็เหมือนมีอะไรมาดลใจคุณหมอให้เดินมาที่เตียงของคุณแม่ แล้วถามคุณอาว่า “ขอถามหน่อยสิ คนไข้ตาเหล่มาตั้งแต่กำเนิดเลยไหม?” อาก็ตอบกลับว่า “ไม่ใช่ค่ะ” เมื่อคุณหมอได้ยินดังนั้น ก็ให้นักศึกษาแพทย์มาช่วยกันตรวจอาการของคุณแม่ทันที เพราะมีเคสน้อยมากที่จะปวดหัวจนตาเหล่แบบนี้ เมื่อคุณหมอได้วินิจฉัยเสร็จแล้ว ผลตรวจออกมาว่า คุณแม่มีอาการไวรัสขึ้นสมอง เป็นช่วงเวลาไล่เลี่ยกับที่คุณย่าได้ไปขอขมาพอดี คุณแม่ก็เริ่มมีอาการดีขึ้นแต่ก็ใช้เวลาเกือบ 1 เดือนเต็มเลยทีเดียวเมื่อได้ออกจากโรงพยาบาล คุณแม่ก็กลายเป็นคนที่พูดช้าลง รวมทั้งการกระทำต่างๆ ก็ด้วย แล้วคุณแม่ก็เล่าให้ฟังว่า “ก่อนที่แม่จะไปโรงพยาบาล แม่ก็ยืนอยู่หน้าห้องพระ แล้วพูดว่าพ่อแก่ ขอให้ลูกหายกลับมา ลูกจะบวช 15 วัน” แล้วก็บอกว่าตอนที่อยู่โรงพยาบาลแม่ฝันว่า “มีคนมาจ้างลิเกให้ไปเล่นบนสวรรค์ แม่ก็ชักรอกขึ้นไป แล้วก็มีคนเอาตุ๊กตามาให้แม่ถือเต็มมือเลย แต่แม่ก็ทำหล่น คนข้างล่างที่เป็นเหมือนคนมอญก็พูดขึ้นมาว่าทำหล่นเหรอ แล้วก็โดนด่า” แล้วยังฝันอีกว่า “แม่กระโดดข้ามตึกไปมา แล้วก็ไม่ตาย มีคนมาช่วย แล้วก็เห็นคนที่ตายทุกคนมายืนล้อมเตียงเหมือนพยายามจะมาช่วยแม่”หลังจากนั้น คุณแม่และพี่ชายของคุณฟีนก็ไปบวช ส่วนคุณฟีนก็เลิกกินเนื้อตลอดชีวิต และคุณแม่ก็ได้ไปหาพระรูปนั้นที่คุณย่าเคยไปหา พระท่านก็แนะนำอีกว่า “ให้เลิกกินหอยที่มีคนเอาไปปล่อย พยายามทำบุญตักบาตรเรื่อยๆ นะ”แต่หลายคนก็สงสัยว่ามีทีมงานและนักแสดงหลายคนที่ไปปลดเบาในห้องนั้น ไม่เห็นมีใครมีอาการเหมือนคุณแม่เลย ท่านจึงบอกว่า “อาจเพราะดวงกำลังตก และเป็นคนจิตอ่อนทำให้โดนได้ง่าย”นับตั้งแต่วันนั้น คุณแม่ก็ยังคงพูดช้าจวบจนทุกวันนี้ แต่ก็ไม่มีอาการแปลกๆ เหมือนช่วงที่เข้าโรงพยาบาลอีกเลย... สามารถติดตามชมความหลอนย้อนหลังแบบเต็มๆได้ทางหากคุณชอบเรื่องหลอน และอยากแชร์ประสบการณ์ขนหัวลุก รับชมรายการสดได้ทุกวันอังคาร เวลา 20.00-22.00 น. ทางคลื่นวิทยุ EFM94 และ App : Atimefungfin

โศกนาฏกรรมสุดเศร้า คละเคล้าความสยอง ‘หมอบี’ พบหุ่นจำลองปริศนา กับพฤติกรรมประหลาดของอาม่าเจ้าของบ้าน!

10 พ.ย. 2022

โศกนาฏกรรมสุดเศร้า คละเคล้าความสยอง ‘หมอบี’ พบหุ่นจำลองปริศนา กับพฤติกรรมประหลาดของอาม่าเจ้าของบ้าน!

ประสบการณ์ชวนตระหนกตกใจและขนหัวลุกนี้ เป็นของ ‘หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ’ ที่ได้เข้ามาร่วมแชร์ประสบการณ์หลอนในรายการ ‘อังคารคลุมโปง’ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (8 พฤศจิกายน 2565) เรื่องที่นำมาเล่าจะน่าตกใจและเสียวสันหลังขนาดไหน เราสรุปไว้ให้คุณอ่านข้างล่างนี้แล้ว กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘สายใยของครอบครัว’‘หมอบี’ เล่าว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นมาไม่นาน และเหตุเกิดที่ต่างประเทศ โดยมีผู้ว่าจ้างคนหนึ่งสงสัยว่า ‘พี่ชาย’ ถูกของเข้า และอยากให้มาช่วยดูพฤติกรรมแปลก ๆ ของ ‘อาม่า’ ด้วยต้องบอกก่อนว่าครอบครัวนี้ค่อนข้างมีอิทธิพลและร่ำรวย ชาวบ้านแถวนั้นต่างก็รู้จักกันดี เมื่อไปถึง ผู้ว่าจ้างก็บอกว่าพี่ชายของเขามีอาการผิดปกติ และยังไม่มีใครเห็นพี่ชายมานานเป็นเดือนแล้วด้วย ทางผู้ว่าจ้างเองก็ยืนยันและมั่นใจว่า พี่ชายของเขาถูกทำของใส่โดยพี่สะใภ้แน่นอน นอกจากนี้ ‘อาม่า’ หรือแม่ของผู้ว่าจ้าง ที่เรียกได้ว่ามีอำนาจสูงสุดของบ้าน ก็ยังคอยซื้อวัตถุดิบต่าง ๆ ไปทำอาหารที่บ้านของพี่ชายอยู่ทุกวัน แม้จะไม่มีใครเคยเห็น แม้แต่เงาของพี่ชายและครอบครัวเลยก็ตาม..ถึงอย่างนั้น ‘อาม่า’ ก็ยืนกรานว่าครอบครัวของเธอไม่มีอะไรผิดปกติ อยู่กันอย่างมีความสุข ลูกสะใภ้ก็ทำตัวดีไม่มีปัญหาอะไร และไม่ยอมให้หมอบีเจอเดินทางไปบ้านของพี่ชาย หมอบีจึงจำใจยอมแพ้และกำลังจะออกจากบ้านหลังนั้น แต่น้องหมาสูงอายุที่นอนติดเตียง เพียงแค่หายใจก็ยังยากลำบาก ซึ่งโดยปกติแล้วจะนอนอยู่เฉยๆ ไม่มีปฏิกิริยากับใคร อยู่ ๆ ก็ตะเกียกตะกายตัวเข้ามาขวางหมอบีไว้ไม่ให้ออกจากบ้าน คนในบ้านเองก็แปลกใจว่าทำไมน้องถึงทำแบบนี้ แต่หมอบีเองก็ไม่ได้สนใจ จึงเดินเลี่ยงไปอีกทาง แต่น้องก็ยังคลานมาขวางหมอบีอีกอยู่ดี หมอบีจึงทำได้เพียงลูบหัวและส่งความรู้สึกบอกน้องไปว่า “ไม่เป็นไรนะ ถ้ามีอะไรจะช่วยเต็มที่” สุดท้ายก็เดินออกจากบ้านไปในคืนนั้น ทางผู้ว่าจ้างก็ได้โทรมาหาหมอบีและบอกว่า น้องหมาตัวนั้นได้ส่งเสียงหอนโหยหวนที่หน้าประตูห้องของพี่ชาย (เดิมเคยอยู่บ้านหลังนี้ แต่ปัจจุบันย้ายออกไปมีบ้านเป็นของตัวเอง) เรียกได้ว่าผิดปกติกว่าทุกครั้ง เพราะมันไม่เคยเห่าหรือหอนมานานมากแล้ว..วันรุ่งขึ้น หมอบีก็ไปที่บ้านหลังนั้นตั้งแต่เช้าตรู่ ทุกคนในบ้านก็พยายามช่วยพูดให้อาม่ายอมใจอ่อนพาไปหาพี่ชายที่บ้านอีกหลัง อาม่าจึงบอกให้พิสูจน์อะไรบางอย่าง ถ้าเชื่อว่าช่วยได้จะยอมพาไป หมอบีจึงทำบางสิ่งบางอย่างให้อาม่าเชื่อ (หมอบีขอละตรงนี้ไว้เป็นความลับ) เมื่ออาม่าเชื่อแล้ว จึงบอกว่าจะพาไป แต่มีเงื่อนไขว่าหมอบีจะต้องไปคนเดียวเท่านั้น!พอไปถึงบ้านของพี่ชาย หมอบีก็ได้ยินเพื่อนบ้านโวยวายเรื่องกลิ่นเหม็นที่มาจากบ้านหลังนี้ และเมื่อได้เดินเข้าไปในบ้าน หมอบีก็ได้กลิ่นเหม็นที่ว่านั้นเข้าอย่างจัง หมอบีคิดในใจว่าจะต้องมีศพที่เน่าจนหนอนขึ้นยั๊วะเยี๊ยะเต็มไปหมดแน่นอน แต่ภาพที่เห็นกลับเป็นอาหารเน่าบูดกองใหญ่วางซ้อนกันอยู่บนโต๊ะอาหาร สภาพเละเทะเกินจะบรรยาย แต่เมื่อหันกลับมามองที่อาม่า ท่านกลับมีสีหน้าเรียบเฉยจนผิดปกติ แถมอาม่ายังบอกอีกว่า ก็เนี่ยไง ยังอยู่กันดี เป็นปกติ อาม่าก็ยังมาทำอาหารให้ ‘พวกเขา’ กินทุกวันอยู่เลย นั่นทำให้หมอบีรู้สึกขนหัวลุกกับพฤติกรรมแบบนี้ และเกิดข้อสงสัยว่า “แล้วอาม่าทำอาหารให้ใครกิน?”เมื่อเดินไปห้องนั่งเล่นของบ้าน ทีวีถูกเปิดทิ้งไว้ อากาศในห้องเย็นเฉียบ และหมอบีก็รู้สึกประหลาดใจอีกครั้ง ภาพตรงหน้าคือก้อนอะไรบางอย่างที่ถูกมัดกันจนมีรูปร่างคล้ายกับคนในสภาพนั่งอยู่บนโซฟา และมีอะไรบางอย่างที่หมอบีก็ยังไม่ทราบ ถูกนำมาแปะจนกลายเป็นใบหน้า วาดปากฉีกยิ้มชวนเสียวสันหลัง หมอบีเล่าว่าหุ่นนี้ประกอบไปด้วย ‘พี่ชาย’ และลูกของพี่ชายอีก 2 คน อาม่าบอกเพิ่มเติมว่า “ก็เนี่ยไง ลูกชั้นก็อยู่ตรงนี้”สักพักนึง อาม่าก็พาเดินเข้าไปที่ครัว ซึ่งหมอบีเองก็สัมผัสได้ว่าครัวนี้ถูกใช้ทำอาหารเป็นประจำ มีการเก็บล้างอย่างดี หมอบีคิดในใจ 2 อย่าง อย่างแรก อาม่าอาจมีอาการป่วยทางจิต และสอง ลูกสะใภ้หายไปไหน? เมื่อเดินดูข้างในบ้านเสร็จแล้ว หมอบีจึงเดินออกมาสำรวจนอกบ้าน รวมทั้งได้ข้อมูลสำคัญจากเพื่อนบ้านแถวนั้นว่า ในทุกวัน ๆ ลูกสะใภ้จะพาอาม่ามาที่บ้านในช่วงเย็นหลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายพิสูจน์หลักฐานก็ได้เข้ามาตรวจสอบบ้านหลังนี้ หมอบีก็ถูกเรียกตัวให้ไปที่บ้านหลังเกิดเหตุนั้นอีกครั้ง จึงได้ทราบว่า หุ่นที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นที่มีอะไรบางอย่างแปะไว้เป็นใบหน้า มันคือหน้าจริง! หมอบีอธิบายต่อว่ามันคือชิ้นเนื้อเละ ๆ ที่ถูกนำมาตัดแต่ง และติดเข้าไปที่หุ่น เมื่อเข้าไปในครัว และเปิดข้างล่างซิงก์ล้างจานออก ก็พบกับหุ่นของผู้หญิงนั่งคดคู้อยู่ใต้ซิงก์ อีกมือถือมีดอยู่ในท่าเตรียมจะจ้วงอะไรบางอย่าง และเช่นกัน ใบหน้านั้นคือเศษชิ้นเนื้อที่ถูกตัดแต่งจนเป็นใบหน้าที่มีรอยยิ้มอย่างสยดสยอง!กลายเป็นว่าทุกคนที่ตามหา เสียชีวิตไปหมดแล้ว เมื่อสืบให้ลึกขึ้นก็พบว่าศพทั้งหมดนั้น ถูกนำไปทำพิธีและฌาปนกิจเรียบร้อยทุกอย่างแล้ว แต่ไม่มีใครรู้ ส่วนทางด้านอาม่าก็มีอาการเบลอ คุยด้วยไม่ได้ หมอบีไม่สามารถสอบถามอะไรอาม่าเพิ่มเติมได้เลย หลังจากนั้นได้มีการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า หุ่นเหล่านั้นมีอาหารปนเปื้อนอยู่ อาจจะเป็นอาม่าที่ป้อนอาหารเข้าไปก็เป็นได้ ซึ่งอาหารเหล่านั้นเมื่อตรวจสอบดูอีกทีก็พบว่ามีเศษชิ้นเนื้อของลูกสะใภ้ปะปนอยู่ด้วย หมอบีเล่าต่อว่าเนื้อพวกนี้ เขาจะแยกเก็บไว้เป็นบางส่วนเพื่อทำฮวงซุ้ย และอาจจะถูกขโมยออกมาก็เป็นได้นอกจากนี้ตำรวจยังได้สืบหาเบาะแสเพิ่มเติมพบว่า ลูกสะใภ้มักจะถูกผู้เป็นสามีทำร้ายร่างกายอยู่บ่อย ๆ แต่ก็ไม่เคยปริปากบอกใคร และพยายามดูแลครอบครัวให้ดีที่สุดอยู่เสมอ ในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่ เธอก็มักจะพาอาม่าไปซื้อวัตถุดิบเพื่อมาทำอาหารทุกวัน นี่อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมหุ่นของลูกสะใภ้จึงถือมีดและอยู่ในท่าพร้อมที่จะทำร้ายคนอื่นอยู่นั่นเองหมอบีเล่าต่อว่า ศพทั้ง 4 ชีวิตนั้น เสียชีวิตไปเป็นระยะเกือบ 1 เดือน ตรงตามกับที่ผู้ว่าจ้างบอกว่าไม่มีใครพบเห็นพี่ชายมาเป็นเวลากว่า 1 เดือนหลังจากนี้หมอบีก็ยังต้องกลับไปสืบเรื่องนี้ต่ออีกครั้ง เพราะตอนนี้ทางตำรวจเองก็สันนิษฐานว่าคนทำอาจไม่ใช่ลูกสะใภ้ ถ้าอย่างนั้นแล้ว ใครคือคนร้ายตัวจริง? หรือมีอะไรอยู่เบื้องลึกเบื้องหลังโศกนาฏกรรมในครั้งนี้กันแน่...ชมไลฟ์สดย้อนหลัง

ปั๊บ พัฒน์ชัย เผยว่าอัลบั้มใหม่ของวง POTATO จะพูดถึงการรู้จักตัวเอง ซึ่งได้ไอเดียจากบท ‘พระดล’ ในซีรีส์ ‘สาธุ’

10 เม.ย. 2024

ปั๊บ พัฒน์ชัย เผยว่าอัลบั้มใหม่ของวง POTATO จะพูดถึงการรู้จักตัวเอง ซึ่งได้ไอเดียจากบท ‘พระดล’ ในซีรีส์ ‘สาธุ’

ถือว่าได้การตอบรับที่ดีทั้งในแง่เรตติ้งและคำวิจารณ์ สำหรับผลงานการแสดงชิ้นล่าสุดของ ปั๊บ-พัฒน์ชัย ภักดีสู่สุข นักร้องนำแห่งวง POTATO กับการสวมคาแรกเตอร์ ‘พระดล’ ในออริจินัลซีรีส์จาก Netflix เรื่อง ‘สาธุ’ ที่สามารถทำให้ผู้ชมอินและซึ่งในรสพระธรรมจนลืมภาพนักร้องไปได้ชั่วขณะ แถมยังกลายเป็นไวรัลทั่วโลกอินเตอร์เน็ตในวันนี้วันที่ซีรีส์ออกอากาศจบครบทุกตอน กระแสของ ‘พระดล’ ก็ยังฮอตไม่เลิก ซึ่ง ปั๊บ ก็ได้ออกมาเล่าถึงประสบการณ์พิเศษหลังจากได้ประเดิมงานซีรีส์ว่า เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดครั้งหนึ่ง เพราะนอกจากจะเป็นการลองอะไรใหม่ ๆ แล้ว บท ‘พระดล’ ยังช่วยจุดประกายไอเดียเพื่อลุยสร้างสรรค์ผลงานเพลงในอัลบั้มใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วย“ผมว่าอาชีพนักแสดงเป็นอาชีพที่น่าสนใจครับ ตั้งเเต่ได้เเสดงในหนังขอบคุณที่รักกันหรือซีรีส์ทิ้งไว้กลางทางก็คิดว่าน่าสนุกดี พอพี่เเจ็ค วัฒนพงศ์ ผู้กำกับมาชวน ด้วยเวลาที่ลงตัวและบอกว่ารับบทเป็นพระก็อยากเล่นเเล้วครับ ตอนนั้นไม่ได้คาดหวังอะไรเลย แค่ดีใจที่ได้ทำในสิ่งที่เเปลกใหม่“ก่อนถ่ายทำก็ตั้งใจเตรียมตัวเต็มที่เลย ศึกษาคาแรกเตอร์เพื่อให้เป็นพระดลที่สุด และผมจะสะใจมากเวลาผู้กำกับบอกว่า ผ่าน! แค่นั้นก็พึงพอใจแล้วครับ แต่พอภาพเเรกที่เป็นรูปพระปล่อยออกมา คนเเซว คนหยอก เอาภาพไปเล่นต่อ เอาเพลงมาเชื่อมโยง ขอบคุณที่ให้ความสนใจและสนุกไปกับสิ่งที่ผมทำ แถมได้ย้อนกลับไปฟังเพลงเก่า ๆ ด้วย น่ารักมากเลยครับ“สำหรับกระแสหลังจากซีรีส์ออนเเอร์ก็ได้รับความสนใจมาก ผมว่าทุกคนในทีมน่าจะดีใจที่ได้รับการตอบรับที่ดี ตอนนี้เวลาไปร้องเพลงก็มีคนเเซวเรียกพระดลบ้าง บอกให้เทศน์บ้างครับ (หัวเราะ) ซึ่งก็ต้องขอบคุณพี่เเจ็ค ทีมผู้สร้าง ทีม Netflix ทีมงานทุกคนทุกฝ่าย นักแสดงมืออาชีพ ดีใจที่ได้ร่วมงานกับทุกคนครับ ภูมิใจครับ ติดใจด้วยตอบแบบไม่อ้อมแอ้มเลย ถ้าจังหวะได้โอกาสดี อาจจะลองดูอีกครับ ซึ่งการได้รับบทพระดลก็ได้เเรงบันดาลใจในการทำเพลงนะ อัลบั้มใหม่ผมมองว่าน่าจะพูดถึงเรื่องการรู้จักตัวเอง พูดเรื่องความเป็นจริงมากขึ้น ตอนนี้ก็เริ่มแล้วได้ฟังกันเร็ว ๆ นี้ครับ”ภาพ : NetflixTH

album

0
0.8
1