อังคารคลุมโปง RECAP

อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากอาจารย์มิ้น ‘ผีสาวช่วยงานวิจัย’ l อังคารคลุมโปง X หญิง รฐา - ก๊ก ปริญญา [ุ6 พ.ค.2568]

18 พ.ค. 2025

เรื่องเล่าจากอาจารย์มิ้น ‘ผีสาวช่วยงานวิจัย’ l อังคารคลุมโปง X หญิง รฐา - ก๊ก ปริญญา [ุ6 พ.ค.2568]

เมื่อต้องไปเรียนไกลถึงต่างประเทศ ต้องพบเจอกับความยากลำบาก แต่ระหว่างที่ทำวิจัยอยู่นั้น งานทุกอย่างกลับราบรื่นไปได้ด้วยดี ..หรืออาจเป็นเพราะมีบางอย่างช่วยเหลืออยู่! นี่คือเรื่องที่มีชื่อว่า ‘ผีสาวช่วยงานวิจัย’ จาก ‘อาจารย์มิ้นท์’ ที่ได้นำมาเล่าในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (6 พฤษภาคม 2568) พร้อมกับ ‘ดีเจเเนน’ ‘ดีเจเจ็ม’ และ‘ดีเจมดดำ’ เรื่องราวสุดหลอนนี้จะเป็นอย่างไร ปิดไฟแล้วอ่านไปพร้อมกันเลย! อาจารย์มิ้นท์ได้เล่าว่า ตนเองได้ทุนไปทำวิจัยที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นระยะเวลา 2 เดือน แม้จะอยู่ญี่ปุ่นแล้วอาจารย์มิ้นท์ก็ยังต้องเรียนภาษาจีนกับเหล่าซือที่ไทยอยู่ เธอจึงเปลี่ยนมาเรียนออนไลน์แทน แต่วันแรกที่ไปทำวิจัยที่นั่นกลับพบว่าอินเทอร์เน็ตใช้งานไม่ได้ ต้องใช้อินเทอร์เน็ตจากมือถือแทน นอกจากนี้อาจารย์มิ้นท์ยังเล่าอีกว่า เหล่าซือที่สอนภาษาจีนของตนนั้นเป็นลูกหลานครูหมอโนราห์และเป็นคนเห็นผี ระหว่างที่กำลังเรียนภาษาจีนอยู่นั้น ในช่วงแรกเหล่าซือก็มีอาการตกใจแปลก ๆ อาจารย์มิ้นท์ได้แต่เก็บความสงสัยนั้นไว้ในใจ เมื่อเรียนเสร็จก็ถามเหล่าซือว่าเกิดอะไรขึ้น เหล่าซือบอกว่า “มีผู้หญิงผมยาว ชุดขาวอยู่นอกหน้าต่าง” จากนั้นเหล่าซือก็บอกให้อาจารย์มิ้นท์เดินไปดูที่ระเบียง ปรากฏว่าที่ตึกแห่งนี้ไม่มีระเบียง ทำให้แน่ใจได้ว่า ไม่มีทางที่จะมีคนยืนอยู่ข้างนอกหน้าต่างอย่างแน่นอน เนื่องจากเหล่าซือคนนี้สามารถสื่อสารกับดวงวิญญาณได้ จึงบอกกับอาจารย์มิ้นท์ว่าผีสาวตนนั้นเป็นวิญญาณที่อยู่ที่นั่นมาหลายร้อยปีแล้ว และในวันนั้นเอง อาจารย์มิ้นท์ก็มีงานที่ต้องส่งด่วนในวันรุ่งขึ้น แต่อินเทอร์เน็ตก็ยังใช้งานไม่ได้ จึงคิดอยากท้าทายวิญญาณสาวตนนั้นว่า “ถ้าทำให้อินเทอร์เน็ตติดได้ จะถวายอาหารชุดใหญ่ให้” ปรากฏว่าอินเทอร์เน็ตกลับมาใช้งานได้ปกติ และสามารถส่งงานได้ทัน อาจารย์มิ้นท์จึงได้เตรียมอาหารชุดใหญ่เอาไว้สำหรับวิญญาณสาวตนนั้น และทำเป็นประจำทุกสัปดาห์ ชีวิตของอาจารย์มิ้นท์วนเวียนอยู่กับห้องนี้วันแล้ววันเล่า จนกระทั่งคืนหนึ่ง อาจารย์อีกคนได้เดินมาที่โต๊ะอาจารย์มิ้นท์ในระหว่างที่กำลังทานข้าวอยู่ จากนั้นเขาก็ทำหน้าตกใจ พออาจารย์มิ้นท์ถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็บอกว่า “เห็นเหมือนคนกำลังนั่งกินข้าวกับอาจารย์มิ้นท์อยู่” อาจารย์มิ้นท์รู้ทันทีว่าเป็นวิญญาณสาวตนนั้นอย่างแน่นอน เมื่อใช้ชีวิตมาสักระยะในห้องทำงานห้องเดิม เธอก็เกิดความสงสัยว่าวิญญาณตนนั้นยังอยู่ที่เดิมหรือไม่?และ วิญญาณสาวตนนั้นรู้หรือไม่ว่าเธอไปที่ไหน ทำอะไรมาบ้าง จึงได้ลองถามเหล่าซือที่สามารถสื่อสารกับดวงวิญญาณดูอีกครั้ง สรุปว่าวิญญาณสาวตนนั้นสามารถบอกกับเหล่าซือได้หมดว่าอาจารย์มิ้นท์ทำอะไรมาบ้าง อาจารย์มิ้นท์ก็ได้เล่าว่า ก่อนหน้านี้เธอเคยขอวิญญาณตนนั้นว่า ‘ขอให้งานที่ทำอยู่สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี’ เธอจึงคิดว่าที่ผ่านมาระหว่างที่ทำงานวิจัย ไม่ว่าจะติดต่อสถานที่ไหนในญี่ปุ่นก็เรียบง่าย อาจเป็นเพราะวิญญาณสาวช่วยเอาไว้ก็เป็นได้..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

หญิง รฐา เล่าเรื่อง ‘เจ้าของโรงเรียนเก่า’ l อังคารคลุมโปง X หญิง รฐา - ก๊ก ปริญญา [ุ6 พ.ค.2568]

17 พ.ค. 2025

หญิง รฐา เล่าเรื่อง ‘เจ้าของโรงเรียนเก่า’ l อังคารคลุมโปง X หญิง รฐา - ก๊ก ปริญญา [ุ6 พ.ค.2568]

เมื่อ ‘หญิง รฐา’ ได้ไปถ่ายทำภาพยนตร์ชวนหลอนขนหัวลุกเรื่อง ‘The Tutor พี่วรรณมาสอน’ ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ในระหว่างถ่ายทำนั้น ทุกคนในกองมีอาการแปลก ๆ แต่ไม่ยอมพูดอะไร หลังจากนั้น หญิง รฐา ก็รู้สึกขนหัวลุกได้ด้วยตัวเอง! เกิดอะไรขึ้นระหว่างการถ่ายทำ? และทุกคนในกองพบเจอกับอะไรกันแน่? หาคำตอบไปพร้อมกันกับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘เจ้าของโรงเรียนเก่า’ ใน ‘อังคารคลุมโปง X’ (6 พฤษภาคม 2568) พร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ หลังจากอ่านจบแล้ว อาจทำให้คุณ คิดถึงโรงเรียนเก่าของตนเองก็เป็นได้.. หญิง รฐา ได้เล่าว่า ระหว่างที่กำลังถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง ‘The Tutor พี่วรรณมาสอน’ มีอยู่วันหนึ่งต้องไปถ่ายในตึกโรงเรียน ซึ่งซีนที่ต้องเข้าฉากในวันนั้นตนจะต้องแต่งเอฟเฟ็กต์ผีด้วย ตารางการถ่ายทำแบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงเช้าจะถ่ายซีนของคุณครูที่ยังมีชีวิตอยู่ ส่วนช่วงบ่ายจะถ่ายซีนที่เป็นผี ซึ่งทำให้มีเวลาให้แต่งหน้าหลายชั่วโมง แต่ระหว่างนั้นจู่ ๆ ทุกคนก็แปลกไป มีพิรุธ เหมือนมีอะไรปิดบังอยู่ จนผู้ช่วยของหญิง รฐา ต้องลุกขึ้นเดินไปถาม แต่ก็ไม่มีใครเล่าอะไรให้ฟัง เพราะคุณหญิง รฐายังต้องรับบทผีอยู่กลัวว่าจะหลุดและกลัว จากนั้นการถ่ายทำก็ดำเนินไปตลอดทั้งวัน จนมาถึงซีนสุดท้าย ได้เปลี่ยนไปถ่ายที่ห้องปิดตายด้านหน้าของโรงเรียน ซึ่งห้องมีลักษณะเป็นโถงยาว เสมือนห้องผู้อำนวยการ ทางเข้าห้องนั้นเป็นพื้นต่างระดับ ต้องก้าวขาสูงในการเข้าไป ถือว่าเป็นอะไรที่แปลกมากอย่างหนึ่ง การถ่ายทำในห้องนั้นเกิดเรื่องราวแปลก ๆ มากมาย เช่น กล้องถ่ายไม่ติด แต่หญิง รฐา พยายามมองในมุมวิทยาศาสตร์ เมื่อถึงคิวสุดท้ายเวลาประมาณเที่ยงคืน หญิง รฐา ได้สังเกตเห็นว่าพื้นที่ตรงกลางห้องนั้นถูกจัดเซ็ทให้ดูสวยแปลกตา ทั้งที่วันนี้ทั้งวันไม่มีใครใช้พื้นที่ตรงนั้นในการถ่ายทำเลย เธอจึงคิดว่าคงเป็นของสถานที่จริงทั้งหมด และนับเป็นเรื่องแปลกเรื่องที่ 2 ของวันนั้น หลังจากนั้น เธอได้ย้ายไปถ่ายห้องตรงข้าม เป็นซีนที่คุณหญิง รฐา ต้องยืนคนเดียว 'พี่อ๊อด' (ผู้กำกับ) จึงพูดว่า “หญิงยืนตรงนี้คนเดียวนะ แต่เดี๋ยวพี่จะให้น้องผู้หญิงอีก 2 คนมาคุกเข่าตรงนี้ ” หลังจากพูดจบ หญิง รฐา ก็คิดว่าต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้น เมื่อเริ่มถ่ายทำเทคแรก หางตาของเธอก็เหลือบไปเห็นเหมือนคนใส่ชุดไทยโจงกระเบนสีน้ำเงิน ตอนนั้นเธอรู้สึกแปลกใจ แต่ยังไม่ได้รู้สึกอะไรมาก จนกระทั่งผู้กำกับสั่งคัต เธอจึงหายใจเข้าลึก ๆ แล้วหันไปสู้กับสิ่งที่เห็น พอหันหน้าไปก็พบว่าเงาที่หางตาเห็นนั้นเป็นเพียงกรอบรูปเท่านั้น ในใจตอนนั้น คิดว่าคงเป็นรูปของเสด็จพ่อรัชกาลที่ 5 แต่ก็นึกขึ้นได้ว่า ‘แล้วทำไมถึงมาวางในห้องที่มันรกร้างแบบนี้?’ แต่แล้วก็ไม่ได้คิดอะไรต่อ และจดจ่ออยู่กับการถ่ายทำต่อไป ซีนถัดมาเป็นซีนอารมณ์ที่อเล็กซ์ (อเล็กซานดร้า อริดา มาเต้) ต้องแสดงอาการกลัวต่อหน้ากล้อง โดยมีหญิง รฐา ยืนอยู่ข้างหลัง ในเทคแรกกล้องปรับโฟกัสไม่ทันจึงพลาดไป รวมแล้วถ่ายทั้งหมด 4-5 เทค ก็พบว่ามีเทคหนึ่งที่กล้องไม่โฟกัสใครเลย ซึ่งตามหลักการแล้วไม่มีทางเป็นไปได้ หญิง รฐา ยังคงคิดในมุมวิทยาศาสตร์อยู่เพราะวันนั้นเธอใส่คอนแทคเลนส์ผี ดวงตาอาจจะแห้งและพร่ามัวได้ เมื่อเวลาผ่านไป เธอได้เห็นเป็นเงาผู้ชาย สีดำ สูงใหญ่ อยู่ข้างหลังคุณอเล็กซ์ ซึ่งก็คือข้างหน้าของเธอนั่นเอง ทันใดนั้นเธอจึงระลึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 8 ทิศ และพูดว่า “หญิงมาเป็นนักแสดง มาด้วยจิตที่ดี อยากมาเล่นบทให้คนเข้าใจว่าการเป็นครูเป็นอาชีพที่ดี มีความคาดหวัง มีความกดดัน หญิงมาดี เดี๋ยวจะกลับแล้ว ถ้าทำอะไรผิดพลาด ถ้ามีอะไรไม่ดี ขอโทษ ขอให้มันผ่านไปได้ด้วยดีเพราะจะเสร็จแล้ว จะไม่รบกวนแล้ว” หลังจากนั้นการถ่ายทำก็ลื่นไหลไปจนจบ ผู้กำกับให้ผ่าน หญิง รฐา ไม่พูดคุยกับใคร และกลับบ้านคนเดียว พร้อมทั้งพูดคำแก้เคล็ดว่า “หญิงกลับมาคนเดียวนะ มีแค่คนรถกับหญิงนะ” เช้าวันถัดมา หญิง รฐา ได้โทรสอบถามผู้ช่วยว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้น ผู้ช่วยบอกว่า “ทุกคนเจอกันหมด เจอตรงจุดที่พี่หญิงยืนเลย” ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกับคนในรูปด้วย เมื่อ หญิง รฐา หาคำตอบว่าบุคคลในภาพคือใคร ก็มีข้อมูลว่าเหมือนจะเป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียนนั่นเอง..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณออโต้ เดอะโกส ‘แอปหาคู่’ l อังคารคลุมโปง X แจ็ค The Ghost Radio [29 เม.ย 2568]

04 พ.ค. 2025

เรื่องเล่าจากคุณออโต้ เดอะโกส ‘แอปหาคู่’ l อังคารคลุมโปง X แจ็ค The Ghost Radio [29 เม.ย 2568]

ในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (29 เมษายน 2568) มีเรื่องราวสุดหลอนจาก ‘คุณออโต้’ เมื่อน้องชายของคุณออโต้ได้มีการเล่นเเอปหาคู่จนได้ไปเจอกับเรื่องราวหลอนเเละน่ากลัวที่ทำให้จำไม่เคยลืม หลอนไปพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ แล้วคุณจะรู้ว่าบางครั้งคนที่เราคุยในเเอปนั้นอาจจะไม่ใช่คนเป็นก็ได้.. ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 7 ปีที่เเล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของน้องชายของคุณออโต้ ที่ชื่อว่า ‘ออฟ’ในช่วงนั้น คุณออฟได้มีการทำงานเป็นหัวหน้าของบริษัทโทรศัพท์เเห่งหนึ่งในภาคอีสาน ซึ่งก็ได้มีการจัดงานเลี้ยงขึ้นในบริษัท มีการกินเลี้ยงกันตั้งเเต่เวลา 4 โมงเย็น ถึง 4 ทุ่ม โดยตัวคุณออฟต้องออกจากงานเลี้ยงมาก่อนเนื่องด้วยมีธุระในตอนเช้าของอีกวัน โดยระยะทางที่คุณออฟต้องขับรถกลับนั้นประมาณ 130 กิโลเมตร ทุุกอย่างก็ดูเหมือนจะปกติ เเต่พอถึงประมาณครึ่งทาง ด้วยความล้าจากการทำงาน ทำให้คุณออฟตัดสินใจเเวะพักที่ปั๊มน้้ำมันเเห่งหนึ่ง ในตอนนั้นเอง เเอปหาคู่ที่คุณออฟเล่นก็ได้มีการเเจ้งเตือนดังขึ้นทำให้คุณออฟได้เข้าไปดูในเเอปนั้น เเละพบกับผู้หญิงคนหนึ่งที่หน้าตาโปรไฟล์ทุกอย่างตรงกับสเปคของคุณออฟเป็นอย่างมาก คุณออฟจึงตัดสินใจที่คุยกับผู้หญิงคนนั้นตามประสาหนุ่มโสด จากในตอนเเรกที่คุณออฟอยู่ในอาการง่วง ก็ตื่นในทันทีเมื่อได้คุยกับผู้หญิงคนนั้น เเต่ในขณะที่คุย คุณออฟก็ได้เอ๊ะใจกับประโยคหนึ่งที่ผู้หญิงคนนั้นได้พิมพ์มา เธอพิมพ์มาว่า “พี่เนี่ยชอบทำบุญเนอะ พี่คงจะมีบุญเยอะ” ซึ่งถือเป็นประโยคสนทนาที่ค่อนข้างเเปลกกับคนที่พึ่งจะคุยกัน เเต่ในตอนนั้นคุณออฟคิดเเค่ว่าผู้หญิงคนนั้นคงจะสังเกตุจากโปรไฟล์คุณออฟ หลังจากนั้นผู้หญิงคนนั้นก็ได้ถามกับคุณออฟอีกรอบว่า “พี่จะไปไหนต่อหรอ” คุณออฟจึงตอบไปว่า “กำลังจะกลับบ้าน” ทางผู้หญิงถามอีกครั้งว่า “พี่ไม่อยากเจอหน้าหนูหรอ” ซึ่งในมุมนี้สามารถมองในเเง่ร้ายได้ว่า ถ้าผู้หญิงคนนี้เป็นนกต่อเพื่อจะล่อให้คุณออฟไปหาที่่หอพัก อาจจะมีการชิงทรัพย์หรือเกิดเหตุร้ายขึ้นได้ แต่ท้ายที่สุดแล้ว คุณออฟก็เริ่มใจอ่อนเพราะผู้หญิงคนนี้ตื้อหลายรอบ คุณออฟจึงได้ทำการบอกลูกพี่ลูกน้องก่อนว่าจะไปรับผู้หญิงคนนี้ไปเที่ยวด้วย เเละในช่วงนั้นตรงกับเทศกาลปีใหม่พอดี ทั้งคู่จึงตกลงกันว่าจะไปเที่ยวที่ผับเเห่งหนึ่ง จากนั้นคุณออฟก็บอกผู้หญิงคนนั้น เเละทำการขับรถไปรับตามโลเคชั่น ระหว่างที่ขับไป สองข้างทางก็มีเเต่ป่า ต้นไม้ เเต่พอใกล้จะถึงจุดหมายทางด้านหน้ากลับมีหอพักเรียงรายอยู่มากมาย พอจอดรถเข้าที่เรียบร้อย คุณออฟก็ถ่ายรูปเเละส่งไปให้น้องชายอีกคน เผื่อจะมีเหตุฉุกเฉินจะได้สามารถมาช่วยได้ทัน ในระหว่างที่คุณออฟกำลังส่งข้อความ ก็ได้มีผู้หญิงคนหนึ่งมาเคาะที่กระจกรถฝั่งทางด้านคนขับ ในตอนนั้นคุณออฟก็ได้เห็นตัวจริงของผู้หญิงคนนั้นว่าสวยกว่าในรูปอีก ทุกความกังวลได้หายไปในทันที นอกจากนี้ เมื่อสังเกตรอบข้างก็พบว่ามีรถยนต์ และรถมอเตอร์ไซต์จอดอยู่ คงไม่มีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้น คุณออฟได้พูดบอกกับผู้หญิงคนนั้นให้ขึ้นรถเพราะตนจะพาไปทานข้าว ผู้หญิงก็ได้ตอบว่า “พี่รอเเปปนึงได้ไหม หนูขอทำงานก่อนต้องส่งพรุ่งนี้เช้า พี่เข้ามานั่งที่ห้องก่อน” ได้ยินดังนั้น คุณออฟก็ตัดสินใจที่จะตามผู้หญิงคนนั้นไป ในจังหวะที่ผู้หญิงคนนั้นเปิดประตูห้อง คุณออฟก็ได้กลิ่นเหม็นอับชื้นลอยออกมาจากภายในห้อง เเต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก พอเข้าไปด้านในของห้อง อีกหนึ่งเรื่องที่เเปลกประหลาดคือ ผู้หญิงคนนั้นปิดไฟมืดทั้งห้อง เเต่เปิดเพียงเเค่โคมไฟอันเดียวที่โต๊ะทำงาน คุณออฟนั่งรอผู้หญิงคนนั้นทำงาน เเต่ด้วยความเหนื่อยล้าจากเรื่องงาน ทำให้คุณออฟเผลอหลับไป ในช่วงจังหวะที่หลับไป คุณออฟได้ฝันเห็นคนมากมายยืนล้อมตัวคุณออฟไว้ภายในห้องนั้น ทั้งคนเเก่ เด็ก วัยรุ่น ยืนล้อมเเละพูดว่า “เฮ้ย ไอนี้มันบุญเยอะ ขอบุญจากมันหน่อยดิ” ฝันนั้นทำให้คุณออฟสะดุ้งตื่นขึ้นมา เเละมองรอบ ๆ ห้อง คุณออฟก็เห็นว่าทุกอย่างยังปกติดี ห้องยังเหมือนเดิม ผู้หญิงคนนั้นก็ยังทำงานอยู่เหมือนเดิม คุณออฟจึงได้นอนพักอีกครั้งหนึ่ง เพื่อจะรอให้ผู้หญิงคนนั้นทำงานเสร็จ เเต่สักพัก คุณออฟก็ได้ยินเสียงของน้องผู้หญิงคนนั้น ทำเสียงประมาณว่า ‘โจ๊ะ โจ้ จิง โจ๊ะ’ ด้วยความสงสัย คุณออฟเงยหน้าเพื่อที่จะมองดูจึงได้เห็นว่า ผู้หญิงคนนั้นกำลังทำท่ารำอยู่ พอทำเสร็จก็ได้จดอะไรบางอย่างลงไปในสมุดที่โต๊ะนั้น ตอนเเรกคุณออฟคิดว่าผู้หญิงคนนี้คงเรียนด้านนาฎศิลป์หรืออะไรบางอย่าง เเต่หลังจากที่ผู้หญิงคนนี้รำเสร็จ ผู้หญิงคนนั้นได้หันหน้ามาเเละยิ้มถามกับคุณออฟว่า “พี่ หนูรำสวยรึป่าว?” คุณออฟก็ได้พูดชมเเละเผลอหลับไปอีกครั้ง เวลาผ่านไปไม่รู้นานเท่าไหร่ ผู้หญิงคนนี้ได้เข้ามาสะกิดคุณออฟ เเละพูดบอกว่า “ไปพี่ เสร็จเเล้ว ตอนนี้ทุกเวลาเราสองคนต้องไปเเล้ว” เเต่ตอนนั้นก็เป็นเวลาประมาณ ตี 1 เกือบจะ ตี 2 เเล้ว คุณออฟจึงได้บอกไปว่าตนไม่ไหวเเล้ว เพราะเหนื่อยและเพลีย จึงได้ขอนอนค้างที่นี่ เเล้วในตอนเช้าค่อยไปหาอะไรกินด้วยกัน ผู้หญิงคนนั้นก็ทำหน้าไม่พอใจเเละเดินหายเข้าไปในความมืด จนกระทั่งเวลาประมาณ 6 โมงเช้า คุณออฟตื่นขึ้นอีกครั้งเพราะมีมดเเละเเมลงมากัดคุณออฟ ในตอนที่ลืมตาขึ้น เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้คุณออฟถึงกับต้องตกใจ เพราะตอนที่ตื่นขึ้น คุณออฟไม่ได้อยู่ในหอพัก เเต่กลับนอนอยู่ในตึกร้างที่ยังสร้างไม่เสร็จ ตอนเเรกคุณออฟคิดว่าตนโดนปล้น เเต่พอสำรวจตัวเอง ทุกอย่างก็ยังอยู่ครบ พอมองไปทางที่รถของคุณออฟที่จอดอยู่ คุณออฟก็ถึงกับต้องตกใจอีกครั้ง เพราะว่ารถของคุณออฟจอดอยู่บริเวณดงหญ้าที่สูงมาก เเละไม่ได้มีอาคารหรือหอพักอยู่บริเวณรอบ ๆ เลย พอสำรวจไปเรื่อย คุณออฟจึงได้เห็นว่าในตรงนั้นมีที่เก็บกระดูกของคนตายอยู่ เเละพอมองไปอีกจึงได้รู้ว่าตนอยู่ใกล้กับวัดร้าง เป็นวัดที่เหมือนขาดการดูเเลมานานมาก ๆ คุณออฟจึงรีบทำการขับรถออกมาจากบริเวณตรงนั้น เเละพักตั้งสติที่ร้านขายของชำไม่ใกล้ไม่ไกลก่อน หลังจากจอดพักไม่นาน ก็ได้มีเเม่ค้าคนหนึ่งเดินเข้ามาถามกับตัวคุณออฟว่า “ไอหนุ่ม มาจากไหนเนี่ย” อาจจะเพราะคุณออฟยังใส่ชุดทำงานอยู่จึงโดนถามเเบบนั้น เมื่อตั้งสติได้คุณออฟก็เริ่มเล่าเหตุการณ์ที่ตนเจอให้กับเเม่ค้าฟัง เเต่เเม่ค้าคนนี้กลับพูดว่า “เจออีกเเล้วหรอเนี่ย” จากนั้น เเม่ค้าก็ได้เล่าให้ฟังถึงประวัติของพื้นที่ตรงนี้ว่า สมัยก่อนพื้นที่ตรงนี้เคยเป็นสถานปฎิบัติธรรม คอยช่วยรักษาคนที่เป็นโรคเอดส์ เเต่เพราะขาดการดูเเลซ่อมเเซมจึงถูกปล่อยให้รกร้าง พอได้ยินเเบบนั้นคุณออฟก็เช็คโทรศัพท์ของตัวเอง เเละได้พบข้อความของน้องชายเกือบ 100 กว่าข้อความ คุณออฟได้โทรกลับไป น้องชายของคุณออฟได้พูดขึ้นว่า “พี่ เมื่อคืนพี่ไปไหนมา เเล้วส่งรูปบ้าอะไรมาให้ผมเนี่ย” คุณออฟตอบไปด้วยความมึนงงว่า “ก็รูปหอพักที่พี่ไปไง” พอดูรูปภาพนั้นอีกที คุณออฟได้เห็นว่ารูปที่ตนส่งไปคือ รูปป่าเเละรูปที่เก็บกระดูกของคนตาย ในตอนนั้นคุณออฟจึงได้ทำการขับรถไปที่หอพักของน้องชาย เพื่อที่จะกลับมาดูสถานที่นี้อีกครั้งด้วยกัน เเละได้พบว่า สถานที่ที่คุณออฟมาในเมื่อคืนก็คือวัดที่ถูกทิ้งร้างไปเเล้ว หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น คุณออโต้ก็ได้ถามกับคุณออฟว่า “เเล้วทำไมเขาถึงบอกว่า มึงมีบุญเยอะวะ” คุณออฟจึงได้เล่าว่า “อีก 2 เดือนในตอนนั้น กำลังจะบวช อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้หญิงคนนั้น อยากจะได้ส่วนบุญของก็เป็นไปได้..”(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

พี่เเจ็ค เล่าเรื่อง ‘โรง(หนัง)ที่ 3’ l อังคารคลุมโปง X แจ็ค The Ghost Radio [29 เม.ย 2568]

03 พ.ค. 2025

พี่เเจ็ค เล่าเรื่อง ‘โรง(หนัง)ที่ 3’ l อังคารคลุมโปง X แจ็ค The Ghost Radio [29 เม.ย 2568]

สมัครงานพาร์ทไทม์ที่โรงหนัง แต่พนักงานด้วยกันชอบแกล้งเรื่องผีอยู่เป็นประจำ จนได้มามาทำงานตำแหน่งฉายหนัง ที่ต้องเอาพวงมาลัย น้ำ นม มาไว้ที่ห้องฉายทุกครั้งในวันพระ แต่วันที่เกิดเรื่องดันลืม…! จึงได้เจอดีเข้าให้! ไปติดตามเรื่องเล่าจาก ‘พี่แจ็ค The Ghost Radio’ ที่ได้นำเรื่อง ‘โรง(หนัง)ที่ 3’ เรื่องของ ‘คุณดิ๊ก’ มาเล่าในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’(29 เมษายน 2568) พร้อมด้วย ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว คุณดิ๊กอยากหางานพิเศษทำ ในตอนนั้นมีห้างหนึ่งกำลังถูกสร้าง ซึ่งเป็นห้างที่มีโรงหนังทั้งหมด 3 โรง หลังจากห้างสร้างเสร็จเรียบร้อย คุณดิ๊กจึงได้ไปยื่นใบสมัครไว้ เผื่อว่ามีงานที่พอจะทำได้ หลังจากนั้น 2-3 วัน ก็มีสายจากโรงหนังโทรเข้ามา โดยสอบถามกับคุณดิ๊กว่าพร้อมจะมาทำงานที่โรงหนังหรือไม่ คุณดิ๊กก็ตกลงที่จะทำงานเป็นพาร์ทไทม์ของโรงหนังนี้ เมื่อไปถึงคุณดิ๊กก็ได้เจอกับผู้จัดการ ผู้จัดการจึงพาแนะนำสถานที่ต่าง ๆ ภายในโรงหนัง และกำหนดตำแหน่งที่คุณดิ๊กจะได้ทำคือ ตำแหน่งฉีกตั๋ว คุณดิ๊กทำงานมาได้ 1 อาทิตย์ ผู้จัดการก็โทรมา ให้คุณดิ๊กลองมาอยู่กะกลางคืน โดยผู้จัดการจะเพิ่มชั่วโมงในการทำงานให้คุณดิ๊ก กะดึกคืนนั้น มีพนักงานทั้งหมด 7 คน (รวมคุณดิ๊กแล้ว) ในกลุ่มพนักงงานนั้นจะมี 3 คนรวมกลุ่มกันเป็นแก๊งชอบแกล้ง-ชอบอำคนอื่น ในกลุ่มนั้นมี ‘คุณแมน’ และ ‘คุณหนุ่ม’ ทำหน้าที่ฉายหนัง และ ‘คุณเอก’ เป็นพนักงานฉีกตั๋วเหมือนคุณดิ๊ก เมื่อแมน หนุ่ม และเอกเห็นว่ามีเด็กใหม่มา ก็เริ่มแผนการแกล้งทันที.. โดยเริ่มจากคุณเอกได้พาทัวร์ในโรงหนังรอบกลางคืน และบอกว่า “โรง 3 มึงต้องระวังนะ โรง 3 เจอกันเยอะ ผีดุ” นอกจากนี้ คุณเอกก็เล่าเรื่องผีให้ฟัง แต่คุณดิ๊กไม่ได้เป็นคนกลัวผีมากจึงไม่รู้สึกอะไร แต่คุณเอกก็ยังบอกต่ออีกว่า “เดี๋ยวกูขอเช็คโรง 1 โรง 2 ละกันนะ โรงสามกูกลัวผี กูไม่กลัาไป” คุณดิ๊กจึงตอบตกลงและไปดูเอง พอมาถึงโรง 3 ก็เปิดประตูเข้าไป และเดินมาจนถึงที่นั่ง ก็ได้มีเสียงว.มาจากห้องฉายด้านบน โดยคุณหนุ่มกับคุณแมนก็ว.มาบอกว่า “ดิ๊ก ลองเช็คแขกดูหน่อย มีทั้งหมดกี่คน” คุณดิ๊กเดินไปเช็คตามที่บอก และตอบทั้งสองคนไปว่า “แถว I มีทั้งหมด 7 คน” “เฮ้ย นับดูดี ๆ 7 คนแน่หรอ” คุณดิ๊กก็เริ่มนับใหม่ และตอบย้ำไปว่า “7 คนพี่ แถว I” เสียงจากว.แย้งขึ้นมาทันทีว่า “เฮ้ย ไม่ใช่แล้ว มันมีแถวหลังอีก 2-3 คนไม่เห็นหรอ” คุณดิ๊กมองตามที่ทั้งสองคนบอก และเงยหน้ามองไปบนห้องฉาย ก็เห็นทั้งสองคนนั่งหัวเราะกันอยู่ คุยดิ๊กก็คิดในใจว่า ‘พวกที่ชอบอำผม วันไหนขอให้โดนเอง’ หลังจากนั้นเหตุการณ์ทุกอย่างก็ปกติ คุณดิ๊กก็ยังทำงานเหมือนเดิม จนกระทั่งคุณแมนมาบอกกับทุกคนว่าลาออกแล้ว โดยไม่บอกเหตุผลว่าออกเพราะอะไร แต่ก่อนที่จะออกก็ยังไปบอกกับคุณดิ๊กอีกว่า “ถ้าต้องขึ้นไปทำงานห้องฉายอะ ระวังโรง 3 ไว้นะ” คุณแมนบอกไว้เท่านี้และออกไป หลังจากนั้นคุณดิ๊กก็ยังโดนคุณเอกและคุณหนุ่มแกล้งอำเรื่องผีมาโดยตลอด วันหนึ่งผู้จัดการโทรมาหาคุณดิ๊กให้มาช่วยงานที่ห้องฉาย เพราะตอนนี้เหลือแค่คุณหนุ่มคนเดียว จึงให้คุณดิ๊กไปเรียนรู้งานกับคุณหนุ่ม เมื่อไปถึงห้องฉาย คุณหนุ่มก็พาดูภายในห้องฉายว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งมีห้องฉาย 3 ห้อง หนึ่งห้องต่อหนึ่งโรงอยู่เรียงกัน และคุณหนุ่มก็ได้บอกกฎกติกากับคุณดิ๊กว่า “สิ่งหนึ่งที่เราต้องรู้เลย หนึ่งคือทุกวันพระจะต้องเอาพวงมาลัย เอาน้ำ เอานม มาไว้ที่เครื่องฉายทุกครั้ง ห้ามลืมเด็ดขาด สองคือห้ามพาบุคคลภายนอกเข้ามาภายในห้องฉายเด็ดขาด และสามคือห้ามเตรียมไฟล์หนังผิดเด็ดขาด” คุณดิ๊กก็รับทราบ และถามคุณหนุ่มว่ามีเรื่องอะไรที่ต้องรู้อีกไหม คุณหนุ่มจึงบอกไปว่า “ถ้าวันไหนที่มึงมาทำงาน แล้วเปิดเข้ามาที่ห้องฉายหนัง ถ้าเห็นเส้นผมอยู่ตรงพื้น อยู่ตรงเครื่องฉาย ไม่ต้องตกใจ มองให้เป็นเรื่องปกติ” คุณดิ๊กก็คิดในใจว่าคุณหนุ่มแกล้งกันอีกแล้ว คุณดิ๊กก็ถามกลับไปว่า “พี่ปั่นผมปะเนี่ย” คุณหนุ่มจึงตอบกลับมาทันทีว่า“มึงเชื่อกู ไม่เชื่อมึงลองไปดูตามห้องก่อนก็ได้” คุณดิ๊กจึงเดินถือว.ไปตามห้องฉายต่าง ๆ คุณดิ๊กเดินไปห้องแรก ก็เจอกับเส้นผม แต่ก็ยังคิดว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะอาจเป็นเส้นผมของแม่บ้าน ซึ่งห้องฉายที่ 2 ก็มีเหมือนกัน และเมื่อเปิดไปห้องที่ 3 ก็มีเส้นผมเช่นเดียวกัน แต่ครั้งนี้ไม่ได้มีแค่เส้นผมเส้นเล็ก ๆ แต่เป็นกระจุกเส้นผมที่กองอยู่ตามพื้น และในวันหนึ่ง คุณดิ๊กก็ฉายหนังตามปกติที่โรง 2 แต่ผ่านไป 30 นาทีก็ไม่มีคนดู คุณดิ๊กจึงปิดเครื่องฉาย ปิดไฟและกำลังจะเดินออกมาจากห้องฉาย แต่อยู่ ๆ ก็มีว.มาว่า “เฮ้ย ดิ๊ก ปิดเครื่องฉายหรอโรงสอง มีคนดูอยู่” คุณดิ๊กก็บอกไปว่า “ผมเช็คแล้วนะ โรงสองไม่มีลูกค้า” “ไม่มีบ้าอะไร ลูกค้าเดินออกมาบอกว่าเขานั่งดูอยู่” คุณดิ๊กก็คิดว่าโดนผีหลอกแล้วหรือเปล่า จึงเดินไปดูที่นั่ง ก็เห็นว่ามีลูกค้านั่งอยู่แถว A ซึ่งเป็นจุดบอดที่มองเห็นได้ยาก และวันต่อมา ขณะที่คุณดิ๊กกำลังฉายหนังโรง 3 อยู่ ซึ่งวันนั้นมีคนมาดูหนังน้อยมาก คุณดิ๊กจึงคอยสังเกตว่าจะมีคนเข้ามาหรือไม่ พอใกล้ 30 นาที คุณดิ๊กก็เห็นเป็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาแถวกลาง แต่ก็ไม่ได้นั่ง จนเดินลงไปนั่งแถวหน้าสุด คุณดิ๊กจึงสงสัยว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงไปนั่งตรงนั้น จากนั้นก็ว.ไปหาคุณเอกให้เช็คว่ามีลูกค้ามาในรอบนี้หรือไม่ แล้วทำไมถึงนั่งแถวหน้าสุด ทั้งที่โรงก็ว่างอยู่ จากนนั้นคุณเอกก็เช็ครอบหนัง ณ เวลานั้นให้คุณดิ๊ก และพบว่า หนังในรอบนั้นไม่มีคนซื้อตั๋วไว้เลย คุณดิ๊กจึงตอบกลับไปว่า “จะไม่มีคนจองได้ยังไง ก็เห็นคนนั่งอยู่ ลองเข้าไปดูให้หน่อย” คุณเอกจึงตอบตกลงจะเข้าไปเช็คให้ และถ้าถึงแล้วจะบอกว่าอยู่ตรงไหน คุณดิ๊กจึงรออยู่บนห้องฉาย จากนั้นไม่นานมีแสงเลเซอร์สว่างเข้ามาในห้อง คุณดิ๊กจึงโผล่ไปที่ช่องกระจก ที่สามารถมองเห็นข้างล่างได้ คุณดิ๊กจึงว.ไปบอกคุณเอกว่า “เขานั่งอยู่นี่ไง แถวหน้าสุด ตรงกลาง” คุณเอกจึงชะเง้อมองและเดินไปตามทางที่คุณดิ๊กบอก “ตรงไหน” คุณเอกถาม “ตรงนี้ ๆ เก้าอี้ตัวนั้นแหละ เขานั่งอยู่ข้างหน้ามึงเลย” “นั่งอยู่ข้างหน้าบ้าอะไร ไม่เห็นใครสักคน” คุณดิ๊กคิดในใจว่า ‘อีกแล้ว โดนแกล้งอีกแล้ว’ คุณดิ๊กจึงพยายามส่องเลเซอร์ลงไปว่ามีผู้หญิงนั่งอยู่ เมื่อคุณเอกไม่เชื่อ คุณดิ๊กจึงเปิดไฟให้ดู ผู้หญิงคนที่นั่งอยู่ก็ลุกขึ้นและวิ่งออกไปทางประตูหนีไฟ จากนั้นคุณเอกก็ตกใจแล้ววิ่งออกมา คุณดิ๊กจึงวิ่งลงมาจากห้องฉายและตามคุณเอกไป ในตอนนั้นคุณเอกก็ได้บอกกับคุณดิ๊กว่า“เห็นเหมือนกูใช่ไหม ผู้หญิงเมื่อกี้ ที่อยู่ๆ ลุกขึ้นมา แล้ววิ่งออกไป” คุณดิ๊กจึงตอบทันทีว่าใช่ เพราะมีลูกค้านั่งอยู่ คุณเอกจึงบอกกับคุณดิ๊กว่า “ตอนที่ลูกค้านั่งอยู่มันไม่เท่าไหร่ แต่พอไฟเปิด อยู่ ๆ ผู้หญิงคนนี้ก็โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้” คุณดิ๊กก็ตอบกลับไปว่า “ก็เรื่องปกติ วิ่งออกไปดูสิ เผื่อเป็นคนสติไม่ดีหรือใครแอบเข้ามา” คุณเอกจึงบอกว่า “มึงดูดี ๆ ประตูหนีไฟ มันไม่ได้เปิดนะ มันเป็นประตูที่ล็อกไว้อยู่ ถ้าผู้หญิงคนนั้นจะวิ่งหนีไปจริง ๆ ก็คงวิ่งไปอีกฝั่งที่ประตูมันเปิดอยู่” คุณดิ๊กจึงเดินไปดูตรงประตูหนีไฟที่ผู้หญิงคนนั้นวิ่งออกไป และพบว่ามันล็อกอยู่จริง ๆ วันรุ่งขึ้นคุณดิ๊กจึงได้เล่าเรื่องที่เจอให้คุณหนุ่มฟัง คุณหนุ่มก็สงสัย เมื่อค่อย ๆ เรียบเรียงเรื่องราวทั้งหมด จนคุณหนุ่มถามขึ้นมาว่า “เมื่อวานลืมอะไรปะ” คุณดิ๊กจึงตอบกลับทันทีว่า“ผมไม่ได้ลืมอะไรนะ ผมก็ทำงานปกติ” “เมื่อวานวันพระ มึงลืมอะไรเปล่า” คุณหนุ่มถามต่อ คุณดิ๊กก็นึกขึ้นได้ทันทีว่าตัวเองลืมซื้อดอกไม้ ซื้อพวงมาลัย ซื้อน้ำ ซื้อนมมาไว้ และคิดว่าครั้งนี้ที่ได้เห็นเพราะเขามาเตือนที่ไม่ได้ทำตามที่บอก และคุณหนุ่มยังเล่าให้ฟังต่อว่า มีอยู่พนักงานคนหนึ่งที่เคยฉายหนังปกติแบบนี้ ซึ่งวันนั้นเป็นวันที่มีคนมาดูหนังจนเต็มโรง ระหว่างที่พนักงานคนนั้นฉายหนังอยู่ก็ได้มองลงมาข้างล่าง พนักงานคนนี้เห็นลูกค้าคนหนึ่งที่ไม่ได้มองไปที่จอหนังที่กำลังฉาย แต่หันหน้าขึ้นมามองพนักงานคนนั้นแล้วก็ยิ้มให้ เมื่อจอหนังลูบดับไปและสว่างขึ้นมาอีกครั้ง ที่ตรงนั้นกลับไม่มีคนนั่งอยู่..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณกรณ์ VG13 ‘หมู่บ้านออนเซ็น’ l อังคารคลุมโปง X ต้นกล้า คืนพุธมุดผ้าห่ม [22 เม.ย 2568]

27 เม.ย. 2025

เรื่องเล่าจากคุณกรณ์ VG13 ‘หมู่บ้านออนเซ็น’ l อังคารคลุมโปง X ต้นกล้า คืนพุธมุดผ้าห่ม [22 เม.ย 2568]

อยากทำให้ความสัมพันธ์กับภรรยาดีขึ้น ด้วยการไปออนเซ็น ที่ภรรยาชอบ แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เมื่อไปเจอศาลที่แปลกตา และดันปากไวทักไปว่า “สกปรก” หลังจากนั้นเรื่องราวสุดหลอนที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นไม่หยุด…! ไปติดตามเรื่องเล่าของ ‘คุณกร’ ที่ได้นำเรื่อง ‘หมู่บ้านออนเซ็น’ มาเล่าในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X (22 เมษายน 2568)’ พร้อมด้วย ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ถ้าพร้อมแล้ว ไปอ่านกันเลย! คุณกรได้เล่าว่า.. เมื่อ 7 ปีก่อน เพื่อนของคุณกรที่ชื่อ ‘คุณแมน’ (นามสมมติ) รู้สึกว่าชีวิตคู่ระหองระแหง คุณแมนจึงชวนคุณหญิง(ภรรยา) ไปเที่ยวออนเซ็นที่ประเทศญี่ปุ่นเพราะคุณหญิงชอบ และคิดว่าการไปเที่ยวครั้งนี้จะเป็นโอกาสที่จะได้เชื่อมความสัมพันธ์กันอีกครั้ง ก่อนไปก็ฝากลูกไว้กับแม่ จากนั้นคุณแมนก็จองตั๋วเครื่องบินทันที ส่วนที่พักคุณแมนตั้งใจจะไปจองเมื่อไปถึงเพื่อจะเซอร์ไพรส์คุณหญิง ช่วงที่ทั้งคู่ไปเป็นช่วงที่ยังมีฝนตกอยู่ คุณแมนและคุณหญิงจึงเลือกนั่งรถบัสไปลงที่จุดหมาย เมื่อไปถึงก็พบว่าหมู่บ้านนี้ เป็นหมู่บ้านออนเซ็นที่มีบ่อออนเซ็นอยู่หลายบ่อ และที่พักเป็นแบบบ้านเช่าเรียวกัง สไตล์ญี่ปุ่นเก่า ๆ ที่ประกาศอยู่บนเว็บไซต์ ระหว่างทางที่เดินไปยังบ้านพัก คุณแมนก็สังเกตได้ว่า ไม่ว่าจะซ้ายหรือขวาก็ไม่มีคนอยู่ และบ้านบริเวณนั้นเป็นบ้านร้าง เมื่อคุณแมนและคุณหญิงเดินไปถึงบ้านพัก ก็พบกับกุญแจบ้านที่เจ้าของวางไว้ให้หน้าประตู ในคืนแรกทั้งสองคนได้พักผ่อนกันตามปกติไม่มีอะไรเกิดขึ้น เช้าวันรุ่งขึ้น คุณแมนและคุณหญิงเลือกที่จะเดินตามแผนที่ ที่บอกตำแหน่งที่ตั้งของบ่อออนเซ็น และไปแช่บ่อออนเซ็นจนถึงเย็น ระหว่างที่เดินทางกลับมาบ้านพัก สายตาของคุณแมนมองไปเห็นศาลที่ตั้งอยู่ เป็นศาลหินเก่า ๆ ที่มีลักษณะแปลกตา ตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ และด้วยความแปลกตาคุณแมนและคุณหญิงจึงลองเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ พอได้เห็นใกล้ ๆ ก็พบว่าเป็นตุ๊กตาผู้หญิง สวมชุดกีโมโนสีขาวหนึ่งตัว กำลังนั่งคุกเข่า ผมยาว ทั้งตัวค่อนข้างม่อมแมม ในตอนนั้นคุณแมนได้คิดในใจว่า ‘แปลกมาก ทำไมถึงมีตุ๊กตาแบบนี้อยู่ในศาสนา’ คุณแมนจึงสะกิดคุณหญิงให้ดูตุ๊กตาตัวนี้ด้วยเหมือนกัน แล้วพูดว่า “ดูดิ แปลกมากเลย แล้วดูตัวสกปรกด้วยอะ ไม่น่าเอาตุ๊กตาสกปรกแบบนี้มาตั้งในศาลเลย ดูน่ากลัวมาก” คุณแมนพูดขึ้นแบบไม่ได้คิดอะไร และเดินเข้าไปในหมู่บ้านเหมือนเดิม และคืนที่สอง ช่วงเวลาประมาณ 4-5 ทุ่ม ในขณะที่คุณแมนกำลังหลับอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงร้อง เสียงคนพูด แต่ลักษณะของเสียงคล้ายกับเสียงลมพัด และเสียงฝน คุณแมนจึงคิดว่าอาจจะเป็นเสียงของคุณหญิง และพยายามที่จะพลิกตัวไปดู แต่ตัวของคุณแมนที่นอนหงายอยู่ก็เหมือนถูกล็อกเอาไว้ และรู้สึกหายใจไม่ออกเหมือนมีอะไรกดทับอยู่บริเวณหน้าอก ในเวลาเดียวกันนั้นคุณแมนก็รู้สึกเหมือนมีเส้นผมริ้ว ๆ สัมผัสเข้าที่ใบหน้า พร้อมกับเสียงร้องที่ดังขึ้นอยู่เรื่อย ๆ ในตอนนั้นคุณแมนคิดแค่ว่าจะทำอย่างไรดี ตัวของคุณแมนเองก็อยากลืมตาขึ้นมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะอาจจะเป็นคุณหญิงที่พลิกตัวมา และเอาเส้นผมมาสัมผัสที่ใบหน้าของเขา คุณแมนเริ่มคันที่หน้ามากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ขยับตัวไม่ได้ และรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก จึงพยายามฝืนแรงลืมตาขึ้นมา เมื่อลืมตาขึ้นมา ทุกสิ่งก็มืดสนิท แต่ด้วยความที่ยังรู้สึกคันหน้า คุณแมนจึงพยายามสะบัดหน้าไปมา ทันใดนั้นคุณแมนรู้ได้ทันทีว่า ที่เห็นว่ามืดสนิทนั้นต้องเป็นอะไรสักอย่างแน่นอน คุณแมนจึงเงยหน้าขึ้นไปบนเพดาน เส้นผมที่ติดอยู่ที่หน้าของคุณแมนก็เริ่มถอยออกและยาวขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงเพดาน และเห็นเป็นหน้าของผู้หญิงกำลังจ้องมองมาที่คุณแมน โดยจ้องมาด้วยสายตาที่โกรธจัด ดวงตาแดงก่ำ หน้าซีดขาว คอยาว ส่วนลำตัวที่กดตัวของคุณแมนไว้ เป็นผู้หญิงใส่ชุดกิโมโนสีขาวสกปรก เมื่อเห็นอย่างนั้น คุณแมนจึงตกใจเป็นอย่างมากและกรี๊ดออกมาสุดเสียง เพื่อที่จะให้ตัวเองหลุดจากการถูกกด และเมื่อหลุดออกมาได้แล้ว คุณแมนก็หันไปหาคุณหญิงเพื่อปลุกทันที แต่พอหันไปแทนที่จะเป็นใบหน้าของคุณหญิง ก็กลับกลายเป็นใบหน้าของผู้หญิงที่กดตัวคุณแมนไว้ ที่กำลังจ้องมาด้วยสายตาโกรธจัด คุณแมนจึงตกใจจนสะดุ้งลุกขึ้น และรีบไปตามหาคุณหญิง คุณแมนเลื่อนประตูทุกบานที่เปิดได้ภายในบ้าน โดยหวังว่าจะพบคุณหญิง และตะโกนเรียกคุณหญิง แต่เรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา ซึ่งข้างนอกฝนก็ยังคงตกอยู่ คุณแมนพยายามมองไปทั่วบ้าน เพื่อจะหารองเท้าแต่ก็พบว่ารองเท้าได้หายไป ดังนั้นคุณแมนคิดว่าคุณหญิงอาจจะออกไปข้างนอก จึงหาไฟฉายกับร่ม และเปิดประตูออกไปข้างนอกทันที เมื่อส่องไฟฉายออกไปข้างนอกก็มืดสนิท มีแต่ไฟฉายของคุณแมนเท่านั้นที่สว่างอยู่ และส่องไปอีกไกล ๆ ที่บริเวณต้นไม้ก็เห็นเป็นเงาตะคุ่ม ๆ อยู่ คุณแมนก็คิดในใจว่า ‘จะใช่ภรรยาของเขาหรือเปล่า’ คุณแมนค่อย ๆ เดินเข้าไป และตะโกนเรียกชื่อคุณหญิงไปด้วย เมื่อเดินไปเรื่อย ๆ ก็เริ่มเห็นชัดขึ้น และตรงนั้นก็เป็นคุณหญิงที่ยืนอยู่หน้าศาล ทั้งตัวเปียก ยืนก้มหน้า และตัวก็แกว่งซ้ายขวาไปมาอยู่แบบนั้น คุณแมนจึงเดินเข้าไปเขย่าตัวคุณหญิง พร้อมกับตะโกนเรียก “หญิง! หญิงเป็นอะไร! หญิง!” คุณแมนทำแบบนั้นอยู่นานกว่าที่คุณหญิงจะรู้สึกตัว เมื่อคุณหญิงรู้สึกตัวก็ตกใจว่า ตัวเธอเองมายืนอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร เพราะก่อนหน้านี้ในขณะที่หลับอยู่ คุณหญิงได้ฝันว่า มีผู้หญิงหน้าตาดี ชวนให้เดินออกมาตรงนี้ แต่ไม่คิดว่าตัวเองจะเดินออกมาจริง ๆ พอได้สติคุณแมนและคุณหญิงจึงรีบกลับมาที่บ้านพัก เมื่อมาถึงทั้งคู่ก็ไม่มีใครกล้านอนจนถึงเช้า เช้าวันต่อมาคุณแมนและคุณหญิง ยังรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และคิดว่าทั้งคู่ฝันไป แต่ด้วยแพลนที่จะต้องไปเที่ยวบ่อออนเซ็นในวันนี้ คุณแมนและคุณหญิงจึงตัดสินใจที่จะไปเที่ยวกันต่อ และพยายามลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน พอตกเย็น คุณแมนและคุณหญิงก็กลับมาบ้านพัก ระหว่างทางเดินกลับเมื่อถึงจุดตั้งศาลตุ๊กตากิโมโน เพียงแค่คุณแมนมองไป ก็เกิดอาการปวดหัวอย่างหนัก เจ็บคอ และไข้ขึ้นสูง ทั้งคู่ตัดสินใจเรียกรถโรงพยาบาล เมื่อไปถึงจึงได้ให้ประกันประสานงานกับทางโรงพยาบาล และสรุปได้ข้อว่าต้องนอนที่โรงพยาบาล 2 คืน แต่ด้วยอาการของคุณแมนที่แย่ลง ทำให้ต้องจองตั๋วเครื่องบินกลับประเทศไทยทันที เมื่อถึงประเทศไทย อาการของคุณแมนก็ยังไม่ดีขึ้น คอที่รู้สึกเจ็บก็เริ่มเป็นหนองกลืนน้ำลายลำบาก จนต้องส่งเข้าห้อง ICU ส่วนคุณหญิงที่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับเหตุการณ์นี้ จึงได้โทรหาพี่สาวที่เป็นคนมีเซ้นส์เรื่องวิญญาณ เพราะคุณแมนมีอาการนอนเพ้อพูดว่า ‘กลัวแล้ว กลัวแล้ว’ และเมื่อพี่สาวคุณหญิงมาถึงหน้าห้อง ICU ก็พูดขึ้นมาว่า “มีผู้หญิงผมยาว ใส่ชุดสีขาวสกปรก ยืดจ้องหน้าแฟนเธออยู่นะ ไปทำอะไรมาหรือเปล่า ทำไมเขาตามมา เขาเป็นใคร ดูเหมือนเขาจะไม่พูดภาษาไทย แล้วยังโกรธมากด้วย” ได้ยินดังนั้น คุณหญิงจึงเล่าเหตุการณ์เกิดขึ้นทั้งหมดให้พี่สาวฟัง พี่สาวคุณหญิงจึงพยายามที่จะสื่อสารกับวิญญาณและบอกกับคุณหญิงว่า “ผู้หญิงคนนี้โกรธมาก แล้วต้องการเอาชีวิตคุณแมนให้ได้ เขาโกรธมากที่ไปดูถูกเขา” คุณหญิงจึงถามว่า “ไปดูถูกอะไร” พี่สาวจึงบอกว่า “ก็ไปยืนดูถูกเขา เหมือนไปเหยียดหยามเขาที่หน้าศาล เขารับไม่ได้ เขาจะเอาชีวิตไปให้ได้ และยังไปนอนในบ้านของเขาอีก” และเมื่อสื่อสารกันไปมาก็ได้รู้ว่า ผู้หญิงคนนี้เคยผิดหวังในความรัก เธอตัดสินใจจบชีวิตลงด้วยการผูกคอในห้องนอนของตัวเอง ในบ้านหลังนั้น ทำให้วิญญาณของผู้หญิงคนนี้เฮี้ยนมาก คนที่เคยอยู่ในหมู่บ้านนั้นก็เริ่มทยอยออกกันทีละหลังจนไม่เหลือใคร คนในหมู่บ้านพยายามหาหมอผีมาปราบแต่ก็ไม่ได้ผล จึงได้สร้างศาลขึ้นมาและเอาตุ๊กตากิโมโนญี่ปุ่นที่เปรียบเหมือนตัวแทนของผู้หญิงคนนั้นเอาไปไว้ในศาล เมื่อวันเวลาผ่านไปจึงไม่ค่อยมีคนมาดูแล จึงทำให้สกปรกจนมาถึงปัจจุบัน และด้วยความเป็นสถานที่ท่องเที่ยว หลาย ๆ คนในหมู่บ้านจึงปล่อยให้บ้านแต่ละหลังเป็นบ้านเช่าสำหรับนักท่องเที่ยว พอได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด คุณแมนและคุณหญิงเลยได้ทำการขอขมากรรมอยู่บ่อยครั้ง ที่ไปดูถูก เหยียดหยามผู้หญิงคนนั้น และอาการของคุณแมนก็ค่อย ๆ ดีขึ้น จากเหตุการณ์นี้ทำให้คุณแมนที่ไม่เคยเชื่อเรื่องผี ก็เชื่อขึ้นมาทันที(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากต้นกล้า คืนพุธมุดผ้าห่ม ‘บ่อตกปลาที่ปลาชุม’ l อังคารคลุมโปง X ต้นกล้า คืนพุธมุดผ้าห่ม [22 เม.ย 2568]

26 เม.ย. 2025

เรื่องเล่าจากต้นกล้า คืนพุธมุดผ้าห่ม ‘บ่อตกปลาที่ปลาชุม’ l อังคารคลุมโปง X ต้นกล้า คืนพุธมุดผ้าห่ม [22 เม.ย 2568]

‘ต้นกล้า คืนพุธมุดผ้าห่ม’ ได้มาเล่าเรื่องสุดหลอนใน ‘อังคารคลุมโปง X (22 เมษายน 2568)’ พร้อมกับ 2 ดีเจ อย่าง ’ดีเจเเนน’ เเละ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องมีชื่อว่า ‘บ่อตกปลาที่ปลาชุม’ ที่ทำเอาขนหัวลุกกับเหตุการณ์นี้เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นไม่สามารถทำให้ลืมลงได้เลย คุณต้นกล้าได้เล่าว่า เรื่องราวในครั้งนี้เป็นเรื่องของคุณเอ (นามสมมุติ) ตัวของคุณเอ มีความชื่นชอบในเรื่องของการตกปลาเพราะได้ไปกับคุณพ่อบ่อย ๆ ในตอนเด็ก ปกติคุณเอเเละคุณพ่อ จะชอบเปลี่ยนสถานที่ตกปลาบ่อยครั้ง จนได้ไปเจอที่หนึ่งที่อยู่กับใต้สะพาน เวลาผ่านไป จนคุณเอโตขึ้น เเต่คุณพ่อเสียชีวิตไปเพราะอาการป่วย หลังจากนั้น คุณเอก็ไม่ได้ไปตกปลาบ่อยเหมือนเมื่อก่อน วันหนึ่ง คุณเอต้องทำการเก็บของของคุณพ่อก็ได้ไปเจอกับเบ็ดตกปลาของคุณพ่อ จึงทำให้รู้สึกนึกถึงอดีตเเละอยากที่จะไปตกปลาอีกครั้ง คุณเอจึงได้ชวนพี่ชาย หลังจากตกลงกันได้ พี่่ชายก็ได้ออกไปตกปลาในตอนเช้าก่อนเพราะคุณเอยังไม่สามารถไปได้ แต่พี่ชายคุณเอกลับมาถึงบ้านในตอนกลางคืน ซึ่งต่างจากปกติ เพราะส่วนใหญ่พี่ชายของคุณเอจะกลับมาในช่วงเย็น ในตอนที่พี่ชายคุณเอกลับมาถึงบ้าน พี่ชายคุณเอได้พูดว่า “อย่า อย่าไปที่ตกปลาตรงนั้นเด็ดขาด” พี่ชายคุณเอได้พูดออกมาด้วยสีหน้าซีดเผือด เหมือนได้เจอกับอะไรบางอย่างที่น่ากลัวมาก คุณเอจึงได้เอ่ยปากถามอีกเรื่องว่า “เเล้วของที่เอาไปละพี่ พวกเบ็ดตกปลา กระติกน้ำเเข็งไรเงี้ย” พี่ชายได้บอกว่า “เเค่กูวิ่งออกมาจากตรงนั้นได้ก็ดีเเล้ว” คุณเอรู้สึกโกรธ เพราะเบ็ดตกปลาคันนั้นเป็นของคุณพ่อที่เสียไปเเล้ว คุณเอจึงตัดสินใจที่จะไปนำเบ็ดตกปลากลับมา ในขณะที่กำลังขับรถออกไป ระหว่างทางก็ได้เจอกับคนกลุ่มหนึ่งที่เดินขวางอยู่กลางถนน ลักษณะคล้ายกับครอบครัวที่มีพ่อเเม่ที่เดินจูงมือลูกอยู่ คุณเอพยายามทำทุกอย่างทั้ง บีบเเตร เปิดไฟสูง ตะโกนเรียกว่าให้หลบทาง แต่ก็ไม่เป็นผล คุณเอจึงคิดว่า ‘หรือเราไม่ควรไปในตอนนี้’ จึงตัดสินใจที่จะกลับบ้านก่อน เเต่ในขณะที่กลับรถ ครอบครัวนั้นก็ได้หันหน้ากลับมาเเละขอโทษที่ขวางทาง ในรุ่งเช้าของวันถัดมา คุณเอก็ได้ทำการขับรถไปยังที่ตกปลา ได้เจอกับจุดที่พี่ชายของคุณเอที่มาตกปลาเมื่อวาน ซึ่งของทุกอย่างก็ยังอยู่ดี ทั้งเบ็ดตกปลาเเละถังน้ำแข็ง เเต่คุณเอกลับรู้สึกถึงบรรยากาศเเปลก ๆ ทั้งกลิ่นเหม็นเน่าเเละเสียงของอีกาที่ร้องตลอดเวลา นอกจานี้ ช่วงเวลาที่คุณเอเดินทางไปคือเวลาเที่ยงตรง เเต่บรรยากาศที่เจอคือมีความอึมครึม คุณเอจึงตัดสินใจที่จะเก็บของเเละกลับไป ในตอนที่กำลังจะยกกระติกน้ำเเข็งขึ้น คุณเอรู้สึกว่ากระติกน้ำเเข็งมีความหนักเเละมีกลิ่นเน่าเหม็นออกมา ทั้ง ๆ ทีพี่ชายของคุณเอพึ่งจะเดินทางมาเมื่อวาน ก็ไม่ควรที่ปลาจะเน่าเสียได้เร็วขนาดนี้ คุณเอจึงได้ตัดสินใจที่จะเก็บของอย่างอื่นก่อน ขณะที่คุณเอหันหน้าไปทางต้นไม้ที่อยู่ริมทะเลสาบ คุณเอได้พบกับร่างของผู้ชายคนหนึ่งที่เเขวนคอ อยู่ใต้ต้นไม้ คุณเอรู้สึกตกใจเพราะในตอนเเรกคุณเอสนใจเเค่การเก็บอุปกรณ์ จึงคิดว่าควรเเจ้งตำรวจดีหรือไม่ หรือปล่อยไปดีเพราะไม่อยากให้วุ่นวายกับตัวเอง เมื่อคิดไปคิดมาได้สักพัก คุณเอก็ได้ตัดสินใจขับรถไปยังสถานีตำรวจที่ใกล้ที่สุด พอได้เจอเเละเล่าเรื่องให้ฟัง คุณเอก็ได้ทำการขับรถมายังที่เกิดเหตุกับคุณตำรวจ ระหว่างทาง ก็ได้มีการพูดคุยจนถึงสถานที่ที่คุณเอมาตกปลา ทั้งคู่ได้ลงจากรถ เเต่อยู่ดี ๆ ตำรวจคนนั้นก็ได้หยุดเดินเเละพูดขึ้นว่า “ไอหนุ่ม เดี๋ยวพี่เรียกคู่หูพี่มาเเทนดีกว่า พอดีพี่ลืมไปว่า พี่มีคดีด่วน” ท่าทีของตำรวจดูเหมือนไม่กล้าที่จะเดินเข้าไป เเละคุณตำรวจได้บอกให้คุณเอไปเก็บของ จากนั้นตำรวจคนนั้นก็รออยู่บนรถ เหตุการณ์นี้ทำให้คุณเอรู้สึกเเปลก ๆ เพราะคุณตำรวจคนนั้นได้พูดทิ้งท้ายว่า “วันนี้ ไม่มี ไม่มีศพอะไรทั้งนั้น” คุณเอจึงบอกไปว่า “ถือว่าผมเเจ้งพี่เเล้วนะ เเต่พี่ละเลยหน้าที่เอง” จากนั้น คุณเอก็ได้ลงไปด้านล่างเพื่อจะเก็บของทุกอย่าง ในขณะที่กำลังจะเอาเบ็ดตกปลาขึ้นมาจากน้ำ คุณเอรู้สึกได้ถึงเเรงต้านบางอย่างที่ดึงเอ็นเบ็ดเอาไว้ พอสาวเอ็นขึ้นมาเรื่อย ๆ คุณเอก็ได้พบว่าสิ่งที่ติดขึ้นมาด้วยไม่ใช่ปลา เเต่กลับเป็นหัวคนโผล่ขึ้นมาจากน้ำ! สิ่งนั้นทำให้คุณเอตกใจมากจนโยนคันเบ็ดทิ้ง เเละได้พบว่าที่เเห่งนี้ไม่ได้มีเเค่ศพเดียวที่อยู่บนต้นไม้ เเต่มีอีกหนึ่งศพที่อยู่ในบ่อน้ำ คุณเอจึงตัดสินใจตัดสายเอ็นทิ้ง เเละไปยกถังน้ำเเข็งต่อ เเต่ด้วยความหนักของถังน้ำเเข็ง จึงต้องเทของทุกอย่างในถังน้ำเเข็งทิ้ง จากนั้นก็ได้เปิดถังน้ำเเข็งออก เเต่สิ่งที่อยู่ในถังน้้ำเเข็งนั้นกลับทำให้ต้องตกใจมากกว่าเดิม เพราะในถังน้ำเเข็ง มีหัวของคนอยู่ในนั้นถึงสองหัว ที่ปากของหัวนั้นก็คาบปลาไว้ในปากอยู่ เเละดวงตาของหัวนั้นก็จ้องมองมา! คุณเอจึงตัดสินใจเก็บเเค่คันเบ็ดขึ้นมาเเละทิ้งถังน้ำเเข็งไว้ ขณะที่ปีนขึ้นมาบนเนินเพื่อที่จะกลับไปที่รถ คุณเอได้หันหลังกลับมามองอีกครั้ง เเต่ศพที่เเขวนคออยู่บนตนไม้ก็ได้หันกลับมาจ้องมองคุณเอ ทั้งยังส่งเสียงร้องที่เหมือนกับอีกา คุณเอรู้ได้ทันทีว่า เสียงร้องของอีกาที่ตนได้ยิน เเท้จริงแล้วเป็นเสียงของศพที่เเขวนคออยู่บนต้นไม้นั้นเอง! คุณเอวิ่งกลับมาที่รถเเละขับรถกลับไปที่สถานีตำรวจ ขณะที่ขับกลับไป คุณเอได้ถามกับคุณตำรวจว่า “ทำไมพี่ถึงไม่กล้าลงไป พี่เจออะไรตอนมาถึง?” คุณตำรวจได้ตอบกลับว่า “เอ็งเห็นสะพานตรงที่เราจอดรถไหม พี่เห็นคนหลายคนยืนโบกมือให้เรา” หลังจากนั้น คุณเอก็ได้คิดขึ้นมาว่า ถ้าตัดสินใจที่จะไปตั้งเเต่เมื่อคืน จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เเละได้คิดอีกเรื่องหนึ่งว่า ผู้ชายกับเด็กที่มาเดินขวางรถเมื่อคืน มีลักษณะคล้ายกับคุณพ่อของคุณเอที่เสียไปเเล้ว เเละตัวของเด็กผู้ชายก็มีความคล้ายกับคุณเอในวัยเด็ก เหมือนกับว่าคุณพ่อของคุณเอได้มาเตือนลูกชายของตนเองว่า อย่าไปที่นั่นในตอนกลางคืนเลย..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณมิ้น หัตถา ‘คนผูกดวง’ l อังคารคลุมโปง X เบคกี้ - พิม [8 เม.ย 2568]

14 เม.ย. 2025

เรื่องเล่าจากคุณมิ้น หัตถา ‘คนผูกดวง’ l อังคารคลุมโปง X เบคกี้ - พิม [8 เม.ย 2568]

ในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (7 เมษายน 2568) ‘คุณมิ้น หัตถา’ นักเล่าเรื่องขวัญใจโซเชียล มาพร้อมกับเรื่อง ‘คนผูกดวง’ ประสบการณ์สัมผัสกับสิ่งลี้ลับของ ‘เมย์’ รุ่นน้องที่สนิทกัน ซึ่งเหตุการณ์แปลก ๆ เริ่มคืบคลานเข้ามาในชีวิตหลังจากเข้าร่วมพิธีกรรบางอย่าง ตามไปฟังเรื่องนี้แบบเต็ม ๆ พร้อมกันกับ ‘ดีเจมดดำ’, ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ความห่วงใยของแม่ คือความรักบริสุทธิ์ที่ไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน แต่เมื่อความรักนั้นแปรเปลี่ยนเป็นความยึดมั่นในความเชื่อบางอย่าง การกระทำที่มองว่าเป็นการเสริมดวงเสริมบารมี อาจกลับกลายเป็นประตูที่เปิดพาชีวิตลูกสาวให้ก้าวเข้าสู่โลกของสิ่งลี้ลับโดยไม่รู้ตัว ‘เมย์’ หญิงสาววัยทำงานผู้ที่กำลังมีชีวิตเรียบง่าย เป็นมิตรกับทุกคน ไม่ได้เชื่อหรือสนใจเรื่องดวง โชคชะตา หรือพิธีกรรมใด ๆ แต่เธอกลับต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่เหนือคำอธิบาย หลังจากแม่ของเธอพาไปพบ ‘พ่อหมอ’ ชื่อดังจากประเทศเพื่อนบ้าน ผู้มีชื่อเสียงด้านการดูดวงและประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ แม่ของเมย์เชื่อมั่นในเรื่องดวงชะตาเป็นอย่างมาก ตำหนักไหนว่าดี สำนักไหนว่าแม่น ก็ไม่เคยพลาด จนวันหนึ่งได้พบพ่อหมอผู้ทำนายว่า เมย์เป็น ‘ดวงเชิดชูแม่’ มีชะตาแต่งงานกับเศรษฐี มีเกณฑ์ช่วยยกระดับชีวิตครอบครัวให้รุ่งเรืองได้ หากมีการทำพิธีเพื่อผูกดวงและรับขันครูเพื่อคุ้มครองชะตา แม้เมย์จะลังเลและไม่เชื่อ แต่สุดท้ายก็ยอมเข้าพิธีเพื่อความสบายใจของแม่ ภาพที่เธอจำได้ติดตาในวันนั้น คือพ่อหมอให้ชูขันเงินเหนือหัว สวดคาถาแปลกประหลาด และเอ่ยประโยคที่ทำให้เธอขนลุก “ต่อไปนี้ ข้าขอรับไว้กับตัว” จากวันนั้น ชีวิตของเมย์ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป.. แม้จะได้งานใหม่ เงินเดือนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งแม่ของเธอเชื่อว่านั่นคือผลจากการผูกดวง แต่สิ่งที่ตามมาคือข้อบังคับในการไหว้ครูทุกวันโกน ต้องมีเครื่องเซ่นทั้งเหล้า เนื้อสัตว์ ดอกไม้ และบทสวดที่ต้องท่องทุกครั้ง โดยมีข้อแม้สำคัญคือ เมย์ต้องร่วมพิธีด้วยทุกครั้ง ไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม หลังจากที่ผ่านเวลาไป 3-4 เดือนหลังเข้าพิธีรับขันครู เหตุการณ์แปลกประหลาดมากมายก็เริ่มเกิดขึ้น มีคนในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน และคนใกล้ตัว เห็นเมย์ปรากฏตัวในสถานที่ต่าง ๆ ในเวลาเดียวกับที่เธอยืนยันว่าไม่ได้อยู่ตรงนั้น เช่น ขณะที่เธออยู่บ้าน กลับมีคนเห็นเธอในออฟฟิศ หรือแม้แต่ในซูเปอร์มาร์เก็ตหน้าปากซอย ทั้งหมดนี้ไม่ใช่แค่คำเล่าลือ หากแต่เป็นภาพที่หลายคนยืนยันว่า แน่ใจว่าใช่เมย์แน่นอน สิ่งเหล่านี้ทำให้เมย์เริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง เครียด กังวล และเริ่มสงสัยว่า พิธีกรรมในวันนั้นอาจไม่ได้มีแค่ครูบาอาจารย์มาคุ้มครอง แต่มีบางสิ่งตามมาโดยไม่ตั้งใจด้วย เมย์ตัดสินใจปรึกษา ‘คุณมิ้น หัตถา’ และน้องสาว ซึ่งเป็นผู้มีเซ้นส์ไวต่อสิ่งลี้ลับ หลังเล่าทุกอย่างให้ฟัง คุณมิ้นได้ให้คำแนะนำว่า ของแบบนี้ต้องแก้ที่ต้นเหตุ สิ่งที่น่าขนลุกกว่านั้น คือระหว่างทางที่คุณมิ้นกับน้องสาวขับรถไปส่งเมย์กลับบ้าน ในกระจกมองหลังของรถ พวกเธอกลับเห็น ‘เงาผู้หญิงผมดำยาว’ ลักษณะคล้ายเมย์ทุกอย่าง ยองตัวนั่งอยู่บนไหล่ของเธอ พร้อมเสียงกรีดร้องปริศนา ที่ตะโกนดังชัดเข้ามาในรถว่า “มึงอย่ามายุ่งเรื่องของกู!!” นับจากวันนั้นเป็นต้นมา ก็ไม่มีใครสามารถติดต่อเมย์ได้อีกเลย เวลาล่วงเลยไปเกือบ 4 ปี ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ จากโซเชียล ไม่มีแม้แต่ข้อความจาก LINE ที่เคยใช้พูดคุยกัน เบอร์โทรศัพท์ก็กลายเป็นเบอร์ที่ไม่สามารถติดต่อได้ เพื่อนสนิทคนหนึ่งของเมย์บอกว่า ครั้งสุดท้ายที่เจอเมย์คือเมื่อปีที่แล้ว และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ใครสักคนได้เห็นเธอ ไม่มีใครล่วงรู้ได้เลยว่า ชะตากรรมของเมย์ในตอนนี้เป็นอย่างไร เธอยังมีชีวิตอยู่ดีหรือไม่ หรือพิธีกรรมที่เคยทำไว้ ได้พาชีวิตของเธอหลุดเข้าไปในโลกอีกใบที่ยากจะหาทางกลับออกมา เรื่องทั้งหมดนี้ เกิดจากความรักของแม่ ที่อยากให้ลูกประสบความสำเร็จในชีวิต แต่ใครจะรู้ว่าหนทางนั้น กลับนำพาให้ลูกต้องหายไปจากชีวิตทุกคนโดยไม่มีคำลา..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

พิม ลัทธ์กมล เล่าเรื่อง ‘เคาะ 3 ครั้ง’ l อังคารคลุมโปง X เบคกี้ - พิม [8 เม.ย 2568]

13 เม.ย. 2025

พิม ลัทธ์กมล เล่าเรื่อง ‘เคาะ 3 ครั้ง’ l อังคารคลุมโปง X เบคกี้ - พิม [8 เม.ย 2568]

เป็นนักแสดงที่ทุ่มเท อยากรู้ความเป็นอยู่ของตัวละคร จึงขอไปนอนในสถานที่ถ่ายทำจริง แต่ใครจะคิด ว่าคืนนั้นจะไม่ได้นอนจนถึงเช้า และทำให้เปลี่ยนความเชื่อเรื่อง ‘ผี’ ไปตลอดกาล ติดตามเรื่องเล่าของ ‘คุณพิม ลัทธ์กมล’ ที่ได้นำเรื่อง ‘เคาะ 3 ครั้ง’ มาเล่าในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (8 เมษายน 2568) พร้อมด้วย ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ต้องขนลุกไปพร้อมๆ กัน! ‘คุณพิม’ ได้นำเรื่อง ‘เคาะ 3 ครั้ง’ มาเล่า โดยคุณพิมได้เล่าว่า คุณพิมได้ไปถ่ายหนังที่จังหวัดสระแก้ว ซึ่งเป็นเป็นจังหวัดที่อยู่ติดกับชายแดนเขมร ด้วยความที่คุณพิมเป็นนักแสดง จึงอยากลองเรียนรู้สถานที่ที่ใช้ถ่ายทำจริง ๆ ว่าตัวละครใช้ชีวิตอย่างไร คุณพิมจึงชวนเพื่อนมานอนด้วยกันที่สถานที่จริง สถานที่แห่งนี้เป็นกระต๊อบที่สร้างจากไม้ รอบ ๆ กระต๊อบที่คุณพิมและเพื่อนนอน ไม่มีบ้านคน มีแค่คนมาเฝ้าซึ่งเป็นชาวบ้านในแถบนั้น ที่ไม่มีโทรศัพท์ และไม่รู้เรื่องเทคโนโลยีมากนัก ในคืนนั้นเวลาตี 3 คุณพิมได้ตื่นขึ้นมา เพราะอุณหภูมิในกระต๊อบเริ่มลดลง จากที่อากาศร้อนกลายเป็นเย็นจนเหมือนอยู่ในห้องแอร์ และเมื่อคุณพิมตื่นก็รู้สึกยุกยิกตามร่างกาย พอหันไปทางเพื่อนที่นอนอยู่ด้านข้าง ก็มีเห็นว่ามีอาการยุกยิกเหมือนกัน ขณะเดียวกัน คุณพิมก็เริ่มได้ยินเสียงระนาค ที่บรรเลงช้า ๆ คุณพิมจึงถามเพื่อนว่า “มีคนมาเปิดเพลงแกล้งเราไหม” เพื่อนคุณพิมจึงตอบกลับมาว่า“ไม่นะ ที่นี่มีแค่เรานอนกัน 2 คน คนที่มาเฝ้าก็เป็นชาวบ้านที่ไม่มีโทรศัพท์” คุณพิมจึงเริ่มสงสัยว่ามันคือเสียงอะไร แต่ก็กลัวจนไม่กล้าขยับตัว และเสียงระนาดยังคงดังต่อไป และตอนนั้นเองคุณพิมและเพื่อนก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเหมือนคนกำลังเดินขึ้นมา ตึก ตึก ตึก และเสียงนั้นก็มาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องคุณพิม ในใจคุณพิมก็ยังคิดว่าอาจเป็นคนที่มาเฝ้าเดินขึ้นมา แต่สิ่งนั้นก็ยังหยุดอยู่ที่หน้าประตูเป็นเวลานาน และทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้น ตึง! ตึง! ตึง! เสียงเคาะดังขึ้นที่หัวเตียง แต่คุณพิมก็ยังคิดว่ามีใครมาแกล้งหรือเปล่า คุณพิมและเพื่อนจึงลองตั้งสติด้วยการนอนหลับไปอีกหนึ่งครั้ง แต่อากาศก็ยังเย็นลงเรื่อย ๆ เพลงยังคงบรรเลงต่อไป จนเช้าถึงหายไป และในคืนนั้นคุณพิมกับเพื่อนจึงแทบไม่ได้นอน เพราะความกังวลจนไม่กล้าขยับตัวไปไหน ในช่วงเช้าคุณพิมจึงไปถามชาวบ้านเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ตัวเองได้เจอ ชาวบ้านแถวนั้นจึงบอกว่า “ที่แถวนั้นมันแรง ก่อนไปนอนได้ขอไหม” คุณพิมจึงตอบไปว่า “ไม่ได้ขอค่ะ แค่ไปนอนเฉย ๆ” คุณพิมจึงได้รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนคือ เขามาทักทาย คืนต่อมาคุณพิมได้เปลี่ยนที่นอน ไปนอนในบ้านที่ทางทีมงานเตรียมไว้ให้ และได้กราบไหว้ก่อนจะเข้านอน ทำให้ไม่เจออะไรอีกเลย เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้คุณพิมที่ไม่เคยเชื่อลี้ลับ กลายเป็นเชื่อ 100% ว่า ผีมีจริงแน่นอน(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เบ็คกี้ รีเบคก้า เล่าเรื่อง ‘นาฎศิลป์ โรงเรียนไทย’ l อังคารคลุมโปง X เบคกี้ - พิม [8 เม.ย 2568]

12 เม.ย. 2025

เบ็คกี้ รีเบคก้า เล่าเรื่อง ‘นาฎศิลป์ โรงเรียนไทย’ l อังคารคลุมโปง X เบคกี้ - พิม [8 เม.ย 2568]

‘เบคกี้ เเพทรีเซีย’ มาเล่าเรื่องสุดหลอนใน ‘อังคารคลุมโปง X (4 มีนาคม 2568) พร้อมกับ 2 ดีเจ อย่าง ’ดีเจเเนน’ เเละ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องมีชื่อว่า ‘นาฏศิลป์ โรงเรียนไทย’ ที่ทำเอาขนหัวลุกกับเหตุการณ์เเปลก ๆ ที่เกิดขึ้นภายในห้องนั้น จนทำให้เกิดความสงสัยว่า มีอะไร อยู่ภายในห้องนาฏศิลป์เเห่งนี้กันแน่? เบคกี้ได้เล่าว่า ในตอนที่ตนได้เรียนที่โรงเรียนไทยเเห่งหนึ่ง ในเเผนการเรียนนั้น ตนจำเป็นต้องเรียนวิชานาฏศิลป์ ตัวของคุณเบคกี้ไม่ถนัดวิชานี้จึงทำให้สอบไม่ผ่าน เป็นเหตุให้ต้องสอบเเก้ใหม่อีกครั้ง โรงเรียนที่คุณเบคกี้เรียน เป็นโรงเรียนประจำ โดยการซ้อมนาฏศิลป์เพื่อที่จะสอบเเก้ ก็มีเวลาที่จะสามารถซ้อมได้เเค่ตอนกลางคืน ส่วนห้องนาฏศิลป์นี้อยู่ที่ชั้นบนสุดของตัวอาคารเรียน จำเป็นที่จะต้องเดินบันไดขึ้นไป ในคืนเเรกที่คุณเบคกี้ซ้อม ขณะที่ซ้อมอยู่ได้สักครู่หนึ่ง ประตูของห้องนาฏศิลป์ก็ได้เปิดออกเอง ในใจตอนนั้นคุณเบคกี้คิดเเค่ว่า อาจจะเป็นเพราะลมพัดทำให้ประตูเปิดออก จึงไม่ได้สนใจในเหตุการณ์นี้มากเเละซ้อมต่อไป คืนถัดมา ความน่ากลัวก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเพราะขณะที่คุณเบคกี้ซ้อมอยู่นั้น ทุกครั้งที่คุณเบคกี้มองไปที่หุ่นนาฏศิลป์ภายในห้องซ้อม หุ่นตัวนั้นได้มีการเปลี่ยนตำเเหน่งที่ตั้งทุกครั้งราวกับว่าหุ่นตัวนั้นเคลื่อนไหวได้เอง นอกจากนี้โรงเรียนนี้ยังมีความเก่าเเก่ ทำให้รู้สึกว่าห้องซ้อมนี้ต้องมีบางอย่างที่ไม่ปกติเเน่นอน เเละนั่นเป็นเหตุการณ์ครั้งสุดท้ายที่คุณเบคกี้ได้ขึ้นมาใช้ห้องซ้อมรำในโรงเรียนนี้..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1