‘คุณเอก ตายแน่’ สายจากทางบ้านได้นำเรื่อง ‘ความตั้งใจครั้งสุดท้าย’ มาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (26 พฤศจิกายน 2567) ฟังกัน มาดูกันว่า ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ฟังแล้วจะรู้สึกอย่างไร เรื่องราวจะหลอนขนาดไหน ไปอ่านพร้อมกันเลย!!
‘คุณเอก ตายแน่’ บอกว่าเป็นเรื่องที่ได้ยินมาจาก ‘คุณแม่’ ซึ่งคุณแม่ได้เล่าว่า เมื่อประมาณ 20 กว่าปีที่แล้ว น้าของคุณเอกที่ชื่อ ‘เก่ง’ เป็นผู้ชายผมยาว เจ้าสำอาง มักจะพกครีมและหวีผมตลอด นอกจากนี้ยังเป็นสายเกมอีกด้วย น้าเก่งมีเพื่อนเป็นรุ่นน้องคนหนึ่งชื่อ ‘แบงค์’ เป็นคนที่ชอบความเร็ว ชอบแต่งรถมอเตอร์ไซค์ กิจวัตรประจำวันก็จะชอบมาเล่นมาเที่ยวที่บ้านทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นตอนเช้า สาย เที่ยง บ่าย เย็น บางวันก็มาช่วงดึก ทุกครั้งที่แบงค์มาที่บ้าน ก็จะชอบเอาแจ็คเก็ตมอเตอร์ไซค์มาคลุมหัว เพราะเขาจะแกล้งหมา เมื่อน้องหมา 3-4 ตัวที่อยู่ที่บ้านเห็นก็จะเห่า จากนั้นแบงค์ก็เฉลยด้วย “แฮ่!” ออกมา หมาก็จะกระดิกหางดีใจใหญ่ เพราะแบงค์มาบ่อยจนมันจำได้
มีอยู่วันหนึ่ง ซึ่งเป็นวันสำคัญทางศาสนา เป็นวันพระใหญ่ แบงค์ก็ได้บอกกับน้าเก่งว่า
“พี่ เดี๋ยวผมมาหานะวันนี้ ผมไปเที่ยวกับเพื่อนก่อน น่าจะมาดึกหน่อยสัก 4-5 ทุ่ม”
จากนั้นแบงค์ก็ได้ซ้อนสามไปกับเพื่อน ทั้งสามคนได้ดื่มแอลกอฮอล์ด้วยกัน หลังจากเที่ยวเสร็จก็ได้ขี่รถซ้อน สามกลับมา วันนั้นได้เกิดอุบัติเหตุขึ้น สองคนเสียชีวิตคาที่ อีกหนึ่งคนเสียชีวิตที่โรงพยาบาล แบงค์เป็นหนึ่งในสองคนที่เสียชีวิตคาที่ โดยแบงค์กระเด็นออกไปนอกรถ ช่วงล่างตั้งแต่ขาลงไป ไปฟาดกับต้นไม้ใหญ่ จนแตกไปหมด สาเหตุที่เสียชีวิตมาจากลูกอัณฑะแตก ทำให้เขาเสียชีวิตคาที่
ระหว่างนั้นเอง ที่บ้านของน้าเก่งที่อยู่กันเป็นครอบครัว โดยน้าเก่งจะนอนคนเดียว แม่ของคุณเอกกับป้านอนด้วยกัน และตากับยายนอนแยกอีกห้อง ซึ่งบ้านจะเป็นไม้ยกสูงขึ้น มีบันไดอยู่ประมาณ 7 ขั้นไม่สูงมาก ช่วงประมาณ 4 ทุ่ม จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงหมาเห่า ทุกคนในบ้านเป็นอันรู้กันว่าแบงค์มาแล้ว เพราะหลังจากหมาเห่าเสร็จ น้องก็จะดีใจกระดิกหางตีก้นดัง แปะ แปะ แปะ เมื่อได้ยินดังนั้น น้าเก่งก็ตะโกนบอกคนในบ้านให้ไปรับแบงค์ขึ้นมา เพราะตนนั้นนั่งเล่นเกมอยู่
พี่ใหญ่สุดก็คือคุณป้าของคุณเอก เป็นสาวหล่อห้าว ได้เดินออกไปดู หลังจากออกไปดูเสร็จก็วิ่งหน้าตั้งเข้ามาในห้อง พร้อมกับเอาหมอนอุดหัว แล้วกัดฟัน กอด! กอด! เหมือนกับไปเจออะไรมา จนทำให้น้องที่อยู่ในห้องกลัวกันหมด แม่ของคุณเอกก็สงสัยว่าไปเจออะไรมา จึงเปิดประตูออกไปแล้วชะโงกหัวออกไปตรงบันได แม่ของคุณเอกเล่าให้ฟังว่า ถึงมันจะแปปเดียว แต่ก็จำรายละเอียดได้หมดว่า เป็นภาพแบงค์ที่ยืนอยู่ ช่วงบนตัวชุ่ม แต่ช่วงล่างเละ กางเกงยีนส์ขาดเป็นช่อง แสงส่องเข้าไปเห็นเป็นเนื้อสีแดง ขาข้างหนึ่งบิดเป็นเกลียวและบิดจนหันไปข้างหลัง
หลังจากแม่ของคุณเอกเห็นอย่างนั้นก็ตกใจวิ่งเข้ามาในห้องและตะโกนว่า “ผีหลอก! ผีหลอก! ช่วยด้วย!!”
ทางน้าเก่งที่เล่นเกมอยู่ก็ได้ยินเสียง และตะโกนออกมาว่า “จะตะโกนเสียงดังอะไรนักหนา ดึกแล้วเนี่ย เอ้าสรุปใครมา”
ผ่านมาสักพักเป็นเสียงที่ลอยมาตามลมเย็น ๆ เบา ๆ ว่า “พี่เก่ง ๆ ให้ผมขึ้นบ้านหน่อยพี่ ผมขึ้นไปไม่ได้” น้าเก่งที่กำลังเล่นเกมอยู่ ซึ่งเกมออนไลน์สมัยนั้นต้องต่อสายแลน แล้วมันก็หยุดไม่ได้ น้าเก่งเลยตะโกนตอบไปว่า
“เอ็งขึ้นมาเลย เอ็งก็เคยขึ้นมาประจำ”
แต่ก็มีเสียงตอบกลับมาว่า “ผมขึ้นไปไม่ได้พี่ ให้ผมขึ้นไปหน่อย ให้ผมขึ้นไปนะพี่”
น้าเก่งเริ่มโมโหจึงพูดว่า “เออ เอ็งขึ้นมาเร็ว ๆ เอ็งขึ้นมาเลย”
หลังจากที่พูดคำนั้นเสร็จ ก็มีเสียงบันไดไม้ที่ถูกเหยียบขึ้นมา มันก็ลั่น แอ๊ด แอ๊ด พร้อมกับเสียงลากขาแปลก ๆ กางเกงยีนส์ที่ไม่ได้พับขาก็ถูกลากไปกับพื้น ครืด ครืด ครืด จนเสียงนั่นก็มาหยุดที่หน้าห้องของน้าเก่ง เมื่อเสียงเดินเงียบไป มีเสียงพูดขึ้นมาต่อว่า “พี่เก่ง เปิดประตูให้ผมหน่อย”
น้าเก่งยังคงโมโหอยู่ ก็รีบไปเปิดประตู และบอกว่า “อะไรหนักหนาเนี่ย”
แต่สิ่งที่เห็นคือความว่างเปล่า! จึงพูดออกไปว่า “แบงค์อย่ามาเล่นอย่างนี้นะ ถ้าจะเล่นแบบนี้ก็กลับไป”
จากนั้นก็ปิดประตูด้วยความหัวเสีย และกลับมาเล่นเกมต่อ ทางด้านพี่น้องคนอื่น ๆ ก็ขุดตัวอยู่ในผ้าห่ม กลัวกันไม่กล้านอน
ภายในคืนนั้น น้าเก่งก็ฝันว่า
แบงค์มานั่งอยู่ปลายเท้า และเริ่มร้องไห้ขึ้นมา จากนั้นแบงค์ก็ยกมือขึ้นมานวดขาตัวเอง นวดไปนวดมา ทางน้าเก่งที่กำลังจัดการเรื่องวิดีโอเกมอยู่ในฝัน ก็ได้ยินเสียงแบงค์พูดเป็นเสียงกระเส่าว่า
“พี่เก่ง ผมปวดขาพี่ ผมปวดขามากเลยอะ”
น้าเก่งก็ได้ตอบว่า “เอ็งก็นวดขาเองไปดิ จะบอกข้าทำไม”
แบงค์ก็ตอบกลับมาว่า “ผมปวดจริง ๆ นะ พี่ช่วยมาดูให้ผมหน่อย”
น้าเก่งรู้สึกว่ามันผิดปกติ จึงหันไปดู ปรากฎว่าเป็นแบงค์ที่นั่งอยู่ ก็เห็นว่าขาข้างหนึ่งข้อต่อตรงเข่าหลุด แต่ยังมีเส้นเอ็นที่รั้งไม่ให้มันขาดจากกัน
พอน้าเก่งเห็นแบบนั้นก็ตกใจและสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก และหันไปมองปลายเท้าก็ไม่เห็นอะไร แต่สิ่งที่ผิดปกติคือประตูที่เปิดอยู่ทั้ง ๆ ที่ตอนกลางคืนได้ปิดไปแล้ว หลังจากนั้น ก็เก็บเรื่องราวทั้งหมดมาจนถึงตอนเช้า และก็ได้รู้ข่าวว่า แบงค์ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต
แบงค์นั้นเป็นลูกคนมีสตางค์ หลังจากที่จัดการเรื่องศพ ก็มีกำหนดการว่าวันพรุ่งนี้จะต้องมีงานศพ ทุกคนก็กลับมารวมกันที่เกิดเหตุนั่นก็คือบ้านของน้าเก่ง และได้มานั่งคุยกันที่ใต้ต้นมะยมกลางบ้านถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ในคืนนั้นเอง ก็ได้ยืนเสียงหมาเห่าขึ้นมา ซึ่งเห่าไปตรงกลางบ้านที่ไม่มีอะไร เสร็จแล้วก็กระดิกหางดีใจ พอทุกคนเห็นอย่างนั้นก็คิดว่า ‘แบงค์มาหรือเปล่า’ กลุ่มที่นั่งอยู่ก็ได้แตกฮือ บางคนก็วิ่งขึ้นบนบ้าน บางคนวิ่งออกนอกบ้าน แต่พี่คนโตสุดที่เป็นสาวหล่อ ก็ห้าวพูดขึ้นมาว่า
“คืนนี้เรามาดูกันไหมว่า 4 ทุ่มผีจะมาเปล่า”
น้องทุกคนก็กลัวกัน แต่ว่าตอนนั้นสว่างอยู่ ทุกคนจึงใจกล้า พอตกดึก 4 ทุ่ม ตอนนั้นอากาศก็เริ่มหนาว จู่ ๆ เสียงแบบเดิมก็มาอีกครั้ง คราวนี้ไม่มีใครกล้าออกมา พอเสียงมาหยุดอยู่ที่หน้าบันได ก็ได้ยินเสียงเรียกที่เหมือนเดิมว่า
“พี่เก่ง เปิดประตูให้ผมหน่อย ผมขึ้นไปไม่ได้”
แต่ตอนนั้นไม่มีใครกล้าออกมา ทำเป็นแกล้งหลับกันหมด ส่วนคนที่จะจบเรื่องนี้ก็มีเพียงน้าเก่งที่ยังไม่หลับ และยังไม่เคยเจอต่อหน้า ที่เจอก็เป็นเพียงแค่ในฝัน เขาจึงยังไม่เชื่อว่าเป็นแบงค์จริง ๆ น้าเก่งจึงเปิดประตูออกมาชะเง้อดู แต่สิ่งที่เห็นคือ มีคนยืนอยู่ตรงกลางความมืด ขาถ่างเล็กน้อย แล้วก็ยื่นหน้าเข้ามาบริเวณ ที่เป็นไฟเหลือง ปรากฏเป็นหน้าแบงค์จริง พร้อมกับเลือดที่อาบอยู่
พอเห็นเช่นนั้น น้าเก่งก็ตกใจแล้วก็วิ่งเข้าไปในห้อง ทุกคนได้ยินเสียงเรียกทั้งคืน
วันต่อมาก็มีงานศพ คุณแม่ของแบงค์เดินเข้ามาหากลุ่มของน้าเก่งแล้วพูดออกมาว่า
“คนที่ชื่อเก่งนี่คือใครเหรอ ลูกเขาเสียชีวิตไปแล้ว ไม่มาหาแม่เลย มาหาแต่คนชื่อเก่ง เก่งนี่มันมีดีอะไรเหรอ ทำไมไม่รักแม่เลยรักแต่เพื่อน” เพราะข่าวลือที่ว่าแบงค์มาหาครอบครัวของน้าเก่งนั้นแพร่กระจายไป
พอแม่ของแบงค์มาถึงหน้าบ้านของน้าเก่ง ก็เข้ามากอดขาพูดพร้อมกับร้องไห้ว่า
“ลูกป้าเนี่ย ชอบน้องนะ รักน้องขนาดนี้ บวชให้น้องมันได้ไหมลูก”
เนื่องจากน้าเก่งนั้นเป็นคนเจ้าสำอางรักเส้นผมของตัวเองมาก แต่การบวชนั้นต้องโกนผม จึงไม่ได้บวชให้
หลังจากเสร็จจากงานศพก็มารวมตัวพูดคุยกันที่หน้าบ้าน ญาติพี่น้องก็คะยั้นคะยอบอกน้าเก่งว่า
“เอ็งบวชให้เขาเถอะ วิญญาณเขาจะได้ไปสู่งสุขติสักที”
ระหว่างที่พูดอยู่ หมาทั้ง 3 ตัวก็อาการเหมือนเดิม จู่ ๆ ก็ตกใจแล้วก็หันมาดีใจ แล้วมองไปที่ว่างเปล่าที่หน้าบ้าน ทุกคนต่างกลัวและแตกฮือกันอีกเหมือนเดิม พี่สาวคนโตก็พูดกับน้อง ๆ ว่า
“มันมีอยู่วิธีหนึ่ง เป็นวิธีโบราณ ที่เอาแป้งมาโรย แล้วจะเห็นรอยเท้าของผี”
พอพูดเสร็จ พี่คนโตก็หยิบแป้งเด็กมาโรยไปทั่ว ไม่มีบทสวด ไม่มีอะไรทั้งนั้น โรยตั้งแต่หน้าบ้านไปจนถึงขั้นบันได แล้วก็โรยไปถึงหน้าห้องของทุกคน จากนั้นทุกคนก็เข้านอน และพกขวดใส่ปัสสาวะติดตัวไว้ เพราะไม่มีใครกล้าออกมา คุณตา คุณยายก็รับรู้ว่าหลานในบ้านเริ่มกลัวกันหมด จึงตัดสินใจว่า ถ้าได้ยินเสียงอะไรจะออกมาจัดการ
พอถึง 4 ทุ่มเวลาเดิม เสียงก็เริ่มจากหมาเห่า จนถึงเสียงคนเดินเข้ามาในบ้าน คุณตาก็ได้หยิบธูปดอกหนึ่ง แล้วก็ปักไว้ที่กลางบ้าน จากนั้นก็สวดบทสวดเป็นภาษาบาลีพร้อมกับพูดเป็นภาษาไทยว่า
“ไอหนูเอ้ย เอ็งอะมันอยู่คนละภพคนละภูมิกันแล้ว ถ้ายังไงเดี๋ยวจะทำบุญไปให้ น่าสงสารจริง ๆ อายุก็ยังน้อย มาตายละยังไม่รู้ตัวอีก”
เมื่อสวดเสร็จ เสียงนั้นก็ก็หายไป..
เช้าวันถัดมา พี่คนโตก็รีบออกมา เพื่อที่จะไปดูผลงานของแป้งที่โรยเอาไว้ สิ่งที่เห็นคือเป็นรอยเท้าคนจริง ๆ แต่มันแปลกตรงที่ เท้าข้างหนึ่งเดินปกติ ส่วนเท้าอีกข้างมันหันกลับหลัง แต่เป็นลักษณะเท้าที่เดินไปพร้อมกัน คุณตาเห็นดังนั้นก็จับตีเรียงคน แล้วก็ใช้เท้าลบแป้งตรงนั้น น้าเก่งที่เห็นเหตุการณ์ ก็รู้สึกสงสารเพื่อนขึ้นมา จึงตัดสินใจบวชให้ในที่สุด หลังจากที่ตัดสินใจบวชให้ เสียงปริศนาและภาพที่น่าสยดสยองทั้งหมด ก็หายไปตั้งแต่วันนั้น..
(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่