เรื่องเล่าจากคุณหนองน้ำ ‘เรื่องเล่าคนกองถ่าย’ l อังคารคลุมโปง X ออมนาเบลล์ [ 20 พ.ค.2568 ]

อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากคุณหนองน้ำ ‘เรื่องเล่าคนกองถ่าย’ l อังคารคลุมโปง X ออมนาเบลล์ [ 20 พ.ค.2568 ]

29 พ.ค. 2025

       รายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (20 พฤษภาคม 2568) ที่ผ่านมา มีเรื่องราวสุดแปลกในกองถ่ายจาก ‘คุณหนองน้ำ’ เมื่อกองถ่ายมีแต่อุปสรรค คนในกองถ่ายแปลกไปเหมือนมีอะไรสิงร่างแล้วไม่เป็นตัวเอง! เรื่องนี้ทำเอา ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ขนลุกไปทั้งตัว!

       คุณหนองน้ำมีเรื่องมาเล่า 2 เรื่อง ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องราวในกองถ่าย เรื่องแรกเป็นเรื่องราวที่เธอได้ฟังมาจาก ‘อาฉี เสียงหล่อ’ หรือ ‘สมพงษ์ บุญกุ้ม’ ศิลปินตลกผู้ล่วงลับ พร้อมทั้งให้เหตุผลว่าที่นำมาเล่าเพราะเธอต้องการระลึกถึงอาฉี โดยเรื่องแรกเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายทำละครดังแห่งยุค 2000 อย่าง ‘อังกอร์’ เป็นละครที่ประสบความเร็จและเป็นที่จดจำเป็นอย่างมาก

       อาฉีเคยเล่าไว้ว่า อังกอร์จะถ่ายทำที่ต่างจังหวัดเป็นหลัก โลเคชั่นส่วนใหญ่จะเป็นป่า วันหนึ่ง มีคิวถ่ายเป็นฉากที่ต้องบุกป่า เผากระท่อม ซึ่งจะต้องใช้สตั๊นท์แมนเป็นจำนวนมาก บริเวณกองถ่ายจะมีเต็นท์เพื่อรองรับนักแสดงและสตั๊นท์แมนทุกคน ขณะที่อาฉีนอนเล่นโทรศัพท์อยู่นั้น ก็รู้สึกเหมือนมีคนเดินเข้ามาในเต็นท์ เมื่อหันไปดูก็เห็นเป็นสตั๊นท์แมนที่เคยเข้าฉากด้วยกัน อาฉีจึงกล่าวทักทายตามปกติ แต่วันนี้สตั๊นท์แมนคนนั้นกลับมาแปลก เขาไม่พูดอะไร ทั้ง ๆ ที่ปกติแล้วจะเป็นคนพูดเก่ง คุยเก่ง อาฉีก็ถามว่า

       “กินอะไรมาหรือยัง”

       จากนั้น เขาก็มานั่งข้าง ๆ แล้วตอบแค่ว่า “ผมไม่หิวพี่”

       เมื่อได้ยินคำตอบอาฉีก็ไม่ได้คิดอะไร จากนั้นก็เดินออกไปเอากาแฟนอกเต็นท์ แต่ไปเจอกับคนในกองที่พูดกันว่ามีอุบัติเหตุรถชนเกิดขึ้นและมีสตั๊นท์แมนเสียชีวิต ซึ่งก็คือสตั๊นท์แมนคนที่พึ่งเจอกันเมื่อกี้! อาฉีได้ยินก็รีบบอกไปว่า

       “เห้ย ! จะเป็นไปได้ยังไง เพราะเค้ายังอยู่ในเต็นท์อยู่เลย เมื่อกี้เพิ่งเจอกัน”

       คนในกองโต้กลับว่า “จริง ๆ พี่ เขาเสียชีวิต มีเจ้าหน้าที่โทรมา”

       อาฉียังไม่เชื่อ และบอกไปว่า “เห้ย! จริง ๆ เมื่อกี้เขานอนอยู่ข้างหลัง อยู่เตียงข้าง ๆ กันเลย”

       เมื่อเข้าไปดูในเต็นท์ ก็ไม่เจอใคร คิดว่านี่คงเป็นจิตสุดท้ายในการทำงานของเขา..

 

       เรื่องที่สองเป็นเรื่องที่คุณหนองน้ำเจอกับตัวเอง วันนั้นเธอไปออกกองถ่ายโฆษณาที่สระบุรี โลเคชั่นเป็นเขาหัวโล้นลูกหนึ่ง วันนั้นเธอไปถึงโลเคชั่นตั้งแต่เช้า แต่ฝนตกตลอดเวลา ทำให้ไม่สามารถถ่ายทำได้ จนเวลาล่วงเลยไปถึงบ่าย 2 ทุกคนเริ่มกระวนกระวายเพราะกลัวว่าจะไม่ทันเวลาถ่าย และคิวนี้จะถ่ายได้ถึงแค่ 6 โมงเย็นเท่านั้น จากนั้น การถ่ายทำก็สะดุดตลอดเวลา จนพี่ผู้ช่วยผู้กำกับเดินมาถามว่า

       “หนองน้ำ เธอไหว้หรือยัง”

       คุณหนองน้ำก็บอกไปว่า “ไหว้แล้วพี่”

       จากนั้นผู้ช่วยผู้กำกับก็สั่งให้ไปเอาเหล้ากับบุหรี่มาจัดเป็นเซ็ท และต้องตามหาคนที่เกิดวันศุกร์เพื่อมาไหว้ เมื่อไหว้เสร็จ เพียงพริบตา บริเวณเวิ้งเขาที่ถ่ายทำ ฝนก็หยุดตก ทุกคนต่างสับสนและมึนงงกับเหตุการณ์นี้ แต่เรื่องแปลกต่อไปคือ ขวดเหล้าที่ไหว้นั้นลดเหลือครึ่งขวดอย่างไม่น่าเชื่อภายในเวลาไม่นาน!

       คุณหนองน้ำแกล้งถามว่า “เห้ย ! ใครกินเหล้าเนี่ย ธูปยังไม่หมดเลย”

       คนในกองก็ตอบกลับว่า “ใครจะไปกล้ากินล่ะ ธูปยังไม่หมด”

       ไม่นานหลังจากนั้น ทุกคนก็รีบแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง ระหว่างการถ่ายทำยังคงมีเรื่องราวสุดแปลกเกิดขึ้นในกองเรื่อย ๆ

       ระหว่างถ่ายทำอยู่นั้น ‘คุณแอม’ (Producer) ก็ออกไปจากกองถ่ายแล้วเดินเข้าไปทางมุมป่า ผู้กำกับจึงสั่งให้เธอวิ่งตามไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ เพราะกลัวว่าเขาจะเครียดเรื่องกองถ่าย ปรากฏว่าพอตามไปจนทัน ก็รีบวิ่งไปจับแขนไว้ จากนั้นก็ถามว่า “จะไปไหน”

       แอมหยุดเดินแต่ไม่หันหน้ากลับมา แถมยังทำปากมุบมิบเหมือนคนแก่เคี้ยวหมาก แอมยังเดินช้า ๆ อย่างไม่หยุด พอถามอีกครั้งว่า “พี่แอมจะไปไหน”

       คราวนี้ แอมหันมาแต่ไม่พูดอะไร พร้อมสายตาที่เหม่อลอย คุณหนองน้ำเริ่มรู้สึกแล้วว่านี่ไม่ใช่พี่เรา ไม่ใช่คนที่เรารู้จัก แต่ก็จับมือแอมให้กลับเข้ามายังที่ปลอดภัย

       ในระหว่างที่เดินกลับมา แอมก็ได้ไปนั่งที่จุดวางของเซ่นไหว้ พร้อมกระดกขวดเหล้าและจุดบุหรี่สูบ คุณหนองน้ำยังคงคิดในแง่ดี มีการแซวว่า “เปรี้ยวปากหรอกินเหล้าในเวลางาน” แต่ลึก ๆ ก็รู้ว่ามีอะไรบางอย่างแน่

       สักพัก แอมก็ยืนขึ้น ทำท่าเหมือนจะตั้งวงรำ คุณหนองน้ำเริ่มขนลุกแต่ก็กดแขนแอมไว้และบอกว่า “อย่านะ อย่าทำ เราไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร แต่ถ้าทำแบบนี้เดี๋ยวคนในกองจะกลัว” ในตอนนั้นยังไม่มีใครรู้ว่าเกิดเรื่องนี้ขึ้น คุณหนองน้ำจึงต่อธูปและเติมเหล้าอย่างต่อเนื่อง จาก 1 ขวดกลายเป็น 4 ขวด สักพักแอมก็เริ่มนิ่ง คุณหนองน้ำจึงกลับมาหน้าเซ็ต

       เมื่อมาถึงหน้าเซ็ต ปรากฏว่าเกิดเรื่องแปลกเกิดขึ้นกับผู้ช่วยผู้กำกับอย่าง ‘พี่โจ้’ (นามสมมติ) เพราะอยู่ ๆ เขาก็ทำท่ายกแข้งยกขาเหมือนจ๊ะทิงจา แต่คิดว่าคงวิ่งไปวิ่งมาเพราะเครียดกับการถ่ายทำ สักพักเขาก็หัวเราะขึ้นมา เมื่อคุณหนองน้ำเดินไปหาเพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้น พี่โจ้พูดกลับมาว่า

       “เราขอน้ำแดงหน่อยสิ” ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

       คุณหนองน้ำจึงบอกให้ป้าสวัสดิการไปเอาให้ เมื่อได้น้ำแดง พี่โจ้ก็กินจนปากแดง ลิ้นแดง กินจน น้ำแดงหมดกองถ่ายก็ยังไม่พอ แถมยังสั่งให้ป้าออกไปซื้อใหม่ แต่ได้กลับมาอีกยี่ห้อหนึ่ง พี่โจ้เห็นแบบนั้นก็ตาแข็งและบอกว่า “ทำไมไม่ซื้อแฟนต้า!” ถึงแม้ทุกอย่างจะผิดปกติ พี่โจ้ก็ยังรันกองตามคิวของลูกค้าได้ตามปกติ

       ขณะที่เรื่องราวในกองกำลังวุ่น คุณหนองน้ำลืมต่อธูปและบุหรี่ ทำให้ฝนเริ่มลงเม็ด พี่โจ้หันมามองตาแข็ง แล้วพูดว่า “ทำไมไม่ต่อธูป!” คุณหนองน้ำกล่าวขอโทษและรีบวิ่งไปไหว้ต่อธูป แต่ลำพังเธอไหว้เอง ฝนก็ยังไม่หยุด พอเป็นโจ้มาไหว้ ฝนกลับหยุดตกทันที

       ส่วนทางพี่แอมนั้น ก็มีพฤติกรรมและลักษณะท่าทางเหมือนคนแก่ คุณหนองน้ำเข้าไปหาและบอกว่า “เราขอนะ อย่าทำแบบนี้ เดี๋ยวคนจะกลัว” จากนั้น แอมก็หลับตา ไม่นานคุณหนองน้ำก็สัมผัสได้ถึงพี่แอมคนเดิม เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรบ้าง แอมก็บอกว่ารับรู้ว่าเดินไปที่ป่า แต่ไม่รับรู้พฤติกรรมอื่น ๆ ของตัวเองเลย

       พอถึงเวลาเลิกกอง พี่โจ้ก็กลับมาเป็นปกติ คุณหนองน้ำจึงเดินถามว่าเกิดอะไรขึ้น พี่โจ้จึงเล่าว่าเขาเป็นศิษย์ของอาจารย์ท่านหนึ่งฝั่งทางภาคอีสาน มีการเลี้ยงกุมารเป็นร่างแฝงไว้ คาถาที่ใช้สวดก็ได้มาจากอาจารย์ของเขาเอง กุมารคงมาสิงแค่ช่วงที่ทำพิธีเท่านั้น

       หลังจากทีมงานเก็บของทุกอย่างเสร็จสิ้น ฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก ทุกคนรีบเดินทางกลับกรุงเทพ ระหว่างทางมีการพูดคุยกันถึงโลเคชั่นในครั้งนี้ ทางทีมก็บอกว่า โลเคชั่นนี้เป็นบ้านคนและบ้านนี้จะมีศาลไม้ซึ่งเป็นการไหว้ผีของบ้านอยู่แล้ว แต่ไม่มีใครบอกคุณหนองน้ำก่อนถ่ายทำ จึงไม่ได้ไหว้ผีในวันนั้นด้วย คงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการเกิดเรื่องราวแปลก ๆ ในกองถ่ายนี้

 (เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

related อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากคุณกรณ์ 'ครูพี่เลี้ยง' l อังคารคลุมโปง X NICECNX [ 18 พ.ย.2568 ]

28 พ.ย. 2025

เรื่องเล่าจากคุณกรณ์ 'ครูพี่เลี้ยง' l อังคารคลุมโปง X NICECNX [ 18 พ.ย.2568 ]

ผมเข้าไปล่าท้าผีในโรงงานร้างแห่งหนึ่ง พอเข้าไปถึงตึกที่พักของคนงานเก่าเลยขึ้นไปที่ชั้น 2 เจอเลขห้องประหลาดห้อง 2A6 พอเข้าไปก็เห็นกระถางธูปวางตามจุดเตียงนอนทุกจุด ถามรปภ.ก็ได้รู้ว่ามันคือจุดที่คนงานตายทั้งหมด ไม่เพียงแค่นั้น บานประตูที่เปิดเข้ามาก็มีสายสิญจน์โยงมัดรอบห้อง ผมเห็นท่าไม่ดีเลยรีบลงจากตึกมาชั้น 1 ระหว่างทางลงก็คิดพิเรนทร์พูดใส่ Intercom “ฮัลโหล ตึกตรงข้ามมีคนอยู่ไหม” แล้วก็ได้ยินเสียง “คลื่นสัญญาณแทรก” ดังมาตามสายทั้ง ๆ ที่ทั้งตึกไม่มีไฟฟ้าแล้ว เมื่อเดินไปตึกฝั่งตรงข้าม คนในไลฟ์สดดันบอกว่าเห็นกลุ่มคนอยู่ในตึกนั้น 20 กว่าคน! ทั้ง ๆ ที่มันเป็นตึกร้าง ผมเลยโบกมือให้กล้องที่ไลฟ์อยู่อีกฝั่งหนึ่ง และเมื่อกลับมานั่งตัดคลิป ก็เห็นว่าตอนนั้นโบกมือนั้น หัวของผมหายไป! หลังจากกลับมาก็มีแฟนคลับเปิดกล้องไลฟ์ที่วัดแห่งหนึ่ง และได้ยินเสียงวิญญาณผู้หญิงเรียกชื่อตัวเองให้เข้าไปขอขมา และช่วยให้เธอได้ไปเกิดเพราะเขากับเธอเคยเกี่ยวข้องกันในอดีตชาติ! โรงงานร้างสุดหลอน..ที่ทำให้การล่าท้าผีของเขาไม่เหมือนเดิม เมื่อพบว่าในขณะที่กำลังไลฟ์สดอยู่นั้น หัวของเขาดันหายไป! ท่ามกลางผู้คนในไลฟ์ที่รับชมอยู่ เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ใน ‘อังคารคลุมโปง X NICECNX’ [ 18 พ.ย.2568 ] ไปพร้อมกับ ‘ดีเจแนน’ ‘ดีเจโซเซฟ’ และ ‘ดีเจมดดำ’ กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘นิคมอุตสาหกรรมร้าง’ เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ‘คุณกรณ์’ ได้เล่าว่า ตนเองทำงานเป็น Creator ในแพลตฟอร์มออนไลน์เขาเป็นนักเล่าเรื่องลี้ลับ และมีการลงพื้นที่ไปสำรวจสถานที่ลึกลับต่าง ๆ หรือที่เรียกกันว่า ‘ล่าท้าผี’ จนกระทั่ง ‘พี่เต๋า’ พี่ชายคนสนิทได้เอ่ยถามเขาว่า‘กรณ์อยากไปลงพื้นที่ไหม? พี่มีพื้นที่อยู่ที่หนึ่ง น่าสนใจมาก’ เต๋าเชิญชวน‘มันเป็นยังไงพี่?’ เขาถามกลับไปด้วยความสงสัย‘พื้นที่นี้มันเป็นโรงงาน’ คำเชิญชวนจากพี่ชายคนสนิทสร้างความตื่นเต้นให้แก่กรณ์ และด้วยความไม่คิดอะไรจึงคิดว่าสถานที่แห่งนั้นคงเป็น เพียงแค่โรงงานธรรมดาแห่งหนึ่งก็เท่านั้น เขาเลยตัดสินใจตอบรับคำไป‘ไปครับ เดี๋ยวไปเปิดกล้องไลฟ์สดกัน’ พอถึงวันที่นัดแนะกันในช่วงเวลาประมาณ 3 ทุ่ม กรณ์ก็ไปถึงที่โรงงานแห่งนั้น ทันทีที่ก้าวขาเข้าไป ก็พบกับรปภ.คนหนึ่งประจำการอยู่ที่หน้าโกดังทำให้เขาเกิดความสงสัยขึ้นมาว่าถ้าหากที่แห่งนี้เป็นโกดังร้างทำไมถึงมีคนอยู่? แต่ก็ได้รับคำตอบที่คลายความสงสัยนั้นจากเต๋าพี่ชายคนสนิทว่า“ที่นี่ไม่ใช่โกดังร้าง ข้างในมีทรัพย์สินอยู่ แต่มันรกร้างมา 30 ปีแล้ว” จากการกวาดสายตาสำรวจดูกรณ์พบว่า โดยรอบของโรงงานมีไฟฟ้าเปิดอยู่โดยรอบทั้งยังมีคนคอยดูแลตรวจตราอยู่สม่ำเสมอ เขาเลยคิดว่าพี่เต๋าคงจะมีการวางแผนพาเขามาแกล้งอย่างแน่นอน หลังจากนั้นกรณ์ เลยพยายามสอดส่องหาพื้นที่ที่คิดว่าจะสามารถเข้าไปไลฟ์ได้ แต่ทางด้านพี่เต๋าก็ยังคงเงียบ ไม่เอ่ยปากพูดอะไร กรจึงตัดสินใจเดินเข้าไปถามยามคนนั้น“พี่รปภ. มาอยู่กี่วันแล้วครับ”“ผมเพิ่งมาอยู่ได้แค่ 15 วันเองครับ” รปภ.ตอบกลับกรณ์“แล้วรู้จักกับพี่เต๋าได้ยังไงครับ?”ด้วยระยะเวลาการทำงานที่สั้นเลยทำให้เขาเกิดความสงสัยจึงเอ่ยถามไป“พี่เต๋าเป็นหัวหน้างานครับ คอยส่งรปภ.ลงตามพื้นที่โรงงานครับ” และเขาก็ได้รับคำตอบคลายความสงสัยกลับมา“เห็นไฟสปอร์ตไลท์ตรงนั้นไหมครับ สุดตรงนั้นไปแล้วจะวังเวงมาก ๆ ไม่มีใครกล้าเข้าไปเลยครับ”รปภ.ชี้นำไปตามทางสุดเส้นถนนที่ดูเปลี่ยว และมืดจนน่าขนลุก เดิมที่โรงงานแห่งนี้มีรปภ.คอยเฝ้าดูแลอยู่ตลอดเวลาจำนวน 15 นาย แต่เกิดเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้พวกเขาลาออกพร้อมกันทั้งหมด จนท้ายที่สุดแล้วเหลือรปภ.เพียงแค่ 2 คนเท่านั้นที่ทำงานอยู่ ยามคนที่หนึ่งจะยืนเฝ้าอยู่ตรงบริเวณข้างหน้าทางเข้า ส่วนคนที่สองจะคอยตรวจตราอยู่จุดที่สปอร์ตไลท์ส่องตามที่รปภ.ได้เกริ่นไว้ใครคราแรก เมื่อกรณ์ ได้สังเกตเห็นพี่รปภ.ที่ยืนอยู่ตรงตำแหน่งด้านในก็พบว่าลักษณะท่าทางของเขาเหมือนคนอยู่ไม่ติดกับที่ยามคนนั้นเดินวนไปวนมาอยู่ตลอดเวลาอย่างผิดวิสัย เขาเลยเดินเข้าไปถามด้วยความสงสัย“พี่เดินไปเดินมาทำไมครับ?”“ไม่สามารถอยู่กับที่ได้ครับ” คำตอบของพี่รปภ.สร้างความฉงนให้กับกรอีกครั้ง“ทำไมครับ? เกิดอะไรขึ้น”“ถ้าพร้อมแล้ว 3 ทุ่มเปิดกล้องไลฟ์สดนะครับ เดี๋ยวพาเข้าไป” เส้นทางที่เข้าไปภายในโรงงานจำเป็นที่จะต้องขับรถเข้าไป เพราะด้วยโรงงานแห่งนี้เป็นนิคมอุตสาหกรรม ที่มีขนาดพื้นที่ทั้งหมด 57 ไร่ จุดหมายของกรจะอยู่ตรงจุดที่เลยแนวไฟไป“ถ้าเลยแนวไฟตรงนี้ไปหลังจากนี้จะไม่มีใครช่วยเหลือเราได้แล้ว”ประโยคบอกเล่าธรรมดาที่ชวนผวาจากพี่รปภ.ทำเอากรถึงกับขนลุก จากการพูดคุยกรณ์ ก็ได้รับรู้ว่าตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ยังไม่เคยเปิดให้ใครเข้ามาล่าท้าผีเพราะเป็นสถานที่ปิด ดังนั้นพลังงานวิญญาณต่าง ๆ ยังจะคงอยู่ครบถ้วน และอัดแน่นเต็มพื้นที่“แล้วเราจะพากันไปที่ไหนกันครับ?” กรณ์ถามถึงตำแหน่งที่เขาจะเข้าไปล่าท้าผี“ข้างในนี้จะมีทั้งโรงพยาบาลร้าง โรงเรียนอนุบาลร้าง สหกรณ์ร้าง โรงอาหารร้าง บึงและก็อาคารที่พักของคนงานที่รกร้างอยู่ทั้งหมด 2 ตึกครับ” ในระหว่างที่พากันเข้าไปสำรวจกันข้างใน กรณ์ก็เกิดความสงสัยบางอย่างเลยเอ่ยถามพี่รปภ.ออกไป “ทำไมพี่ถึงสั่งห้ามไม่ให้รปภ.เข้ามาในนี้ครับ?” พี่รปภ.เล่าว่า เมื่อสามวันที่แล้ว มีรปภ.คนล่าสุดที่เพิ่งลาออกไป เขาเข้าไปเจอผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากโรงอาหารและตรงดิ่งมาหารปภ.คนนั้นพร้อมพูดว่า “ขอข้าวกินหน่อยสิ..” ซึ่งถ้าย้อนไปเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว ที่แห่งนี้เคยมีผู้หญิงคนหนึ่ง เธอไม่ใช่คนงานที่นี่ หญิงสาวคนนั้นแอบเข้ามาข้างใน และมานั่งอยู่ตรงบึง สุดท้ายก็ตัดสินใจกระโดดน้ำ หลังจากเหตุการณ์นั้นวิญญาณของหญิงสาวคนนี้ก็คอยวนเวียนหลอกหลอนรปภ.ทั้งหมดจนเป็นสาเหตุให้ทุกคนลาออกไป โดยพื้นฐานแล้วกรณ์ ไม่ใช่คนที่มีสัมผัสที่ 6 หรือเห็นผี เมื่อเดินสำรวจได้สักพักก็เจอตำแหน่งที่น่ากลัวมาก ๆ ก็คือตึกที่พักคนงานร้างทั้ง 2 ตึก ลักษณะของอาคารจะแบ่งเป็นตึก A และ B หน้าตึกจะหันเข้าหากัน กรณ์เลยเริ่มสำรวจข้างในของตึก ภายในอาคารจะมีเลขที่ห้องเรียงต่อกัน จากเลข 101 102 103 ไล่ไปจนถึง 108 และเมื่อเดินขึ้นไปยังชั้นสองของอาคาร เดินดูไล่ทีละห้องจาก 201 202 203 เดินไปเรื่อย ๆ ทันใดนั้นเอง เขาก็เจอกับห้องที่มีเลขผิดแปลกไปจากห้องอื่น ๆ “ห้อง 2A6” และมากไปกว่านั้น ลูกบิดประตูนั้นยังถูกทุบอีกด้วย ความคิดภายในหัวกรณ์ เริ่มทำงานบรรยากาศเย็นยะเยือกรอบข้าง และเลขห้องตรงหน้าเขาทำให้เขาคิดว่าห้องนี้ต้องมีอาถรรพ์อะไรบางอย่างอยู่แน่ ๆ แต่ยังไม่ที่กรจะเปิดประตูเข้าไป ทันใดนั้นเองบานเกล็ดหน้าต่างห้องก็มีเสียง “ครืดดดดดด!” เสียงบานเกล็ดที่ดังแบบไม่มีที่มาที่ไปทำเอาเขาตื่นตระหนก และด้วยความกล้า ๆ กลัว ๆ ของเขาสุดท้ายกรณ์ ก็ตัดสินใจเปิดบานประตูเข้าไป ภาพแรกที่กรณ์ เห็นคือภายในห้องเต็มไปด้วยล็อคเกอร์ไม้ที่ทุก ๆ ชั้นถูกเปิดไว้หมด แต่มีจุดหนึ่งที่น่าสังเกต และดูผิดแปลกคือทุกพื้นที่ในนั้นมีกระถาง และธูปที่มอดไปแล้วปักอยู่ประมาณ 4-5 จุดตามที่นอน ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีใครเคยเข้ามาล่าท้าผีข้างในมาก่อน“รู้ไหมว่าจุดธูปต่าง ๆ คือจุดอะไร?” พี่รปภ.เอ่ยถามเขาท่ามกลางความเงียบ“จุดอะไรพี่”“ธูปที่จุดอยู่ทุกจุดตามที่นอน คือที่ที่คนงานเสียชีวิตทั้งหมด”คำตอบของรปถ.ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวกับบรรยากาศภายในห้องมากขึ้น เพราะหลังจากจบประโยคนั้นบานประตูในห้องก็เริ่มขยับ และส่งเสียงดังราวกับมีพลังงานอะไรบางอย่างอยู่ในห้องแห่งนี้กับเขา และเมื่อเพ่งมองดูที่ลูกบิดดี ๆ ก็พบว่าที่บานประตูนั้นมีสายสิญจน์มัดขึงไว้ กลายเป็นว่าการที่เขาเปิดเข้ามานั่นทำให้สายสิญจน์ทั้งหมดถูกดึงออกจากกัน! และเมื่อลองมองไปยังอาคารฝั่งตรงข้ามก็จะเห็นคล้ายกับมีพลังงานบางอย่างเคลือบตึกอยู่ ในระหว่างที่เขากำลังเดินลงจากชั้น 2 มันก็มีเครื่อง Intercom ที่ไม่สามารถใช้งานได้แล้วติดอยู่กับเสา กรนึกพิเรนทร์เลยหยิบขึ้นมาแกล้งทำคล้ายกับว่าส่งเสียงเรียกไปยังตึกอีกฝั่ง“ฮัลโหล ตึก B ว่าไง ส่งเสียงหน่อย” เขาส่งเสียงไปตามสายอย่างไม่ได้คิดอะไร แต่พอกลับมานั่งตัดคลิปย้อนหลังดู ในจังหวะสุดท้ายที่เขากดคลิกมันกลับมีเสียง “ซืดดด...” แทรกเข้ามา มันเป็นเสียงคลื่นสัญญาณที่ไม่ควรเกิดขึ้นเพราะอาคารแห่งนั้นไม่มีการใช้งานของไฟฟ้าแล้วหลังจากลงมาจากชั้น 2 ได้ กรณ์ก็นึกสนุกขึ้นมา โดยให้พี่ชายคนสนิทตั้งกล้องไลฟ์สดถ่ายไปยังเขาที่ยืนอยู่อีกฝั่งของตึก และเขาจะโบกมือให้กล้อง และทันทีที่เขาเดินไปยังอาคารฝั่งตรงข้ามและโบกมือให้กล้องที่อยู่ทางหนึ่ง คนดูในไลฟ์ก็ต่างคอมเมนท์ไปในทางเดียวกันว่าพวกเขาเห็นกลุ่มคนหรือดวงวิญญาณยืนอยู่ในตึกนั้น 20 กว่าคน! และในจังหวะที่เขากลับมานั่งตัดคลิป สิ่งที่ปรากฎในคลิปทั้งหมดก็ทำเอาเขาถึงกับขนหัวลุก เมื่อพบว่าในช่วงเวลาที่เขาโบกมือให้กล้องอยู่นั้น หัวของเขาหายไป! จบจากการล่าท้าผี กรณ์ก็ได้ให้อาจารย์ที่รู้จักทำพิธีปัดเป่าสิ่งต่าง ๆ ที่อาจจะตามเขามาในชีวิตจริงเพื่อไม่ให้มันเกิดอะไรไม่ดีกับเขาหลังจากนี้ และพอกรได้ลงคลิปล่าท้าผีไปในโลกออนไลน์ก็เกิดกระแสตอบรับที่ดีจนผู้ชมอยากให้เขาไปอีกครั้ง และก็มีแฟนคลับคนหนึ่งขอเข้าร่วมการล่าท้าผีไปกับเขา แต่ก่อนจะถึงวันนัดแนะจะไปกัน “คุณบอย” แฟนคลับที่ขอเดินทางไปด้วยกันเขาได้เปิดกล้องไลฟ์ไปสำรวจที่บริเวณวัดและเดินไปตรงประตูน้ำ ในระหว่างที่เดินดูอยู่นั้นบอย ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงดังขึ้นมา เสียงเหมือนคนอยู่ในน้ำพูดว่า “ผู้ชาย ผู้ชาย.. ผู้ชายสองคน ต.เต่า ต.เต่า”เสียงกระซิบเรียกชื่อผู้ชาย 2 คนนั้นดังขึ้นมาหลังจากนั้นเพียงไม่นาน แต่กลายเป็นว่าชื่อแรกที่ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยออกมาคือชื่อจริง ๆ ของกรณ์ที่ตลอด 10 ปีมานี้ไม่มีใครรู้ชื่อนี้เลย หญิงสาวได้บอกกับบอยว่า 2 คนนี้เกี่ยวข้องกับเธอในอดีตมาก่อน และบอย คือคนรักที่เคยสาบานกับเธอในอดีตชาติ ทำให้พวกเขาต้องไปที่โรงงานนั้นอีกครั้ง และการกลับไปครั้งนี้ก็เพื่อไปขมากรรมในอดีต และปลดปล่อยดวงวิญญาณนั้น เพราะเขาได้รู้มาว่าสาเหตุการเสียชีวิตของน้องผู้หญิงคนนี้คือเธอได้ตั้งครรภ์กับผู้ชายคนหนึ่ง แต่ผู้ชายไม่รับรัก เธอเลยไปกระโดดที่บึงนั้น และได้สื่อสารกับบอยเพราะเธอ และเขาเคยไปสาบานรักใต้ต้นไม้ใหญ่ในอดีตชาติ ซึ่งเมื่อกรณ์ ได้ประติดประต่อเรื่องราวทั้งหมดก็ถึงกับขนหัวลุกอีกครั้งเพราะตรงบึงแห่งนั้น เป็นจุดที่มีต้นไม่ใหญ่ต้นหนึ่งอยู่พอดีสุดท้ายโรงงานร้างแห่งนั้นก็ไม่ได้เป็นเพียงนิคมอุตสาหกรรมธรรมดา แต่กลายเป็นจุดพลิกผันในชีวิตอีกเรื่องหนึ่งที่เขาจะจำไม่มีวันลืม..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

เรื่องเล่าจากคุณเป้ ‘ห้องนี้ห้ามเข้า’ I อังคารคลุมโปง X หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ - ขวัญ อุษามณี [ 8 ต.ค. 2567]

12 ต.ค. 2024

เรื่องเล่าจากคุณเป้ ‘ห้องนี้ห้ามเข้า’ I อังคารคลุมโปง X หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ - ขวัญ อุษามณี [ 8 ต.ค. 2567]

อังคารคลุมโปง X (8 ตุลาคม 2567) ขนหัวลุกไปกับ ‘คุณเป้‘ ที่ได้มาเล่าเรื่อง ’ห้องนี้ห้ามเข้า’ ให้ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม‘ และแฟนรายการฟัง ซึ่งเป็นเรื่องเล่าที่เกิดขึ้นภายในบ้านที่ต่างประเทศ ทนไม่ไหวจนต้องย้ายออกจากบ้านทันที! เรื่องราวจะเป็นยังไง จะหลอนขนาดไหน ไปอ่านพร้อมกันเลย! คุณเป้เล่าว่าเป็นเรื่องของน้องที่ต่างประเทศคนหนึ่ง เขาชื่อ ‘อิงอิง’ เป็นคนจีนที่สอนหนังสือชั้นอนุบาลในสิงค์โปร์ ในตอนนั้นคุณอิงอิงกำลังหาที่พักใหม่เนื่องจากที่เดิมไกลจากโรงเรียนมาก ต้องใช้เวลาในการเดินทางไปโรงเรียน 3-4 ชั่วโมง จนได้ไปเจอป้ายติดประกาศตามกำแพงจึงตัดสินใจโทรไป มีคุณลุงแก่ ๆ รับสาย ก็ได้เจรจาพูดคุยกันเกี่ยวกับที่พักเเล้วก็ได้นัดเจอกัน ต่อมาเมื่อถึงเวลาที่นัดประมาณ 6 โมงครึ่ง คุณลุงก็นั่งรออยู่ตรงทางเข้า ลักษณะภายนอกของคุณลุงดูไม่ค่อยเป็นมิตร แต่คุณลุงก็ได้พาคุณอิงอิงเดินเข้าไปเรื่อย ๆ จนไปเจอบ้านชั้นเดี่ยวหลังหนึ่ง เมื่อเดินสำรวจรอบบ้านเเล้วคุณอิงอิงก็ถูกใจบ้านหลังนี้ การเดินทางไปโรงเรียนก็สะดวกเเละไวกว่าที่เก่า คุณลุงเห็นว่าคุณอิงอิงชอบจึงได้พูดคุยเเละบอกกฎของบ้านว่า “ห้องนี้มี 2 ห้องนอนนะ ทางขวามือเป็นห้องเก่าของลุงเอง ซึ่งตอนนี้ไม่ได้อยู่เเล้ว ใครมาถามหาลุงก็บอกไปนะว่าลุงไม่อยู่ ห้ามพาใครมาอยู่ที่บ้านหลังนี้เเละที่สำคัญคือห้องตรงนั้นที่เป็นห้องเก็บของ ห้ามเด็ดขาด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นห้ามเข้าไปในห้องนี้ ถ้าลุงรู้ไล่ออกจากบ้านทันที ยกเลิกทุกอย่าง ค่าน้ำค่าไฟหนูจ่ายเเค่ค่าน้ำอย่างเดียวนะ ค่าไฟลุงจ่ายเองทั้งหมด“ เมื่อได้ยินดังนั้น คุณอิงอิงก็รู้สึกแปลก ๆ เเต่คุณลุงบอกราคาเช่าที่ถูกมาก ทำเอาตนลบความแปลกนั้นออกไปจากสมองทันที จึงตัดสินใจที่จะเช่าบ้านหลังนี้ เเล้วก็ได้ย้ายของเข้ามาทันที ไม่นานหลังจากนั้น ก็ย้ายของเข้ามา ด้วยความเพลียจากการที่ตนจัดห้องจึงทำให้เผลอหลับไปในช่วงค่ำ ในตอนนั้นก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ในห้อง! เเล้วเสียงก็เงียบไป.. วันต่อมา คุณอิงอิงกลับมาจากโรงเรียนก็ทำธุระส่วนตัวเเล้วก็เข้านอน ในช่วงกลางดึกก็ได้ยินเสียงเหมือนเดิมเเต่รอบนี้มีเสียงทุบประตูด้วย! ปึ้งง ปึ้งงง! เเละตนก็ได้ยินว่า “พอแล้วว ไม่ทำแล้ว” เเล้วเสียงนั้นก็เงียบไป ณ ตอนนั้นเองคุณอิงอิงก็คิดว่าอาจจะเป็นเสียงข้างบ้านทะเลาะกัน จนผ่านไปเรื่อย ๆ เหตุการณ์ในบ้านก็เริ่มหนักขึ้น จนตนรู้สึกว่าบ้านหลังนี้มันแปลก.. คืนหนึ่งในขณะที่ตนนอนอยู่ ก็รู้สึกว่าหนาวผิดปกติจึงจะลุกไปปิดหน้าต่างเเละประตู เมื่อหันไปดูที่หน้าต่างปรากฎว่าหน้าต่างปิดอยู่ จึงลุกไปปิดประตู เเต่ในขณะที่กำลังจะปิดก็มีไอเย็นบางอย่างที่อยู่ภายในบ้านตามพื้น ตนสัมผัสได้จากเท้าเปล่าเเละสงสัยว่ามาจากไหน จึงเดิมตามไอเย็นนั้นไป ปรากฎว่าไอเย็นนั้นที่ตนสัมผัสได้มันมาจากห้องเก็บของ! เเต่ห้องมันล็อคไว้อยู่เเล้วคุณลุงก็สั่งห้ามเข้า ตนไม่อยากยุ่งเพราะกลัวว่าจะโดนไล่ออกจากบ้าน จนเวลาผ่านไป.. ในคืนหนึ่ง คุณอิงอิงก็รู้สึกว่ามีเสียง กึ๊กกึก แกกแกกก! ดังอยู่ข้าง ๆ หู จึงลืมตาเเล้วปรากฎว่า กลายเป็นมือของตัวเองที่กำลังหมุนลูกบิดประห้องเก็บของ! ตนตกใจมากเพราะกำลังนอนอยู่เเล้วฝันละเมอมาห้องนี้ เเต่ในขณะนั้นก็มีเสียงร้องไห้สะอื้นมาจากห้องนี้! จนทำให้เริ่มรู้สึกกลัวเเละก็ได้กลับไปทบทวนเหตุการณ์ต่าง ๆ ตั้งเเต่คืนแรกที่เจอภายในบ้าน จนทำให้ตนรู้สึกว่าบ้านหลังนี้มันต้องมีอะไรเเน่นอน ในเช้าวันถัดมา คุณอิงอิงก็ได้เล่าเรื่องสิ่งที่เจอในบ้านหลังนี้ให้เพื่อนที่โรงเรียนฟัง เเต่กลับโดนเพื่อนบอกว่า “มึงฝันละเมอไปเองรึเปล่า?” ตนก็รู้สึกว่าไม่น่ามาเล่าให้เพื่อนฟัง เเต่ก็มีเพื่อนคนหนึ่งที่เชื่อเรื่องนี้เเละสัมผัสได้ว่าเรื่องที่คุณอิงอิงเล่าเป็นเรื่องจริง จึงได้เเอบเอาสร้อยประคำ 1 เส้นให้ คุณอิงอิงจึงรู้สึกสบายใจที่ได้สร้อยประคำเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เเล้วตนก็ได้บอกว่า “ถ้าคืนนี้มันมีเหตุการณ์เเบบนี้อีกนะ ไม่เอาเเล้ว” จากนั้นก็เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าลาก วางอยู่ใกล้ตัวเพื่อที่จะได้สามารถย้ายออกทันที เเละตนก็ได้หลับไป.. แล้วในคืนนั้น ตนก็สะดุ้งตื่นกลางดึกเหมือนเดิม เพราะรู้สึกว่าเหมือนใครกำลังคร่อมตนอยู่! เเต่มองไม่เห็นเพราะในห้องมันมืด เเล้วก็มีเสียงเหมือนมีดที่กำลังกรีดตามผนังห้อง! สักพักเสียงนั้นก็หยุดไปเเต่กลับมาแทงบนเตียงนอน เเทงนับไม่ถ้วน! เเล้วก็มีเสียงเข้ามาในห้องว่า “หยุด พอได้เเล้ว ชั้นผิดไปแล้ว ชั้นขอโทษ” ในตอนนั้นคุณอิงอิงตกใจก็กรี๊ดสุดเสียงเพราะกลัว เมื่อได้โอกาสตนจึงคว้ากระเป๋าเเล้วรีบวิ่งออกจากห้องนั้นทันที เเต่ในขณะที่กำลังจะออกจากบ้าน สายตาของตนเห็นสร้อยประคำที่เพื่อนให้ไว้ เเขวนอยู่ตรงหน้าประตู! ตนรู้สึกว่าสร้อยนั้นเป็นของสำคัญจึงรีบไปเอาสร้อยนั้น เเล้วในขณะที่กำลังจะคว้าก็มีรอยแกะสลักเป็นตัวอักษรภาษาจีนว่า ช่วยด้วย! นาทีนั้นตนคิดว่าตัวเองยังไม่พร้อมที่จะช่วยใคร จึงรีบคว้าสร้อยนั้นเเล้ววิ่งออกไปจากบ้าน ในตอนนั้นเป็นเวลาประมาณตี 4 กว่า จึงได้ไปนั่งอยู่ตามร้านขายของข้างทางจนเช้า เเล้วได้นั่งรถไปที่โรงเรียน เมื่อถึงโรงเรียนก็รีบโทรหาคุณลุงทันที ในใจตนคิดว่าจะย้ายออกจาก ไม่อยู่เเล้วบ้านหลังนี้ สักพักหนึ่งคุณลุงก็รับสายเเล้วพูดว่า “เออ โอเคตกลง” ทั้ง ๆ ที่คุณอิงอิงยังไม่ได้พูดอะไรเลย เหมือนรู้ว่ากำลังจะพูดอะไร ตนจึงเอาของไปเก็บเเละย้ายพักอยู่กับเพื่อนชั่วคราว ผ่านไปประมาณ 1 เดือน ขณะที่กำลังดื่มกาแฟกับเพื่อนอยู่ในตอนเช้า คุณอิงอิงก็เห็นรูปผู้ชายคนหนึ่งอยู่ตรงปกหนังสือพิมพ์ที่เพื่อนกำลังอ่าน ตนรู้สึกแปลกใจเพราะคุ้นผู้ชายคนนี้มาก ๆ จึงขอยืมหนังสือพิมพ์เพื่อนมา เเล้วคลี่อ่าน เมื่อตนเห็นหน้าผู้ชายคนนั้นก็ช็อค! ตกใจมาก เพราะเขาคือคุณลุงเจ้าของบ้านที่ตนไปเช่า ข่าวในหนังสือพิมพ์เขาเขียนว่า “เจ้าของบ้านถูกจับข้อหาฆาตกรรมภรรยาตัวเองภายในบ้าน! สาเหตุเกิดจากการหึงหวงภรรยาทะเลาะกันเรื่องชู้สาว ครอบครัวผู้หญิงมีการติดต่อมาอยู่เรื่อย ๆ เเต่ไม่มีการตอบกลับ จึงได้เเจ้งเรื่องกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ไปตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อได้ไปตรวจสอบที่บ้านหลังนี้เเล้วก็ได้พบศพอยู่ในตู้เเช่เย็นภายในห้องเก็บของ! สภาพศพตามร่างกายถูกเเทงพรุนทั้งตัว! ตามใบหน้าถูกกรีดจนจำใบหน้าไม่ได้!” เมื่อคุณอิงอิงอ่านข่าวจบก็ถึงกับช็อค! เพราะไม่คิดว่าตนจะนอนอยู่กับศพเป็นเวลา 1 สัปดาห์เเละก็หายสงสัยเรื่องค่าไฟที่คุณลุงบอกว่าจะจ่ายเอง เป็นเพราะว่าเขาเปิดตู้เเช่เย็นตลอดเพื่อแช่ศพภรรยาตัวเองไว้นั่นเอง!(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากจี๋ สุทธิรักษ์ 'เเพกลางป่า' I อังคารคลุมโปง X จี๋ สุทธิรักษ์ - แพรว นฤภรกมล [ 20 ส.ค. 2567]

24 ส.ค. 2024

เรื่องเล่าจากจี๋ สุทธิรักษ์ 'เเพกลางป่า' I อังคารคลุมโปง X จี๋ สุทธิรักษ์ - แพรว นฤภรกมล [ 20 ส.ค. 2567]

‘คุณจี๋’ ได้นำเรื่องราวสุดหลอนมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (20 สิงหาคม 2567) ขนหัวลุกไปกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องราวที่มีชื่อว่า ‘แพกลางป่า’ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันได้เลย! ‘คุณจี๋’ เล่าว่าตัวคุณจี๋เองไม่เคยเจอผีมาก่อน และเรื่องที่จะเล่านี้ไม่ใช่เรื่องของคุณจี๋ แต่เป็นเรื่องของเพื่อนคุณจี๋ ที่ตัวคุณจี๋ได้ไปอยู่ในสถานการณ์นั้น ณ ตอนนั้นด้วย แต่คุณจี๋ไม่ได้พบเห็นอะไร เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนนี้คุณจี๋ยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย และได้มีโอกาสไปเที่ยวแพ ที่จังหวัดกาญจนบุรีกับเพื่อนผู้ชายประมาณ 10 คน และมีแฟนเพื่อนอีกประมาณ 2-3 คน ซึ่งแพที่ไปจะเป็นแพบ้านที่จะต้องใช้เรือหางยาวลำเล็กลากไป ซึ่งเพื่อนของคุณจี๋ก็ได้บอกให้คุณลุงที่ขี่เรือหางยาวให้ลากตัวแพออกไปไกล ๆ เพราะอาจจะเสียงดังจากการปาร์ตี้ และต้องการความเป็นส่วนตัว คุณลุงจึงทำตามคำขอของเพื่อนคุณจี๋ โดยการลากแพบ้านไปลึกมาก ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ซึ่งเป็นเวลาที่นานมากสำหรับการลากแพออกไป เมื่อถึงคุณลุงก็นำเชือกของแพไปผูกกับตอไม้ ซึ่งที่ตรงนั้นไม่มีอะไรเลย และเงียบมาก น้ำก็เชี่ยวประมาณหนึ่ง ก่อนคุณลุงกลับคุณลุงได้ถามว่า “เอาน้ำมันปั่นไปไหม” เพื่อน ๆ ของคุณจี๋ก็บอกไม่เป็นไร คุณลุงจึงขับกลับไป โดยแพจะมีลักษณะ 2 ชั้น ด้านบนเป็นห้องนอน ด้านล่างเป็นลานโล่ง และมีห้องน้ำ โดยบริเวณลานแพจะหันไปขนานกับฝั่งป่าทึบที่มองไม่เป็นอะไร ส่วนฝั่งห้องนอนและห้องน้ำจะหันไปทางแม่น้ำ เวลาประมาณ 4 โมง คุณจี๋และเพื่อน ๆ ก็กระโดดเล่นน้ำกัน แต่อยู่ ๆ มีเพื่อนผู้ชายคนหนึ่งวิ่งไปขึ้นไปชั้น 2 ที่เป็นห้องนอน เขาวิ่งไปหยิบพระใต้หมอนของแฟนเพื่อนและเขวี้ยงพระออกนอกแพ ซึ่งผู้หญิงที่เป็นเจ้าของพระบอกว่าเธอนั้นไม่ได้บอกใครว่าเก็บพระไว้ใต้หมอน แต่โชคดีที่พระไปติดอยู่กับขื่อ แล้วเพื่อนผู้ชายคนนั้นก็วิ่งไปเอาพระที่ติดอยู่เพื่อเขวี้ยงออกไปจากแพ ผู้หญิงที่เป็นเจ้าของจึงไปห้ามและหยิบกลับพระมา ตกดึกทุกคนก็นอนหลับไป เมื่อตื่นขึ้นมาก็เห็นเพื่อนคนหนึ่งนั่งหน้าซีดตัวซีดถามอะไรก็ไม่ตอบ จนเพื่อนคนนี้บอกว่า “เดี๋ยวเข้าเมืองแล้วเล่าให้ฟัง” สรุปว่าสิ่งที่เพื่อนเล่าให้ฟังคือ ในขณะที่ทุกคนเมาและนอนเรียงกัน โดยตอนนอนหัวจะอยู่ตรงกับแกล้ม เท้าจะหันไปทางฝั่งแม่น้ำ ซึ่งเพื่อนคนนี้ได้ตื่นมากลางดึกก็เห็นคนกำลังกินกับแกล้ม เพื่อนคนนี้ก็เข้าใจว่าเป็นกลุ่มเพื่อนที่ยังปาร์ตี้ต่อจึงตั้งใจจะลุกไปกินด้วย แต่พอหันไปดันเห็นเป็นคุณยายคนหนึ่งใส่ผ้าถุงนั่งยอง ๆ กำลังกินกับแกล้มอยู่ คุณยายจึงหันมามองหน้าเพื่อนคนนี้ เมื่อทั้งสองมองหน้ากันคุณยายก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งแบบนั่งยอง ๆ กลับเข้าป่าทึบไป!(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เพื่อนรัก…ผู้ทำเสน่ห์ใส่สามีตัวเอง | อังคารคลุมโปง X มิ้น แม่แฟน [ 15 ก.ค.2568 ]

26 ก.ค. 2025

เพื่อนรัก…ผู้ทำเสน่ห์ใส่สามีตัวเอง | อังคารคลุมโปง X มิ้น แม่แฟน [ 15 ก.ค.2568 ]

เรื่องเล่าสุดหลอนจาก ‘คุณมิ้น แม่แฟน’ ที่มาเล่าเรื่องจากสองเพื่อนสนิทที่รักผู้ชายคนเดียวกัน แต่แล้วเพื่อนอีกคนได้หลีกทาง ยอมให้เพื่อนอีกคนได้มีความสุขกับผู้ชายคนนั้น จนกระทั่งผู้ชายคนนั้นป่วยเป็นอัมพฤกษ์! เรื่องราวของสองเพื่อนสนิทจะเป็นอย่างไร? อะไรที่ทำให้ผู้ชายคนนี้ป่วยเป็นอัมพฤกษ์? และความสัมพันธ์ของทั้งสามคนจะเป็นอย่างไร? ติดตามบทสรุปของเรื่อง ‘เพื่อนรัก...ผู้ทำเสน่ห์ใส่สามีตัวเอง’ ในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (15 กรกฎาคม 2568) ไปพร้อมกับ ‘ดีเจเชาเชา’ และ ‘ดีเจโซเซฟ’ แล้วคุณอาจะพบว่า การทำเสน่ห์ไม่ได้มีแต่เรื่องดีเสมอไป! ‘คุณมิ้น’ ได้เล่าว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของแฟนคลับที่ชื่อว่า ‘พี่ฟ้า’ เป็นเรื่องเกี่ยวกับเพื่อนสนิทที่ชื่อ ‘คุณจอย’ ซึ่งทั้งคุณฟ้าและคุณจอยเป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียน เมื่อเรียนจบก็มาทำงานที่เดียวกัน แต่คนละแผนก มีหัวหน้าคนเดียวกันชื่อ ‘พี่ทอม’ เป็นหัวหน้าที่ทั้งหนุ่มและหน้าตาดี ขณะเดียวกัน ทั้งคุณฟ้าและคุณจอยก็ยังโสด คนในองค์กรต่างรู้กันมาว่าพี่ทอมน่าจะเคยแต่งงานแล้ว แต่ได้หย่าร้างกันไป สถานะตอนนี้จึงโสด นั่นทำให้สองเพื่อนสนิทอย่างจอยและฟ้าต่างชื่นชอบ ฟ้านั้นรู้สึกว่าพี่ทอมชอบตน แต่ด้วยความรักเพื่อน จึงถอยออกมาและเปิดทางให้จอยแทน ส่วนทางด้านจอยก็พยายามทำทุกอย่างให้ได้เลื่อนตำแหน่งเพื่อที่จะได้เข้าใกล้พี่ทอมมากขึ้น โดยจอยได้พูดกับฟ้าอยู่เสมอว่า “ถ้าครั้งหนึ่งในชีวิตจะแต่งงาน หรือจะมีแฟน ก็ต้องเป็นพี่ทอม” ท้ายที่สุด จอยก็ทำสำเร็จและได้คบกับพี่ทอม จนหลายคนในออฟฟิศต่างฮือฮาและชื่นชมว่าเป็นคู่ที่เหมาะสม ชีวิตดูดี ลงตัวไปเสียหมด เวลาผ่านไปจนคบกันได้ 2 ปี พี่ทอมก็ขอจอยแต่งงาน ฟ้าและจอยยังคงเป็นเพื่อนสนิทกันเหมือนเดิม ส่วนทางฟ้าเองก็มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน จนเริ่มอยากมีบ้าน และเห็นว่าพี่ทอมกับจอยซื้อบ้านอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เป็นบ้านมือสองแบบรีโนเวท ทางฟ้าเองก็มองว่าบ้านสวยดี จึงตัดสินใจไปซื้อบ้านในหมู่บ้านเดียวกัน อยู่ห่างกันประมาณ 2 หลัง ฟ้าบอกว่าสาเหตุที่ตัดสินใจแบบนี้ก็เพราะมองว่า ถ้าวันหนึ่งไม่ได้มีครอบครัวหรือไม่ได้มีลูกก็จะอยู่กับเพื่อน ทางด้านพี่ทอมเองก็ดีกับฟ้าด้วย ถือว่าเป็นแฟนเพื่อนที่ดี เวลาผ่านไปทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ เข้าปีที่ 3 หลังแต่งงาน เกิดเหตุไม่คาดฝัน พี่ทอมเส้นเลือดในสมองแตก กลายเป็นอัมพฤกษ์ถึงขั้นพูดไม่ได้ ทำให้ชีวิตจอยเปลี่ยน ซึ่งในช่วงแรกจอยยังคงทำงานอยู่ จึงใช้วิธีให้ญาติมาช่วยดูแลแทน พี่ทอมเองที่เป็นหัวหน้าในบริษัท ก็ได้รับเงินมาก้อนหนึ่งให้ออกมารักษาตัว และต้องออกจากงานเพราะไม่สามารถทำงานได้ ทางด้านฟ้าเองก็อาสาเข้าไปช่วยดูแล สถานการณ์ยังคงย่ำแย่ จอยที่ทั้งทำงานและดูแลพี่ทอมไปด้วยไม่ไหว จึงคิดจะลาออก ฟ้าก็คอยปลอบใจเพื่อน และแนะนำให้ออกมาทำอาชีพอื่นแทน อย่างการขายของออนไลน์ หากถ้ามีอะไรขาดเหลือ ฟ้าจะช่วย เพราะฟ้าไม่ได้มีภาระอะไรมากมาย อีกทั้งอาการพี่ทอมก็ไม่สู้ดี เวลาผ่านไป อาการพี่ทอมทรุดหนักมากขึ้น ต้องรับยาที่โรงพยาบาลถี่ขึ้น แต่การรับยานี้พี่ทอมไม่จำเป็นต้องไป ให้ญาติไปรับแทนได้ กระทั่งมีอยู่วันหนึ่ง จอยต้องออกไปรับยาที่โรงพยาบาลตั้งแต่ตี 5 เพื่อต่อคิว จะกลับมาก็เป็นเวลาเที่ยง จึงขอให้ฟ้ามาช่วยเฝ้าพี่ทอมแทน ฟ้าที่ไม่ติดอะไรและพร้อมช่วยเพื่อนเสมอก็ตอบตกลง จอยจึงลิสต์สิ่งที่ต้องทำไว้ให้ เมื่อวันนั้นมาถึง ฟ้าก็ไปที่บ้าน ไขกุญแจเข้าไปตามที่จอยบอก เมื่อเดินเข้าไปชั้นหนึ่ง ก็จะพบพี่ทอมนอนอยู่กลางบ้าน ปลายเท้ามีทีวี ลักษณะเป็นห้องนั่งเล่น ในตอนนั้นพี่ทอมยังไม่ตื่น ฟ้าจึงเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยเปื่อย ไม่นานฟ้าก็เริ่มหิว จึงคิดว่าจะเดินออกไปตลาดที่หน้าหมู่บ้าน แต่ทว่าการเดินไป-กลับต้องใช้เวลามาก ทำให้กังวลกลัวว่าพี่ทอมตื่นมาจะไม่เจอใคร จึงเปลี่ยนใจเดินไปที่ครัวเพื่อดูว่าพอจะมีอะไรกินได้บ้าง โชคดีที่ยังมีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเหลืออยู่บ้าง ฟ้าจึงจัดแจงต้มบะหมี่ หลังจากต้มเสร็จก็เดินออกมากินตรงโซฟาที่ห้องนั่งเล่น เพื่อที่จะนั่งเฝ้าพี่ทอม ขณะที่กำลังถือชามบะหมี่ออกมา ช่วงฟ้าเริ่มสว่าง เวลา 7 โมงเช้าแล้ว แต่ฟ้ากลับเห็นผู้หญิงคนหนึ่งคล้ายเงาดำยืนอยู่ข้างหัวเตียงพี่ทอม ทว่าเงานั้นไม่ได้มองมาที่ฟ้า กลับมองไปที่พี่ทอม ในใจฟ้ารู้แล้วว่าตอนนั้นเจอเข้ากับอะไร แต่ก็ไม่กล้าส่งเสียงออกไป ทำได้เพียงมองค้างไว้ทั้งอย่างนั้น พลางคิดในใจว่า ‘อย่าหลอกฉันนะ’ ขณะนั้นเอง ราวกับเงาดำสัมผัสได้ถึงเสียงใจฟ้า เพราะเงาดำได้หันมามองที่ฟ้า ฟ้ารีบหลับตาเพราะไม่อยากเห็น ทั้งยังพูดพึมพำไปด้วยว่า “อย่าหลอกฉันนะ” ฟ้าคิดว่าในใจว่านี่อาจเป็นเจ้าที่หรือผีบ้านผีเรือน ขณะที่หลับตาอยู่นั้น ชามบะหมี่ก็หลุดจากมือ และมวลรู้สึกที่ถูกกดดันก็ค่อย ๆ จางหายไป จากนั้นฟ้าก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา เงาดำนั้นหายไปแล้ว กลายเป็นพี่ทอมที่สะดุ้งตื่นเพราะเสียงชามบะหมี่ตกพื้นเสียงดัง พี่ทอมทำหน้าเหมือนอยากจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น ฟ้าจึงตอบไปว่า “ไม่มีอะไรพี่ น้ำร้อนมันลวกมือ” แล้วฟ้าก็เริ่มจัดการเก็บเศษชามและบะหมี่ที่หกเกลื่อนกลาดให้เรียบร้อย หลังจากเจอเรื่องที่ไม่คาดคิดเช่นนี้ ฟ้าก็เปิดไฟให้ทั่วบ้าน และโทรศัพท์หาแม่ของตน เพื่อเล่าเรื่องที่เจอให้ฟัง เมื่อฟังจบ แม่ฟ้าก็ได้ตอบกลับมาว่า “เป็นเจ้าที่ เจ้าทาง ผีบ้าน ผีเรือน หรือเปล่า แต่แบบนี้ไม่ดีนะ ถ้าเกิดมีคนป่วยอยู่ในบ้านแล้วเห็นวิญญาณแบบนี้ มันยิ่งเป็นพลังลบ ยิ่งทำให้คนป่วยอาการไม่ดี ให้จอยมันทำบุญบ้านบ้างสิ” ฟ้าจึงคิดว่าก็ดีเหมือนกัน และคิดว่าจะชวนจอยทำบุญบ้าน แต่ไม่คิดจะเล่าเรื่องที่ตนเจอให้จอยฟัง เพราะกลัวเพื่อนจะกลัวไปด้วย หลังจากนั้นช่วงประมาณเที่ยงกว่า จอยได้กลับมาถึงบ้าน ฟ้าจึงได้เอ่ยชวนก่อนว่า “จอย พวกเราไม่ได้ทำบุญบ้านกันมานานแล้วเนอะ พี่ทอมเขาก็ป่วยคงไปวัดไปวาไม่ได้ เราทำบุญบ้านกันดีไหม มันจะได้มีสิ่งดี ๆ เข้ามา เขาจะได้ฟังพระสวดบ้าง เสริมสิริมงคลกันนิดนึง” ทว่าจอยกลับตอบฟ้าไปว่า “ไม่ทำอะ” ตอนนั้นใจฟ้าเองเพียงคิดว่าเพื่อนอาจจะติดขัดเรื่องเงิน เพราะเพื่อนก็ไม่ได้ทำงาน เงินที่ใช้รักษาพี่ทอมเป็นเงินก้อนที่ใช้แล้วก็หมดไป อาจจะกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ฟ้าจึงได้เสนอไปว่า “เอ้ย เดี๋ยวจะออกให้ ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินนะ” ทว่าจอยดันโกรธขึ้นมา และหันกลับไปพูดใส่ฟ้าว่า “มึงไม่ต้องมายุ่งกับเรื่องครอบครัวกูได้ปะ” สิ้นประโยคนี้ ทำให้ฟ้าปรี๊ดขึ้นมาทันที เพราะตั้งแต่คบกันมาไม่เคยมาพูดต่อว่าอะไรกันแบบนี้ และได้พูดกลับไปว่า “อ้าว อะไรอะ แค่ชวนทำบุญบ้าน ทำไมต้องพูดจาแบบนี้ใส่” จอยก็ตอบกลับมาอีกว่า “ก็ไม่ทำอะ พูดไปแล้วไงว่าไม่ทำ จะเซ้าซี้ทำไม” ฟ้าที่โกรธเต็มที่จึงพูดว่า “เอาตรง ๆ นะ กูอะ เห็นผียืนอยู่ข้างผัวมึงก็เลยชวนทำบุญ” ฟ้าก็ได้เล่าถึงลักษณะของผีที่เห็นว่าเป็นอย่างไรให้จอยฟัง พอพูดเสร็จจอยก็นิ่ง และหันไปมองที่พี่ทอมที่มองทั้งคู่ทะเลาะกันมาตลอด ฟ้าจึงพูดต่อว่า “กูเป็นห่วง แต่ก็ไม่อยากพูด กลัวมึงกลัว ทำไมต้องมาว่ากันขนาดนี้ด้วย” สิ้นเสียงของฟ้า จอยก็ดึงมือฟ้าขึ้นไปที่ชั้น 2 และจอยก็เริ่มร้องไห้ ฟ้าตกใจจึงถามกลับไปว่าเป็นอะไร จอยจึงเริ่มเปิดปากเล่าว่า.. “มึงจำได้ไหม ตอนที่กูชอบพี่ทอมมาก ๆ กูทักหาไลน์หาเขาอยู่ตลอด แต่พี่ทอมไม่ได้สนใจเลย คุยด้วยน้อยมาก และรักษาระยะห่างทุกอย่าง กูเลยไปปรึกษาหมอคนหนึ่งที่เจอในออนไลน์ เกี่ยวกับเรื่องของการทำเสน่ห์ กูถามหมอแล้วนะว่าถ้าทำแล้วจะมีผลกับพี่ทอมมั้ย เขาบอกกูว่าไม่มี เป็นแค่การทำเสน่ห์ให้เขารู้สึกเมตตา มหานิยมเรา เดี๋ยวพอเขารักเขาชอบแล้วก็เลิกทำได้” ฟ้าฟังเพื่อนสนิทอย่างตั้งใจ และจอยได้เล่าต่อว่า จอยได้ตัดสินใจทำเสน่ห์ใส่พี่ทอม ตั้งใจเอาไว้ว่าจะทำไปจนถึงได้พี่ทอมเป็นแฟน จากนั้นจึงค่อยเลิก แต่พอได้เป็นแฟนกันแล้ว จอยก็อยากแต่งงานกับคนนี้ จึงไม่ได้เลิกทำเสน่ห์ และตั้งเป้าใหม่ว่า จะทำไปจนกว่าจะแต่งงานแล้วค่อยเลิกทำ สุดท้ายก็ได้แต่งงานกัน และจอยก็เลิกทำเสน่ห์ตามสัญญา ทว่าหลังจากที่เลิกทำเสน่ห์ไปได้ไม่กี่เดือน คุณทอมก็ได้เส้นเลือดในสมองแตก ทำให้จอยได้กลับไปปรึกษากับหมอคนนี้อีกครั้งว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับที่เลิกทำเสน่ห์หรือไม่ หมอตอบว่า “เกี่ยว” จอยสับสนและถามต่อไปว่า “อ้าว ไหนตอนนั้นบอกว่าทำแล้วไม่มีผล” แต่หมอก็ตอบกลับมาอีกว่า “ตอนนั้นที่ตกลงกันไว้คือแค่ให้ชอบไม่ใช่หรอ อันนี้คือคุณเลยมาเอง บางอย่างหรือวิญญาณที่มันอยู่ในของ ถ้าวันนึงเราไม่เลี้ยงเขาแล้ว เขาก็จะต้องหากินของเขาเอง ซึ่งสิ่งที่เขาจะกินอันดับแรกคือเป้าหมายที่เคยมีคนสั่งให้เขาทำ และนั่นคือตัวของทอม” พอฟ้าได้ฟังมาถึงจุดนี้ ก็รู้สึกว่าเพื่อนอาจจะพลาดพลั้งไป จึงให้โอกาสเพื่อนและบอกกับจอยไปว่า “ไม่เป็นไรดิ งั้นเดี๋ยวเราไปลองไหม ไปหาคนที่เขาเก่ง ๆ มาปลดปล่อยวิญญาณนี้ไป มันน่าจะทำได้ดิ” จอยให้เหตุผลกลับมาว่า “ไม่ได้มึง เพราะหมอคนที่เขาทำให้เขาบอกว่า ถ้ากูแก้เมื่อไหร่ของจะเข้าตัวกู” ฟ้ารีบบอกเพื่อนไปว่า “แล้วยังไงอะ ถ้าเข้าตัวมึง มึงก็แก้อีกทีไง” แต่จอยก็บอกด้วยเสียงเหนื่อยใจว่า “มึง ถ้าพี่ทอมหายมา เขาก็ไม่เหมือนเดิมแล้วนะ อาจจะเดินหรือทำงานเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว” คำพูดที่จอยพูดกับฟ้า ทำให้ฟ้ารู้สึกว่าจอยเห็นแก่ชีวิตตัวเองอย่างเดียว ตนนั้นรับไม่ได้ จึงทำได้แค่บอกไปว่า “โอเค” จากนั้นฟ้าก็เดินออกมาจากบ้านนั้นทันที แต่ในระหว่างที่เดินออกไป ฟ้าก็ได้เดินผ่านพี่ทอม และรู้สึกสงสารพี่ทอมจับใจ เพราะครั้งหนึ่ง ฟ้าก็เคยชอบผู้ชายคนนี้เหมือนกัน ขณะที่ฟ้าเดินออกจากบ้าน ก็ยังคงได้ยินเสียงเรียกจากเพื่อนสนิทดังมาจากข้างหลัง แต่ฟ้าก็เลือกที่จะไม่สนใจ เวลาผ่านไป จอยก็พยายามส่งข้อความมาหา เล่าว่ามีเหตุผลอะไรที่ทำให้ต้องทำ ฟ้าทำได้เพียงแค่อ่าน แต่ไม่ตอบอะไรกลับไป ไม่นาน ฟ้าก็เลี่ยงที่จะเจอจอย โดยการลาออกจากที่ทำงาน แม้กระทั่งขับรถผ่านบ้านก็ไม่หันไปมอง ไม่นาน ฟ้าก็ทราบข่าวว่าพี่ทอมเสียชีวิตแล้ว และก็เห็นว่าที่หน้าบ้านของจอยมีประกาศขาย แต่ไม่สามารถรู้ได้ว่าชีวิตหลังจากนี้ของจอยจะเป็นอย่างไร แต่ตัวของฟ้าเองก็ได้มาเสียเพื่อนเพราะเรื่องนี้..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1