เรื่องหลอนสุดสยองในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (18 กรกฎาคม 2566) ที่ผ่านมา เป็นเรื่องผีที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล ถูกบอกเล่าโดยคุณพยาบาลเนฟ ที่ฟังแล้วต้องเสียวสันหลัง!

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 3-4 ปีที่แล้ว ตอนนั้นคุณเนฟเรียนจบพยาบาลและได้เข้าทำงานที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ตอนนั้นคุณเนฟทำงานในห้องสวนหัวใจ ซึ่งเป็นห้องที่ใช้ทำหัตถการใส่ขดลวดในเส้นเลือดหัวใจ กรณีมีภาวะเส้นเลือดหัวใจอุดตัน โดยเป็นเวรช่วง 8 โมงเช้าจนถึง 4 โมงเย็น และมีบ้างบางครั้งที่ต้องนอนหอใกล้โรงพยาบาล เพื่ออยู่เวรรอเรียก หากมีเคสฉุกเฉินกลางดึก
เพื่อให้นึกภาพตามได้สะดวก คุณเนฟจึงอธิบายลักษณะสถานที่ทำงานให้ดีเจทั้ง 2 ฟัง ห้องสวนหัวใจที่ทำงานนั้นมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าเชิงลึก ตรงประตูทางเข้าด้านหน้าจะถูกล็อคเอาไว้ตลอดเวลา โดยจะเปิดได้จากทางด้านในอย่างเดียว พอเข้าไปก็จะเจอกับเคานเตอร์พยาบาลก่อน แล้วจึงเป็นกำแพงใหญ่กั้นอยู่ มีประตูใหญ่กันกัมมันตภาพรังสี เพราะต้องมีการทำหัตถการที่ต้องยิงรังสีเอ็กซ์เรย์ ภายในห้องจะมีเตียงทำหัตถการคนไข้กับเครื่องยิงรังสีเอ็กซ์เรย์ตั้งอยู่ตรงกลางห้อง ด้านซ้ายมีจอมอนิเตอร์ที่นักเทคนิคการแพทย์ใช้ดูและสื่อสารกับหมอ รอบห้องก็มีอุปกรณ์ที่ใช้ในการช่วยชีวิตต่าง ๆ เช่น เครื่องช็อกไฟฟ้าหัวใจ เป็นต้น ลักษณะการเปิดไฟในห้องนี้คล้ายกับการเปิดไฟในห้องผ่าตัด คือเน้นสว่างตรงกลางเตียง แล้วค่อยไล่ระดับไฟให้มืดลงไปจนถึงขอบห้อง ตรงมุมห้องก็ยังพอมองเห็นได้แต่จะมืดกว่าตรงกลางห้อง
ในคืนหนึ่ง คุณเนฟอยู่เวรรอเรียก เวลาตีสองครึ่งโดยประมาณก็มีสายจากโรงพยาบาลโทรแจ้งว่ามีเคสฉุกเฉินคนไข้หัวใจหยุดเต้นมาตั้งแต่ที่บ้าน ตอนนี้ทำ CPR อยู่อย่างต่อเนื่องและกำลังเดินทางมาโรงพยาบาล เมื่อได้ยินดังนั้น คุณเนฟก็รีบมาที่โรงพยาบาล พอมาถึงก็วิ่งไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเตรียมอุปกรณ์ ยืนประจำตำแหน่งของตัวเองพร้อมกับทีมบุคคลากรทางการแพทย์คนอื่น

ไม่นาน คนไข้ก็มาถึงห้องสวนหัวใจพร้อมมีเครื่องช็อกไฟฟ้าหัวใจยังติดอยู่ที่ตัว พยาบาลห้องฉุกเฉินรีบส่งเวรให้กับทีมคุณเนฟ ผู้ป่วยรายนี้ได้รับการ CPR จนชีพจรกลับมาแล้ว แต่ยังมีช่วงคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่อันตรายอยู่ คือหัวใจยังคงเต้นถี่มาก รวมถึงลักษณะของคลื่นยังบ่งชี้ว่ากล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดรุนแรง ทีมของคุณเนฟจึงย้ายคนไข้ขึ้นบนเตียงเพื่อเตรียมทำหัตถการ
จังหวะนั้นทุกวินาทีคือชีวิตคน ทีมคุณเนฟไม่มีเวลาแม้กระทั่งเปลี่ยนชุดให้คนไข้ คุณเนฟเห็นว่าคนไข้เป็นคุณป้าอายุประมาณ 66 ปี ใส่เสื้อกล้ามคอกระเช้าและผ้าถุงลายดอก พอย้ายคนไข้ขึ้นเตียงเรียบร้อยแล้ว หมอและพยาบาลจึงเริ่มทำหัตถการ แต่หลังจากการทำไปได้เพียง 10 นาที หัวใจคนไข้ก็หยุดเต้นอีกครั้ง
“วีที!” พยาบาลหัวหน้าเวรตะโกนบอกทีม หมายความว่าคลื่นไฟฟ้าหัวใจเป็นแบบที่ต้องทำการปั๊มหัวใจ ณ ขณะนั้นคุณเนฟผู้ที่นอกจากจะทำหน้าที่ให้ยาคนไข้แล้ว เธอยังต้องทำหน้าที่ปั๊มหัวใจด้วย คุณเนฟวิ่งขึ้นบันไดอันเล็กด้านข้างเตียงคนไข้แล้วทำ CPR ตอนนั้นคุณเนฟจะสลับการปั๊มกับพี่เทคนิคการแพทย์อีกคนหนึ่ง เมื่อถึงตาคุณเนฟต้องขึ้นมาทำการปั๊มหัวใจอีกรอบนึง ขณะที่ปั๊มอยู่คุณเนฟก็สังเกตเห็นอาจารย์หมอในทีมเหลือกตามองไปทางซ้าย ผิดจากปกติที่อาจารย์เป็นคนที่มีสมาธิตลอดเวลา ด้วยความสงสัยเธอจึงหันหัวไปดูตาม!
คุณป้าคนนั้นกำลังยืนอยู่ตรงมุมห้อง! มีทั้งเสื้อกล้ามคอกระเช้าและผ้าถุงไม่ผิดแน่ คุณป้ายืนมองมาที่ทีมคุณเนฟ และทันใดนั้นเพียงชั่วเสี้ยววินาที คุณเนฟก็รีบหันกลับมาที่ร่างของคนไข้แล้วเร่งมือทำการปั๊มหัวใจต่อ แต่ด้วยความตกใจกลัวกับสิ่งที่เห็น คุณเนฟจึงหันกลับไปกลับมาอย่างนี้อีก 3 รอบ จากนั้นก็เริ่มตัวชา แขนอ่อนแรง และขาสั่นไปหมด พยาบาลหัวหน้าเวรเมื่อเห็นว่าคุณเนฟเริ่มไม่ไหว จึงพยายามตะโกนดึงสติคุณเนฟ แล้วคุณเนฟก็กลับมาได้สติตามเดิม เธอลงมาจากเตียงเพื่อสลับกับพี่เทคนิคการแพทย์ แล้วรีบวิ่งไปเกาะแขนด้านหลังของพยาบาลหัวหน้าเวร ซึ่งในตอนนั้นเขาก็ตัวสั่นเหมือนกัน พยาบาลหัวหน้าเวรพยายามบอกกับคุณเนฟว่า “ตั้งสติ! ทำงานของเราให้ดีที่สุด”

คุณป้ายังยืนยู่ตรงนั้นเหมือนเดิมต่อไป ขณะที่ทั้งทีมพยายามช่วยชีวิต แต่สุดท้ายทีมของคุณเนฟก็ไม่สามารถช่วยชีวิตคุณป้าเอาไว้ได้ หมอได้ทำการตรวจร่างกายและถอดอุปกรณ์ช่วยหายใจออก เมื่อประเมินว่าคนไข้ได้เสียชีวิตแน่นอนแล้ว คุณป้าก็ยังยืนอยู่ตรงมุมห้องเหมือนเดิม ตอนนั้นคุณเนฟนึกถึงคำที่คนชอบพูดกันขึ้นมาได้เลยว่า “วิญญาณออกจากร่าง” หลังจากเหตุการณ์นี้จบลง คุณเนฟก็ต้องเคลื่อนย้ายร่างของผู้ตายไปไว้อีกห้องเพื่อทำการอาบน้ำเช็ดตัวก่อนเตรียมนำร่างไปไว้ในห้องเก็บร่างกาย คุณเนฟเห็นคุณป้าตลอดเวลาในขณะที่ทำการย้ายร่างไปอีกห้องหนึ่ง คุณเนฟพยายามบอกกับคุณป้าว่า “อย่าตามมานะ หนูกลัว” (เพราะคนที่ต้องอาบน้ำเช็ดตัวให้ร่างไร้วิญญาณก็คือคุณเนฟกับพี่พยาบาลอีกคนหนึ่ง)
แต่แล้วหลังจากนั้น คุณเนฟก็ไม่พบกับคุณป้าอีกเลยระหว่างทำการอาบน้ำแต่งตัว เมื่อเสร็จเรียบร้อยคุณเนฟก็ออกมาข้างนอก เห็นลูกชายของผู้ตายกำลังรอผลอยู่ เมื่อได้รับข่าวร้าย เขาก็ร้องไห้ออกมา ตอนนั้นคุณเนฟได้ยินพยาบาลหัวหน้าเวรบอกกับลูกชายคนไข้ว่า “เดี๋ยวพยาบาลขอเชิญเข้าไปในห้องสวนหัวใจหน่อย”
โดยปกติแล้วญาติจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้องนี้เลย เมื่อคุณเนฟเดินผ่านห้องสวนหัวใจอีกครั้ง จึงได้แต่เงี่ยหูฟังเพราะไม่กล้ามองเข้าไป คุณเนฟได้ยินพยาบาลหัวหน้าเวรบอกกับลูกชายว่า “ให้เชิญคุณแม่กลับบ้านด้วยนะคะ” ลูกชายของคนไข้ก็เริ่มสงสัยขึ้นมา แต่พยาบาลหัวหน้าเวรก็พยายามบอกเลี่ยงไปว่ามันเป็นธรรมเนียมของที่นี่ ลูกชายจึงตกลงทำตาม

เป็นความโชคดีของคุณเนฟที่ในหอเธอนอนกับพี่พยาบาลอีกคนหนึ่ง ไม่เช่นนั้นคุณเนฟคงดิ่งรถกลับบ้านตอนออกเวรคืนนั้นไปแล้ว และค่อยขอลาในวันต่อมา คืนนั้นคุณเนฟนอนหลับต่อได้ตามปกติ เมื่อต้องมาอยู่เวรในลักษณะเดิมอีก คุณเนฟก็ไม่เจอกับอะไรแล้ว หลังจากนั้นคุณเนฟก็ถามพี่เทคนิคการแพทย์ที่ทำงานคู่กันว่าเขาเห็นอะไรรึเปล่า เขาตอบว่าเขาก็เห็นเหมือนกัน
ทั้ง ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ เมื่อฟังเรื่องราวจนจบ ก็ทั้งกลัวทั้งชื่นชมทีมและคุณเนฟที่ทำงานกันอย่างเต็มที่ แม้จะกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ชวนหลอนก็ตาม..
(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่