เรื่องเล่าจาก 'แจ็ค The Ghost Radio' 'ผีผ่าห่ม' I อังคารคลุมโปง X แจ็ค The Ghost Radio [ 22 ต.ค. 2567]

อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจาก 'แจ็ค The Ghost Radio' 'ผีผ่าห่ม' I อังคารคลุมโปง X แจ็ค The Ghost Radio [ 22 ต.ค. 2567]

08 พ.ย. 2024

      ขนหัวลุกไปกับ ‘พี่แจ็ค The Ghost Radio‘ ที่ได้นำเรื่อง ‘ผีผ้าห่ม’ มาเล่าในรายการอังคารคลุมโปง X (22 ตุลาคม 2567) ให้ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม‘ ฟัง ซึ่งเป็นเรื่องสุดหลอนในห้องนอน จะหลอนขนาดไหน ไปอ่านพร้อมกันเลย!

      พี่แจ็คได้เล่าว่าเป็นเรื่องราวของ ‘คุณบี’ แฟนคลับรายการ The Ghost Radio เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อยังเป็นวัยรุ่น ซึ่งในขณะนั้นเองคุณบีก็มีรุ่นพี่ที่รู้จักแต่งงานที่จังหวัดเชียงรายและก็ได้เชิญชวนรุ่นน้องทุกคนไปร่วมงานแต่ง ซึ่งเพื่อนทุกคนก็วางแพลนเรื่องการเดินทางกัน ยกเว้นคุณบีที่ไม่สามารถแจ้งได้ว่าจะไปวันไหน อาจจะเป็นเพราะว่าอยู่ในช่วงเรียนหนัก จนคุณบีได้ตัดสินใจที่จะไปซึ่งเป็นวันก่อนวันแต่ง 1 วัน ตนไม่รู้ว่าจะเดินทางไปที่นั่นได้อย่างไร เนื่องจากเพื่อนต่างก็เดินทางกันไปก่อนแล้ว และรถโดยสารวันนั้นก็เต็ม คุณบีจึงคิดย้อนกลับไปใช้วิธีการในอดีตที่ตนเคยทำนั่นก็คือการโบกรถ จากนั้นก็ได้ทำการยืนโบกอยู่นานแต่ก็ไม่มีรถคันไหนจอด แต่สักพักหนึ่งก็มีรถกระบะขนตู้ไม้จอดแล้วก็ให้คุณบีติดท้ายกระบะไปด้วย

      โดยปกติแล้วคุณบีจะเป็นคนที่ห้อยพระ แต่ในขณะนั้นตนไม่ได้ห้อยจึงรู้สึกไม่สบายใจ มีสิ่งหนึ่งที่ตนทำแล้วจะช่วยทำให้รู้สึกอุ่นใจได้นั้นก็คือการไหว้ ไหว้ทุกอย่างที่ตนเห็นเพราะตนคิดว่ามันน่าจะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในขณะที่นั่งรถไปเรื่อย ๆ ก็มีจุด ๆ หนึ่งรถติดแถวยาวมาก คนขันรถจึงเดินลงมาบอกคุณบีว่า “โอ้ น่าจะอีกนานข้างหน้าเนี่ย มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นข้างหน้า” แล้วจู่ ๆ ตนก็ได้ยกมื้อไหว้ คนขับรถเห็นแบบนั้นก็เกิดความสงสัยแล้วถามว่า

      คนขับรถ : ไหว้อะไรเนี่ย? 

      คุณบี : ผมไม่ได้ไหว้อะไรครับ ผมแค่ขอพรให้คนที่เกิดอุบัติเหตุปลอดภัย ไม่เป็นอะไรมาก

      คนขับรถ : เป็นคนชอบไหว้ใช่มั้ย พี่ขับรถมามองกระจกหลังนั่งไหว้มาตลอดทางเลย

      คนในรถอีกคนหนึ่ง : ใช่ การไปไหว้อย่างงี้ บางที่มันไปไหว้ในสิ่งที่มันไม่ควรที่จะไปไหว้นะ ไหว้ไปไหว้มา ระวังจะไปเปิดเซ้นท์ตัวเองทำให้มองเห็นผีได้นะ

      เมื่อขับมาถึงจุดที่เกิดอุบัติเหตุ ก็ได้เห็นว่ามีผู้เสียชีวิตถูกคลุมผ้าอยู่ 2 ศพ คุณบีจึงได้ยกมือไหว้ขอให้ดวงวิญญาณไปสู่สุขคติ แล้วก็เดินทางกันต่อจนถึงแยกที่จะเข้าไปจังหวัดเชียงราย คุณบีก็ต้องลงจากรถเนื่องจากรถคันนี้ไม่ได้จะไปทางเดียวกันกับตน ทำให้ต้องโบกรถอีกคันเพื่อที่จะเข้าไปในตัวเมือง โบกอยู่สักพักหนึ่งก็มีรถเก๋งคนหนึ่งจอดรับ และก็ให้คุณบีติดรถไปด้วยเพราะไปที่เดียวกัน

      ระหว่างที่เดินทางอยู่นั้นเมื่อคุณบีเจออะไรก็จะไหว้อยู่เหมือนเดิม จนคนขับรถพูดว่า “น้องเป็นคนมือไม้อ่อนนะ ชอบไหว้”

      ต่อมาก็เดินทางจนมาถึงตัวเมือง ด้วยความที่คนขับรถเห็นคุณบีเป็นนักศึกษาจึงได้ให้เงิน 200 บาท ติดตัวเอาไว้ คุณบีขอบคุณและลงจากรถ แล้วก็ให้รุ่นน้องมารับตนไปที่งานแต่งงาน คุณบีไปถึงเวลาประมาณ 5 โมงเย็น ซึ่งทันงานเริ่มพอดี คุณบีและเพื่อน ๆ ก็ได้มีการกินเลี้ยง พูดคุย สังสรรคกันจนกระทั่งเป็นเวลาเที่ยงคืน ทุกคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน รุ่นพี่ที่เป็นเจ้าภาพก็ได้เดินมาถามคุณบีว่า

      “จะนอนที่ไหน มีบ้านฝั่งตรงข้ามกับบ้านญาติให้นอนนะ”

      ซึ่งในรั้วบริเวณบ้านจะมีบ้านอยู่ 2 หลัง บ้านหลังแรกเป็นบ้านยกสูง ในตอนที่คุณบีได้เดินเข้าไปนั้นตนรู้สึกเหนื่อยจากการนั่งรถมานาน จึงตัดสินใจไม่พักบ้านหลังนี้ แล้วเดินไปที่บ้านอีกหลัง จากนั้นก็ค่อย ๆ เปิดประตูเข้าไป เข้าในได้พบกับคนจำนวนมากที่มานอนระเกะระกะเต็มไปหมด ตนจึงค่อย ๆ เข้าไปแล้วเดินข้ามคนที่กำลังนอนอยู่ เพื่อพยายามหาที่นอน บ้านหลังนั้นแทบจะไม่มีที่ที่สามารถแทรกนอนได้เลย พอเดินไปสุดบ้านก็เจอห้องน้ำ จึงได้ทำการล้างหน้าล้างตาและคิดว่าจะเดินกลับไปดูที่บ้านยกสูงอีกครั้ง

      ในขณะที่คุณบีกำลังจะเดินออกจากบ้านหลังนี้ ก็สังเกตเห็นห้องทางด้านซ้ายมือเปิดประตูไว้อยู่ จึงตัดสินใจลองเดินเข้าไปดู ก็พบกับห้องนอน ที่มีเตียง มีผ้าห่ม มีทุกสิ่งทุกอย่างแต่ไม่มีคนนอน ด้วยความที่คุณบีเพลียมาก จึงได้ทำการนอนทันทีโดยไม่ได้มีการอาบน้ำก่อน

      ระหว่างที่นอนอยู่นั้น ก็ฝันเห็นภาพห้องนอนห้องหนึ่ง มีผู้หญิงเดินไปที่มุมห้องใกล้ ๆ กับประตู แล้วทำท่าทีเหมือนกำลังทะเลาะด่ากับใครบางคน ตนได้ยินผู้หญิงคนนั้นพูดประมาณว่า “กูไม่ได้ทำ มึงมาใส่ร้ายกูทำไม มึงชอบมาใส่ร้ายกู”

      ในฝันนั้น คุณบีได้ลุกขึ้นแล้วพยายามเดินไปหาผู้หญิงคนนั้นแล้วถามว่า “พี่ พี่เป็นไรอะ มีอะไรให้ช่วยมั้ย?”

      แต่จู่ ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็หันหน้ามา! โดยหันมาแต่หัว แต่ตัวไม่ได้ขยับ! แล้วตะโกนใส่คุณบีว่า “มึงก็อีกคน! ออกไปจากห้องกู!”

      คุณบีสะดุ้งตื่นทันที แต่ก็ยังนอนอยู่แค่ไม่ได้ลืมตา สักพักหนึ่งตนก็รู้สึกหนาวที่ข้างซ้ายของตัว จึงเอามือคลำไป จนได้รู้ว่าผ้าห่มไปอยู่ฝั่งทางขวา จึงดึงผ้าห่มมาห่มแล้วก็นอนหลับ หลับได้ไม่นาน ก็รู้สึกหนาวฝั่งขวา ในตอนนั้นตนคิดว่าถูกเพื่อนแกล้งเพราะเห็นว่าผ้าห่มเทไปทางซ้าย ในขณะที่กำลังดึงผ้าห่ม ตนก็คิดว่าไม่น่าจะใช่เพื่อนแกล้ง เพราะเตียงนอนชิดกับผนัง ถ้าเพื่อนแกล้งจริง ๆ ก็ต้องปีนข้ามตัวคุณบีแล้วเตียงต้องยุบ คุณบีจึงดึงผ้าห่มมาคลุมโปงทันที สักพักหนึ่งผ้าห่มก็ค่อย ๆ ดึงลงไปทางขาพร้อมกับเสียงพูดว่า

      “มึงออกไปจากห้องกู มึงออกไปจากห้องกู”

      คุณบีพยายามดึงผ้าห่มสู้แต่ก็สู้ไม่ไหว แล้วผ้าห่มก็ถูกกระชาก! คุณบีตกใจตะโกนลั่นห้อง แล้วรีบเก็บของออกจากห้องทันที! ตนคิดว่าคงจะมีใครข้างนอกได้ยินแล้วมาช่วย แต่กลับกลายเป็นว่าคุณบีถึงกับช็อก เพราะว่าข้างนอกนั้นไม่มีใครนอนอยู่เลยซักคน!

      คุณบีวิ่งออกมานั่งตรงกองไฟ ในตอนนั้นเป็นเวลาประมาณตี 4 ต่อมาก็มีเพื่อนเดินมาถามว่า

      “เป็นอะไร?”

      คุณบีตอบไม่ได้เพราะกำลังตกใจกับสิ่งที่ตัวเองเจอ จนเวลาผ่านไปคุณบีก็ได้สติ เจ้าสาวได้เดินมาหาคุณบีแล้วถามว่า

      “เป็นไง เมื่อคืนนอนสบายมั้ย? เมื่อคืนนอนไหน”

      คุณบียังคงช็อกกับเรื่องเมื่อคืนทำให้ตอบไม่รู้เรื่อง เจ้าสาวจึงได้ถามต่อว่า

      “เป็นอะไร ไปเจออะไรมาในบ้านหลังนี้?”

      ตนจึงเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้เจ้าสาวฟัง เมื่อเจ้าสาวทราบเช่นนั้นจึงเรียกเพื่อนทุกคนมาแล้วถามว่าเมื่อคืนไปนอนที่ไหน เพื่อนก็ตอบกลับมาว่า “ไปนอนชั้นบน บ้านยกสูง เพราะหลังบ้านหลังนั้นเขาจะให้คนที่มากินทีหลังนอน คนที่เลิกก่อนขึ้นไปนอนบ้านยกสูง”

      สุดท้ายแล้วเจ้าสาวก็เล่าให้คุณบีฟังว่า “บ้านหลังนี้ มันเป็นบ้านของพี่คนหนึ่งอยู่กับแม่ ซึ่งเป็นแม่ผัวลูกสะใภ้ โดยที่พี่ผู้หญิงคนนี้ชอบโดนแม่มองผิด ๆ มาโดยตลอดว่าชอบไปไหนมาไหนกับผู้ชาย เขาไปกับผู้ชายจริง เขาเป็นเพื่อนและเขาไม่ได้ชอบผู้หญิง เขาเป็น LGBTQ พูดกับใครก็ไม่มีใครเชื่อเรื่อง เรื่องนี้เก็บไว้ในใจพี่ผู้หญิงมาตลอด มีวันหนึ่งก็ออกไปกับเพื่อนผู้ชายคนนี้ แล้วก็เกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ คอหักตายทั้งคู่ แล้วพี่คนนี้เป็นคนหวงของหวงบ้านมากและเป็นคนที่รักความสะอาดมาก”

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

related อังคารคลุมโปง RECAP

เจอดีทั้งบ้าน! เมื่อเข้าพักโรงแรมดังในห้องหมายเลข 329

21 ส.ค. 2023

เจอดีทั้งบ้าน! เมื่อเข้าพักโรงแรมดังในห้องหมายเลข 329

‘ตั้ม The Shock’ กลับมาเล่าเรื่องหลอนในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (15 สิงหาคม 2566) ได้ฟังอีกครั้ง กับเรื่องที่มีชื่อว่า ‘ห้อง 329’ ซึ่งมีพื้นฐานมาจากคดีจริงเมื่อปี 2550 เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ปิดไฟแล้วไปอ่านเลย! เรื่องนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากคดีฆาตกรรมเมื่อปี 2550 ที่จ.นครราชสีมา มีแม่บ้านจากโรงแรมแห่งหนึ่ง ได้ขึ้นไปทำความสะอาดห้องพักที่ชั้น 3 หมายเลขห้อง 329 เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็ถึงกับต้องผงะ เพราะกลิ่นเหม็นสาบคาวเลือดพุ่งกระแทกจมูกเข้าอย่างจัง แถมยังลอยคละคลุ้งไปทั่วทั้งชั้น 3 อีกด้วย แม่บ้านจึงแจ้งเจ้าหน้าที่โรงแรม และติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมทั้งหน่วยกู้ภัย เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงก็ตรวจสอบพบว่า มีคราบเลือด คราบน้ำเหลืองอยู่บนเพดานห้อง กู้ภัยจึงเปิดฝ้าเพดานและได้เจอกับศพผู้หญิงคนหนึ่ง ทั้งร่างมีคราบน้ำเหลืองและเลือดไหลปะปนกัน ยิ่งเข้าไปใกล้ ๆ ก็ยิ่งส่งกลิ่นให้แรงทวีคูณ เจ้าหน้าที่จึงทำการเคลื่อนย้ายร่างผู้ตายเพื่อส่งไปชันสูตรหาตัวตนและสาเหตุการตายต่อไป ตัดภาพมาที่ ‘คุณโก้’ เจ้าของเรื่องหลอนในครั้งนี้ คุณโก้เป็นคนเชียงใหม่ มีธุรกิจอยู่ที่โคราช ทำให้ต้องไป ๆ มา ๆ ระหว่าง 2 จังหวัดนี้อยู่บ่อยครั้ง แต่หลังจากเจอวิกฤตโควิด-19 คุณโก้ก็ไม่ได้เดินทางมาที่โคราชเป็นเวลากว่า 3 ปี หลังจากนั้น สถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย คุณโก้จึงเดินทางไปที่โคราชอีกครั้ง ในครั้งนี้มีครอบครัวที่ประกอบไปด้วย คุณแจง (นามสมมุติ) ผู้เป็นภรรยาและ น้องจอย (นามสมมุติ) ลูกไปด้วย เมื่อถึงวันเดินทาง คุณโก้ก็ได้มาพักที่โรงแรมแห่งนี้ เป็นห้องชั้น 3 หมายเลข 329 ซึ่งปกติแล้วคุณโก้ก็เคยมาพักที่นี่ แต่ก็ได้ห้องชั้นอื่นตลอด คุณโก้เช็คอินเข้าห้องพัก กระเป๋าและสัมภาระก็ถูกขนขึ้นไปไว้บนห้อง ระหว่างนั้นครอบครัวคุณโก้ก็ออกไปรับประทานอาหารร้านประจำซึ่งมีพนักงานเสิร์ฟสาวที่รู้จักคุ้นหน้าคุ้นตากันดี เธอกล่าวทักทายคุณโก้ “สวัสดีค่ะคุณโก้ มาเที่ยวเหมือนเดิมเหรอคะ? แล้วพักที่ไหนคะ?” คุณโก้บอกชื่อโรงแรมไป แล้วเธอก็ถามต่ออีกว่า “แล้ว.. ห้องไหนคะ?” คุณโก้ก็ตอบไปตามปกติว่า “เมื่อก่อนได้ห้องชั้น 1 บ้าง ชั้น 2 บ้าง แต่รอบนี้ได้ห้อง 329 เหมือนจะเลขสวยด้วยน้า” เด็กเสิร์ฟที่กำลังตักข่าวอยู่ก็หยุดชะงัก จากนั้นก็เดินหนีออกไปโดยที่ไม่พูดอะไรเลย! คุณโก้ได้แต่สงสัยว่าทำไมเธอจึงเดินหนีออกไปแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรต่อ หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย ครอบครัวของคุณโก้ก็กลับมาที่โรงแรม เมื่อถึงโรงแรม คุณแจงและน้องจอยโก้ก็ขึ้นไปบนห้อง ส่วนคุณโก้นั้นลงมาซื้อขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มเผื่อหิวกลางดึก ในระหว่างนั้น น้องจอยก็เข้าไปแปรงฟันในห้องน้ำ สักพักก็เดินออกมาแล้วบอกว่า “แม่ มีผู้หญิงอยู่ในห้องน้ำ” คุณแจงบอกกับลูกว่า “ไม่มีหรอกลูก ผู้หญิงที่ไหน เราอยู่กันสองคน” น้องจอยก็ยืนยันว่ามีจริง คุณแจงคิดว่าน้องจอยไม่ได้โกหกแต่อาจจะเป็นจินตนาการของน้องจอยที่คิดไปเอง “งั้นพาแม่ไปดูหน่อยสิ้” น้องจอยก็พาคุณแจงเดินเข้าไปในห้องน้ำ แต่คุณแจงก็ไม่เจออะไร จึงถามน้องจอยว่าเจอผู้หญิงตรงไหน น้องจอยก็ชี้ไปที่อ่างน้ำ แต่ในเมื่อไม่เห็นอะไรผิดปกติ คุณแจงจึงพาน้องจอยออกมาเพื่อเตรียมตัวเข้านอน เป็นจังหวะเดียวกับที่คุณโก้กลับมาเข้าที่ห้องพอดี คุณโก้และคุณแจงนอนอยู่บนเตียงด้วยกัน ส่วนน้องจอยจะนอนอยู่บนเตียงเด็กที่เตรียมมาเองในตำแหน่งปลายเตียงของพ่อแม่ คุณโก้บอกให้คุณแจงและน้องจอยรีบนอน เพราะพรุ่งนี้หลังจากทำธุรเสร็จแล้ว จะพาไปเที่ยวสวนสัตว์ด้วยกัน ทุกคนดูกระตือรือร้นที่จะได้ไปเที่ยว คุณโก้จึงปิดไฟเหลือไว้เพียงแสงจากโทรทัศน์ หลังจากนอนไปได้สักพัก คุณแจงที่มักจะนอนหงายอยู่ฝั่งขวา ก็เริ่มรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก รู้สึกอบอ้าวและร้อนไปหมดทั้งตัว แถมยังรู้สึกระคายเคืองที่คอ และยังได้ยินเสียงเหมือนคนสำลักออกมาด้วย คุณแจงตื่นขึ้นมาแต่ก็ขยับตัวไม่ได้ ทำได้เพียงชำเลืองหางตาไปทางขวามือที่คุณโก้นอนอยู่ ก็เห็นว่ามีผู้หญิงผมยาวนั่งก้มหน้าในมุมมืดข้างเตียง ลิ้นจุกอยู่ที่ปากส่งเสียงสำลักในคอมาเป็นระยะ! คุณแจงที่ยังขยับตัวไม่ได้ก็สังเกตเห็นอีกว่ามือของผู้หญิงคนนั้นเอือมมาบีบคอตัวเองอยู่! คุณแจงพยายามดิ้นและนึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สักพักก็หลุดพ้น คุณแจงลุกขึ้นมานั่งแล้วสะกิดคุณโก้เสียงเบาเพราะกลัวว่าลูกจะตื่น คุณแจงบอกว่าตนนั้นโดนผีหลอก คุณโก้ปลอบใจและพยายามบอกว่าอาจจะเหนื่อยมากไปเพื่อให้คุณแจงใจเย็นลง หลังจากใช้เวลาสักพัก คุณแจงก็ยอมนอนต่อแต่โดยดี เมื่อคุณแจงหลับไป คุณโก้ที่ปกติแล้วชอบนอนตะแคงก็รู้สึกได้ว่าเหมือนมีคนมากอดจากข้างหลัง จึงคิดว่าอาจจะเป็นคุณแจง แต่มันแปลกตรงที่การกอดมันแน่นรุนแรงขึ้น และยังรู้สึกอีกว่าแขนที่มากอดมันหนักเกินกว่าจะเป็นแขนของภรรยาได้! จากนั้นก็เริ่มได้กลิ่นแปลก ๆ และรู้สึกว่าแขนนั้นมันเปียกชื้นแฉะ คุณโก้จึงหันไปมอง ก็เห็นเป็นผู้หญิงผมยาว ลิ้นจุกปาก น้ำเหลืองและน้ำเลือดไหลออกจากตา สำลักในลำคอของเธอก็ดังขึ้นเป็นระยะพร้อมกับสายตาน่ากลัวที่มองคุณโก้! คุณโก้ตกใจดิ้นหลุดจนตกลงมาซอกเตียง หลังจากควบคุมสติได้ก็มองขึ้นบนเตียงอีกที ทุกอย่างก็หายไป! คุณโก้ใช้มือยันพื้นหลังติดผนังแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน จังหวะนั้นก็ได้ยินเสียงกุกกักจากข้างบนฝ้าตามมาด้วยเสียงสำลักในลำคอดังขึ้นมาอีก! คุณโก้รู้สึกว่าสิ่งที่อยู่ข้างบนนั้นมันกำลังจะร่วงลงมา จากนั้นฝ้าก็เผยอเปิดออก! คุณโก้รีบไปดึงตัวคุณแจงและน้องจอยออกจากห้องโดยที่ไม่พูดอะไรและทิ้งของทุกอย่างไว้ที่ห้องนั้น แล้วขับรถออกจากโรงแรมทันที! เมื่อมาถึงอีกโรงแรม คุณโก้ก็บอกน้องจอยแค่ว่า “พ่อนัดเพื่อนไว้ ลูกขึ้นไปนอนก่อนนะ” คุณแจงและน้องจอยก็ขึ้นไปบนห้อง คุณโก้นั่งอยู่ที่ฟร้อนโรงแรมเพื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น จากนั้นก็เห็นป้อมยามของโรงแรม จึงไปเดินถามเพราะคิดว่าถ้าเป็นเรื่องผีจริง คนที่จะรู้มากที่สุดก็คงจะเป็นคนในพื้นที่ ก็เจอลุงคนหนึ่งนั่งอยู่ในป้อมยาม คุณโก้เล่าให้คุณลุงฟังว่าเจออะไรมาบ้าง พร้อมกับบอกชื่อโรงแรมที่เจอ คุณลุงถามกลับมาทันทีว่า “329 ใช่มั้ย?” คุณโก้พยักหน้าตอบ คุณลุงจึงเล่าเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น นั่นทำให้คุณโก้ตัดสินใจว่าหลังจากนี้ จะไม่มาพักที่โรงแรมต้นเรื่องอีก ต้นตอของคดีฆาตกรรมห้อง 329 คือมีผู้หญิงคนหนึ่ง เธอมีสามีอยู่ที่กรุงเทพฯ ทำอาชีพเป็นพนักงานนวดแผนโบราณ และมีงานพิเศษเป็นสาวอาบอบนวด ทำให้มีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาพัวพันด้วย ผู้ชายคนนี้ทำอาชีพเป็นช่างแอร์ เมื่อคบกันไปได้สักพัก ผู้ชายก็จับได้ว่าเธอมีสามีอยู่แล้ว ทั้งคู่นักมาเคลียร์ใจกันที่โรงแรมนี้ในห้อง 329 เมื่อตกลงกันไม่ได้ ฝ่ายชายเกิดบันดาลโทสะบีบคอฝ่ายหญิงจนเสียชีวิต ด้วยความที่เขาเป็นช่างแอร์ จึงนำศพของผู้หญิงอำพรางไว้ในช่องข้างฝ้าเพดานข้างบน จากนั้นก็ลงไปซื้อเครื่องดื่มขึ้นบนดื่มบนห้องอย่างใจเย็น จนกระทั่งถึงเช้าอีกวัน เขาก็เช็คเอาท์ออก หลังจากนั้น 3 วัน แม่บ้านก็เข้ามาทำความสะอาดในห้อง จากนั้นก็แจ้งเจ้าหน้าที่และพบศพอยู่ข้างบนฝ้าในห้อง..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

พ่อแม่ใจสลาย.. ลูกสาวพลัดตกน้ำเสียชีวิต! มาเข้าฝันชาวบ้านบอกว่า “เขาไม่ให้หนูมา” เชิญวิญญาณกลับบ้านหลายครั้งก็ไม่เป็นผล จนได้มาดูดวง ถึงรู้ความจริง!

21 ธ.ค. 2023

พ่อแม่ใจสลาย.. ลูกสาวพลัดตกน้ำเสียชีวิต! มาเข้าฝันชาวบ้านบอกว่า “เขาไม่ให้หนูมา” เชิญวิญญาณกลับบ้านหลายครั้งก็ไม่เป็นผล จนได้มาดูดวง ถึงรู้ความจริง!

ฟังเรื่องสยองจากเรื่อง ‘ลูกสาวมึง กูขอนะ’ โดย ‘คุณขวัญ’ ไปพร้อมกับ ‘ดีเจมดดำ’ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ในรายการอังคารคลุมโปง X (19 ธันวาคม 2566) เรื่องจะหลอนแค่ไหน ไปอ่านกันเลย! จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีก่อนสมัยนั้นคุณขวัญมีอาชีพเป็นหมอดู และมีโอกาสได้เดินทางไปดูดวงที่ต่างอำเภอให้กับลูกดวงที่นัดไว้ เมื่อชาวบ้านละแวกนั้นทราบข่าวว่ามีหมอดูมาที่หมู่บ้านก็ให้ความสนใจ จึงได้ต่อคิวเพื่อดูดวงด้วย หลังจากที่ดูดวงให้ลูกดวงเสร็จก็เป็นคิวของสามีภรรยาคู่หนึ่ง ชื่อ ‘คุณโบว์’ และ ‘คุณแบงค์’ (นามสมมุติ) คุณแบงค์ดูดวงก่อนเป็นลำดับแรก แต่ยังไม่ทันได้เริ่ม คุณขวัญกลับเห็นเป็นภาพเด็กผู้หญิงผมสั้น ใส่เสื้อสีเขียวมะนาว ยืนบริเวณบ่อน้ำ และกำลังจ้องมองไปตรงนั้น เธอยืนนิ่ง และไม่ได้พูดอะไร คุณขวัญเห็นเช่นนั้น จึงถามกับคุณแบงค์ว่ารู้จักใครที่มีลักษณะแบบนี้หรือไม่ หลังจากที่คุณแบงค์ได้ยินคำถามก็เงียบไปสักพัก พร้อมกับน้ำตาคลอ จากนั้นน้ำตาก็ไหลออกมา คุณแบงค์เล่าว่า “ลูกสาวผมเองครับ น้องจมน้ำเสียชีวิตเมื่อปีที่แล้ว” จากนั้นก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกสาวให้คุณขวัญฟังว่า คุณโบว์ตั้งครรภ์ได้ 8 เดือน เป็นการท้องลูกคนแรก คุณโบว์รู้สึกปวดท้องมาก รุ่งขึ้นจึงเธอจึงรีบไปหาหมอเพื่อสอบถามอาการเบื้องต้น ปรากฏว่าคุณหมอแจ้งว่าลูกมีภาวะหัวใจล้มเหลว เนื่องจากขาดออกซิเจนเฉียบพลัน ซึ่งคุณหมอได้วินิจฉัยว่าเกิดจากสาเหตุสายรกพันคอ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกของคุณโบว์เสียชีวิตไป หนึ่งปีผ่านไปหลังจากเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น คุณโบว์ได้ตั้งครรภ์อีกครั้ง ตอนนั้นอายุครรภ์ได้ 4 เดือน คุณโบว์มีอาการปวดท้องซ้ำอีกครั้ง แต่เธอคิดว่าอาจจะเป็นเพียงอาการปวดท้องธรรมดา จึงตัดสินใจเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ แต่ปรากฏว่าในระหว่างที่เธอกำลังนั่งบนชักโครก เธอได้แท้งลูกอีกคนออกมาทันที! เธอตกใจมาก และรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เรื่องราวร้าย ๆ ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้จิตใจสามีภรรยาคู่นี้เศร้าหมอง แต่ไม่นานคุณโบว์ก็ได้ตั้งครรภ์อีกครั้งเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งครั้งนี้เธอคลอดได้ตามปกติ น้องเป็นเด็กผู้หญิงชื่อว่า ‘น้องน้ำ’ (นามสมมุติ) ชีวิตช่วงนั้นกำลังไปได้ดี จนน้องน้ำอายุได้ 7 ขวบ วันหนึ่ง น้องน้ำได้ไปเล่นกับเพื่อน เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่สนิทกัน พวกเขาไปที่ฟาร์มหมูในวันหยุด และในวันเดียวกัน ขณะที่คุณแบงค์และคุณโบว์กำลังจะออกไปขายของ จึงคิดว่าจะแวะรับลูกสาวไปด้วย แต่วันนั้นเป็นวันหยุด น้องน้ำอยากเล่นกับเพื่อนมากกว่าจึงปฏิเสธที่จะไปกับพ่อแม่ในวันนั้น 2-3 ชั่วโมงต่อมา คุณโบว์ได้รับโทรศัพท์จาก ‘แม่นิด’ (นามสมมุติ) แม่ของคุณแบงค์ พูดกับเธอว่า “น้องน้ำพลัดตกน้ำ และยังไม่พบร่าง” คุณโบว์ได้ยินเช่นนั้น ก็รีบโทรหาสามี ให้ไปยังจุดเกิดเหตุ เพราะทั้งคู่แยกกันไปขายของคนละที่ เมื่อคุณแบงค์มาถึงที่เกิดเหตุก็เห็นชาวบ้านกำลังมุงกันเยอะมาก แต่บางส่วนก็ช่วยดำน้ำหาร่างของน้องน้ำ เพราะยังไม่พบร่างของลุงและน้องน้ำในตอนนั้น คุณแบงค์จึงตัดสินใจที่จะลงไปช่วยหาลูกสาวอีกคน ขณะที่กำลังดำลงไปในน้ำ เขาก็รู้สึกว่ามีเท้าของใครบางคนมาสัมผัสตัว เขาจึงค่อย ๆ ดึงร่างนั้นขึ้นไปเหนือน้ำ ปรากฏว่าร่างนั้นคือลูกสาวของคุณแบงค์เอง ขณะที่นำร่างของน้องขึ้นมา ร่างของน้องก็อ้วกออกมาเป็นขนมจีนน้ำยาที่กินไปก่อนจะมาเล่นที่บ่อน้ำ จนกลายเป็นภาพติดตาของคุณแบงค์มาจนถึงทุกวันนี้ นั่นทำให้เขาไม่กินขนมจีนน้ำยาอีกเลย ไม่นานชาวบ้านที่กำลังดำน้ำอยู่ก็พบร่างของลุง ชาวบ้านจึงรีบนำร่างของทั้งคู่ส่งโรงพยาบาลทันที จากนั้นก็นิมนต์พระมาทำพิธีเรียกดวงวิญญาณกลับบ้าน ชาวบ้านเล่าว่าเหตุการณ์พลัดตกน้ำครั้งนี้มีถึง 3 ราย เสียชีวิต 2 รายเป็นน้องน้ำและลุงของน้องน้ำ แต่เพื่อนที่ไปเล่นด้วยในวันนั้นรอดมาได้ หลังจากนำร่างของทั้งคู่กลับมาทำพิธีกรรมทางศาสนา ชาวบ้านก็มารวมตัวกันที่บ้านของคุณแบงค์เพื่อมาช่วยงานศพ ในคืนนั้น ขณะที่คุณโบว์นอนหลับก็รู้สึกว่าเหมือนมีใครเดินอยู่บริเวณศีรษะ สักพักก็เหมือนมีมือกำลังมาดึงเส้นผมอยู่บ่อยครั้ง ตอนนั้นคุณโบว์คิดว่าเป็นน้องน้ำ เธอจึงไม่กล้าที่จะลืมตาหันไปมอง เพราะกลัวว่าลูกสาวจะหายไป จึงให้ลูกสาวดึงเส้นผมต่อไป หลังจากที่น้องน้ำจากไปครบ 100 วัน ทางครอบครัวตัดสินใจจะทำบุญให้ ระหว่างที่กำลังจัดเตรียมงาน ก็มีญาติคนหนึ่งรู้สึกเหมือนว่ามีอาการไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่นานเธอก็พูดขึ้นมาว่า “หนูพาเพื่อนมาด้วย แต่เพื่อนเข้ามาไม่ได้ เพราะเจ้าที่ไม่ให้เข้า อยากกินขนมจีนจังเลย” แล้วก็ร้องไห้ออกมา! คุณแม่นิดได้ยินเช่นนั้น ก็นำขนมจีนไปวางไว้ที่รูปน้องน้ำ คุณแบงค์สงสัยจึงถามแม่นิดว่าทำไมถึงมีขนมจีนมาวางตรงนี้ ทั้ง ๆ อาหารที่เตรียมไว้ก็เยอะอยู่แล้ว แม่นิดเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ฟัง ทั้งคู่รู้สึกไม่สบายใจจึงนิมนต์พระให้เรียกดวงวิญญาณลูกสาวกลับบ้านเพราะคิดว่าน้องน้ำยังกลับบ้านไม่ได้ หนึ่งเดือนต่อมา ชาวบ้านในละแวกนั้นเล่าให้ฟังว่าน้องน้ำมาเข้าฝัน “อยากกินเฟรนช์ฟรายส์จังเลย แต่เค้าไม่ให้หนูมา เค้าตีหนู” ทุกคนได้ยินแบบนั้นก็สงสัยว่าคือใคร ใครไม่ให้มา คุณโบว์และคุณแบงค์เริ่มกังวลขึ้นอีกครั้ง เพราะมีหลายคนที่มาเล่าให้ทั้งคู่ฟังว่าน้องน้ำมาเข้าฝัน จึงคิดว่าลูกสาวยังไม่สามารถกลับบ้านได้ และตัดสินใจไปนิมนต์พระเรียกดวงวิญญาณลูกสาวกลับบ้านอีกครั้ง หลังจากที่คุณแบงค์ได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับลูกสาวให้คุณขวัญฟัง ในวันถัดมา คุณขวัญจึงตัดสินใจที่จะไปยังสถานที่เกิดเหตุ แต่ถึงกับต้องขนหัวลุก เพราะสิ่งที่คุณขวัญเห็นคือร่างของวิญญาณสีดำมืด ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง กำลังโอบกอดร่างของน้องน้ำอยู่! คุณขวัญจึงรีบให้คุณโบว์จุดธูปเรียกลูกสาวกลับบ้านทันที และให้คุณแบงค์สตาร์ทรถรอ ภาพที่คุณขวัญเห็นหลังจากนั้นคือน้องน้ำพยายามตะเกียกตะกายขึ้นมาจากบ่อน้ำ จนมายืนอยู่ข้างหลังของคุณโบว์ คุณขวัญจึงบอกกับคุณโบว์ให้รีบไปที่รถ และห้ามหันหลังมองไปที่บ่อน้ำอีกเด็ดขาด! ขณะที่ทั้งหมดกำลังเดินไปที่รถ คุณขวัญก็ได้ยินเสียงของใครบางคนพูดขึ้นมาว่า “หนูจะไปไหน” ดวงวิญญาณของน้องน้ำที่ได้ยินดังนั้นก็ทำท่าว่าจะหันไปมอง คุณขวัญพูดขึ้นมาทันที “อย่าหันไปมองเด็ดขาด รีบเดินตามแม่ไป” จากนั้นทุกคนก็รีบขึ้นรถทันที หลังจากที่ทั้งหมดกลับมาถึงบ้าน คุณขวัญก็ได้เล่าทุกอย่างให้กับทุกคนฟังว่าจริง ๆ แล้วที่น้องน้ำยังไม่สามารถกลับบ้านได้ ก็เพราะมีดวงวิญญาณของผีพรายควบคุมดวงวิญญาณของน้องน้ำอยู่ และตั้งแต่ที่เธอได้ไปทำพิธี ดวงวิญญาณของน้องน้ำก็สามารถกลับบ้านได้ และดวงวิญญาณของน้องน้ำก็ไม่ได้มาปรากฏให้ใครเห็นอีกเลย..(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากเเพรว นฤภรกมล 'เสียงใคร' I อังคารคลุมโปง X จี๋ สุทธิรักษ์ - แพรว นฤภรกมล [ 20 ส.ค. 2567]

25 ส.ค. 2024

เรื่องเล่าจากเเพรว นฤภรกมล 'เสียงใคร' I อังคารคลุมโปง X จี๋ สุทธิรักษ์ - แพรว นฤภรกมล [ 20 ส.ค. 2567]

เรื่องราวนี้ ’แพรว-นฤภรกมล’ นักแสดงจากซีรีส์ ‘อังคารคลุมโปง: เอ็กซ์ตรีม’ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (20 สิงหาคม 2567) ขนหัวลุกไปกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ กับเรื่องราวทีมีชื่อว่า ‘เสียงใคร’ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันเลย โดยคุณแพรวเล่าว่า ย้อนกลับไปสมัยเรียนอยู่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งย่านรังสิต วันนั้นตนอยู่ที่หอพัก โดยปกติแล้วระแวกนั้นจะมีการละหมาดทำให้มีเสียงสวด แต่จะทำเป็นเวลา ซึ่งคุณแพรวรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ก็ใช้ชีวิตไปแบบทุกวัน แต่ก็มีเรื่องผิดปกติก็คือ คุณแพรวไปซอยข้าง ๆ มหาวิทยาลัย แล้วเห็นคุณลุงคนหนึ่งนั่งขายของอยู่ที่พื้น นั่นก็คือ ‘ตุ๊กตาปิ๊กกาจู’ แล้วก็จะมีเสียงหลอน ๆ วางอยู่ที่พื้น คุณแพรวพูดกับเพื่อนว่า ”อยากช่วยลุงเขาซื้อ” จากนั้น เพื่อนตอบมาเล่น ๆ ว่า “มันเป็นตุ๊กตาผีสิงหรือเปล่า“ ในใจคุณแพรวก็คิดว่าเพื่อนจะพูดแบบนั้นขึ้นมาทำไม สุดท้ายคุณแพรวก็ซื้ออยู่ดี แล้วก็เอาตุ๊กตากลับมาที่ห้อง โดยปกติแล้ว ห้องไม่เคยมีเรื่องอะไรเลย แต่วันนั้นคุณแพรวกับเพื่อนกำลังจะนอน ระหว่างที่นอนเล่นโทรศัพท์กันอยู่ สักพักได้ยินเสียงที่ฟังไม่รู้เรื่อง ดูไม่มีความหมาย เหมือนเสียงสวดมนต์ และมันดังอยู่ในห้อง เพราะเสียงละหมาดที่เคยได้ยินบ่อย ๆ จะฟังกี่ครั้งก็รู้สึกว่ามันดังมาจากนอกห้อง แต่ตอนนั้นรู้สึกว่าเสียงมันอยู่ในห้อง! ตอนแรกคุณแพรวก็คิดว่าเพื่อนแกล้ง เพราะปกติก็มีการเล่นกันอยู่บ้าง แต่จังหวะที่กำลังจะหันไป เพื่อนก็เขยิบตัวมาเบียดตน แล้วหันมาบอกว่า “มึง กูไม่ได้พูด” ตอนนั้นคุณแพรวรู้สึกเหมือนซีนในหนังมาก หลังจากนั้นก็ยืนขึ้น แล้วเปิดไฟ คุณแพรวก็พูดว่า “มันยังไงกันวะ” แล้วเพื่อนก็ตอบกลับว่า “หรือว่าเป็นเพราะตุ๊กตาที่ซื้อมา” ในใจก็คิดว่าเพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยมี แต่พอมีก็เกิดสิ่งนี้ คุณแพรวจึงเอาไปแอบไว้ในห้องเพื่อนในวันรุ่งขึ้น หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องที่ห้องเพื่อน ปกติแล้วคุณแพรวจะนอนอยู่ 2 ห้องคือเพื่อนคนแรก กับเพื่อนคนที่ 2 มีวันหนึ่งที่ต้องออกไปทำงานแล้วนัดกับเพื่อนคนที่ 2 ว่าจะกลับมานอนที่ห้องด้วย (ห้องที่เอาตุ๊กตามาแอบ) แต่ปรากฏว่าไม่ได้กลับไป เพื่อนคนนั้นบอกว่าเห็นคุณแพรวเดินมาที่หัวเตียง แล้วก้มมามอง ตอนแรกคิดว่าเป็นคุณแพรว แต่พอมองดี ๆ กลับไม่ใช่ เขาเป็นคนผมยาว แล้วมองไม่เห็นหน้า และได้ยินเสียงคนเข้าห้องน้ำบ่อย ๆ ทั้งที่อยู่คนเดียว แล้วหลังจากนั้นห้องนั้นก็เจอเรื่องอยู่บ่อย ๆ ซึ่งทุกวันนี้ก็ไม่รู้ว่าตุ๊กตานั้นไปอยู่ไหน แล้วก็ไม่รู้ว่าเสียงมากจากตุ๊กตาหรือไม่ แต่สำหรับตนแล้ว ตุ๊กตามันน่ารักมาก เพราะตอนไปซื้อก็มีหลายตัว แล้วเลือกหยิบมาแค่หนึ่งตัว จากนั้นก็ไม่เห็นลุงอีกเลย(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากโนอาร์ 'กองทัพผีที่เวียดนาม' I อังคารคลุมโปง X โนอาร์ ล่าท้าผี [17 ก.ย. 2567]

22 ก.ย. 2024

เรื่องเล่าจากโนอาร์ 'กองทัพผีที่เวียดนาม' I อังคารคลุมโปง X โนอาร์ ล่าท้าผี [17 ก.ย. 2567]

เรื่องราวนี้ ’คุณโนอาร์’ ได้นำมาเล่าให้แฟนรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (17 กันยายน 2567) ขนหัวลุกไปกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจ็ม’ กับเรื่องราวทีมีชื่อว่า ‘กองทัพผีที่เวียดนาม’ จะหลอนขนาดไหนนั้น ไปอ่านกันเลย! คุณโนอาร์เล่าว่า เมื่อวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่าน ตนได้เดินทางจากกรุงเทพฯไปเวียดนาม ซึ่งก็มีแพลนที่จะไปเที่ยว แต่คิดว่า ‘ไหน ๆ ก็จะไปเที่ยวแล้ว ขอแวะเรื่องงานสักหน่อย’ จึงหาข้อมูลสถานที่ แต่โรงพยาบาลร้างหรือตึกร้างนั้น ไม่สามารถเข้าได้ด้วยเรื่องกฎหมายของเวียดนาม แต่ก็ได้แฟนคลับชาวเวียดนามมาเป็นไกด์เพื่อพาไปสถานที่เที่ยวต่าง ๆ โดยมีสมาชิก 3 คนคือ ตนเอง แฟน และน้องทีมงาน เมื่อไปถึงก็ไปเที่ยวตามปกติ พอตกเย็น ตนก็ถามกับไกด์ว่า “พอจะมีสถานที่ที่ผมจะไปสำรวจได้มั้ย?” ไกด์จึงพาไปที่วัดของเวียดนาม โดยมีสุสาน พระที่นั่นลักษณะคล้ายพระจีนแต่อาจจะนับถือคนละนิกาย ไกด์บอกว่า ที่เวียดนามนั้นไม่เหมือนไทย เวลาสำรวจต้องระวังเรื่องคนเข้ามาเสพยา หรืออะไรต่าง ๆ ตนก็โอเคเข้าใจข้อจำกัดและข้อควรระวัง พอมาถึงที่วัด ไกด์ก็รออยู่บนรถ ไม่ลงมาด้วย เพราะเขาเป็นคนกลัวผี คนที่ไปสำรวจก็จะมีแค่พวกของตน 3 คน ด้วยความที่ตนไม่รู้ว่าต้องทำตัวอย่างไรเพราะต่างที่ต่างถิ่น จึงหาจุดที่สามารถตั้งกองเล็ก ๆ ได้ ด้านในวัดจะมีสุสานทั้งฝั่งซ้ายและขวา ซึ่งจะมีรูปปั้นเจ้าแม่องค์ใหญ่ แล้วรูปปั้นนั้นหันหน้าประจบกันตรงกลาง ตนจึงเลือกสำรวจสุสานทางฝั่งซ้ายก่อน ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายกับฮวงซุ้ยของประเทศไทย แต่ที่นี่ถ้าใครมีเงินหน่อยก็จะเป็นศาลา มีม้าหินอ่อนนั่งได้ด้านใน โดยปกติแล้ว ที่สุสานมักจะมีรูปภาพเป็นขาวดำ แต่ที่นี่ตนรู้สึกกลัวเพราะเห็นมีว่าหลายรายที่ในรูปของเขา ทำตาโต ตาขาวใหญ่ ตาดำเล็ก แล้วทำหน้าดุ ตนก็คิดว่าคงเป็นเพราะวัฒนธรรมของเขา จึงสำรวจต่อ ระหว่างที่สำรวจก็ได้กลิ่นแปลก ๆ ลอยมาแตะจมูก จึงเดินลึกเข้าไปอีกเป็นกิโลเมตร ตรงนั้นเหมือนจะมีหลุมศพพันกว่าราย คุณโนอาร์คิดว่าถ้าจะเดินสำรวจอย่างเดียว คนดูคงจะไม่ตื่นเต้น จึงได้เริ่มทำการนอนขวางลงตรงปลายเท้าของหลุมศพ แต่ก็ไม่รู้จะท้าทายเป็นภาษาเวียดนามอย่างไร จึงผิวปาก เเล้วก็พูดภาษาไทยว่า “มาเลยนะครับ ถ้าอยู่ในสถานที่ตรงนี้” แล้วก็มีเสียงตรงพุ่มหญ้า เหมือนเป็นเสียงอะไรบางอย่างวิ่งลุยมาหาตน! คุณโนอาร์จึงเด้งตัวลุกขึ้นมาแล้วพยายามมองรอบ ๆ เพราะคิดว่าอาจจะเป็นสุนัข แต่ก็ไม่มีอะไร ระหว่างนั้นต้นหญ้าก็ขยับ ตอนแรกคิดว่าลม แต่ต้นไม้รอบ ๆ กลับนิ่ง จึงลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปสำรวจข้างในต่อ เมื่อเดินลึกเข้าไป หลุมศพเริ่มดูเป็นหลุมศพของคนมีฐานะมากขึ้น เหมือนเป็นการไล่ระดับ บางหลุมมีลูกกรง บางหลุมมีศาลา เริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ และรูปภาพของแต่ละหลุมก็ดูหน้าดุขึ้นเช่นกัน บางศาลาก็มีหลายหลุมศพในศาลาเดียว ขณะที่กำลังจะเดินผ่านสุสานหลุมศพที่มีลูกกรง ยังไม่ทันเดินผ่าน ลูกกรงก็สั่น กึ้งๆๆๆ เหมือนมีใครเขย่า! คุณโนอาร์ก็วางกล้อง แล้วเดินไปใกล้ ๆ ลูกกรงสั่นต่อหน้าต่อตา ตนจึงมองผ่านเข้าไปด้านในลูกกรง ด้านในจะมีหลุมศพอีก 2 หลุม เป็นหลุมที่ก่อด้วยปูนขึ้นมา หลุมนี้พิเศษตรงที่มีตัวอักษรเยอะ มีป้ายเขียนอะไรบางอย่าง ซึ่งตนก็ไม่ทราบ แล้วก็มีเสียงพูดขึ้นมาเป็นภาษาเวียดนาม ตอนแรกนึกว่าเสียงชาวบ้านแถวนั้นตะโกนมา แต่ก็ไม่รู้ว่าเสียงมาจากทิศทางไหน ตนจำคำนั้นได้ แต่ไม่รู้ความหมาย ก็ทำได้แค่จำไว้ก่อน พอสำรวจต่ออีกนิด รู้สึกว่ามันลึกเกินไป จึงคิดว่าค่อยกลับมาสำรวจใหม่ จากนั้นออกมาหาไกด์ แล้วนั่งรถกลับไปที่โรงแรม ต้องบอกว่าตัวสุสานและโรงแรม ห่างกันประมาณ 10 กิโลเมตร ห้องที่จองไว้แบ่งเป็น 2 ห้อง อยู่ชั้น 2 คือห้องของตนและแฟน กับอีกห้องเป็นของน้องทีมงาน ซึ่งอยู่ตรงข้าม หลังจากแยกกันเข้าห้อง ต่างคนก็ต่างทำธุระส่วนตัวเพื่อเข้านอน ช่วงประมาณตี 1-2 ก็ได้ยินเสียงคนเดินไปมาหน้าห้อง คุณโนอาร์คิดว่าคงเป็นเสียงของแขกท่านอื่น แต่รู้สึกเอะใจ หากเป็นแขกท่านอื่นต้องเดินไปฝั่งขวา เพราะฝั่งซ้ายมันมีแค่ห้องของตน และห้องของน้องทีมงาน เมื่อมองไปทางประตู ใต้ประตูจะแสงลอดออกมา ก็เห็นว่ามีเงาเหมือนคนเดินอยู่ด้านนอก คุณโนอาร์ก็พยายามไม่คิดอะไร ตั้งใจว่าจะนอนให้หลับเพราะพรุ่งนี้ต้องไปเที่ยวกันต่อ แต่เสียงเท้ามันเดินถี่ขึ้น ดังขึ้น เหมือนเดินกันอยู่หลายคน คุณโนอาร์สะดุ้งตื่น เดินออกมาเปิดไฟ แล้วไปเปิดประตูดูหน้าห้อง ก็ไม่พบอะไร พยายามสังเกตุไปที่ห้องน้องทีมงาน ก็ไม่มีใครเดิน จึงปิดประตู แล้วกลับมานอน แต่เหมือนแฟนได้ยินเสียงเคาะประตูทั้งที่คุณโนอาร์ไม่ได้ยิน แฟนจึงเดินไปเปิดประตู คุณโนอาร์จึงถามว่า “เปิดประตูทำไม?” แฟนก็หันมาแต่ไม่ตอบอะไร ทำแค่หน้ามึน ๆ งง ๆ แล้วก็กลับมานอนที่เตียงเหมือนเดิม ทั้งตนและแฟนก็เริ่มนอนไม่หลับ เพราะรู้สึกได้ว่าต้องมีอะไรบางอย่างแน่นอน.. พอเวลาผ่านไปครึ่งชม คุณโนอาร์ก็รู้สึกง่วง และได้ยินคล้ายเสียงเพลง เป็นเสียงดนตรีอย่างเดียวไม่มีเสียงร้อง คุณโนอาร์จึงเดินไปเปิดประตูอีกรอบ พอเปิดประตู เสียงกลับเงียบสนิท คราวนี้ตนคิดว่า ‘ถ้าเป็นสิ่งที่ตามมาจากสุสานตนควรต้องทำอย่างไรดี เพราะถ้าเป็นที่ไทยคงสวดมนต์ไปแล้ว แต่ที่นี่เวียดนาม เขาต้องทำยังไงกันนะ’ แล้วก็เดินกลับมาที่เตียง ตอนนั้นคุณโนอาร์ยังลังเลอยู่ว่าเป็นผีหรืออะไร จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์นี้.. อยู่ ๆ กรอบแอร์ก็เด้งเปิดออกมาเอง แล้วก็มีเสียง ติ๊ด คุณโนอาร์ก็ตกใจ คิดว่านอนไม่ได้แล้ว และเริ่มลังเลจะย้ายโรงแรม คืนนั้นตื่นมาหลายรอบมาก จนกระทั่งนึกออกว่า ตอนที่อยู่สุสานมีเสียงพูดอะไรลอยมา ด้วยความที่จำได้ จึงหาบนอินเตอร์เน็ตเพื่อแปลภาษา แล้วถามไกด์ ซึ่งมันแปลว่า กองทัพ ตนจึงถามไกด์อีกว่า “สุสานที่ตนไปมันคือสุสานอะไร?” แต่ไกด์ก็ไม่ตอบ หลังจากนั้นก็นัดกันว่าจะไปที่นั่นอีก หลังจากผ่านคืนนั้นมา ตอนกลางวันก็ใช้ชีวิตปกติ จนตกเย็นก็กลับไปที่สุสานนั้น ครั้งนี้ไปกันหลายคนเพื่อไปดูบริเวณหลุมในคืนแรก คุณโนอาร์ลืมสังเกตุไปว่า ป้ายที่ติดรูปของหลุมศพ มีสัญลักษณ์นาซี จึงรู้ว่า นี่คือสุสานทหารเวียดนาม หลังจากนั้นไกด์ก็ได้พาทั้ง 3 คนไปไหว้ ไปสะเดาะเคราะห์ แล้วให้ขอว่า ‘อย่าตามมา อย่ามาเอาชีวิต’ เพราะไกด์บอกว่า ”ทหารเวียดนามนี่เฮี้ยน ถ้าเขาตาม เขาเอาถึงชีวิต“ และยังทราบอีกว่าที่ตรงนั้นมีหลุมศพเป็นพันหลุม ทั้งหมดนั่นคือทหารเวียดนาม ส่วนหลุมศพที่มีศาลา มีลูกกรง ตรงนั้นคือหลุมศพของนายพล(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1