เรื่องเล่าจาก 'แจ็ค The Ghost Radio' 'ผีผ่าห่ม' I อังคารคลุมโปง X แจ็ค The Ghost Radio [ 22 ต.ค. 2567]

อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจาก 'แจ็ค The Ghost Radio' 'ผีผ่าห่ม' I อังคารคลุมโปง X แจ็ค The Ghost Radio [ 22 ต.ค. 2567]

08 พ.ย. 2024

      ขนหัวลุกไปกับ ‘พี่แจ็ค The Ghost Radio‘ ที่ได้นำเรื่อง ‘ผีผ้าห่ม’ มาเล่าในรายการอังคารคลุมโปง X (22 ตุลาคม 2567) ให้ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม‘ ฟัง ซึ่งเป็นเรื่องสุดหลอนในห้องนอน จะหลอนขนาดไหน ไปอ่านพร้อมกันเลย!

      พี่แจ็คได้เล่าว่าเป็นเรื่องราวของ ‘คุณบี’ แฟนคลับรายการ The Ghost Radio เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อยังเป็นวัยรุ่น ซึ่งในขณะนั้นเองคุณบีก็มีรุ่นพี่ที่รู้จักแต่งงานที่จังหวัดเชียงรายและก็ได้เชิญชวนรุ่นน้องทุกคนไปร่วมงานแต่ง ซึ่งเพื่อนทุกคนก็วางแพลนเรื่องการเดินทางกัน ยกเว้นคุณบีที่ไม่สามารถแจ้งได้ว่าจะไปวันไหน อาจจะเป็นเพราะว่าอยู่ในช่วงเรียนหนัก จนคุณบีได้ตัดสินใจที่จะไปซึ่งเป็นวันก่อนวันแต่ง 1 วัน ตนไม่รู้ว่าจะเดินทางไปที่นั่นได้อย่างไร เนื่องจากเพื่อนต่างก็เดินทางกันไปก่อนแล้ว และรถโดยสารวันนั้นก็เต็ม คุณบีจึงคิดย้อนกลับไปใช้วิธีการในอดีตที่ตนเคยทำนั่นก็คือการโบกรถ จากนั้นก็ได้ทำการยืนโบกอยู่นานแต่ก็ไม่มีรถคันไหนจอด แต่สักพักหนึ่งก็มีรถกระบะขนตู้ไม้จอดแล้วก็ให้คุณบีติดท้ายกระบะไปด้วย

      โดยปกติแล้วคุณบีจะเป็นคนที่ห้อยพระ แต่ในขณะนั้นตนไม่ได้ห้อยจึงรู้สึกไม่สบายใจ มีสิ่งหนึ่งที่ตนทำแล้วจะช่วยทำให้รู้สึกอุ่นใจได้นั้นก็คือการไหว้ ไหว้ทุกอย่างที่ตนเห็นเพราะตนคิดว่ามันน่าจะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในขณะที่นั่งรถไปเรื่อย ๆ ก็มีจุด ๆ หนึ่งรถติดแถวยาวมาก คนขันรถจึงเดินลงมาบอกคุณบีว่า “โอ้ น่าจะอีกนานข้างหน้าเนี่ย มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นข้างหน้า” แล้วจู่ ๆ ตนก็ได้ยกมื้อไหว้ คนขับรถเห็นแบบนั้นก็เกิดความสงสัยแล้วถามว่า

      คนขับรถ : ไหว้อะไรเนี่ย? 

      คุณบี : ผมไม่ได้ไหว้อะไรครับ ผมแค่ขอพรให้คนที่เกิดอุบัติเหตุปลอดภัย ไม่เป็นอะไรมาก

      คนขับรถ : เป็นคนชอบไหว้ใช่มั้ย พี่ขับรถมามองกระจกหลังนั่งไหว้มาตลอดทางเลย

      คนในรถอีกคนหนึ่ง : ใช่ การไปไหว้อย่างงี้ บางที่มันไปไหว้ในสิ่งที่มันไม่ควรที่จะไปไหว้นะ ไหว้ไปไหว้มา ระวังจะไปเปิดเซ้นท์ตัวเองทำให้มองเห็นผีได้นะ

      เมื่อขับมาถึงจุดที่เกิดอุบัติเหตุ ก็ได้เห็นว่ามีผู้เสียชีวิตถูกคลุมผ้าอยู่ 2 ศพ คุณบีจึงได้ยกมือไหว้ขอให้ดวงวิญญาณไปสู่สุขคติ แล้วก็เดินทางกันต่อจนถึงแยกที่จะเข้าไปจังหวัดเชียงราย คุณบีก็ต้องลงจากรถเนื่องจากรถคันนี้ไม่ได้จะไปทางเดียวกันกับตน ทำให้ต้องโบกรถอีกคันเพื่อที่จะเข้าไปในตัวเมือง โบกอยู่สักพักหนึ่งก็มีรถเก๋งคนหนึ่งจอดรับ และก็ให้คุณบีติดรถไปด้วยเพราะไปที่เดียวกัน

      ระหว่างที่เดินทางอยู่นั้นเมื่อคุณบีเจออะไรก็จะไหว้อยู่เหมือนเดิม จนคนขับรถพูดว่า “น้องเป็นคนมือไม้อ่อนนะ ชอบไหว้”

      ต่อมาก็เดินทางจนมาถึงตัวเมือง ด้วยความที่คนขับรถเห็นคุณบีเป็นนักศึกษาจึงได้ให้เงิน 200 บาท ติดตัวเอาไว้ คุณบีขอบคุณและลงจากรถ แล้วก็ให้รุ่นน้องมารับตนไปที่งานแต่งงาน คุณบีไปถึงเวลาประมาณ 5 โมงเย็น ซึ่งทันงานเริ่มพอดี คุณบีและเพื่อน ๆ ก็ได้มีการกินเลี้ยง พูดคุย สังสรรคกันจนกระทั่งเป็นเวลาเที่ยงคืน ทุกคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน รุ่นพี่ที่เป็นเจ้าภาพก็ได้เดินมาถามคุณบีว่า

      “จะนอนที่ไหน มีบ้านฝั่งตรงข้ามกับบ้านญาติให้นอนนะ”

      ซึ่งในรั้วบริเวณบ้านจะมีบ้านอยู่ 2 หลัง บ้านหลังแรกเป็นบ้านยกสูง ในตอนที่คุณบีได้เดินเข้าไปนั้นตนรู้สึกเหนื่อยจากการนั่งรถมานาน จึงตัดสินใจไม่พักบ้านหลังนี้ แล้วเดินไปที่บ้านอีกหลัง จากนั้นก็ค่อย ๆ เปิดประตูเข้าไป เข้าในได้พบกับคนจำนวนมากที่มานอนระเกะระกะเต็มไปหมด ตนจึงค่อย ๆ เข้าไปแล้วเดินข้ามคนที่กำลังนอนอยู่ เพื่อพยายามหาที่นอน บ้านหลังนั้นแทบจะไม่มีที่ที่สามารถแทรกนอนได้เลย พอเดินไปสุดบ้านก็เจอห้องน้ำ จึงได้ทำการล้างหน้าล้างตาและคิดว่าจะเดินกลับไปดูที่บ้านยกสูงอีกครั้ง

      ในขณะที่คุณบีกำลังจะเดินออกจากบ้านหลังนี้ ก็สังเกตเห็นห้องทางด้านซ้ายมือเปิดประตูไว้อยู่ จึงตัดสินใจลองเดินเข้าไปดู ก็พบกับห้องนอน ที่มีเตียง มีผ้าห่ม มีทุกสิ่งทุกอย่างแต่ไม่มีคนนอน ด้วยความที่คุณบีเพลียมาก จึงได้ทำการนอนทันทีโดยไม่ได้มีการอาบน้ำก่อน

      ระหว่างที่นอนอยู่นั้น ก็ฝันเห็นภาพห้องนอนห้องหนึ่ง มีผู้หญิงเดินไปที่มุมห้องใกล้ ๆ กับประตู แล้วทำท่าทีเหมือนกำลังทะเลาะด่ากับใครบางคน ตนได้ยินผู้หญิงคนนั้นพูดประมาณว่า “กูไม่ได้ทำ มึงมาใส่ร้ายกูทำไม มึงชอบมาใส่ร้ายกู”

      ในฝันนั้น คุณบีได้ลุกขึ้นแล้วพยายามเดินไปหาผู้หญิงคนนั้นแล้วถามว่า “พี่ พี่เป็นไรอะ มีอะไรให้ช่วยมั้ย?”

      แต่จู่ ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็หันหน้ามา! โดยหันมาแต่หัว แต่ตัวไม่ได้ขยับ! แล้วตะโกนใส่คุณบีว่า “มึงก็อีกคน! ออกไปจากห้องกู!”

      คุณบีสะดุ้งตื่นทันที แต่ก็ยังนอนอยู่แค่ไม่ได้ลืมตา สักพักหนึ่งตนก็รู้สึกหนาวที่ข้างซ้ายของตัว จึงเอามือคลำไป จนได้รู้ว่าผ้าห่มไปอยู่ฝั่งทางขวา จึงดึงผ้าห่มมาห่มแล้วก็นอนหลับ หลับได้ไม่นาน ก็รู้สึกหนาวฝั่งขวา ในตอนนั้นตนคิดว่าถูกเพื่อนแกล้งเพราะเห็นว่าผ้าห่มเทไปทางซ้าย ในขณะที่กำลังดึงผ้าห่ม ตนก็คิดว่าไม่น่าจะใช่เพื่อนแกล้ง เพราะเตียงนอนชิดกับผนัง ถ้าเพื่อนแกล้งจริง ๆ ก็ต้องปีนข้ามตัวคุณบีแล้วเตียงต้องยุบ คุณบีจึงดึงผ้าห่มมาคลุมโปงทันที สักพักหนึ่งผ้าห่มก็ค่อย ๆ ดึงลงไปทางขาพร้อมกับเสียงพูดว่า

      “มึงออกไปจากห้องกู มึงออกไปจากห้องกู”

      คุณบีพยายามดึงผ้าห่มสู้แต่ก็สู้ไม่ไหว แล้วผ้าห่มก็ถูกกระชาก! คุณบีตกใจตะโกนลั่นห้อง แล้วรีบเก็บของออกจากห้องทันที! ตนคิดว่าคงจะมีใครข้างนอกได้ยินแล้วมาช่วย แต่กลับกลายเป็นว่าคุณบีถึงกับช็อก เพราะว่าข้างนอกนั้นไม่มีใครนอนอยู่เลยซักคน!

      คุณบีวิ่งออกมานั่งตรงกองไฟ ในตอนนั้นเป็นเวลาประมาณตี 4 ต่อมาก็มีเพื่อนเดินมาถามว่า

      “เป็นอะไร?”

      คุณบีตอบไม่ได้เพราะกำลังตกใจกับสิ่งที่ตัวเองเจอ จนเวลาผ่านไปคุณบีก็ได้สติ เจ้าสาวได้เดินมาหาคุณบีแล้วถามว่า

      “เป็นไง เมื่อคืนนอนสบายมั้ย? เมื่อคืนนอนไหน”

      คุณบียังคงช็อกกับเรื่องเมื่อคืนทำให้ตอบไม่รู้เรื่อง เจ้าสาวจึงได้ถามต่อว่า

      “เป็นอะไร ไปเจออะไรมาในบ้านหลังนี้?”

      ตนจึงเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้เจ้าสาวฟัง เมื่อเจ้าสาวทราบเช่นนั้นจึงเรียกเพื่อนทุกคนมาแล้วถามว่าเมื่อคืนไปนอนที่ไหน เพื่อนก็ตอบกลับมาว่า “ไปนอนชั้นบน บ้านยกสูง เพราะหลังบ้านหลังนั้นเขาจะให้คนที่มากินทีหลังนอน คนที่เลิกก่อนขึ้นไปนอนบ้านยกสูง”

      สุดท้ายแล้วเจ้าสาวก็เล่าให้คุณบีฟังว่า “บ้านหลังนี้ มันเป็นบ้านของพี่คนหนึ่งอยู่กับแม่ ซึ่งเป็นแม่ผัวลูกสะใภ้ โดยที่พี่ผู้หญิงคนนี้ชอบโดนแม่มองผิด ๆ มาโดยตลอดว่าชอบไปไหนมาไหนกับผู้ชาย เขาไปกับผู้ชายจริง เขาเป็นเพื่อนและเขาไม่ได้ชอบผู้หญิง เขาเป็น LGBTQ พูดกับใครก็ไม่มีใครเชื่อเรื่อง เรื่องนี้เก็บไว้ในใจพี่ผู้หญิงมาตลอด มีวันหนึ่งก็ออกไปกับเพื่อนผู้ชายคนนี้ แล้วก็เกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ คอหักตายทั้งคู่ แล้วพี่คนนี้เป็นคนหวงของหวงบ้านมากและเป็นคนที่รักความสะอาดมาก”

(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

related อังคารคลุมโปง RECAP

เรื่องเล่าจากหมอบี ทูตสื่อวิญญาณ 'ลบผง' I อังคารคลุมโปง X หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ - อ๊อฟ อัครพล [7 ม.ค. 2568 ]

12 ม.ค. 2025

เรื่องเล่าจากหมอบี ทูตสื่อวิญญาณ 'ลบผง' I อังคารคลุมโปง X หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ - อ๊อฟ อัครพล [7 ม.ค. 2568 ]

‘หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ - อ๊อฟ อัครพล’ ได้นำเรื่องเล่าที่มาจากประสบการณ์จริง มาเล่าในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (7 มกราคม 2568) โดยมี ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ร่วมรายการ ทั้ง 2 ดีเจก็ได้คิดเห็นตรงกันว่า เรื่องที่หมอบีเล่าสามารถเป็นข้อคิดให้กับแฟน ๆ ของรายการได้อย่างแน่นอน หมอบีได้เล่าว่าเหตุการณ์นี้ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่ส่งผลต่อชีวิตมาจนถึงปัจจุบัน เรื่องเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 6-7 ปีที่แล้ว ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยเนื้อหาหรือสถานที่ของเหตุการณ์ได้มากนัก โดยเริ่มแรก มีลูกศิษย์ของพระรูปหนึ่ง (พระรูปนี้เสียชีวิตไปนานแล้ว) ได้มาบอกหมอบีว่า พระอาจารย์ท่านนี้เก่งในเรื่องเกี่ยวกับการ ‘สักยันต์ วิชาอาคม ไสยศาสตร์’ แต่ส่วนตัวของหมอบีนั้นไม่ได้ชอบเรื่องพวกนี้ แต่เหตุผลที่ตกลงไปเพราะได้รับการชวนหลายครั้ง และอีกใจหนึ่งก็อยากไปพิสูจน์ให้เห็นกับตาด้วย เมื่อไปถึงสถานที่แห่งนั้น ก็พบว่าเป็นสถานที่รกร้างแต่กว้างใหญ่ แสดงให้เห็นว่าเมื่อก่อนมีผู้คนจำนวนมากที่เข้ามายังสถานที่แห่งนี้ หลังจากได้เห็นสถานที่ หมอก็เริ่มรับรู้ได้ว่าพระรูปนี้ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เพราะได้เจอกับรูปปั้นของพระรูปนั้น และได้ทราบภายหลังว่าพระรูปนี้มีชีวิตอยู่ในสมัยอยุธยา นอกจากนี้ ในประวัติท่านได้บอกว่าท่านได้เก็บพระไว้ในโถหรือไห ที่บริเวณรอบ ๆ ของต้นโพธิ์ที่อยู่ใกล้กับรูปปั้นของท่านและยังมีของที่ตัวท่านทำเอง เก็บไว้ที่ฐานของรูปปั้น (ในตอนแรก หมอบีก็ยังไม่ทราบว่าคืออะไร) แต่เนื่องจากเวลาผ่านมานาน ทำให้มีหลายคนได้เข้ามาขโมยพระเหล่านั้นไป หมอบีจึงตัดสินใจที่จะลองดูที่ใต้ฐานของพระพุทธรูป จนได้เจอกับแผ่นจานทองเหลืองที่มีอักขระเขียนไว้ พอได้เปิดเข้าไปข้างใน หมอบีก็ได้เจอกับร่างของพระรูปนั้น ซึ่งร่างของท่าน ไม่มีการเน่าเปื่อยแต่อย่างใด กลับมีลักษณะเป็นเหมือน ‘ไม้’ มากกว่า และอักขระที่เป็นยันต์ตามตัวก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม หลังจากนั้น ลูกศิษย์ของพระท่านนั้นก็ได้ลองให้หมอบีเขียนอักขระยันต์ พอหมอบีเขียนเสร็จ ลูกศิษย์คนนั้นได้นำไปให้คุณป้าท่านหนึ่งดู ป้าท่านนั้นตกใจเป็นอย่างมาก เพราะลายมือของหมอบี มีความเหมือนกับของพระอาจารย์เป็นอย่างมาก ต่อมา หมอบีได้เจอกับกุฏิของพระรูปนั้น ซึ่งเป็นสถานที่ที่ท่านใช้ชีวิตอยู่และทำพิธีต่าง ๆ จึงไม่สามารถให้คนอื่นเข้าได้ แต่คุณป้าที่เป็นผู้ดูแลกลับอนุญาตให้หมอบีเข้าไป คุณป้าได้ให้หมอบีนั่งตรงจุดที่พระอาจารย์ได้ทำการ ‘ลบผง’ และคุณป้าก็ได้หยิบกระดานชนวนและชอล์กมาให้หมอบี ซึ่งกระดานชนวนที่หมอบีรับมาก็คือกระดานชนวนที่หลวงพ่อเคยใช้ หมอบีได้แต่สงสัยว่าต้องทำอะไร แต่พอเวลาได้ผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง ก็เหมือนมีอะไรบางอย่างดลใจให้หมอบีทำการเขียนอักขระลงไป ซึ่ง ณ ตอนนั้น ในใจของหมอบีได้แต่คิดในใจว่าหลวงพ่อท่านแกล้ง เพราะรู้ว่าหมอบีไม่ค่อยได้สนใจในศาสตร์ด้านนี้ พอเขียนเสร็จ หมอบีก็ลบอักขระเหล่านั้นออกจากกระดาน สิ่งนี้เองที่เรียกว่าการ ‘ลบผง’ หลังจากหมอบีได้ทำไปแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จึงได้รับรู้ว่า การทำแบบนี้เป็นเหมือนกับการฝึกสมาธิและสติ ทำให้หมอบีได้รับรู้ถึงความหมายอักขระแต่ละตัว “เปรียบเสมือนกับทุกสิ่ง มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป” หลังจากนั้น หมอบีได้รู้ว่าหลวงพ่อท่านนี้เคยได้ทำการสักยันต์ให้กับผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ซึ่งหมอบีกับผู้ใหญ่ท่านนี้ก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน แต่แล้ววันหนึ่ง ผู้ใหญ่ท่านนี้ได้ทำการติดต่อหมอบีและส่งรถยนต์มารับ พร้อมกับได้บอกกับหมอบีว่า “หลวงพ่อท่านได้ทำการเข้ามาในความฝันและบอกให้เรียกหมอบีมา” หลังจากนั้น หมอบีก็ได้ตระเวนไปตามเคสต่าง ๆ จนได้ไปเจอกับหลวงปู่สุข และได้รับคำสอนในเรื่องเกี่ยวกับการทำสมาธิอีกครั้ง หลังจากครั้งนั้น ทำให้หมอบีต้องกลับมายังกุฏิของหลวงพ่อท่านนั้นอีก ในครั้งนี้เหมือนหมอบีได้รับรู้ว่าหลวงพ่อท่านบอกว่า “เห็นไหม เรียนกับเราแต่แรกก็จบแล้ว” หลังจากวันนั้น หมอบีก็เข้าใจและไม่ได้ต่อต้านเรื่องเหล่านี้อีก ทั้งสองดีเจได้เห็นพ้องต้องกันว่าสิ่งที่หมอบีได้รับเป็นเสมือนคำสอน อีกทั้งยังเหมือนได้รับเครื่องเตือนใจหรือสติสอนใจ หมอบีได้เล่าต่อว่าสถานที่แห่งนี้ก็ยังมีอยู่ แต่ที่ดินของพื้นที่นี้ได้มีการถูกแย่งพื้นที่ไปมา และหลวงพ่อท่านยังเคยมาบอกหมอบีด้วยว่า “จะมีคนมาแย่งร่างของท่านกัน อยากให้หมอบีมาช่วยแย่งร่างท่านไปด้วย”(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

เรื่องเล่าจากคุณเป้ 'ความรักจากยาย(ทายาท)' l อังคารคลุมโปง X เป้ ก๊อก ก๊อก ก๊อก [25 ก.พ. 2568]

03 มี.ค. 2025

เรื่องเล่าจากคุณเป้ 'ความรักจากยาย(ทายาท)' l อังคารคลุมโปง X เป้ ก๊อก ก๊อก ก๊อก [25 ก.พ. 2568]

‘คุณเป้ ก๊อก ก๊อก ก๊อก’ เล่าเรื่องสุดหลอนจากประสบการณ์ของ ‘คุณปอย’ ที่เคยอาศัยอยู่ในบ้านเช่ากับ ‘ยายแก้ว’ ผู้มีความลับสุดสยอง! เมื่อคุณปอยตัดสินใจย้ายมาเช่าบ้านหลังนี้ อะไรบางอย่างเริ่มไม่ปกติ จนถึงคืนหนึ่งที่เธอเห็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด! ยายแก้วจริง ๆ แล้วคือใคร? อย่าพลาดเรื่องราวสุดหลอนที่ทำให้คุณปอยถึงกับหนีออกจากบ้านหลังนี้! ฟังเรื่องนี้ในรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (25 กุมภาพันธ์ 2568) พร้อม ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ร่างที่นอนข้างคุณปอยคือใครกันแน่? บางที “ความจริง” อาจน่ากลัวกว่าที่คุณคิด! ‘คุณเป้ ก๊อก ก๊อก ก๊อก’ เล่าว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของ ‘คุณปอย’ ซึ่งปัจจุบันอาศัยอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เขาเคยเล่าให้คุณเป้ฟังถึงช่วงเวลาที่สอบชิงทุนและได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งทางภาคเหนือของประเทศไทย ในอดีตการสอบชิงทุนครอบคลุมเพียงค่าเล่าเรียน แต่ไม่ได้รวมค่าที่พัก ทำให้ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในส่วนนี้ ด้วยเหตุนี้ คุณปอยจึงต้องทำงานเกษตรในโรงเรียนเพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่าย คุณปอยมีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งที่รูปร่างหน้าตาดีซึ่งเคยอยู่หอพักด้วยกัน แต่เพื่อนคนนั้นมีแฟนและเริ่มออกไปเที่ยวกับแฟนบ่อย ๆ ทำให้ไม่ค่อยได้กลับห้อง คุณปอยจึงต้องอยู่หอพักคนเดียว โดยส่วนตัวแล้ว คุณปอยเป็นคนที่กลัวผีมาก จึงเริ่มรู้สึกไม่อยากอยู่ในห้องนี้แล้ว และอยากหาที่พักข้างนอกแทน แต่เนื่องจากคุณปอยมีเงินไม่พอ ทำให้ต้องหางานพิเศษทำเพิ่ม หลังจากทำงานพิเศษและเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งก็เพียงพอที่จะสามารถเช่าบ้านได้แล้ว เมื่อเริ่มหาบ้าน คุณปอยได้ไปเจอบ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านทรงไทยเก่า ๆ ที่ไม่ได้หรูหราอะไร เมื่อได้ไปเจอและพูดคุยกับ ‘ยายแก้ว’ ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านคนเดียว คุณปอยพูดสอบถามไปว่า “ยาย พอดีหนูจะมาสอบถามเรื่องค่าเช่าบ้าน” “อ้าวเหรอ หนูจะมาหาบ้านเหรอ มา ๆ คุยกับยายก่อน” ยายแก้วพูดตอบกลับ ยายแก้วเป็นหญิงชราที่มีอายุมาก แต่กลับไม่ได้ดูแก่เลย แม้จะมีเส้นผมหงอกแซมอยู่บ้าง ทว่าใบหน้ายังคงแลดูอ่อนเยาว์ ราวกับหญิงสาว หลังจากได้พูดคุยกัน คุณปอยรู้สึกถูกชะตากับยายแก้ว จึงตัดสินใจเช่าบ้านหลังนี้ อีกทั้งค่าเช่ายังถูกมาก ทำให้เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ตัดสินใจอยู่ ภายในบ้านมีสองห้อง ได้แก่ ห้องส่วนตัวของยายแก้ว และห้องโถงขนาดใหญ่ คุณปอยรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนักเมื่อต้องอยู่ในห้องโถงนั้น เพราะภายในมีเสาตกน้ำมันตั้งอยู่ ด้วยเหตุนี้จึงขออนุญาตย้ายไปนอนที่ห้องครัวแทน ภายในห้องครัวมีซี่ไม้ไผ่รวกกั้นเป็นแนวเป็นระเบียบ บางครั้งลมก็พัดผ่านเข้ามาให้ได้ยินเสียง ส่วนด้านหลังครัวมีบันไดลงไปยังห้องน้ำ ซึ่งตั้งอยู่ติดกับวัด หลังจากที่คุณปอยอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ได้สักพัก ในตอนที่คุณปอยกำลังซื้อวัตถุดิบสำหรับทำอาหารที่ตลาด ทว่ากลับสังเกตเห็นสายตาของผู้คนในตลาดที่มองมาอย่างแปลก ๆ ตอนนั้นคุณปอยไม่ได้คิดอะไรมาก คิดเพียงแค่ว่าอาจเป็นเพราะตนเองเพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่ คนในละแวกนั้นจึงเกิดความสงสัย หลังจากซื้อของเสร็จ ก็กลับไปที่บ้านพักตามปกติ วันนั้นเป็นวันที่คุณปอยย้ายมาอยู่ครบหนึ่งเดือนพอดี คุณปอยก็ได้นำเงินค่าเช่าไปจ่ายกับยายแก้ว หลังจากที่ยายแก้วรับเงินก็นำเงินของคุณปอยไปซื้อกับข้าวกลับมา และพูดกับคุณปอยว่า “หนู หนูชอบบ้านหลังนี้ไหม ถ้าชอบยายยกให้เอาไหม หนูมาเป็นลูกยายไหม ยายมีสมบัติด้วยนะ แล้วก็ยายไม่มีลูกหลานที่ไหน ยายถูกชะตากับหนูมาก มาเป็นลูกยายนะ” ยายแก้วพูดออกไปแบบนั้น ทางคุณปอยไม่ได้รู้สึกดีใจแต่อย่างใด ตอบกลับไปแค่ว่า “ไม่ได้หรอกยาย ยายเก็บไว้เถอะ” หลังจากที่คุณปอยปฏิเสธยายแก้ว เวลาก็ผ่านไป วันหนึ่งเริ่มมีเพื่อน ๆ ที่มหาลัยทั้งชายและหญิง มาที่บ้านมาเพื่อทำรายงาน หลังจากที่ทุกคนกลับไปแล้ว ยายแก้วเดินมาพร้อมพูดตำหนิคุณปอยว่า “ปอยเอ้ย ถ้าเป็นไปได้อย่าพาเพื่อนมาอีกนะ โดยเฉพาะเพื่อนผู้ชาย แล้วว่ายังไงหล่ะเรื่องที่จะมาเป็นลูกยาย ยายยกบ้านให้เลย ยกสมบัติให้หมดเลย แต่ขออย่างเดียว อย่ามีแฟนนะ” ยายแก้วยังคงไม่ยอมลดความตั้งใจที่อยากให้คุณปอยมาเป็นลูกของตน คุณปอยรู้สึกแปลกใจกับคำพูดของยายแก้ว แต่ก็ไม่ได้ซักถามอะไร หลังจากนั้น ยายแก้วเริ่มมาขอคุณปอยนอนด้วย คุณปอยก็ตอบรับ เนื่องจากตนเองเป็นคนที่กลัวผีมากอยู่แล้ว จึงรู้สึกสบายใจที่มียายแก้วมานอนเป็นเพื่อน จากนั้นยายแก้วก็มานอนด้วยบ่อยขึ้น ในทุกเช้า ยายแก้วจะเป็นคนทำอาหารให้ และไม่เคยเก็บค่าเช่าบ้านเลยแม้แต่ครั้งเดียว เมื่ออยู่ไปนานวันเข้า คุณปอยเริ่มรู้สึกผูกพันกับบ้านหลังนี้ และค่อย ๆ ปรับตัวจนรู้สึกเหมือนเป็นบ้านของตนเอง จึงเริ่มช่วยดูแล ทำความสะอาด ปัดกวาดเช็ดถูให้ มีอยู่ครั้งหนึ่ง คุณปอยตัดสินใจเข้าไปทำความสะอาดในห้องของยายแก้ว ภายในห้องมืดสนิทเพราะหน้าต่างถูกปิดไว้ทั้งหมด คุณปอยจึงเปิดหน้าต่างเหล่านั้น และเริ่มทำความสะอาดพื้นโดยนั่งคุกเข่าถูระหว่างที่กำลังถอยหลังไปข้างหลัง จู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนมีมือมาจับที่ก้นของตนเอง คุณปอยสะดุ้งขึ้นมาทันทีแล้วหันไปมอง แต่กลับไม่เห็นใครอยู่เลย ในขณะนั้น หน้าต่างที่เปิดอยู่ก่อนหน้านี้ก็ปิดลงทันทีพร้อมเสียงดัง ปัง!! ปัง!! ปัง!! คุณปอยเริ่มรู้สึกกลัวมาก จึงรีบเข้าไปปิดหน้าต่างและล็อคมันไว้ ก่อนจะรีบออกมาข้างนอกทันที แล้วหลังจากนั้นคุณปอยก็ไม่กล้าเข้าไปที่ห้องยายแก้วอีกเลย คืนที่ทำให้คุณปอยตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไม่อยู่ในบ้านหลังนี้อีกต่อไปเกิดขึ้นในคืนหนึ่ง ตอนที่ยายแก้วและคุณปอยนอนด้วยกัน ระหว่างที่กำลังนอน คุณปอยเริ่มรู้สึกได้ถึงกลิ่นเหม็นที่ลอยมาในอากาศ กลิ่นนั้นไม่ได้เป็นกลิ่นเหม็นสาบทั่วไป แต่กลับเป็นกลิ่นเหม็นของอุจจาระ ในตอนแรก คุณปอยคิดว่ากลิ่นดังกล่าวอาจมาจากห้องน้ำที่อยู่ด้านหลังของบ้าน และเป็นไปได้ว่าลมพัดพากลิ่นโชยเข้ามาในห้อง และจากที่คุณปอยนอนอยู่ ก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงหมาหอนดังมาก หลังจากที่ลืมตาขึ้นมาสิ่งแรกที่คุณปอยเห็นคือ ตรงส่วนของซี่ไม้ไผ่รวกที่กั้นเป็นแนว เขาเห็นแสงไฟสีเหลือง ๆ เขียว ๆ สว่างแบบวูบวาบ ๆ แถมยังมีเสียงดังพรึบ ๆ พรึบ ๆ ด้วยความสงสัย คุณปอยจึงค่อย ๆ ก้มลงไปมองผ่านช่องว่างระหว่างไม้ไผ่ที่กั้นอยู่ ทันทีที่สายตาสอดผ่านช่องนั้น สิ่งที่เห็นทำให้คุณปอยตกใจจนเผลอถอยหลังล้มลงไปกระแทกพื้น เพราะภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือ ใบหน้าของยายแก้วที่มีเพียงศีรษะลอยอยู่! ขณะที่คุณปอยกำลังตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น ก็พลันนึกขึ้นได้ว่าแล้วร่างที่นอนอยู่ข้างตนเองคือใคร? ด้วยความหวาดกลัว คุณปอยรีบหันไปมองที่ฟูกนอน แล้วสิ่งที่เห็นกลับทำให้ขนลุกไปทั้งตัวยายแก้วยังคงนอนอยู่ในท่าเดิม แต่ศีรษะของเธอกลับหายไปแล้ว! เมื่อเห็นเช่นนั้น คุณปอยก็ถึงกับทำตัวไม่ถูก ด้านนอกมีศีรษะของยายแก้วลอยอยู่ ส่วนร่างที่นอนอยู่ข้างในกลับไร้ศีรษะ หากจะวิ่งออกไป เวลานั้นก็ดึกมากแล้ว อีกทั้งข้างนอกก็เป็นวัด ทุกอย่างรอบตัวเงียบสงัดและมืดสนิท สุดท้าย คุณปอยตัดสินใจดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง พยายามข่มตาหลับ และนอนหันหลังให้ร่างไร้ศีรษะของยายแก้วด้วยความหวาดกลัวสุดขีด เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อคุณปอยลืมตาตื่นขึ้นมาก็พบว่ายายแก้วที่นอนอยู่เมื่อคืนได้หายไปแล้ว ด้วยความหวาดกลัว คุณปอยจึงพยายามเก็บเสื้อผ้าอย่างเงียบ ๆ และรอจังหวะที่ยายแก้วไม่อยู่บ้าน ก่อนจะรีบหนีออกมา หลังจากนั้น คุณปอยได้นำเรื่องที่พบเจอไปเล่าให้เพื่อน ๆ ในมหาวิทยาลัยฟัง เรื่องราวของคุณปอยถูกเล่าต่อกันไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งไปถึงหูของเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ เมื่อได้ฟังเรื่องนี้ เพื่อนคนนั้นจึงแนะนำให้คุณปอยลองไปถามแม่ของตน เผื่อว่าเธออาจจะรู้อะไรเกี่ยวกับบ้านหลังนั้นบ้าง หลังจากที่สอบถาม จนกระทั่งได้รู้ว่าความจริงแล้วว่า ยายแก้วคือกระสือ! อย่างไรก็ตาม ยายแก้วเป็นกระสือที่ไม่เคยหลอกหลอนหรือทำร้ายใคร ชาวบ้านต่างรู้เรื่องนี้กันดี ส่วนลูกหลานที่ยายแก้วเคยมีต่างก็ทิ้งหายกันไปหมด ยายแก้วจึงเฝ้าหาทายาทสืบทอดอยู่เสมอ และดูเหมือนว่าคุณปอยอาจเป็น “คนโชคดี” ที่ได้เข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้นพอดี… เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด คุณปอยอดคิดไม่ได้ว่าหากตอนนั้นตนเองเกิดความโลภ อยากได้สมบัติของยายแก้ว และเลือกที่จะรับบ้านหลังนั้นไว้ บางที… ตอนนี้ตนอาจจะกลายเป็นกระสือไปแล้วก็ได้!!(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

สัตวแพทย์สาวต้องย้ายงานมาทำในเมืองเล็ก ในระหว่างที่กำลังหาห้องพัก เธอก็ได้ยินเสียงแทรกเข้ามาในหัวว่า “หอตรงนี้ยังไม่ใช่ที่ของเธอนะ ที่ของเธออยู่ตรงนู้น” จากนั้น เธอก็ได้เจอกับเหตุการณ์ชวนขนหัวลุกแทบไม่เว้นวัน!

26 ต.ค. 2023

สัตวแพทย์สาวต้องย้ายงานมาทำในเมืองเล็ก ในระหว่างที่กำลังหาห้องพัก เธอก็ได้ยินเสียงแทรกเข้ามาในหัวว่า “หอตรงนี้ยังไม่ใช่ที่ของเธอนะ ที่ของเธออยู่ตรงนู้น” จากนั้น เธอก็ได้เจอกับเหตุการณ์ชวนขนหัวลุกแทบไม่เว้นวัน!

เรื่องหลอนในคืนนี้มีชื่อว่า ‘สิ่งลี้ลับในเมืองเล็ก’ จากสายคนฟัง ‘คุณกุ้ง’ บอกเลยว่าทำเอาชาวรายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ (17 ตุลาคม 2566) ขนหัวลุก! ไม่เว้นแม้แต่ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น ปิดไฟแล้วไปอ่านพร้อมกันเลย! เรื่องราวความน่ากลัวของคุณกุ้งเริ่มจากการที่เธอชอบมูเตลู ย้อนกลับไปเมื่อ ประมาณ 10 กว่าปีก่อน สมัยที่เธอพึ่งจะเรียนจบชั้นมัธยมตอนปลาย และมีการสอบเพื่อเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาแห่งหนึ่ง ในสมัยนั้นคุณกุ้งมีโอกาสได้ไปขอพรไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในเมืองเล็กแห่งหนึ่ง โดยขอว่าให้ตอนนั้นได้เรียนต่อสัตวแพทย์ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ หลังจากการสอบเสร็จสิ้น คุณกุ้งก็ถูกคัดเลือกให้เข้ามาศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ในฐานะนักศึกษาสัตวแพทย์ หลังจากเรียนจบก็ได้กลับไปแก้บนตามที่ได้บนบานสานกล่าวกระทั้งในปัจจุบัน คุณกุ้งก็ได้มาทำงานสัตวแพทย์ในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นจังหวัดบ้านเกิดของคุณกุ้งเอง ไม่นานหลังจากที่ทำงานในจังหวัดเชียงใหม่ คุณกุ้งก็ได้มีโอกาสย้ายที่ทำงานไปทำงานในเมืองเล็ก ๆ ของจังหวัดหนึ่งในภาคเหนือ ซึ่งที่ทำงานใหม่ที่คุณกุ้งมาบรรจุนั้น ไม่มีที่พักรับรองให้เธอจึงจำเป็นต้องหาที่พักเอง ระหว่างที่กำลังการหาที่พักอยู่นั้นปรากฎว่าเธอได้ยินเสียงชายปริศนาแทรกเข้ามาในหัวอยู่ตลอดเวลา “หอตรงนี้ยังไม่ใช่ที่ของเธอนะ ที่ของเธออยู่ตรงนู้น” คุณกุ้งประหลาดใจหลังจากที่ได้ยินเสียงพวกนี้ แต่ด้วยความที่คุณกุ้งเชื่อในสิ่งลี้ลับและเป็นสายมูเตลูอยู่แล้ว จึงเชื่อว่าสถานที่ตรงนี้น่าจะมีอะไรบางอย่างที่อาจจะทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจได้ จึงตัดสินใจว่าจะหาที่ต่อไป ต่อมาไม่นานหลังจากที่คุณกุ้งได้เข้ามาดูหอใหม่ เธอรู้สึกถูกชะตาเป็นอย่างมาก เนื่องจากหอนี้อยู่ใกล้ที่ทำงานกว่าหออื่น ๆ ที่ไปดูมา และด้วยความโชคดีที่พักแห่งนี้ยังมีห้องว่างให้เช่าอยู่ 2 ห้องพอดี เธอจึงตัดสินใจที่จะทำสัญญาเช่า และย้ายเข้ามาอยู่ในหอพักที่ใหม่ทันที หลังจากที่เธอย้ายมาอยู่ที่หอนี้ เธอก็ได้พบเจอกับประสบการณ์ขนหัวลุก ในระหว่างที่นอนหลับสะลึมสะลืออยู่นั้น ก็รู้สึกว่าเธอฝันว่ามีผู้หญิงลักษณะคล้ายกับคนในปี ค.ศ. 1990 กำลังใช้มือโผล่ทะลุผ่านประตูเข้ามาถอดสลักกลอนโซ่ประตูออก แล้วบิดลูกบิดประตูเพื่อเปิดเข้ามาในห้องของเธอ! ไม่นานประตูก็ค่อย ๆ แง้มออกอย่างช้า ๆ และเปิดเข้ามาปรากฎตัวให้เธอเห็นร่างที่มาแค่ส่วนหัวและลำตัว! ไม่มีท่อนล่าง จากนั้นก็แสยะยิ้มให้คุณกุ้งด้วยท่าทีนิ่งเฉย และไม่ได้สื่อสารอะไร คุณกุ้งที่แม้จะสะลึมสะลืออยู่ แต่ก็รับรู้ได้ว่าสิ่งที่เธอได้เห็นนั้นไม่น่าจะใช่คนทั่วไปแน่นอน จึงสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที และได้พบว่าสิ่งที่เธอเจอเมื่อกี้เขาแค่มาเตือนว่าอย่าลืมไปร่วมพิธีตีกลองสะบัดชัยที่กำลังจะจัดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ด้วย เรื่องราวความน่ากลัวในเมืองเล็กแห่งนี้ยังไม่จบ คุณกุ้งเล่าต่อว่าเธอได้มีโอกาสไปเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสายอาชีพงานที่กำลังทำอยู่ ซึ่งจำเป็นต้องเก็บของเพื่อเดินทางไปต่างจังหวัด จึงจัดเตรียมกระเป๋าเดินทางสำหรับเก็บสัมภาระ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่จำเป็น หลังจากที่เธอจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยก็เข้านอนตามปกติ ในคืนนั้นก็ได้ฝันว่าเธอได้เดินทางไปในสถานที่หนึ่ง และได้พบกับอาแปะคนหนึ่ง เขาเดินเข้ามาทักเธอว่า “ลื้อ..ลื้อจะเดินทางใช่มั๊ย ไอ้ที่ลื้อจะพกไป อย่าพกไปนะ มันจะระเบิดบนเครื่อง” คุณกุ้งนึกสงสัยว่าอาแปะคนนี้รู้ได้อย่างไรว่าเธอกำลังจะเดินทาง แต่หลังจากนั้นเธอก็ตื่นขึ้นมา รุ่งขึ้น คุณกุ้งตัดสินใจที่จะหยิบแบตสำรองออกจากกระเป๋าเดินทาง และวางมันไว้ที่พื้นในห้องแทน ไม่นานหลังจากที่เธอกลับมา ก็พบว่าแบตสำรองที่เธอวางไว้บริเวณพื้นนั้นมีสภาพปกติ จึงคิดในใจว่าอาแปะที่มาบอกในฝันเมื่อคืนนั้นคงโกหกเธอ แต่แล้วก็ได้สังเกตว่าแบตสำรองนั้นมันบวมขึ้นผิดปกติ! และก็ได้ยินเสียงไฟฟ้ากำลังช็อต! คุณกุ้งจึงตัดสินใจรีบเอาออกไปให้คนอื่นช่วยนำไปทิ้งทันที และคิดได้ทันทีว่าในสมัยก่อนคุณกุ้งเองก็นับถืออาแปะโรงสี และที่ฝันว่าเจออาแปะในคืนนั้นก็เป็นการมาเตือนให้เธอระวังตัว หลังจากเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเมืองเล็กแห่งนี้ คุณกุ้งก็ได้รู้ความจริงจากคุณพ่อว่าเธอมีเชื้อสายคนที่นี่ ทั้งยังโดนทักจากร่างทรงว่าในอดีตเธอเป็นคนที่นี่ ถึงได้วนเวียนมาใช้ชีวิต ถึงมีหน้าที่การงานในเมืองเล็กแห่งนี้ ซึ่งประสบการณ์หลอน ๆ ที่คุณกุ้งได้เจอทั้งหมดก็ถือเป็นการมาเตือนจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองเธออยู่นั่นเอง(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)รับฟังเรื่องเต็ม ๆ ได้ที่

ย้ายมาหอใหม่ ไม่เสียค่าห้อง จ่ายค่ามัดจำก็อยู่ได้เลย แต่ต้องแลกกับการถูกผีหลอก! อยู่ได้ 3 คืน จึงย้ายออก แถมเงินมัดจำก็ขอคืนไม่ได้ เล่าเรื่องผีให้เจ้าของหอทราบ ก็ตอบมาเพียง “ครับ” มารู้ทีหลังว่าหอนี้เคยมีคนตาย! แต่เจ้าของหอปิดข่าวไว้!

23 พ.ค. 2023

ย้ายมาหอใหม่ ไม่เสียค่าห้อง จ่ายค่ามัดจำก็อยู่ได้เลย แต่ต้องแลกกับการถูกผีหลอก! อยู่ได้ 3 คืน จึงย้ายออก แถมเงินมัดจำก็ขอคืนไม่ได้ เล่าเรื่องผีให้เจ้าของหอทราบ ก็ตอบมาเพียง “ครับ” มารู้ทีหลังว่าหอนี้เคยมีคนตาย! แต่เจ้าของหอปิดข่าวไว้!

รายการ ‘อังคารคลุมโปง X’ ที่ผ่านมา (16 พฤษภาคม 2566) มีเรื่องเล่าเรื่องหลอนของ ‘คุณหยิว’ ที่โทรเข้ามาพูดคุยกับ ‘ดีเจแนน’ และ ‘ดีเจเจ็ม’ ฟังว่าสัมผัสได้ถึงวิญญาณที่สิงอยู่ในห้องที่พึ่งย้ายเข้ามา โดยมีเรื่องราวดังนี้ คุณหยิวเล่าว่าเมื่อประมาณหนึ่งปีที่แล้ว ตนเองได้หาหอพักใหม่ และได้ไปเจอกับหอที่ว่านี้ ซึ่งค่อนข้างใกล้ที่ทำงานและสงบสวยงาม แม่บ้านก็พูดจาไพเราะ ถูกใจคุณหยิวมาก ๆ นอกจากนี้ แม่บ้านยังบอกอีกว่าไม่ต้องเสียค่าห้อง เสียแค่ค่ามัดจำล่วงหน้า 5000 บาทก็พอ คุณหยิวก็คิดในใจว่าทำไมดีจัง ไม่เคยเจอแบบนี้เลย จึงตัดสินใจเช่าห้องที่นั่นเลย ห้องคุณหยิวอยู่ที่ชั้น 4 โดยฝั่งที่คุณหยิวอยู่ มีผู้เช่าอาศัยเพียงสองห้องเท่านั้น ส่วนฝั่งตรงข้ามนั้นเต็มทุกห้อง คุณหยิวไม่ได้เอะใจอะไร ในคืนแรกช่วงประมาณ 3 ทุ่ม ขณะที่คุณหยิวกำลังเก็บข้าวของในห้องอยู่นั้น จู่ ๆ ไฟก็ดับลง ด้วยความตกใจจึงรีบโทรหาแม่บ้านทันที แม่บ้านก็พูดประมาณว่า “ไม่เป็นไรนะ เนี่ยมันดับทั้งซอยเลย เดี๋ยวสวดมนต์ไหว้พระแล้วเข้านอนได้เลย” คุณหยิวเองก็เอะใจว่าทำไมเขาพูดแบบนี้ แต่ก็ทำตามจนคืนแรกผ่านพ้นไป.. ต่อมาคืนที่สอง เวลาประมาณเที่ยงคืน คุณหยิวเริ่มง่วง ๆ เพลีย ๆ กำลังจะผล็อยหลับไป แต่ก็รู้สึกได้ทันทีว่าเหมือนมีคนเข้ามากอดจากด้านหลัง! รูปร่างลักษณะเหมือนผู้ชาย ตัดผมเกรียน อายุประมาณ 30 นิด ๆ คุณหยิวสะบัดตัวออกทันที คุณหยิวเล่าว่าเหมือนกำลังตกอยู่ในภวังค์เป็นเหมือนฝันซ้อนฝัน และกำลังโดนผีอำอยู่ เพราะเห็นเป็นผู้ชายคนเดิมนั่งหันหลังทับผ้าห่มอยู่ทางด้านขวาของเตียง คุณหยิวพยายามดึงผ้าห่มคืน และเมื่อดึงหลุด คุณหยิวตั้งใจว่าเดี๋ยวจะเดินไปเปิดไฟเพราะคิดในใจว่าอยากตื่นแล้ว ขณะที่กำลังลุกไป ได้สังเกตเห็นว่าขอบเตียงตรงใกล้กับประตูมีผ้าห่มผืนที่พึ่งดึงไปกำลังคลุมอะไรบางอย่างที่รูปร่างเหมือนคนไว้อยู่! คุณหยิวกล้า ๆ กลัว ๆ จึงก้าวขาแบบไม่ให้เหยียบโดนสิ่งนั้น แล้วเดินไปเปิดสวิตช์ไฟซึ่งพอเปิดสวิตช์ คุณหยิวก็เห็นว่า “อ้าวมันไม่มีไฟนี่ แสดงว่าเรายังไม่ได้ตื่นจริง ๆ เลย” คุณหยิวจึงรีบสวดมนต์และนึกถึงพ่อกับแม่ทันที แล้วก็สะดุ้งตื่นขึ้น จากนั้นก็รีบลุกไปเปิดไฟทุกดวง ขณะที่กำลังจะลุกเดินไปเปิดไฟทางห้องน้ำ ก็ต้องเดินผ่านหัวมุมเตียงที่เคยเห็นผู้ชายคนนั้นนั่งทับผ้าห่มอยู่ คุณหยิวถึงกับมีอาการขนลุกตั้งแต่เท้ายันหัว จึงกลับมานอนที่เตียง ซึ่งปกติแล้วคุณหยิวจะวิดีโอคอลกับแฟนคาสายทิ้งไว้ตลอด แต่เหมือนกับที่ผ่านมาสายมันจะตัดไปเอง ในคืนนี้ก็เช่นกัน แฟนคุณหยิวจึงโทรกลับมาอีกครั้ง คุณหยิวก็เล่าทุกอย่างให้ฟังและได้ขอให้แฟนคาสายทิ้งไว้จนกว่าตนเองจะหลับไปก่อน ผ่านไปจนมาถึงคืนที่สาม คุณหยิวก็ได้วิดีโอคอลกับแฟนเหมือนเดิม เมื่อใกล้จะนอนจึงได้บอกแฟนไปว่า “เดี๋ยวจะเข้านอนแล้วและรอดูก่อนว่าคืนนี้จะเป็นยังไง ถ้ามันไม่ไหวจริง ๆ ก็คงจะต้องได้ย้ายออก” พอกำลังจะเคลิ้มหลับก็รู้สึกได้ว่า “มันกำลังมาอีกแล้ว” จึงตัดสินใจว่า “งั้นฉันจะไม่นอน” ซึ่งตอนนั้นเป็นเวลาตีสองเกือบตีสาม คุณหลิวจึงไปเปิดไฟทุกดวงในห้อง เมื่อเดินผ่านตรงหัวมุมขอบเตียงตรงนั้นก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยความที่คุณหยิวอยากรู้ว่ามันจะสุดที่ตรงไหน เลยตัดสินใจยืนอยู่ตรงนั้นมันซะเลย ทำให้ขนที่ลุกอยู่แล้วลุกหนักกว่าเดิม คุณหยิวจึงคิดในใจว่าตรงนี้น่าจะมีวิญญาณอยู่แน่ ๆ เช้าวันถัดมา คุณหยิวตัดสินใจไปแจ้งย้ายออกทันที ทำให้ป้าแม่บ้านที่เคยพูดคุยอย่างไพเราะมาตลอดก็มองคุณหยิวด้วยท่าทางที่ไม่พอใจประมาณว่าทำไมเธอถึงออก และพูดจาไม่ดีใส่ คุณหยิวจึงถามป้าแม่บ้านไปว่า “ในห้องนี้มีวิญญาณไหมคะ?” ป้าคนนั้นตอบกลับมาว่า “เค้าไม่ได้ตามเธอมาหรอ” เหมือนกับจะโทษว่าคุณหยิวเป็นคนนำผีเข้ามา คุณหยิวก็ตอบไปว่า “ไม่มีนะคะ เพราะว่าหอเดิมที่เพิ่งย้ายออกมาก็ไม่มีอะไร” ป้าแม่บ้านจึงได้ให้จ่ายค่าน้ำค่าไฟก่อนที่จะย้ายออก แล้วคุณหยิวก็ได้พูดต่อว่า “เงิน 5000 ที่จ่ายไปขอคืนสัก 1000 ได้ไหมคะ?” แต่ป้าแม่บ้านก็ไม่ยอมคืน จึงได้นำเรื่องทั้งหมดนี้ไปแจ้งกับเจ้าของหอ และแจ้งว่ามันมีวิญญาณในห้องนี้ ให้ไปทำบุญให้เขาด้วย แต่แทนที่เจ้าของหอจะโวยวายหรือพยามปฏิเสธ เขากลับพูดมาเพียงว่า “ครับ”แถมไม่ยอมคืนเงินค่ามัดจำมาสักบาทเดียว ทำให้คุณหยิวเสียดายเงินมาก ๆ 5000 แลกกับ 4 วัน 3 คืนที่โดนผีหลอก ต่อมาในวันนั้นเอง คุณหยิวก็ได้กลับไปที่หอเดิม ทำให้เจ้าของหอเดิมสงสัยว่าทำไมถึงกลับมา เนื่องจากทั้งสองหอนี้อยู่ไม่ไกลกันมาก และที่ย้ายออกเพราะหอเดิมนี้มีห้องที่ทำเสียงดังประจำ คุณหยิวได้ตัดสินใจเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เจ้าของหอเดิมฟัง เจ้าของหอเดิมจึงบอกว่า “จริง ๆ แล้ว เมื่อประมาณ 7-8 ปีก่อน ที่หอใหม่ของคุณหยิวนี้มีคนตาย แต่เจ้าของหอปิดข่าวไว้เพราะบริเวณนั้นเป็นเขตชุมชน และไม่ได้ทำบุญอะไรเลยหลังจากเกิดเหตุ” เรื่องนี้รู้จากแม่บ้านของหอใหม่คนก่อนที่มาเล่าให้กับเจ้าของหอเดิมฟัง คุณหยิวได้รู้ดังนั้นจึงคิดว่า ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าของหอใหม่จะตอบมาแค่คำว่า “ครับ” แค่นั้น เพราะรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วนี่เอง(เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)ฟังเรื่องหลอนแบบเต็ม ๆ ได้ที่

album

0
0.8
1